“ก็ได้ งั้นเรามาเริ่มกันเลย ก่อนอื่นเธอต้องเปลี่ยนชุด ชุดนี้ไม่ใช่แม่บ้านของฉัน”
“อ้าว... ไม่ใช่เหรอคะ แต่ฉันเห็นอาซู อาหนิง และคนอื่นๆ ก็ใส่แบบนี้นะคะ”
ดวงตาสวยหวานก้มมองชุดที่ตัวเองสวมใส่อยู่ ตั้งแต่แรกเห็นเธอก็ว่าชุดนี้สวยมาก เพราะหากอยู่ที่เมืองไทย เธอคงไม่มีโอกาสได้ใส่ชุดกี่เพ้าแบบนี้ในชีวิตประจำวันหรอก ยังนึกชื่นชมวิถีชีวิตของคนฮ่องกงสมัยใหม่ที่ไม่ว่าอย่างไรก็ยังมีวัฒนธรรมจีนแทรกซึมอยู่โดยทั่ว แต่หากคุณชายลีบอกว่านี่ไม่ใช่ชุดที่เธอจะใส่ แล้วชุดไหนล่ะถึงจะเรียกว่า ‘แม่บ้านของฉัน’
“ไม่เหมือนกันสิ เพราะนี่น่ะชุดแม่บ้านขั้นหนึ่ง แต่เธอน่ะเป็นแม่บ้านขั้นสอง ก็ต้องมีความพิเศษหน่อย”
“พิเศษเหรอคะ แม่บ้านขั้นสอง...”
“ใช่”
เสียงสูงของคุณชายลีพร้อมสายตาที่มองมายังเธอทำให้อินถวาสะท้านไปทั้งร่าง เพราะนั่นทำให้ความงุนงงของเธอหายวับ สายตาแบบนี้ เขาจะให้เธอใส่ชุดอะไร ชุดนั่นน่ะเป็นชุดของแม่บ้านจริงเหรอ หรือเขาจะให้เธอใส่ชุด ‘วันเกิด’ แค่คิดขนกายก็ลุกพรึบอีกแล้ว เพราะสัมผัสเมื่อเช้าเธอยังจำได้นะ
“ตามมาสิ”
และคุณชายสุดหล่อที่หันมาเรียกให้เธอเดินตามนั่นก็คล้ายกับว่าคำเตือนของเหมยอิงจะลอยตามลมมาให้ได้ยิน ว่าผีที่น่ากลัวที่สุดในคฤหาสน์แห่งนี้ ก็คือ ‘ผีทะเลสุดหล่อ’ นี่ไง และเหมยอิงก็พูดถูกที่สุดเพราะรอยยิ้มอย่างคาดหวังบางสิ่งที่คุณชายส่งมาให้ ทำให้หัวใจเธอเต้นรัวเพราะกลัวผีตนนี้เหลือเกิน ผีสุดหล่อกำลังจะลักพาหัวใจของเธอ
ทว่าห้องที่คุณชายลีพาเธอเดินเข้ามานั้นกลับทำให้ประสาทสัมผัสทั้งตัวของอินถวาแตกตื่นมายิ่งขึ้นเพราะนี่มัน ‘ห้องนอน’ ของใครล่ะ นั่นแหละสิ่งที่อินถวาครุ่นคิด แต่ที่นี่เป็นตึกเล็ก พื้นที่ส่วนตัวของคุณชายลีที่แยกออกจากตึกใหญ่อย่างสิ้นเชิง ห้องนอนนี่จะเป็นของใครล่ะ ถ้าไม่ใช่...
เจ้าของร่างสูงใหญ่ที่ยังคงก้าวเดินอย่างมั่นคงตรงไปที่ประตูบานใหญ่ที่เชื่อมต่อระหว่างห้องนอนกับห้องนั้นไว้ และเมื่อประตูถูกเลื่อนออก อินถวาก็ได้รู้ว่านั่นคือห้องแต่งตัวที่มีขนาดใหญ่ไม่แพ้ห้องนอน เพราะตู้เสื้อผ้าแบบบิวท์อินที่มองเห็นได้ทันทีนั้น กะจำนวนคร่าวๆ ก็มีมากกว่า 10 บานประตูตู้
คุณชายสุดหล่อผินหน้ามองมาก่อนจะเรียกให้เธอเดินตามเข้าไป นั่นทำให้อินถวาสะดุ้งน้อยๆ เพราะมัวแต่ตกตะลึงกับความยิ่งใหญ่ และกลัวๆ กล้าๆ กับสถานที่ จนลืมไปเสียสนิทว่าเขาจะพาเธอมาดูชุดแม่บ้าน แล้วชุดแม่บ้านประจำตัวเขาจะมาอยู่ในห้องแต่งตัวของเขาได้ยังไง แต่แล้วอินถวาก็ถึงบางอ้อเมื่อได้เห็นเสื้อผ้าเหล่านั้นทั้งหมด
“ไม่ค่ะ!! ยังไงฉันก็จะไม่ใส่ชุดแบบนี้แน่” ใบหน้างดงามส่ายดิก หัวเด็ดตีนขาด เสื้อผ้าเหล่านี้ก็จะไม่ได้ขึ้นมาอยู่บนร่างกายของเธอแน่
“ทำไมล่ะ นี่ยูนิฟอร์มของเธอนะ แม่บ้านขั้นสองก็ต้องใส่ชุดพวกนี้ทุกคน”
“ทุกคนเหรอคะ” อินถวาทวนคำเสียงสูง ‘ทุกคน’ นั่นแปลว่ามีหลายคนแล้วใช่ไหมที่ใส่ชุดนี้
“ใช่ ทุกคนเลย และก็ไม่เคยมีใครปฏิเสธด้วยนะ เลือกดูสิมีตั้งเยอะแยะ ต้องมีชุดที่เธอชอบแน่”
“ไม่ล่ะคะ ไม่มีชุดไหนที่ฉันชอบแน่” ใครจะไปชอบล่ะใส่ชุดซ้ำกับคนอื่น นั่นคือสิ่งที่คิด แต่ความจริงคือชุดวาบหวิวแบบนี้ เธอจะใส่ไปได้ยังไง
