“ไอ้บ้า! ปล่อยฉันนะ ปล่อย!”
“หึหึ... ปล่อยข้างในหรือปล่อยข้างนอกดีล่ะ อูย... ของจริงนะนี่”
“ไอ้บ้า! ไอ้คนผีทะเล ปล่อยฉันนะ! ปล่อย!”
อินถวากรีดร้องขนหัวขนตัวลุกพรึบไปทั้งร่าง เพราะฝ่ามือใหญ่นั้นยังกอบกุมเต้าอวบของเธอไม่ปล่อย แรงบีบเคล้น คำพูดเย้ายั่ว และท่าทางก้มดมผิวแก้มของเธอ ไม่ใช่ผีแน่ แต่เป็นคนที่ชีกอที่สุด คนชีกอที่บังอาจมาแตะต้องของสงวนของเธอตั้งแต่แรกพบ
“ปล่อยทำไมล่ะ ที่เธอมองฉันเมื่อกี้ รู้นะ... หมายความว่ายังไง เราไปปล่อยกันเลยดีกว่า ฉันจะได้ช่วยสำรวจดูไงว่าเธอมีจุดไหนที่ต้องทำเพิ่มหรือทำลดบ้าง แต่... เอิ่ม... ที่ฉันเห็น”
ดวงตาคมเข้มกวาดไล้ไปทั่วไปหน้าของอินถวาก่อนจะไล่ลงมาตามลำคอระหงและลงไปหยุดอยู่ที่เนินอก พร้อมกับออกแรงบีบคลึงเคล้น ก่อนจะพูดต่อ “และที่ฉันกำลังจับอยู่นี่ไม่ต้องทำเพิ่มหรอกนะ แต่ที่ไม่เห็นก็ต้องพิสูจน์”
อินถวากรีดร้องอย่างหยุดไม่ได้เมื่อฝ่ามือนั้นร่ายเวทมนตร์เข้าใส่ เพราะเธอไม่รู้ว่ากำลังเผชิญหน้าอยู่กับอะไร นี่คือความจริงที่ต้อนรับเธอตั้งแต่แรกก้าวเข้าสู่คฤหาสน์ลี หรือว่าทั้งหมดนี้เธอยังหลับฝันอยู่บนเครื่องบิน แต่แรงบีบหยอกเย้าพร้อมปลายนิ้วที่เคลื่อนมาสู่ยอดอกก่อนจะขยี้เบาๆ นี่ไม่ฝันแน่
“กรี๊ดดดดด... ปล่อยฉันนะ! ปล่อย! ลุงฉีช่วยหนูด้วย ลุงฉี!”
ร่างสูงใหญ่ที่สูงกว่าเธอมากๆ พยายามจะรั้งเธอเข้าไปยังปีกอาคารมืดทึบที่เขาเพิ่งโผล่ออกมา แต่เธอจะไม่ยอมให้เขาพาเธอเข้าไปได้เด็ดขาด ตัวช่วยเดียวก็คืออาฉี
“คุณชายครับ ปล่อยเธอเถอะครับ คุณเหมยอิงรอเธออยู่”
ดวงตาสีเขียวมรกตของไรเฟิลกรอกมองบนอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไร ชูมือขึ้นราวกับเธอคนนี้เป็นของร้อนก่อนจะกำแน่นแบบผู้ใหญ่ถูกขัดใจ เพราะใจนั้นไม่อยากปล่อยดอกไม้แสนสวยดอกนี้เลยสักนิด แต่ชื่อของ ‘เหมยอิง’ ทำให้เขาจำยอม เพราะคุณเหมยอิงที่อาฉีบอกนั้นก็คือแม่นมของเขาเอง ในคฤหาสน์ลีนี้มีผู้หญิงอยู่ 2 คนที่เขาจะเกรงใจ นั่นคือ ‘คุณนายเชอร์รี่’ ผู้เป็นแม่ และอีกคนก็คือเหมยอิงที่เป็นแม่นมเท่านั้น นอกนั้นใครก็อย่ามาขัดใจ
และเพียงแค่ร่างกายเป็นอิสระ อินถวารีบวิ่งไปหลบด้านหลังของอาฉีอย่างเร็ว ใบหน้าตื่นตระหนกซุกอยู่ที่แผ่นหลังไม่กล้าแม้แต่จะเยี่ยมหน้าออกมามองความหล่อเหลาปานเทพบุตรนั้น เพราะเธอกลัวเหลือเกิน กลัวว่าเขาจะไม่ปล่อย กลัวว่าเขาจะจับ จะบีบ จะเคล้นคลึง จะบี้บดปลายยอดอย่างเมื่อครู่ และกลัวใจตัวเองที่สุดว่าจะสมยอม เพราะโรคของเธอกำลังกำเริบ
“เห็นแก่คุณเหมยอิงนะ ไม่อย่างนั้น... เสร็จแน่ ว่าแต่ระวังตัวหน่อยก็แล้วกัน”
อินถวาหูผึ่งเมื่อได้ยินคำทิ้งช่วงของเขา ‘ระวัง’ เขาจะให้เธอระวังอะไร ระวังความกลัดมันของเขา หรือว่าระวังโรคของเธอจะกำเริบ ทว่าสิ่งที่คนหล่อพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินจากไปกลับทำให้อินถวาร่างแข็งราวกับถูกสตาฟไว้ที่ข้างตึกนี้
“ที่นี่น่ะ ‘ผีดุ’ นะ เตือนด้วยความหวังดี เดี๋ยวจะหาว่ามาอยู่ใหม่แล้วไม่เตือน”
เสียงหัวเราะจากเทพบุตรผีทะเลยังดังให้ได้ยินแม้ร่างสูงใหญ่ราวกับยักษ์นั้นจะหลบเลี่ยงเข้าไปภายในแล้วก็ตาม แต่เธอล่ะ อินถวาหน้าแหยซีดเหลือสองนิ้วเมื่อหันมองอาฉี เพราะเธอต้องการคำอธิบาย เธออยากรู้ว่าที่นี่ผีดุจริงตามที่ผีทะเลสุดหล่อนั่นบอกหรือเปล่า แล้วผีที่ฮ่องกงนี้กลัวอะไร กลัวพระไหม หรือว่ากลัวผ้ายันต์เหมือนอย่างที่เธอเห็นอาจารย์เซียนใช้แปะหน้าผากผีในภาพยนตร์จีน
.
