วันนี้ที่สวนร่มรื่น หลังมื้ออาหารที่สั่งพิซซ่ามากินทั้งคู่เลยไปเดินเล่นบริเวณสวนสาธารณะหน้าหมู่บ้าน ในระหว่างทางชายหนุ่มสูบบุหรี่ควันฉุย เพื่อดับความตรึงเครียดในหัวที่ต้องมาทำอะไรอย่างนี้ เขาเกลียดการเดินเรื่อยเปื่อยอย่างเสียเวลาแบบนี้แต่ก็ถูกสาวเจ้าเรียกร้องให้พาออกมา เขาไม่ชอบการเดินคุยกันไปเรื่อยๆที่เหมือนจะจีบกันเพราะคนอย่างอติชนไม่จำเป็นต้องจีบใคร แค่ขึ้นเตียงและทดสอบว่าเข้ากันได้ไหมเท่านั้นก็พอ แต่ก็จำต้องออกมาด้วยเพื่อสร้างภาพลักษณ์ดีๆให้เธอไว้เนื้อเชื่อใจ เพราะสาวน้อยท่าทางหน้าโง่คนนี้นี่แหละจะเป็นฟันเฟืองหลักในการล้างแค้นทำลายความสัมพันธ์ระหว่างบัวหอมและแดนไตรชนิดที่ไม่สามารถงอกเงยออกมาได้ใหม่ในระหว่างเดินเล่นในสวนสาวน้อยคุยเจื้อยแจ้วตลอดทาง จะเงียบก็เฉพาะตอนที่ในมือนั้นถือโทรศัพท์ เด็กสาวติดนิสัยเวลาเดินชอบเล่นมือถือ เธอเอาแต่ก้มหน้าก้มตาเดินกดมือถือจนแทบไม่ได้ดูทาง ในขณะที่อติชนเองก็ไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก เพราะเขากำลังสูบบุหรี่อัดนิโคตินแก้ความตรึงเครียดที่สะสมตั้งแต่กลับมาทำงานที่ไทยและช่วงที่บัวหอมเข้ามาวนเวียนในชีวิตและจากไปก็ยิ่งทำสถิติสูบจัดมากขึ้น“ว๊าย!” อยู่ๆเสียง
ช่วงเย็นของทุกๆวันสิรินนภาจะมาสอนหนังสือให้กับสกาวเดือนเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับเข้าเรียนมหาวิทยาลัย แต่วันนี้ยังไม่ทันได้เริ่มต้นเรียนพ่อบุญธรรมของเธอได้กลับมาบ้านก่อนเวลา สีหน้าของเขาเคร่งเครียดมายืนมองหน้าอาจารย์ของเธอคล้ายมีเรื่องให้ช่วยเหลือ ก่อนที่ทั้งคู่จะแยกตัวไปคุยกันที่อื่นโดยไม่ให้เด็กสาวได้ยิน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน เช่นแอบฟังเรื่องที่ผู้ใหญ่คุยกันสิ่งที่ได้ยินมันทำให้กังวลจนแทบไม่เป็นอันเรียนหนังสือเมื่อได้ยินสิรินนภาพูดคุยกับพ่อบุญธรรมของเธอถึงเรื่องการกลับมาคืนดีกันและมีแนวโน้มจะกลับมาอยู่ร่วมกันอีกครั้งระหว่างสามีและภรรยาที่หย่าขาดจากกันไป เพราะไหนๆก็ถึงขั้นตั้งท้องแล้วและการจะปล่อยให้คนท้องอยู่บ้านคนเดียวก็น่าเป็นห่วง ด้วยความกังวลร้อนใจเธอรีบเอาเรื่องนี้โทรไปปรึกษาอติชน เขาชี้แนะให้เธอคัดค้านหัวชนฝา หากไม่อยากเห็นพ่อบุญธรรมสุดหล่อเหมือนตกนรกทั้งเป็นจากผู้หญิงเห็นแก่ตัวและไม่เคยรักใครนอกจากตัวเองอย่างบัวหอมวันนี้เธอตัดสินใจแล้วว่าจะคุยกับเขาให้รู้เรื่อง เด็กสาวเลือกทำตามที่อติชนแนะนำขั้นแรกคือบอกออกไปตรงๆ เด็กสาวเลือกใช้เวลาตอนเช้าที่แดน