อินถวามองชุดที่ถูกแขวนอยู่ในตู้เสื้อผ้าที่จัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ ไม่ต่างจากเป็นร้านจำหน่ายสินค้าเฉพาะอย่าง เพราะชุดที่เขาบอกนั้นล้วนแต่มีจุดประสงค์เดียวกัน เสื้อตัวจิ๋วกับกระโปรงตัวสั้น หรือไม่ก็เป็นเอี้ยมกระโปรงแต่เสื้อตัวบนโปร่งใสยิ่งกว่ามุ้ง หรือไม่ก็เป็นรูปแบบวันพีชเว้าหน้าเว้าหลัง
“นี่ไม่ใช่ชุดแม่บ้านค่ะ แต่นี่เป็น...” เกิดอาการน้ำท่วมปากอย่างบอกไม่ถูก จะให้บอกยังไงว่านี่เป็นชุดแม่บ้านที่ใช้ไว้สำหรับถ่ายแบบวาบหวิว หรือไม่ก็เป็นชุดสำหรับนักแสดงหญิงจะใส่เพื่อเล่นภาพยนตร์บางอย่าง ซึ่งนั่นไม่ใช่เธอแน่ เพราะเธอไม่มีรสนิยมนั้น หรืออาจจะมีแต่ก็ไม่ใช่ตอนนี้แน่
“นี่น่ะชุดแม่บ้านแบบพิเศษ เพราะฉันสั่งให้ช่างเขาตัดเย็บเป็นพิเศษ ไม่ซ้ำกับแบบที่มีขายในท้องตลาดแน่ เลือกสิ หรือว่าจะให้ฉันเลือกให้ ปกติแม่บ้านของฉันจะมีแต่สาวยุโรป เธอคนแรกที่เป็นเอเชีย และดูจากหุ่นเธอแล้ว อืม... ใส่ได้ทุกชุดแน่”
สายตาคมวาบของเขาที่ไล่ไปตามเนื้อตัวของเธอ ยิ่งทำให้อินถวาสั่นเป็นเจ้าเข้า แข้งขาอ่อนแรงจนอยากจะทรุดร่างลงนั่งกับพื้น แต่หากเธอทำแบบนั้นจะกลายเป็นอ่อยไปไหม เธอต้องเข้มแข็งและยืนยันในสิ่งที่คิด ไม่ก็คือไม่
“คุณชายคะ ฉันขอไม่ใส่ชุดพวกนี้นะคะ ถ้าคุณชายต้องการให้ฉันมารับใช้ส่วนตัว ฉันก็ขอใส่ชุดเหมือนกับคนอื่นๆ ค่ะ เดี๋ยวค่ะ ดิฉันมีเหตุผล” อินถวาพูดดักในทันทีที่คุณชายลีจะอ้าปากพูด เธอต้องหาเหตุผลมาค้าน ให้เขาปฏิเสธไม่ได้
“เหตุผลของฉันคือ ถ้าฉันใส่ชุดที่คุณชายเตรียมไว้ให้ คงไม่สะดวกตอนทำความสะอาด ตอนล้างห้องน้ำ ตอนจัดเตรียมเสื้อผ้าข้าวของให้คุณชาย รวมทั้งไม่สะดวกที่จะเข้าไปในห้องครัวด้วยค่ะ เอ่อ... และถ้าฉันต้องใส่ชุดแบบนี้เดินไปเดินมา ก็คงไม่เหมาะ”
“ไม่เป็นปัญหา เพราะชุดนี้จะไว้ใส่เวลาเธออยู่ในห้องนอนของฉันเท่านั้น หรือหากเธอจะใส่ไปเดินข้างนอกก็ไม่มีใครว่า เพราะคนของที่นี่รู้ดี ถ้าฉันมีคุณแม่บ้านอยู่ด้วย จะไม่มีใครกล้าเข้ามาที่นี่ ถ้าฉันไม่ได้สั่ง หึหึหึ... ไม่ต้องทำหน้างง เพราะไม่ว่าเธอจะทำอะไรในห้องนอนฉัน หรือด้านนอก ใส่ชุดพวกนี้ก็คงไม่เป็นปัญหา” อินถวาทำหน้างงตามที่เขาพูด หรืออาจเรียกว่าหน้าเอ๋อก็ได้ เพราะหากเป็นจริงอย่างที่คุณชายลีพูดไว้จริง ก็เท่ากับว่าเธอจะถูกตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิงน่ะสิ ไม่นะ ยังไงเธอก็จะไม่ยอม ยิ่งหนีให้ห่างก็ยิ่งถูกเงื่อนไขผูกมัด เธอต้องหาทางออก “อย่างนั้นก็ยิ่งไม่เหมาะค่ะ เพราะถ้าฉันต้องทำความสะอาดทั้งห้องน้ำ ห้องนอน ชุดสวยๆ พวกนี้คงจะเสียหายแน่ ให้ฉันใส่ชุดเดิมนะคะคุณชาย ฉันจะได้ทำงานได้สะดวกมากขึ้น” “จุ๊ จุ๊ จุ๊... เข้าใจผิดแล้วล่ะพุดซ้อน ฉันจะบอกหน้าที่ของแม่บ้านขั้นสองให้เธอเข้าใจ ที่เธอพูดมาน่ะ นั่นมันงานพื้นๆ ที่แม่บ้านขั้นหนึ่งเขาทำกัน แต่เธอน่ะพิเศษกว่านั้น” จากนั้นคุณชายไรเฟิล เจ้านายโดยตรงก็อธิบายหน้าที่ของแม่บ้านขั้นสองให้เธอฟัง อินถวาร
