ไรเฟิลประคองร่างอวบอิ่มของอินถวามานั่งที่โต๊ะยาวด้านข้าง เขาบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้เธอรับรู้ เริ่มตั้งแต่ค่ำคืนแห่งการดินเนอร์นั้น นั่นคือแผนการของพ่อแม่ เพื่อให้ท่านยอมรับในตัวของอินถวา และยอมรับว่าความรักของเขาคือความจริง ไม่ใช่เพียงหลงเสน่หาชั่วครั้งชั่วคราว เริ่มจากอินถวารักเงินหรือว่ารักตัวเขากันแน่ ซึ่งเธอก็พิสูจน์แล้วว่าเงินจำนวน 50 ล้านที่พ่อเขาเขียนเช็คให้เธอนั้น อินถวาไม่แม้แต่จะเปิดดู ด่านแรกเธอผ่านไปได้ แต่ด่านที่ 2 ที่ใช้ระยะเวลาเป็นตัวชี้วัด ใน 3 เดือนที่ต้องจากกันอย่างเข้าใจผิด อินถวาจะยังซื่อสัตย์กับเขาหรือไม่ ทั้งๆ ที่เธอก็เห็นว่าเขานั้นทรยศเธอไปแล้ว และอินถวาก็ไม่ทำให้เขาผิดหวังเลย จากข่าวที่ได้รับจากเหมยอิงและมาร์กอส นั่นคืออินถวาไม่มีใครเลย เธอตั้งหน้าตั้งตาสร้างธุรกิจขนมไทยร่วมสมัยและใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่กับครอบครัว ส่วนตัวเขาเองก็ต้องอดทนกับการไม่ได้เห็นหน้าเธอ เขาต้องไปทำงานทุกวัน ต้องอยู่ในวงล้อมของผู้หญิงที่สวยงามมากมาย ทั้งซินเทียก็มาคลอเคลียกับเขาไม่ห่าง ใน 3 เดือน หากเขายังยึดมั่นอยู่กับอินถวา พ่อกับแม่ถึงจะ
“ได้สิครับ ผมสัญญาจะทำให้ดีที่สุด เริ่มต้นจากส่งเมียจ๋าขึ้นสวรรค์ก่อน” “อ่ะ! ว้าย! ไรเฟิล...” อินถวาหมดหนทางจนต้องอุทานเพราะสิ่งที่เธอควรทำก็คือปิดริมฝีปากของตัวเองที่จะกรีดร้องจากความเสียวซ่านนั้นออกมา เพราะไรเฟิลวาดลวดลายผ่านปลายลิ้น ตั้งแต่ทั่วพื้นที่ของอกอวบจนดูดดุนเบาๆ ที่ยอดอก ก่อนจะลากริมฝีปากและปลายลิ้นมาตามร่องอกมาคลอเคลียอยู่ที่หน้าท้องที่ยื่นนูน จนคนที่อยู่ด้านในประท้วงตอดตุบๆ “ลูกจ๋า... พ่อจะเข้าไปเยี่ยม” “ไรเฟิล... บ้าจริง...” “บ้าที่ไหนกันครับ ผมจะไปเยี่ยมลูก ลูกจ๋า... รอพ่อนะครับ” “อื้อ... บ้า...” ไรเฟิลหัวเราะพาริมฝีปากไปสู่จุดหมายที่อินถวารอคอย ก่อนจะชะงักเพราะดอกไม้งามสีชมพูอ่อนที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าดูอูมใหญ่กว่าเดิม รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า เพราะรูปร่างที่เต็มไม้เต็มมือขึ้นกว่าเดิมบวกกับอวัยวะที่ขยายใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับชีวิตน้อยๆ ก็ยิ่งทำให้เรือนร่างของคุณแม่มือใหม่นี้ดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบ รวมทั้งกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่เจืออยู่ก็ทำให้ไรเฟิลอดใจไว้ไม่ไหว จมูกโด่งจึงจดลงดอมดมควา