.
ทันทีที่พบคุณเหมยอิง ‘คุณแม่บ้านใหญ่’ แห่งคฤหาสน์ลี อินถวาไม่เก็บความสงสัยในสิ่งที่อยากรู้ เพราะเมื่อเธอถามจากอาฉี อาฉีก็บ่ายเบี่ยงให้เธอสอบถามจากคุณเหมยอิงเอง เธอจึงสอบถามถึง ‘คำเตือน’ ด้วยความหวังดีแบบพิลึกๆ นั่นกับคุณเหมยอิงทันที ทว่าคุณแม่บ้านใหญ่กลับทำสีหน้างุนงงพร้อมเหลือบสายตาขึ้นสบกับอาฉีอย่างต้องการคำอธิบาย
อาฉีจึงก้าวเข้าไปใกล้พร้อมกับสนทนาเป็นภาษาจีนอย่างแผ่วเบา จนอินถวาอดคิดไม่ได้ว่าเพราะนั่นอาฉีไม่อยากให้เธอฟังรู้เรื่อง แต่เธอเป็นคนเสียหายนะ อาฉีควรจะบอกให้หมด แต่คุณเหมยอิงที่มีสีหน้าตกใจ ดวงตารีเล็กเบิกขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ทั้งยังกระพือพัดผ้าไหมสีขาวส่งลมใส่ใบหน้าตนเองราวกับจะเป็นลม นั่นก็ทำให้อินถวาพอใจขึ้น เพราะท่าทางแบบนี้ย่อมหมายความว่าอาฉีเล่าเรื่องทั้งหมดให้คุณเหมยอิงฟังแล้ว
“คุณชายเธอก็แค่ล้อเล่นเท่านั้นแหละจ้ะ ผีมีที่ไหนกัน ฉันอยู่ที่นี่มาตั้งนานก็ยังไม่เคยเจอเลยนะ”
“แต่นายผีทะเลนั่นบอกแบบนี้จริงๆ นะคะ เขายังบอกว่า เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน”
คุณเหมยอิงที่ใช้พัดปิดบังใบหน้าที่เธอดูรู้ว่ากำลังยิ้มอยู่ ยิ่งทำให้อินถวาแปลกใจ เพราะอีกเรื่องที่เธออยากรู้ก็คือ คุณชายผีทะเล ที่หล่อเริศไปจนถึงยุโรปนั้นเป็นใครกัน เขาทำหน้าที่อะไรในคฤหาสน์ลี อาฉีกับคุณเหมยอิงถึงได้เรียกเขาว่า ‘คุณชาย’ และทำไมคุณเหมยอิงถึงได้ขำขันในสิ่งที่คนผีทะเลนั้นทำกับเธอ ถ้าเธอจะเรียกร้องความชอบธรรมให้กับตัวเองตั้งแต่วันแรกที่มาถึง คุณเหมยอิงจะจัดการให้เธอได้หรือไม่
“ผีน่ากลัวๆ ไม่มีหรอกจ้ะ จะมีก็แค่ผีทะเลอย่างที่หนูบอกนั่นแหละ”
นั่นคือคำตอบเจือเสียงหัวเราะของคุณเหมยอิง แต่ไม่ใช่สิ่งที่อินถวาต้องการเลย ถ้าไม่มีแล้วทำไมเธอถึงรู้สึกเหมือนถูกแอบมอง ยิ่งได้รับคำสนับสนุนจากเขาคนนั้น เธอก็ยิ่งหวาดหวั่น “แต่ผีทะเล เอ่อ... แต่ผู้ชายคนนั้นบอกว่ามีผีจริงๆ นะคะ” อินถวายังคงแย้งเสียงค่อย ไม่กล้าจะพูดเต็มเสียง เพราะกลัวว่าคุณเหมยอิงจะหาว่าเธอเพ้อเจ้อ แต่ผู้ชายคนนั้นก็พูดให้เธอกลัวจริงๆ คนไม่รู้จักกันทำไมต้องมาหลอกผีกันด้วย ถ้าผีไม่มีอยู่จริง “หนูกลัวผีเหรอจ๊ะ แหม... ใครๆ เขาก็ว่าผีไทยน่ะน่ากลัวที่สุดในโลก นี่มาอยู่ฮ่องกง กลัวอะไรกับผีฮ่องกง ที่ฮ่องกงเนี่ยค่าครองชีพแพง ฉันว่าตายเป็นผีแล้วก็ต้องจ่ายนะ ของฟรีๆ ที่ฮ่องกงคงไม่มีหรอก ว่าไงอาซู อาหนิง เห็นด้วยกับฉันมั้ย” เหมยอิงหันไปถามความคิดเห็นจาก 2 สาวใช้ที่ชื่อ อาซู กับ อาหนิง และทั้งสองสาวก็ประสานคำตอบว่า “เห็นด้วยค่ะคุณเหมยอิง” นั่นยิ่งทำให้อินถวาไม่กล้าที่จะแย้งอะไรอีก จะยังไงเธอก็มาถึงที่นี่แล้ว สิ่งเดียวที่ต้องทำให้สำเร็จก็คือ ทำงานที่ได้รับการว่าจ้างมา “แล้วสรุปว่าไงล่ะพุดซ้อน หนูกลัวผีเหรอจ๊ะ”
