“ผีทะเล... เอ่อ... ผู้ชายคนนั้น ทำไมเหรอคะ”
“สรุปว่าหนูรู้จักคุณชายแล้วใช่มั้ยจ๊ะ ถ้าอย่างนั้นฉันจะได้ไม่ต้องพาไปแนะนำอีก”
“รู้จักหน้าค่ะ แต่หนูไม่รู้จักชื่อคุณชายคนนั้น”
อินถวายิ่งงงหนักเมื่อคุณเหมยอิงปรายตามองอาฉีอย่างคาดโทษก่อนจะหันมาหาเธอ พร้อมกับสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้ แต่เป็นความเข้าใจที่ทำให้ขนหัวเธอลุกตั้งเสียยิ่งกว่าตอนที่คิดว่าผู้ชายคนนั้นเป็นผีซะอีก เพราะเขาเป็นใครบางคนที่เธอแตะต้องไม่ได้
“นั่นแหละจ้ะ ‘คุณชายไรเฟิล ลี’ ทายาทคนเดียวของตระกูลลี และก็เป็นคนเดียวกันกับผีทะเลที่หนูบอกนั่นแหละ”
อินถวาส่ายหน้าดิก ‘ไม่นะ ไม่น่าจะเป็นไปได้’ เธอคิดว่าที่อาฉีเรียกเขาว่า ‘คุณชาย’ ก็คือการให้เกียรติเหมือนอย่างที่อาฉีเรียกเธอว่า ‘คุณ’ ไม่ใช่ว่าเขาจะเป็นใครที่สำคัญของคฤหาสน์นี้แน่ และผู้ชายคนนั้นก็เป็นคนยุโรปไม่ใช่เอเชียอย่างที่เธอเป็น อย่างนั้นเป็นไปไม่ได้แน่ว่าเขาจะเป็น ‘คุณชายลี’ นายจ้างของเธอ แต่สายตาเกรงๆ พร้อมใบหน้าที่พยักน้อยๆ ของอาฉีที่ส่งมาก็ทำให้เธอปฏิเสธไม่ได้
“ฉันว่าที่หนูควรจะกลัวมากกว่าผีตัวอื่น ก็น่าจะเป็นผีทะเลสุดหล่อตัวนั้นนะ หนูคงต้องระวังให้จงดีเลยล่ะ ผีทะเลเจอหนูแล้วนี่ อีกอย่าง อย่าลืมว่าคุณชายลี คือเจ้านายของหนูโดยตรง ท่านนี่แหละที่อนุมัติสัญญาว่าจ้างให้กับหนู”
อาการอกสั่นขวัญแขวนหรือขวัญอาจบินไปไกล อินถวารับรู้ได้ว่าจริงแท้ก็เวลานี้เพราะขนหัวของเธอลุกตั้งอย่างหยุดไม่ได้ หัวใจก็ตุ้มๆ ต่อมๆ เพราะอนาคตนับต่อแต่นี้ไปมืดมนอย่างเห็นได้ชัด
ลำพังแค่คิดว่าเขาเป็นใครบางคนที่มาทำงานในคฤหาสน์นี้ก็ลำบากใจที่จะเจอหน้ามากพอแล้ว เพราะไม่รู้ว่าจะจัดการกับจังหวะหัวใจที่เต้นผิดปกตินี้ยังไง แต่เมื่อมารู้ว่าเขาเป็นคนสำคัญและมีอิทธิพลกับงานของเธอที่สุด เส้นทางปลายอุโมงค์ของเธอก็เหมือนจะมึดดับดำปิ๊ดปี๋ เพราะหัวใจของเธอหยุดเต้นไปแล้ว ‘คุณชาย, เจ้าของคฤหาสน์, นายจ้าง’ เขาจะจัดการกับเธอยังไง
แต่โชคชะตายังคงโหดร้ายกับเธอต่อ เพราะเมื่ออาซูกับอาหนิงพาเธอมาไหว้อาแปะตามที่คุณเหมยอิงบอกไว้ อินถวาก็เริ่มรู้แล้วว่าพระเครื่องห้อยคอ สายสิญจน์ และน้ำมนต์ที่แม่ให้ติดตัวมาจากเมืองไทยคงมีเรื่องต้องใช้งานแน่แล้ว เมื่ออาแปะที่คุณเหมยอิงหมายถึงนั้นคือ ร่างที่ไร้วิญญาณใน ‘ฮวงซุ้ย’ ซึ่งเป็นพ่อของคุณนายลีนั่นเอง
“ไหว้อาแปะนะอาพุดซ้อน อาแปะจะได้คุ้มครองลื้อ ลื้อไม่ต้องกลัวอะไร ที่นี่ไม่มีดวงวิญญาณไหนจะเข้ามาทำร้ายลื้อได้ทั้งนั้น เพราะที่นี่น่ะ อาแปะท่านใหญ่ จริงมั้ยอาซู”
ภาษาไทยสำเนียงจีนของอาหนิงที่พูดกับเธอก่อนจะหันไปถามอาซูที่ยื่นธูปที่จุดติดแล้วมาให้ ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย เพราะนั่นยิ่งทำให้ขนบนหัวของอินถวาลุกตั้งมากขึ้นอีก ถ้าเธอรู้มาก่อนว่าในคฤหาสน์แห่งนี้มีฮวงซุ้ยจัดสร้างอยู่ภายใน เธอจะไม่มีวันรับงานนี้อย่างเด็ดขาด เพราะนอกจากผีทะเลสุดหล่อที่คุณเหมยอิงบอกว่าน่ากลัวสุดๆ แล้วนั้น เธอก็คิดว่าคนที่นอนอยู่ในฮวงซุ้ยตรงหน้าก็คงจะไม่ต่างกันเท่าไร
“บรื้อออออ...” อินถวาขนลุกตั้งและสั่นไปทั้งร่าง
“เป็นอะไรอาพุดซ้อน” อาซูหันมาถาม และก็เห็นว่าแม่บ้านสาวสวยคนใหม่ทำหน้าจะร้องไห้ซะแล้ว