สัมผัสบางอย่างที่เคลียคลออยู่รอบตัวทำให้อินถวาพยายามจะเปิดเปลือกตาที่ง่วงงุนขึ้นมองดู เพราะนี่ไม่ใช่สิ่งปกติที่จะเกิดขึ้น เมื่อฝ่ามืออุ่นจัดของใครบางคนกำลังลูบไล้เนื้อตัวของเธออยู่ทั้งๆ ที่เธอ ‘นอนคนเดียว’ แค่คิดถึงสิ่งนั้น ความง่วงงุนก็หายวับพร้อมดวงตาที่หนักอึ่งก็บางเบาราวติดปีกและดีดผึงขึ้นทันที ทว่าสิ่งที่เห็นนั้นมีเพียงความมืดมิด มืดจนไม่มองไม่เห็นอะไรเลยสักอย่าง แต่สัมผัสนั้นยังคงอยู่ อินถวาสั่นไปทั้งร่าง ขนกายลุกตั้งไปทั้งตัวตั้งแต่ศีรษะไปจนถึงปลายเท้า ไม่มีจุดใดเลยที่ขนจะไม่ลุก เพราะสิ่งที่มองไม่เห็นกำลังลูบไล้ไปทั่วทั้งเนื้อตัวเธอ ‘มัน’ หรือ ‘ใคร’ หรือ ‘อะไร’ บางอย่าง ยังไม่หยุดเคลื่อนไหว ทั้งๆ ที่น่าจะรู้ว่าเธอตื่นแล้ว ‘กรี๊ดดดดด... ปล่อยฉันนะ! กรี๊ดดดดด...’ เสียงร้องที่ดังอยู่เพียงในลำคอ ยิ่งทำให้อินถวาสะท้านและสั่นจนหยุดไม่ได้ เพราะไม่ว่าจะพยายามดิ้นรนหรือจะกรีดร้องดังเพียงใดแต่เสียงนั้นก็เพียงได้ยินอยู่ในลำคอของเธอเท่านั้น เธอพยายามแล้วที่จะดิ้นรน พยายามที่จะกรีดร้องให้ดังที่สุด แต่เจ้าของฝ่ามือที่แตะ
‘คฤหาสน์ลี’ นั่นคือชื่อของคฤหาสน์ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขาสูงกลางเกาะฮ่องกง พื้นที่ที่คนรวยสุดขีดของเกาะฮ่องกงเท่านั้นจึงจะสามารถอยู่อาศัยได้ เพราะราคาที่ดินของทำเลทองคำนี้สูงลิ่วถึงตารางฟุตละ 7 แสนบาทไทย ดังนั้นใต้ฝ่าเท้าที่เธอกำลังจะเหยียบย่างอยู่นี้ ทุกย่างก้าวคือมูลค่ามากกว่าครึ่งล้านบาท ร่างงามระหงในชุดสูทเข้ารูปสีชมพูพาสเทลของ ‘อินถวา จิตราภานุพงษ์’ ค่อยๆ จดฝ่าเท้าก้าวลงจากรถอย่างแผ่วเบา เพราะกลัวเหลือเกินว่าเธออาจทำให้พื้นถนนด้านหน้าคฤหาสน์นี้ยุบตัวลง เพราะหากมีอะไรเสียหายสักน้อยนิด เธอก็คงจะไม่มีปัญญาไปชดใช้ได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็อดไม่ได้ที่จะแหงนหน้าสำรวจไปทั่วบริเวณ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอเดินทางออกนอกประเทศไทย เป็นครั้งแรกที่มาเยือนฮ่องกง และก็เป็นครั้งแรกอีกเช่นกันกับการทำงาน เพราะเธอเพิ่งเรียนจบมาหมาดๆ และยังไม่ทันรับพระราชทานปริญญาบัตรเลยด้วยซ้ำ แต่ภาวะจำเป็นทำให้ต้องเลือกมาทำงานต่างแดน ทั้งที่ใจจริงไม่ได้อยากมาเลย ใบหน้างดงามมองสำรวจคฤหาสน์สไตล์โมเดิลที่คล้ายเป็นประติมากรรมที่ประดับอยู่บนหน้าผามากกว่าที่จะเข