“ผีทะเล... เอ่อ... ผู้ชายคนนั้น ทำไมเหรอคะ” “สรุปว่าหนูรู้จักคุณชายแล้วใช่มั้ยจ๊ะ ถ้าอย่างนั้นฉันจะได้ไม่ต้องพาไปแนะนำอีก” “รู้จักหน้าค่ะ แต่หนูไม่รู้จักชื่อคุณชายคนนั้น” อินถวายิ่งงงหนักเมื่อคุณเหมยอิงปรายตามองอาฉีอย่างคาดโทษก่อนจะหันมาหาเธอ พร้อมกับสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้ แต่เป็นความเข้าใจที่ทำให้ขนหัวเธอลุกตั้งเสียยิ่งกว่าตอนที่คิดว่าผู้ชายคนนั้นเป็นผีซะอีก เพราะเขาเป็นใครบางคนที่เธอแตะต้องไม่ได้ “นั่นแหละจ้ะ ‘คุณชายไรเฟิล ลี’ ทายาทคนเดียวของตระกูลลี และก็เป็นคนเดียวกันกับผีทะเลที่หนูบอกนั่นแหละ” อินถวาส่ายหน้าดิก ‘ไม่นะ ไม่น่าจะเป็นไปได้’ เธอคิดว่าที่อาฉีเรียกเขาว่า ‘คุณชาย’ ก็คือการให้เกียรติเหมือนอย่างที่อาฉีเรียกเธอว่า ‘คุณ’ ไม่ใช่ว่าเขาจะเป็นใครที่สำคัญของคฤหาสน์นี้แน่ และผู้ชายคนนั้นก็เป็นคนยุโรปไม่ใช่เอเชียอย่างที่เธอเป็น อย่างนั้นเป็นไปไม่ได้แน่ว่าเขาจะเป็น ‘คุณชายลี’ นายจ้างของเธอ แต่สายตาเกรงๆ พร้อมใบหน้าที่พยักน้อยๆ ของอาฉีที่ส่งมาก็ทำให้เธอปฏิเสธไม่ได้ “ฉันว่าที่หนูควรจะกลัวมากกว่าผีตัวอื่น ก็น
“กรี๊ดดดดด... อย่ามาหลอกอย่ามาหลอนกันเลยค่ะ หนูกลัวแล้ว หนูไม่ได้มาลบหลู่ดูหมิ่นอะไรนะคะ หนูก็แค่มาทำงาน หนูจะสวดมนต์แผ่เมตตาไปให้นะคะ หนูกลัวแล้ว ฮือออออ... หนูกลัวแล้ว...” อินถวายกมือไหว้ปะหงกๆ เพราะคิดว่าเธออาจจะถูกผีหักคอแน่วันนี้ แต่ผีที่เงียบไปทำให้อินถวาต้องฝืนแหงนหน้าลืมตามองไปที่หน้าต่าง และก็พบว่าเงาดำนั้น ‘ไม่มี’ หรือว่าเงาดำนั้นหายวับไปแค่เธอคว้าเอาพระเครื่องมากำไว้ หรือว่าจริงๆ แล้วนั้น เงาดำไม่มีตั้งแต่แรก แต่เป็นตัวเธอที่หลอนไปเอง “หรือว่าเราคิดไปเอง ฮือ... กลัวอ่ะ แม่จ๋าพุดกลัว” ดวงตาหวาดหวั่นมองซ้ายมองขวารอบตัวเองอยากให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรอยู่กับเธอในห้องนอนนี้จริง ก่อนจะค่อยๆ เดินไปที่หน้าต่างอย่างกล้าๆ กลัวๆ หวังเพียงว่าหากปิดผ้าม่านลง เธอก็จะไม่ต้องเห็นเนินดินให้จินตนาการหวาดหวั่นนั้นบังเกิดอีก แต่กว่าจะรูดม่านให้ปิดได้ อินถวาก็ต้องเผชิญกับอาการสั่นแล้วสั่นอีกจนต้องสวดมนต์ไปด้วยรูดปิดม่านไปด้วย และเมื่อปิดได้ ร่างแบบบางก็ถลาขึ้นไปนั่งสั่นอยู่บนเตียงทันที เสียงกรีดร้องพร้อมคำพร่ำพูดอย่างหวาดกลัวเต็มที่ทำให้เจ้าของเงาผลุบ
ฝ่ามือตบเบาๆ ที่ข้างแก้มจนอินถวาคิดว่าสามารถสะกดโรคไว้ได้แล้ว ดวงตาสวยหวานสุกสกาวดุจดวงดาวบนฟากฟ้าจึงเปิดขึ้นอีกครั้ง และครั้งนี้มองตรงไปที่เงาสะท้อนของตนเองอย่างมุ่งมั่น เธอต้องจัดการกับตัวเองได้ เพราะเธอมาเพื่อทำงาน รีบทำงานตามหน้าที่ของตนเองให้สำเร็จ จะได้รีบกลับบ้านไปหาแม่ และหากว่าเธอมีเงินเก็บก็อาจจะส่งไปให้แม่บินมาเยี่ยมเธอที่นี่ก็ได้ แต่ก็คงอีกนาน เพราะเธอเบิกเงินล่วงหน้ามาแล้ว “ฉันจะต้องทำได้ ฉันชอบเฮฮาแต่ไม่บ้าผู้ชาย อิอิ...” พูดกับตัวเองพร้อมทำท่าทางยักแย่ยักยันเหมือนจะเต้นแต่ชุดก็ไม่เข้ากับท่า ก่อนจะหัวเราะเบาๆ พลางฝ่ามือบอบบางก็จัดแต่งทรงผมที่ถักเปียรอบศีรษะให้เข้าที่อีกครั้ง จับลูกผมที่ตกเรี่ยร่ายข้างแก้มให้แซมเข้าไปในแนวเปีย ตรวจดูใบหน้าให้สะอาดสะอ้าน พร้อมหันซ้ายหันขวาสำรวจชุดที่สวมใส่ว่ามีตรงส่วนใดยับยู่ไม่เรียบร้อยหรือเปล่า ไม่ว่าจะเป็นช่วงอก ช่วงเอว หรือช่วงสะโพก เธอควรต้องเรียบร้อยและดูดี และเธอก็เห็นบางอย่างที่ไม่ควรจะมี นั่นคือเศษด้ายที่หลุดลุ่ยอยู่ตรงช่วงอกในส่วนของดอกไม้สีชมพูที่ปักเอาไว้พอดี “อ้าว... มีเศษด้ายอีก
