บทที่ 7
ผู้เสียหาย
บัวหอมแทบจะกรีดร้องด้วยความโกรธเมื่ออยู่ๆเธอกลายเป็นเป้าประเด็นทางสังคม หนังสือพิมพ์ชื่อดังทุกฉบับจะมีภาพข่าวเธอในหน้าข่าวสังคมเศรษฐกิจ เธอตกเป็นประเด็นล้อเลียนขำขันในฐานะลูกสาวของอดีตเจ้าของเศวต กรุ๊ปที่ยิ่งใหญ่ย่องขึ้นคอนโดหรูของนักธุรกิจเทพบุตรสุดหล่ออย่างแดนไตรผู้เป็นเจ้าของเศวต กรุ๊ปคนใหม่
“ย่อง? ใช้คำว่าย่องขึ้นคอนโดงั้นเหรอ” ความโมโหไม่ได้อยู่ที่เธอเป็นข่าวหรือรู้สึกราวกับกลายเป็นคนสาธารณะทั้งๆที่เธอไม่ใช่ แต่มันโกรธตรงที่คำพูดพาดหัวข่าวที่ทำเหมือนเธอเป็นพวกลักกินขโมยกิน “คนอย่างบัวหอมทำไมต้องแอบ ลงข่าวแบบนี้หมายความว่ายังไง หมายถึงฉันเอาตัวไปแลกกับผลประโยชน์งั้นเหรอ” โวยลั่นสักพักก่อนจะเงียบเสียงลง เอาตัวเข้าแลก ใช้มายายั่วยวนเพื่อหวังผลประโยชน์จากบริษัท เธอทำและเป็นทุกอย่างแบบที่ข่าวลงทั้งนั้น
ร่างบางค่อยๆนั่งลงนิ่งเงียบ น้ำตารื้นขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อนึกถึงศักดิ์ศรีความเป็นลูกผู้หญิงที่แทบจะหมดลง เจ้าตัวทำอะไรลงไปก็พอจะรู้อยู่แล้ว แต่พอถูกเน้นย้ำถูกสะกิดแผลขึ้นมามันก็อดที่จะสะเทือนจิตใจไม่ได้ เหนืออื่นใดถ้าหากคุณแม่เห็นข่าวนี้ท่านจะรู้สึกอย่างไร คงจะเจ็บปวดที่เลี้ยงดูเธอมาอย่างดีแต่เธอกลับวางแผนบ้าๆเพื่อทำตัวไร้ค่า
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นก่อนที่ร่างสูงจะเปิดเข้ามาหาคนในห้องด้วยความรีบร้อน ในมือของนักบริหารหนุ่มมีหนังสือพิมพ์อยู่หนึ่งฉบับที่เขาริบมาจากพนักงานที่กำลังตั้งวงวิพากษ์วิจารณ์ข่าวของเขากับบัวหอมอย่างสนุกปาก ป่านนี้ชื่อเสียงของคุณหนูคนงามป่นปี้ไปถึงไหนแล้ว แม้มันจะเป็นเรื่องจริงที่เขากับเธอมีอะไรลึกซึ้งในความสัมพันธ์ แล้วมันใช่เรื่องส่วนตัวหรือเปล่า มันใช่เรื่องที่คนอื่นจะเอามาพูดเสียเมื่อไหร่
“น้องบัวเห็นข่าว...” คำพูดที่เตรียมจะปรึกษาหารือเรื่องฟ้องร้องเป็นอันต้องเงียบเสียงลง เธอเห็นข่าวแล้วและสภาพจิตใจคงไม่พร้อมที่จะฟ้องร้องให้เป็นเรื่องราวน่าอับอายมากกว่าเดิม ร่างสูงเดินเข้ามาใกล้ๆ วางมือบนบ่าบอบบางที่เริ่มสั่นเพราะพยายามกลั้นน้ำตาไว้อย่างสุดกำลัง เมื่อพูดไม่ออกก็ได้แต่เงียบมองท่าทีของชายหนุ่มที่ดูเสียใจและรู้สึกผิดที่ทำให้หญิงสาวเสียหาย “พี่ขอโทษนะน้องบัว” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาจากใจจริงๆก่อนจะรั้งร่างบางที่ยังคงนิ่งเฉยเข้าสู่อ้อมแขน เป็นห่วงความรู้สึกของอีกฝ่าย “ไม่ต้องกังวลกับเรื่องข่าว พี่จะรับผิดชอบเราเอง” สภาพดูไม่จืดแบบนี้ยิ่งทำให้เขารู้สึกผิดมากขึ้น
คำว่ารับผิดชอบทำให้คนที่กำลังสมองชาว่างเปล่าค่อยๆรู้สึกตัวขึ้น หรือว่าเธอจะฉวยโอกาสที่กำลังตกเป็นข่าวคาวครั้งนี้ในการเรียกร้องอะไรจากเขา “พะ...พี่ตุ่นคะ ทำไมเขาว่าน้องบัวแบบนั้นเขาทำเหมือนน้องบัวเป็นผู้หญิงเลวร้ายลักกินขโมยกิน”
“มันไม่ใช่นะครับน้องบัวไม่ได้ลักกินขโมยกิน น้องบัวไม่มีใครและพี่ก็ยังไม่มีใครและเรารักกัน ทุกอย่างมันเกิดจากเวลาอันสมควรและความรักของเรา” สำหรับแดนไตรแล้วคุณหนูบัวหอมไม่ต้องเรียกร้องอะไรเขาก็พร้อมที่จะสรรหามาให้ เธอเหมือนดอกฟ้าที่โน้มลงมาหาหมาวัดอย่างเขา ดังนั้นเขาจะรักและทะนุถนอมเธอให้สมกับที่โชคดีได้ครอบครองดอกไม้งามหอมหวานบริสุทธิ์ดอกนี้ “น้องบัวไม่ต้องกังวลนะพี่จะขอโอกาสแสดงความเป็นลูกผู้ชายรับผิดชอบน้องบัวเอง”
“ค่ะ” ตอบรับอย่างเลื่อนลอยสับสนกับคำพูดของเขา สมองขาดการรับรู้ตั้งแต่ได้ยินคำว่ารักจากเขา มันกระตุ้นให้รู้สึกผิดที่ใช้ความรักที่เขามีในการช่วงชิงทุกอย่างกลับคืนมา เธอเหมือนคนเห็นแก่ตัวที่เพื่อความพึงพอใจของตนเองแล้วจะทำลายจิตใจของใครก็ได้ โดยเฉพาะคนที่มีแววตาและท่าทีรักใคร่ในตัวเธออย่างแดนไตร
“ทุกอย่างเป็นเพราะเรารักกันนะครับ พี่จะรับผิดชอบบัวเอง” ในใจระทึกกับคำว่ารับผิดชอบจากเขาว่ามันหมายความว่าอะไร แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่กล้าถามออกมา
คณะกรรมการผู้ถือหุ้นในบริษัทเรียกประชุมด่วนในช่วงสายของวันเดียวกัน เนื้อหาการประชุมเป็นเรื่องกรณีภาพหลุดสุดสนิทสนมของผู้บริหารหนุ่มและผู้ช่วยสาว แม้จะเป็นประเด็นส่วนตัวแต่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์บริษัทเนื่องจากแดนไตรเป็นผู้บริหารบริษัทคนใหม่และบัวหอมคือลูกสาวของประธานบริษัทคนเก่า
“ประเด็นชู้สาวกระทบกับภาพลักษณ์บริษัทแบบนี้เราจะทำยังไงต่อ” เจตนาคือต้องการจะตำหนิฝ่ายหญิงที่โร่หาผู้ชายถึงคอนโดกลางดึก
“มันไม่กระทบกับหุ้นหรือการส่งออกแต่มันกระทบต่อภาพลักษณ์บริษัท”
“คุณหนูบัวหอมลูกท่านประธานเก่ากับประธานบริหารบริษัทคนใหม่มีความสัมพันธ์กันแบบนี้คนเขาตั้งคำถามว่าทั้งคู่มีเรื่องแลกเปลี่ยนอะไรเกี่ยวกับผลประโยชน์กันหรือเปล่า”
