ชายหนุ่มถึงกับครางหือตื่นเต้นไปทั้งตัวเมื่อถูกเรี่ยวแรงน้อยนิดสัมผัสที่ซอกคอสีน้ำผึ้งจนเกิดรอยวงสีแดงช้ำๆ เหมือนเป็นการล้างแค้นกันไปมาที่เขาจูบเธอแรงๆเมื่อครู่ แต่ช่างเป็นทัณฑ์ทรมานอันแสนหวานล้ำเหลือ ร่างสูงผละออกห่างพร้อมทั้งรั้งรูดกระโปรงชุดนอนสีหวานจนเปิดเปลือยความขาวผ่องงดงามของนวลเนื้อน้องน้อย จดจ้องร่างนุ่มด้วยสายตาร้อนแรงไปด้วยไฟเสน่หาจนร่างบางแทบจะหลอมละลาย ทิฐิและความบาดหมางกินใจแต่ก่อนมาคล้ายจะถูกสายตาพิศวาสของเขาสลายลงหมดหรือไม่ก็ อารมณ์ของทั้งคู่ไม่มีที่ว่างพอที่จะไปคิดเรื่องอื่นในระหว่างนี้
ในคืนเข้าหอ ภายหลังจากที่ผู้ใหญ่ส่งคู่บ่าวสาวให้นั่งบนเตียงเรียบร้อยแล้ว แทนที่จะเกิดบรรยากาศหวานชื่นของคืนแต่งงาน กลับมีเสียงโต้เถียงและทะเลาะกันของทั้งคู่ทันทีที่อยู่ในห้องพักเพียงลำพังและฝ่ายชายกระทบกระเทียบเหยียบใจฝ่ายหญิงขึ้นก่อน “แต่งงานกับผมแล้วจะไปปล่อยเนื้อปล่อยตัวกับไอ้ตุ่นเหมือนที่เคยทำไม่ได้แล้วนะ จะทำอะไรกับมันก็ไว้หน้ากันบ้าง ไปกอดลาอาลัยเหมือนผู้หญิงสาธารณะ”เพราะหึงหวงโดยไม่รู้ตัวเลยพูดออกมาแบบนั้น
“รีนกับตุ่นเราสนิทกันแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว คุณเบลต้องทำใจยอมรับให้ได้เพราะถ้าคุณมาคาดคั้นให้รีนเลือก บอกได้เลยว่ารีนเลือกรักษาเพื่อนที่แสนดีอย่างตุ่นไว้”
สิรินนภาหลุดปากออกมาด้วยความรำคาญ ก่อนจะรู้ตัวว่าพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดและไม่ควรคิดออกมาก็ตอนที่เห็นนพพลกัดฟันแน่นระงับโทสะสุดชีวิต “คือรีน...” เตรียมจะแก้ตัวแต่ไม่ทันแล้ว เจ้าบ่าวรูปหล่อเดินตรงลิ่วเข้าห้องน้ำก่อนจะปิดประตูดังโครมใหญ่
“ก็ได้สิรินนภา ในเมื่อคุณเลือกมัน ต่อจากนี้ก็อย่าหวังเลยว่าจะอยู่เป็นเมียผมและเป็นชู้กับไอ้ตุ่นมันอย่างมีความสุข แล้วเราจะได้เห็นดีกันว่าการเป็นเมียที่ไร้ค่ามันแย่แค่ไหน” เขาสัญญากับตัวเองในใจว่าจะไม่มีวันมอบความรู้สึกดีๆให้ภรรยาคนนี้มีความสุขเด็ดขาด เขาจะทำทุกอย่างเพื่อให้เธอร้อนรนทุกข์ใจ ให้มันสาสมกับที่บังอาจเอาไอ้แดนไตรขึ้นมาเป็นที่หนึ่งเหนือเขา “คุณจะเป็นแค่หมากที่จะทำให้ไอ้ตุ่นแพ้ผม เป็นแค่เครื่องบำเรอที่มีไว้สนองความใคร่และทำให้ผมเอาชนะมันได้!”
