นับแต่วันที่เขาโอนทุกอย่างคืนให้กับผู้เป็นทายาทและเจ้าของที่แท้จริงของเศวต กรุ๊ป แดนไตรไม่เหยียบย่างเข้าไปในบริษัทแห่งนั้นอีกเลย ปล่อยให้บัวหอมจัดการร่วมกับที่ปรึกษาใหม่อย่างนพพล นอกจากนี้เขาเริ่มหมางเมินเย็นชากับภรรยา วันทั้งวันแม้จะอยู่ร่วมบ้านกันกลับไม่มีบทสนทนาใดๆร่วมกันเลย แดนไตรเอาแต่นั่งหน้าคอมพิวเตอร์ ทำงานและโทรศัพท์และช่วยดูแลนางอุบลเท่าที่ทำได้ แต่ทั้งคู่จะแสดงความรักใคร่กลมเกลียวเอาใจใส่เพื่อให้นางอุบลสบายใจ ถึงเวลาไม่มีบุคคลอื่นเขาจะไม่พูดจาหวานหูด้วยสักคำ แม้กระทั่งมองหน้ายังเมินหลบไม่สบตา
จริงอยู่ว่าตอนนี้สามีภรรยาต่างใช้ชีวิตเหมือนเป็นคนแปลกหน้าที่อยู่ร่วมบ้านกัน ยามปรกติหมางเมินเย็นชาแต่พอแผ่นหลังสัมผัสเตียงนอนถึงเข้ามาแนบชิด กิจกรรมต่างๆยังคงทำอะไรๆกันเหมือนเดิมเหมือนครั้งเป็นสามีภรรยา เหตุผลเดียวคือเขายังรักและเสน่หาในตัวภรรยามากล้นไม่เสื่อคลาย เพียงแต่มันมีเหตุการณ์ที่ทำให้เกลียดชังกันมากขึ้นเท่านั้นเอง เป็นแบบนี้ใช่ว่าคนเจ็บปวดจะมีเพียงฝ่ายชาย จากที่มั่นอกมั่นใจและสาแก่ใจที่ทวงทุกอย่างคืนจากคนเนรคุณและทรยศหักหลังเขาเป็นการแก้แค้นคืนได้ ตอนนี้เริ่มเจ็บปวดในใจแปลบๆเพราะรู้สึกเหมือนเป็นผู้หญิงไร้ค่ายามที่ถูกเขากกกอด มันดูเป็นเพียงความใคร่กักขฬะ ปราศจากความนุ่มนวลชวนฝันเหมือนวันวาน
คืนนี้เป็นอีกคืนที่เขาขยับเข้ามาใกล้ชิด ตักตวงความหอมหวานของดอกไม้งามบริสุทธิ์จนพึงพอใจแล้วผละจากหันหลังให้เหมือนเคยทุกครั้ง การพูดคุยหรือมองหน้ากันทำให้ทั้งคู่อึดอัดแต่การเงียบเฉยก็ไม่ได้ช่วยอะไร ทุกอย่างมันสายเกินไปแล้ว คืนนี้แดนไตรตัดสินใจแล้วว่าจะนอนที่บ้านของภรรยาเป็นคืนสุดท้าย สถานที่ซึ่งมีความทรงจำมากมายและเป็นเรือนหอที่เขาเคยเชื่อว่า ‘ปลอดภัยและอบอุ่น’ แต่จริงๆแล้วมันคือวิมานอากาศที่หญิงสาวใช้วิชามารสร้างมันขึ้นเพื่อผลประโยชน์บางอย่าง ความสุขและความรักไม่มีอยู่จริงในบ้านหลังนี้และจากผู้เป็นภรรยาคนนี้
คืนนี้แดนไตรไม่อาจข่มตาหลับลงได้จึงลุกขึ้นนอนทาบทับร่างบอบบางที่ยังนอนนิ่งไม่สวมเสื้อผ้าไว้ในอ้อมแขน ฝ่ามือหนาลากผ่านปลีน่องของเรียวขาขาว สายตาลึกล้ำกวาดมองสัดส่วนที่เติบโตงดงามสวรรค์สร้างพร้อมทั้งพยายามจดจ้องทุกอณูรูขุมขนของเธอให้ขึ้นตาขึ้นใจ คราวหน้าจะได้รู้จักชั่งใจกับความใคร่เสน่หาจากอีกฝ่ายให้มาก เพราะรักมากจึงเจ็บปวดและผิดหวังเสียความรู้สึกรุนแรงขนาดนี้ ยิ่งนานวันเข้าความรู้สึกผิดหวังมันยิ่งรุนแรงเหวอะหวะใจอก