“ภาพลักษณ์บริษัทเสียเพราะเกิดการตั้งคำถามว่าแดนไตรกับหนูบัวหอมมีความสัมพันธ์กันแบบไหน เกี่ยวข้องกับการได้เป็นประธานบริหารคนใหม่ของเศวต กรุ๊ปหรือเปล่า” และข้อครหามากมายที่บรรดาผู้ถือหุ้นเศวต กรุ๊ปนำมาถกกัน บางรายถึงขนาดมโนภาพกลัวว่าแดนไตรจะถอนตัวจากการบริหารเศวต กรุ๊ปเพื่อรักษาชื่อเสียง
แดนไตรกับบัวหอมนั่งเงียบ หญิงสาวไม่รู้จะพูดอะไร จะยอมรับหรือปฏิเสธก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องพูดยังไง เพราะถ้าหากถามว่าจะให้เขารับผิดชอบยังไงก็ตอบได้เลยว่ามันไม่ใช่ความผิดที่เขาต้องรับผิดชอบ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะเธอเรียกร้องความสนใจจากเขาเอง ทุกอย่างที่มันเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นล้วนเกิดจากการกระทำของเธอที่เรียกร้องให้เขาสนใจทั้งสิ้น
“พอก่อนเถอะครับ” ในที่สุดเสียงทุ้มเข้มก็ประกาศดังขึ้นมา เจ้าตัวลุกขึ้นช้าๆ กวาดมองไปรอบบริเวณด้วยสายตามุ่งมั่น พร้อมที่จะปกป้องคนที่ตนรัก คุณหนูบัวหอมและเศวตฉัตรจะมัวหมองเพราะเขาไม่ได้เด็ดขาด
“ผมกับคุณหนูบัวหอมรู้จักสนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็ก เรารักกันครับทุกอย่างที่เกิดขึ้นตามข่าวมันเกิดเพราะความรักของเราสองคน อีกอย่างไม่ได้มีการแอบย่องขึ้นคอนโดผม เธอไม่จำเป็นต้องแอบใครเพราะผมยังโสดและไม่มีใคร แต่ถ้าหากว่าความรักของผมมันส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์บริษัทและทำให้คณะกรรมการทุกท่านไม่สบายใจ ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ ส่วนวิธีการแก้ปัญหา ผมจะจัดการเรื่องข่าวกับทางหนังสือพิมพ์เอง” เสียงทุ้มกังวานประกาศเด็ดเดี่ยวทำให้ทุกคนในห้องประชุมต้องเงียบเสียงลง
“และผมจะจัดการเรื่องสู่ขอคุณหนูและจัดงานแต่งงานให้เร็วที่สุด!”
การประชุมเป็นไปอย่างไรต่อก็สุดจะรู้ เพราะทันทีที่เขาประกาศว่าจะจัดการเรื่องสู่ขอและเรื่องแต่งงาน สติของบัวหอมก็ไม่เต็มร้อยอีกต่อไป ร่างบางโซเซเดินออกจากห้องประชุมอย่างเสียมารยาทในตอนที่ฟังแดนไตรพูดประโยคสุดท้ายจบ ในหัวของหญิงสาวสับสน ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างฉุกละหุกรวดเร็วเกินไป แต่ในใจเบื้องลึกยังนึกขึ้นได้ว่านี่คือสิ่งที่สักวันจะต้องเกิดขึ้น ที่ลงทุนมาทั้งหมดก็เพื่อให้ทุกๆอย่างกลับคืนมา ต่อไปเธอก็แค่ต่อรองอะไรบางอย่างต่อการแต่งงานครั้งนี้ ถ้าเขาไม่ให้ในสิ่งที่เธอต้องการเธอก็ไม่แต่งและจะตรอมใจให้ดู
แดนไตรเข้ากราบขอโทษนางอุบลในตอนเย็นของวันที่ได้ข้อสรุปว่าเขาจะรับผิดชอบในทุกสิ่งสำหรับความผิดที่ได้ล่วงเกินลูกสาวของนาง จากนั้นในอีกสามวันถัดมาเขาจึงพาอาจารย์ผู้ใหญ่ ที่เคยเป็นที่ปรึกษาเมื่อครั้งสอบชิงทุนไปอเมริกาที่ยังติดต่อกันอยู่มาทาบทามสู่ขอและตกลงสินสอด ทางฝ่ายหญิงสาวไม่เรียกร้องอะไรมากมีเพียงการแถลงข่าวเกี่ยวกับข่าวคาวที่ถูกแอบถ่ายและจัดงานแต่งงานให้เรียบร้อย ซึ่งเป็นสิ่งที่ชายหนุ่มยินดีที่จะทำอย่างยิ่ง เขาต้องการแสดงความรับผิดชอบที่ได้ล่วงเกินฝ่ายหญิง แต่ทุกอย่างที่ทำไปก็เพื่อความสบายใจของบัวหอมที่จนถึงตอนนี้เธอยังเก็บตัวเงียบและไม่ยอมติดต่อพูดคุยกับเขาเลยสักคำ
หลังเกิดข่าวคาวที่ครหาว่าเธอย่องขึ้นคอนโดนักธุรกิจหนุ่มพร้อมภาพหลุด บัวหอมเอาแต่เก็บตัวเงียบอยู่ในบ้านไม่ยอมไปไหน แม้แดนไตรชายต้นเหตุที่ทำให้เธอเสื่อมเสียจะเพียรพยายามติดต่อแต่กลับได้ข้ออ้างว่าจะทำให้เขาเกิดเรื่องวุ่นวายเลยไม่ขอพบหน้า ยิ่งทำให้ชายหนุ่มรู้สึกผิดและพยายามแก้ไขเพื่อให้อะไรๆนั้นดีขึ้น ความพยายามของเขาเผยให้เห็นว่าเธอสำคัญสำหรับเขามากขนาดไหน และเป็นตัวบอกว่าเวลาที่เหมาะสมสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างกำลังใกล้เข้ามาแล้ว
วันนี้เป็นวันแรกที่ตัดสินใจออกมานั่งดื่มกาแฟสดที่ร้านคาเฟ่ใกล้ๆบ้าน หญิงสาวพยายามทำตัวปรกติแม้จะถูกมองด้วยสายตาสงสัยอยู่บ้างว่าใช่คนที่เป็นข่าวกับนักธุรกิจหนุ่มหล่อในฝันของสาวๆค่อนประเทศหรือเปล่า
“ดีใจด้วยนะครับคุณบัวหอม ที่กำลังจะได้แต่งงานกับนายแดนไตร สมอย่างที่ต้องการ” เป็นนพพลที่เข้ามาแสดงความยินดี อารมณ์ที่กำลังดีขึ้นของหญิงสาวเริ่มบูดอีกครั้งเพราะเจอคนที่ไม่ต้องการจะเจอ
“บังเอิญอีกแล้วนะคะที่มาเจอกัน” กระทบกระเทียบเข้าให้แต่อีกฝ่ายกับไหวไหล่ไม่ยี่ระ มันเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆที่เขามาส่งเด็กนักศึกษาที่ทำงานพิเศษอยู่ร้านกาแฟร้านนี้ หลังจากเมื่อคืนที่พาหนูน้อยวัยใสไป ‘เลี้ยงข้าว’ จนพึ่งได้เวลามาส่งตอนเที่ยงแบบนี้ ก่อนที่หญิงสาวจะเอะใจในสายตาและรอยยิ้มเลศนัยที่อยู่บนใบหน้า เขาอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับข่าวและภาพหลุดสุดสนิทสนมของเธอ