“อะ... อาซู อาหนิง แล้วทำไมถึงมีฮวงซุ้ยในคฤหาสน์ ทำไมไม่ไปสร้างที่สุสาน” อินถวาปากคอสั่นแม้จะรับธูปมาปักไว้ที่หน้ากระถางเรียบร้อยแล้ว แต่เธอก็กลัวเหลือเกิน
“โถๆๆ ไม่ต้องกลัวนะอาพุดซ้อน ซินแสท่านบอกว่าที่นี่น่ะชัยภูมิดี อยู่แล้วลูกหลานจะร่ำรวยก้าวหน้า ยิ่งอาแปะอยู่ปกป้อง ลูกหลานก็จะมีแต่รวยรวยรวย ฮวงซุ้ยนี่อาแปะท่านก็สร้างเตรียมไว้หลายปีก่อนที่ท่านจะเสีย อาแปะน่ะใจดีนะอาพุด ท่านดูแลทุกคนที่นี่ ไม่ต้องกลัวหรอกนะ”
“จริงๆ เหรออาหนิง ไม่หลอกนะ”
“จริงสิ ไม่หลอกหรอก ที่สำคัญนะ อาแปะให้หวยถูกด้วย รวยๆๆๆ”
อินถวาฝืนยิ้มแม้จะอยากร้องไห้อย่างที่สุดก็ตาม เพราะมาถึงตอนนี้แล้วเธอจะทำอะไรได้ จะกลับบ้านก็ไม่ได้ จะอยู่ต่อก็กลัวเหลือเกิน แต่ทางเลือกของเธอไม่มีเลย ที่ต้องทำก็คือรีบไหว้ให้เสร็จๆ และรีบไปจากที่นี่ให้เร็ว ทว่าเมื่ออาซูกับอาหนิงพาเธอมาที่ห้องพัก อินถวาก็อยากจะกรีดร้องออกมาอีกเสียให้ได้ เพราะนั่นไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นเลย เพราะห้องพักคนงานของคฤหาสน์ลี อยู่ด้านข้างของฮวงซุ้ยนี่เอง
อินถวาทรุดนั่งลงบนเตียงอย่างอ่อนแรง แต่หัวใจกลับเต้นรัวเร็วอย่างหยุดไม่ได้ เพราะอาซูกับอาหนิงออกไปแล้ว เพื่อให้เธอจัดเก็บข้าวของและผลัดเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าของพนักงานให้เรียบร้อย จากนั้นให้เธอเดินไปที่ตึกใหญ่ด้านหน้าเพื่อกินอาหารกลางวันและจะได้รับงานจากคุณแม่บ้านใหญ่ ว่างานของเธอประจำวันนั้นมีอะไรบ้าง
แต่ในเวลานี้อินถวากลับไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรเลย เพราะแค่มองผ่านบานเกล็ดหน้าต่างออกไป ก็มองเห็นเนินดินนั่น ความรู้สึกของเธอตอนนี้เหมือนกับว่าปลูกบ้านอยู่ข้างวัด จะย้ายหนีก็ไม่ได้เพราะลงหลักปักฐานไปแล้ว จะไม่อยู่ก็ไม่ได้เพราะไม่มีเงินจะไปเช่าที่อื่นอีก มันคืออาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะกลายเป็นว่าเธอต้องเห็นเนินดินฝังศพนั่นในทุกวัน ทั้งตื่นนอนตอนเช้า ออกไปทำงาน กลับมาจากทำงาน และก่อนเข้านอน อย่างนั้นเหรอ
“อึ๊ยยยยย... กลัวอ่ะ แม่คะ พุดคิดถูกหรือคิดผิดกันแน่ที่มาที่นี่ พุดกลัวอ่ะ”
ยิ่งชำเลืองก็ยิ่งกลัว ยิ่งคิดก็ยิ่งหวาด แต่ก็อดไม่ได้ที่จะชำเลืองดูอีกครั้ง ก่อนที่อินถวาจะเบิกดวงตากว้างกับสิ่งที่เห็น พร้อมกับเปล่งเสียงกรีดร้อง เมื่อเงาดำสูงใหญ่ทาบทับอยู่ที่หน้าต่างห้องนอน
“กรี๊ดดดดด... อย่ามาหลอกอย่ามาหลอนกันเลยค่ะ หนูกลัวแล้ว หนูไม่ได้มาลบหลู่ดูหมิ่นอะไรนะคะ หนูก็แค่มาทำงาน หนูจะสวดมนต์แผ่เมตตาไปให้นะคะ หนูกลัวแล้ว ฮือออออ... หนูกลัวแล้ว...” อินถวายกมือไหว้ปะหงกๆ เพราะคิดว่าเธออาจจะถูกผีหักคอแน่วันนี้ แต่ผีที่เงียบไปทำให้อินถวาต้องฝืนแหงนหน้าลืมตามองไปที่หน้าต่าง และก็พบว่าเงาดำนั้น ‘ไม่มี’ หรือว่าเงาดำนั้นหายวับไปแค่เธอคว้าเอาพระเครื่องมากำไว้ หรือว่าจริงๆ แล้วนั้น เงาดำไม่มีตั้งแต่แรก แต่เป็นตัวเธอที่หลอนไปเอง “หรือว่าเราคิดไปเอง ฮือ... กลัวอ่ะ แม่จ๋าพุดกลัว” ดวงตาหวาดหวั่นมองซ้ายมองขวารอบตัวเองอยากให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรอยู่กับเธอในห้องนอนนี้จริง ก่อนจะค่อยๆ เดินไปที่หน้าต่างอย่างกล้าๆ กลัวๆ หวังเพียงว่าหากปิดผ้าม่านลง เธอก็จะไม่ต้องเห็นเนินดินให้จินตนาการหวาดหวั่นนั้นบังเกิดอีก แต่กว่าจะรูดม่านให้ปิดได้ อินถวาก็ต้องเผชิญกับอาการสั่นแล้วสั่นอีกจนต้องสวดมนต์ไปด้วยรูดปิดม่านไปด้วย และเมื่อปิดได้ ร่างแบบบางก็ถลาขึ้นไปนั่งสั่นอยู่บนเตียงทันที เสียงกรีดร้องพร้อมคำพร่ำพูดอย่างหวาดกลัวเต็มที่ทำให้เจ้าของเงาผลุบ