‘พี่อรไม่เข้าใจหรอก บอกมาว่าจะช่วยหรือไม่ช่วยเท่านั้น ไม่ต้องมาบ่นให้มากความ ถ้าพี่ไม่ช่วย ฉันก็แค่ติดคุกเท่านั้นแหละ จะยากอะไร’ ‘ทำไมแกพูดอย่างนั้นอิฐ ฉันเป็นพี่สาวแกนะ แกดูถูกน้ำใจพี่สาวคนนี้มากไปแล้ว ถ้าแกบอกพี่มาตรงๆ ว่าแกเอาเงินไปทำอะไร พี่อาจหาทางช่วยแกได้ แต่แกไม่บอกพี่ แล้วแกจะให้พี่ทำยังไง’ ‘พูดไปพี่อรก็ไม่เข้าใจฉันหรอก ฉันมันเป็นแค่น้อง ไม่ใช่ลูกพี่หนิ พี่จะมาช่วยเหลืออะไรฉันเต็มร้อย สุดท้ายพี่ก็ต้องเลือกอนาคตของยัยพุดอยู่ดี’ ‘แกพูดอะไรของแกอิฐ ยัยพุดมาเกี่ยวอะไรด้วย หลานไม่เคยยุ่งอะไรกับแกเลยนะ’ ‘ไม่ยุ่งได้ไง ก็เพราะพี่มียัยพุดไง พี่ถึงไม่สนใจฉัน เงินทุกบาททุกสตางค์ พี่ก็พูดแต่ว่าเก็บไว้ให้ลูก แล้วอย่างนี้พี่ยังจะมาบอกว่าถ้าฉันขาดเหลืออะไรก็ให้มาบอกพี่เหรอ เจอหน้าฉันทีไร พี่ก็บ่นว่าต้องจ่ายค่าเทอมยัยพุด ต้องจ่ายค่าเรียนพิเศษ ค่าเรียนเต้น ค่าเรียนรำไทย ค่าเรียนดนตรี เรียนวาดภาพ เรียนว่ายน้ำ สารพัดที่มันร่ำร้องจะเรียน แล้วพี่ก็หาเงินตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อตปรนเปรอมันทุกอย่าง มันอยากไปเรียนซัมเมอร์ที่เมืองนอก พี่ก็หาเงินส่งมันไป
‘หรือฉันจะไปทำงานที่ยัยรุ้งแนะนำดี’ ‘งานอะไร ทำไมฉันไม่รู้ ไม่เห็นยัยรุ้งบอกฉันว่าแนะนำงานให้แก’ ‘อ้าวก็งานรับจ้างเป็นเพื่อนไง ยัยรุ้งบอกว่างานนี้ที่เมืองนอกบูมมากเลยนะ ตอนนี้บ้านเราก็เลยเอามาทำบ้าง เห็นรุ้งว่าได้ค่าจ้างวันละห้าหมื่นเลยล่ะ และยังได้ค่าน้ำมันรถ ค่าอาหาร เบี้ยเลี้ยงต่างหากด้วย ชุคิดสิ พุดทำแค่ยี่สิบวัน ก็ได้ล้านนึงแล้วนะ’ ‘แล้วยัยรุ้งบอกหรือเปล่าว่าคนที่เขามาจ้างนะเป็นใคร ใครที่ไหนเขาจะมาเสียเงินจ้างเพื่อน และถ้าไม่มีเพื่อนจนถึงขนาดที่ต้องมาจ้าง ไม่เพี้ยนก็โรคจิตแล้วล่ะ’ ‘ไม่ใช่แบบนั้น รับจ้างเป็นเพื่อน ก็เช่นมีนักธุรกิจมาจากเมืองนอก ต้องการให้เราไปเป็นเพื่อนเดินซื้อของ ไปเป็นเพื่อนกินข้าว ดูหนัง ฟังเพลง แบบบางทีเขามาจากต่างบ้านต่างเมืองก็ต้องการคนพื้นที่ให้พาไปไง คนรวยทั้งนั้นแหละชุ แค่เศษเงินเขา ไม่ได้เยอะอะไรหรอก’ นั่นคือข้อมูลที่เธอได้มาจากเพื่อนที่เรียนอยู่คณะเดียวกัน เพราะเพื่อนก็ทำงานรับจ้างเป็นเพื่อนนี้มาหลายเดือนแล้วเหมือนกัน และก็ได้เงินดีจนมีเงินเก็บและส่งเสียทางบ้านได้ แต่สีหน้าของชุติมน
