บทที่ 1วัดเก่าย่านชุมชนแออัดของเมืองหลวง เป็นสถานที่เงียบสงบที่นางอุบลเลือกมาทำบุญในวันครบรอบวันเกิดอายุหกสิบปี และครบรอบหนึ่งปีของการจากไปของสามีสุดที่รักถึงแม้การแต่งกายหรูหรากับใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางจะฉาบเคลือบความชราจนมิด แต่แววตาอิดโรยจากอาการเจ็บป่วยภายในและความเหนื่อยยากจากการบริหารงานบริษัทแทนสามียังคงฉายชัดออกมาให้ผู้พบเห็นรู้สึกไม่สบายใจ“โยม มาวัดแล้วทำไมทำหน้าเศร้านักล่ะ” หลวงตาเอ่ยทักด้วยความเมตตาหลังจากนั่งลงที่อาสนะ เตรียมพร้อมสำหรับให้ศีลให้พรแก่ญาติโยมที่มาทำบุญที่วัด นางอุบลเป็นญาติโยมที่มักจะนั่งรถจากใจกลางย่านธุรกิจของเมืองหลวงมาสู่ชุมชนแออัดกลางเมืองเพื่อทำบุญที่วัดนี้อยู่เป็นประจำ จนมีความสนิทสนมกับคนในวัดนี้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะลูกสาวของนางที่เป็นเพื่อนเล่นกับเด็กวัดที่นี่อย่างไม่ถือตัว“นมัสการเจ้าค่ะหลวงพ่อ” ก้มลงกราบสามครั้งก่อนจะเก็บกลืนความไม่สบายใจลงคอ ไหนๆ วันนี้ก็เป็นวันคล้ายวันเกิดเลยอยากจะทำจิตใจให้สบาย “วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดดิฉันค่ะ เลยอยากจะมาทำบุญ แล้วก็อยากมอบทุนการศึกษาให้กับโรงเรียนวัดด้วย จะได้เอาไว้ให้เด็กในชุมชนกับเด็กวัด”“เจร
บท 2บัวหอมเข้ามาทำงานในบริษัทในตำแหน่งกรรมการฝ่ายการตลาด ด้วยความที่เธอชำนาญการใช้ภาษาต่างประเทศถึงหกภาษา ทำให้การทำงานกับตลาดต่างประเทศของบริษัทเศวต กรุ๊ป มีความคล่องตัวมากขึ้นด้วยความครอบคลุมภาษาประเทศหลัก ญี่ปุ่น สเปน จีนกลาง อังกฤษ ฝรั่งเศสและเยอรมัน และความละเอียดรอบครอบด้านเอกสาร ไม่ถึงหนึ่งเดือนเธอได้รับคำชื่นชมในการทำงาน จากกรรมการบริหารทุกคน จะมีข้อตำหนิก็อยู่ที่เป็นคนขี้โวยวายและทำตัวหักหน้าไม่ให้เกียรติประธานบริษัทคนใหม่อย่างแดนไตรสำหรับแดนไตร ประธานบริษัทคนใหม่พิสูจน์ตัวเองจนได้รับการยอมรับโดยการทำให้สองไตรมาสแรกของปีงบประมาณไม่อยู่ในภาวะขาดทุน ผลของการนำเงินเก็บส่วนตัวมาอัดฉีดลงทุนกับการโปรโมทให้เศวต กรุ๊ปกลับมาโดดเด่น โด่งดังอีกครั้ง บวกกับความเป็นคนรุ่นใหม่ที่เก่งกาจจากดีกรีปริญญาเอกการเงินและการลงทุนจากวอชิงตันอเมริกา