ฝ่ามือตบเบาๆ ที่ข้างแก้มจนอินถวาคิดว่าสามารถสะกดโรคไว้ได้แล้ว ดวงตาสวยหวานสุกสกาวดุจดวงดาวบนฟากฟ้าจึงเปิดขึ้นอีกครั้ง และครั้งนี้มองตรงไปที่เงาสะท้อนของตนเองอย่างมุ่งมั่น เธอต้องจัดการกับตัวเองได้ เพราะเธอมาเพื่อทำงาน รีบทำงานตามหน้าที่ของตนเองให้สำเร็จ จะได้รีบกลับบ้านไปหาแม่ และหากว่าเธอมีเงินเก็บก็อาจจะส่งไปให้แม่บินมาเยี่ยมเธอที่นี่ก็ได้ แต่ก็คงอีกนาน เพราะเธอเบิกเงินล่วงหน้ามาแล้ว “ฉันจะต้องทำได้ ฉันชอบเฮฮาแต่ไม่บ้าผู้ชาย อิอิ...” พูดกับตัวเองพร้อมทำท่าทางยักแย่ยักยันเหมือนจะเต้นแต่ชุดก็ไม่เข้ากับท่า ก่อนจะหัวเราะเบาๆ พลางฝ่ามือบอบบางก็จัดแต่งทรงผมที่ถักเปียรอบศีรษะให้เข้าที่อีกครั้ง จับลูกผมที่ตกเรี่ยร่ายข้างแก้มให้แซมเข้าไปในแนวเปีย ตรวจดูใบหน้าให้สะอาดสะอ้าน พร้อมหันซ้ายหันขวาสำรวจชุดที่สวมใส่ว่ามีตรงส่วนใดยับยู่ไม่เรียบร้อยหรือเปล่า ไม่ว่าจะเป็นช่วงอก ช่วงเอว หรือช่วงสะโพก เธอควรต้องเรียบร้อยและดูดี และเธอก็เห็นบางอย่างที่ไม่ควรจะมี นั่นคือเศษด้ายที่หลุดลุ่ยอยู่ตรงช่วงอกในส่วนของดอกไม้สีชมพูที่ปักเอาไว้พอดี “อ้าว... มีเศษด้ายอีก
“ใช่จ้ะ หนูมีปัญหาอะไรหรือเปล่าจ๊ะ ที่คุณชายท่านเลือกหนู ก็แปลว่าหนูมีคุณสมบัติที่ท่านต้องการ” เหมยอิงพูดเสียงเรียบเพราะความจริงนั้นเธอถูกบังคับด้วยลูกอ้อนมากกว่า พร้อมกับสัญญาที่คุณชายให้ไว้ 1 ข้อ ‘นะครับแม่เหมย ผมอยากได้เธอมาเป็นแม่บ้านประจำตัวผมจริงๆ’ นั่นคือคำพูดหนักแน่นที่มาพร้อมกับสีหน้าออดอ้อนของคุณชายไรเฟิล เด็กชายตัวน้อยที่เคยได้ดื่มกินน้ำนมของเธอตั้งแต่อ้อนแต่ออก พอโตขึ้นคุณชายก็เลยติดนิสัยต้องกินนมก่อนนอนทุกคืน แต่ก็ไม่เคยสักครั้งที่จะคิดกินนมเอเชีย เพราะทุกครั้งก็เห็นว่าคุณชายอิมพอร์ตมาจากทางโซนยุโรปทั้งสิ้น และครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่คุณชายร้องขอแกมบังคับ แต่เธอจะทำอย่างนั้นได้เหรอ จู่ๆ จะมายกอินถวาให้คุณชายดื้อๆ คงไม่ได้หรอก คนไม่ใช่ผักใช่ปลา ทั้งหมดอินถวาต้องยอมรับเอง เพราะผู้หญิงไทยมีวัฒนธรรมเคร่งครัดไม่ต่างจากผู้หญิงจีน หากเธอไม่ได้เต็มใจในสิ่งนั้น หลากปัญหาก็จะตามมาไม่จบสิ้น และคนแก้ปัญหาไม่พ้นจะเป็นเธอแน่ นั่นคือลางสังหรณ์ที่ตามมา เมื่อสบสายตาคมเข้มเว้าวอนคู่นั้น ‘ไม่ได้หรอกค่ะคุณชาย หนูพุดซ้อนน่ะเพื่อนของแม่เหมยฝากฝังม
เอกสารสัญญาว่าจ้างที่อยู่ในมือทำให้ไรเฟิลต้องแย้มรอยยิ้มอย่างมาดหมาย เพราะสิ่งไหนที่เขาอยากได้ก็ย่อมต้องได้อย่าง 100% จะไม่มีใครหน้าไหนมาขัดขวางได้เด็ดขาด และหากดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ส่งกลิ่นหอมไกลจากเมืองไทย ไม่ยอมทำตามที่เขาต้องการ เขาก็มีอีกหลากหลายวิธีที่จะจัดการกับเธอ หนึ่งในนั้นก็คือ กระดาษในมือ ‘ผู้หญิงไทยมีค่านิยมรักนวลสงวนตัว เธอจะเก็บความบริสุทธิ์ไว้เพื่อผู้ชายที่คิดว่าจะเป็นคู่ชีวิตเท่านั้น