อินถวาหลับตาพริ้มเมื่อริมฝีปากอุ่นจัดนั้นทาบทับลงมาอย่างนุ่มนวลบางเบา สัมผัสนั้นคืออุ่นวาบซาบซ่านคล้ายกับมีกระแสไฟฟ้าน้อยๆ ผุดขึ้นอยู่ทั่วริมฝีปาก ก่อนจะกระจายให้ความซาบซ่านพวยพุ่งไปทั่วทั้งร่างกาย รับรู้ได้ถึงความอุ่นวาบจากปลายนิ้วเท้าจนมาถึงหนังศีรษะ และจากหัวใจไปจนถึงปลายนิ้วมือ จนเธอเผลอกอบกระชับผ้าเนื้อดีช่วงอกของเขาแน่น เพราะอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาวต่างพากันมาเยี่ยมเยือนเธอสลับไปมา และในทุกจังหวะที่ริมฝีปากอบอุ่นละเลียดไล้ ก็คล้ายกับว่าความมึนงง สับสน และอ่อนแรงจะเข้ามาเป็นเพื่อนที่คุ้นเคยของเธอเสียให้ได้
ร่างอ่อนระทวยของอินถวาทำให้ไรเฟิลยิ้มในสีหน้า เพราะแค่การสำรวจความสมบูรณ์ของริมฝีปากด้านนอกอินถวายังไร้แรงต้านทานขนาดนี้ หากเขาแทรกปลายลิ้นแตะซับที่ความอ่อนนุ่มก่อนจะสอดเข้าไปแซะซับที่ไรฟันทั้งบนและล่างเล่า อินถวาจะสะท้านและอ่อนแรงได้ถึงขนาดไหน และหากปลายลิ้นร้อนเชี่ยวชาญด้านความงามของเขาจะสำรวจไปถึงปลายลิ้นด้านในอย่างที่หมายใจเอาไว้
นั่นล่ะ ความมั่นใจที่ ‘สัญญา’ ใดๆ ของเหมยอิง หรือ ‘ข้อแม้’ ของอินถวาก็ไม่สามารถต้านทานความเก่งกาจของเขาได้หรอก ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนปฏิเสธเขามาก่อน และอินถวาก็ไม่ได้รับการยกเว้น แม้ว่าเขาจะได้เธอด้วยเล่ห์กลก็ตามที แต่นั่นคือไม่ได้ใช้กำลังสักนิด ใช้แต่สมอง
ไรเฟิลใช้ท่อนแขนแกร่งของเขากระชับรอบร่างแบบบางของเธอให้แนบแน่นขึ้น เพื่อให้ร่างอ่อนแรงนี้มีที่ยึดหลักไม่พังพับไปเสียก่อน ขณะที่ปลายลิ้นค่อยๆ แลบออกมาทำหน้าที่สำรวจเลียไล้กดย้ำลงน้ำหนักเพื่อตรวจดูว่าใต้ความอ่อนนุ่มนี้มีปุ่มปมจากร่องรอยการฉีดการเสริมหรือไม่ แต่ก็ไม่พบ ไรเฟิลเดินหน้าต่ออย่างไว จากปลายลิ้นไต่สัมผัสแต่เพียงด้านนอกริมฝีปาก ก็ค่อยๆ สอดแทรกเข้าไปตามความล่องลอยที่อินถวาถูกเขาต้อนจนอยู่ลิ้น เพราะเธอกำลังเต็มใจไปกับเขาทุกเส้นทาง
ทว่าเมื่อปลายลิ้นของเขาสอดแทรกเข้าไปดูดซับกับความอ่อนหวานที่เขาควรจะได้ตั้งแต่แรกพบเธอ เธอที่ทำให้เขาทรมานกับการรอคอย แต่ตอนนี้มันช่างเป็นการรอคอยที่สมควรนัก เพราะรสหวานฉ่ำปลายลิ้นที่ได้รับแทบทำให้เขาครางออกมาอย่างลืมตัว ลิ้นร้อนของเขาจึงทำหน้าที่เคล้าคลอ ดูดดื่ม กวาดต้อน และหยอกเย้าลิ้นน้อยๆ ที่หลีกหนีในทุกครั้งที่เขาเข้าใกล้ แต่ก็ต้องหยุดอย่างเสียไม่ได้เมื่อเจ้าของปลายลิ้นหวานๆ นั้นทำท่าจะสำลักลมหายใจตัวเอง
“อื้อ...”
