สัมผัสบางอย่างที่เคลียคลออยู่รอบตัวทำให้อินถวาพยายามจะเปิดเปลือกตาที่ง่วงงุนขึ้นมองดู เพราะนี่ไม่ใช่สิ่งปกติที่จะเกิดขึ้น เมื่อฝ่ามืออุ่นจัดของใครบางคนกำลังลูบไล้เนื้อตัวของเธออยู่ทั้งๆ ที่เธอ ‘นอนคนเดียว’
แค่คิดถึงสิ่งนั้น ความง่วงงุนก็หายวับพร้อมดวงตาที่หนักอึ่งก็บางเบาราวติดปีกและดีดผึงขึ้นทันที ทว่าสิ่งที่เห็นนั้นมีเพียงความมืดมิด มืดจนไม่มองไม่เห็นอะไรเลยสักอย่าง แต่สัมผัสนั้นยังคงอยู่
อินถวาสั่นไปทั้งร่าง ขนกายลุกตั้งไปทั้งตัวตั้งแต่ศีรษะไปจนถึงปลายเท้า ไม่มีจุดใดเลยที่ขนจะไม่ลุก เพราะสิ่งที่มองไม่เห็นกำลังลูบไล้ไปทั่วทั้งเนื้อตัวเธอ ‘มัน’ หรือ ‘ใคร’ หรือ ‘อะไร’ บางอย่าง ยังไม่หยุดเคลื่อนไหว ทั้งๆ ที่น่าจะรู้ว่าเธอตื่นแล้ว
‘กรี๊ดดดดด... ปล่อยฉันนะ! กรี๊ดดดดด...’
เสียงร้องที่ดังอยู่เพียงในลำคอ ยิ่งทำให้อินถวาสะท้านและสั่นจนหยุดไม่ได้ เพราะไม่ว่าจะพยายามดิ้นรนหรือจะกรีดร้องดังเพียงใดแต่เสียงนั้นก็เพียงได้ยินอยู่ในลำคอของเธอเท่านั้น
เธอพยายามแล้วที่จะดิ้นรน พยายามที่จะกรีดร้องให้ดังที่สุด แต่เจ้าของฝ่ามือที่แตะต้องเธอนั้นก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงเลย มันยังคงแตะ ไต่และลูบไล้ไปทั่ว โดยไม่เว้นสักจุด
เริ่มตั้งแต่ทรวงอกอวบอิ่มเปล่าเปลือยของเธอที่ถูกมันดันจนชิดก่อนที่มันจะซุกไซ้ใบหน้าลงมาโดยไม่สนใจแรงดิ้นรนของเธอ และยิ่งดิ้นก็ยิ่งเสียดสีจนรู้สึกแปลก
‘อื้อ... ปล่อยฉันนะ อื้อ... ไอ้ผีบ้า! ปล่อยฉัน กรี๊ดดดดด... ไอ้ผีชีกอ ปล่อย! อื้อ... ปล่อย...’
ความซาบซ่านจากเคราสากลากไปตามทรวงอกก่อเกิดความรู้สึกใหม่ที่อินถวาไม่เคยได้เรียนรู้ และทันทีที่ยอดอกถูกครอบครอง อินถวาก็ต้องแอ่นอกดันจนชิดติดปากติดลิ้นของมันอย่างไม่รู้ตัว จนหลงลืมว่าต้องกรีดร้องและดิ้นรนให้หลุดพ้น เพราะสิ่งที่ทำกลับเป็นตรงกันข้าม
‘อา... แกทำอะไรฉัน อื้อ... อย่า... ไอ้ผีบ้า อย่านะ... อย่า...’