คืนเข้าหอของงานวิวาห์แสนหวานกลายเป็นเหมือนปฐมบทของความสัมพันธ์ที่ติดลบและแสนขมของคู่บ่าวสาวข้าวใหม่ปลามัน เมื่อนพพลไม่ได้ทะนุถนอมหรือปลอบประโลมอ่อนโยนกับเรือนร่างของเธอเลย เขาเหมือนตักตวงเอาแต่ความบันเทิงเริงใจ พอเสร็จสมก็ลุกขึ้นแต่งตัว หยิบโทรศัพท์ติดต่อหาใครสักคนและเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้ภรรยานอนอยู่บนเตียงเพียงลำพัง ความรู้สึกน้อยใจและไร้ค่าเริ่มกัดกร่อนจิตวิญญาณของอาจารย์สาวที่เคยภาคภูมิใจในตัวเองลงช้าๆ แต่เธอก็ต้องเก็บกลืนความขมขื่นเหล่านั้นไว้ เพราะมารดาคาดหวังกับงานแต่งครั้งนี้มาก จะใจเสาะทำให้แม่ผิดหวังไม่ได้
ในตอนเช้า แดนไตรเปิดทีวีดูข่าวสารบ้านเมืองในระหว่างอาบน้ำแต่งตัวเหมือนทุกครั้งซึ่งเป็นกิจวัตรประจำวันส่วนตัวของนักธุรกิจหนุ่ม เพียงแต่ข่าววันนี้ทำให้เขามีความรู้สึกปวดหัวและตรึงเครียดกว่าทุกๆเช้าที่ผ่านๆมา ในขณะที่บัวหอมฟังไปด้วยยิ้มเยาะไปด้วย
นักข่าวอ่านข่าวคณะกรรมการรวมทั้งผู้ถือหุ้นในบริษัทเศวตร กรุ๊ป ประกาศขายหุ้นของบริษัทที่กำลังดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันกับที่พนักงานกลุ่มใหญ่รวมตัวประท้วงหน้าบริษัทเพื่อทวงถามนโยบายสวัสดิการพนักงานที่ถูกชะลอเรื่องไว้ในช่วงที่หุ้นตกเพราะบริษัทไม่สามารถขายสินค้าและขาดความน่าเชื่อถือจากการที่ไม่สามารถสัมปทานโครงการอะไรได้เลย
โทรศัพท์มือถือของชายหนุ่มมีสายเรียกเข้าไม่หยุดเพื่อพูดคุยเรื่องความเชื่อมั่นในการค้าการลงทุนและศักยภาพของตัวเขาในฐานะประธานบริหารบริษัท มันไม่ได้กระทบแค่เศวต กรุ๊ป แต่บริษัทในเครือวิริยะกิจที่เขาสร้างมากับมือก็ได้รับผลกระทบด้วยโดยตรง เพราะมันมีบริษัทเกี่ยวกับหลักทรัพย์อยู่ในเครือ
ในช่วงเวลาที่ท้อแท้คนที่เติบโตมาอย่างเดียวดายต้องการกำลังใจมากที่สุด ชีวิตของนักธุรกิจหนุ่มตอนนี้เปรียบเหมือนคนขาหักหนึ่งข้างที่ไม่อาจเดินคล่องได้ดังเดิม ทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพราะเขาไม่เก่งแต่เพราะเขาถูกทรยศหักหลังจากเกลือเป็นหนอน และคนที่เป็นหนอนบ่อนไส้ทำลายความน่าเชื่อถือของเขาก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นภรรยาแสนรักคนนี้เอง แต่ทว่า... “คุณแพ้แล้วคุณแดนไตร โอนทุกอย่างคืนให้ฉันก่อนที่คุณจะทำมันพังจนมันไม่น่าเชื่อถือมากไปกว่านี้” ท่าทีจองหองเหมือนคุณหนูหงส์ผู้สูงศักดิ์ไม่ได้มีความสำนึกว่าสิ่งที่ตนทำลงไปทั้งหมดไม่ได้ทำลายแค่พี่ตุ่นคนนี้ แต่มันทำลายเศวตร กรุ๊ป บริษัทที่ต้นตระกูลของเธอสร้างมากับมือ