หากคุณชายทำลายเธอ โดยที่เธอไม่ยินยอม นั่นคือคุณชายสร้างบาปมหันต์ ดังนั้น ห้ามคุณชายบังคับหรือข่มขืนทั้งจิตใจและร่างกายของพุดซ้อนเด็ดขาด ถ้าเธอไม่ยอม คุณชายต้องถอย’ นั่นคือคำสัญญาที่เหมยอิงขอจากเขา ซึ่งแน่นอนว่าเขารับปาก เพราะตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยต้องข่มขืนใคร มีแต่ผู้หญิงจะวิ่งเร่เข้ามาข่มขืนเขาซะมากกว่า ดังนั้นเรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นแน่เด็ดขาด เพราะอินถวาต้องสมยอมทุกประการอยู่แล้ว และอีกไม่กี่นาทีต่อจากนี้เขาก็จะได้พิสูจน์ว่าสิ่งที่คิดไว้นั้นจริงหรือเปล่า เขาจะสำรวจตรวจตราอินถวาทุกตารางนิ้ว ตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า จะทั้งตรวจและจดทุกรายละเอียด ว่าร่างกาย
ก๊อก ก๊อก ก๊อก... เสียงเคาะจากด้านนอกทำให้ไรเฟิลตื่นจากภวังค์ ยิ้มกว้างก่อนจะปรับเป็นเรียบเฉย ดวงตาหวานคมและบ่มไปด้วยแววกรุ้มกริ่มตวัดมองไปที่จุดกำเนิดของเสียง จับจ้องเมื่อประตูไม้สักขนาดใหญ่นั้นเคลื่อนออกจากแรงของคนด้านนอก และดวงตาของมังกรหนุ่มก็ไม่ได้ละจากเรือนร่างที่เดินค้อมกายอย่างสุภาพตามติดด้านหลังของเหมยอิงเข้ามาเลย อินถวานั่งนิ่งก้มหน้ามือประสานกันที่หน้าตักคล้ายกับกำลังตั้งใจฟังสิ่งที่เหมยอิงกับคุณชายลีพูดคุยกัน แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่เลย เธอเหมือนคนที่กำลังลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าจนหูทั้งสองข้างได้ยินเสียงอื้ออึง เพราะมัวแต่คิดถึงสิ่งที่ต้องเผชิญต่อจากนี้มากกว่า เพราะเมื่อตัดสินใจไปแล้วว่าจะทำงานรับใช้คุณชายลี โดยยอมรับตำแหน่งแม่บ้านประจำตัวที่ต้องคอยดูแลคุณชายลีทุกอย่าง ตั้งแต่ตื่นนอนจนถึงเข้านอน เธอก็ต้องเข้ามาอยู่ในอาณาจักรของเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เดิมทีคิดว่าจะทำงานอยู่แต่เพียงในครัว จะไม่ออกมาเสนอหน้าให้คุณชายลีได้เห็นเด็ดขาด นั่นก็คงจะยับยั้งอาการกำเริบของโรคได้ แต่เมื่อสถานการณ์พลิกผัน จากที่ต้องการหลบหลีกกลับกลายมาเป็นใกล้ชิด นั่นทำให้เธอ
“ก็ได้ งั้นเรามาเริ่มกันเลย ก่อนอื่นเธอต้องเปลี่ยนชุด ชุดนี้ไม่ใช่แม่บ้านของฉัน” “อ้าว... ไม่ใช่เหรอคะ แต่ฉันเห็นอาซู อาหนิง และคนอื่นๆ ก็ใส่แบบนี้นะคะ” ดวงตาสวยหวานก้มมองชุดที่ตัวเองสวมใส่อยู่ ตั้งแต่แรกเห็นเธอก็ว่าชุดนี้สวยมาก เพราะหากอยู่ที่เมืองไทย เธอคงไม่มีโอกาสได้ใส่ชุดกี่เพ้าแบบนี้ในชีวิตประจำวันหรอก ยังนึกชื่นชมวิถีชีวิตของคนฮ่องกงสมัยใหม่ที่ไม่ว่าอย่างไรก็ยังมีวัฒนธรรมจีนแทรกซึมอยู่โดยทั่ว แต่หากคุณชายลีบอกว่านี่ไม่ใช่ชุดที่เธอจะใส่ แล้วชุดไหนล่ะถึงจะเรียกว่า ‘แม่บ้านของฉัน’ “ไม่เหมือนกันสิ เพราะนี่น่ะชุดแม่บ้านขั้นหนึ่ง แต่เธอน่ะเป็นแม่บ้านขั้นสอง ก็ต้องมีความพิเศษหน่อย” “พิเศษเหรอคะ แม่บ้านขั้นสอง...” “ใช่” เสียงสูงของคุณชายลีพร้อมสายตาที่มองมายังเธอทำให้อินถวาสะท้านไปทั้งร่าง เพราะนั่นทำให้ความงุนงงของเธอหายวับ สายตาแบบนี้ เขาจะให้เธอใส่ชุดอะไร ชุดนั่นน่ะเป็นชุดของแม่บ้านจริงเหรอ หรือเขาจะให้เธอใส่ชุด ‘วันเกิด’ แค่คิดขนกายก็ลุกพรึบอีกแล้ว เพราะสัมผัสเมื่อเช้าเธอยังจำได้นะ “ตามมาสิ”