“ไม่มีเครื่องมืออะไรทั้งนั้นค่ะ เพราะฉันจะไม่ทำงานที่แบบนี้ และฉันบอกคุณชายไว้ก่อนเลยนะคะ ว่าคุณชายไม่มีทางที่จะบังคับฉันได้ เพราะฉันมาทำงานที่นี่โดยมีหนังสือสัญญาจ้างงานเป็นลายลักษณ์อักษร เข้ามาทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และกฎหมายก็จะคุ้มครองฉัน ไม่ให้นายจ้างอย่างคุณชายมาเอาเปรียบได้ ยิ่งเป็นงานที่ดูหมิ่นศักดิ์ศรีแบบนี้ด้วย ฉันยิ่งปฏิเสธจะไม่ทำได้ค่ะ” อินถวาเชิดหน้าขึ้นพูดอย่างไว้ตัว เพราะสิ่งที่คุณชายลีทำกับเธอนั้นถือว่าหยามเกียรติมากไปแล้ว นี่แหละที่เขาเรียกว่า ‘ความหล่อติดลบ’ เพราะอาการปลาบปลื้มความหล่อของคุณชายหายวับเมื่อเขาใช้คำพูดแบบนั้นออกมา และเธอจะทำจริงตามที่พูด หากเขาบังคับเธอ เธอก็จะไปฟ้องร้อง จะไม่ยอมให้เขาเห็นเธอเป็นของเล่นชั่วคราวแน่ ให้รู้ไปว่าหญิงไทยมีศักดิ์ศรีไม่แพ้ผู้หญิงชาติใดในโลก “อ๋อเหรอ รู้กฎหมายเหมือนกันนี่เรา แต่ลืมไปหรือเปล่าว่าสัญญาระบุว่าเธอต้องสวมใส่เครื่องแบบที่นายจ้างกำหนด” อินถวาชะงัก เพราะเงื่อนไขนั้นมีในสัญญาจริงๆ แต่ชุดเหล่านั้นก็เป็นชุดที่ทราบโดยทั่วกันว่าต้องเป็นชุดที่สุภาพ เหมาะสมกับงานที่ทำ แต่นี่ไม่ใช่
มือสั่นๆ ยื่นออกไปรับเอกสาร เพราะคุณชายลีกำลังหลอกให้เธอกลัวบางสิ่งที่มองไม่เห็น ‘ก๋งก๊ง’ นั่นคือคุณตาของเขาที่นอนอย่างสงบเงียบอยู่ในฮวงซุ้ยใกล้กับห้องพักของเธอใช่ไหม แค่คิดถึงเงาดำนอกหน้าต่างนั่น ขนทั่วกายของอินถวาก็ลุกตั้งอย่างพร้อมเพรียง ก่อนที่ขนบนหัวจะลุกตั้งยิ่งกว่าเดิมเพราะเมื่อสายตากวาดอ่านดูรายละเอียดในสัญญา คำพูดของเหมยอิงก็คล้ายจะก้องกังวานอยู่ในหัว เพราะสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าผีตนใดในคฤหาสน์คือคุณชายผีทะเลจริงๆ “ไม่จริง ไม่ใช่เรื่องจริงแน่ สัญญานี่ก็ไม่จริง นี่มันของปลอม ฉบับที่ฉันเซ็นไม่ใช่อันนี้” สัญญาที่มีลายเซ็นของเธอลงชื่อกำกับไว้อย่างถูกต้อง ทั้งยังมีแม่ของเธอกับชุติมนต์ลงชื่อไว้เป็นพยานอีกด้วย ดูยังไงก็คือฉบับเดิมแต่ที่เพิ่มเติมมาก็คือตัวเลขเงินค่าจ้างและเงินที่เธอเบิกล่วงหน้าไปแล้ว ซึ่งเงินจำนวน 5 ล้านบาทที่ระบุว่าโอนเข้าบัญชีของแม่ จะเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อก่อนที่เธอจะเดินทาง เธอเป็นคนนำสมุดบัญชีของแม่ไปอัพเดทพร้อมทั้งโอนเงินไปคืนให้กับทางบริษัทที่น้าอิฐติดหนี้ไว้เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเป็นไปไม่ได้เด็ดขาดที่จะมีเงินโอนไปให้แม่มากมายอย่
เธอยอมรับตำแหน่งแม่บ้านตามที่เขาบังคับขู่เข็ญ เพราะประตูทางออกจากคฤหาสน์ลีถูกปิดตายทุกทาง เมื่อเอกสารสำคัญสำหรับเดินทางและสำเนาสัญญาว่าจ้างถูกเขาริบไปจนหมดสิ้น จะออกไปจากคฤหาสน์นี้ก็ไม่ได้ จะโทรศัพท์หาใครให้มาช่วยก็ไม่ได้อีก ไม่มีทางเลือกสำหรับเธอแล้วจริงๆ แต่ถึงไม่มีเธอก็จะดิ้นให้ถึงที่สุด ข้อแม้สุดสยิวกิ้วจึงถูกเสนอไป ‘ฉันจะไม่ใส่ชุดพวกนี้เด็ดขาด ชุดต้องมิดชิดกว่านี้ ท่อนบนต้องไม่เปลือย ท่อนล่างก็ต้องยาว’ ‘ตกลง แต่ต้องเป็นจากร้านที่ฉันเลือกให้’ และเพียงปลายนิ้วสื่อสาร ภาพชุดมากมายก็ถูกนำมาให้เธอเลือกทันที จากนั้นเพียง 20 นาที ชุดแม่นางโคมเขียวเหล่านี้ก็ถูกส่งมาถึงหน้าคฤหาสน์ลีทันที 5 แบบ 7 สี สำหรับ 7 วัน แขวนเรียงรายแทนที่ชุดแม่บ้านวาบหวิว “สั่งมาเหมือนจะเปิดสำนักโคมเขียว” “บ่นอะไร” “เฮ้อ! ไม่ได้บ่นค่ะ พูดจริง ก็คุณชายสั่งชุดพวกนี้มาทำไมเยอะแยะ ฉันบอกว่าเอาอย่างละตัว ไม่ใช่เอาอย่างละสี” “เชื่อเถอะว่าเธอจะได้ใช้งานครบทุกตัว” ไรเฟิลตอบ ดวงตาวาววับกวาดไปทั่วทั้งร่างกายที่สวยเสียจนเขาแทบลืมห