“น้องบัวทำแบบนี้กับบริษัทของตัวเองได้ยังไง เอาความลับซื้อขายของบริษัทไปบอกนายนพพลที่มาจากบริษัทคู่แข่งจนเราขายของไม่ได้ สัมปทานส่งออกก็ไม่ได้ หุ้นตกนอกจากทำลายชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือในการบริหารงานของพี่แล้ว น้องบัวยังทำบริษัทของตัวเองเสียโอกาสและเสียหายด้วยนะ” เขาตัดพ้อผิดหวัง
“เป็นคู่แข่งเหรอคะ? ก็เห็นเชิญกันไปงานแต่ง ไม่ได้สนิทกันหรอกเหรอคะ พี่ตุ่นเก่งจังนะคะไปยิ้มหน้าระรื่นในงานแต่งของคุณนพพลได้ อ๋อไม่สิ! พี่ไปงานแต่งเพราะคุณรีนของพี่เป็นเจ้าสาวต่างหาก” ท่าทีลอยหน้าลอยตาท้าทายเลี่ยงที่จะตอบถึงบริษัทเพราะการทำให้บริษัทได้รับผลกระทบมันเป็นเรื่องที่เธอลืมคิดไป ในหัวตอนทำทุกอย่างลงไปมันคิดแต่จะทำลายชื่อเสียงให้เขาไม่มีที่ยืนในสังคม เท่านั้นเอง
“แล้วน้องบัวจะทำยังไง” ถามราวกับละเมอที่ภาพรักทุกอย่างกลายเป็นวิมานอากาศที่สลายไปในพริบตา มันไม่มีอยู่จริง ความสุขที่เกิดขึ้น ความอบอุ่นใจที่เกิดขึ้นระหว่างใช้ชีวิตด้วยกันมันไม่มีอยู่จริง มันถูกสร้างขึ้นเพื่อผลประโยชน์และถูกลบทิ้งด้วยฝ่าเท้า
“บัวมีที่ปรึกษาที่เขาสามารถพาบริษัทของบัวไปรอด เพียงแค่คุณถอยไปซะ” สรรพนามแทนตัวแปรเปลี่ยนตามที่ใจเปลี่ยนตาม กล่าวทิ้งท้ายก่อนจะหันหลังเตรียมออกจากห้องทำงานห้องนี้ เธออดทนกับความรู้สึกสับสนในใจไม่ไหวอีกต่อไปแล้วและเหนืออื่นใดเลย เธอทนไม่ได้ที่ถูกเข้าจ้องมองด้วยสายตาผิดหวังมากขนาดนั้น พี่ตุ่นที่เคยมองมาที่เธออย่างอบอุ่นและภาคภูมิใจยามนี้มองเธออย่างสิ้นหวังและร้าวราน
“น้องบัว” เสียงทุ้มเรียกเธอไว้เบาๆ แต่ตรึงร่างบางให้หยุดยืนได้ เขาสามารยื้อวินาทีสุดท้ายด้วยสายสัมพันธ์ที่ถักทอช้าๆแต่แน่นเหนียวเกี่ยวใจของทั้งคู่มาหลายสิบปี “พี่ขอถามน้องบัวหน่อย” ใบหน้าคมคายเจ็บปวดหัวใจ “น้องบัวเคยรักพี่บ้างไหม” ในใจของชายหนุ่มเจ็บช้ำจนกระอักในอก
บัวหอมยืดตัวตรงเหยียดกับคำถามที่ทิ่มแทงหัวใจ แต่ในเมื่อเลือกแล้วที่จะทำแบบนี้ ก็ต้องไปให้สุดทาง “บัวไม่เคยรักพี่ตุ่น” พยายามบังคับเสียงให้ฉะฉานอย่างคนมีชัยคำตอบของเธอไม่ได้สร้างความเจ็บปวดให้กับแดนไตรมากไปกว่าเดิม เพราะตอนนี้เขาก็ไร้ความรู้สึกไปแล้ว เธอตอบด้วยหน้าตาเรียบเฉยไม่ต่างจากคำว่ารักที่โกหกได้อย่างหน้าตาย แดนไตรคิดมาตลอดว่าเรารู้จักกันมาตลอดชีวิตที่ผ่านมา และเชื่อมั่นว่าเราเกิดมาเพื่อคู่กัน แต่วันนี้ถึงเวลาที่เขาต้องทบทวนใหม่