ไรเฟิลถอนจูบแสนหวานออก เพื่อให้อินถวาได้หายใจและให้เขาได้มองสำรวจใบหน้าที่อยู่ในห้วงแห่งความฝันนี้ให้ชัด เขายิ้มเมื่ออินถวาปรือดวงตาสวยขึ้นมองเขาอย่างงุนงง แต่ก่อนที่ริมฝีปากฉ่ำไปด้วยรสจูบจะร้องประท้วง ไรเฟิลก็ขึ้นลำกล้องและยิงเธอด้วยปลายลิ้นในทันที แต่ครานี้ไม่ใช่จูบแรกแสนหวานทว่าเป็นรสจูบสูบกระชากวิญญาณสาวต่างหาก
จูบดูดดื่มเร่าร้อนตามแรงอารมณ์ที่โหมกระหน่ำราวพายุ บดเบียดแนบชิดริมฝีปากอวบอิ่ม ก่อนจะสอดแทรกลิ้นร้อนเข้าไปคลุกเคล้าชอนชินความหวานจากภายใน จนอินถวาที่ตื่นตระหนกแข็งทื่อไปชั่วครูกลับกลายมาเป็นอ่อนระทวยอีกครั้ง และครั้งนี้ไรเฟิลก็แทบจะร้องครางเมื่อความหอมหวานที่เขาละเลียดลิ้นอยู่นี้กำลังสร้างความตื่นตัวให้เขาอย่างสุดกู่ เพราะลิ้นเล็กๆ นั้นไม่ได้หลีกหนีอย่างเคย แต่กลับแตะๆ ไต่ๆ สัมผัสไล้ลิ้นร้อนของเขาตอบ รสจูบไม่ประสาแต่แนบแน่นไปตามสัญชาตญาณกระตุ้นให้มังกรร้ายของเขาตื่นตัวสุดขีด
ปฏิกิริยาจากร่างกายบ่งบอกว่า ‘พี่เบิ้ม’ หรือเจ้ามังกรร้ายของเขา ผงกหัวหงึกหงักว่าพร้อมแล้วสำหรับการออกมาโลดแล่นบนโลกมนุษย์ เขาจึงยิ่งกวาดต้อนลิ้นร้อนกว้านวนพร้อมกับดูดดื่มความหวานให้อินถวาสั่นสะท้านมากขึ้นไปอีก
สาวไทยคนสวยที่ปฏิเสธและพยศไม่ยอมทำตามใจเขา หลับตาพริ้มพร้อมส่งเสียงงึมงำในลำคอคล้ายคนละเมอด้วยความสุขสม และเสียงนั่นก็ทำให้ไรเฟิลบอกตัวเองว่าปืนตั้งลำกล้องแล้ว พร้อมสำหรับการยิงครั้งแรก
“อืม...”
อินถวาพยายามปรือตาขึ้นมองสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวเธอ เพราะเสียงอื้ออึงในลำคอนั้นเธอหยุดไม่ได้ รู้แต่ว่าอยากระบายออก อยากร่ำร้องให้ความอัดอั้นที่เกิดอยู่ในเนื้อตัวนี้คลายลง เธอไม่รู้ว่ากำลังเผชิญหน้าอยู่กับอะไร รู้แต่ว่าสัมผัสแสนหวานที่เคลียคลออยู่ที่ริมฝีปากทำให้เธอหมดเรี่ยวแรง
ความอุ่นวาบที่ตวัดไล้เลียอยู่ในอุ้งปาก ทำให้เธอไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะลืมตามองดูสิ่งที่เกิดขึ้น รู้แต่ว่าเธอกำลังล่องลอยอยู่ แต่ก็ไม่รู้เส้นทางนี้จะไปสิ้นสุดลงที่ตรงไหน ในหัวสมองของเธอขาวโพลนไม่เห็นสิ่งใด รู้แต่ว่าเบาบาง สบาย เหมือนเธอกำลังเข้าใกล้ฝั่งฝัน
“อืม... คุณ... อื้อ...”
แต่เมื่อแผ่นหลังสัมผัสได้ถึงความหนานุ่ม ดวงตาที่หลับพริ้มก็พยายามจะฝืนให้เปิดออก แต่ก็เพียงแวบเดียวเท่านั้นก่อนที่เธอจะล่องลอยไปกับความอุ่นวาบซาบซ่านของลิ้นชื้นนั้นอีกครา
อินถวาสั่นแล้วสั่นอีก ไม่ได้สั่นจากหนาวกายแต่มันคือหนาวหัวใจ เพราะเธอรู้ว่าสถานการณ์ต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น แต่เธอฝืนร่างกาย ฝืนความคิดของตัวเองไม่ได้เลย แม้ใจจะคิดว่านี่ไม่ใช่ นี่ไม่ถูก แต่ร่างกายล่ะ ไม่ยอมรับฟังเธอเลย
‘ไม่นะ... อย่าทำ... อื้อ... อื้อ... ไม่...’
ได้แต่ร้องพึมพำในใจเพราะร่างกายตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่เรียกว่า ‘ลิ้น’ โดยการตวัดลิ้นตอบโต้ สนองตอบสิ่งเร้าที่เรียกว่า ‘ฝ่ามือ’ โดยการแอ่นอกอวบให้เขาสัมผัสอย่างแนบแน่นใกล้ชิด เธอไม่ต้องการให้เขาเพียงปลดเปลื้องเสื้อผ้า แต่เธอต้องการให้เขากระชากออกเสียให้รู้แล้วรู้รอด เพราะนิ้วมือที่ค่อยๆ แตะไต่นั้นไม่ทันใจเธอ นั่นล่ะคือหวาดหวั่นหัวใจที่อินถวากลัวเหลือเกิน และเมื่อความหนาวเย็นตกกระทบผิวกาย อินถวาต้องผวาเบิกตากว้างเมื่อรับรู้ได้ว่าชุดที่เธออุตส่าห์เลือกเองนั้นหลุดออกจากร่างกายไปทั้งหมดแล้ว จะมีก็เพียงชุดชั้นในสีขาวที่ปกปิดความสวยงามตามธรรมชาติไว้เท่านั้น “คุณ... คุณชายคะ ไม่ทำอย่างนี้นะคะ คุณชายสัญญาแล้ว คุณชาย... อื้อ...” อินถวาพูดประท้วงก่อนจะเบี่ยงหลบริมฝีปากร้อนของคนที่ค้อมร่างลงมา แต่เรี่ยวแรงก็ยิ่งจะหดหายมากขึ้นเมื่อที่มองเห็นนั้นคือแผงอกกว้างที่มีไรขนสีน้ำตาลขึ้นปกคลุมอยู่ และความร้อนที่พวยพุ่งขึ้นสู่ใบหน้าก็ทำให้เธอต้องหลุบสายตาไปทางอื่น เพราะไม่กล้ามองดูว่าท่อนล่างนั้นคุณชายจะเตรียมพร้อมหรือเปล่า โดยลืมเลือนไปว่าตัวเองก็อยู่ในสถานการณ