และยังติดโผหนุ่มโสดเนื้อหอมที่มีแฟนคลับตามติดแม้ไม่ได้เป็นดารานายแบบ ยิ่งช่วยให้บริษัทภายใต้การบริหารของคนรุ่นใหม่ไฟแรงเป็นที่น่าสนใจในการลงทุนร่วมหุ้นมากขึ้นบ่อยครั้งที่หนังสือพิมพ์หน้าข่าวสังคมลงภาพและข่าวคราวของแดนไตรในเรื่องของกิจกรรมสาธารณประโยชน์
บท 3ในวันหยุดยาวชดเชยวันสำคัญของคนชาวไทย บ้านของสิรินนภายามนี้ถูกจับตกแต่งราวกับราชวังในนิทาน เพื่อเป็นการต้อนรับปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้หลักผู้ใหญ่ที่ทางครอบครัวฝ่ายชายขอความกรุณามาเป็นธุระเรื่องการทาบทามสู่ขอลูกสาวบ้านนี้อย่างเป็นทางการ อาจารย์สาวไม่ค่อยแปลกใจกับการต้อนรับแขก เธอเข้าใจว่าเป็นการทาบทามสู่ขอน้องสาวคนเดียวของเธอที่ตอนนี้คงจะคบหากับแฟนหนุ่มจนความรักสุกงอมหอมหวาน เธอมีแก่ใจช่วยทำน้ำใบเตยเย็นชื่นใจต้อนรับแขกเหรื่อที่แม่ตื่นเต้นนักหนา“แขกรับน้ำดื่มเรียบร้อยแล้วค่ะคุณรีน เดี๋ยวทางนี้ป้ารับผิดชอบต่อเอง คุณรีนขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนผ้าเถอะนะคะ” ป้าจอมบอกกับคุณหนูน้อยคนงามด้วยรอยยิ้มหวาน วันหยุดว่างจากการสอนทั้งทีคนอย่างอาจารย์สิรินนภายังไม่ยอมอยู่เฉย ตื่นแต่เช้าลงมาช่วยหยิบจับงานครัวจนเรียบร้อย หลังจากที่ได้ยินคนเป็นแม่บอกถึงนัดหมายว่าจะมีแขกสำคัญมาเยี่ยมเยียนและพูดเรื่องสำคัญ“จ่ะป้า” หญิงสาวรับคำยิ้มๆ ถอดผ้ากันเปื้อนและเดินกลับห้องนอนของตนที่อยู่ชั้นสองของตัวบ้าน แต่ไม่อายแอบมองไปที่โถงใหญ่รับแขก ซึ่งตอนนี้มีแขกคนสำคัญของคุณแม่นั่งอยู่เต็มไปหมด“เอ...แล้วเจมส์ไปไหน” ถามกับตัวเ
บทที่ 5 บ่วงเสน่หาบริษัทเศวต กรุ๊ปได้รับคำเชื้อเชิญให้ร่วมพิธีเปิดอาณาจักรโรงงานอาหารแปรรูปข้ามชาติในจังหวัดหนึ่งติดทะเลอ่าวไทย พิธีการถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เพราะเป็นอภิมหาโครงการที่มีการลงทุนในระดับข้ามชาติ ดังนั้น เศวต กรุ๊ปและแดนไตร ในฐานะที่ปรึกษาโครงการต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองการพัฒนาอีกขั้นของอุตสาหกรรมอาหารแปรรูปครั้งนี้ด้วย ทีแรกบัวหอมไม่ประสงค์ที่จะร่วมเดินทางมางานเลี้ยงครั้งนี้เพราะถือว่าตนไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรกับการลงทุนครั้งนี้ แต่ก็มีบัตรเทียบเชิญในนามบริษัทและเธอไม่ยินยอมหากแดนไตรจะได้ไปร่วมงานในนามของบริษัทแต่เพียงผู้เดียว เพราะเศวต กรุ๊ปคือบริษัทของเธอ‘ถ้าไม่ได้ชื่อเสียงของเศวต กรุ๊ป ก็ไม่มีใครเขาจ้างเศรษฐีหน้าใหม่อย่างแกมาให้คำปรึกษาหรอก’ คุณหนูคนงามยังคงมองด้านเดียว เธอไม่ได้มองว่าแดนไตรเป็นฝ่ายทำทุกอย่างเพื่อสร้างเครดิตให้กับบริษัทของเธอ และเขาได้ช่วยทำให้บริษัทที่ใกล้จะถึงจุดล่มสลายได้กลับกลายเป็นที่รู้จักในตลาดหลักทรัพย์และในแวดวงศ์ธุรกิจอีกครั้ง ทั้งๆที่เขาจะอ้างถึงเพียงชื่อของเขา นายแดนไตร วิริยะกิจ เจ้าพ่อตลาดหลักทรัพย์ที่ประสบความสำเร็จในทางธุรกิจและการลงท
บทที่ 4โจรปล้นจูบเพียงต้องการจะป่วนประสาท เธอถึงกับยอมล้มลงเพื่อให้ดูเหมือนพลัดตกบันได เพื่อให้แดนไตรปฏิเสธนัดที่มีต่อสิรินนภาและมาเฝ้าไข้เธอที่มีอาการบาดเจ็บ ทั้งๆที่เขาสัญญาจะพาอีกฝ่ายกลับบ้านผลการรักษาพบว่าคนเจ็บไม่เป็นอะไรมากแต่เนื่องจากบัวหอมซึมลงอย่างเห็นได้ชัดจนแดนไตรร้อนใจและอยากให้เฝ้าดูอาการอีกคืนหนึ่งจึงขอหมอให้เธอแอดมิด“น้องบัวเป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนไหมครับพี่จะไปตามหมอมาให้” เกือบค่อนคืนเขานั่งเฝ้าไม่ไปไหน แม้แต่เสียงโทรศัพท์ที่ดังยังไม่ยอมลุกขึ้นไปรับ“เจ็บค่ะ”“เจ็บตรงไหน เจ็บมากไหมพี่จะไปตามหมอนะ” รีบลุกกระวีกระวาดแต่มือบางจับคว้าแขนเขาไว้พร้อมทั้งออกแรงบีบแน่น ยิ่งเขาถามด้วยท่าทีอ่อนโยนเป็นห่วง ก็ยิ่งมีความสับสนมากขึ้น“ทำไมต้องทำเหมือนเป็นห่วงกันทั้งๆที่ถ้าไม่มีฉันสักคนคุณก็เป็นเจ้าของบริษัทได้โดยไม่มีใครตั้งคำถามหรือข้อครหาอยู่แล้ว คุณควรจะดีใจนะที่เห็นฉันเจ็บยิ่งฉันตายยิ่งต้องดีใจเพราะทุกๆอย่างมันจะเป็นของคุณโดยสมบูรณ์ไม่ต้องมาคอยทำท่าทางไม่ต้องการบริษัทฉันอย่างที่ทำอยู่ทุกวัน” เค้นเสียงอย่างอัดอั้น ยิ่งมองหน้ายิ่งสับสนละคนผิดหวัง ชายหนุ่มไม่ตอบเพราะในใจรู้ดีว