คราใดที่มีสติอินถวาจะร่ำร้องห้ามเพราะเธอไม่อยากมีประสบการณ์ถูกผีลักหลับ เหมือนเรื่องเล่าที่เคยอ่านมาจากอินเตอร์เน็ต แต่คราใดที่สติพร่าเลือนไปกับสัมผัสปรารถนา เธอก็เพลิดเพลินกับความร้อนฉ่าจนทำได้แต่เปล่งเสียงครวญคราง เพราะร่างกายที่ไม่เคยต้องมือชายใดมาก่อนกำลังถูกปลุกเร้าทุกช่องทาง
เมื่อริมฝีปากนั้นดูดดื่มความหวานจากยอดอกของเธอจนพอใจ สัมผัสอุ่นซ่านนั้นก็ลากไล้ลงต่ำ ต่ำลงๆ จนอินถวาสะท้านเฮือก เพราะเธอกำลังทนไม่ไหว
‘อา... พอแล้ว อย่า... อย่าทำฉัน อย่า... อื้อ... พอแล้ว’
ใบหน้างามส่ายไปมา ร่างกายที่ยังเหลือเรี่ยวแรงเพียงนิดพยายามบิดกายต่อต้าน เพราะเธอจะไม่ยอมให้ริมฝีปากของไอ้ผีร้ายเคลื่อนเข้าไปใกล้สิ่งนั้น เพราะอย่างนี้ใช่ไหม ผู้หญิงที่ถูกเจ้าผีชีกอนี่กระทำถึงได้อ่อนระทวยหมดเรี่ยวแรง แต่เจ้าผีที่ประทับรอยจูบร้อนๆ ไปตามเนื้อกายของเธอนั้นกลับไม่ยอมฟังคำเธอเลย
ริมฝีปากเร่าร้อนของผีชีกอยังคงเคลื่อนลงไปตามสีข้าง ก่อนจะวกเข้าไปหาสะดือวงสวย และสัมผัสจากปลายลิ้นที่ชอนลึกเข้าไปในร่องสะดือ ก็ยิ่งทำให้อินถวาสะท้านจนต้องกรีดร้องออกมาอีกครั้ง เพราะความเสียวที่จู่โจมตามจังหวะปลายลิ้นจ้วงแทงมันเร่าร้อนจนเธออยากจะเป็นฝ่ายร่อนความซาบซ่านกระแทกหาริมฝีปากนั้นซะเอง
แต่สำนึกว่า ‘ไม่’ กับความต้องการที่ตอบว่า ‘ใช่’ ตีรวนกันจนบอกไม่ถูก รู้แต่ว่าเมื่อรอยจูบประทับไปถึงตรงส่วนนั้น เธอก็กรีดร้องออกมาอย่างสุดเสียง
‘กรี๊ดดดดด... ไม่นะ! ไม่! โอว... อย่าทำอย่างนั้น โอว... ไม่นะ! อื้อ...’
อินถวากรีดร้องส่ายร่อนสะโพกโยกหนีริมฝีปากอุ่นจัด ทว่ายิ่งส่ายร่อนก็ยิ่งกระตุ้นให้ริมฝีปากของผีร้ายทาบทับลงมาอย่างถูกจุด ทั้งฝ่ามือเร่าร้อนของผีร้ายยังช้อนเข้ามาใต้สะโพกผายพร้อมกับยกให้ความอูมเด่นลอยขึ้นสูง จนเธอไม่กล้าให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น
แต่คำห้ามไม่เป็นผลเมื่อริมฝีปากอุ่นจัดประทับจุมพิตลงไปอย่างตรงจุด และความทรมานก็จู่โจมอินถวาจนสั่นไปทั้งกาย เพราะไม่อาจดิ้นหนีไปทางไหนได้เลย
‘โอว... อย่า... อื้อ... อย่า... โอว... อื้อ...’