อินถวาหลับตาพริ้มเมื่อริมฝีปากอุ่นจัดนั้นทาบทับลงมาอย่างนุ่มนวลบางเบา สัมผัสนั้นคืออุ่นวาบซาบซ่านคล้ายกับมีกระแสไฟฟ้าน้อยๆ ผุดขึ้นอยู่ทั่วริมฝีปาก ก่อนจะกระจายให้ความซาบซ่านพวยพุ่งไปทั่วทั้งร่างกาย รับรู้ได้ถึงความอุ่นวาบจากปลายนิ้วเท้าจนมาถึงหนังศีรษะ และจากหัวใจไปจนถึงปลายนิ้วมือ จนเธอเผลอกอบกระชับผ้าเนื้อดีช่วงอกของเขาแน่น เพราะอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาวต่างพากันมาเยี่ยมเยือนเธอสลับไปมา และในทุกจังหวะที่ริมฝีปากอบอุ่นละเลียดไล้ ก็คล้ายกับว่าความมึนงง สับสน และอ่อนแรงจะเข้ามาเป็นเพื่อนที่คุ้นเคยของเธอเสียให้ได้ ร่างอ่อนระทวยของอินถวาทำให้ไรเฟิลยิ้มในสีหน้า เพราะแค่การสำรวจความสมบูรณ์ของริมฝีปากด้านนอกอินถวายังไร้แรงต้านทานขนาดนี้ หากเขาแทรกปลายลิ้นแตะซับที่ความอ่อนนุ่มก่อนจะสอดเข้าไปแซะซับที่ไรฟันทั้งบนและล่างเล่า อินถวาจะสะท้านและอ่อนแรงได้ถึงขนาดไหน และหากปลายลิ้นร้อนเชี่ยวชาญด้านความงามของเขาจะสำรวจไปถึงปลายลิ้นด้านในอย่างที่หมายใจเอาไว้ นั่นล่ะ ความมั่นใจที่ ‘สัญญา’ ใดๆ ของเหมยอิง หรือ ‘ข้อแม้’ ของอินถวาก็ไม่สามารถต้านทานความเก่งกาจของเขาได้หรอก ไม่เคยมีผู้ห
ได้แต่ร้องพึมพำในใจเพราะร่างกายตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่เรียกว่า ‘ลิ้น’ โดยการตวัดลิ้นตอบโต้ สนองตอบสิ่งเร้าที่เรียกว่า ‘ฝ่ามือ’ โดยการแอ่นอกอวบให้เขาสัมผัสอย่างแนบแน่นใกล้ชิด เธอไม่ต้องการให้เขาเพียงปลดเปลื้องเสื้อผ้า แต่เธอต้องการให้เขากระชากออกเสียให้รู้แล้วรู้รอด เพราะนิ้วมือที่ค่อยๆ แตะไต่นั้นไม่ทันใจเธอ นั่นล่ะคือหวาดหวั่นหัวใจที่อินถวากลัวเหลือเกิน และเมื่อความหนาวเย็นตกกระทบผิวกาย อินถวาต้องผวาเบิกตากว้างเมื่อรับรู้ได้ว่าชุดที่เธออุตส่าห์เลือกเองนั้นหลุดออกจากร่างกายไปทั้งหมดแล้ว จะมีก็เพียงชุดชั้นในสีขาวที่ปกปิดความสวยงามตามธรรมชาติไว้เท่านั้น “คุณ... คุณชายคะ ไม่ทำอย่างนี้นะคะ คุณชายสัญญาแล้ว คุณชาย... อื้อ...” อินถวาพูดประท้วงก่อนจะเบี่ยงหลบริมฝีปากร้อนของคนที่ค้อมร่างลงมา แต่เรี่ยวแรงก็ยิ่งจะหดหายมากขึ้นเมื่อที่มองเห็นนั้นคือแผงอกกว้างที่มีไรขนสีน้ำตาลขึ้นปกคลุมอยู่ และความร้อนที่พวยพุ่งขึ้นสู่ใบหน้าก็ทำให้เธอต้องหลุบสายตาไปทางอื่น เพราะไม่กล้ามองดูว่าท่อนล่างนั้นคุณชายจะเตรียมพร้อมหรือเปล่า โดยลืมเลือนไปว่าตัวเองก็อยู่ในสถานการณ