บทที่ 6ก่อนหน้านั้น...บทรักอ่อนหวานที่กินเวลาจนย่ำรุ่งไม่ได้ทำให้สาวที่พึ่งสูญเสียความบริสุทธิ์และก้าวผ่านความเจ็บปวดฉีกขาดนั้นจับไข้หรือเป็นอะไร แต่ทว่ากลับเป็นฝ่ายชายหนุ่มที่มีอาการหนักหัวจนลุกจากหมอนไม่ได้ เขาคิดจนหัวแทบระเบิดว่าเมื่อวานทำกิจกรรมอะไรที่ส่งผลให้มีอาการครั่นเนื้อตัวและหนักหัวคล้ายจะเป็นไข้หวัดแบบนี้ก็ยังคิดไม่ออก เพราะถ้ากิจกรรมเข้าจังหวะแนบชิดเมื่อคืนคงจะไม่ใช่สาเหตุหลักเพราะเขาทำกับหญิงสาวคนอื่นๆมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วจนกระทั่งคิดออกว่าเมื่อวานตอนมื้อค่ำ เขาได้กินกุ้งทะเลและหอยนางรมเข้าไป เนื่องจากตอนเด็กเป็นเด็กวัด ถูกเลี้ยงมาด้วยข้าวก้นบาตรจากพระอาหารดีๆหรูๆจึงคล้ายกับเป็นของแสลงท้อง โดยเฉพาะกุ้งทะเลตัวใหญ่ๆและหอยนางรมสดๆที่ตั้งแต่แรกเกิดกำพร้าพ่อแม่ก็ยังไม่เคยเอาเข้าปาก จนถึงทุกวันนี้อาหารประจำของเขายังเป็นอะไรที่ง่ายๆไม่พิสดาร เมื่อคืนพอได้กินอะไรพิสดารขึ้นหน่อยสงสัยจะมีอาการแพ้ขึ้นมา“ความจริงแล้วควรจะเป็นบัวมากกว่านะคะที่ป่วยแล้วพี่ตุ่นต้องดูแล” พยาบาลจำเป็นบ่นกระปอดกระแปดในระหว่างที่เตรียมน้ำเต้าหู้นมสดสูตรร้อนใส่แก้วให้คนป่วย เมื่อตอนสายตื่นขึ้นมาแล้วพบว่า
บทที่ 7ผู้เสียหายบัวหอมแทบจะกรีดร้องด้วยความโกรธเมื่ออยู่ๆเธอกลายเป็นเป้าประเด็นทางสังคม หนังสือพิมพ์ชื่อดังทุกฉบับจะมีภาพข่าวเธอในหน้าข่าวสังคมเศรษฐกิจ เธอตกเป็นประเด็นล้อเลียนขำขันในฐานะลูกสาวของอดีตเจ้าของเศวต กรุ๊ปที่ยิ่งใหญ่ย่องขึ้นคอนโดหรูของนักธุรกิจเทพบุตรสุดหล่ออย่างแดนไตรผู้เป็นเจ้าของเศวต กรุ๊ปคนใหม่“ย่อง? ใช้คำว่าย่องขึ้นคอนโดงั้นเหรอ” ความโมโหไม่ได้อยู่ที่เธอเป็นข่าวหรือรู้สึกราวกับกลายเป็นคนสาธารณะทั้งๆที่เธอไม่ใช่ แต่มันโกรธตรงที่คำพูดพาดหัวข่าวที่ทำเหมือนเธอเป็นพวกลักกินขโมยกิน “คนอย่างบัวหอมทำไมต้องแอบ ลงข่าวแบบนี้หมายความว่ายังไง หมายถึงฉันเอาตัวไปแลกกับผลประโยชน์งั้นเหรอ” โวยลั่นสักพักก่อนจะเงียบเสียงลง เอาตัวเข้าแลก ใช้มายายั่วยวนเพื่อหวังผลประโยชน์จากบริษัท เธอทำและเป็นทุกอย่างแบบที่ข่าวลงทั้งนั้นร่างบางค่อยๆนั่งลงนิ่งเงียบ น้ำตารื้นขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อนึกถึงศักดิ์ศรีความเป็นลูกผู้หญิงที่แทบจะหมดลง เจ้าตัวทำอะไรลงไปก็พอจะรู้อยู่แล้ว แต่พอถูกเน้นย้ำถูกสะกิดแผลขึ้นมามันก็อดที่จะสะเทือนจิตใจไม่ได้ เหนืออื่นใดถ้าหากคุณแม่เห็นข่าวนี้ท่านจะรู้สึกอย่างไร คงจะเจ็
บท 8อีกสองเดือนถัดมางานแต่งงานเล็กๆได้ถูกจัดขึ้น ในสนามหญ้าหน้าบ้านถูกเนรมิตขึ้นให้เป็นบรรยากาศอบอุ่น ในงานเชิญแต่บรรดาเพื่อนสนิทนักธุรกิจที่คบหากันและแขกผู้หลักผู้ใหญ่ของฝ่ายเจ้าสาว งานสงบเงียบมีเพียงคนรู้จักมักคุ้นตามความประสงค์ของนางอุบลผู้เป็นแม่เจ้าสาว ในงานคนที่มีความสุขคือนางอุบลที่เห็นลูกสาวอยู่ในอ้อมแขนของคนที่ไว้ใจได้ แต่ทว่าเบื้องลึกในใจของเจ้าบ่าวจะสาวนั้นหน้าชื่นอกตรม เพราะตั้งแต่ตกเป็นข่าว ตั้งแต่เห็นเขากอดกับสิรินนภาทั้งคู่ก็ยังไม่ได้พูดคุยปรับความเข้าใจกัน ให้หลังวันที่เธอไปแจกการ์ดเชิญให้กับสิรินนภาวันนั้นเธอถูกแดนไตรฉุดกระชากขึ้นรถทันทีที่เลิกงาน มือที่เคยกอบกุมให้ความอบอุ่นตอนนี้บีบรัดจนกระดูกแทบแตก เขาพาเธอไปที่คอนโดและเปิดฉากทะเลาะกันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พี่ตุ่นคนเย็นใจดีขึ้นเสียงใส่เธอเพื่อปกป้องผู้หญิงคนอื่น พี่ตุ่นที่เคยสัญญาว่าจะปกป้องเธอกลับใช้สายตาดุดันสังหารจิตใจเธอเพื่อปกป้องผู้หญิงคนอื่น เขามองเธอด้วยสายตาผิดหวังที่เธอกลายเป็นผู้หญิงงี่เง่าหึงหวงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ด้วยความโมโหเลยตอกหน้าเขากลับไปว่าจะไปกอดกับเพื่อนผู้ชายบ้าง นั่นยิ่งทำให้คุยกั
“ผมไม่ยอมนะลูกจัน” น้ำเสียงเข้มข้นและสายตาตื่นตระหนกของเขาทำให้ทั่วทั้งบ้านหัวเราะครื้นเครง ถึงคราวมารร้ายโดนหลอกหลอนคืนบ้างยาม“เป็นไงล่ะคุณอาร์ต ของแบบนี้ถ้าไม่มีลูกสาวไม่เข้าใจหรอก เริ่มกลัวหรือยังว่าตอนลูกจันผมเจ็บใจคุณขนาดไหน”“กลัวแล้วครับ นี่ให้ผมมีความสบายใจหน่อยเถอะ ต้องหวงทั้งเมียต้องห่วงทั้งลูกแบบนี้” มืออีกข้างคว้าเอวคอดกิ่วของสกาวเดือนเข้ามากอดไว้แน่นทั้งยังหอมแก้มนวลฟอดใหญ่ไม่มีเขินอายสาตาอีกหลายคู่มองมา“ปะป๊าคิสมะม๊า” ยัยหนูเพียงดาวพูดอ้อแอ้ตามที่เห็น ตาแป๋วใสซื่อก่อนจะหัวเราะชอบใจแม้ว่าไม่เข้าใจความหมายอะไรนอกจากปะป๊ารักมะม๊า ก่อนจะโน้มตัวเอียงคอซบไหล่พ่ออาร์ตออดอ้อนให้เขาแสดงความรักต่อเธอด้วย เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนในบ้าน“เดี๋ยวคุยกันไปก่อนนะ เดี๋ยวจะไปซื้ออาหารวันนี้เดี๋ยวกินข้าวเย็นด้วยกัน บัวไปกับพี่นะ” อยู่ๆก็เกิดอาการอยากจูบภรรยาจึงต้องหาข้ออ้างชวนเธอมาอยู่ตามลำพัง กลัวว่าจะน้อยหน้าคนอื่นๆ รีบอุ้มหนูน้อยอัยยามาวางใส่แขนของนพพลผู้เป็นพ่อทูนหัว “อยู่กับลุงเบลห้ามดื้อนะอัยยา เดี๋ยวปะป๊าไปซื้ออาหารอร่อยๆมาให้กินนะ” เด็กหญิงว่านอนสอนง่ายพูดอะไรไปก็เข้าใจเป็นอย่างดี
วันหยุดยาวสิ้นปี บ้านวิริยะกิจวันนี้คึกคักไปด้วยคุณพ่อคุณแม่ที่ต่างก็พาครอบครัวมารอต้อนรับสกาวเดือนกลับจากอังกฤษ หนูน้อยอัยยาลูกสาวคนเดียวของแดนไตรและบัวหอมมีการแสดงโชว์เล็กๆเป็นการร้องเพลงแบบเด็กๆสร้างสีสันให้บรรยากาศอบอุ่นสนุกสนานมากยิ่งขึ้น ตอนนี้แดนไตรมีสถานะเป็นคุณตาทันทีที่ลูกสาวบุญธรรมให้กำเนิดทารกเพศหญิง เด็กหญิงเพียงดาว เด็กไทยที่ถือกำเนิดที่ประเทศอังกฤษในระหว่างที่พ่อและแม่ของเด็กไปเรียนต่อ เด็กหญิงเป็นขวัญใจของคุณตาและคุณปู่คุณย่าที่เฝ้ารอหลานมาถึงสามปีและอีกปีกว่าที่อติชนจะยอมพาลูกสาวมาเมืองไทย เพราะรอให้สกาวเดือนเรียนจบปริญญาโทก่อน “อัยยา รักน้องให้มากๆนะหนูเป็นพี่คนแล้วรู้ไหม” แดนไตรสอนลูกสาวด้วยเสียงที่สอง อ่อนโยน ออดอ้อนแก้วตาดวงใจของพ่อ เด็กหญิงอัยยาวัยห้าขวบพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะโน้มตัวไปจุมพิตน้องน้อยวัยขวบเศษที่กำลังนั่งทำหน้างงว่าคนพวกนี้เป็นใครและยังเจ็ตแหลกจากการบินข้ามทวีปมาถึงเมื่อเช้า จากนั้นหนูน้อยหันมาจุ๊บปากปะป๊าตุ่นสลับกับหม่ามี๊บัวเพื่อให้เสมอกันทุกคนความน่ารักของหนูน้อยอัยยาทำให้นพพลและสิรินนภาที่ไม่มีลูกสาวตื่นเต้นระคนอิจฉา “วันนี้ทำลูกสาวกันนะ” จนชา
จดจ้องชายหนุ่มด้วยความโกรธเคือง “คุณเบล...รีนท้อง” เค้นเสียงเจ็บใจที่สุดท้ายเป็นเธอเองที่คว้างงูไม่พ้นคอ ตั้งใจจะตัดขาดกับเขาอีกสักหนึ่งปีเพื่อให้ต่างคนต่างไปทบทวนตัวเอง ก็พังไม่เป็นท่าเพราะผลพวงจากค่ำคืนนั้นเขายัดลูกเข้ามาในท้องเธอด้วย!