“ไม่เป็นปัญหา เพราะชุดนี้จะไว้ใส่เวลาเธออยู่ในห้องนอนของฉันเท่านั้น หรือหากเธอจะใส่ไปเดินข้างนอกก็ไม่มีใครว่า เพราะคนของที่นี่รู้ดี ถ้าฉันมีคุณแม่บ้านอยู่ด้วย จะไม่มีใครกล้าเข้ามาที่นี่ ถ้าฉันไม่ได้สั่ง หึหึหึ... ไม่ต้องทำหน้างง เพราะไม่ว่าเธอจะทำอะไรในห้องนอนฉัน หรือด้านนอก ใส่ชุดพวกนี้ก็คงไม่เป็นปัญหา” อินถวาทำหน้างงตามที่เขาพูด หรืออาจเรียกว่าหน้าเอ๋อก็ได้ เพราะหากเป็นจริงอย่างที่คุณชายลีพูดไว้จริง ก็เท่ากับว่าเธอจะถูกตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิงน่ะสิ ไม่นะ ยังไงเธอก็จะไม่ยอม ยิ่งหนีให้ห่างก็ยิ่งถูกเงื่อนไขผูกมัด เธอต้องหาทางออก “อย่างนั้นก็ยิ่งไม่เหมาะค่ะ เพราะถ้าฉันต้องทำความสะอาดทั้งห้องน้ำ ห้องนอน ชุดสวยๆ พวกนี้คงจะเสียหายแน่ ให้ฉันใส่ชุดเดิมนะคะคุณชาย ฉันจะได้ทำงานได้สะดวกมากขึ้น” “จุ๊ จุ๊ จุ๊... เข้าใจผิดแล้วล่ะพุดซ้อน ฉันจะบอกหน้าที่ของแม่บ้านขั้นสองให้เธอเข้าใจ ที่เธอพูดมาน่ะ นั่นมันงานพื้นๆ ที่แม่บ้านขั้นหนึ่งเขาทำกัน แต่เธอน่ะพิเศษกว่านั้น” จากนั้นคุณชายไรเฟิล เจ้านายโดยตรงก็อธิบายหน้าที่ของแม่บ้านขั้นสองให้เธอฟัง อินถวาร
“ไม่มีเครื่องมืออะไรทั้งนั้นค่ะ เพราะฉันจะไม่ทำงานที่แบบนี้ และฉันบอกคุณชายไว้ก่อนเลยนะคะ ว่าคุณชายไม่มีทางที่จะบังคับฉันได้ เพราะฉันมาทำงานที่นี่โดยมีหนังสือสัญญาจ้างงานเป็นลายลักษณ์อักษร เข้ามาทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และกฎหมายก็จะคุ้มครองฉัน ไม่ให้นายจ้างอย่างคุณชายมาเอาเปรียบได้ ยิ่งเป็นงานที่ดูหมิ่นศักดิ์ศรีแบบนี้ด้วย ฉันยิ่งปฏิเสธจะไม่ทำได้ค่ะ” อินถวาเชิดหน้าขึ้นพูดอย่างไว้ตัว เพราะสิ่งที่คุณชายลีทำกับเธอนั้นถือว่าหยามเกียรติมากไปแล้ว นี่แหละที่เขาเรียกว่า ‘ความหล่อติดลบ’ เพราะอาการปลาบปลื้มความหล่อของคุณชายหายวับเมื่อเขาใช้คำพูดแบบนั้นออกมา และเธอจะทำจริงตามที่พูด หากเขาบังคับเธอ เธอก็จะไปฟ้องร้อง จะไม่ยอมให้เขาเห็นเธอเป็นของเล่นชั่วคราวแน่ ให้รู้ไปว่าหญิงไทยมีศักดิ์ศรีไม่แพ้ผู้หญิงชาติใดในโลก “อ๋อเหรอ รู้กฎหมายเหมือนกันนี่เรา แต่ลืมไปหรือเปล่าว่าสัญญาระบุว่าเธอต้องสวมใส่เครื่องแบบที่นายจ้างกำหนด” อินถวาชะงัก เพราะเงื่อนไขนั้นมีในสัญญาจริงๆ แต่ชุดเหล่านั้นก็เป็นชุดที่ทราบโดยทั่วกันว่าต้องเป็นชุดที่สุภาพ เหมาะสมกับงานที่ทำ แต่นี่ไม่ใช่
“ได้สิครับ ผมสัญญาจะทำให้ดีที่สุด เริ่มต้นจากส่งเมียจ๋าขึ้นสวรรค์ก่อน” “อ่ะ! ว้าย! ไรเฟิล...” อินถวาหมดหนทางจนต้องอุทานเพราะสิ่งที่เธอควรทำก็คือปิดริมฝีปากของตัวเองที่จะกรีดร้องจากความเสียวซ่านนั้นออกมา เพราะไรเฟิลวาดลวดลายผ่านปลายลิ้น ตั้งแต่ทั่วพื้นที่ของอกอวบจนดูดดุนเบาๆ ที่ยอดอก ก่อนจะลากริมฝีปากและปลายลิ้นมาตามร่องอกมาคลอเคลียอยู่ที่หน้าท้องที่ยื่นนูน จนคนที่อยู่ด้านในประท้วงตอดตุบๆ “ลูกจ๋า... พ่อจะเข้าไปเยี่ยม” “ไรเฟิล... บ้าจริง...” “บ้าที่ไหนกันครับ ผมจะไปเยี่ยมลูก ลูกจ๋า... รอพ่อนะครับ” “อื้อ... บ้า...” ไรเฟิลหัวเราะพาริมฝีปากไปสู่จุดหมายที่อินถวารอคอย ก่อนจะชะงักเพราะดอกไม้งามสีชมพูอ่อนที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าดูอูมใหญ่กว่าเดิม รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า เพราะรูปร่างที่เต็มไม้เต็มมือขึ้นกว่าเดิมบวกกับอวัยวะที่ขยายใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับชีวิตน้อยๆ ก็ยิ่งทำให้เรือนร่างของคุณแม่มือใหม่นี้ดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบ รวมทั้งกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่เจืออยู่ก็ทำให้ไรเฟิลอดใจไว้ไม่ไหว จมูกโด่งจึงจดลงดอมดมควา