เขาห่วงชื่อเสียงของภรรยาไม่อยากให้เธอเสียหายฉาวโฉ่เหมือนเมื่อครั้งก่อนแต่งงาน เขาจะเซนมอบบริษัท บ้านและทรัพย์สินทุกอย่างที่ติดจำนองกับทางวิริยะกิจให้ แต่เขาจะยังไม่ยอมหย่า ขอให้ผ่านไปสักปีก่อนอย่างน้อยเพื่อที่นางอุบลจะได้สบายใจและยอมรับเหตุผลการหย่าได้ง่ายขึ้นว่า เขาและลูกของนางร่วมทางกันต่อไม่ได้จริงๆ
นับแต่วันที่เขาโอนทุกอย่างคืนให้กับผู้เป็นทายาทและเจ้าของที่แท้จริงของเศวต กรุ๊ป แดนไตรไม่เหยียบย่างเข้าไปในบริษัทแห่งนั้นอีกเลย ปล่อยให้บัวหอมจัดการร่วมกับที่ปรึกษาใหม่อย่างนพพล นอกจากนี้เขาเริ่มหมางเมินเย็นชากับภรรยา วันทั้งวันแม้จะอยู่ร่วมบ้านกันกลับไม่มีบทสนทนาใดๆร่วมกันเลย แดนไตรเอาแต่นั่งหน้าคอมพิวเตอร์ ทำงานและโทรศัพท์และช่วยดูแลนางอุบลเท่าที่ทำได้ แต่ทั้งคู่จะแสดงความรักใคร่กลมเกลียวเอาใจใส่เพื่อให้นางอุบลสบายใจ ถึงเวลาไม่มีบุคคลอื่นเขาจะไม่พูดจาหวานหูด้วยสักคำ แม้กระทั่งมองหน้ายังเมินหลบไม่สบตาจริงอยู่ว่าตอนนี้สามีภรรยาต่างใช้ชีวิตเหมือนเป็นคนแปลกหน้าที่อยู่ร่วมบ้านกัน ยามปรกติหมางเมินเย็นชาแต่พอแผ่นหลังสัมผัสเตียงนอนถึงเข้ามาแนบชิด กิจกรรมต่างๆยังคงทำอะไรๆกันเหมือนเดิมเหมือนครั้งเป็นสามีภรรยา เหตุผลเดียวคือเขายังรักและเสน่หาในตัวภรรยามากล้นไม่เสื่อคลาย เพียงแต่มันมีเหตุการณ์ที่ทำให้เกลียดชังกันมากขึ้นเท่านั้นเอง เป็นแบบนี้ใช่ว่าคนเจ็บปวดจะมีเพียงฝ่ายชาย จากที่มั่นอกมั่นใจและสาแก่ใจที่ทวงทุกอย่างคืนจากคนเนรคุณและทรยศหักหลังเขาเป็นการแก้แค้นคืนได้ ตอนนี้เริ่มเจ็บปวดในใจแปลบๆเ
ความสัมพันธ์ติดลบของแดนไตรและบัวหอมเริ่มเป็นที่รับรู้และส่งผลกระทบต่อคนกลางอย่างสกาวเดือน เด็กสาวรับรู้ความผิดปรกติเหล่านี้ดีแต่ไม่อาจช่วยอะไรได้ วันที่พ่อบุญธรรมเก็บของย้ายออกจากบ้านของอดีตภรรยา คืนนั้นทั้งคืนเขากลับมานั่งชันเข่าอยู่บ้านและร้องไห้อย่างหมดยางอายลูกผู้ชายและหลังจากร้องจนสาแก่ใจก็เปลี่ยนเป็นคนนิ่งขรึมแต่ดูอมทุกข์และเหนื่อยล้าตลอดเวลา“อย่าคิดมากเลยนะ” เสียงนุ่มนวลปลอบประโลมเด็กสาวตรงหน้าหลังจากเห็นเธอถอนใจรอบที่ร้อยของวันนี้ไม่อาจรวบรวมสมาธิตั้งใจติวหนังสือเตรียมพร้อมสำหรับการเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้“หนูสงสารพี่ตุ่นค่ะพี่รีน” เด็กสาวบอกกับเพื่อนสนิทของแดนไตรที่พักนี้กลายเป็นแขกประจำของบ้านอีกครั้ง หลังจากที่เขาย้ายกลับมาพักประจำที่บ้านของตนเองตามคำร้องขอของสกาวเดือนที่ต้องการติวเนื้อหาวิชาต่างๆก่อนเข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัยโดยให้อาจารย์สาวมาช่วยติวเข้มเตรียมความพร้อมสำหรับนิสิตคณะบริหารธุรกิจ วันนี้ก็เช่นกันที่สิรินนภามาเยี่ยมและอยู่เป็นเพื่อนคนอกหักพึ่งหย่าเมีย เธอรู้ว่าช่วงนี้เพื่อนรักต้อการกำลังใจมากที่สุด พร้อมๆกับต้องการหม้อไฟแมงกะพรุนของโปรดของเขาด้วย“ไม่ต้องคิดมา