นั่นคือเสียงที่ส่งผ่านอยู่ในใจ เพราะไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่สามารถส่งผ่านน้ำเสียงให้เล็ดลอดออกไปได้ ทั้งจะผลักดันริมฝีปากนั้นให้หนีห่าง ฝ่ามือของเธอก็ถูกตรึงไว้กับหัวเตียงจนดิ้นหนีไปไหนก็ไม่ได้เช่นกัน ต้องยอมให้ลิ้นร้อนที่ค่อยๆ แตะไต่สัมผัสอยู่นี้ เริ่มต้นบรรเลงความอ่อนชื้นเข้าไปชอนชิมความหวานหยาดเยิ้มด้านใน ที่ทำให้เธอสุดแสนจะทรมานต่อไป
‘อา... อื้อ... อื้อ... อา... โอว...’
เสียงร้องฟังไม่ได้ศัพท์ดังอยู่เพียงในใจกับเนื้อกายที่บิดเร้าดิ้นรนไม่หยุดเพราะไม่อาจล่วงรู้ได้ว่าความทรมานอันหอมหวานที่เธอกำลังเผชิญหน้าอยู่นี้จะไปสิ้นสุดลงที่ใด ทว่าเสียงหนึ่งที่ดังขึ้นเหนือใบหน้ากับสัมผัสร้อนผ่าวที่ยุติลง ก็ทำให้เธอรู้ได้ในทันทีว่าสิ่งนั้นสิ้นสุดลงแล้ว และเป็นการหยุดที่ทำให้เธอต้องกรีดร้องสุดเสียง เมื่อความมืดมิดนั้นมีภาพหนึ่งเด่นชัด
‘หึ! ร้องมันส์อย่างนี้ ฉันชอบ’
“กรี๊ดดดดด...”
อินถวากรีดร้องสุดเสียงพร้อมกับทะลึ่งตัวลุกขึ้นพรวด และสิ่งที่มองเห็นอยู่รอบตัวก็ทำให้เธอรู้ว่า ‘ฝัน’ ไป เพราะห้องนอนของเธอยังคงมีไฟสีนวลสว่างพอให้มองเห็นทุกสิ่งอย่างภายใน และเสื้อผ้าของเธอก็ยังอยู่ครบ ไม่ได้เปลือยไปทั้งร่างอย่างเมื่อครู่ ทว่าความฝันเสมือนจริงจนร่างกายเธอยังสั่นและหัวใจก็เต้นระรัวเร็วไม่ถูกจังหวะ อีกทั้งความร้อนวูบวาบที่ยังกรุ่นอยู่ตามเนื้อตัวนี่มันคืออะไรกัน
“ตาสีเขียว... ตัวอะไร”
อินถวาพึมพำกับตัวเอง เพราะภาพเดียวและเป็นภาพสุดท้ายที่เธอมองเห็นเด่นชัดในความมืดนั่นคือ ดวงตาสีเขียวมรกตของ... เธอแน่ใจว่านั่นไม่ใช่ ‘ผี’ ที่เธอกลัวจนขึ้นสมอง แต่นั่นเป็นดวงตาของสัตว์ที่จ้องมองเธอ สัตว์บางอย่างที่คุ้นเคย แต่เธอกลับจำไม่ได้ว่าคืออะไร ทว่าสัมผัสรัดรึงรอบกายกลับทำให้ชื่อของสัตว์นั้นลอยวนเข้ามาในสมอง
“มังกร... ตาสีเขียว...”