“น้องบัวครับ” บัวหอมตัวชาที่อยู่ๆคนที่ไม่พูดกับเธอทั้งอาทิตย์เขาเอ่ยปากเรียก เสียงของเขายังอ่อนโยนต่อเธอเหมือนเดิม สัมผัสจากเขายังอบอุ่นสลับร้อนแรงเสมอ แต่ทุกอย่างมันทำให้ใจของเธอหนาวเหน็บ หญิงสาวรู้สึกผิดขึ้นมาจุกอกเมื่อเห็นความร้าวรานไหลบ่าเต็มดวงตาหม่นหมอง เธอรู้ว่าเขาเจ็บปวดกับเรื่องที่เธอมาอติชนเข้ามาคุยงานเกี่ยวกับการร่วมซื้อหุ้นของเศวต กรุ๊ป หากแต่พอมาถึงบ้านเขาเห็นแดนไตรนั่งอยู่กลับตกลงซื้อขายกันง่ายๆไม่เกี่ยงราคา จากนั้นเริ่มพูดจาหวานหูเกี้ยวพาราสีประหนึ่งจะทำให้ถ่านไฟเก่ามันลุกโชนรื้อฟื้นให้ได้
“ดูคุณอติชนเขาดูรักน้องบัวนะครับ พี่จะยินดีมากถ้าเขากลับมารักและดูแลน้อง เราควรหย่ากันเพื่อที่น้องบัวจะได้ให้โอกาสเขา”
“พี่ตุ่น...” เข้าใจความรู้สึกของคนที่ถูกฟ้าผ่าก็วินาทีนี้ สมองมันมึนตื้อไปหมดกับสิ่งที่ได้ยิน เขาขอหย่ากับเธอทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอกว่ายังรักอยู่มาก
“พี่ว่าเราไม่ควรฝืนที่จะอยู่ด้วยกัน พี่ยินดีที่จะเป็นฝ่ายอธิบายให้คุณนายฟังว่าพี่มีคนอื่นแล้ว” เขายอมเป็นฝ่ายถูกมองว่าเลวร้ายเอง ถึงยังไงก็เพื่อความสุขของเธอคนที่เขารักสุดหัวใจ และถึงยังไงก็เพื่อนเธอที่ไม่เคยมีหัวใจให้เขา
ไม่มีคำตอบหรือคำคัดค้านจากปากของหญิงสาว มีเพียงน้ำตาเม็ดโตที่ไหลหยดลงข้างหางต่อ ก่อนที่ความอัดอั้นที่เหลือจะตามลงมาเป็นสาย
“พี่ขอโทษนะที่ทำให้หนูไม่มีความสุขอย่างที่เคยสัญญาไว้ พี่ขอทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อความสุขของหนูเป็นครั้งสุดท้าย ขอโทษที่แย่งชิงบริษัทหนูไปจนทำให้หนูต้องมาฝืนใจอยู่กับพี่แบบนี้” เขาโทษตัวเองว่าที่บัวหอมต้องแกล้งหลงใหลรักใคร่กันแบบนี้ มันเพราะเธอต้องการบริษัทคืนเลยวางแผนทุกอย่างขึ้น มีเพียงคนโง่อย่างเขาที่ยังยึดมั่นต่อความรักในวัยเด็กในขณะที่คำสัญญาในวัยเด็กมันทำให้บัวหอมอึดอัดใจ “พี่จะให้คุณบุญเลิศทำเรื่องหย่าให้นะ เราจะหย่ากันเงียบๆและพี่จะทำทุกอย่างเพื่อปิดข่าวการหย่าของเราเพื่อให้หนูไม่ต้องกังวลกับข่าวฉาวๆนั่นอีก” แดนไตรรู้สึกเหลือเชื่อในตัวเองที่ยังคงพูดเรื่องหย่าขาดกับภรรยารักได้ด้วยเสียงที่มั่นคง ถ้าเพื่อความสุขสบายใจของน้องนาง เจ็บปวดแค่ไหนเขาก็ยอม คนที่เกิดมากำพร้า ไร้ญาติขาดมิตรมันเหมาะสมที่สุดที่จะชินชากับความเดียวดาย
ร่างบางได้แต่นอนนิ่งพะงาบๆน้ำตาไหล ช็อกไปทุกสัดส่วนกับสิ่งที่ได้ยิน จะร้องยังร้องไม่ออก จะพูดจะท้วงทุกอย่างก็อุดตันอยู่ที่คอไม่สามารถเปล่งเสียงได้เลย รู้แล้วว่าทุกอย่างที่มันพังลงมันพังเพราะเธอเอง แต่แทนที่จะยินดีที่เขายอมไปแต่โดยดี แต่เธอไม่เข้าใจความรู้สึกร้าวรานนั้นว่าทำไมมันมีมากจนกลบความยินดีสาสมแก่ใจไว้จนมิด