“มันก็อร่อยพอๆกับที่คุณกินจากฉันกับตุ่นแหละค่ะ” เถียงกลับหวังจะให้เขาโกรธจนเต้นเหมือนเธอบ้าง จ้องตาประสานกันร้อนแรงแผดเผา ทีเขายังไปมาหาสู่และติดต่อกับบัวหอมได้และเธอยังไม่ได้คิดอกุศลแบบนั้น แล้วทำไมเธอจะติดต่อกับแดนไตรไม่ได้ ในเมื่อเธอกับเพื่อนคนนี้สนิทกันมากกว่าสิบปี “ฉันรักตุ่นและสนิทสนมกับเขามาเป็นสิบปี นานเสียยิ่งกว่าจะรู้ว่ามีคนอย่างคุณอยู่บนโลกใบนี้เสียอีก” หวังจะให้เขาเจ็บแสบบ้างแต่นั่นมันเหมือนดาบสองคมที่จะย้อนกลับมาทำร้ายเธอทีหลัง“รีน” เสียงเข้มข้นเรียกชื่อหญิงสาว เป็นการปรามว่าเธอดูถูกผู้ชายอย่างเขามากเกินไป จนลืมตัวไปว่า ตนนั้นก็ดูถูกเธอด้วยประโยคความหมายเดียวกัน แต่แค่เปลี่ยนรูปประโยคเท่านั้น แต่อย่างว่า ด้านตัวเองมักสว่างเสมอ“เรียกทำไมคะ กลัวจะลืมชื่อเมียตีทะเบียนคนนี้เหรอ ฮึ! ฉันเคยเชื่อมาตลอดว่าให้ฟังและทำตามสิ่งที่แม่เตือนฉันอยู่ซ้ำๆ แต่พอฉันทำตามแม่เรื่องแต่งงานกับคนอย่างคุณ!” พูดถึงตรงนี้ก็ได้แต่เงียบ จุกอกพูดไม่ออก ส่งได้แค่สายตาอ้างว้างผิดหวัง เหยียดหยามในความโง่เขลาของตัวเอง“โอ้ย!” ร่างบางถูกจับกระชากเข้ามาเผชิญหน้า สายตาจัดจ้าก้มเข้ามาใกล้ คาดคั้นให้เธอปริปาก
บทที่ 1วัดเก่าย่านชุมชนแออัดของเมืองหลวง เป็นสถานที่เงียบสงบที่นางอุบลเลือกมาทำบุญในวันครบรอบวันเกิดอายุหกสิบปี และครบรอบหนึ่งปีของการจากไปของสามีสุดที่รักถึงแม้การแต่งกายหรูหรากับใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางจะฉาบเคลือบความชราจนมิด แต่แววตาอิดโรยจากอาการเจ็บป่วยภายในและความเหนื่อยยากจากการบริหารงานบริษัทแทนสามียังคงฉายชัดออกมาให้ผู้พบเห็นรู้สึกไม่สบายใจ“โยม มาวัดแล้วทำไมทำหน้าเศร้านักล่ะ” หลวงตาเอ่ยทักด้วยความเมตตาหลังจากนั่งลงที่อาสนะ เตรียมพร้อมสำหรับให้ศีลให้พรแก่ญาติโยมที่มาทำบุญที่วัด นางอุบลเป็นญาติโยมที่มักจะนั่งรถจากใจกลางย่านธุรกิจของเมืองหลวงมาสู่ชุมชนแออัดกลางเมืองเพื่อทำบุญที่วัดนี้อยู่เป็นประจำ จนมีความสนิทสนมกับคนในวัดนี้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะลูกสาวของนางที่เป็นเพื่อนเล่นกับเด็กวัดที่นี่อย่างไม่ถือตัว“นมัสการเจ้าค่ะหลวงพ่อ” ก้มลงกราบสามครั้งก่อนจะเก็บกลืนความไม่สบายใจลงคอ ไหนๆ วันนี้ก็เป็นวันคล้ายวันเกิดเลยอยากจะทำจิตใจให้สบาย “วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดดิฉันค่ะ เลยอยากจะมาทำบุญ แล้วก็อยากมอบทุนการศึกษาให้กับโรงเรียนวัดด้วย จะได้เอาไว้ให้เด็กในชุมชนกับเด็กวัด”“เจร