ไรเฟิลตวัดปลายลิ้นละเลียดไล้ไปทั่วทั้งร่างงาม พร้อมฝ่ามือก็ให้ความร่วมมืออย่างสอดประสาน และรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากเมื่อเสียงครวญครางแว่วหวานของอินถวาดังมาอย่างต่อเนื่อง เพราะนั้นคือคำอนุญาตให้เขาไปต่ออย่าหยุด ถ้ายังไม่ถึงจุดสุดยอด และเมื่ออินถวาครางกระเส่าและสั่นไปทั้งร่างอย่างหยุดไม่ได้ ไรเฟิลก็ยิ่งพาริมฝีปากและปลายลิ้นสำรวจไปยังจุดหมายอื่น จูบประทับริมฝีปากและลากปลายลิ้นออกมาหยอกเย้า จากหน้าท้องนวลเนียนก็ลงมาสู่ต้นขาเพรียวยาว โดยละเว้นความสวยงามที่สุดนั้นไว้ เพราะการทรมานด้วยความอยากคือการเร่งเร้าให้คู่นอนของเขาถึงฝั่งฝันได้เร็วยิ่งขึ้น และก็ได้ผลเมื่ออินถวาครวญครางอย่างน่าสงสาร แต่กลับไม่พูดถึงความต้องการของตัวเองออกมา ซึ่งเขาจะทำให้เธอพูดเอง “อื้อ... คุณชาย... คุณชาย... อื้อ... ฉัน... ฉัน...” “ฉันทำไม พูดสิพุดซ้อน ฉันทำไม” ปากเอ่ยถามแต่เคลื่อนกายขึ้นมาคร่อมทับร่างแบบบางทว่ากลมกลึงในส่วนที่ควรมีอย่างงดงามที่สุด “ฉัน... ไม่รู้ ฉันไม่รู้” “รู้สิ เธอรู้แน่ พูดพุดซ้อน เธอต้องการอะไร พูดออกมา” ไรเฟิลกระชับใบหน้า
“คุณ... คุณชาย... ไม่นะ... ไม่... คุณชาย...” “ไม่อะไร พุดซ้อน ไม่อะไร” เสียงกระเส่าแหบพร่าเอ่ยถามยิ่งทำให้อินถวาหูอื้อตาลายไปหมด สิ่งที่คิดต่อต้านตกกระจายหายวับ กลับเป็นสิ่งที่เธออยากให้เขากระทำมาแทนที่ อยากให้เขาสอดใส่ปลายนิ้วเข้าไปในนั้นให้เธอหายจากอาการคันยิบยับ แต่ปากก็ยังร้องห้าม สลับกับครวญครางอย่างห้ามตัวเองไม่ได้ “อื้อ... ไม่นะคะ อย่า... อื้อ... อา... ไม่... หยุด... คุณชาย...” “ไม่หยุดแน่ทูนหัว” สิ้นสุดคำพูดของเขา อินถวาก็ต้องเบิกตากว้างก่อนจะหลับตาปี๋เพราะไม่ใช่เพียงฝ่ามือที่สัมผัสแต่ไรเฟิลพาใบหน้าของเขาซอนซุกลงไปแล้ว เธอหลับตาแน่นแต่จินตนาการตื่นตัวสุดขีด เพราะสัมผัสนั้นคือคุณชายกำลังไปที่จุดนั้น จุดที่รุมร้อนราวกับมีกระแสไฟฟ้าเกิดขึ้น จุดที่ทำให้เธอลืมไปแล้วว่าจะไม่ยอม เพียงปราการด่านสุดท้ายที่ปกป้องความงดงามที่สวรรค์สรรสร้างถูกรูดออกจากสะโพกผาย ไรเฟิลก็ต้องผ่อนลมหายใจออกเบาๆ เพราะแสงสว่างจากภายนอกและแสงไฟสีนวลจากในห้องทำให้เขามองเห็นดอกไม้งดงามที่มีทุ่งหญ้าขึ้นปกคลุมอยู่บางเบา ใ
“ได้สิครับ ผมสัญญาจะทำให้ดีที่สุด เริ่มต้นจากส่งเมียจ๋าขึ้นสวรรค์ก่อน” “อ่ะ! ว้าย! ไรเฟิล...” อินถวาหมดหนทางจนต้องอุทานเพราะสิ่งที่เธอควรทำก็คือปิดริมฝีปากของตัวเองที่จะกรีดร้องจากความเสียวซ่านนั้นออกมา เพราะไรเฟิลวาดลวดลายผ่านปลายลิ้น ตั้งแต่ทั่วพื้นที่ของอกอวบจนดูดดุนเบาๆ ที่ยอดอก ก่อนจะลากริมฝีปากและปลายลิ้นมาตามร่องอกมาคลอเคลียอยู่ที่หน้าท้องที่ยื่นนูน จนคนที่อยู่ด้านในประท้วงตอดตุบๆ “ลูกจ๋า... พ่อจะเข้าไปเยี่ยม” “ไรเฟิล... บ้าจริง...” “บ้าที่ไหนกันครับ ผมจะไปเยี่ยมลูก ลูกจ๋า... รอพ่อนะครับ” “อื้อ... บ้า...” ไรเฟิลหัวเราะพาริมฝีปากไปสู่จุดหมายที่อินถวารอคอย ก่อนจะชะงักเพราะดอกไม้งามสีชมพูอ่อนที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าดูอูมใหญ่กว่าเดิม รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า เพราะรูปร่างที่เต็มไม้เต็มมือขึ้นกว่าเดิมบวกกับอวัยวะที่ขยายใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับชีวิตน้อยๆ ก็ยิ่งทำให้เรือนร่างของคุณแม่มือใหม่นี้ดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบ รวมทั้งกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่เจืออยู่ก็ทำให้ไรเฟิลอดใจไว้ไม่ไหว จมูกโด่งจึงจดลงดอมดมควา