ไรเฟิลตวัดปลายลิ้นละเลียดไล้ไปทั่วทั้งร่างงาม พร้อมฝ่ามือก็ให้ความร่วมมืออย่างสอดประสาน และรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากเมื่อเสียงครวญครางแว่วหวานของอินถวาดังมาอย่างต่อเนื่อง เพราะนั้นคือคำอนุญาตให้เขาไปต่ออย่าหยุด ถ้ายังไม่ถึงจุดสุดยอด และเมื่ออินถวาครางกระเส่าและสั่นไปทั้งร่างอย่างหยุดไม่ได้ ไรเฟิลก็ยิ่งพาริมฝีปากและปลายลิ้นสำรวจไปยังจุดหมายอื่น จูบประทับริมฝีปากและลากปลายลิ้นออกมาหยอกเย้า จากหน้าท้องนวลเนียนก็ลงมาสู่ต้นขาเพรียวยาว โดยละเว้นความสวยงามที่สุดนั้นไว้ เพราะการทรมานด้วยความอยากคือการเร่งเร้าให้คู่นอนของเขาถึงฝั่งฝันได้เร็วยิ่งขึ้น และก็ได้ผลเมื่ออินถวาครวญครางอย่างน่าสงสาร แต่กลับไม่พูดถึงความต้องการของตัวเองออกมา ซึ่งเขาจะทำให้เธอพูดเอง “อื้อ... คุณชาย... คุณชาย... อื้อ... ฉัน... ฉัน...” “ฉันทำไม พูดสิพุดซ้อน ฉันทำไม” ปากเอ่ยถามแต่เคลื่อนกายขึ้นมาคร่อมทับร่างแบบบางทว่ากลมกลึงในส่วนที่ควรมีอย่างงดงามที่สุด “ฉัน... ไม่รู้ ฉันไม่รู้” “รู้สิ เธอรู้แน่ พูดพุดซ้อน เธอต้องการอะไร พูดออกมา” ไรเฟิลกระชับใบหน้า
“คุณ... คุณชาย... ไม่นะ... ไม่... คุณชาย...” “ไม่อะไร พุดซ้อน ไม่อะไร” เสียงกระเส่าแหบพร่าเอ่ยถามยิ่งทำให้อินถวาหูอื้อตาลายไปหมด สิ่งที่คิดต่อต้านตกกระจายหายวับ กลับเป็นสิ่งที่เธออยากให้เขากระทำมาแทนที่ อยากให้เขาสอดใส่ปลายนิ้วเข้าไปในนั้นให้เธอหายจากอาการคันยิบยับ แต่ปากก็ยังร้องห้าม สลับกับครวญครางอย่างห้ามตัวเองไม่ได้ “อื้อ... ไม่นะคะ อย่า... อื้อ... อา... ไม่... หยุด... คุณชาย...” “ไม่หยุดแน่ทูนหัว” สิ้นสุดคำพูดของเขา อินถวาก็ต้องเบิกตากว้างก่อนจะหลับตาปี๋เพราะไม่ใช่เพียงฝ่ามือที่สัมผัสแต่ไรเฟิลพาใบหน้าของเขาซอนซุกลงไปแล้ว เธอหลับตาแน่นแต่จินตนาการตื่นตัวสุดขีด เพราะสัมผัสนั้นคือคุณชายกำลังไปที่จุดนั้น จุดที่รุมร้อนราวกับมีกระแสไฟฟ้าเกิดขึ้น จุดที่ทำให้เธอลืมไปแล้วว่าจะไม่ยอม เพียงปราการด่านสุดท้ายที่ปกป้องความงดงามที่สวรรค์สรรสร้างถูกรูดออกจากสะโพกผาย ไรเฟิลก็ต้องผ่อนลมหายใจออกเบาๆ เพราะแสงสว่างจากภายนอกและแสงไฟสีนวลจากในห้องทำให้เขามองเห็นดอกไม้งดงามที่มีทุ่งหญ้าขึ้นปกคลุมอยู่บางเบา ใ
“ตอนไหน พุดซ้อน ตอนไหน บอกฉันสิ ฉันจะได้รู้ว่าเธอชอบหรือไม่ชอบ บอกฉัน” “ตอน...” เสียงแหบพร่าคลอเคลียอยู่ข้างใบหูก่อนจะเคลื่อนลงไปหาอกอวบ นั่นจะให้เธอคิดทำตอบได้ยังไง “ตอนนี้หรือเปล่า ตอนนี้ หรือว่าตอนนี้” “อื้อ... คุณชาย... พอ... หยุดนะ อื้อ...” อินถวาสะท้านเฮือกไปตามแรงนิ้วมือ เพราะทุกๆ ตอนนี้ของคุณชายคือการบดบี้ที่ยอดเกสร การทรมานเธอด้วยปลายนิ้วของเขา เขาทำร้ายเธอด้วยปลายนิ้วของเขา “ต่อนะ จะพาไปเที่ยว... สวรรค์” “อื้อ... คุณ... คุณชาย!” ดวงตาสวยหวานของอินถวาเบิกกว้างและก็เห็นดวงตาคมเข้มของเขามองสบมาพอดี ในระยะที่ใกล้กันเพียงลมหายใจรดริน เธอเห็นความภูมิใจจากดวงตาคู่นั้น แต่เธอล่ะ “ไม่! ไม่นะคะ คุณชายสัญญาแล้ว คุณชาย... อื้อ... อย่านะคะ อย่า... ไม่เอา... เอาออก อื้อ... เอาออก ไม่... อย่า... คุณชาย... อื้อ... ไม่นะคะ... คุณชาย...” อินถวาดิ้นพล่านเพราะอะไรบางอย่างที่สอดแทรกเข้ามาใน... เธอรู้ว่านี่คือขั้นตอนสำหรับการมีบุตร แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะเอาอะไรสอดใส่ไปสักครั้ง แค่แอบคิดอย่างทะ