ไรเฟิลประคองร่างอวบอิ่มของอินถวามานั่งที่โต๊ะยาวด้านข้าง เขาบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้เธอรับรู้ เริ่มตั้งแต่ค่ำคืนแห่งการดินเนอร์นั้น นั่นคือแผนการของพ่อแม่ เพื่อให้ท่านยอมรับในตัวของอินถวา และยอมรับว่าความรักของเขาคือความจริง ไม่ใช่เพียงหลงเสน่หาชั่วครั้งชั่วคราว เริ่มจากอินถวารักเงินหรือว่ารักตัวเขากันแน่ ซึ่งเธอก็พิสูจน์แล้วว่าเงินจำนวน 50 ล้านที่พ่อเขาเขียนเช็คให้เธอนั้น อินถวาไม่แม้แต่จะเปิดดู ด่านแรกเธอผ่านไปได้ แต่ด่านที่ 2 ที่ใช้ระยะเวลาเป็นตัวชี้วัด ใน 3 เดือนที่ต้องจากกันอย่างเข้าใจผิด อินถวาจะยังซื่อสัตย์กับเขาหรือไม่ ทั้งๆ ที่เธอก็เห็นว่าเขานั้นทรยศเธอไปแล้ว และอินถวาก็ไม่ทำให้เขาผิดหวังเลย จากข่าวที่ได้รับจากเหมยอิงและมาร์กอส นั่นคืออินถวาไม่มีใครเลย เธอตั้งหน้าตั้งตาสร้างธุรกิจขนมไทยร่วมสมัยและใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่กับครอบครัว ส่วนตัวเขาเองก็ต้องอดทนกับการไม่ได้เห็นหน้าเธอ เขาต้องไปทำงานทุกวัน ต้องอยู่ในวงล้อมของผู้หญิงที่สวยงามมากมาย ทั้งซินเทียก็มาคลอเคลียกับเขาไม่ห่าง ใน 3 เดือน หากเขายังยึดมั่นอยู่กับอินถวา พ่อกับแม่ถึงจะ
ทว่าดวงตาสวยหวานของอินถวากลับหลับพริ้มแต่ก็ยังเห็นว่ามีหยาดน้ำเอ่อคลออยู่ ระยะเวลา 3 เดือนที่จากกัน เขารู้ว่าเธอก็ทุกข์ ส่วนเขานั้นก็ทุกข์อย่างแสนสาหัสเพราะนี่คือ บทพิสูจน์ที่จะทำให้พ่อแม่ยอมรับเธอ “พุดซ้อนครับ ได้โปรดลืมตาขึ้นมองผม ผมอยากเห็นดวงตาของคุณ อยากเห็นผมอยู่ในนั้น อยู่ในสายตาของคุณอีก พุดซ้อนครับ ได้โปรดเถอะ” อินถวากลั้นสะอื้น แค่ได้ยินน้ำเสียงสั่นเครือปนเว้าวอนอย่างนั้น เธอก็แทบจะซุกซบใบหน้าลงกับอกของเขา เพราะเธอเองก็คิดถึงเขาเหลือเกิน เวลา 3 เดือนที่ผ่านไปทำให้เธอมองเห็นโลกในต่างมุมมากขึ้น อารมณ์ชั่ววูบของเธอในวันนั้นทำให้ผลุนผลันจากมา แต่เมื่อคิดคำนวณทุกเหตุการณ์ก็จะพบว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นช่างประจวบเหมาะ นั่นเพราะพ่อและแม่ของเขาต้องการให้เกิดอยู่แล้ว และเป็นเธอเองที่ติดกับดักที่ท่านสร้างขึ้น เพราะเธอไม่มีทางรู้ได้เลยว่าไรเฟิลที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียงของซินเทียนั้น คนทั้งคู่เมคเลิฟกันจนเหนื่อยอ่อน หรือว่านั่นคือไรเฟิลถูกทำให้หลับ เพราะกับเธอนั้น เขาก็ไม่เคยเหนื่อยจนสลบถ้ายังไม่ถึงเช้า และหากเรื่องราวเป็นไปอย่างที่เธอคาดเดา