ไรเฟิลประคองร่างอวบอิ่มของอินถวามานั่งที่โต๊ะยาวด้านข้าง เขาบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้เธอรับรู้ เริ่มตั้งแต่ค่ำคืนแห่งการดินเนอร์นั้น นั่นคือแผนการของพ่อแม่ เพื่อให้ท่านยอมรับในตัวของอินถวา และยอมรับว่าความรักของเขาคือความจริง ไม่ใช่เพียงหลงเสน่หาชั่วครั้งชั่วคราว เริ่มจากอินถวารักเงินหรือว่ารักตัวเขากันแน่ ซึ่งเธอก็พิสูจน์แล้วว่าเงินจำนวน 50 ล้านที่พ่อเขาเขียนเช็คให้เธอนั้น อินถวาไม่แม้แต่จะเปิดดู ด่านแรกเธอผ่านไปได้ แต่ด่านที่ 2 ที่ใช้ระยะเวลาเป็นตัวชี้วัด ใน 3 เดือนที่ต้องจากกันอย่างเข้าใจผิด อินถวาจะยังซื่อสัตย์กับเขาหรือไม่ ทั้งๆ ที่เธอก็เห็นว่าเขานั้นทรยศเธอไปแล้ว และอินถวาก็ไม่ทำให้เขาผิดหวังเลย จากข่าวที่ได้รับจากเหมยอิงและมาร์กอส นั่นคืออินถวาไม่มีใครเลย เธอตั้งหน้าตั้งตาสร้างธุรกิจขนมไทยร่วมสมัยและใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่กับครอบครัว ส่วนตัวเขาเองก็ต้องอดทนกับการไม่ได้เห็นหน้าเธอ เขาต้องไปทำงานทุกวัน ต้องอยู่ในวงล้อมของผู้หญิงที่สวยงามมากมาย ทั้งซินเทียก็มาคลอเคลียกับเขาไม่ห่าง ใน 3 เดือน หากเขายังยึดมั่นอยู่กับอินถวา พ่อกับแม่ถึงจะ
ทว่าดวงตาสวยหวานของอินถวากลับหลับพริ้มแต่ก็ยังเห็นว่ามีหยาดน้ำเอ่อคลออยู่ ระยะเวลา 3 เดือนที่จากกัน เขารู้ว่าเธอก็ทุกข์ ส่วนเขานั้นก็ทุกข์อย่างแสนสาหัสเพราะนี่คือ บทพิสูจน์ที่จะทำให้พ่อแม่ยอมรับเธอ “พุดซ้อนครับ ได้โปรดลืมตาขึ้นมองผม ผมอยากเห็นดวงตาของคุณ อยากเห็นผมอยู่ในนั้น อยู่ในสายตาของคุณอีก พุดซ้อนครับ ได้โปรดเถอะ” อินถวากลั้นสะอื้น แค่ได้ยินน้ำเสียงสั่นเครือปนเว้าวอนอย่างนั้น เธอก็แทบจะซุกซบใบหน้าลงกับอกของเขา เพราะเธอเองก็คิดถึงเขาเหลือเกิน เวลา 3 เดือนที่ผ่านไปทำให้เธอมองเห็นโลกในต่างมุมมากขึ้น อารมณ์ชั่ววูบของเธอในวันนั้นทำให้ผลุนผลันจากมา แต่เมื่อคิดคำนวณทุกเหตุการณ์ก็จะพบว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นช่างประจวบเหมาะ นั่นเพราะพ่อและแม่ของเขาต้องการให้เกิดอยู่แล้ว และเป็นเธอเองที่ติดกับดักที่ท่านสร้างขึ้น เพราะเธอไม่มีทางรู้ได้เลยว่าไรเฟิลที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียงของซินเทียนั้น คนทั้งคู่เมคเลิฟกันจนเหนื่อยอ่อน หรือว่านั่นคือไรเฟิลถูกทำให้หลับ เพราะกับเธอนั้น เขาก็ไม่เคยเหนื่อยจนสลบถ้ายังไม่ถึงเช้า และหากเรื่องราวเป็นไปอย่างที่เธอคาดเดา
“ค่ะแม่ พุดก็ว่าจะรับอีกแค่สองคนเท่านั้นค่ะ ไม่อย่างนั้นพุดจะดูแลไม่ทั่วถึง ถ้าขนมไม่ได้คุณภาพจะกลายเป็นผลเสียแทน แล้วน้าอิฐล่ะคะ เช้านี้พุดยังไม่เห็นเลย ไปธนาคารเหรอคะแม่” เธอถามหาน้าชาย เพราะปกติจะเห็นอยู่ในออฟฟิศฝั่งตรงกันข้าม แต่เช้านี้เธอยังไม่เห็นเลย “ไปสนามบินน่ะ” “ไปทำไมคะ มีอะไรเหรอ” “ก็เรื่องที่น้าอิฐเขาจะนำเข้าอะไหล่รถนั่นแหละ วันนี้ทางนั้นเขาบินมา น้าอิฐก็เลยไปรับ” น้ำเสียงเศร้าๆ ของแม่ทำให้อินถวาโอบกอดรอบเอวเจ้าเนื้อของแม่เอาไว้ เธอรู้ว่าแม่รักธุรกิจเต็นท์รถมือสองนี้มาก