“ใช่จ้ะ หนูมีปัญหาอะไรหรือเปล่าจ๊ะ ที่คุณชายท่านเลือกหนู ก็แปลว่าหนูมีคุณสมบัติที่ท่านต้องการ” เหมยอิงพูดเสียงเรียบเพราะความจริงนั้นเธอถูกบังคับด้วยลูกอ้อนมากกว่า พร้อมกับสัญญาที่คุณชายให้ไว้ 1 ข้อ ‘นะครับแม่เหมย ผมอยากได้เธอมาเป็นแม่บ้านประจำตัวผมจริงๆ’ นั่นคือคำพูดหนักแน่นที่มาพร้อมกับสีหน้าออดอ้อนของคุณชายไรเฟิล เด็กชายตัวน้อยที่เคยได้ดื่มกินน้ำนมของเธอตั้งแต่อ้อนแต่ออก พอโตขึ้นคุณชายก็เลยติดนิสัยต้องกินนมก่อนนอนทุกคืน แต่ก็ไม่เคยสักครั้งที่จะคิดกินนมเอเชีย เพราะทุกครั้งก็เห็นว่าคุณชายอิมพอร์ตมาจากทางโซนยุโรปทั้งสิ้น และครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่คุณชายร้องขอแกมบังคับ แต่เธอจะทำอย่างนั้นได้เหรอ จู่ๆ จะมายกอินถวาให้คุณชายดื้อๆ คงไม่ได้หรอก คนไม่ใช่ผักใช่ปลา ทั้งหมดอินถวาต้องยอมรับเอง เพราะผู้หญิงไทยมีวัฒนธรรมเคร่งครัดไม่ต่างจากผู้หญิงจีน หากเธอไม่ได้เต็มใจในสิ่งนั้น หลากปัญหาก็จะตามมาไม่จบสิ้น และคนแก้ปัญหาไม่พ้นจะเป็นเธอแน่ นั่นคือลางสังหรณ์ที่ตามมา เมื่อสบสายตาคมเข้มเว้าวอนคู่นั้น ‘ไม่ได้หรอกค่ะคุณชาย หนูพุดซ้อนน่ะเพื่อนของแม่เหมยฝากฝังม
เอกสารสัญญาว่าจ้างที่อยู่ในมือทำให้ไรเฟิลต้องแย้มรอยยิ้มอย่างมาดหมาย เพราะสิ่งไหนที่เขาอยากได้ก็ย่อมต้องได้อย่าง 100% จะไม่มีใครหน้าไหนมาขัดขวางได้เด็ดขาด และหากดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ส่งกลิ่นหอมไกลจากเมืองไทย ไม่ยอมทำตามที่เขาต้องการ เขาก็มีอีกหลากหลายวิธีที่จะจัดการกับเธอ หนึ่งในนั้นก็คือ กระดาษในมือ ‘ผู้หญิงไทยมีค่านิยมรักนวลสงวนตัว เธอจะเก็บความบริสุทธิ์ไว้เพื่อผู้ชายที่คิดว่าจะเป็นคู่ชีวิตเท่านั้น หากคุณชายทำลายเธอ โดยที่เธอไม่ยินยอม นั่นคือคุณชายสร้างบาปมหันต์ ดังนั้น ห้ามคุณชายบังคับหรือข่มขืนทั้งจิตใจและร่างกายของพุดซ้อนเด็ดขาด ถ้าเธอไม่ยอม คุณชายต้องถอย’ นั่นคือคำสัญญาที่เหมยอิงขอจากเขา ซึ่งแน่นอนว่าเขารับปาก เพราะตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยต้องข่มขืนใคร มีแต่ผู้หญิงจะวิ่งเร่เข้ามาข่มขืนเขาซะมากกว่า ดังนั้นเรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นแน่เด็ดขาด เพราะอินถวาต้องสมยอมทุกประการอยู่แล้ว และอีกไม่กี่นาทีต่อจากนี้เขาก็จะได้พิสูจน์ว่าสิ่งที่คิดไว้นั้นจริงหรือเปล่า เขาจะสำรวจตรวจตราอินถวาทุกตารางนิ้ว ตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า จะทั้งตรวจและจดทุกรายละเอียด ว่าร่างกาย
ก๊อก ก๊อก ก๊อก... เสียงเคาะจากด้านนอกทำให้ไรเฟิลตื่นจากภวังค์ ยิ้มกว้างก่อนจะปรับเป็นเรียบเฉย ดวงตาหวานคมและบ่มไปด้วยแววกรุ้มกริ่มตวัดมองไปที่จุดกำเนิดของเสียง จับจ้องเมื่อประตูไม้สักขนาดใหญ่นั้นเคลื่อนออกจากแรงของคนด้านนอก และดวงตาของมังกรหนุ่มก็ไม่ได้ละจากเรือนร่างที่เดินค้อมกายอย่างสุภาพตามติดด้านหลังของเหมยอิงเข้ามาเลย อินถวานั่งนิ่งก้มหน้ามือประสานกันที่หน้าตักคล้ายกับกำลังตั้งใจฟังสิ่งที่เหมยอิงกับคุณชายลีพูดคุยกัน แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่เลย เธอเหมือนคนที่กำลังลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าจนหูทั้งสองข้างได้ยินเสียงอื้ออึง เพราะมัวแต่คิดถึงสิ่งที่ต้องเผชิญต่อจากนี้มากกว่า เพราะเมื่อตัดสินใจไปแล้วว่าจะทำงานรับใช้คุณชายลี โดยยอมรับตำแหน่งแม่บ้านประจำตัวที่ต้องคอยดูแลคุณชายลีทุกอย่าง ตั้งแต่ตื่นนอนจนถึงเข้านอน เธอก็ต้องเข้ามาอยู่ในอาณาจักรของเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เดิมทีคิดว่าจะทำงานอยู่แต่เพียงในครัว จะไม่ออกมาเสนอหน้าให้คุณชายลีได้เห็นเด็ดขาด นั่นก็คงจะยับยั้งอาการกำเริบของโรคได้ แต่เมื่อสถานการณ์พลิกผัน จากที่ต้องการหลบหลีกกลับกลายมาเป็นใกล้ชิด นั่นทำให้เธอ
“ก็ได้ งั้นเรามาเริ่มกันเลย ก่อนอื่นเธอต้องเปลี่ยนชุด ชุดนี้ไม่ใช่แม่บ้านของฉัน” “อ้าว... ไม่ใช่เหรอคะ แต่ฉันเห็นอาซู อาหนิง และคนอื่นๆ ก็ใส่แบบนี้นะคะ” ดวงตาสวยหวานก้มมองชุดที่ตัวเองสวมใส่อยู่ ตั้งแต่แรกเห็นเธอก็ว่าชุดนี้สวยมาก เพราะหากอยู่ที่เมืองไทย เธอคงไม่มีโอกาสได้ใส่ชุดกี่เพ้าแบบนี้ในชีวิตประจำวันหรอก ยังนึกชื่นชมวิถีชีวิตของคนฮ่องกงสมัยใหม่ที่ไม่ว่าอย่างไรก็ยังมีวัฒนธรรมจีนแทรกซึมอยู่โดยทั่ว แต่หากคุณชายลีบอกว่านี่ไม่ใช่ชุดที่เธอจะใส่ แล้วชุดไหนล่ะถึงจะเรียกว่า ‘แม่บ้านของฉัน’ “ไม่เหมือนกันสิ เพราะนี่น่ะชุดแม่บ้านขั้นหนึ่ง แต่เธอน่ะเป็นแม่บ้านขั้นสอง ก็ต้องมีความพิเศษหน่อย” “พิเศษเหรอคะ แม่บ้านขั้นสอง...” “ใช่” เสียงสูงของคุณชายลีพร้อมสายตาที่มองมายังเธอทำให้อินถวาสะท้านไปทั้งร่าง เพราะนั่นทำให้ความงุนงงของเธอหายวับ สายตาแบบนี้ เขาจะให้เธอใส่ชุดอะไร ชุดนั่นน่ะเป็นชุดของแม่บ้านจริงเหรอ หรือเขาจะให้เธอใส่ชุด ‘วันเกิด’ แค่คิดขนกายก็ลุกพรึบอีกแล้ว เพราะสัมผัสเมื่อเช้าเธอยังจำได้นะ “ตามมาสิ”
“ได้สิครับ ผมสัญญาจะทำให้ดีที่สุด เริ่มต้นจากส่งเมียจ๋าขึ้นสวรรค์ก่อน” “อ่ะ! ว้าย! ไรเฟิล...” อินถวาหมดหนทางจนต้องอุทานเพราะสิ่งที่เธอควรทำก็คือปิดริมฝีปากของตัวเองที่จะกรีดร้องจากความเสียวซ่านนั้นออกมา เพราะไรเฟิลวาดลวดลายผ่านปลายลิ้น ตั้งแต่ทั่วพื้นที่ของอกอวบจนดูดดุนเบาๆ ที่ยอดอก ก่อนจะลากริมฝีปากและปลายลิ้นมาตามร่องอกมาคลอเคลียอยู่ที่หน้าท้องที่ยื่นนูน จนคนที่อยู่ด้านในประท้วงตอดตุบๆ “ลูกจ๋า... พ่อจะเข้าไปเยี่ยม” “ไรเฟิล... บ้าจริง...” “บ้าที่ไหนกันครับ ผมจะไปเยี่ยมลูก ลูกจ๋า... รอพ่อนะครับ” “อื้อ... บ้า...” ไรเฟิลหัวเราะพาริมฝีปากไปสู่จุดหมายที่อินถวารอคอย ก่อนจะชะงักเพราะดอกไม้งามสีชมพูอ่อนที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าดูอูมใหญ่กว่าเดิม รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า เพราะรูปร่างที่เต็มไม้เต็มมือขึ้นกว่าเดิมบวกกับอวัยวะที่ขยายใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับชีวิตน้อยๆ ก็ยิ่งทำให้เรือนร่างของคุณแม่มือใหม่นี้ดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบ รวมทั้งกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่เจืออยู่ก็ทำให้ไรเฟิลอดใจไว้ไม่ไหว จมูกโด่งจึงจดลงดอมดมควา