“ค่ะแม่ พุดก็ว่าจะรับอีกแค่สองคนเท่านั้นค่ะ ไม่อย่างนั้นพุดจะดูแลไม่ทั่วถึง ถ้าขนมไม่ได้คุณภาพจะกลายเป็นผลเสียแทน แล้วน้าอิฐล่ะคะ เช้านี้พุดยังไม่เห็นเลย ไปธนาคารเหรอคะแม่” เธอถามหาน้าชาย เพราะปกติจะเห็นอยู่ในออฟฟิศฝั่งตรงกันข้าม แต่เช้านี้เธอยังไม่เห็นเลย “ไปสนามบินน่ะ” “ไปทำไมคะ มีอะไรเหรอ” “ก็เรื่องที่น้าอิฐเขาจะนำเข้าอะไหล่รถนั่นแหละ วันนี้ทางนั้นเขาบินมา น้าอิฐก็เลยไปรับ” น้ำเสียงเศร้าๆ ของแม่ทำให้อินถวาโอบกอดรอบเอวเจ้าเนื้อของแม่เอาไว้ เธอรู้ว่าแม่รักธุรกิจเต็นท์รถมือสองนี้มาก เพราะนี่คือสิ่งที่สร้างรายได้จนแม่สามารถส่งเสียเธอเรียนจนจบ และก็เป็นเหตุผลหลักที่เธอไปทำงานที่ฮ่องกง เพราะไม่อยากให้แม่ต้องสูญเสียสิ่งนี้ไป แต่วันเวลาก็ไม่แน่นอน ในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ รถยนต์มือสองขายยากและก็ยังหาซื้อมาใส่เต็นท์ได้ยากเช่นกัน น้าอิฐจึงปรึกษากับแม่ว่าควรลดซื้อรถยนต์แต่เปลี่ยนมานำเข้าอะไหล่แทน และหากมีคู่ค้าอยู่ที่จีนหรือที่ญี่ปุ่นก็จะดีมาก เพราะการสั่งนำเข้าหรือการหาอะไหล่ที่ยากๆ ก็จะทำได้อย่างเร่งด่วน และตอนนี้แม่ก็วางมื
“ถ้าถือว่าผมเป็นเพื่อน ให้เพื่อนคนนี้ไปส่งให้ถึงเมืองไทยนะครับ เพื่อนจะได้สบายใจ ว่าได้ส่งเพื่อนถึงสถานที่ที่ปลอดภัยแล้ว ไม่ลำบากหรอกครับ” อินถวาพยักหน้ารับดวงตารื้นไปด้วยหยาดน้ำ ก่อนจะขอตัวไปซื้อพลาสเตอร์แปะแก้เมาเครื่องบินก่อน โดยมีมาร์กอสมองตามร่างงามระหงที่เดินตรงไปยังร้านขายยา ดวงตาสีฟ้ามีแววกังวลใจก่อนจะล้วงเอาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงที่สั่นไม่หยุดขึ้นมา ‘ไรเฟิล’ แม้หน้าจอโทรศัพท์จะระบุชื่อคนโทรเข้าแบบนั้น แต่มาร์กอสกลับเลือกที่จะปิดเครื่อง เพราะในเวลานี้ทุกคนควรได้รับโอกาสในการไตร่ตรอง เกือบ 3 ชั่วโมงจากฮ่องกงมาเมืองไทย อินถวาไม่ได้พูดอะไรเลย มีเพียงน้ำตาของเธอเท่านั้นที่เคลื่อนไหวไม่หยุด ทว่าเพียงถึงจุดหมายรอยยิ้มอย่างมีความสุขที่สุดก็ฉายชัดขึ้น ดั่งว่าเธอคนนี้ไม่ได้นำความทุกข์ใจกลับมาจากฮ่องกงด้วย “ส่งฉันเพียงเท่านี้ก็พอแล้วค่ะ ฉันถึงบ้านแล้ว ฝากคุณมาร์กอสขอโทษคุณวิคเตอร์กับคุณนายลีแทนฉันด้วยนะคะ สำหรับทุกเรื่องที่ฉันเสียมารยาทไว้ และฝากขอโทษคุณแม่บ้านใหญ่ ลุงฉี อาซู กับอาหนิงที่ฉันจากมาโดยไม่ได้ลา” “แล้วคุณไรเฟิลล่ะครับ คุ
“ถ้าเราท้องขึ้นมาล่ะ จะทำยังไง ไรเฟิลจะหาว่าเรามีลูกเพื่อไว้จับเขาหรือเปล่า และพ่อแม่เขาอีกล่ะ เขาจะทำยังไงกับเรา”อินถวาพึมพำก่อนจะสะดุ้งเพราะเสียงโทรศัพท์ภายในดังขึ้น เธอรีบเดินไปที่โทรศัพท์แต่ยังไม่วายจะชำเลืองมองไปที่ตึกใหญ่ เพราะคนที่โทรมาคือคนในตึกนั้น ดวงตาสวยมีแววเศร้ามองโทรศัพท์อย่างชั่งใจเพราะไรเฟิลไปดินเนอร์กับครอบครัวที่ตึกใหญ่และสัญญาว่าจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด ทั้งที่เธอเองก็เผื่อใจไว้อยู่แล้วว่าคงไม่เร็วแน่ เธอก็ไม่อยากได้ยินว่าเขาจะขออยู่ต่ออีกกี่ชั่วโมง จะกลับดึกกว่านี้ หรือว่าค่ำคืนนี้จะไม่กลับ “ฮัลโหล...” เสียงหวานเอ่ยทักเป็นภาษาอังกฤษ ไม่ใช้ ‘ไหว’ ที่เป็นภาษาจีนกวางตุ้ง เพราะคิดว่าคนที่โทรมาในยามดึกนี้คงมีแค่ไรเฟิลคนเดียวเท่านั้น ทว่าเสียงที่ตอบกลับมากลับทำให้อินถวารีบคว้าเสื้อคลุมและเดินออกจากตึกเล็กมุ่งตรงไปสู่ตึกใหญ่ในทันที เพียงไม่นานเธอก็มาถึงจุดหมายที่ใครคนนั้นบอกเอาไว้ ห้องนอนชั้น 2 ของปีกซ้าย ประตูห้องที่เปิดแง้มไว้ทำให้อินถวาถือวิสาสะเดินเข้าไปทันที ในนาทีที่หัวใจเธอใกล้จะระเบิดก็ขอให้เธอได้เห็นกับตาตัวเอง และสิ่งที่มองเ