“เธออยากให้ฉันทำให้ลึกกว่านี้มั้ย อยากมากกว่านี้มั้ย พุดซ้อน บอกฉันสิ ฉันอยากรู้ ฉันอยากกินเธอทั้งตัว อยากทำให้เธอกรีดร้องเรียกแต่ชื่อฉัน อยากฟังเสียงหวานๆ ของเธอ บอกฉันสิพุดซ้อนว่าเธอต้องการฉัน เธอต้องการให้ฉันเข้าไปในร่างกายของเธอ บอกฉันพุดซ้อน บอกฉัน” คำตอบที่ไรเฟิลได้รับก็คือใบหน้างามที่ส่ายไปมาจนเส้นผมกระจายเต็มหมอน อินถวากำลังสะกดเก็บความต้องการนั้นไว้ ทั้งๆ ที่อารมณ์แห่งความอยากพวยพุ่งจนถึงขีดสุดแล้ว แต่อินถวาก็ยังทน แต่เป็นเขาที่จะทนไม่ได้ซะเอง เพราะปฏิกิริยาที่อินถวาเป็นคือความหวงแหนร่างกายนี้ คือความสวยงามที่ผู้หญิงเอเชียมีอยู่แทบทุกประเทศ คือความงดงามแห่งชาติเชื้อ และเขากำลังจะพรากสิ่งนั้นไปจากเธอ เมื่อความคิดสวนทางกับสิ่งที่กำลังทำและดำเนินอยู่อย่างสอดประสาน ทำให้ไรเฟิลชะงัก เขาไม่ควรทำแบบนี้กับอินถวา เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่เขาจะซื้อได้ด้วยเงิน ความคิดที่ตีรวนถูกกระตุ้นด้วยความเย้ายวนตรงหน้าอีกครั้ง เมื่ออินถวาปรือตามองเขาอย่างแสนหวาน เธอเองก็กำลังต่อสู้กับความต้องการตามธรรมชาติ แต่ใครเล่าจะชนะ เขาหรือเธอ หรือความกระสันอยากในร่างกายนี้คือสิ่งที่ชนะ
“พูดสิพุดซ้อน พูด... เธอต้องการฉัน เธออยากให้ฉัน...” “อื้อ... คุณชาย... คุณชาย... พุด... อื้อ... พุด... คุณชาย... ช่วยพุดด้วย โอว... ช่วยพุด... อื้อ...” “ช่วยยังไง เธออยากให้ฉันช่วยยังไง” “ช่วยพุดด้วย พุด... พุด... พุดต้องการคุณชาย คุณชาย... คุณชายขา... พุดต้องการ” คำพูดแสนน่าละอายถูกพูดออกไปทั้งที่หัวใจร้องห้าม แต่ไรเฟิลไม่รับรู้เพราะเขาเริ่มแล้ว เขาพาเจ้ามังกรร้ายสอดแทรกเข้ามาในโพรงถ้ำที่คันยิบของเธอ และเพียงส่วนหัวส่งผ่านเข้าไป อินถวาก็กรีดร้องสุดเสียง “กรี๊ดดดดด...” ริมฝีปากสั่นระริกเพราะพูดไม่ออก เธอพลาดไปแล้ว เธอร่ำร้องขอสิ่งนั้นจากเขาเอง ทั้งๆ ที่รู้ล่วงหน้าว่ามันจะต้องเจ็บปวด แต่เธอกลับหลงใหลไปกับความซาบซ่านที่เขาปรนเปรอ แต่มานึกได้ตอนนี้ก็สายไปแล้ว เพราะความเจ็บปวดนี้เป็นพยานว่าเขาได้พาตัวเองเข้ามาในร่างกายของเธอเรียบร้อยแล้ว “พุดซ้อน... ผมขอโทษ” ทว่าน้ำเสียงที่อ่อนโยนและคำแทนตัวที่เปลี่ยนไปนั้นทำให้สมองของอินถวาประมวลเหตุการณ์ เธอจะไม่ยอมเสียอะไรไปฟรีๆ หากเขาครอบครองร่างกายเธอด้วย
เจ้ามังกรค่อยๆ ส่ายหัวกว้านวนและย้ายตัวเองออกจากโพรงถ้ำก่อนจะขยับเข้าไปใหม่ ในระยะสั้นๆ กระชั้นถี่ และทำซ้ำๆ กันแบบนี้อยู่หลายครั้ง แม้ว่าเขาเองจะต้องเผชิญกับความเสียวซ่านจนแทบจะระเบิดกระสุนอยู่หลายครั้งก็ตาม แต่เพราะมุ่งหวังจะให้เจ้ามังกรคุ้นชินกับโพรงถ้ำ ให้จดจำว่าถ้ำนี้มีมันนั้นเป็นเจ้าของ จะเข้าๆ ออกๆ อีกกี่ครั้งก็ย่อมได้ แต่ทุกครั้งที่ขยับอินถวาก็ยังร้อง ซึ่งเขาไม่โทษเธอเลย ต้องโทษที่เจ้ามังกรเขามันใหญ่ผิดมนุษย์ “เจ็บ... คุณชาย... พุดเจ็บ” “แป๊บเดียวเท่านั้นครับ ผมสัญญา ผมจะไม่ทำให้พุดซ้อนเจ็บอีก” แม้อินถวาจะเปล่งเสียงกระเส่าว่าเธอยังเจ็บ แต่สิ่งที่เขาควรทำก็คือไปต่อให้สุด เพราะยิ่งไปให้ถึงจุดหมายได้เร็วเท่าไร นั่นคือจุดสิ้นสุดของความเจ็บปวดก็จะถึงได้ไวยิ่งขึ้น เจ้ามังกรร้ายของเขาจึงพุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างเร็วรี่ ท่ามกลางเสียงร้องขาดๆ หายๆ ของอินถวา และเมื่อเสียงร้องห่างลงแต่กลับเป็นเสียงครางมากขึ้น นั่นคือเขาเข้าใกล้จุดหมายแล้ว “อื้อ... คุณชาย... คุณชาย... อื้อ...” “ดีมั้ยครับพุดซ้อน ดีมั้ย... อืม...”