“อะไรนะ?” เหมือนฝันไปที่ได้ยินเรื่องท้อง “รีนท้องเหรอ”อึ้งสักพักก่อนจะลำพองใจยิ้มกว้างขนาดตอนนั้นป่วยอยู่แท้ๆยังน้ำยาแรงขนาดนี้ ครั้งเดียววันนั้นส่งผลต่อวันนี้ พอได้สติว่าไม่หูฝาดก็ถึงกับกระโดดโลดเต้นดีใจอึกทึก ยกร่างบางขึ้นอุ้มก่อนจะหมุนไปรอบๆ “ไชโย” ดีใจจนเก็บอาการไม่ได้ “ผมดีใจที่สุดเลยรีน ขอบคุณรีนมากเลยนะที่เอาข่าวดีแบบนี้มาบอกผม” ก่อนจะระดมจูบทั่วใบหน้านวลที่กำลังชื้นไปด้วยน้ำตา ในความทรงจำลางๆเขายังนึกได้ถึงความรู้สึกตอนนั้นว่ามันตื่นเต้นดีใจขนาดไหนที่รู้ว่าชุดทดสอบได้ปรากฏผลว่าตั้งครรภ์ แต่ตอนนั้นเขาก็ดีใจได้อยู่ไม่ทันข้ามคืนเพราะเข้าใจว่าเธอเข้าโรงแรมกับชายชู้เสียก่อน“คุณไม่ว่าเป็นลูกคนอื่นแล้วเหรอ” ถามด้วยความแค้นไม่หาย “คราวนี้จะว่าลูกในท้องฉันเป็นลูกของตุ่นไหม” ทำท่ายกกำปั้นขู่ชายหนุ่มรีบยกมือเช็ดน้ำตาให้อีกฝ่ายพร้อมทั้งรวบมือบางที่ต้อง
หนึ่งปีที่ตั้งมั่นให้นพพลพิสูจน์ตัวเอง เอาเข้าจริงคนที่ตั้งกฎขึ้นมาเองกลับทำได้เพียงแค่สองเดือน เพราะอยู่ๆเช้าวันนี้เธอตื่นขึ้นมาด้วยอาการหนักหัวและอาเจียนมากกว่าทุกวัน เลยตัดสินใจลางานเพื่อไปพบแพทย์ พอไปโรงพยาบาลกลับต้องตกใจกับคำวินิจฉัยจากหมอหลังตรวจอาการและขอปัสสาวะ มือบางกำผลตรวจไว้แน่นด้วยความโมโหอยากจะฆ่าคน ก่อนจะรีบเดินทางไปหานพพลถึงบริษัท หญิงสาวเดินอาดๆมาหาเขาถึงห้องทำงาน ทันทีที่มาถึงก็อาละวาดโวยวายขว้างปาข้าวของใส่คนที่กำลังตกใจและทำอะไรไม่ถูก“คนใจร้าย! คนเห็นแก่ตัว คุณเบลร้ายกาจที่สุด คนใจร้าย ไม่คิดถึงใจคนอื่น” รัวเสียงดุด่าเป็นชุดพร้อมทั้งร้องไห้โฮๆไม่อายเลขาสาวที่วิ่งตามเข้ามานพพลหน้าเหวอที่ถูกบุกมาโวยวายถึงห้องทำงาน ก่อนจะหันไปโบกมือเป็นสัญญาณให้เลขาสาวคนนั้นออกไปก่อนที่เขาจะก้าวเข้ามาหานางร้องไห้ที่คุ้มดีคุ้มร้ายด้วยท่าทีกล้าๆกลัวๆ“ใจเย็นก่อนครับ มีอะไรค่อยๆพูดกันนะคนดี” บอกเสียงอ่อนยอมแพ้คนเจ้าน้ำตา ชายหนุ่มเปลี่ยนไปมากในช่วงเวลาไม่กี่เดือนนี้จากหมาป่าล่าเนื้อกลายมาเป็นลูกหมากลัวเมีย การที่เธอมาเจอเขาแบบนี้จะถือว่าผิดกฎการลงโทษหนึ่งปีที่เธอวางไว้หรือเปล่า แล้วถ้าผ