“พี่โล่งใจจังเลยผู้หญิงที่พี่รักสองคนกำลังจะมีความสุข รีนได้แต่งงานกับคนที่ดูแลเขาได้ ส่วนน้องบัวได้กลับมาอยู่กับคนที่ตัวเองรักเสมอมา” ซึ่งไม่ใช่เขาที่กำลังน้ำตาตกใน รักคนที่ไม่เคยรักตนมันเจ็บปวดแบบนี้นี่เอง นึกแล้วสงสารสิรินนภาที่ถูกเขาปฏิเสธรักครั้งแล้วครั้งเล่า
สิ่งที่ได้ยินเขาพูดถึงผู้หญิงคนอื่นทำให้สติของบัวหอมกลับคืนมาก ทุกอย่างที่เขาพร่ำพูดมันไม่ใช่เพื่อนเธอเพียงคนเดียวแต่ทุกอย่างมันเกี่ยวโยงกับผู้หญิงที่ชื่อสิรินนภาและผู้ชายที่ชื่อนพพล เขาอาจจะยอมแต่งงานกับเธอเพื่อนให้สิรินนภาไปแต่งกับนพพลและใช้ความเป็นเพื่อนหลอกเอาข้อมูลจากนพพลซึ่งเป็นคู่แข่งและเป็นสามีของเพื่อนรักเหมือนวิธีการเดียวกันกับที่เธอเคยทำมาก่อนจนได้เศวต กรุ๊ปคืนมา “อย่ามาอ้างว่าทำเพื่อคนอื่นเลยค่ะ คุณเองก็แผนสูงเหมือนกัน” กระแทกกระทั้นเสียงใส่
“แผนสูงงั้นเหรอ” ย้อนถามอย่างขมขื่นในใจ เข้าใจว่าถูกต่อว่าที่แย่งชิงตำแหน่งประธานบริษัทเศวต กรุ๊ป ใครจะรู้ข้างในว่าเขาต้องแบกรับความกดดันอะไรบ้างที่ต้องเข้ามานั่งตำแหน่งประธาน กุมบังเหียนบริหารธุรกิจในบริษัทที่กำลังจะพังเพราะคนในและคนนอกต่างรุมแย่งชิงผลประโยชน์อย่างหน้าซื่อแต่ใจคด ต้องแบกรับความหวังของผู้มีพระคุณอย่างนางอุบลที่หวังว่าเขาจะช่วยเธอทั้งปลดหนี้หลายร้อยล้าน ช่วยกู้วิกฤติเศรษฐกิจในบริษัทแล้วยังต้องช่วยดูแลจิตใจลูกสาวคนเดียวที่ต้องกลายเป็นบุคคลล้มละลาย และที่สำคัญยังถูกเธอมองว่าเป็นฝ่ายฉ้อโกงจนต้องวางแผนทวงคืนทุกอย่าง และยังถูกเธอใช้วิธีเจ็บแสบที่สุดในการทวงคืนทุกสิ่งทุกอย่าง
“จะหย่าก็หย่าไม่ต้องพูดอะไรมาก หย่าจากบัวไปพี่ตุ่นก็มีคนอื่นพร้อมจะดามใจ แม้จะไม่ใช่คุณรีนแต่ก็ยังมีลูกจัน”
“หมายความว่าไง” เป็นอีกครั้งในชีวิตที่เขาผิดหวังต่อจิตใจของผู้หญิงที่ชื่อบัวหอมอันเป็นที่รัก เขาดึงเด็กบริสุทธิ์ไร้เดียวสาอย่างลูกบุญธรรมของเขามาเกี่ยวด้วย
“ฮึ! ก็หมายความตามนั้นแหละค่ะ เดี๋ยวนี้เขายังนิยมรับลูกบุญธรรมมาเลี้ยงโดยไม่หวังอะไรอยู่เหรอคะ อย่างน้อยๆพ่อบุญธรรมก็คงจะรับเลี้ยงลูกสาวเพื่อให้วันหนึ่งหล่อนเติบโตขึ้นมาเป็นเมียเล็กเมียน้อยไงล่ะ” จำเป็นต้องแสดงให้เห็นถึงทัศนคติที่เลวร้ายเพราะเธออยากให้เขาเกลียดและด่าทอ เพื่อจะได้จากกันอย่างเกลียดชังไปเลยไม่ต้องค้างคาใจว่าเขายังรักเธออยู่หรือไม่
“ลูกจันจะต้องไม่มีวันเป็นแค่นางบำเรอของใคร!”