บท 2บัวหอมเข้ามาทำงานในบริษัทในตำแหน่งกรรมการฝ่ายการตลาด ด้วยความที่เธอชำนาญการใช้ภาษาต่างประเทศถึงหกภาษา ทำให้การทำงานกับตลาดต่างประเทศของบริษัทเศวต กรุ๊ป มีความคล่องตัวมากขึ้นด้วยความครอบคลุมภาษาประเทศหลัก ญี่ปุ่น สเปน จีนกลาง อังกฤษ ฝรั่งเศสและเยอรมัน และความละเอียดรอบครอบด้านเอกสาร ไม่ถึงหนึ่งเดือนเธอได้รับคำชื่นชมในการทำงาน จากกรรมการบริหารทุกคน จะมีข้อตำหนิก็อยู่ที่เป็นคนขี้โวยวายและทำตัวหักหน้าไม่ให้เกียรติประธานบริษัทคนใหม่อย่างแดนไตรสำหรับแดนไตร ประธานบริษัทคนใหม่พิสูจน์ตัวเองจนได้รับการยอมรับโดยการทำให้สองไตรมาสแรกของปีงบประมาณไม่อยู่ในภาวะขาดทุน ผลของการนำเงินเก็บส่วนตัวมาอัดฉีดลงทุนกับการโปรโมทให้เศวต กรุ๊ปกลับมาโดดเด่น โด่งดังอีกครั้ง บวกกับความเป็นคนรุ่นใหม่ที่เก่งกาจจากดีกรีปริญญาเอกการเงินและการลงทุนจากวอชิงตันอเมริกา และยังติดโผหนุ่มโสดเนื้อหอมที่มีแฟนคลับตามติดแม้ไม่ได้เป็นดารานายแบบ ยิ่งช่วยให้บริษัทภายใต้การบริหารของคนรุ่นใหม่ไฟแรงเป็นที่น่าสนใจในการลงทุนร่วมหุ้นมากขึ้นบ่อยครั้งที่หนังสือพิมพ์หน้าข่าวสังคมลงภาพและข่าวคราวของแดนไตรในเรื่องของกิจกรรมสาธารณประโยชน์
บท 3ในวันหยุดยาวชดเชยวันสำคัญของคนชาวไทย บ้านของสิรินนภายามนี้ถูกจับตกแต่งราวกับราชวังในนิทาน เพื่อเป็นการต้อนรับปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้หลักผู้ใหญ่ที่ทางครอบครัวฝ่ายชายขอความกรุณามาเป็นธุระเรื่องการทาบทามสู่ขอลูกสาวบ้านนี้อย่างเป็นทางการ อาจารย์สาวไม่ค่อยแปลกใจกับการต้อนรับแขก เธอเข้าใจว่าเป็นการทาบทามสู่ขอน้องสาวคนเดียวของเธอที่ตอนนี้คงจะคบหากับแฟนหนุ่มจนความรักสุกงอมหอมหวาน เธอมีแก่ใจช่วยทำน้ำใบเตยเย็นชื่นใจต้อนรับแขกเหรื่อที่แม่ตื่นเต้นนักหนา“แขกรับน้ำดื่มเรียบร้อยแล้วค่ะคุณรีน เดี๋ยวทางนี้ป้ารับผิดชอบต่อเอง คุณรีนขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนผ้าเถอะนะคะ” ป้าจอมบอกกับคุณหนูน้อยคนงามด้วยรอยยิ้มหวาน วันหยุดว่างจากการสอนทั้งทีคนอย่างอาจารย์สิรินนภายังไม่ยอมอยู่เฉย ตื่นแต่เช้าลงมาช่วยหยิบจับงานครัวจนเรียบร้อย หลังจากที่ได้ยินคนเป็นแม่บอกถึงนัดหมายว่าจะมีแขกสำคัญมาเยี่ยมเยียนและพูดเรื่องสำคัญ“จ่ะป้า” หญิงสาวรับคำยิ้มๆ ถอดผ้ากันเปื้อนและเดินกลับห้องนอนของตนที่อยู่ชั้นสองของตัวบ้าน แต่ไม่อายแอบมองไปที่โถงใหญ่รับแขก ซึ่งตอนนี้มีแขกคนสำคัญของคุณแม่นั่งอยู่เต็มไปหมด“เอ...แล้วเจมส์ไปไหน” ถามกับตัวเ