ได้ยินพ่อบุญธรรมต่อว่าเป็นครั้งแรก ในใจก็พลันเดือดดาลไปถึงผู้หญิงเห็นแก่ตัวคนนั้นขึ้น เธอหวังดีแท้ๆอติชนก็ย้ำอยู่ทุกวันว่าผู้หญิงอย่างบัวหอมเห็นแก่ตัว จะมีแต่เสียใจหากยังไม่เลิกแล้วต่อกันเด็ดขาด “หนูไม่อยากให้พี่ตุ่นเป็นทุกข์เพราะผู้หญิงแบบนี้อีกแล้ว คนที่เห็นแก่ความรู้สึกของตัวเองจนทำร้ายความรู้สึกคนอื่น เห็นแก่ตัวที่สุดและหนูว่าเขาไม่ได้ป่วยเขาแค่เรียกร้องความสนใจ”“ลูกจัน อย่าก้าวร้าวกับผู้ใหญ่”“ไม่ได้ก้าวร้าวค่ะ ถ้าพี่ตุ่นอยากเห็นหนูก้าวร้าวจริงๆ หนูจะไปบอกคุณบัวเองว่าอย่ามายุ่งกับครอบครัวเราอีก และเลิกทำให้พี่ตุ่นเสียใจได้แล้ว” เมื่อคิดได้ว่าจะใช้วิธีใดเพื่อปกป้องพ่อบุญธรรมร่างเล็กจึงรีบวิ่งไปขึ้นรถแท็กซี่ที่อยู่หน้าปากซอย มีจุดหมายคือบ้านของคุณหนูบัวหอม คนที่ทำให้ใจของพี่ตุ่นเป็นทุกข์หนักหนา เธอจะไปบอกบัวหอมว่าไม่ให้ทำตัวเรียกร้องความสนใจกับพี่ชายเธออีกแดนไตรตกใจที่เห็นท่าทีก้าวร้าวจากเด็กสาวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เข้าใจว่าเธอเป็นห่วงแต่มันไม่ใช่เรื่องของเด็ก พอตั้งสติได้ร่างสูงจึงรีบไปที่รถของตนเพื่อจะขับตามแท็กซี่คันดังกล่าวที่ไม่แน่ว่าอาจจะมีปลายทางเป็นบ้านของอดีตภรรยาของ
หลังจากทะเลาะกัน เด็กสาวกลับมาเก็บข้าวของด้วยอารมณ์ชั่ววูบเตรียมจะหนีออกจากบ้าน รีบโทรติดต่อขอความช่วยเหลือจากอติชนที่หวังดีต่อเธอที่สุดในยามนี้ “คุณอาร์ต พี่ตุ่นเขาต่อว่าหนูที่หนูไปก้าวร้าวใส่คุณบัวหอม หนูไม่อยากอยู่กับเขาแล้ว” รีบกรอกเสียงลงไปทันทีที่ปลายสายกดรับสาย“ใจเย็นๆนะ เกิดอะไรขึ้น” ชายหนุ่มปลายสายละมือจากเอกสารการลงทุนตรงหน้าเพื่อฟังในสิ่งที่สกาวเดือนละล่ำละลักบอก “ถ้าอย่างนั้นนั่งแท็กซี่มาที่บริษัทฉันก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวเราค่อยคุยกันตกลงไหม หยุดร้องไห้ก่อนนะเดี๋ยวฉันจะฟังไม่รู้เรื่อง”อติชนมีจิตวิทยาที่ถูกใจคนน้อยใจมากที่สุดในยามนี้ โดยทำให้เธอรู้สึกมีคนที่อยู่เคียงข้างความเจ็บปวดที่เหมือนถูกพ่อบุญธรรมทอดทิ้ง เพียงเพราะเขากำลังมีลูกน้อยคนใหม่ ลูกที่โตเป็นสาวแล้วอย่างเธอก็หมดความสำคัญ พี่ตุ่นที่เคยใจดี อ่อนโยนในตอนนี้ตวาดเธอเสียงดุดันที่ไปแตะต้องล่วงเกินอดีตภรรยาและลูกของเขาหลังจากวางสายแววตาและท่าทีอ่อนโยนเมื่อครู่ของอติชนพลิกผันเป็นยิ้มเยาะ ซาตานวายร้ายแทบระเบิดเสียงหัวเราะออกมาสุดเสียงอย่างสาแก่ใจ ไม่ได้บัวหอมก็ขอทำลายอีกคนที่เหมือนเป็นดวงใจของแดนไตร! นี่คือปณิธานที่เขา