“บังเอิญสิครับ บังเอิญที่ผมเห็นคุณกับนายแดนไตรอยู่ด้วยกันในคืนนั้น”
“คุณนั่นเอง!” หญิงสาวตวัดสายตาจัดจ้ามองคนละเมิดสิทธิ แม้วิธีแบบนี้มันจะทำให้แผนทุกอย่างยกกระชับและง่ายมากขึ้น แต่มันเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและละเมิดชีวิตของเธอ กล้าดียังไงมาใช้วิธีแอบถ่ายกิจกรรมส่วนตัวคนอื่นแบบนี้ “คุณนั่นเองที่แอบถ่ายฉัน” รีบขึ้นเสียงใส่ด้วยความโมโห แทบจะสาดกาแฟใส่หน้าคนที่บังอาจล่วงล้ำความเป็นส่วนตัวของเธอ
“ผมช่วยคุณต่างหาก ผมย่นระยะเวลาในการแต่งงานของคุณกับนายแดนไตรเข้ามาอีกนะ เอาล่ะ ทีนี้คุณต้องทำอะไรเพื่อช่วยผมเป็นการแลกเปลี่ยนบ้าง” เห็นเธอเงียบไปแสดงว่าคล้อยตามและเห็นด้วยในสิ่งที่เขาทำทั้งหมด กระดุมจิ๋วหนึ่งเม็ดถูกยื่นมาตรงหน้าหญิงสาว “งานของผมง่ายๆครั้บ ผมขอแค่คุณติดเครื่องดักฟังไว้ที่ห้องทำงานของนายแดนไตร” เขาไม่ปล่อยให้เธอสงสัยนานนัก
“ทำไมฉันต้องทำ”
“คิดดูสิครับผมจะช่วยดิสเครดิตนายแดนไตรให้คุณอีกทาง ทำให้เขาไม่สามารถทำการซื้อขายหรือลงทุนได้ บอร์ดบริหารก็จะบีบให้เขาออกและคุณก็อาศัยความเป็นสามีภรรยาของเขา ขอเข้ารับตำแหน่งแทนและขอให้เขาโอนย้ายทุกอย่างมาเป็นของคุณและก็หย่าซะหรือไม่ก็ไม่ต้องจดทะเบียน แค่นี้เองครับ” พูดสบายๆ มั่นใจว่าคราวนี้เขาจะเดินนำหน้านายแดนไตรแน่นอน
มีแต่คนโง่เท่านั้นที่คิดว่ามันง่าย แต่บัวหอมกลับคิดเช่นนั้น ในสมองหญิงสาวเริ่มคิดภาพตาม เธอทวงคืนบริษัทได้สำเร็จ ความพินาศย่อยยับของคนทรยศเป็นผลพลอยได้ มันทำให้ตัดสินใจง่ายขึ้นที่จะร่วมมือกับนพพลตามที่เขาต้องการเธอจะไม่สนว่าสิ่งที่เสียไปมันมีค่ามากแค่ไหน เธอจะสนแค่ว่าเธอจะได้ความคุ้มค่าอะไรกับมาคืนบ้าง ก็แค่ผู้ชายคนหนึ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ความพิศวาสจากเขามันเทียบไม่ได้เลยกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอจะได้คืน
เมื่อรู้สึกสบายใจขึ้นแล้วบัวหอมจึงเปลี่ยนจุดหมายจากที่ตั้งใจจะมาซื้อกาแฟและกลับบ้านเป็นขับรถตรงไปยังเศวต กรุ๊ปเพื่อหาว่าที่สามีของตน แต่พอเปิดประตูเข้าไปในห้องทำงานกับพบเห็นภาพบาดตาบาดใจที่เป็นเชื้อเพลิงกระตุ้นอย่างดีที่ทำให้เธอยินยอมที่จะทำตามแผนการของนพพลทุกอย่าง อย่างน้อยก็เพื่อให้ได้บริษัทกลับคืนมาเป็นของตน ดีกว่าปล่อยให้เป็นกองเงินกองทองหรือถังข้าวสารของผู้หญิงไร้ยางอายที่มาออดอ้อนผู้ชายของคนอื่นถึงห้องทำงานแบบนี้
ภาพตรงหน้าทำให้บัวหอมผงะไป ร่างกำยำของแดนไตรยืนหันหลังให้กับเธอ ร่างของเขาโน้มเข้าไปกอดรัดร่างเล็กร่างหนึ่งไว้ในอ้อมแขน เสียงทุ้มที่เคยใช้ปลอบประโลมเธอเสมอมากลับพร่ำปลอบคนในอ้อมแขน ยิ่งก้าวเข้าไปใกล้ในใจของเธอยิ่งเจ็บราวกับถูกบีบรัด มันแน่นหน้าอกกับน้ำเสียงทุ้มๆที่ออกมาจากปากเขา
“ผมขอโทษที่ทำให้รีนเสียใจนะ ผมยังรักและรู้สึกกับรีนเหมือนเดิมถึงยังไงเราก็ยังเป็นเพื่อนกัน รีนเป็นเพื่อนสนิทคนเดียวที่ผมมี” เหมือนเดิมในที่นี้บัวหอมไม่เข้าใจว่าหมายความว่าอย่างไรแต่สัญชาตญาณผู้หญิงมันร่ำร้องว่าต้องมีใครสักคนเป็นเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ หรืออาจจะทั้งสองคน
“คุณบัวหอม!” จนกระทั่งเคลื่อนเข้ามาอยู่ในระยะสายตาของหญิงสาว ร่างบอบบางจึงเด้งตัวออกจากอ้อมแขนแข็งแกร่งนั้น แดนไตรเองก็ดูตกใจไม่น้อยที่เห็นการมาของคนอื่น หญิงสาวเบือนหน้าหนีเพราะไม่อยากจะเห็นสายตาละห้อยอาลัยอาวรณ์ที่ทั้งคู่มีต่อกัน ในใจนึกแค้นเจ็บที่ถูกเขาหลอกลวงหักหลังซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งๆที่มีผู้หญิงอื่นอยู่แล้วเขามานอนกับเธอทำไม มาทำเหมือนรักมาทำเหมือนห่วงกันเพียงเพราะปลอบใจคนขี้แพ้ที่ต้องสูญเสียทุกอย่างให้กับเขาอย่างนั้นเหรอ
“มันไม่ใช่อย่างที่น้องบัวคิดนะ” แค่เห็นท่าทีก็รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไร รีบเข้ามาจะอธิบายแต่ถูกผลักออกห่างด้วยท่าทีรังเกียจขยะแขยง มองคนที่พยายามแก้ตัวด้วยสายตาสมเพชเขาทำกับเธอทุเรศเกินกว่าที่จะยอมรับได้
“ถ้าจะทำอะไรแบบนี้ก็ได้โปรดไปในที่ลับตาคน อย่ามาลุ่มล่ามในบริษัทนี้!” พูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินตึงตังออกจากห้องไป
“น้องบัวครับ มันไม่ใช่อย่างที่เข้าใจนะครับ” ร่างสูงรีบเตรียมจะตามไปแต่กลับถูกมือเรียวเล็กรั้งไว้ด้วยความเสียดายสุดแสนจะบรรยาย พอเขาหันกลับมาก็รีบส่งสายตาอ้อนวอนขอความเห็นใจ
“ขอโทษนะ” เพียงสามคำเท่านั้นก่อนที่ชายหนุ่มจะวิ่งออกไป ถือเป็นการตัดความคาราคาซังที่มีมายาวนานหลายปีให้สิ้นซากลง