“ก็รอเป็นของพี่ตุ่นไงล่ะ”
วิธียุติคำพูดร้ายกาจที่เขามักจะใช้กับบัวหอมคือการจูบ รสจูบรุนแรงขมปร่าจุดไฟปรารถนาให้ลุกโชน เรี่ยวแรงถาโถมคล้ายลงทัณฑ์ในทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอทำมันลงไป ทำอย่างเลือดเย็นหลอกลวงจิตใจให้เขาหลงใหลรักใครหัวปักหัวปำ ใช้เสน่หาเล่ห์มารยาหญิงมัดจิตมัดใจของเขาจนสยบยอมทุกที และในขณะเดียวกันสัมผัสทุกอย่างคล้ายจะเป็นการสั่งลาความรักที่อยู่ในใจของเขามานานหลายสิบปีให้ถอดถอนออก เพราะตอนนี้เขารู้ซึ้งแล้วว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันปราศจากความรักโดยสิ้นเชิง เธอไม่ได้จริงใจ ระหว่างเรานั้นมันไม่เคยมีความหมายอะไรเลย นอกจากเพื่อบริษัทและเพื่อการทำลายคนที่แย่งทุกอย่างของเธอไป
แดนไตรผล็อยหลับไปตอนตีสามหลังจากทำเนื้อตัวของอีกฝ่ายมีรอยแดงเต็มไปทั่วตัว บัวหอมหันไปจ้องหน้าตาหล่อเหลาคมคายของคนที่นอนอยู่ข้างๆ ในใจเจ็บปวดกับความรู้สึกสับสนทั้งรักทั้งแค้น ยิ่งชังมากเท่าไหร่ก็ยิ่งรักมากเท่านั้น นิ้วเรียวบางขยับไปนวดคลึงระหว่างคิ้วดกหนาที่กำลังขมวดคล้ายคนหลับกำลังเผชิญเรื่องตรึงเครียด ถ้าหากว่าตั้งแต่ต้นเขาไม่แย่งชิงบริษัทของเธอไป ทุกวันนี้ที่อยู่ด้วยกันคงเต็มไปด้วยความหอมหวานของความสุขล้นใจ
ร่างบางขยับพาร่างแดงระเรื่อของตนนั่งลงข้างเตียง กอดเข่าหนาวเหน็บหัวใจกับทุกอย่างที่ทำลงไปและถูกเขากระทำ ซุกหน้าร้องไห้ด้วยความเสียใจและเสียขวัญ...อย่างเงียบกริบ “บัวขอโทษพี่ตุ่น บัวขอโทษ ฮือ บัวขอโทษพี่ตุ่น ยกโทษให้บัวด้วย ฮือ....ฮือ ยกโทษให้บัวด้วยนะคะ บัวรักพี่แต่ทำไมพี่ถึงต้องหักหลังกันด้วย” ได้แค่พูดในใจอย่างอัดอั้นจุกอก เขารู้ทุกอย่างว่าเธอกำลังทำอะไรและมีแผนจะทำอะไร แต่ยอมปิดตาข้างเดียวเพราะรักและเชื่อว่าเธอรักเขา ทั้งๆที่โชคดีได้รับความรักจากเขาอย่างมากมาย ความแค้นและโกรธเคืองโง่เขลาทำให้ทำลายความรู้สึกของคนที่รักและหวังดีต่อเธออย่างสุดหัวใจ เหยียบย่ำความรักที่เขามีให้อย่างไร้ค่า
ความสัมพันธ์ติดลบของแดนไตรและบัวหอมเริ่มเป็นที่รับรู้และส่งผลกระทบต่อคนกลางอย่างสกาวเดือน เด็กสาวรับรู้ความผิดปรกติเหล่านี้ดีแต่ไม่อาจช่วยอะไรได้ วันที่พ่อบุญธรรมเก็บของย้ายออกจากบ้านของอดีตภรรยา