เพื่อให้คนประสบปัญหาครอบครัวได้รับความสบายใจขึ้น อติชนได้ชักชวนเด็กสาวลงไปผับของทางโรงแรมที่อยู่ชั้นใต้ดินในช่วงค่ำของวันนั้น ในสถานที่ที่มีดนตรีเสียงดัง ผู้คนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติกำลังขยับตัวไปตามจังหวะเพลงในอาการมึนเมา ในพื้นที่สนุกสนานนี้ไม่มีคำถามที่ทำให้ทุกข์ตรมมารบกวนใจมีเพียงความสนุกสนานที่ปลดปล่อยออกมา“ลองดื่มนี่ดูสิ น้ำผลไม้รวมหวานๆอร่อยนะ” สำหรับคนไม่เคยดื่มแอลกอฮอล์อติชนนั้นสั่งน้ำผลไม้ผสมเตกิล่าให้เพื่อจะได้ดื่มง่ายๆ สกาวเดือนรับมาดื่มอย่างอยากรู้อยากลอง รสชาติแรกรับทำให้คนไม่เคยตื่นเต้นแต่ก็วางใจไว้ใจเชื่อในสิ่งที่เสียงทุ้มปลอบโยน เธอดื่มมันรวดเดียวจนหมดไปหนึ่งแก้ว 8 ออนซ์ ให้คนชวนมายิ้มออกว่ามีเพื่อนร่วมเมามาย เขากำชับกับพนักงานว่าให้เติมเครื่องดื่มให้เธออย่าให้ขาดช่วงขาดตอน ปล่อยให้เด็กสาวได้เมามายและลืมเลือนความผิดหวังที่เผชิญจนหนีออกจากบ้าน“เต้นสิ อยู่ในผับเราก็ต้องเต้นดูอย่างโต๊ะอื่นเขายังเต้นสนุกสนานเลย” ตะเบ็งเสียงแข่งกับความดังของดนตรีชักชวนให้เด็กสาวขยับตัวเต้นตาม บรรยากาศสนุกจะทำให้ลืมเรื่องเศร้าได้ เด็กสาวทำตามที่เขาบอกอย่างว่าง่าย แม้จะขัดเขินเพราะไม่เคยเ
“ลูกจัน ฉันคิดว่ามันจะดีกว่านะถ้าคนที่ได้อยู่ข้างๆนายตุ่นเป็นลูกจัน” คำง่ายๆแต่ความหมายสุดลึกล้ำ เขาจะฝึกสอนให้เด็กคนนี้เป็นผู้หญิงที่เข้าไปแทรกกลางระหว่างใจของแดนไตร ให้มันมาหลงใหลใคร่รักในเด็กสาวคนนี้แทนการพยายามกลับไปคืนดีกับภรรยาเก่า เด็กวัดอย่างแดนไตรไม่สมควรได้บัวหอมตั้งแต่ต้น เขาแค้นแทบบ้าที่รู้ว่ามันคือคนที่ได้แต่งงานกับหญิงที่เขาตามจีบอยู่หลายปี“หนูก็อยู่กับพี่ตุ่นทุกวันอยู่แล้ว เราอยู่บ้านเดียวกัน” ตอบเสียงอ้อแอ้พร้อมทั้งขยับตัวปลดชุดกระโปรงรุ่ยร่ายให้คลายความอึดอัดออก อากัปกิริยาไร้จริตแต่มันช่างเย้ายวนจนชวนให้ชายหนุ่มน้ำลายหก แทบจะไขว้เขวเจตนาว่าจะรอให้อีกฝ่ายสมยอมเอง“ฉันหมายถึงเธอแต่งงานกับนายตุ่นแทนบัวหอมน่ะ” กว่าจะหาเสียงตัวเองเจอสายตาก็แทบหลงทางไปกับเนินอกอิ่มของคนมีเนื้อมีหนังที่ปกปิดหมิ่นเหม่ใต้เสื้อหลุดล่น“หนูพึ่งอายุสิบแปดเองนะคะ หนูจะแต่งงานได้เหรอ อีกอย่างพี่ตุ่นรักหนูเหมือนน้องสาวแท้ๆหนูจะแต่งกับพี่เขาได้ยังไง” ตอบพาซื่อ ไม่ได้คิดให้รอบคอบนักว่าทำไมเขาถึงพูดแบบนี้“หนูคงไม่อยากให้พี่ตุ่นของหนูเจ็บปวดใจแทบบ้ากับผู้หญิงเห็นแก่ตัวคนนั้นหรอกใช่ไหมล่ะ มันจะดีกว่าไ
อติชนพาเด็กสาวคืนห้องพักในช่วงสายของอีกวันหลังจากพักผ่อนจนสร่างเมาเป็นที่เรียบร้อย แต่ก็ยังไม่พากลับไปส่งบ้านเนื่องจากเด็กสาวยังมีอาการไม่ค่อยสบายใจที่จะกลับบ้าน โชคดีที่เป็นเสาร์ อาทิตย์จึงมีเวลาตามใจพาท่องเที่ยงทั้งวัน ไปดูหนัง ไปร้านกาแฟ เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์คอยตามใจว่าเธออยากจะไปที่ไหน“ทำไมเราไม่ไปเดินห้างเย็นๆ ซื้อของซื้อเสื้อผ้า” ชายหนุ่มเจ้าสำอางบ่นกระปอดกระแปดเพราะเปลวแดดบ่ายสองแผดเผาผิวขาวๆของเขาจนแดงไปหมดในระหว่างที่เยี่ยมชมโบราณสถานใกล้เมืองหลวง“หนูยังไม่มีอะไรต้องซื้อค่ะ หนูอยากดูวัดโบราณแบบนี้เคยเจอแต่ในหนังสือเรียนไม่เคยเจอของจริงแบบนี้” พูดด้วยเสียงตื่นเต้น การได้ออกมาเรียนรู้นอกห้องเรียนเป็นเด็กที่โตสังคมปิดชื่นชอบมากที่สุด “วันนี้คุณพาหนูไปผับอีกนะคะ ไปที่ไหนก็ได้หนูอยากไปเที่ยวแบบนั้นอีก” แสงสีและความมึนเมาคือประสบการณ์ใหม่ที่อยากจะสัมผัสมันให้มากกว่านี้ เมื่อคืนเขาพาไปเที่ยวมันสนุกสนานมากและเธออยากจะไปเที่ยวอีก นี่เป็นอีกความผิดพลาดหนึ่งที่เกิดจากการเลี้ยงดูแบบควบคุม ปกป้องและดูแลมากเกินไป ทักษะชีวิตของเธอเลยน้อยถูกชักจูงได้ง่ายและยิ่งพบเจอกับความเป็นอิสระก็ยิ่งยากที
เพียงเด็กสาวก้าวเข้าไปนั่งบนเตียงนอน แววตาของอติชนก็พราวระยับกับสิ่งที่ปะทุขึ้นมา ความร้อนรุ่มพุ่งพล่านจนร่างกายแทบเดือดกับ ค่ำคืนนี้แปลกกว่าเดิมตรงที่จะไม่มีการนอนแยกฝั่งเตียง “จะสั่งอะไรมาดื่มก่อนไหม”สกาวเดือนเงียบและไม่ตอบในสิ่งที่อีกฝ่ายถาม เพราะกำลังสับสนว่าควรเชื่อฟังในคำสอนของครูและแม่ชีที่เฝ้าสอนเธอซ้ำๆดีไหมว่าให้รักนวลสงวนตัวและรอจนกว่าจะถึงวัยอันควร แต่ในใจเด็กสาวเกิดคำถามว่าแล้ววัยอันควรของเธอคือเมื่อไหร่ ในเมื่อพี่ตุ่นของเธอชอบผู้หญิงเจนจัดมารยา เธอจะต้องทำให้ได้อย่างที่บัวหอมเคยทำไว้ ไม่เช่นนั้นเธออาจจะแพ้ จนคำถามและความสับสนกระเจิดกระเจิงเมื่อใบหน้านวลถูกจับให้หงายขึ้นพร้อมกับริมฝีปากร้อนระอุด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์ประทับลงมาบดเคล้า อย่างไม่รีรอใดๆ“ถอดเสื้อออกและขยับขึ้นไปกลางที่นอนดีๆ” จวบจนพอใจในรสชาติจืดปนหวานจึงออกคำสั่งด้วยเสียงแหบพร่าตามอารมณ์ที่จุดติดอย่างง่ายดาย เพียงได้เห็นดวงตากลมโตอยากรู้อยากเห็นละคนกล้าๆกลัวๆภายใต้ใบหน้านวลซื่อไร้เครื่องสำอางนั้นคำสั่งเหล่านั้นสกาวเดือนทำตามโดยดีหลังจากนิ่งเงียบตกใจกับจุมพิตร้อนแรงที่บดเบียดเข้ามาสักพักหนึ่ง จูบแรกของเธอที่เต็มไ
“ผมไม่ยอมนะลูกจัน” น้ำเสียงเข้มข้นและสายตาตื่นตระหนกของเขาทำให้ทั่วทั้งบ้านหัวเราะครื้นเครง ถึงคราวมารร้ายโดนหลอกหลอนคืนบ้างยาม“เป็นไงล่ะคุณอาร์ต ของแบบนี้ถ้าไม่มีลูกสาวไม่เข้าใจหรอก เริ่มกลัวหรือยังว่าตอนลูกจันผมเจ็บใจคุณขนาดไหน”“กลัวแล้วครับ นี่ให้ผมมีความสบายใจหน่อยเถอะ ต้องหวงทั้งเมียต้องห่วงทั้งลูกแบบนี้” มืออีกข้างคว้าเอวคอดกิ่วของสกาวเดือนเข้ามากอดไว้แน่นทั้งยังหอมแก้มนวลฟอดใหญ่ไม่มีเขินอายสาตาอีกหลายคู่มองมา“ปะป๊าคิสมะม๊า” ยัยหนูเพียงดาวพูดอ้อแอ้ตามที่เห็น