บัตรเทียบเชิญงานแต่งถูกยื่นออกมาตรงหน้า ว่าที่เจ้าสาวมีสายตาสาแก่ใจลึกๆยามเมื่อมองหน้าซีดเซียวจะร้องไห้โฮๆเสียให้ได้ บัวหอมทำในสิ่งที่แดนไตรขอร้องชัดเจนว่าอย่าทำ นั่นคือพาการ์ดแต่งงานสวยเก๋มาแจกให้แก่สิรินนภา เขาให้เหตุผลว่าเดี๋ยวจะจัดการเอง แต่ว่าที่สามีของเธอเป็นคนไม่เด็ดขาด พอเห็นน้ำตาหญิงสาวก็คงใจอ่อนเห็นใจกันอีก ถ้าเขาใจแข็งจริงก็คงจะสลัดกันหลุดไปนานแล้ว ไม่ปล่อยให้แม่นี่คิดเองเออเองเป็นสิบๆปีหรอก และการเห็นพวกเขายังสนิทสนมกัน ‘เกินเพื่อน’ แบบนี้ทำให้ใจเธอมันแกว่ง มันเหมือนโกรธเคืองที่เขาทำเหมือนการแต่งงานเกิดขึ้นเพียงเพราะรับผิดชอบทั้งๆที่พร่ำบอกว่ารักและหวังดีกับเธอนักหนาและไม่สบอารมณ์ที่จะมีผู้หญิงคนไหนเข้ามาออดอ้อนและโอบกอดเขาซึ่งเป็นของเธอใกล้ชิดแบบนี้
“คุณ....คุณบัว...” อาการหน้ามืดจะเป็นลมเล่นงานอาจารย์สาวเฉียบพลัน จนต้องค่อยๆย่องไปนั่งที่เก้าอี้ทำงาน
“ขอบคุณมากนะคะที่ตื่นเต้นยินดีกับงานแต่งของเรา” บัวหอมยิ้มหวานแต่ไร้ความหมาย ลอยหน้าลอยตาพร้อมทั้งเข้ามาจับมือเย็นเฉียบขึ้นมากุมไว้ เหยียบย่ำน้ำใจอีกฝ่ายให้จมดินเป็นสองเท่า สังเวยความรู้สึกแตกสลายที่ต้องมาเห็นภาพบาดตาบาดใจซ้ำยังอยู่ในบริษัทของแม่เธอ พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ขอเธอ หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นวันนั้นแดนไตรพยายามอธิบายแต่เธอไม่ฟังเพราะในใจมันมีแต่ความโกรธแค้นไม่พอใจ เขาหรือใครพูดอะไรมาก็ดูเป็นการแก้ตัวทั้งนั้น ภาพที่เห็นมันฟ้องชัดอยู่แล้ว แต่คนอย่างบัวหอม ประสบการณ์จากแดนไตรมันสอนให้เธอกลายเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น หากใครทำเธอเจ็บมันคนนั้นต้องเจ็บกว่า “พี่ตุ่นเขาตื่นเต้นมากที่เรากำลังจะแต่งงานกัน เราจะรีบมีทายาทกันเลยค่ะ เพราะเรารักและรอกันมานานหลายสิบปีแล้ว” พยายามคุยข่มว่าเธอมาก่อน และไม้ตายสุดท้ายที่ฆ่าและฝังสาวช่างจินตนาการอย่างสิรินนภาจนจมดิน มันคือความรักและความซื่อสัตย์จากแดนไตรที่มีให้ผู้หญิงที่ชื่อบัวหอมเพียงหนึ่งเดียว
คนฟังตัวสั่นตาพร่า สะอึกสะอื้นออกมาด้วยความใจเสีย หกปีก่อนถูกแดนไตรปฏิเสธแบบเบาๆด้วยการขอให้ศึกษาเรียนรู้กันก่อน จากนั้นเขาก็เสมอต้นเสมอปลายว่ารักและเป็นห่วงเธอ ปล่อยเธอคิดเองเออเอง จินตนาการไปเองว่าสักวันหนึ่งเขาจะรักและแต่งงานกับเธอ สุดท้ายแล้วก็สู้คนที่อยู่ในใจของเขาไม่ได้ คนที่เขายอมสูญเงินเป็นร้อยๆล้านที่หามาอย่างยากลำบาก ในการเข้าช่วยเหลือธุรกิจ เขาทำโดยไม่หวังอะไรตอบแทนเพราะรักในตัวผู้หญิงที่ชื่อบัวหอมคนนี้ “คุณนั่นเอง คนที่อยู่ในใจของเขา คนที่ตุ่นรัก”
“ค่ะ พี่ตุ่นรักฉันมาก จนปฏิเสธที่จะผูกพันกับผู้หญิงคนอื่นและห่วงใยความรู้สึกฉันในตอนที่ฉันเข้าใจผิดว่าคุณพยายามยัดเยียดตัวเองให้เขา” ยามพูดถึงความรักที่ได้รับจากแดนไตร บัวหอมจะมีปฏิกิริยาหยาบคายโดยไม่รู้ตัว เพราะเธอฝังหัวไปแล้วว่าเขานั้นเป็นจอมโกงที่พรากทุกอย่างไปจากเธอ และท่าทางก้าวร้าวนั้นสิรินนภาคนฉลาดสังเกตเห็น เริ่มรู้สึกไม่ชอบมาพากลกับผู้หญิงตรงหน้าที่กำลังจะเข้าพิธีวิวาห์กับชายในดวงใจของเธอ
“ฉันเชื่อว่าคุณจะไม่แย่งเขาไปจากฉัน เรามีกันและกันมาเป็นสิบๆปี คุณจะไม่ใจร้ายขนาดนั้น คุณเป็นคนดีนะคะคุณบัวหอม ตุ่นเขาเชื่อว่าคุณเป็นคนดี คุณจะไม่ทำลายความรักของเราและไม่ทำลายจิตใจเขา” น้ำเสียงของอาจารย์สาวหวาดหวั่น ระทึกกับท่าทางของหญิงสาวผู้นั่งอยู่กลางใจของแดนไตรเสมอมา หัวใจสั่นระรัวราวกลองรบยามเมื่อเห็นหน้าสวยๆเชิดขึ้นพลางยิ้มร้าย บัวหอมปลายหางตามามองเธอเพียงเล็กน้อย
“สิบปีแล้วยังไงล่ะคะ คุณเองก็กำลังจะมีข่าวดีกับคุณเบลไม่ใช่เหรอคะ ถ้าคุณคิดว่าฉันไม่เหมาะสมกับความรักของเขา แล้วตัวคุณเองล่ะคะ กำลังจะแต่งงานกับคุณเบลทำไมยังมาวุ่นวายคอยทำให้คนรักกันเขาลำบากใจ คุณอย่ามาอาศัยความเกรงใจที่พี่ตุ่นมีต่อคุณในการเรียกร้องให้เขารักเลย หยุดเถอะค่ะ มันน่าสมเพช แล้วอีกอย่าง บนโลกนี้ไม่มีใครเป็นคนดี ถ้าไม่จำเป็น” หย่อนระเบิดเสร็จก็เดินร่อนราวพญาหงส์ออกจากห้องพักอาจารย์ ปล่อยให้อีกฝ่ายยืนตัวสั่นเพียงลำพังกับบัตรเทียบเชิญกลิ่นหอมอ่อนที่ถูกยัดเข้ามาใส่ไว้ในมือ
“อย่าแย่งเขาไปจากฉัน อย่า...ฮึก....อย่านะคะคุณบัว” สิรินนภาร้องไห้หมดแรงสู้ ความผูกพันนับสิบปีของเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่ออย่างเธอ คนที่เก่งรอบด้าน คนที่หักความอายสารภาพรักและขอโอกาสจากชายหนุ่มก่อน คนที่รอให้หัวใจของเขาว่าง สิบกว่าปีมันกำลังจะไร้ความหมาย เธอกำลังจะเสียแดนไตรไป หกปี สำหรับการสารภาพรักและขอดูใจแบบไม่มีสถานะ อีกกว่าห้าปี สำหรับการเป็นเพื่อนรักกัน เวลากว่าสิบปีที่แดนไตรอยู่เคียงข้างให้เธอหลงรักเขาทุกๆวัน แต่สุดท้ายเธอก็พ่ายแพ้ให้กับคนที่อยู่ในใจของเขาเสมอมาอย่างบัวหอม
หลังจากบัวหอมเชิดจากไป อาจารย์สาวไม่เป็นอันทำการทำงาน เอาแต่นั่งนิ่งจนเพื่อนร่วมงานขอให้เธอกลับบ้านไปพักผ่อน แต่สิรินนภากลับเลือกที่จะขับรถไปที่บริษัทเศวต กรุ๊ป ที่ที่ตอนนี้แดนไตรกำลังเข้าบริหารงานอยู่