คืนนั้นทั้งคืนเขากลับมานั่งชันเข่าอยู่บ้านและร้องไห้อย่างหมดยางอายลูกผู้ชายและหลังจากร้องจนสาแก่ใจก็เปลี่ยนเป็นคนนิ่งขรึมแต่ดูอมทุกข์และเหนื่อยล้าตลอดเวลา“อย่าคิดมากเลยนะ” เสียงนุ่มนวลปลอบประโลมเด็กสาวตรงหน้าหลังจากเห็นเธอถอนใจรอบที่ร้อยของวันนี้ไม่อาจรวบรวมสมาธิตั้งใจติวหนังสือเตรียมพร้อมสำหรับการเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้“หนูสงสารพี่ตุ่นค่ะพี่รีน” เด็กสาวบอกกับเพื่อนสนิทของแดนไตรที่พักนี้กลายเป็นแขกประจำของบ้านอีกครั้ง หลังจากที่เขาย้ายกลับมาพักประจำที่บ้านของตนเองตามคำร้องขอของสกาวเดือนที่ต้องการติวเนื้อหาวิชาต่างๆก่อนเข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัยโดยให้อาจารย์สาวมาช่วยติวเข้มเตรียมความพร้อมสำหรับนิสิตคณะบริหารธุรกิจ วันนี้ก็เช่นกันที่สิรินนภามาเยี่ยมและอยู่เป็นเพื่อนคนอกหักพึ่งหย่าเมีย เธอรู้ว่าช่วงนี้เพื่อนรักต้อการกำลังใจมากที่สุด พร้อมๆกับต้องการหม้อไฟแมงกะพรุนของโปรดของเขาด้วย“ไม่ต้องคิดมา
“มันก็อร่อยพอๆกับที่คุณกินจากฉันกับตุ่นแหละค่ะ” เถียงกลับหวังจะให้เขาโกรธจนเต้นเหมือนเธอบ้าง จ้องตาประสานกันร้อนแรงแผดเผา ทีเขายังไปมาหาสู่และติดต่อกับบัวหอมได้และเธอยังไม่ได้คิดอกุศลแบบนั้น แล้วทำไมเธอจะติดต่อกับแดนไตรไม่ได้ ในเมื่อเธอกับเพื่อนคนนี้สนิทกันมากกว่าสิบปี “ฉันรักตุ่นและสนิทสนมกับเขามาเป็นสิบปี นานเสียยิ่งกว่าจะรู้ว่ามีคนอย่างคุณอยู่บนโลกใบนี้เสียอีก” หวังจะให้เขาเจ็บแสบบ้างแต่นั่นมันเหมือนดาบสองคมที่จะย้อนกลับมาทำร้ายเธอทีหลัง“รีน” เสียงเข้มข้นเรียกชื่อหญิงสาว เป็นการปรามว่าเธอดูถูกผู้ชายอย่างเขามากเกินไป จนลืมตัวไปว่า ตนนั้นก็ดูถูกเธอด้วยประโยคความหมายเดียวกัน แต่แค่เปลี่ยนรูปประโยคเท่านั้น แต่อย่างว่า ด้านตัวเองมักสว่างเสมอ“เรียกทำไมคะ กลัวจะลืมชื่อเมียตีทะเบียนคนนี้เหรอ ฮึ! ฉันเคยเชื่อมาตลอดว่าให้ฟังและทำตามสิ่งที่แม่เตือนฉันอยู่ซ้ำๆ แต่พอฉันทำตามแม่เรื่องแต่งงานกับคนอย่างคุณ!” พูดถึงตรงนี้ก็ได้แต่เงียบ จุกอกพูดไม่ออก ส่งได้แค่สายตาอ้างว้างผิดหวัง เหยียดหยามในความโง่เขลาของตัวเอง“โอ้ย!” ร่างบางถูกจับกระชากเข้ามาเผชิญหน้า สายตาจัดจ้าก้มเข้ามาใกล้ คาดคั้นให้เธอปริปาก