“ฉันจะให้หนูห้าสิบล้าน เพื่อซื้อศักดิ์ศรีของหนู และเพื่อให้หนูไปจากชีวิตของไรเฟิล เพราะยังไงแล้วฉันก็จะไม่รับสะใภ้คนอื่นนอกจากซินเทียเท่านั้น ถ้าหนูยังอยู่กับไรเฟิล หนูก็จะเป็นได้แค่เมียเก็บเท่านั้น รับเงินไปเถอะ นี่จะเป็นโอกาสเดียวที่หนูจะได้เงิน” “หนู...” “อย่าปฏิเสธตอนนี้ หนูควรกลับไปคิดดูก่อน ถ้าหนูคิดว่าหนูรักไรเฟิลจริง หนูก็ควรจะให้เขาได้แต่งงานกับคนที่เหมาะสม ฉันพูดตรงๆ นะ ฉันต้องการให้ไรเฟิลแต่งงานกับซินเทียเท่านั้น เพราะนั่นคือธุรกิจที่จะมั่นคงขึ้นหากสองตระกูลมาเสริมกัน พูดแค่นี้หนูคงจะเข้าใจนะ” “ค่ะ” อินถวารับคำน้ำตารื้นจนแทบจะไหลออกมา “ฉันหวังว่าเรื่องนี้ไรเฟิลจะไม่รู้ เอ่อ... แต่ขนมอร่อยมากๆ ถ้าหนูจะอยู่กับไรเฟิลที่นี่ในฐานะเมียเก็บ ฉันก็จะไม่ขัดขวาง เพราะผู้หญิงที่ทำอาหารเก่งทำขนมอร่อยก็เหมาะที่จะเป็นเมียและเป็นแม่ของลูกจริงๆ นั่นแหละ เพียงแต่สำหรับตระกูลลีไม่ได้ต้องการผู้หญิงหลังม่านก็เท่านั้น” อินถวารับรู้ได้ถึงลมที่ร้อนวูบอยู่ในหูและความร้อนผ่าวในอก เมื่อต้องรับฟังสิ่งเหล่านั้นโดยไม่สามารถโต้แย้งอะ
มาร์กอสมองฝ่ามือบอบบางที่หยิบจับกระทงใบตองขึ้นมา ก่อนจะตักข้าวเหนียวมูนใส่ในกระทงเพียงค่อนใบ จากนั้นก็ตักสิ่งที่เขาเรียกว่าทอปปิ้งเพราะเธอนำมาราดไว้ที่ด้านหน้าของข้าวเหนียวจริงๆ “ลองดูนะคะ อันนี้เรียกว่า ข้าวเหนียวมูนหน้าสังขยา ฉันทำแบบไม่หวานมากค่ะ เวลาทานจะได้ไม่เลี่ยน” “อืม... อร่อยมาก อร่อยมากจริงๆ ครับ ลองอีกครับ ผมอยากลองอีก” อินถวานึกขำกับท่าทางของเขา แต่เธอก็รู้สึกมีความสุขไปด้วย ข้าวเหนียวมูนหน้าปลาแห้ง และ หน้ากุ้ง จึงถูกเสิร์ฟให้มาร์กอสได้ลิ้มรสจนครบ ไรเฟิลชะงักกับภาพที่เห็น อินถวายิ้มอย่างมีความสุขขณะอธิบายส่วนผสมของขนมหลากหลายอย่างที่เธอทำให้กับมาร์กอสที่ช่างซักช่างถามไม่หยุด “มาร์กอสดูมีความสุขนะคะ คงจะเจอคนถูกใจถึงได้คุยมากยิ้มมากขนาดนั้น” “ก็คงอย่างนั้น” ไรเฟิลพูดแล้วก็เดินตรงเข้าไปในครัว ปล่อยให้ซินเทียฟึดฟัดอยู่คนเดียว ไม่ใช่ว่าเขาไม่คิดอย่างที่ซินเทียคิด แต่เขาคิดไปมากกว่านั้น และซินเทียเองนั่นแหละที่ทำให้ความคิดเขาเปลี่ยนไป ‘คุยมากยิ้มมาก’ นั่นน่ะไม่ใช่นิสัยของมาร์กอสสัก
“เอาล่ะๆ เสียบรรยากาศหมด เอาเป็นว่าเดี๋ยวพาแม่หนูนั่นไปพบพ่อที่ในสวนก็แล้วกัน พ่อจะคุยกับเธอเอง” “สรุปว่าพ่อเข้าใจผมใช่มั้ยครับ” “เข้าใจ แต่ไม่ได้เห็นด้วยนะ ยังไงก็ต้องให้พ่อคุยกับเธอก่อน” “ผมมั่นใจว่าพ่อต้องชอบพุดซ้อนแน่ๆ” ไรเฟิลพูดอย่างมั่นใจก่อนจะลอบถอนหายใจเพราะเสียงแม่ที่พูดแย้ง “แต่ฉันมั่นใจว่าคุณต้องไม่ชอบ เพราะฉันยังไม่ชอบเลย” “แต่ผมกับคุณ ชอบอะไรที่แตกต่างกันเสมอนะเชอร์รี่” “ฉันจะคอยดู อีกอย่างคุณคิดเหรอวิคเตอร์ว่าลูกชายจอมเจ้าชู้ของคุณจะหยุดได้ที่เธอคนนั้น สุดท้ายเมียก็ช้ำใจไม่ต่างกันหรอก ลูกไม้หล่นใต้ต้นเสมอ พ่อยังไง ลูกก็คงไม่แตกต่าง” “ผมก็ว่าอย่างนั้นแหละ พ่อยังไง ลูกก็คงอย่างนั้น เพราะถึงผมจะเจ้าชู้ แต่ผมก็เป็นคนรักใครแล้วรักเลย รักคนเดียวตลอดไป แม้เธอจะ...” “ขี้เกียจฟัง แล้วฉันจะรอฟังข่าวว่าที่ลูกสะใภ้ของคุณ” เชอร์รี่ลุกขึ้นพรวดพูดแล้วยิ้มเหยียดก่อนจะเดินออกไป ปล่อยให้วิคเตอร์พ่นลมหายใจออกเบาๆ เพราะสุดท้ายเชอร์รี่ก็ยังรั้นตามเดิม เธอไม่รอให้เขาพูดให้จบด้วยซ้ำ