ตาแป๋วใสซื่อก่อนจะหัวเราะชอบใจแม้ว่าไม่เข้าใจความหมายอะไรนอกจากปะป๊ารักมะม๊า ก่อนจะโน้มตัวเอียงคอซบไหล่พ่ออาร์ตออดอ้อนให้เขาแสดงความรักต่อเธอด้วย เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนในบ้าน“เดี๋ยวคุยกันไปก่อนนะ เดี๋ยวจะไปซื้ออาหารวันนี้เดี๋ยวกินข้าวเย็นด้วยกัน บัวไปกับพี่นะ” อยู่ๆก็เกิดอาการอยากจูบภรรยาจึงต้องหาข้ออ้างชวนเธอมาอยู่ตามลำพัง กลัวว่าจะน้อยหน้าคนอื่นๆ รีบอุ้มหนูน้อยอัยยามาวางใส่แขนของนพพลผู้เป็นพ่อทูนหัว “อยู่กับลุงเบลห้ามดื้อนะอัยยา เดี๋ยวปะป๊าไปซื้ออาหารอร่อยๆมาให้กินนะ” เด็กหญิงว่านอนสอนง่ายพูดอะไรไปก็เข้าใจเป็นอย่างดี
วันหยุดยาวสิ้นปี บ้านวิริยะกิจวันนี้คึกคักไปด้วยคุณพ่อคุณแม่ที่ต่างก็พาครอบครัวมารอต้อนรับสกาวเดือนกลับจากอังกฤษ หนูน้อยอัยยาลูกสาวคนเดียวของแดนไตรและบัวหอมมีการแสดงโชว์เล็กๆเป็นการร้องเพลงแบบเด็กๆสร้างสีสันให้บรรยากาศอบอุ่นสนุกสนานมากยิ่งขึ้น ตอนนี้แดนไตรมีสถานะเป็นคุณตาทันทีที่ลูกสาวบุญธรรมให้กำเนิดทารกเพศหญิง เด็กหญิงเพียงดาว เด็กไทยที่ถือกำเนิดที่ประเทศอังกฤษในระหว่างที่พ่อและแม่ของเด็กไปเรียนต่อ เด็กหญิงเป็นขวัญใจของคุณตาและคุณปู่คุณย่าที่เฝ้ารอหลานมาถึงสามปีและอีกปีกว่าที่อติชนจะยอมพาลูกสาวมาเมืองไทย เพราะรอให้สกาวเดือนเรียนจบปริญญาโทก่อน “อัยยา รักน้องให้มากๆนะหนูเป็นพี่คนแล้วรู้ไหม” แดนไตรสอนลูกสาวด้วยเสียงที่สอง อ่อนโยน ออดอ้อนแก้วตาดวงใจของพ่อ เด็กหญิงอัยยาวัยห้าขวบพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะโน้มตัวไปจุมพิตน้องน้อยวัยขวบเศษที่กำลังนั่งทำหน้างงว่าคนพวกนี้เป็นใครและยังเจ็ตแหลกจากการบินข้ามทวีปมาถึงเมื่อเช้า จากนั้นหนูน้อยหันมาจุ๊บปากปะป๊าตุ่นสลับกับหม่ามี๊บัวเพื่อให้เสมอกันทุกคนความน่ารักของหนูน้อยอัยยาทำให้นพพลและสิรินนภาที่ไม่มีลูกสาวตื่นเต้นระคนอิจฉา “วันนี้ทำลูกสาวกันนะ” จนชา
จดจ้องชายหนุ่มด้วยความโกรธเคือง “คุณเบล...รีนท้อง” เค้นเสียงเจ็บใจที่สุดท้ายเป็นเธอเองที่คว้างงูไม่พ้นคอ ตั้งใจจะตัดขาดกับเขาอีกสักหนึ่งปีเพื่อให้ต่างคนต่างไปทบทวนตัวเอง ก็พังไม่เป็นท่าเพราะผลพวงจากค่ำคืนนั้นเขายัดลูกเข้ามาในท้องเธอด้วย!“อะไรนะ?” เหมือนฝันไปที่ได้ยินเรื่องท้อง “รีนท้องเหรอ”อึ้งสักพักก่อนจะลำพองใจยิ้มกว้างขนาดตอนนั้นป่วยอยู่แท้ๆยังน้ำยาแรงขนาดนี้ ครั้งเดียววันนั้นส่งผลต่อวันนี้ พอได้สติว่าไม่หูฝาดก็ถึงกับกระโดดโลดเต้นดีใจอึกทึก ยกร่างบางขึ้นอุ้มก่อนจะหมุนไปรอบๆ “ไชโย” ดีใจจนเก็บอาการไม่ได้ “ผมดีใจที่สุดเลยรีน ขอบคุณรีนมากเลยนะที่เอาข่าวดีแบบนี้มาบอกผม” ก่อนจะระดมจูบทั่วใบหน้านวลที่กำลังชื้นไปด้วยน้ำตา