เพราะนี่คือสิ่งที่สร้างรายได้จนแม่สามารถส่งเสียเธอเรียนจนจบ และก็เป็นเหตุผลหลักที่เธอไปทำงานที่ฮ่องกง เพราะไม่อยากให้แม่ต้องสูญเสียสิ่งนี้ไป แต่วันเวลาก็ไม่แน่นอน ในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ รถยนต์มือสองขายยากและก็ยังหาซื้อมาใส่เต็นท์ได้ยากเช่นกัน น้าอิฐจึงปรึกษากับแม่ว่าควรลดซื้อรถยนต์แต่เปลี่ยนมานำเข้าอะไหล่แทน และหากมีคู่ค้าอยู่ที่จีนหรือที่ญี่ปุ่นก็จะดีมาก เพราะการสั่งนำเข้าหรือการหาอะไหล่ที่ยากๆ ก็จะทำได้อย่างเร่งด่วน และตอนนี้แม่ก็วางมื
“ถ้าถือว่าผมเป็นเพื่อน ให้เพื่อนคนนี้ไปส่งให้ถึงเมืองไทยนะครับ เพื่อนจะได้สบายใจ ว่าได้ส่งเพื่อนถึงสถานที่ที่ปลอดภัยแล้ว ไม่ลำบากหรอกครับ” อินถวาพยักหน้ารับดวงตารื้นไปด้วยหยาดน้ำ ก่อนจะขอตัวไปซื้อพลาสเตอร์แปะแก้เมาเครื่องบินก่อน โดยมีมาร์กอสมองตามร่างงามระหงที่เดินตรงไปยังร้านขายยา ดวงตาสีฟ้ามีแววกังวลใจก่อนจะล้วงเอาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงที่สั่นไม่หยุดขึ้นมา ‘ไรเฟิล’ แม้หน้าจอโทรศัพท์จะระบุชื่อคนโทรเข้าแบบนั้น แต่มาร์กอสกลับเลือกที่จะปิดเครื่อง เพราะในเวลานี้ทุกคนควรได้รับโอกาสในการไตร่ตรอง เกือบ 3 ชั่วโมงจากฮ่องกงมาเมืองไทย อินถวาไม่ได้พูดอะไรเลย มีเพียงน้ำตาของเธอเท่านั้นที่เคลื่อนไหวไม่หยุด ทว่าเพียงถึงจุดหมายรอยยิ้มอย่างมีความสุขที่สุดก็ฉายชัดขึ้น ดั่งว่าเธอคนนี้ไม่ได้นำความทุกข์ใจกลับมาจากฮ่องกงด้วย “ส่งฉันเพียงเท่านี้ก็พอแล้วค่ะ ฉันถึงบ้านแล้ว ฝากคุณมาร์กอสขอโทษคุณวิคเตอร์กับคุณนายลีแทนฉันด้วยนะคะ สำหรับทุกเรื่องที่ฉันเสียมารยาทไว้ และฝากขอโทษคุณแม่บ้านใหญ่ ลุงฉี อาซู กับอาหนิงที่ฉันจากมาโดยไม่ได้ลา” “แล้วคุณไรเฟิลล่ะครับ คุ
“ถ้าเราท้องขึ้นมาล่ะ จะทำยังไง ไรเฟิลจะหาว่าเรามีลูกเพื่อไว้จับเขาหรือเปล่า และพ่อแม่เขาอีกล่ะ เขาจะทำยังไงกับเรา”อินถวาพึมพำก่อนจะสะดุ้งเพราะเสียงโทรศัพท์ภายในดังขึ้น เธอรีบเดินไปที่โทรศัพท์แต่ยังไม่วายจะชำเลืองมองไปที่ตึกใหญ่ เพราะคนที่โทรมาคือคนในตึกนั้น ดวงตาสวยมีแววเศร้ามองโทรศัพท์อย่างชั่งใจเพราะไรเฟิลไปดินเนอร์กับครอบครัวที่ตึกใหญ่และสัญญาว่าจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด ทั้งที่เธอเองก็เผื่อใจไว้อยู่แล้วว่าคงไม่เร็วแน่ เธอก็ไม่อยากได้ยินว่าเขาจะขออยู่ต่ออีกกี่ชั่วโมง จะกลับดึกกว่านี้ หรือว่าค่ำคืนนี้จะไม่กลับ “ฮัลโหล...” เสียงหวานเอ่ยทักเป็นภาษาอังกฤษ ไม่ใช้ ‘ไหว’ ที่เป็นภาษาจีนกวางตุ้ง เพราะคิดว่าคนที่โทรมาในยามดึกนี้คงมีแค่ไรเฟิลคนเดียวเท่านั้น ทว่าเสียงที่ตอบกลับมากลับทำให้อินถวารีบคว้าเสื้อคลุมและเดินออกจากตึกเล็กมุ่งตรงไปสู่ตึกใหญ่ในทันที เพียงไม่นานเธอก็มาถึงจุดหมายที่ใครคนนั้นบอกเอาไว้ ห้องนอนชั้น 2 ของปีกซ้าย ประตูห้องที่เปิดแง้มไว้ทำให้อินถวาถือวิสาสะเดินเข้าไปทันที ในนาทีที่หัวใจเธอใกล้จะระเบิดก็ขอให้เธอได้เห็นกับตาตัวเอง และสิ่งที่มองเ