ไรเฟิลประคองร่างอวบอิ่มของอินถวามานั่งที่โต๊ะยาวด้านข้าง เขาบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้เธอรับรู้ เริ่มตั้งแต่ค่ำคืนแห่งการดินเนอร์นั้น นั่นคือแผนการของพ่อแม่ เพื่อให้ท่านยอมรับในตัวของอินถวา และยอมรับว่าความรักของเขาคือความจริง ไม่ใช่เพียงหลงเสน่หาชั่วครั้งชั่วคราว เริ่มจากอินถวารักเงินหรือว่ารักตัวเขากันแน่ ซึ่งเธอก็พิสูจน์แล้วว่าเงินจำนวน 50 ล้านที่พ่อเขาเขียนเช็คให้เธอนั้น อินถวาไม่แม้แต่จะเปิดดู ด่านแรกเธอผ่านไปได้ แต่ด่านที่ 2 ที่ใช้ระยะเวลาเป็นตัวชี้วัด ใน 3 เดือนที่ต้องจากกันอย่างเข้าใจผิด อินถวาจะยังซื่อสัตย์กับเขาหรือไม่ ทั้งๆ ที่เธอก็เห็นว่าเขานั้นทรยศเธอไปแล้ว และอินถวาก็ไม่ทำให้เขาผิดหวังเลย จากข่าวที่ได้รับจากเหมยอิงและมาร์กอส นั่นคืออินถวาไม่มีใครเลย เธอตั้งหน้าตั้งตาสร้างธุรกิจขนมไทยร่วมสมัยและใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่กับครอบครัว ส่วนตัวเขาเองก็ต้องอดทนกับการไม่ได้เห็นหน้าเธอ เขาต้องไปทำงานทุกวัน ต้องอยู่ในวงล้อมของผู้หญิงที่สวยงามมากมาย ทั้งซินเทียก็มาคลอเคลียกับเขาไม่ห่าง ใน 3 เดือน หากเขายังยึดมั่นอยู่กับอินถวา พ่อกับแม่ถึงจะ
ทว่าดวงตาสวยหวานของอินถวากลับหลับพริ้มแต่ก็ยังเห็นว่ามีหยาดน้ำเอ่อคลออยู่ ระยะเวลา 3 เดือนที่จากกัน เขารู้ว่าเธอก็ทุกข์ ส่วนเขานั้นก็ทุกข์อย่างแสนสาหัสเพราะนี่คือ บทพิสูจน์ที่จะทำให้พ่อแม่ยอมรับเธอ “พุดซ้อนครับ ได้โปรดลืมตาขึ้นมองผม ผมอยากเห็นดวงตาของคุณ อยากเห็นผมอยู่ในนั้น อยู่ในสายตาของคุณอีก พุดซ้อนครับ ได้โปรดเถอะ” อินถวากลั้นสะอื้น แค่ได้ยินน้ำเสียงสั่นเครือปนเว้าวอนอย่างนั้น เธอก็แทบจะซุกซบใบหน้าลงกับอกของเขา เพราะเธอเองก็คิดถึงเขาเหลือเกิน เวลา 3 เดือนที่ผ่านไปทำให้เธอมองเห็นโลกในต่างมุมมากขึ้น อารมณ์ชั่ววูบของเธอในวันนั้นทำให้ผลุนผลันจากมา แต่เมื่อคิดคำนวณทุกเหตุการณ์ก็จะพบว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นช่างประจวบเหมาะ นั่นเพราะพ่อและแม่ของเขาต้องการให้เกิดอยู่แล้ว และเป็นเธอเองที่ติดกับดักที่ท่านสร้างขึ้น เพราะเธอไม่มีทางรู้ได้เลยว่าไรเฟิลที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียงของซินเทียนั้น คนทั้งคู่เมคเลิฟกันจนเหนื่อยอ่อน หรือว่านั่นคือไรเฟิลถูกทำให้หลับ เพราะกับเธอนั้น เขาก็ไม่เคยเหนื่อยจนสลบถ้ายังไม่ถึงเช้า และหากเรื่องราวเป็นไปอย่างที่เธอคาดเดา
“ค่ะแม่ พุดก็ว่าจะรับอีกแค่สองคนเท่านั้นค่ะ ไม่อย่างนั้นพุดจะดูแลไม่ทั่วถึง ถ้าขนมไม่ได้คุณภาพจะกลายเป็นผลเสียแทน แล้วน้าอิฐล่ะคะ เช้านี้พุดยังไม่เห็นเลย ไปธนาคารเหรอคะแม่” เธอถามหาน้าชาย เพราะปกติจะเห็นอยู่ในออฟฟิศฝั่งตรงกันข้าม แต่เช้านี้เธอยังไม่เห็นเลย “ไปสนามบินน่ะ” “ไปทำไมคะ มีอะไรเหรอ” “ก็เรื่องที่น้าอิฐเขาจะนำเข้าอะไหล่รถนั่นแหละ วันนี้ทางนั้นเขาบินมา น้าอิฐก็เลยไปรับ” น้ำเสียงเศร้าๆ ของแม่ทำให้อินถวาโอบกอดรอบเอวเจ้าเนื้อของแม่เอาไว้ เธอรู้ว่าแม่รักธุรกิจเต็นท์รถมือสองนี้มาก