เสียงประตูห้องนอนที่เปิดออกก่อนจะปิดเพราะใครบางคนเดินเข้ามาแล้ว ดวงตาสวยหวานมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจก พลางมองนาฬิกาแขวนเรือนไม้แบบโบราณแกะเป็นลวดลายมังกรคาบแก้ว ก่อนจะยิ้มกว้าง เพราะมังกรกลับมาคาบแก้วอย่างเธอแล้ว ก็ช่วงบ่ายแก่ๆ แบบนี้จะใครล่ะถ้าไม่ใช่ “อืม... อยู่นี่เองเหรอครับ คิดถึงจะแย่” อ้อมกอดจากด้านหลังพร้อมน้ำเสียงกระซิบพร่าที่ข้างใบหูเรียกรอยยิ้มน้อยๆ จากใบหน้าสวย แต่อินถวากลับทำเป็นไม่สนใจเขาเท่าที่ควร เธอยังคงจัดเสื้อผ้าของเขาใส่เข้าตู้เหมือนกับว่าหน้าที่นั้นสำคัญกว่าเจ้าของคฤหาสน์ที่คลอเคลียริมฝีปากและจมูกกับแก้มนวลเนียนของเธอ “แย่แค่ไหนกันคะ จากกันยังไม่ถึงหกชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ” อินถวาหมายความตามนั้นจริงๆ เพราะกว่าที่ไรเฟิลจะจูบล่ำลากับเธอได้ เขาก็แทบจะไปทำงานสาย และนี่ยังไม่ถึงเวลาเลิกงานเลยด้วยซ้ำแต่เขากลับมาปรากฏกายอยู่ในห้องนอนของเธออีกแล้ว ‘ห้องนอนของเธอ’ นั่นเธอพูดถูกนะ เพราะตลอด 1 เดือนที่เธอก้าวเข้าสู่คฤหาสน์ลี นับตั้งแต่เหตุการณ์ระทึกใจเกิดขึ้น เธอก็ไม่เคยได้ไปนอนห้องไหนอีกเลยนอกจากห้องนี้ห้อ
“ได้สิครับ ผมสัญญาจะทำให้ดีที่สุด เริ่มต้นจากส่งเมียจ๋าขึ้นสวรรค์ก่อน” “อ่ะ! ว้าย! ไรเฟิล...” อินถวาหมดหนทางจนต้องอุทานเพราะสิ่งที่เธอควรทำก็คือปิดริมฝีปากของตัวเองที่จะกรีดร้องจากความเสียวซ่านนั้นออกมา เพราะไรเฟิลวาดลวดลายผ่านปลายลิ้น ตั้งแต่ทั่วพื้นที่ของอกอวบจนดูดดุนเบาๆ ที่ยอดอก ก่อนจะลากริมฝีปากและปลายลิ้นมาตามร่องอกมาคลอเคลียอยู่ที่หน้าท้องที่ยื่นนูน จนคนที่อยู่ด้านในประท้วงตอดตุบๆ “ลูกจ๋า... พ่อจะเข้าไปเยี่ยม” “ไรเฟิล... บ้าจริง...” “บ้าที่ไหนกันครับ ผมจะไปเยี่ยมลูก ลูกจ๋า... รอพ่อนะครับ” “อื้อ... บ้า...” ไรเฟิลหัวเราะพาริมฝีปากไปสู่จุดหมายที่อินถวารอคอย ก่อนจะชะงักเพราะดอกไม้งามสีชมพูอ่อนที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าดูอูมใหญ่กว่าเดิม รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า เพราะรูปร่างที่เต็มไม้เต็มมือขึ้นกว่าเดิมบวกกับอวัยวะที่ขยายใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับชีวิตน้อยๆ ก็ยิ่งทำให้เรือนร่างของคุณแม่มือใหม่นี้ดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบ รวมทั้งกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่เจืออยู่ก็ทำให้ไรเฟิลอดใจไว้ไม่ไหว จมูกโด่งจึงจดลงดอมดมควา
ไรเฟิลประคองร่างอวบอิ่มของอินถวามานั่งที่โต๊ะยาวด้านข้าง เขาบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้เธอรับรู้ เริ่มตั้งแต่ค่ำคืนแห่งการดินเนอร์นั้น นั่นคือแผนการของพ่อแม่ เพื่อให้ท่านยอมรับในตัวของอินถวา และยอมรับว่าความรักของเขาคือความจริง ไม่ใช่เพียงหลงเสน่หาชั่วครั้งชั่วคราว เริ่มจากอินถวารักเงินหรือว่ารักตัวเขากันแน่ ซึ่งเธอก็พิสูจน์แล้วว่าเงินจำนวน 