คฤหาสน์กว้างใหญ่นี้ไม่ใช่เพียงสง่างามน่าเกรงขาม ทว่าเธอกลับรู้สึกเหมือนกับว่าที่นี่มีพลังงานบางอย่างที่ทำให้เลือดในกายของเธอเย็นเฉียบ ทุกย่างก้าวที่เดินตามอาฉีจึงพยายามแล้วที่จะสลัดไล่ความประหม่าในหัวใจนี้ออกไป แต่อาการเสียวสันหลังวาบๆ นี่คืออะไรล่ะ ที่นี่มีอะไรที่น่ากลัวอย่างนั้นเหรอ ‘ฉันว่าแกต้องเจอเนื้อคู่ที่ฮ่องกงแน่ยัยพุด’ ‘ทำไม... ทำไมต้องฮ่องกง’ ‘อ้าว... ก็เวลาฝันว่างูรัดก็แปลว่าจะเจอเนื้อคู่น่ะสิ แต่นี่แกดันฝันว่ามังกรรัด มังกร ฮ่องกง เข้ากันจะตายไป มังกรตาสีเขียวด้วย จำไว้นะถ้าเจอใครตาสีเขียว นั่นแหละเนื้อคู่แก’ นั่นคือคำหยอกเย้าของชุติมนต์เมื่อเธอบอกเล่าความฝันนั้นให้ฟังก่อนที่จะเดินทางมาที่นี่ เพราะความฝันดันเกิดขึ้นเมื่อคืนน่ะสิ คืนก่อนวันเดินทางแต่กลับฝันสัปดน แค่เธอฝันว่าถูกมังกรรัด ชุติมนต์ยังล้อเลียนเธอแบบนี้ หากเธอพูดทั้งหมดว่าถูกมังกรทำ... ชุติมนต์จะไม่ยิ่งล้อมากกว่านี้เหรอ แต่สัมผัสวาบหวิวรอบกายและหนาวจนต้องลูบต้นแขนที่รับรู้ได้ในขณะนี้ อินถวากลับคิดต่าง เพราะหากดวงตาสีเขียวมาปรากฏตรงหน้าจริง นั่นเธอจะคิดว่
ดวงตาคมวาวเจ้าชู้กวาดไล่ไปตามร่างกายของเธอ “เพอร์เฟกส์” พึมพำพร้อมไล้ปลายลิ้นที่ริมฝีปาก บอกไม่ถูกว่าเปรี้ยวปาก อยากของหวาน หรือปรารถนาของคาวกันแน่ เพราะเริ่มตั้งแต่ใบหน้าของเธอ ไม่ว่าจะเป็น ปาก คอ คิ้ว คาง ดวงตา ไล่ลงมาถึงอกอวบอิ่มที่แทบจะดันทะลุตัวเสื้อออกมา เขาไม่รู้ว่าเสื้อตัวเล็กไป หรือเธอจงใจอยากสวมใส่แบบนี้ แต่รวมๆ แล้วก็ดูดีจนกลายเป็นจุดศูนย์กลางของโลก หรือจะเป็นเอวคอดรับกับสะโพกผาย ที่ยามเธอก้าวเดินนั้นดูพลิ้วราวกับเธอกำลังเต้นระบำอยู่ บวกกับส่วนสูงที่สมดุลกับสัดส่วน รูปร่างแสนจะเพอร์เฟกต์นี้ ทำให้ไรเฟิลต้องยอมรับว่าเขาไม่เคยเห็นในสาวเอเชียคนไหนมาก่อนเลย แม้แต่นางแบบหรือนางงาม นั่นก็ล้วนแต่ผ่านมีดหมอกันมาแล้วทั้งนั้น แต่หากว่าเขาดูผิดล่ะ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ความเชี่ยวชาญทางอาชีพของเขาคงได้จบเห่แน่ เพราะฉายาของเขาน่ะคือ ‘ดวงตาสแกนศัลยกรรม’ แค่มองปลาบ เขาก็จะรู้ได้ในทันทีว่าเป็นของแท้แม้ให้มา หรือเป็นของสวยๆ งามๆ ที่นายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญบันดาลให้ “ฉันมั่นใจว่าเธอของแท้ ถ้าผิด... ฉันจะลาออก” พูดพร้อมระบายรอยยิ้มบนใบหน้า
“ได้สิครับ ผมสัญญาจะทำให้ดีที่สุด เริ่มต้นจากส่งเมียจ๋าขึ้นสวรรค์ก่อน” “อ่ะ! ว้าย! ไรเฟิล...” อินถวาหมดหนทางจนต้องอุทานเพราะสิ่งที่เธอควรทำก็คือปิดริมฝีปากของตัวเองที่จะกรีดร้องจากความเสียวซ่านนั้นออกมา เพราะไรเฟิลวาดลวดลายผ่านปลายลิ้น ตั้งแต่ทั่วพื้นที่ของอกอวบจนดูดดุนเบาๆ ที่ยอดอก ก่อนจะลากริมฝีปากและปลายลิ้นมาตามร่องอกมาคลอเคลียอยู่ที่หน้าท้องที่ยื่นนูน จนคนที่อยู่ด้านในประท้วงตอดตุบๆ “ลูกจ๋า... พ่อจะเข้าไปเยี่ยม” “ไรเฟิล... บ้าจริง...” “บ้าที่ไหนกันครับ ผมจะไปเยี่ยมลูก ลูกจ๋า... รอพ่อนะครับ” “อื้อ... บ้า...” ไรเฟิลหัวเราะพาริมฝีปากไปสู่จุดหมายที่อินถวารอคอย ก่อนจะชะงักเพราะดอกไม้งามสีชมพูอ่อนที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าดูอูมใหญ่กว่าเดิม รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า เพราะรูปร่างที่เต็มไม้เต็มมือขึ้นกว่าเดิมบวกกับอวัยวะที่ขยายใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับชีวิตน้อยๆ ก็ยิ่งทำให้เรือนร่างของคุณแม่มือใหม่นี้ดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบ รวมทั้งกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่เจืออยู่ก็ทำให้ไรเฟิลอดใจไว้ไม่ไหว จมูกโด่งจึงจดลงดอมดมควา
ไรเฟิลประคองร่างอวบอิ่มของอินถวามานั่งที่โต๊ะยาวด้านข้าง เขาบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้เธอรับรู้ เริ่มตั้งแต่ค่ำคืนแห่งการดินเนอร์นั้น นั่นคือแผนการของพ่อแม่ เพื่อให้ท่านยอมรับในตัวของอินถวา และยอมรับว่าความรักของเขาคือความจริง ไม่ใช่เพียงหลงเสน่หาชั่วครั้งชั่วคราว เริ่มจากอินถวารักเงินหรือว่ารักตัวเขากันแน่ ซึ่งเธอก็พิสูจน์แล้วว่าเงินจำนวน 50 ล้านที่พ่อเขาเขียนเช็คให้เธอนั้น อินถวาไม่แม้แต่จะเปิดดู ด่านแรกเธอผ่านไปได้ แต่ด่านที่ 2 ที่ใช้ระยะเวลาเป็นตัวชี้วัด ใน 3 เดือนที่ต้องจากกันอย่างเข้าใจผิด อินถวาจะยังซื่อสัตย์กับเขาหรือไม่ ทั้งๆ ที่เธอก็เห็นว่าเขานั้นทรยศเธอไปแล้ว และอินถวาก็ไม่ทำให้เขาผิดหวังเลย จากข่าวที่ได้รับจากเหมยอิงและมาร์กอส นั่นคืออินถวาไม่มีใครเลย เธอตั้งหน้าตั้งตาสร้างธุรกิจขนมไทยร่วมสมัยและใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่กับครอบครัว ส่วนตัวเขาเองก็ต้องอดทนกับการไม่ได้เห็นหน้าเธอ เขาต้องไปทำงานทุกวัน ต้องอยู่ในวงล้อมของผู้หญิงที่สวยงามมากมาย ทั้งซินเทียก็มาคลอเคลียกับเขาไม่ห่าง ใน 3 เดือน หากเขายังยึดมั่นอยู่กับอินถวา พ่อกับแม่ถึงจะ
ทว่าดวงตาสวยหวานของอินถวากลับหลับพริ้มแต่ก็ยังเห็นว่ามีหยาดน้ำเอ่อคลออยู่ ระยะเวลา 3 เดือนที่จากกัน เขารู้ว่าเธอก็ทุกข์ ส่วนเขานั้นก็ทุกข์อย่างแสนสาหัสเพราะนี่คือ บทพิสูจน์ที่จะทำให้พ่อแม่ยอมรับเธอ “พุดซ้อนครับ ได้โปรดลืมตาขึ้นมองผม ผมอยากเห็นดวงตาของคุณ อยากเห็นผมอยู่ในนั้น อยู่ในสายตาของคุณอีก พุดซ้อนครับ ได้โปรดเถอะ” อินถวากลั้นสะอื้น แค่ได้ยินน้ำเสียงสั่นเครือปนเว้าวอนอย่างนั้น เธอก็แทบจะซุกซบใบหน้าลงกับอกของเขา