‘คฤหาสน์ลี’ นั่นคือชื่อของคฤหาสน์ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขาสูงกลางเกาะฮ่องกง พื้นที่ที่คนรวยสุดขีดของเกาะฮ่องกงเท่านั้นจึงจะสามารถอยู่อาศัยได้ เพราะราคาที่ดินของทำเลทองคำนี้สูงลิ่วถึงตารางฟุตละ 7 แสนบาทไทย ดังนั้นใต้ฝ่าเท้าที่เธอกำลังจะเหยียบย่างอยู่นี้ ทุกย่างก้าวคือมูลค่ามากกว่าครึ่งล้านบาท ร่างงามระหงในชุดสูทเข้ารูปสีชมพูพาสเทลของ ‘อินถวา จิตราภานุพงษ์’ ค่อยๆ จดฝ่าเท้าก้าวลงจากรถอย่างแผ่วเบา เพราะกลัวเหลือเกินว่าเธออาจทำให้พื้นถนนด้านหน้าคฤหาสน์นี้ยุบตัวลง เพราะหากมีอะไรเสียหายสักน้อยนิด เธอก็คงจะไม่มีปัญญาไปชดใช้ได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็อดไม่ได้ที่จะแหงนหน้าสำรวจไปทั่วบริเวณ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอเดินทางออกนอกประเทศไทย เป็นครั้งแรกที่มาเยือนฮ่องกง และก็เป็นครั้งแรกอีกเช่นกันกับการทำงาน เพราะเธอเพิ่งเรียนจบมาหมาดๆ และยังไม่ทันรับพระราชทานปริญญาบัตรเลยด้วยซ้ำ แต่ภาวะจำเป็นทำให้ต้องเลือกมาทำงานต่างแดน ทั้งที่ใจจริงไม่ได้อยากมาเลย ใบหน้างดงามมองสำรวจคฤหาสน์สไตล์โมเดิลที่คล้ายเป็นประติมากรรมที่ประดับอยู่บนหน้าผามากกว่าที่จะเข
‘พี่อรไม่เข้าใจหรอก บอกมาว่าจะช่วยหรือไม่ช่วยเท่านั้น ไม่ต้องมาบ่นให้มากความ ถ้าพี่ไม่ช่วย ฉันก็แค่ติดคุกเท่านั้นแหละ จะยากอะไร’ ‘ทำไมแกพูดอย่างนั้นอิฐ ฉันเป็นพี่สาวแกนะ แกดูถูกน้ำใจพี่สาวคนนี้มากไปแล้ว ถ้าแกบอกพี่มาตรงๆ ว่าแกเอาเงินไปทำอะไร พี่อาจหาทางช่วยแกได้ แต่แกไม่บอกพี่ แล้วแกจะให้พี่ทำยังไง’ ‘พูดไปพี่อรก็ไม่เข้าใจฉันหรอก ฉันมันเป็นแค่น้อง ไม่ใช่ลูกพี่หนิ พี่จะมาช่วยเหลืออะไรฉันเต็มร้อย สุดท้ายพี่ก็ต้องเลือกอนาคตของยัยพุดอยู่ดี’ ‘แกพูดอะไรของแกอิฐ ยัยพุดมาเกี่ยวอะไรด้วย หลานไม่เคยยุ่งอะไรกับแกเลยนะ’ ‘ไม่ยุ่งได้ไง ก็เพราะพี่มียัยพุดไง พี่ถึงไม่สนใจฉัน เงินทุกบาททุกสตางค์ พี่ก็พูดแต่ว่าเก็บไว้ให้ลูก แล้วอย่างนี้พี่ยังจะมาบอกว่าถ้าฉันขาดเหลืออะไรก็ให้มาบอกพี่เหรอ เจอหน้าฉันทีไร พี่ก็บ่นว่าต้องจ่ายค่าเทอมยัยพุด ต้องจ่ายค่าเรียนพิเศษ ค่าเรียนเต้น ค่าเรียนรำไทย ค่าเรียนดนตรี เรียนวาดภาพ เรียนว่ายน้ำ สารพัดที่มันร่ำร้องจะเรียน แล้วพี่ก็หาเงินตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อตปรนเปรอมันทุกอย่าง มันอยากไปเรียนซัมเมอร์ที่เมืองนอก พี่ก็หาเงินส่งมันไป