50 ล้านที่พ่อเขาเขียนเช็คให้เธอนั้น อินถวาไม่แม้แต่จะเปิดดู ด่านแรกเธอผ่านไปได้ แต่ด่านที่ 2 ที่ใช้ระยะเวลาเป็นตัวชี้วัด ใน 3 เดือนที่ต้องจากกันอย่างเข้าใจผิด อินถวาจะยังซื่อสัตย์กับเขาหรือไม่ ทั้งๆ ที่เธอก็เห็นว่าเขานั้นทรยศเธอไปแล้ว และอินถวาก็ไม่ทำให้เขาผิดหวังเลย จากข่าวที่ได้รับจากเหมยอิงและมาร์กอส นั่นคืออินถวาไม่มีใครเลย เธอตั้งหน้าตั้งตาสร้างธุรกิจขนมไทยร่วมสมัยและใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่กับครอบครัว ส่วนตัวเขาเองก็ต้องอดทนกับการไม่ได้เห็นหน้าเธอ เขาต้องไปทำงานทุกวัน ต้องอยู่ในวงล้อมของผู้หญิงที่สวยงามมากมาย ทั้งซินเทียก็มาคลอเคลียกับเขาไม่ห่าง ใน 3 เดือน หากเขายังยึดมั่นอยู่กับอินถวา พ่อกับแม่ถึงจะ
ทว่าดวงตาสวยหวานของอินถวากลับหลับพริ้มแต่ก็ยังเห็นว่ามีหยาดน้ำเอ่อคลออยู่ ระยะเวลา 3 เดือนที่จากกัน เขารู้ว่าเธอก็ทุกข์ ส่วนเขานั้นก็ทุกข์อย่างแสนสาหัสเพราะนี่คือ บทพิสูจน์ที่จะทำให้พ่อแม่ยอมรับเธอ “พุดซ้อนครับ ได้โปรดลืมตาขึ้นมองผม ผมอยากเห็นดวงตาของคุณ อยากเห็นผมอยู่ในนั้น อยู่ในสายตาของคุณอีก พุดซ้อนครับ ได้โปรดเถอะ” อินถวากลั้นสะอื้น แค่ได้ยินน้ำเสียงสั่นเครือปนเว้าวอนอย่างนั้น เธอก็แทบจะซุกซบใบหน้าลงกับอกของเขา เพราะเธอเองก็คิดถึงเขาเหลือเกิน เวลา 3 เดือนที่ผ่านไปทำให้เธอมองเห็นโลกในต่างมุมมากขึ้น อารมณ์ชั่ววูบของเธอในวันนั้นทำให้ผลุนผลันจากมา แต่เมื่อคิดคำนวณทุกเหตุการณ์ก็จะพบว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นช่างประจวบเหมาะ นั่นเพราะพ่อและแม่ของเขาต้องการให้เกิดอยู่แล้ว และเป็นเธอเองที่ติดกับดักที่ท่านสร้างขึ้น เพราะเธอไม่มีทางรู้ได้เลยว่าไรเฟิลที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียงของซินเทียนั้น คนทั้งคู่เมคเลิฟกันจนเหนื่อยอ่อน หรือว่านั่นคือไรเฟิลถูกทำให้หลับ เพราะกับเธอนั้น เขาก็ไม่เคยเหนื่อยจนสลบถ้ายังไม่ถึงเช้า และหากเรื่องราวเป็นไปอย่างที่เธอคาดเดา
“ค่ะแม่ พุดก็ว่าจะรับอีกแค่สองคนเท่านั้นค่ะ ไม่อย่างนั้นพุดจะดูแลไม่ทั่วถึง ถ้าขนมไม่ได้คุณภาพจะกลายเป็นผลเสียแทน แล้วน้าอิฐล่ะคะ เช้านี้พุดยังไม่เห็นเลย ไปธนาคารเหรอคะแม่” เธอถามหาน้าชาย เพราะปกติจะเห็นอยู่ในออฟฟิศฝั่งตรงกันข้าม แต่เช้านี้เธอยังไม่เห็นเลย “ไปสนามบินน่ะ” “ไปทำไมคะ มีอะไรเหรอ” “ก็เรื่องที่น้าอิฐเขาจะนำเข้าอะไหล่รถนั่นแหละ วันนี้ทางนั้นเขาบินมา น้าอิฐก็เลยไปรับ” น้ำเสียงเศร้าๆ ของแม่ทำให้อินถวาโอบกอดรอบเอวเจ้าเนื้อของแม่เอาไว้ เธอรู้ว่าแม่รักธุรกิจเต็นท์รถมือสองนี้มาก เพราะนี่คือสิ่งที่สร้างรายได้จนแม่สามารถส่งเสียเธอเรียนจนจบ และก็เป็นเหตุผลหลักที่เธอไปทำงานที่ฮ่องกง เพราะไม่อยากให้แม่ต้องสูญเสียสิ่งนี้ไป แต่วันเวลาก็ไม่แน่นอน ในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ รถยนต์มือสองขายยากและก็ยังหาซื้อมาใส่เต็นท์ได้ยากเช่นกัน น้าอิฐจึงปรึกษากับแม่ว่าควรลดซื้อรถยนต์แต่เปลี่ยนมานำเข้าอะไหล่แทน และหากมีคู่ค้าอยู่ที่จีนหรือที่ญี่ปุ่นก็จะดีมาก เพราะการสั่งนำเข้าหรือการหาอะไหล่ที่ยากๆ ก็จะทำได้อย่างเร่งด่วน และตอนนี้แม่ก็วางมื