เพราะเธอเองก็คิดถึงเขาเหลือเกิน เวลา 3 เดือนที่ผ่านไปทำให้เธอมองเห็นโลกในต่างมุมมากขึ้น อารมณ์ชั่ววูบของเธอในวันนั้นทำให้ผลุนผลันจากมา แต่เมื่อคิดคำนวณทุกเหตุการณ์ก็จะพบว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นช่างประจวบเหมาะ นั่นเพราะพ่อและแม่ของเขาต้องการให้เกิดอยู่แล้ว และเป็นเธอเองที่ติดกับดักที่ท่านสร้างขึ้น เพราะเธอไม่มีทางรู้ได้เลยว่าไรเฟิลที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียงของซินเทียนั้น คนทั้งคู่เมคเลิฟกันจนเหนื่อยอ่อน หรือว่านั่นคือไรเฟิลถูกทำให้หลับ เพราะกับเธอนั้น เขาก็ไม่เคยเหนื่อยจนสลบถ้ายังไม่ถึงเช้า และหากเรื่องราวเป็นไปอย่างที่เธอคาดเดา
“ค่ะแม่ พุดก็ว่าจะรับอีกแค่สองคนเท่านั้นค่ะ ไม่อย่างนั้นพุดจะดูแลไม่ทั่วถึง ถ้าขนมไม่ได้คุณภาพจะกลายเป็นผลเสียแทน แล้วน้าอิฐล่ะคะ เช้านี้พุดยังไม่เห็นเลย ไปธนาคารเหรอคะแม่” เธอถามหาน้าชาย เพราะปกติจะเห็นอยู่ในออฟฟิศฝั่งตรงกันข้าม แต่เช้านี้เธอยังไม่เห็นเลย “ไปสนามบินน่ะ” “ไปทำไมคะ มีอะไรเหรอ” “ก็เรื่องที่น้าอิฐเขาจะนำเข้าอะไหล่รถนั่นแหละ วันนี้ทางนั้นเขาบินมา น้าอิฐก็เลยไปรับ” น้ำเสียงเศร้าๆ ของแม่ทำให้อินถวาโอบกอดรอบเอวเจ้าเนื้อของแม่เอาไว้ เธอรู้ว่าแม่รักธุรกิจเต็นท์รถมือสองนี้มาก เพราะนี่คือสิ่งที่สร้างรายได้จนแม่สามารถส่งเสียเธอเรียนจนจบ และก็เป็นเหตุผลหลักที่เธอไปทำงานที่ฮ่องกง เพราะไม่อยากให้แม่ต้องสูญเสียสิ่งนี้ไป แต่วันเวลาก็ไม่แน่นอน ในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ รถยนต์มือสองขายยากและก็ยังหาซื้อมาใส่เต็นท์ได้ยากเช่นกัน น้าอิฐจึงปรึกษากับแม่ว่าควรลดซื้อรถยนต์แต่เปลี่ยนมานำเข้าอะไหล่แทน และหากมีคู่ค้าอยู่ที่จีนหรือที่ญี่ปุ่นก็จะดีมาก เพราะการสั่งนำเข้าหรือการหาอะไหล่ที่ยากๆ ก็จะทำได้อย่างเร่งด่วน และตอนนี้แม่ก็วางมื
“ถ้าถือว่าผมเป็นเพื่อน ให้เพื่อนคนนี้ไปส่งให้ถึงเมืองไทยนะครับ เพื่อนจะได้สบายใจ ว่าได้ส่งเพื่อนถึงสถานที่ที่ปลอดภัยแล้ว ไม่ลำบากหรอกครับ” อินถวาพยักหน้ารับดวงตารื้นไปด้วยหยาดน้ำ ก่อนจะขอตัวไปซื้อพลาสเตอร์แปะแก้เมาเครื่องบินก่อน โดยมีมาร์กอสมองตามร่างงามระหงที่เดินตรงไปยังร้านขายยา ดวงตาสีฟ้ามีแววกังวลใจก่อนจะล้วงเอาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงที่สั่นไม่หยุดขึ้นมา ‘ไรเฟิล’ แม้หน้าจอโทรศัพท์จะระบุชื่อคนโทรเข้าแบบนั้น แต่มาร์กอสกลับเลือกที่จะปิดเครื่อง เพราะในเวลานี้ทุกคนควรได้รับโอกาสในการไตร่ตรอง