บทที่ 1วัดเก่าย่านชุมชนแออัดของเมืองหลวง เป็นสถานที่เงียบสงบที่นางอุบลเลือกมาทำบุญในวันครบรอบวันเกิดอายุหกสิบปี และครบรอบหนึ่งปีของการจากไปของสามีสุดที่รักถึงแม้การแต่งกายหรูหรากับใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางจะฉาบเคลือบความชราจนมิด แต่แววตาอิดโรยจากอาการเจ็บป่วยภายในและความเหนื่อยยากจากการบริหารงานบริษัทแทนสามียังคงฉายชัดออกมาให้ผู้พบเห็นรู้สึกไม่สบายใจ“โยม มาวัดแล้วทำไมทำหน้าเศร้านักล่ะ” หลวงตาเอ่ยทักด้วยความเมตตาหลังจากนั่งลงที่อาสนะ เตรียมพร้อมสำหรับให้ศีลให้พรแก่ญาติโยมที่มาทำบุญที่วัด นางอุบลเป็นญาติโยมที่มักจะนั่งรถจากใจกลางย่านธุรกิจของเมืองหลวงมาสู่ชุมชนแออัดกลางเมืองเพื่อทำบุญที่วัดนี้อยู่เป็นประจำ จนมีความสนิทสนมกับคนในวัดนี้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะลูกสาวของนางที่เป็นเพื่อนเล่นกับเด็กวัดที่นี่อย่างไม่ถือตัว“นมัสการเจ้าค่ะหลวงพ่อ” ก้มลงกราบสามครั้งก่อนจะเก็บกลืนความไม่สบายใจลงคอ ไหนๆ วันนี้ก็เป็นวันคล้ายวันเกิดเลยอยากจะทำจิตใจให้สบาย “วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดดิฉันค่ะ เลยอยากจะมาทำบุญ แล้วก็อยากมอบทุนการศึกษาให้กับโรงเรียนวัดด้วย จะได้เอาไว้ให้เด็กในชุมชนกับเด็กวัด”“เจร
บท 2บัวหอมเข้ามาทำงานในบริษัทในตำแหน่งกรรมการฝ่ายการตลาด ด้วยความที่เธอชำนาญการใช้ภาษาต่างประเทศถึงหกภาษา ทำให้การทำงานกับตลาดต่างประเทศของบริษัทเศวต กรุ๊ป มีความคล่องตัวมากขึ้นด้วยความครอบคลุมภาษาประเทศหลัก ญี่ปุ่น สเปน จีนกลาง อังกฤษ ฝรั่งเศสและเยอรมัน และความละเอียดรอบครอบด้านเอกสาร ไม่ถึงหนึ่งเดือนเธอได้รับคำชื่นชมในการทำงาน จากกรรมการบริหารทุกคน จะมีข้อตำหนิก็อยู่ที่เป็นคนขี้โวยวายและทำตัวหักหน้าไม่ให้เกียรติประธานบริษัทคนใหม่อย่างแดนไตรสำหรับแดนไตร ประธานบริษัทคนใหม่พิสูจน์ตัวเองจนได้รับการยอมรับโดยการทำให้สองไตรมาสแรกของปีงบประมาณไม่อยู่ในภาวะขาดทุน ผลของการนำเงินเก็บส่วนตัวมาอัดฉีดลงทุนกับการโปรโมทให้เศวต กรุ๊ปกลับมาโดดเด่น โด่งดังอีกครั้ง บวกกับความเป็นคนรุ่นใหม่ที่เก่งกาจจากดีกรีปริญญาเอกการเงินและการลงทุนจากวอชิงตันอเมริกา และยังติดโผหนุ่มโสดเนื้อหอมที่มีแฟนคลับตามติดแม้ไม่ได้เป็นดารานายแบบ ยิ่งช่วยให้บริษัทภายใต้การบริหารของคนรุ่นใหม่ไฟแรงเป็นที่น่าสนใจในการลงทุนร่วมหุ้นมากขึ้นบ่อยครั้งที่หนังสือพิมพ์หน้าข่าวสังคมลงภาพและข่าวคราวของแดนไตรในเรื่องของกิจกรรมสาธารณประโยชน์