“ถ้าถือว่าผมเป็นเพื่อน ให้เพื่อนคนนี้ไปส่งให้ถึงเมืองไทยนะครับ เพื่อนจะได้สบายใจ ว่าได้ส่งเพื่อนถึงสถานที่ที่ปลอดภัยแล้ว ไม่ลำบากหรอกครับ” อินถวาพยักหน้ารับดวงตารื้นไปด้วยหยาดน้ำ ก่อนจะขอตัวไปซื้อพลาสเตอร์แปะแก้เมาเครื่องบินก่อน โดยมีมาร์กอสมองตามร่างงามระหงที่เดินตรงไปยังร้านขายยา ดวงตาสีฟ้ามีแววกังวลใจก่อนจะล้วงเอาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงที่สั่นไม่หยุดขึ้นมา ‘ไรเฟิล’ แม้หน้าจอโทรศัพท์จะระบุชื่อคนโทรเข้าแบบนั้น แต่มาร์กอสกลับเลือกที่จะปิดเครื่อง เพราะในเวลานี้ทุกคนควรได้รับโอกาสในการไตร่ตรอง เกือบ 3 ชั่วโมงจากฮ่องกงมาเมืองไทย อินถวาไม่ได้พูดอะไรเลย มีเพียงน้ำตาของเธอเท่านั้นที่เคลื่อนไหวไม่หยุด ทว่าเพียงถึงจุดหมายรอยยิ้มอย่างมีความสุขที่สุดก็ฉายชัดขึ้น ดั่งว่าเธอคนนี้ไม่ได้นำความทุกข์ใจกลับมาจากฮ่องกงด้วย “ส่งฉันเพียงเท่านี้ก็พอแล้วค่ะ ฉันถึงบ้านแล้ว ฝากคุณมาร์กอสขอโทษคุณวิคเตอร์กับคุณนายลีแทนฉันด้วยนะคะ สำหรับทุกเรื่องที่ฉันเสียมารยาทไว้ และฝากขอโทษคุณแม่บ้านใหญ่ ลุงฉี อาซู กับอาหนิงที่ฉันจากมาโดยไม่ได้ลา” “แล้วคุณไรเฟิลล่ะครับ คุ
“ถ้าเราท้องขึ้นมาล่ะ จะทำยังไง ไรเฟิลจะหาว่าเรามีลูกเพื่อไว้จับเขาหรือเปล่า และพ่อแม่เขาอีกล่ะ เขาจะทำยังไงกับเรา”อินถวาพึมพำก่อนจะสะดุ้งเพราะเสียงโทรศัพท์ภายในดังขึ้น เธอรีบเดินไปที่โทรศัพท์แต่ยังไม่วายจะชำเลืองมองไปที่ตึกใหญ่ เพราะคนที่โทรมาคือคนในตึกนั้น ดวงตาสวยมีแววเศร้ามองโทรศัพท์อย่างชั่งใจเพราะไรเฟิลไปดินเนอร์กับครอบครัวที่ตึกใหญ่และสัญญาว่าจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด ทั้งที่เธอเองก็เผื่อใจไว้อยู่แล้วว่าคงไม่เร็วแน่ เธอก็ไม่อยากได้ยินว่าเขาจะขออยู่ต่ออีกกี่ชั่วโมง จะกลับดึกกว่านี้ หรือว่าค่ำคืนนี้จะไม่กลับ “ฮัลโหล...” เสียงหวานเอ่ยทักเป็นภาษาอังกฤษ ไม่ใช้ ‘ไหว’ ที่เป็นภาษาจีนกวางตุ้ง เพราะคิดว่าคนที่โทรมาในยามดึกนี้คงมีแค่ไรเฟิลคนเดียวเท่านั้น ทว่าเสียงที่ตอบกลับมากลับทำให้อินถวารีบคว้าเสื้อคลุมและเดินออกจากตึกเล็กมุ่งตรงไปสู่ตึกใหญ่ในทันที เพียงไม่นานเธอก็มาถึงจุดหมายที่ใครคนนั้นบอกเอาไว้ ห้องนอนชั้น 2 ของปีกซ้าย ประตูห้องที่เปิดแง้มไว้ทำให้อินถวาถือวิสาสะเดินเข้าไปทันที ในนาทีที่หัวใจเธอใกล้จะระเบิดก็ขอให้เธอได้เห็นกับตาตัวเอง และสิ่งที่มองเ