ในความทรงจำลางๆเขายังนึกได้ถึงความรู้สึกตอนนั้นว่ามันตื่นเต้นดีใจขนาดไหนที่รู้ว่าชุดทดสอบได้ปรากฏผลว่าตั้งครรภ์ แต่ตอนนั้นเขาก็ดีใจได้อยู่ไม่ทันข้ามคืนเพราะเข้าใจว่าเธอเข้าโรงแรมกับชายชู้เสียก่อน“คุณไม่ว่าเป็นลูกคนอื่นแล้วเหรอ” ถามด้วยความแค้นไม่หาย “คราวนี้จะว่าลูกในท้องฉันเป็นลูกของตุ่นไหม” ทำท่ายกกำปั้นขู่ชายหนุ่มรีบยกมือเช็ดน้ำตาให้อีกฝ่ายพร้อมทั้งรวบมือบางที่ต้อง
หนึ่งปีที่ตั้งมั่นให้นพพลพิสูจน์ตัวเอง เอาเข้าจริงคนที่ตั้งกฎขึ้นมาเองกลับทำได้เพียงแค่สองเดือน เพราะอยู่ๆเช้าวันนี้เธอตื่นขึ้นมาด้วยอาการหนักหัวและอาเจียนมากกว่าทุกวัน เลยตัดสินใจลางานเพื่อไปพบแพทย์ พอไปโรงพยาบาลกลับต้องตกใจกับคำวินิจฉัยจากหมอหลังตรวจอาการและขอปัสสาวะ มือบางกำผลตรวจไว้แน่นด้วยความโมโหอยากจะฆ่าคน ก่อนจะรีบเดินทางไปหานพพลถึงบริษัท หญิงสาวเดินอาดๆมาหาเขาถึงห้องทำงาน ทันทีที่มาถึงก็อาละวาดโวยวายขว้างปาข้าวของใส่คนที่กำลังตกใจและทำอะไรไม่ถูก“คนใจร้าย! คนเห็นแก่ตัว คุณเบลร้ายกาจที่สุด คนใจร้าย ไม่คิดถึงใจคนอื่น” รัวเสียงดุด่าเป็นชุดพร้อมทั้งร้องไห้โฮๆไม่อายเลขาสาวที่วิ่งตามเข้ามานพพลหน้าเหวอที่ถูกบุกมาโวยวายถึงห้องทำงาน ก่อนจะหันไปโบกมือเป็นสัญญาณให้เลขาสาวคนนั้นออกไปก่อนที่เขาจะก้าวเข้ามาหานางร้องไห้ที่คุ้มดีคุ้มร้ายด้วยท่าทีกล้าๆกลัวๆ“ใจเย็นก่อนครับ มีอะไรค่อยๆพูดกันนะคนดี” บอกเสียงอ่อนยอมแพ้คนเจ้าน้ำตา ชายหนุ่มเปลี่ยนไปมากในช่วงเวลาไม่กี่เดือนนี้จากหมาป่าล่าเนื้อกลายมาเป็นลูกหมากลัวเมีย การที่เธอมาเจอเขาแบบนี้จะถือว่าผิดกฎการลงโทษหนึ่งปีที่เธอวางไว้หรือเปล่า แล้วถ้าผ
“คุณเบลคะ เรื่องของเรามันจบแล้วนะคะ” เสียงหวานหยดใจเย็นแต่หนักแน่นเด็ดเดี่ยวจนหัวของคนฟังชาหนึบ“จบ จบอะไร เมื่อกี้เรายัง...” เป็นนักธุรกิจหนุ่มที่รู้สึกเหมือนใจจะขาด แทนที่จะเป็นฝ่ายหญิง จะจบได้ยังไงในเมื่อชั่วโมงก่อนเธอยังโอนอ่อนตามใจเขาอยู่เลยสิรินนภาถอนใจยาว “รีนไม่ห้าม ถ้าคุณเบลเขาจะมาพบลูก เพราะลูกเป็นของพ่อแม่อยู่แล้ว แต่เราเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ของกันและกันอีกแล้ว ตั้งแต่วันที่คุณขับไล่รีนออกจากบ้าน”“ทำไมต้องทำแบบนี้ละรีน ผมนึกว่าเราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม” ครางเสียโหยกับคมมีดที่ย้อนกลับมาสร้างแผลให้ตนเอง“คุณคิดว่าแค่การนอนด้วยกันคืนเดียว ทุกอย่างที่คุณทำกับรีนมันจะจบเหรอคะ รีนทำแบบนี้กับคุณเพราะอยากจะให้คุณเข้าใจอะไรใหม่ว่ามันไม่ใช่เฉพาะผู้ชายนะคะที่จะต่อรองหรือจัดการอะไรกับผู้หญิงก็ได้ บางเรื่องผู้หญิงก็ไม่ได้อยู่เฉยรอคอยเป็นฝ่ายถูกเรียกหาเสมอไป”“อย่าพูดแบบนั้นเลยนะรีน คุณมีค่าสำหรับผม วันนี้ผมเลยไมอยากเสียคุณไป”“สำหรับคุณ ถ้ารักของรีนมีค่ามากพอ คุณคงไม่ทำเรื่องวันนั้นตั้งแต่แรก และอีกอย่าง รีนไม่อยากให้คุณเสียเวลากับคนที่คุณไม่ได้รักแต่แต่งงานกันเพราะหน้าที่และเพื่ออำนาจที