บทที่ 5 บ่วงเสน่หาบริษัทเศวต กรุ๊ปได้รับคำเชื้อเชิญให้ร่วมพิธีเปิดอาณาจักรโรงงานอาหารแปรรูปข้ามชาติในจังหวัดหนึ่งติดทะเลอ่าวไทย พิธีการถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เพราะเป็นอภิมหาโครงการที่มีการลงทุนในระดับข้ามชาติ ดังนั้น เศวต กรุ๊ปและแดนไตร ในฐานะที่ปรึกษาโครงการต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองการพัฒนาอีกขั้นของอุตสาหกรรมอาหารแปรรูปครั้งนี้ด้วย ทีแรกบัวหอมไม่ประสงค์ที่จะร่วมเดินทางมางานเลี้ยงครั้งนี้เพราะถือว่าตนไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรกับการลงทุนครั้งนี้ แต่ก็มีบัตรเทียบเชิญในนามบริษัทและเธอไม่ยินยอมหากแดนไตรจะได้ไปร่วมงานในนามของบริษัทแต่เพียงผู้เดียว เพราะเศวต กรุ๊ปคือบริษัทของเธอ‘ถ้าไม่ได้ชื่อเสียงของเศวต กรุ๊ป ก็ไม่มีใครเขาจ้างเศรษฐีหน้าใหม่อย่างแกมาให้คำปรึกษาหรอก’ คุณหนูคนงามยังคงมองด้านเดียว เธอไม่ได้มองว่าแดนไตรเป็นฝ่ายทำทุกอย่างเพื่อสร้างเครดิตให้กับบริษัทของเธอ และเขาได้ช่วยทำให้บริษัทที่ใกล้จะถึงจุดล่มสลายได้กลับกลายเป็นที่รู้จักในตลาดหลักทรัพย์และในแวดวงศ์ธุรกิจอีกครั้ง ทั้งๆที่เขาจะอ้างถึงเพียงชื่อของเขา นายแดนไตร วิริยะกิจ เจ้าพ่อตลาดหลักทรัพย์ที่ประสบความสำเร็จในทางธุรกิจและการลงท
บทที่ 4โจรปล้นจูบเพียงต้องการจะป่วนประสาท เธอถึงกับยอมล้มลงเพื่อให้ดูเหมือนพลัดตกบันได เพื่อให้แดนไตรปฏิเสธนัดที่มีต่อสิรินนภาและมาเฝ้าไข้เธอที่มีอาการบาดเจ็บ ทั้งๆที่เขาสัญญาจะพาอีกฝ่ายกลับบ้านผลการรักษาพบว่าคนเจ็บไม่เป็นอะไรมากแต่เนื่องจากบัวหอมซึมลงอย่างเห็นได้ชัดจนแดนไตรร้อนใจและอยากให้เฝ้าดูอาการอีกคืนหนึ่งจึงขอหมอให้เธอแอดมิด“น้องบัวเป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนไหมครับพี่จะไปตามหมอมาให้” เกือบค่อนคืนเขานั่งเฝ้าไม่ไปไหน แม้แต่เสียงโทรศัพท์ที่ดังยังไม่ยอมลุกขึ้นไปรับ“เจ็บค่ะ”“เจ็บตรงไหน เจ็บมากไหมพี่จะไปตามหมอนะ” รีบลุกกระวีกระวาดแต่มือบางจับคว้าแขนเขาไว้พร้อมทั้งออกแรงบีบแน่น ยิ่งเขาถามด้วยท่าทีอ่อนโยนเป็นห่วง ก็ยิ่งมีความสับสนมากขึ้น“ทำไมต้องทำเหมือนเป็นห่วงกันทั้งๆที่ถ้าไม่มีฉันสักคนคุณก็เป็นเจ้าของบริษัทได้โดยไม่มีใครตั้งคำถามหรือข้อครหาอยู่แล้ว คุณควรจะดีใจนะที่เห็นฉันเจ็บยิ่งฉันตายยิ่งต้องดีใจเพราะทุกๆอย่างมันจะเป็นของคุณโดยสมบูรณ์ไม่ต้องมาคอยทำท่าทางไม่ต้องการบริษัทฉันอย่างที่ทำอยู่ทุกวัน” เค้นเสียงอย่างอัดอั้น ยิ่งมองหน้ายิ่งสับสนละคนผิดหวัง ชายหนุ่มไม่ตอบเพราะในใจรู้ดีว