แดนไตรรีบวางเอกสารแผนการตลาดในมือเพื่อลุกมาต้อนรับเพื่อนสาวที่มาเยี่ยมในช่วงบ่าย เธอคงโดดสอนมา และคงมีเรื่องหนักหนาสาหัสใจถึงได้หน้าบวมตาช้ำจากการร้องไห้หนักเข้ามาหาขนาดนี้
“รีน” เขาเรียกชื่อเธอด้วยเสียงอาทรสงสาร ก่อนจะส่งเธอสงบสติอารมณ์ที่โซฟารับแขก ทีแรกนึกว่าจะมีเรื่องมีราวถูกนพพลรังแก
หญิงสาวไม่พูดพร่ำทำเพลง ยิงคำถามใส่ทันที “คุณจะแต่งงานเหรอ แต่งกับคุณบัวหอม” หลักฐานในมือบางทำให้แดนไตรนึกถึงหญิงสาวอีกคน ทั้งที่เขาขอร้องไว้แล้วว่าจะจัดการเรื่องสิรินนภาเอง โดยการค่อยๆบอกให้เธอทำใจช้าๆเพราะยังไงเวลาแต่งงานก็อีกหลายเดือน แต่ว่าที่เจ้าสาวกลับ ‘ช่วย’ ไปแจกการ์ดแต่งงานด้วยตนเอง
“คุณหนูไปหาคุณเหรอ เขาทำอะไรคุณหรือเปล่า” ชายหนุ่มตอบไม่ได้ว่าในใจเป็นห่วงใครมากกว่ากัน ระหว่างกลัวสิรินนภาเจ็บตัวกับห่วงบัวหอมที่จะถูกข้อหาบุกรุกทำร้ายร่างกาย ความที่อยู่ห่างกันเกือบยี่สิบปีทำให้ไม่มั่นใจว่าคุณหนูคนดีของเขาจะเติบโตมีนิสัยอาละวาดขนาดไหน โดยเฉพาะต่อประเด็นหึงหวง แต่เขาชัดเจนและไม่เคยปิดบังอยู่แล้วว่าสิรินนภาเป็นแค่เพื่อน แต่กระนั้นก็ยังเจอฤทธิ์เดชหึงหวงจากแฟนสาวคนสวยอยู่เสมอๆ
“ดื่มน้ำก่อนเถอะนะ” เสียงทุ้มเริ่มอ่อนโยนพร้อมกับยื่นน้ำเปล่าให้กับอีกฝ่าย จากนั้นนั่งลงตรงข้ามรอฟังการระบายจากผู้ที่เขารู้ทั้งรู้ว่าเธอเป็นเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อสำหรับเขา ผู้หญิงคนนี้รักเขามาก สารภาพรักและยินยอมที่จะอยู่อย่างไร้สถานะเพียงแค่เขาพูดว่า ยังรักคนอื่นอยู่ เธอรอคอยอย่างอดทนจนสิบกว่าปี แต่เขาก็ยังไม่สามารถรักเธอได้อย่างที่รักบัวหอม ไม่ใช่ผู้หญิงคนนี้ไม่ดี แต่ไม่รักก็คือไม่รัก
“เกือบสิบปีแล้วนะคะที่รีนชัดเจนว่ารักคุณ แต่ตุ่นไม่เคยมองรีนด้วยสายตาอื่นนอกจากความรักเพื่อนเลย” แม้จะพูดยิ้มๆแต่แววตานั้นปวดร้าว
“ผมว่า เราคุยเรื่องนี้กันมาเป็นสิบปีแล้วนะ”
“รีนทราบค่ะ แต่มันก็อดที่จะคาดหวังไม่ได้ว่าจะได้รักจากคุณตอบแทน”
“ผมรักคุณบัวครับ” คำยืนยันหนักแน่นทำให้เธอยิ่งเจ็บ
“แต่บัวหอมเขาไม่น่าไว้วางใจนะคะ เขาแต่งกับคุณเพราะบริษัท รีนรู้ และคุณเองก็รู้” ยอมเป็นผู้หญิงจุ้นจ้านไร้ยางอาย เสนอหน้าตักเตือนคนที่กำลังจะแต่งงานกันอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เธอไม่สนว่าพวกเขาจะรักกันขนาดไหน แต่ท่าทีบัวหอมไม่น่าไว้ใจจริงๆ
แดนไตรนิ่งเงียบ รู้ทั้งรู้ว่าบริษัทก็เป็นหนึ่งในเหตุผลและอาจจะเป็นเพียงเหตุผลเดียวที่บัวหอมเข้ามาพัวพันในชีวิตที่มีแต่งานของเขา แต่เขาก็รักเธอไปแล้ว รักมาตั้งแต่เด็ก ยิ่งโตความรู้สึกเหล่านั้นก็ยิ่งชัดเจนว่าอยากจะรัก ดูแลและยอมแพ้ความรั้นของเธอไปตลอดชีวิต
“ทำไมคุณยังให้โอกาสคุณบัวได้ แต่ให้รีนบ้างไม่ได้คะ รีนรักคุณมากนะคะ ตุ่นเป็นรักแรกของรีน” สิรินนภายังคงเป็นสิรินนภาที่ชัดเจนกับความรู้สึกเสมอต้นเสมอปลาย ยังเชื่อสุดใจว่าแดนไตรดีกว่าคนเจ้าเล่ห์ชอบฉวยโอกาสอย่างนพพล
“รักแรกแต่ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นรักแท้นะครับ และในขณะเดียวกัน รักแท้ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นรักครั้งแรกเสมอไป” เจอดอกนี้คนเจ็บไม่ชินถึงกับจุกชาที่ใจ การตัดใจมันยาก แต่มันอาจจะง่ายขึ้นสำหรับการตัดใจจากคนที่รู้ว่าไม่มีวันรักเธอ สิรินนภาร้องไห้น้ำตาพราก ปล่อยโฮอย่างไม่อายฟ้าดินต่อหน้าต่อตาชายหนุ่ม ที่เป็นผู้รับฟังที่ดี นั่งฟังเสียงสะอึกสะอื้นเงียบๆ ราวสิบนาทีจนสาแก่ใจก่อนจะฉวยผ้าเช็ดหน้าจากเขามาซับหน้าจนแห้งเหือด ลุกขึ้นเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตา พร้อมทั้งแต่งหน้าออกมาเผชิญหน้ากับเขาใหม่ แดนไตรยังคงนั่งนิ่งๆมองเธอด้วยสายตาอาทรเป็นห่วงดังเดิม สิบปียังไง ตอนนี้ก็ยังเป็นเช่นนั้น
“ดีขึ้นไหมครับ” น้ำเสียงเป็นห่วง ปนกับล้อเลียน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หญิงสาวเกิดอารมณ์งอแงเรียกร้องความรักจากเขา ทั้งที่มีให้ได้แค่ความเอ็นดูแบบเพื่อน แต่ความสนิทสนมแบบนี้มันอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายเพราะเขากำลังจะแต่งงานกับหญิงที่อยู่ในใจและเป็นคนที่เขารักมากที่สุด
“คุณคงรักบัวหอมมาก” เริ่มต้นสนทนาใหม่ เธอบังคับตัวเองไม่ให้ร้องโดยการแต่งหน้าจัดๆ ปัดมาสคาร่า กรีดขอบตาเส้นหนาและติดขนตาจนเด้งเช้ง งานงิ้วขนาดนี้ถ้ามีน้ำตาเท่ากับความพินาศบนใบหน้าอย่างแน่นอน
“เขาเป็นคนเดียวในชีวิตของผม เด็กกำพร้าไร้คนเหลียวแลแต่คุณหนูบัวและคุณนายรักและให้โอกาสราวกับผมเป็นคนในครอบครัว ผมเลยรักพวกเธอมาก รักและหวังดีอยากจะอยู่เคียงข้าง” เสียงทุ้มมีประกายความสุขยามพูดถึงสองแม่ลูกที่รับเขาเข้าไปอยู่ในวังวนชีวิตตั้งแต่ยังเป็นเด็กน้อยๆ โอกาส ปัจจุบัน ชีวิตที่ดี ล้วนมาจากนางอุบลและความรักของบัวหอมที่หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณ แม้ตอนนี้หญิงสาวจะแสดงกิริยาไม่ค่อยน่ารักใส่ แต่มันไม่ใช่ธรรมชาติของเธอแน่นอน