สิรินนภาห่อกายหลบความหนาวร้อนสลับกันยามเมื่อฝ่ามือร้อนๆลูบไล้ผิวกายนวลนุ่มของเธอ ความเย็นของเครื่องปรับอาการทำให้รู้สึกตัวว่าตอนนี้กายของเธอเปล่าเปลือย เสื้อผ้าที่สวมมาถูกเขาปลดเปลื้องออกตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ยังไม่รู้เวลาที่แน่ชัด หรืออาจจะเป็นเธอเองที่ปลดเสื้อผ้าออก“หนาว...” ส่งเสียงผะแผ่วทักท้วงออกมา พร้อมทั้งพยายามคว้าผ้านวมหนามาห่มคลุมร่างกายและซุกหน้าลงกับกองผ้าห่มรกๆ ไม่ได้หนาวอะไรมากมายนักแต่ร่างกายมันสั่นสะท้านเพราะเขินอายสายตาลึกล้ำจากเขาต่างหาก“ก็กอดผมแน่นๆสิ” รั้งมือบางขึ้นมากอดคล้องบ่าของตน สายตาของเขาเจ้าชู้เจ้าเล่ห์ยิ่งกว่าหมาป่าแต่ก็เสน่ห์ล้นเหลือจะทัดทาน เพียงสบตามากเสน่ห์กล้ามเนื้อทุกส่วนของหญิงสาวก็เหมือนกับไร้เรี่ยวแรง ยินยอมให้เขาเข้ามาจัดระเบียบร่างกายตามอำเภอใจ ชายหนุ่มฮึกเหิมย่ามใจเมื่ออีกฝ่ายไร้เรี่ยวงแรงขันขืนและไร้เสียงทักท้วง ไฟพิศวาสถูกจุดติดอย่างง่ายดายเพราะความโหยหาห่างหาย เรียวขาบางถูกชันตั้งขึ้นให้ได้มุมเหมาะสมสำหรับการสัมผัสแนบชิดสิรินนภาสะดุ้งเฮือกเจ็บแปลบกับกิจกรรมลึกซึ้งที่ห่างหายไปนานปี สัมผัสของเขามันทำให้อบอุ่นละคนเหน็บหนาวที่ใจ คนๆนี้ที่เห็นเธอ
“ไม่ได้ค่ะ คณบดีโทรตามโครงการวิจัยที่ฉันกำลังรับผิดชอบอยู่” ตอบอย่างไร้เยื่อใยก่อนจะเดินออกจากห้องไป“รีนครับ” พยายามร้องเรียกแต่เสียงก็แผ่วลงเหลือเกินร่างบางเดินกลับมายืนหน้าประตู มองเขาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ย กับเขาดีๆ “อาหารอยู่ในตู้เย็น คุณเอามาอุ่นไมโครเวฟแล้วกินนะคะ อย่าลืมกินยาให้ครบตามที่หมอสั่งนะคะ”แต่ไหนแต่ไรนพพลไม่เคยที่จะทำตามคำบอกของใครง่ายๆ แม้จะเกรงใจหญิงสาวแต่ก็ไม่อยากจะรีบหายจากอาการบาดเจ็บนักเพราะยังต้องการพยาบาลสาวเนื้อหวานอยู่ วันนี้ทั้งวันนพพลเลยเอาแต่นอนอยู่บนเตียง ไม่ลุกไปไหน ไม่กินข้าวและไม่กินยา รอคอยให้เธอกลับมาป้อนและดูแลนพพลพึ่งรู้ว่าตนมีความอดทนค่อนข้างสูงก็วันนี้ เขาสามารถรอจนตกเย็นและมีเสียงรถเลี้ยวเข้ามาจอดในโรงรถข้างบ้าน จากนั้นตามด้วยเสียงรองเท้าส้นสูงของสตรีที่เข้ามาในตัวบ้าน“คุณเบล คุณเบลคะ” สิรินนภาเรียกเขาไปตามทาง แต่ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา วันนี้ตลอดทั้งวันอ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง ทำงานไม่มีสมาธิ สอนหนังสือก็ยังพะวงแต่คนป่วยว่าเขาจะเจ็บแผลไหม กินข้าวหรือยังได้กินยาบ้างหรือเปล่า อาการเหมือนเมื่อครั้งตอนคลอดน้องโรมช่วงแรกๆที่ยังปรับตัวไม่ได้ไม่มีผิด“