บท 3ในวันหยุดยาวชดเชยวันสำคัญของคนชาวไทย บ้านของสิรินนภายามนี้ถูกจับตกแต่งราวกับราชวังในนิทาน เพื่อเป็นการต้อนรับปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้หลักผู้ใหญ่ที่ทางครอบครัวฝ่ายชายขอความกรุณามาเป็นธุระเรื่องการทาบทามสู่ขอลูกสาวบ้านนี้อย่างเป็นทางการ อาจารย์สาวไม่ค่อยแปลกใจกับการต้อนรับแขก เธอเข้าใจว่าเป็นการทาบทามสู่ขอน้องสาวคนเดียวของเธอที่ตอนนี้คงจะคบหากับแฟนหนุ่มจนความรักสุกงอมหอมหวาน เธอมีแก่ใจช่วยทำน้ำใบเตยเย็นชื่นใจต้อนรับแขกเหรื่อที่แม่ตื่นเต้นนักหนา“แขกรับน้ำดื่มเรียบร้อยแล้วค่ะคุณรีน เดี๋ยวทางนี้ป้ารับผิดชอบต่อเอง คุณรีนขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนผ้าเถอะนะคะ” ป้าจอมบอกกับคุณหนูน้อยคนงามด้วยรอยยิ้มหวาน วันหยุดว่างจากการสอนทั้งทีคนอย่างอาจารย์สิรินนภายังไม่ยอมอยู่เฉย ตื่นแต่เช้าลงมาช่วยหยิบจับงานครัวจนเรียบร้อย หลังจากที่ได้ยินคนเป็นแม่บอกถึงนัดหมายว่าจะมีแขกสำคัญมาเยี่ยมเยียนและพูดเรื่องสำคัญ“จ่ะป้า” หญิงสาวรับคำยิ้มๆ ถอดผ้ากันเปื้อนและเดินกลับห้องนอนของตนที่อยู่ชั้นสองของตัวบ้าน แต่ไม่อายแอบมองไปที่โถงใหญ่รับแขก ซึ่งตอนนี้มีแขกคนสำคัญของคุณแม่นั่งอยู่เต็มไปหมด“เอ...แล้วเจมส์ไปไหน” ถามกับตัวเ
บทที่ 5 บ่วงเสน่หาบริษัทเศวต กรุ๊ปได้รับคำเชื้อเชิญให้ร่วมพิธีเปิดอาณาจักรโรงงานอาหารแปรรูปข้ามชาติในจังหวัดหนึ่งติดทะเลอ่าวไทย พิธีการถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เพราะเป็นอภิมหาโครงการที่มีการลงทุนในระดับข้ามชาติ ดังนั้น เศวต กรุ๊ปและแดนไตร ในฐานะที่ปรึกษาโครงการต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองการพัฒนาอีกขั้นของอุตสาหกรรมอาหารแปรรูปครั้งนี้ด้วย ทีแรกบัวหอมไม่ประสงค์ที่จะร่วมเดินทางมางานเลี้ยงครั้งนี้เพราะถือว่าตนไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรกับการลงทุนครั้งนี้ แต่ก็มีบัตรเทียบเชิญในนามบริษัทและเธอไม่ยินยอมหากแดนไตรจะได้ไปร่วมงานในนามของบริษัทแต่เพียงผู้เดียว เพราะเศวต กรุ๊ปคือบริษัทของเธอ‘ถ้าไม่ได้ชื่อเสียงของเศวต กรุ๊ป ก็ไม่มีใครเขาจ้างเศรษฐีหน้าใหม่อย่างแกมาให้คำปรึกษาหรอก’ คุณหนูคนงามยังคงมองด้านเดียว เธอไม่ได้มองว่าแดนไตรเป็นฝ่ายทำทุกอย่างเพื่อสร้างเครดิตให้กับบริษัทของเธอ และเขาได้ช่วยทำให้บริษัทที่ใกล้จะถึงจุดล่มสลายได้กลับกลายเป็นที่รู้จักในตลาดหลักทรัพย์และในแวดวงศ์ธุรกิจอีกครั้ง ทั้งๆที่เขาจะอ้างถึงเพียงชื่อของเขา นายแดนไตร วิริยะกิจ เจ้าพ่อตลาดหลักทรัพย์ที่ประสบความสำเร็จในทางธุรกิจและการลงท