ดอกเตอร์สาวถึงกับเบือนหน้าหนี เหม็นความรักจนแทบจะสำรอก ความรักที่มันไม่มีวันเป็นของเธอ “แต่รีนก็ไม่ได้นึกรังเกียจคุณเลยนะคะ งั้นถ้าคุณมั่นใจขนาดนั้น รีนก็จะไม่ทำให้คุณลำบากใจอีกต่อไปค่ะ”
“ขอบคุณที่รีนเข้าใจนะครับ ระหว่างเรามันยังเหมือนเดิม ผมเป็นคนมีเพื่อนน้อย คุณอย่าตัดเพื่อนกับผม เพียงเพราะรักไม่สมหวังเลยนะรีน”
“โถ่คุณตุ่น ไม่มีคุณก็ใช่ว่ารีนจะไม่มีใครอีกเลยนิคะ คุณพึ่งบอกเองว่ารักแรกไม่จำเป็นต้องใช่รักแท้ รีนรักคุณได้ก็ต้องเอาใจออกมาได้ กลับมารักตัวเอง จริงไหมคะ” สิรินนภาเป็นคนฉลาดเสมอ เธอรักคนอื่นได้แต่ก็รู้จักกลับมารักตัวเอง “รีนมีเรื่องจะปรึกษาพอดีค่ะ” พยายามสดใสร่าเริง สะบัดความหมองหม่นไปให้ไกล เธอร้องไห้มามากพอแล้ว และวันนี้ก็ร้องจนสาแก่ใจเกินพอ
“ครับ ว่ามาเลย” ร่างสูงผ่อนคลายลงพร้อมกับยกกาแฟเย็นชืดขึ้นจิบ
“คุณคงรู้จักนพพล รัตนาสกุล”
“ครับ รู้ดีด้วย นายนพพลที่นอกจากจะเป็นทายาทเจ้าของบริษัทส่งออกเครื่องประดับแล้ว ยังเป็นนักปาดหน้าเค้กอีกด้วย” พูดถึงก็นึกเจ็บใจ หุ้นดาวเทียมสื่อสารดวงหนึ่งถูกซื้อตัดหน้าโดยนายนพพลนั่น จากนั้นก็นำไปปั่นราคาและเปิดสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมของตนเอง แข่งกับเขาที่กำลังจะเปิดประมูลสัมปทานเครือข่ายทีวีดิจิตอลจากหุ้นดาวเทียมที่ซื้อมาคราวก่อนเช่นกัน การเปิดสถานีเป็นของตัวเองแบบนี้สร้างผลกำไรให้รัตนาสกุลอย่างมหาศาลแต่มันส่งผลกระทบต่อเขาที่โปรเจกประมูลสัมปทานทีวีดาวเทียมมีอันต้องปิดไปก่อนเพราะไม่ได้รับความสนใจจากลูกค้าเท่าที่ควร เขาและนายคนนั้นมีแนวคิดเชิงธุรกิจคล้ายๆกัน แต่หมอนั่นไวกว่าจนได้สิทธิ์ครอบครองเป็นเจ้าของดาวเทียมดวงนั้นจนฉวยใช้เป็นประโยชน์สร้างความมั่งคั่ง อาจจะเพราะเส้นสายหรืออะไรก็สุดจะรู้ แต่ที่รู้ๆ จากคนไม่รู้จักกันมาก่อนตอนนี้ทั้งเขาและนพพลต่างประกาศศึกเป็นศัตรูคู่แข่งทางด้านการลงทุนเกี่ยวกับหลักทรัพย์ไปเสียแล้ว
“เขาเป็นลูกของน้าวิมลเพื่อนคุณแม่ค่ะ เขามาสู่ขอรีน” หญิงสาวพูดเรียบๆ ปราศจากความตื่นเต้นโดยสิ้นเชิงกับผู้ชายคนนั้น คนที่จ้องเธอราวกับหมาป่าหื่นกาม
“สู่ขอ? ขอแต่งงานด้วยน่ะเหรอ”
“ค่ะ รีนควรแต่งงานกับคุณเบลไหมคะ” ขอคำปรึกษาเขาเสมอมา “ถ้าคุณบอกว่ารักรีนบ้างรีนจะไม่แต่งกับเขา แล้วเรามารักและแต่งงานกันนะคะ คุณเบลเขาเป็นคู่แข่งกับคุณ ทาสรักที่ซื่อสัตย์อย่างรีนก็จะไม่มีวันรักและแต่งกับเขาแน่นอน” แต่เธอไม่ทันรอคำตอบก็ปล่อยเข็มขัดหนามออกมารัดใจจนคนถูกรักอึดอัดแทบประสาทเสีย
“รีนครับ...” ชายหนุ่มถึงกับหลงเสียงตนเอง รู้มาโดยตลอดว่าสิรินนภารักเขา แต่ให้ทำอย่างไรในเมื่อเขารักเธอแบบเพื่อน เพื่อนเท่านั้น ใจของเขามีเจ้าของมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว และเจ้าของคนนั้นก็คือเด็กหญิงแก้มแดงขี้อ้อนคนนั้น ที่โตมากลายเป็นมารร้ายอย่างบัวหอมไงล่ะ “คุณเป็นคนฉลาดและเก่ง ทำไมถึงยังไม่ยอมตัดใจจากคนสารเลวอย่างผมที่ไม่ได้มีหัวใจให้คุณ” บทจะพูดตรง แดนไตรก็เบรกจนอาจารย์สาวช่างจินตนาการถึงกลับไปไม่เป็น เธอยอมให้เขาเมินมาเป็นสิบปีแล้ว อยากจะเห็นแก่ตัวเรียกร้องความรักจากเขาบ้าง อย่างน้อยก็น้ำใจตอบแทนความซื่อสัตย์ที่มีให้กัน “อย่าร้องเลยนะครับ แต่งหน้ามาสวยๆน่ะ” คนที่กำลังน้ำตาซึมถึงกับรีบเงยหน้าขึ้น กลัวว่าหน้าตาจะเลอะอย่างที่เขาว่า แดนไตรยิ้มเอ็นดู พอเธอสงบถึงพูดต่อ “ผมรักรีนเสมอนะเพราะคุณเป็นเพื่อนที่ผมสนิทและไว้ใจมากที่สุด ความเป็นเพื่อนของเราจะเป็นตลอดไป รีนแต่งงานเถอะอย่าเสียเวลารอให้ผมคิดกับรีนมากกว่าเพื่อนอีกเลย มันไม่มีวันนั้นแน่ๆ” นั่นไงล่ะ เขาปฏิเสธเธออีกแล้วเหมือนที่ทำมาเป็นสิบปี คำพูดของเขากรีดเฉือนใจคนจนตรอกได้ยับเยิน เธอต้องแต่งงานกับไอ้หมาป่าเจ้าเล่ห์อย่างนพพลจริงๆสินะ
สำหรับแดนไตร ถึงนายนพพลจะเป็นศัตรูคู่แข่งทางธุรกิจของเขา แต่สิรินนภาไม่เกี่ยวด้วย ผู้ชายคนนั้นร่ำรวย ถึงจะเจ้าชู้และมีข่าวเสียๆหายๆบ่อยไปหน่อย แต่ก็ไม่น่าจะทำให้เพื่อนรักของเขาอยู่อย่างตกระกำลำบาก
บท 8