นพพลปรือตามองไปรอบๆเพื่อหาอดีตภรรยา ปวดหัวระบมราวกับถูกทุบด้วยของแข็ง แน่ล่ะเขาโดนของแข็งมา จนเย็บหลายเข็มด้วย “เอาไว้ก่อนเถอะครับ ผมกินไม่ไหว” ตอบเหนื่อยๆ ปวดตึงสลับกับรวดร้าวไปตั้งแต่กลางหัวจรดสันกราม ไม่อยากขยับอ้าปากด้วยซ้ำ“เดี๋ยวรีนป้อนค่ะ กินสักหน่อยเถอะนะคะ” เป่าข้าวต้มเพื่อคลายความร้อนก่อนจะค่อยๆป้อนช้าๆ“มันร้อน เอาไว้ก่อนนะครับ” หลับตาตอบหลังกินไปหนึ่งคำสิรินนภาอ่อนใจ รู้สึกผิดมากขึ้นที่ทำเขาเลือดตกยางออก นพพลเป็นผู้ชายเจ้าสำอาง บอบบางเพราะถูกเลี้ยงมาอย่างประคบประหงมประสาลูกชายคนเดียวตระกูลเชื้อสายขุนนางในรั้วในวัง เขาไม่เคยถูกทำร้ายให้เจ็บปวดเพราะมีแต่ทำให้คนอื่นเจ็บ แต่เรื่องในอดีตก็ส่วนอดีตแม้มันจะมีผลต่อปัจจุบันแต่ก็ไม่ต้องทำร้ายกันจนถึงขั้นนี้ก็ได้ เป็นอีกครั้งที่เธอเอาอารมณ์อยู่เหนือเหตุผลนั่งเฝ้าไข้ไปสักพักคนเจ็บเริ่มเพ้อเพราะยาชาหมดฤทธิ์ แผลอักเสบขึ้นจนมันเริ่มปวดตุบๆ หญิงสาวจัดยาแก้อักเสบให้กินแล้ว แต่ดูเหมือนมันจะไม่เพียงพอ “หนาว...หนาวรีนครับ ผมหนาว รีนอยู่ไหน รีน” ห่อกายกอดตัวเองเพื่อบรรเทาความหนาวเหน็บ พิษไข้เล่นงานจนตัวสั่นน่าสงสาร“คุณเบล รีนอยู่นี่นะคะ” รี
“ริ...รีนครับ” มือสั่นเทาจับปากแผลที่ถูกสันแฟ้มอลูมิเนียมหนาๆฟาดลงมาจนเนื้อปริ เจ็บปวดกายแต่ไม่โกรธและไม่ถือโทษเพราะที่เขาทำมันหนักหนากว่าที่เธอประทุษร้ายมากนัก“รีน...” เสียงทุ้มพึมพำเรียกชื่อหญิงสาวไม่หยุดปากจนอีกฝ่ายหันมาดู เห็นเลือดออกมากกว่าที่คิดไว้มาก มันไหลย้อยตามซอกนิ้วที่กำลังอุดบาดแผลจนเปรอะนพพลรีบคว้ามือเรียวมาบีบไว้ เขาเจ็บไม่เป็นไร แต่ขอให้เธอไม่ไปไหน “อย่าทิ้งผมนะ อย่าทิ้งผมไป” สติพร่าเลือนกับเลือดเป็นสายที่พรั่งพรูออกมาเรื่อยๆ แฟ้มสมัยเก่ามีขอบแฟ้มทำมาจากอลูมิเนียม สร้างแผลและเรียกเลือดจากคนเคยเลวมากมายสิรินนภาไม่สนใจ ออกแรงสะบัดตัวให้หลุดจากการเกาะกุมและผลของการหลีกหนีจากเขาสุดแรงนั้นทำให้ร่างเพรียวสอบของนพพลก้าวถอยไปเหยียบพรมเช็ดเท้า เสียหลักลื่นล้มหงายลงจนหัวไปกระแทกเข้าที่ขอบของชั้นหนังสือเหล็กโครมใหญ่และเลือดตกออกจากบาดแผลเป็นกอง“คุณเบล...” ยืนมองผลของการกระทำนั้นด้วยใจระทึกตื่นเต้น ยิ่งเห็นอดีตสามีหน้าซีดเจ็บปวดยิ่งนิ่งทำอะไรไม่ถูก ไม่ได้เจตนาจะให้เขาบาดเจ็บแบบนี้ มันเป็นอุบัติเหตุ“รีนครับ...” พยายามกัดฟันข่มความเจ็บปวดเรียกหาฝ่ายหญิง เอื้อมมือไขว่คว้าแต่อีกฝ