บทที่ 4โจรปล้นจูบเพียงต้องการจะป่วนประสาท เธอถึงกับยอมล้มลงเพื่อให้ดูเหมือนพลัดตกบันได เพื่อให้แดนไตรปฏิเสธนัดที่มีต่อสิรินนภาและมาเฝ้าไข้เธอที่มีอาการบาดเจ็บ ทั้งๆที่เขาสัญญาจะพาอีกฝ่ายกลับบ้านผลการรักษาพบว่าคนเจ็บไม่เป็นอะไรมากแต่เนื่องจากบัวหอมซึมลงอย่างเห็นได้ชัดจนแดนไตรร้อนใจและอยากให้เฝ้าดูอาการอีกคืนหนึ่งจึงขอหมอให้เธอแอดมิด“น้องบัวเป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนไหมครับพี่จะไปตามหมอมาให้” เกือบค่อนคืนเขานั่งเฝ้าไม่ไปไหน แม้แต่เสียงโทรศัพท์ที่ดังยังไม่ยอมลุกขึ้นไปรับ“เจ็บค่ะ”“เจ็บตรงไหน เจ็บมากไหมพี่จะไปตามหมอนะ” รีบลุกกระวีกระวาดแต่มือบางจับคว้าแขนเขาไว้พร้อมทั้งออกแรงบีบแน่น ยิ่งเขาถามด้วยท่าทีอ่อนโยนเป็นห่วง ก็ยิ่งมีความสับสนมากขึ้น“ทำไมต้องทำเหมือนเป็นห่วงกันทั้งๆที่ถ้าไม่มีฉันสักคนคุณก็เป็นเจ้าของบริษัทได้โดยไม่มีใครตั้งคำถามหรือข้อครหาอยู่แล้ว คุณควรจะดีใจนะที่เห็นฉันเจ็บยิ่งฉันตายยิ่งต้องดีใจเพราะทุกๆอย่างมันจะเป็นของคุณโดยสมบูรณ์ไม่ต้องมาคอยทำท่าทางไม่ต้องการบริษัทฉันอย่างที่ทำอยู่ทุกวัน” เค้นเสียงอย่างอัดอั้น ยิ่งมองหน้ายิ่งสับสนละคนผิดหวัง ชายหนุ่มไม่ตอบเพราะในใจรู้ดีว
บทที่ 6ก่อนหน้านั้น...บทรักอ่อนหวานที่กินเวลาจนย่ำรุ่งไม่ได้ทำให้สาวที่พึ่งสูญเสียความบริสุทธิ์และก้าวผ่านความเจ็บปวดฉีกขาดนั้นจับไข้หรือเป็นอะไร แต่ทว่ากลับเป็นฝ่ายชายหนุ่มที่มีอาการหนักหัวจนลุกจากหมอนไม่ได้ เขาคิดจนหัวแทบระเบิดว่าเมื่อวานทำกิจกรรมอะไรที่ส่งผลให้มีอาการครั่นเนื้อตัวและหนักหัวคล้ายจะเป็นไข้หวัดแบบนี้ก็ยังคิดไม่ออก เพราะถ้ากิจกรรมเข้าจังหวะแนบชิดเมื่อคืนคงจะไม่ใช่สาเหตุหลักเพราะเขาทำกับหญิงสาวคนอื่นๆมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วจนกระทั่งคิดออกว่าเมื่อวานตอนมื้อค่ำ เขาได้กินกุ้งทะเลและหอยนางรมเข้าไป เนื่องจากตอนเด็กเป็นเด็กวัด ถูกเลี้ยงมาด้วยข้าวก้นบาตรจากพระอาหารดีๆหรูๆจึงคล้ายกับเป็นของแสลงท้อง โดยเฉพาะกุ้งทะเลตัวใหญ่ๆและหอยนางรมสดๆที่ตั้งแต่แรกเกิดกำพร้าพ่อแม่ก็ยังไม่เคยเอาเข้าปาก จนถึงทุกวันนี้อาหารประจำของเขายังเป็นอะไรที่ง่ายๆไม่พิสดาร เมื่อคืนพอได้กินอะไรพิสดารขึ้นหน่อยสงสัยจะมีอาการแพ้ขึ้นมา“ความจริงแล้วควรจะเป็นบัวมากกว่านะคะที่ป่วยแล้วพี่ตุ่นต้องดูแล” พยาบาลจำเป็นบ่นกระปอดกระแปดในระหว่างที่เตรียมน้ำเต้าหู้นมสดสูตรร้อนใส่แก้วให้คนป่วย เมื่อตอนสายตื่นขึ้นมาแล้วพบว่า