บท 8อีกสองเดือนถัดมางานแต่งงานเล็กๆได้ถูกจัดขึ้น ในสนามหญ้าหน้าบ้านถูกเนรมิตขึ้นให้เป็นบรรยากาศอบอุ่น ในงานเชิญแต่บรรดาเพื่อนสนิทนักธุรกิจที่คบหากันและแขกผู้หลักผู้ใหญ่ของฝ่ายเจ้าสาว งานสงบเงียบมีเพียงคนรู้จักมักคุ้นตามความประสงค์ของนางอุบลผู้เป็นแม่เจ้าสาว ในงานคนที่มีความสุขคือนางอุบลที่เห็นลูกสาวอยู่ในอ้อมแขนของคนที่ไว้ใจได้ แต่ทว่าเบื้องลึกในใจของเจ้าบ่าวจะสาวนั้นหน้าชื่นอกตรม เพราะตั้งแต่ตกเป็นข่าว ตั้งแต่เห็นเขากอดกับสิรินนภาทั้งคู่ก็ยังไม่ได้พูดคุยปรับความเข้าใจกัน ให้หลังวันที่เธอไปแจกการ์ดเชิญให้กับสิรินนภาวันนั้นเธอถูกแดนไตรฉุดกระชากขึ้นรถทันทีที่เลิกงาน มือที่เคยกอบกุมให้ความอบอุ่นตอนนี้บีบรัดจนกระดูกแทบแตก เขาพาเธอไปที่คอนโดและเปิดฉากทะเลาะกันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พี่ตุ่นคนเย็นใจดีขึ้นเสียงใส่เธอเพื่อปกป้องผู้หญิงคนอื่น พี่ตุ่นที่เคยสัญญาว่าจะปกป้องเธอกลับใช้สายตาดุดันสังหารจิตใจเธอเพื่อปกป้องผู้หญิงคนอื่น เขามองเธอด้วยสายตาผิดหวังที่เธอกลายเป็นผู้หญิงงี่เง่าหึงหวงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ด้วยความโมโหเลยตอกหน้าเขากลับไปว่าจะไปกอดกับเพื่อนผู้ชายบ้าง นั่นยิ่งทำให้คุยกั
บทที 9นพพลยืนเซ็งๆพร้อมกับถุงหนังสือพวงใหญ่ ทั้งหนัก ทั้งเมื่อยแต่หญิงสาวที่เขาตามเฝ้าทั้งวันกลับยังมีทีท่าตื่นเต้นเมื่อได้เปิดหนังสือเล่มแล้วเล่มเล่า วันนี้หลังจัดการเรื่องแหวนหมั้นและชุดแต่งงานรวมถึงคุยกับออแกไนซ์รับจัดงานวิวาห์ ว่าที่เจ้าสาวขอของขวัญสละโสดเป็นการไปเดินห้าง แต่การเดินห้างของอาจารย์สาวนั้นแปลกประหลาดเพราะมันไม่ใช่การไปเลือกเสื้อผ้าและของสวยๆงามๆแต่เป็นการเดินเลือกหนังสือ ทั้งตำราเรียน หนังสืออ่านทั่วไปและนิยาย“รีนครับ ผมว่าเราไปนั่งร้านกาแฟตรงนั้นก่อนดีไหม” เขาหมายถึงร้านกาแฟสัญชาติอเมริกันชื่อดัง เขาต้องการจะพักบ่าและมือที่แบกหนังสือร่วมสามสิบกิโลมาค่อนวัน หญิงสาวมองตามก่อนจะทำปากยื่นไม่เห็นด้วยกับความคิดเขา เธอจะไม่เข้าร้านนั้นเด็ดขาด ร้านที่กาแฟแก้วหนึ่งมีราคาเทียบเท่าค่าแรงหนึ่งวันของแรงงานบางคนในประเทศ“ไม่เอาค่ะ รีนอยากเลือกหนังสือแต่ถ้าคุณเบลเหนื่อย ก็ไปนั่งรอที่นั่นก่อนได้นะคะ เดี๋ยวรีนช๊อปปี้งเสร็จจะตามไปค่ะ” ยิ้มหวานน่ารักก่อนจะหันหน้าไปสนใจกองหนังสือต่อ เทศกาลหนังสือทั้งที หนอนหนังสืออย่างเธอไม่อยากจะเสียโอกาส แม้จะเป็นเทศกาลที่ละลายทรัพย์ไปมากโข แต่ทุกเ
บทที่ 10หวาน...ขมสุดท้ายแล้วโปรเจกขายน้ำตาลให้กับอเมริกาของเศวต กรุ๊ปมีอันพ่ายแพ้ให้กับการเจรจาขายของบริษัทนพพล เขาจัดซื้อและรวบรวมน้ำตาลจากโรงงานอื่นๆที่ไม่ใช่เศวต กรุ๊ปและเสนอราคาขายให้กับอเมริกาในราคาที่ถูกกว่า ทำให้บริษัทที่แดนไตรบริหารกำลังประสบปัญหาไม่มีตลาดรับซื้อสินค้า บริษัทขาดดุลการค้าเกือบพันล้านเนื่องจากซื้อสินค้าและผลิตสินค้ามาแล้วไม่สามารถนำไปส่งขายต่อได้กว่าสองอาทิตย์ที่ชายหนุ่มตรากตรำทำงานหนัก ไม่ได้กลับบ้านกลับช่อง อาศัยนอนพักในห้องทำงานและเดินทางคุยธุรกิจการลงทุนจนหลงลืมวันเวลา ทุกอย่างมันสูญสลายไร้ค่าเพราะสุดท้ายข้อมูลทุกอย่างตกอยู่ในมือของบริษัทคู่แข่งอย่างนพพล ให้มันไปดำเนินการซื้อขายตัดหน้าเขาจนสร้างกำไรมหาศาลพร้อมๆกับลดความน่าเชื่อถือด้านการลงทุนให้กับตัวแดนไตร ไม่เฉพาะกรรมการบริษัทที่เริ่มหวั่นใจกับการบริหารงานอันล้มเหลว บรรดาพนักงานเริ่มรวมตัวกันเรียกร้องความมั่นใจจากนักบริหารหนุ่ม เนื่องจากสินค้าไม่สามารถระบายขายให้ใครได้ ต้องลดอัตราการผลิต ส่งสัญญาณการปลดการจ้างงานให้พนักงานในบริษัทผวาอยู่เป็นระยะงานแต่งงานสุดยิ่งใหญ่ของสิรินนภาและนพพลถูกจัดขึ้นในช่วงกลา
ชายหนุ่มถึงกับครางหือตื่นเต้นไปทั้งตัวเมื่อถูกเรี่ยวแรงน้อยนิดสัมผัสที่ซอกคอสีน้ำผึ้งจนเกิดรอยวงสีแดงช้ำๆ เหมือนเป็นการล้างแค้นกันไปมาที่เขาจูบเธอแรงๆเมื่อครู่ แต่ช่างเป็นทัณฑ์ทรมานอันแสนหวานล้ำเหลือ ร่างสูงผละออกห่างพร้อมทั้งรั้งรูดกระโปรงชุดนอนสีหวานจนเปิดเปลือยความขาวผ่องงดงามของนวลเนื้อน้องน้อย จดจ้องร่างนุ่มด้วยสายตาร้อนแรงไปด้วยไฟเสน่หาจนร่างบางแทบจะหลอมละลาย ทิฐิและความบาดหมางกินใจแต่ก่อนมาคล้ายจะถูกสายตาพิศวาสของเขาสลายลงหมดหรือไม่ก็ อารมณ์ของทั้งคู่ไม่มีที่ว่างพอที่จะไปคิดเรื่องอื่นในระหว่างนี้ในคืนเข้าหอ ภายหลังจากที่ผู้ใหญ่ส่งคู่บ่าวสาวให้นั่งบนเตียงเรียบร้อยแล้ว แทนที่จะเกิดบรรยากาศหวานชื่นของคืนแต่งงาน กลับมีเสียงโต้เถียงและทะเลาะกันของทั้งคู่ทันทีที่อยู่ในห้องพักเพียงลำพังและฝ่ายชายกระทบกระเทียบเหยียบใจฝ่ายหญิงขึ้นก่อน “แต่งงานกับผมแล้วจะไปปล่อยเนื้อปล่อยตัวกับไอ้ตุ่นเหมือนที่เคยทำไม่ได้แล้วนะ จะทำอะไรกับมันก็ไว้หน้ากันบ้าง ไปกอดลาอาลัยเหมือนผู้หญิงสาธารณะ”เพราะหึงหวงโดยไม่รู้ตัวเลยพูดออกมาแบบนั้น“รีนกับตุ่นเราสนิทกันแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว คุณเบลต้องทำใจยอมรับให้ได้เพ