เพราะนี่คือสิ่งที่สร้างรายได้จนแม่สามารถส่งเสียเธอเรียนจนจบ และก็เป็นเหตุผลหลักที่เธอไปทำงานที่ฮ่องกง เพราะไม่อยากให้แม่ต้องสูญเสียสิ่งนี้ไป แต่วันเวลาก็ไม่แน่นอน ในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ รถยนต์มือสองขายยากและก็ยังหาซื้อมาใส่เต็นท์ได้ยากเช่นกัน น้าอิฐจึงปรึกษากับแม่ว่าควรลดซื้อรถยนต์แต่เปลี่ยนมานำเข้าอะไหล่แทน และหากมีคู่ค้าอยู่ที่จีนหรือที่ญี่ปุ่นก็จะดีมาก เพราะการสั่งนำเข้าหรือการหาอะไหล่ที่ยากๆ ก็จะทำได้อย่างเร่งด่วน และตอนนี้แม่ก็วางมื
“ถ้าถือว่าผมเป็นเพื่อน ให้เพื่อนคนนี้ไปส่งให้ถึงเมืองไทยนะครับ เพื่อนจะได้สบายใจ ว่าได้ส่งเพื่อนถึงสถานที่ที่ปลอดภัยแล้ว ไม่ลำบากหรอกครับ” อินถวาพยักหน้ารับดวงตารื้นไปด้วยหยาดน้ำ ก่อนจะขอตัวไปซื้อพลาสเตอร์แปะแก้เมาเครื่องบินก่อน โดยมีมาร์กอสมองตามร่างงามระหงที่เดินตรงไปยังร้านขายยา ดวงตาสีฟ้ามีแววกังวลใจก่อนจะล้วงเอาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงที่สั่นไม่หยุดขึ้นมา ‘ไรเฟิล’ แม้หน้าจอโทรศัพท์จะระบุชื่อคนโทรเข้าแบบนั้น แต่มาร์กอสกลับเลือกที่จะปิดเครื่อง เพราะในเวลานี้ทุกคนควรได้รับโอกาสในการไตร่ตรอง เกือบ 3 ชั่วโมงจากฮ่องกงมาเมืองไทย อินถวาไม่ได้พูดอะไรเลย มีเพียงน้ำตาของเธอเท่านั้นที่เคลื่อนไหวไม่หยุด ทว่าเพียงถึงจุดหมายรอยยิ้มอย่างมีความสุขที่สุดก็ฉายชัดขึ้น ดั่งว่าเธอคนนี้ไม่ได้นำความทุกข์ใจกลับมาจากฮ่องกงด้วย “ส่งฉันเพียงเท่านี้ก็พอแล้วค่ะ ฉันถึงบ้านแล้ว ฝากคุณมาร์กอสขอโทษคุณวิคเตอร์กับคุณนายลีแทนฉันด้วยนะคะ สำหรับทุกเรื่องที่ฉันเสียมารยาทไว้ และฝากขอโทษคุณแม่บ้านใหญ่ ลุงฉี อาซู กับอาหนิงที่ฉันจากมาโดยไม่ได้ลา” “แล้วคุณไรเฟิลล่ะครับ คุ
“ถ้าเราท้องขึ้นมาล่ะ จะทำยังไง ไรเฟิลจะหาว่าเรามีลูกเพื่อไว้จับเขาหรือเปล่า และพ่อแม่เขาอีกล่ะ เขาจะทำยังไงกับเรา”อินถวาพึมพำก่อนจะสะดุ้งเพราะเสียงโทรศัพท์ภายในดังขึ้น เธอรีบเดินไปที่โทรศัพท์แต่ยังไม่วายจะชำเลืองมองไปที่ตึกใหญ่ เพราะคนที่โทรมาคือคนในตึกนั้น ดวงตาสวยมีแววเศร้ามองโทรศัพท์อย่างชั่งใจเพราะไรเฟิลไปดินเนอร์กับครอบครัวที่ตึกใหญ่และสัญญาว่าจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด ทั้งที่เธอเองก็เผื่อใจไว้อยู่แล้วว่าคงไม่เร็วแน่ เธอก็ไม่อยากได้ยินว่าเขาจะขออยู่ต่ออีกกี่ชั่วโมง จะกลับดึกกว่านี้ หรือว่าค่ำคืนนี้จะไม่กลับ “ฮัลโหล...” เสียงหวานเอ่ยทักเป็นภาษาอังกฤษ ไม่ใช้ ‘ไหว’ ที่เป็นภาษาจีนกวางตุ้ง เพราะคิดว่าคนที่โทรมาในยามดึกนี้คงมีแค่ไรเฟิลคนเดียวเท่านั้น ทว่าเสียงที่ตอบกลับมากลับทำให้อินถวารีบคว้าเสื้อคลุมและเดินออกจากตึกเล็กมุ่งตรงไปสู่ตึกใหญ่ในทันที เพียงไม่นานเธอก็มาถึงจุดหมายที่ใครคนนั้นบอกเอาไว้ ห้องนอนชั้น 2 ของปีกซ้าย ประตูห้องที่เปิดแง้มไว้ทำให้อินถวาถือวิสาสะเดินเข้าไปทันที ในนาทีที่หัวใจเธอใกล้จะระเบิดก็ขอให้เธอได้เห็นกับตาตัวเอง และสิ่งที่มองเ