‘หรือฉันจะไปทำงานที่ยัยรุ้งแนะนำดี’ ‘งานอะไร ทำไมฉันไม่รู้ ไม่เห็นยัยรุ้งบอกฉันว่าแนะนำงานให้แก’ ‘อ้าวก็งานรับจ้างเป็นเพื่อนไง ยัยรุ้งบอกว่างานนี้ที่เมืองนอกบูมมากเลยนะ ตอนนี้บ้านเราก็เลยเอามาทำบ้าง เห็นรุ้งว่าได้ค่าจ้างวันละห้าหมื่นเลยล่ะ และยังได้ค่าน้ำมันรถ ค่าอาหาร เบี้ยเลี้ยงต่างหากด้วย ชุคิดสิ พุดทำแค่ยี่สิบวัน ก็ได้ล้านนึงแล้วนะ’ ‘แล้วยัยรุ้งบอกหรือเปล่าว่าคนที่เขามาจ้างนะเป็นใคร ใครที่ไหนเขาจะมาเสียเงินจ้างเพื่อน และถ้าไม่มีเพื่อนจนถึงขนาดที่ต้องมาจ้าง ไม่เพี้ยนก็โรคจิตแล้วล่ะ’ ‘ไม่ใช่แบบนั้น รับจ้างเป็นเพื่อน ก็เช่นมีนักธุรกิจมาจากเมืองนอก ต้องการให้เราไปเป็นเพื่อนเดินซื้อของ ไปเป็นเพื่อนกินข้าว ดูหนัง ฟังเพลง แบบบางทีเขามาจากต่างบ้านต่างเมืองก็ต้องการคนพื้นที่ให้พาไปไง คนรวยทั้งนั้นแหละชุ แค่เศษเงินเขา ไม่ได้เยอะอะไรหรอก’ นั่นคือข้อมูลที่เธอได้มาจากเพื่อนที่เรียนอยู่คณะเดียวกัน เพราะเพื่อนก็ทำงานรับจ้างเป็นเพื่อนนี้มาหลายเดือนแล้วเหมือนกัน และก็ได้เงินดีจนมีเงินเก็บและส่งเสียทางบ้านได้ แต่สีหน้าของชุติมน
คฤหาสน์กว้างใหญ่นี้ไม่ใช่เพียงสง่างามน่าเกรงขาม ทว่าเธอกลับรู้สึกเหมือนกับว่าที่นี่มีพลังงานบางอย่างที่ทำให้เลือดในกายของเธอเย็นเฉียบ ทุกย่างก้าวที่เดินตามอาฉีจึงพยายามแล้วที่จะสลัดไล่ความประหม่าในหัวใจนี้ออกไป แต่อาการเสียวสันหลังวาบๆ นี่คืออะไรล่ะ ที่นี่มีอะไรที่น่ากลัวอย่างนั้นเหรอ ‘ฉันว่าแกต้องเจอเนื้อคู่ที่ฮ่องกงแน่ยัยพุด’ ‘ทำไม... ทำไมต้องฮ่องกง’ ‘อ้าว... ก็เวลาฝันว่างูรัดก็แปลว่าจะเจอเนื้อคู่น่ะสิ แต่นี่แกดันฝันว่ามังกรรัด มังกร ฮ่องกง เข้ากันจะตายไป มังกรตาสีเขียวด้วย จำไว้นะถ้าเจอใครตาสีเขียว นั่นแหละเนื้อคู่แก’ นั่นคือคำหยอกเย้าของชุติมนต์เมื่อเธอบอกเล่าความฝันนั้นให้ฟังก่อนที่จะเดินทางมาที่นี่ เพราะความฝันดันเกิดขึ้นเมื่อคืนน่ะสิ คืนก่อนวันเดินทางแต่กลับฝันสัปดน แค่เธอฝันว่าถูกมังกรรัด ชุติมนต์ยังล้อเลียนเธอแบบนี้ หากเธอพูดทั้งหมดว่าถูกมังกรทำ... ชุติมนต์จะไม่ยิ่งล้อมากกว่านี้เหรอ แต่สัมผัสวาบหวิวรอบกายและหนาวจนต้องลูบต้นแขนที่รับรู้ได้ในขณะนี้ อินถวากลับคิดต่าง เพราะหากดวงตาสีเขียวมาปรากฏตรงหน้าจริง นั่นเธอจะคิดว่