นับแต่วันที่เขาโอนทุกอย่างคืนให้กับผู้เป็นทายาทและเจ้าของที่แท้จริงของเศวต กรุ๊ป แดนไตรไม่เหยียบย่างเข้าไปในบริษัทแห่งนั้นอีกเลย ปล่อยให้บัวหอมจัดการร่วมกับที่ปรึกษาใหม่อย่างนพพล นอกจากนี้เขาเริ่มหมางเมินเย็นชากับภรรยา วันทั้งวันแม้จะอยู่ร่วมบ้านกันกลับไม่มีบทสนทนาใดๆร่วมกันเลย แดนไตรเอาแต่นั่งหน้าคอมพิวเตอร์ ทำงานและโทรศัพท์และช่วยดูแลนางอุบลเท่าที่ทำได้ แต่ทั้งคู่จะแสดงความรักใคร่กลมเกลียวเอาใจใส่เพื่อให้นางอุบลสบายใจ ถึงเวลาไม่มีบุคคลอื่นเขาจะไม่พูดจาหวานหูด้วยสักคำ แม้กระทั่งมองหน้ายังเมินหลบไม่สบตาจริงอยู่ว่าตอนนี้สามีภรรยาต่างใช้ชีวิตเหมือนเป็นคนแปลกหน้าที่อยู่ร่วมบ้านกัน ยามปรกติหมางเมินเย็นชาแต่พอแผ่นหลังสัมผัสเตียงนอนถึงเข้ามาแนบชิด กิจกรรมต่างๆยังคงทำอะไรๆกันเหมือนเดิมเหมือนครั้งเป็นสามีภรรยา เหตุผลเดียวคือเขายังรักและเสน่หาในตัวภรรยามากล้นไม่เสื่อคลาย เพียงแต่มันมีเหตุการณ์ที่ทำให้เกลียดชังกันมากขึ้นเท่านั้นเอง เป็นแบบนี้ใช่ว่าคนเจ็บปวดจะมีเพียงฝ่ายชาย จากที่มั่นอกมั่นใจและสาแก่ใจที่ทวงทุกอย่างคืนจากคนเนรคุณและทรยศหักหลังเขาเป็นการแก้แค้นคืนได้ ตอนนี้เริ่มเจ็บปวดในใจแปลบๆเ
ความสัมพันธ์ติดลบของแดนไตรและบัวหอมเริ่มเป็นที่รับรู้และส่งผลกระทบต่อคนกลางอย่างสกาวเดือน เด็กสาวรับรู้ความผิดปรกติเหล่านี้ดีแต่ไม่อาจช่วยอะไรได้ วันที่พ่อบุญธรรมเก็บของย้ายออกจากบ้านของอดีตภรรยา คืนนั้นทั้งคืนเขากลับมานั่งชันเข่าอยู่บ้านและร้องไห้อย่างหมดยางอายลูกผู้ชายและหลังจากร้องจนสาแก่ใจก็เปลี่ยนเป็นคนนิ่งขรึมแต่ดูอมทุกข์และเหนื่อยล้าตลอดเวลา“อย่าคิดมากเลยนะ” เสียงนุ่มนวลปลอบประโลมเด็กสาวตรงหน้าหลังจากเห็นเธอถอนใจรอบที่ร้อยของวันนี้ไม่อาจรวบรวมสมาธิตั้งใจติวหนังสือเตรียมพร้อมสำหรับการเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้“หนูสงสารพี่ตุ่นค่ะพี่รีน” เด็กสาวบอกกับเพื่อนสนิทของแดนไตรที่พักนี้กลายเป็นแขกประจำของบ้านอีกครั้ง หลังจากที่เขาย้ายกลับมาพักประจำที่บ้านของตนเองตามคำร้องขอของสกาวเดือนที่ต้องการติวเนื้อหาวิชาต่างๆก่อนเข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัยโดยให้อาจารย์สาวมาช่วยติวเข้มเตรียมความพร้อมสำหรับนิสิตคณะบริหารธุรกิจ วันนี้ก็เช่นกันที่สิรินนภามาเยี่ยมและอยู่เป็นเพื่อนคนอกหักพึ่งหย่าเมีย เธอรู้ว่าช่วงนี้เพื่อนรักต้อการกำลังใจมากที่สุด พร้อมๆกับต้องการหม้อไฟแมงกะพรุนของโปรดของเขาด้วย“ไม่ต้องคิดมา
“มันก็อร่อยพอๆกับที่คุณกินจากฉันกับตุ่นแหละค่ะ” เถียงกลับหวังจะให้เขาโกรธจนเต้นเหมือนเธอบ้าง จ้องตาประสานกันร้อนแรงแผดเผา ทีเขายังไปมาหาสู่และติดต่อกับบัวหอมได้และเธอยังไม่ได้คิดอกุศลแบบนั้น แล้วทำไมเธอจะติดต่อกับแดนไตรไม่ได้ ในเมื่อเธอกับเพื่อนคนนี้สนิทกันมากกว่าสิบปี “ฉันรักตุ่นและสนิทสนมกับเขามาเป็นสิบปี นานเสียยิ่งกว่าจะรู้ว่ามีคนอย่างคุณอยู่บนโลกใบนี้เสียอีก” หวังจะให้เขาเจ็บแสบบ้างแต่นั่นมันเหมือนดาบสองคมที่จะย้อนกลับมาทำร้ายเธอทีหลัง“รีน” เสียงเข้มข้นเรียกชื่อหญิงสาว เป็นการปรามว่าเธอดูถูกผู้ชายอย่างเขามากเกินไป จนลืมตัวไปว่า ตนนั้นก็ดูถูกเธอด้วยประโยคความหมายเดียวกัน แต่แค่เปลี่ยนรูปประโยคเท่านั้น แต่อย่างว่า ด้านตัวเองมักสว่างเสมอ“เรียกทำไมคะ กลัวจะลืมชื่อเมียตีทะเบียนคนนี้เหรอ ฮึ! ฉันเคยเชื่อมาตลอดว่าให้ฟังและทำตามสิ่งที่แม่เตือนฉันอยู่ซ้ำๆ แต่พอฉันทำตามแม่เรื่องแต่งงานกับคนอย่างคุณ!” พูดถึงตรงนี้ก็ได้แต่เงียบ จุกอกพูดไม่ออก ส่งได้แค่สายตาอ้างว้างผิดหวัง เหยียดหยามในความโง่เขลาของตัวเอง“โอ้ย!” ร่างบางถูกจับกระชากเข้ามาเผชิญหน้า สายตาจัดจ้าก้มเข้ามาใกล้ คาดคั้นให้เธอปริปาก
บทที่ 1วัดเก่าย่านชุมชนแออัดของเมืองหลวง เป็นสถานที่เงียบสงบที่นางอุบลเลือกมาทำบุญในวันครบรอบวันเกิดอายุหกสิบปี และครบรอบหนึ่งปีของการจากไปของสามีสุดที่รักถึงแม้การแต่งกายหรูหรากับใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางจะฉาบเคลือบความชราจนมิด แต่แววตาอิดโรยจากอาการเจ็บป่วยภายในและความเหนื่อยยากจากการบริหารงานบริษัทแทนสามียังคงฉายชัดออกมาให้ผู้พบเห็นรู้สึกไม่สบายใจ“โยม มาวัดแล้วทำไมทำหน้าเศร้านักล่ะ” หลวงตาเอ่ยทักด้วยความเมตตาหลังจากนั่งลงที่อาสนะ เตรียมพร้อมสำหรับให้ศีลให้พรแก่ญาติโยมที่มาทำบุญที่วัด นางอุบลเป็นญาติโยมที่มักจะนั่งรถจากใจกลางย่านธุรกิจของเมืองหลวงมาสู่ชุมชนแออัดกลางเมืองเพื่อทำบุญที่วัดนี้อยู่เป็นประจำ จนมีความสนิทสนมกับคนในวัดนี้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะลูกสาวของนางที่เป็นเพื่อนเล่นกับเด็กวัดที่นี่อย่างไม่ถือตัว“นมัสการเจ้าค่ะหลวงพ่อ” ก้มลงกราบสามครั้งก่อนจะเก็บกลืนความไม่สบายใจลงคอ ไหนๆ วันนี้ก็เป็นวันคล้ายวันเกิดเลยอยากจะทำจิตใจให้สบาย “วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดดิฉันค่ะ เลยอยากจะมาทำบุญ แล้วก็อยากมอบทุนการศึกษาให้กับโรงเรียนวัดด้วย จะได้เอาไว้ให้เด็กในชุมชนกับเด็กวัด”“เจร