“ฉันจะให้หนูห้าสิบล้าน เพื่อซื้อศักดิ์ศรีของหนู และเพื่อให้หนูไปจากชีวิตของไรเฟิล เพราะยังไงแล้วฉันก็จะไม่รับสะใภ้คนอื่นนอกจากซินเทียเท่านั้น ถ้าหนูยังอยู่กับไรเฟิล หนูก็จะเป็นได้แค่เมียเก็บเท่านั้น รับเงินไปเถอะ นี่จะเป็นโอกาสเดียวที่หนูจะได้เงิน” “หนู...” “อย่าปฏิเสธตอนนี้ หนูควรกลับไปคิดดูก่อน ถ้าหนูคิดว่าหนูรักไรเฟิลจริง หนูก็ควรจะให้เขาได้แต่งงานกับคนที่เหมาะสม ฉันพูดตรงๆ นะ ฉันต้องการให้ไรเฟิลแต่งงานกับซินเทียเท่านั้น เพราะนั่นคือธุรกิจที่จะมั่นคงขึ้นหากสองตระกูลมาเสริมกัน พูดแค่นี้หนูคงจะเข้าใจนะ” “ค่ะ” อินถวารับคำน้ำตารื้นจนแทบจะไหลออกมา “ฉันหวังว่าเรื่องนี้ไรเฟิลจะไม่รู้ เอ่อ... แต่ขนมอร่อยมากๆ ถ้าหนูจะอยู่กับไรเฟิลที่นี่ในฐานะเมียเก็บ ฉันก็จะไม่ขัดขวาง เพราะผู้หญิงที่ทำอาหารเก่งทำขนมอร่อยก็เหมาะที่จะเป็นเมียและเป็นแม่ของลูกจริงๆ นั่นแหละ เพียงแต่สำหรับตระกูลลีไม่ได้ต้องการผู้หญิงหลังม่านก็เท่านั้น” อินถวารับรู้ได้ถึงลมที่ร้อนวูบอยู่ในหูและความร้อนผ่าวในอก เมื่อต้องรับฟังสิ่งเหล่านั้นโดยไม่สามารถโต้แย้งอะ
มาร์กอสมองฝ่ามือบอบบางที่หยิบจับกระทงใบตองขึ้นมา ก่อนจะตักข้าวเหนียวมูนใส่ในกระทงเพียงค่อนใบ จากนั้นก็ตักสิ่งที่เขาเรียกว่าทอปปิ้งเพราะเธอนำมาราดไว้ที่ด้านหน้าของข้าวเหนียวจริงๆ “ลองดูนะคะ อันนี้เรียกว่า ข้าวเหนียวมูนหน้าสังขยา ฉันทำแบบไม่หวานมากค่ะ เวลาทานจะได้ไม่เลี่ยน” “อืม... อร่อยมาก อร่อยมากจริงๆ ครับ ลองอีกครับ ผมอยากลองอีก” อินถวานึกขำกับท่าทางของเขา แต่เธอก็รู้สึกมีความสุขไปด้วย ข้าวเหนียวมูนหน้าปลาแห้ง และ หน้ากุ้ง จึงถูกเสิร์ฟให้มาร์กอสได้ลิ้มรสจนครบ ไรเฟิลชะงักกับภาพที่เห็น อินถวายิ้มอย่างมีความสุขขณะอธิบายส่วนผสมของขนมหลากหลายอย่างที่เธอทำให้กับมาร์กอสที่ช่างซักช่างถามไม่หยุด “มาร์กอสดูมีความสุขนะคะ คงจะเจอคนถูกใจถึงได้คุยมากยิ้มมากขนาดนั้น” “ก็คงอย่างนั้น” ไรเฟิลพูดแล้วก็เดินตรงเข้าไปในครัว ปล่อยให้ซินเทียฟึดฟัดอยู่คนเดียว ไม่ใช่ว่าเขาไม่คิดอย่างที่ซินเทียคิด แต่เขาคิดไปมากกว่านั้น และซินเทียเองนั่นแหละที่ทำให้ความคิดเขาเปลี่ยนไป ‘คุยมากยิ้มมาก’ นั่นน่ะไม่ใช่นิสัยของมาร์กอสสัก
“เอาล่ะๆ เสียบรรยากาศหมด เอาเป็นว่าเดี๋ยวพาแม่หนูนั่นไปพบพ่อที่ในสวนก็แล้วกัน พ่อจะคุยกับเธอเอง” “สรุปว่าพ่อเข้าใจผมใช่มั้ยครับ” “เข้าใจ แต่ไม่ได้เห็นด้วยนะ ยังไงก็ต้องให้พ่อคุยกับเธอก่อน” “ผมมั่นใจว่าพ่อต้องชอบพุดซ้อนแน่ๆ” ไรเฟิลพูดอย่างมั่นใจก่อนจะลอบถอนหายใจเพราะเสียงแม่ที่พูดแย้ง “แต่ฉันมั่นใจว่าคุณต้องไม่ชอบ เพราะฉันยังไม่ชอบเลย” “แต่ผมกับคุณ ชอบอะไรที่แตกต่างกันเสมอนะเชอร์รี่” “ฉันจะคอยดู อีกอย่างคุณคิดเหรอวิคเตอร์ว่าลูกชายจอมเจ้าชู้ของคุณจะหยุดได้ที่เธอคนนั้น สุดท้ายเมียก็ช้ำใจไม่ต่างกันหรอก ลูกไม้หล่นใต้ต้นเสมอ พ่อยังไง ลูกก็คงไม่แตกต่าง” “ผมก็ว่าอย่างนั้นแหละ พ่อยังไง ลูกก็คงอย่างนั้น เพราะถึงผมจะเจ้าชู้ แต่ผมก็เป็นคนรักใครแล้วรักเลย รักคนเดียวตลอดไป แม้เธอจะ...” “ขี้เกียจฟัง แล้วฉันจะรอฟังข่าวว่าที่ลูกสะใภ้ของคุณ” เชอร์รี่ลุกขึ้นพรวดพูดแล้วยิ้มเหยียดก่อนจะเดินออกไป ปล่อยให้วิคเตอร์พ่นลมหายใจออกเบาๆ เพราะสุดท้ายเชอร์รี่ก็ยังรั้นตามเดิม เธอไม่รอให้เขาพูดให้จบด้วยซ้ำ