“ฉันจะให้หนูห้าสิบล้าน เพื่อซื้อศักดิ์ศรีของหนู และเพื่อให้หนูไปจากชีวิตของไรเฟิล เพราะยังไงแล้วฉันก็จะไม่รับสะใภ้คนอื่นนอกจากซินเทียเท่านั้น ถ้าหนูยังอยู่กับไรเฟิล หนูก็จะเป็นได้แค่เมียเก็บเท่านั้น รับเงินไปเถอะ นี่จะเป็นโอกาสเดียวที่หนูจะได้เงิน” “หนู...” “อย่าปฏิเสธตอนนี้ หนูควรกลับไปคิดดูก่อน ถ้าหนูคิดว่าหนูรักไรเฟิลจริง หนูก็ควรจะให้เขาได้แต่งงานกับคนที่เหมาะสม ฉันพูดตรงๆ นะ ฉันต้องการให้ไรเฟิลแต่งงานกับซินเทียเท่านั้น เพราะนั่นคือธุรกิจที่จะมั่นคงขึ้นหากสองตระกูลมาเสริมกัน พูดแค่นี้หนูคงจะเข้าใจนะ” “ค่ะ” อินถวารับคำน้ำตารื้นจนแทบจะไหลออกมา “ฉันหวังว่าเรื่องนี้ไรเฟิลจะไม่รู้ เอ่อ... แต่ขนมอร่อยมากๆ ถ้าหนูจะอยู่กับไรเฟิลที่นี่ในฐานะเมียเก็บ ฉันก็จะไม่ขัดขวาง เพราะผู้หญิงที่ทำอาหารเก่งทำขนมอร่อยก็เหมาะที่จะเป็นเมียและเป็นแม่ของลูกจริงๆ นั่นแหละ เพียงแต่สำหรับตระกูลลีไม่ได้ต้องการผู้หญิงหลังม่านก็เท่านั้น” อินถวารับรู้ได้ถึงลมที่ร้อนวูบอยู่ในหูและความร้อนผ่าวในอก เมื่อต้องรับฟังสิ่งเหล่านั้นโดยไม่สามารถโต้แย้งอะ
มาร์กอสมองฝ่ามือบอบบางที่หยิบจับกระทงใบตองขึ้นมา ก่อนจะตักข้าวเหนียวมูนใส่ในกระทงเพียงค่อนใบ จากนั้นก็ตักสิ่งที่เขาเรียกว่าทอปปิ้งเพราะเธอนำมาราดไว้ที่ด้านหน้าของข้าวเหนียวจริงๆ “ลองดูนะคะ อันนี้เรียกว่า ข้าวเหนียวมูนหน้าสังขยา ฉันทำแบบไม่หวานมากค่ะ เวลาทานจะได้ไม่เลี่ยน” “อืม... อร่อยมาก อร่อยมากจริงๆ ครับ ลองอีกครับ ผมอยากลองอีก” อินถวานึกขำกับท่าทางของเขา แต่เธอก็รู้สึกมีความสุขไปด้วย ข้าวเหนียวมูนหน้าปลาแห้ง และ หน้ากุ้ง จึงถูกเสิร์ฟให้มาร์กอสได้ลิ้มรสจนครบ ไรเฟิลชะงักกับภาพที่เห็น อินถวายิ้มอย่างมีความสุขขณะอธิบายส่วนผสมของขนมหลากหลายอย่างที่เธอทำให้กับมาร์กอสที่ช่างซักช่างถามไม่หยุด “มาร์กอสดูมีความสุขนะคะ คงจะเจอคนถูกใจถึงได้คุยมากยิ้มมากขนาดนั้น” “ก็คงอย่างนั้น” ไรเฟิลพูดแล้วก็เดินตรงเข้าไปในครัว ปล่อยให้ซินเทียฟึดฟัดอยู่คนเดียว ไม่ใช่ว่าเขาไม่คิดอย่างที่ซินเทียคิด แต่เขาคิดไปมากกว่านั้น และซินเทียเองนั่นแหละที่ทำให้ความคิดเขาเปลี่ยนไป ‘คุยมากยิ้มมาก’ นั่นน่ะไม่ใช่นิสัยของมาร์กอสสัก
“เอาล่ะๆ เสียบรรยากาศหมด เอาเป็นว่าเดี๋ยวพาแม่หนูนั่นไปพบพ่อที่ในสวนก็แล้วกัน พ่อจะคุยกับเธอเอง” “สรุปว่าพ่อเข้าใจผมใช่มั้ยครับ” “เข้าใจ แต่ไม่ได้เห็นด้วยนะ ยังไงก็ต้องให้พ่อคุยกับเธอก่อน” “ผมมั่นใจว่าพ่อต้องชอบพุดซ้อนแน่ๆ” ไรเฟิลพูดอย่างมั่นใจก่อนจะลอบถอนหายใจเพราะเสียงแม่ที่พูดแย้ง “แต่ฉันมั่นใจว่าคุณต้องไม่ชอบ เพราะฉันยังไม่ชอบเลย” “แต่ผมกับคุณ ชอบอะไรที่แตกต่างกันเสมอนะเชอร์รี่” “ฉันจะคอยดู อีกอย่างคุณคิดเหรอวิคเตอร์ว่าลูกชายจอมเจ้าชู้ของคุณจะหยุดได้ที่เธอคนนั้น สุดท้ายเมียก็ช้ำใจไม่ต่างกันหรอก ลูกไม้หล่นใต้ต้นเสมอ พ่อยังไง ลูกก็คงไม่แตกต่าง” “ผมก็ว่าอย่างนั้นแหละ พ่อยังไง ลูกก็คงอย่างนั้น เพราะถึงผมจะเจ้าชู้ แต่ผมก็เป็นคนรักใครแล้วรักเลย รักคนเดียวตลอดไป แม้เธอจะ...” “ขี้เกียจฟัง แล้วฉันจะรอฟังข่าวว่าที่ลูกสะใภ้ของคุณ” เชอร์รี่ลุกขึ้นพรวดพูดแล้วยิ้มเหยียดก่อนจะเดินออกไป ปล่อยให้วิคเตอร์พ่นลมหายใจออกเบาๆ เพราะสุดท้ายเชอร์รี่ก็ยังรั้นตามเดิม เธอไม่รอให้เขาพูดให้จบด้วยซ้ำ