เกือบ 3 ชั่วโมงจากฮ่องกงมาเมืองไทย อินถวาไม่ได้พูดอะไรเลย มีเพียงน้ำตาของเธอเท่านั้นที่เคลื่อนไหวไม่หยุด ทว่าเพียงถึงจุดหมายรอยยิ้มอย่างมีความสุขที่สุดก็ฉายชัดขึ้น ดั่งว่าเธอคนนี้ไม่ได้นำความทุกข์ใจกลับมาจากฮ่องกงด้วย “ส่งฉันเพียงเท่านี้ก็พอแล้วค่ะ ฉันถึงบ้านแล้ว ฝากคุณมาร์กอสขอโทษคุณวิคเตอร์กับคุณนายลีแทนฉันด้วยนะคะ สำหรับทุกเรื่องที่ฉันเสียมารยาทไว้ และฝากขอโทษคุณแม่บ้านใหญ่ ลุงฉี อาซู กับอาหนิงที่ฉันจากมาโดยไม่ได้ลา” “แล้วคุณไรเฟิลล่ะครับ คุ
“ถ้าเราท้องขึ้นมาล่ะ จะทำยังไง ไรเฟิลจะหาว่าเรามีลูกเพื่อไว้จับเขาหรือเปล่า และพ่อแม่เขาอีกล่ะ เขาจะทำยังไงกับเรา”อินถวาพึมพำก่อนจะสะดุ้งเพราะเสียงโทรศัพท์ภายในดังขึ้น เธอรีบเดินไปที่โทรศัพท์แต่ยังไม่วายจะชำเลืองมองไปที่ตึกใหญ่ เพราะคนที่โทรมาคือคนในตึกนั้น ดวงตาสวยมีแววเศร้ามองโทรศัพท์อย่างชั่งใจเพราะไรเฟิลไปดินเนอร์กับครอบครัวที่ตึกใหญ่และสัญญาว่าจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด ทั้งที่เธอเองก็เผื่อใจไว้อยู่แล้วว่าคงไม่เร็วแน่ เธอก็ไม่อยากได้ยินว่าเขาจะขออยู่ต่ออีกกี่ชั่วโมง จะกลับดึกกว่านี้ หรือว่าค่ำคืนนี้จะไม่กลับ “ฮัลโหล...” เสียงหวานเอ่ยทักเป็นภาษาอังกฤษ ไม่ใช้ ‘ไหว’ ที่เป็นภาษาจีนกวางตุ้ง เพราะคิดว่าคนที่โทรมาในยามดึกนี้คงมีแค่ไรเฟิลคนเดียวเท่านั้น ทว่าเสียงที่ตอบกลับมากลับทำให้อินถวารีบคว้าเสื้อคลุมและเดินออกจากตึกเล็กมุ่งตรงไปสู่ตึกใหญ่ในทันที เพียงไม่นานเธอก็มาถึงจุดหมายที่ใครคนนั้นบอกเอาไว้ ห้องนอนชั้น 2 ของปีกซ้าย ประตูห้องที่เปิดแง้มไว้ทำให้อินถวาถือวิสาสะเดินเข้าไปทันที ในนาทีที่หัวใจเธอใกล้จะระเบิดก็ขอให้เธอได้เห็นกับตาตัวเอง และสิ่งที่มองเ
“ฉันจะให้หนูห้าสิบล้าน เพื่อซื้อศักดิ์ศรีของหนู และเพื่อให้หนูไปจากชีวิตของไรเฟิล เพราะยังไงแล้วฉันก็จะไม่รับสะใภ้คนอื่นนอกจากซินเทียเท่านั้น ถ้าหนูยังอยู่กับไรเฟิล หนูก็จะเป็นได้แค่เมียเก็บเท่านั้น รับเงินไปเถอะ นี่จะเป็นโอกาสเดียวที่หนูจะได้เงิน” “หนู...” “อย่าปฏิเสธตอนนี้ หนูควรกลับไปคิดดูก่อน ถ้าหนูคิดว่าหนูรักไรเฟิลจริง หนูก็ควรจะให้เขาได้แต่งงานกับคนที่เหมาะสม ฉันพูดตรงๆ นะ ฉันต้องการให้ไรเฟิลแต่งงานกับซินเทียเท่านั้น เพราะนั่นคือธุรกิจที่จะมั่นคงขึ้นหากสองตระกูลมาเสริมกัน พูดแค่นี้หนูคงจะเข้าใจนะ” “ค่ะ” อินถวารับคำน้ำตารื้นจนแทบจะไหลออกมา “ฉันหวังว่าเรื่องนี้ไรเฟิลจะไม่รู้ เอ่อ... แต่ขนมอร่อยมากๆ ถ้าหนูจะอยู่กับไรเฟิลที่นี่ในฐานะเมียเก็บ ฉันก็จะไม่ขัดขวาง เพราะผู้หญิงที่ทำอาหารเก่งทำขนมอร่อยก็เหมาะที่จะเป็นเมียและเป็นแม่ของลูกจริงๆ นั่นแหละ เพียงแต่สำหรับตระกูลลีไม่ได้ต้องการผู้หญิงหลังม่านก็เท่านั้น” อินถวารับรู้ได้ถึงลมที่ร้อนวูบอยู่ในหูและความร้อนผ่าวในอก เมื่อต้องรับฟังสิ่งเหล่านั้นโดยไม่สามารถโต้แย้งอะ