“ฉันจะให้หนูห้าสิบล้าน เพื่อซื้อศักดิ์ศรีของหนู และเพื่อให้หนูไปจากชีวิตของไรเฟิล เพราะยังไงแล้วฉันก็จะไม่รับสะใภ้คนอื่นนอกจากซินเทียเท่านั้น ถ้าหนูยังอยู่กับไรเฟิล หนูก็จะเป็นได้แค่เมียเก็บเท่านั้น รับเงินไปเถอะ นี่จะเป็นโอกาสเดียวที่หนูจะได้เงิน” “หนู...” “อย่าปฏิเสธตอนนี้ หนูควรกลับไปคิดดูก่อน ถ้าหนูคิดว่าหนูรักไรเฟิลจริง หนูก็ควรจะให้เขาได้แต่งงานกับคนที่เหมาะสม ฉันพูดตรงๆ นะ ฉันต้องการให้ไรเฟิลแต่งงานกับซินเทียเท่านั้น เพราะนั่นคือธุรกิจที่จะมั่นคงขึ้นหากสองตระกูลมาเสริมกัน พูดแค่นี้หนูคงจะเข้าใจนะ” “ค่ะ” อินถวารับคำน้ำตารื้นจนแทบจะไหลออกมา “ฉันหวังว่าเรื่องนี้ไรเฟิลจะไม่รู้ เอ่อ... แต่ขนมอร่อยมากๆ ถ้าหนูจะอยู่กับไรเฟิลที่นี่ในฐานะเมียเก็บ ฉันก็จะไม่ขัดขวาง เพราะผู้หญิงที่ทำอาหารเก่งทำขนมอร่อยก็เหมาะที่จะเป็นเมียและเป็นแม่ของลูกจริงๆ นั่นแหละ เพียงแต่สำหรับตระกูลลีไม่ได้ต้องการผู้หญิงหลังม่านก็เท่านั้น” อินถวารับรู้ได้ถึงลมที่ร้อนวูบอยู่ในหูและความร้อนผ่าวในอก เมื่อต้องรับฟังสิ่งเหล่านั้นโดยไม่สามารถโต้แย้งอะ
มาร์กอสมองฝ่ามือบอบบางที่หยิบจับกระทงใบตองขึ้นมา ก่อนจะตักข้าวเหนียวมูนใส่ในกระทงเพียงค่อนใบ จากนั้นก็ตักสิ่งที่เขาเรียกว่าทอปปิ้งเพราะเธอนำมาราดไว้ที่ด้านหน้าของข้าวเหนียวจริงๆ “ลองดูนะคะ อันนี้เรียกว่า ข้าวเหนียวมูนหน้าสังขยา ฉันทำแบบไม่หวานมากค่ะ เวลาทานจะได้ไม่เลี่ยน” “อืม... อร่อยมาก อร่อยมากจริงๆ ครับ ลองอีกครับ ผมอยากลองอีก” อินถวานึกขำกับท่าทางของเขา แต่เธอก็รู้สึกมีความสุขไปด้วย ข้าวเหนียวมูนหน้าปลาแห้ง และ หน้ากุ้ง จึงถูกเสิร์ฟให้มาร์กอสได้ลิ้มรสจนครบ ไรเฟิลชะงักกับภาพที่เห็น อินถวายิ้มอย่างมีความสุขขณะอธิบายส่วนผสมของขนมหลากหลายอย่างที่เธอทำให้กับมาร์กอสที่ช่างซักช่างถามไม่หยุด “มาร์กอสดูมีความสุขนะคะ คงจะเจอคนถูกใจถึงได้คุยมากยิ้มมากขนาดนั้น” “ก็คงอย่างนั้น” ไรเฟิลพูดแล้วก็เดินตรงเข้าไปในครัว ปล่อยให้ซินเทียฟึดฟัดอยู่คนเดียว ไม่ใช่ว่าเขาไม่คิดอย่างที่ซินเทียคิด แต่เขาคิดไปมากกว่านั้น และซินเทียเองนั่นแหละที่ทำให้ความคิดเขาเปลี่ยนไป ‘คุยมากยิ้มมาก’ นั่นน่ะไม่ใช่นิสัยของมาร์กอสสัก
“เอาล่ะๆ เสียบรรยากาศหมด เอาเป็นว่าเดี๋ยวพาแม่หนูนั่นไปพบพ่อที่ในสวนก็แล้วกัน พ่อจะคุยกับเธอเอง” “สรุปว่าพ่อเข้าใจผมใช่มั้ยครับ” “เข้าใจ แต่ไม่ได้เห็นด้วยนะ ยังไงก็ต้องให้พ่อคุยกับเธอก่อน” “ผมมั่นใจว่าพ่อต้องชอบพุดซ้อนแน่ๆ” ไรเฟิลพูดอย่างมั่นใจก่อนจะลอบถอนหายใจเพราะเสียงแม่ที่พูดแย้ง “แต่ฉันมั่นใจว่าคุณต้องไม่ชอบ เพราะฉันยังไม่ชอบเลย” “แต่ผมกับคุณ ชอบอะไรที่แตกต่างกันเสมอนะเชอร์รี่” “ฉันจะคอยดู อีกอย่างคุณคิดเหรอวิคเตอร์ว่าลูกชายจอมเจ้าชู้ของคุณจะหยุดได้ที่เธอคนนั้น สุดท้ายเมียก็ช้ำใจไม่ต่างกันหรอก ลูกไม้หล่นใต้ต้นเสมอ พ่อยังไง ลูกก็คงไม่แตกต่าง” “ผมก็ว่าอย่างนั้นแหละ พ่อยังไง ลูกก็คงอย่างนั้น เพราะถึงผมจะเจ้าชู้ แต่ผมก็เป็นคนรักใครแล้วรักเลย รักคนเดียวตลอดไป แม้เธอจะ...” “ขี้เกียจฟัง แล้วฉันจะรอฟังข่าวว่าที่ลูกสะใภ้ของคุณ” เชอร์รี่ลุกขึ้นพรวดพูดแล้วยิ้มเหยียดก่อนจะเดินออกไป ปล่อยให้วิคเตอร์พ่นลมหายใจออกเบาๆ เพราะสุดท้ายเชอร์รี่ก็ยังรั้นตามเดิม เธอไม่รอให้เขาพูดให้จบด้วยซ้ำ