มาร์กอสมองฝ่ามือบอบบางที่หยิบจับกระทงใบตองขึ้นมา ก่อนจะตักข้าวเหนียวมูนใส่ในกระทงเพียงค่อนใบ จากนั้นก็ตักสิ่งที่เขาเรียกว่าทอปปิ้งเพราะเธอนำมาราดไว้ที่ด้านหน้าของข้าวเหนียวจริงๆ “ลองดูนะคะ อันนี้เรียกว่า ข้าวเหนียวมูนหน้าสังขยา ฉันทำแบบไม่หวานมากค่ะ เวลาทานจะได้ไม่เลี่ยน” “อืม... อร่อยมาก อร่อยมากจริงๆ ครับ ลองอีกครับ ผมอยากลองอีก” อินถวานึกขำกับท่าทางของเขา แต่เธอก็รู้สึกมีความสุขไปด้วย ข้าวเหนียวมูนหน้าปลาแห้ง และ หน้ากุ้ง จึงถูกเสิร์ฟให้มาร์กอสได้ลิ้มรสจนครบ ไรเฟิลชะงักกับภาพที่เห็น อินถวายิ้มอย่างมีความสุขขณะอธิบายส่วนผสมของขนมหลากหลายอย่างที่เธอทำให้กับมาร์กอสที่ช่างซักช่างถามไม่หยุด “มาร์กอสดูมีความสุขนะคะ คงจะเจอคนถูกใจถึงได้คุยมากยิ้มมากขนาดนั้น” “ก็คงอย่างนั้น” ไรเฟิลพูดแล้วก็เดินตรงเข้าไปในครัว ปล่อยให้ซินเทียฟึดฟัดอยู่คนเดียว ไม่ใช่ว่าเขาไม่คิดอย่างที่ซินเทียคิด แต่เขาคิดไปมากกว่านั้น และซินเทียเองนั่นแหละที่ทำให้ความคิดเขาเปลี่ยนไป ‘คุยมากยิ้มมาก’ นั่นน่ะไม่ใช่นิสัยของมาร์กอสสัก
“เอาล่ะๆ เสียบรรยากาศหมด เอาเป็นว่าเดี๋ยวพาแม่หนูนั่นไปพบพ่อที่ในสวนก็แล้วกัน พ่อจะคุยกับเธอเอง” “สรุปว่าพ่อเข้าใจผมใช่มั้ยครับ” “เข้าใจ แต่ไม่ได้เห็นด้วยนะ ยังไงก็ต้องให้พ่อคุยกับเธอก่อน” “ผมมั่นใจว่าพ่อต้องชอบพุดซ้อนแน่ๆ” ไรเฟิลพูดอย่างมั่นใจก่อนจะลอบถอนหายใจเพราะเสียงแม่ที่พูดแย้ง “แต่ฉันมั่นใจว่าคุณต้องไม่ชอบ เพราะฉันยังไม่ชอบเลย” “แต่ผมกับคุณ ชอบอะไรที่แตกต่างกันเสมอนะเชอร์รี่” “ฉันจะคอยดู อีกอย่างคุณคิดเหรอวิคเตอร์ว่าลูกชายจอมเจ้าชู้ของคุณจะหยุดได้ที่เธอคนนั้น สุดท้ายเมียก็ช้ำใจไม่ต่างกันหรอก ลูกไม้หล่นใต้ต้นเสมอ พ่อยังไง ลูกก็คงไม่แตกต่าง” “ผมก็ว่าอย่างนั้นแหละ พ่อยังไง ลูกก็คงอย่างนั้น เพราะถึงผมจะเจ้าชู้ แต่ผมก็เป็นคนรักใครแล้วรักเลย รักคนเดียวตลอดไป แม้เธอจะ...” “ขี้เกียจฟัง แล้วฉันจะรอฟังข่าวว่าที่ลูกสะใภ้ของคุณ” เชอร์รี่ลุกขึ้นพรวดพูดแล้วยิ้มเหยียดก่อนจะเดินออกไป ปล่อยให้วิคเตอร์พ่นลมหายใจออกเบาๆ เพราะสุดท้ายเชอร์รี่ก็ยังรั้นตามเดิม เธอไม่รอให้เขาพูดให้จบด้วยซ้ำ