“คุณเบลคะ เรื่องของเรามันจบแล้วนะคะ” เสียงหวานหยดใจเย็นแต่หนักแน่นเด็ดเดี่ยวจนหัวของคนฟังชาหนึบ“จบ จบอะไร เมื่อกี้เรายัง...” เป็นนักธุรกิจหนุ่มที่รู้สึกเหมือนใจจะขาด แทนที่จะเป็นฝ่ายหญิง จะจบได้ยังไงในเมื่อชั่วโมงก่อนเธอยังโอนอ่อนตามใจเขาอยู่เลยสิรินนภาถอนใจยาว “รีนไม่ห้าม ถ้าคุณเบลเขาจะมาพบลูก เพราะลูกเป็นของพ่อแม่อยู่แล้ว แต่เราเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ของกันและกันอีกแล้ว ตั้งแต่วันที่คุณขับไล่รีนออกจากบ้าน”“ทำไมต้องทำแบบนี้ละรีน ผมนึกว่าเราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม” ครางเสียโหยกับคมมีดที่ย้อนกลับมาสร้างแผลให้ตนเอง“คุณคิดว่าแค่การนอนด้วยกันคืนเดียว ทุกอย่างที่คุณทำกับรีนมันจะจบเหรอคะ รีนทำแบบนี้กับคุณเพราะอยากจะให้คุณเข้าใจอะไรใหม่ว่ามันไม่ใช่เฉพาะผู้ชายนะคะที่จะต่อรองหรือจัดการอะไรกับผู้หญิงก็ได้ บางเรื่องผู้หญิงก็ไม่ได้อยู่เฉยรอคอยเป็นฝ่ายถูกเรียกหาเสมอไป”“อย่าพูดแบบนั้นเลยนะรีน คุณมีค่าสำหรับผม วันนี้ผมเลยไมอยากเสียคุณไป”“สำหรับคุณ ถ้ารักของรีนมีค่ามากพอ คุณคงไม่ทำเรื่องวันนั้นตั้งแต่แรก และอีกอย่าง รีนไม่อยากให้คุณเสียเวลากับคนที่คุณไม่ได้รักแต่แต่งงานกันเพราะหน้าที่และเพื่ออำนาจที
สิรินนภาห่อกายหลบความหนาวร้อนสลับกันยามเมื่อฝ่ามือร้อนๆลูบไล้ผิวกายนวลนุ่มของเธอ ความเย็นของเครื่องปรับอาการทำให้รู้สึกตัวว่าตอนนี้กายของเธอเปล่าเปลือย เสื้อผ้าที่สวมมาถูกเขาปลดเปลื้องออกตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ยังไม่รู้เวลาที่แน่ชัด หรืออาจจะเป็นเธอเองที่ปลดเสื้อผ้าออก“หนาว...” ส่งเสียงผะแผ่วทักท้วงออกมา พร้อมทั้งพยายามคว้าผ้านวมหนามาห่มคลุมร่างกายและซุกหน้าลงกับกองผ้าห่มรกๆ ไม่ได้หนาวอะไรมากมายนักแต่ร่างกายมันสั่นสะท้านเพราะเขินอายสายตาลึกล้ำจากเขาต่างหาก“ก็กอดผมแน่นๆสิ” รั้งมือบางขึ้นมากอดคล้องบ่าของตน สายตาของเขาเจ้าชู้เจ้าเล่ห์ยิ่งกว่าหมาป่าแต่ก็เสน่ห์ล้นเหลือจะทัดทาน เพียงสบตามากเสน่ห์กล้ามเนื้อทุกส่วนของหญิงสาวก็เหมือนกับไร้เรี่ยวแรง ยินยอมให้เขาเข้ามาจัดระเบียบร่างกายตามอำเภอใจ ชายหนุ่มฮึกเหิมย่ามใจเมื่ออีกฝ่ายไร้เรี่ยวงแรงขันขืนและไร้เสียงทักท้วง ไฟพิศวาสถูกจุดติดอย่างง่ายดายเพราะความโหยหาห่างหาย เรียวขาบางถูกชันตั้งขึ้นให้ได้มุมเหมาะสมสำหรับการสัมผัสแนบชิดสิรินนภาสะดุ้งเฮือกเจ็บแปลบกับกิจกรรมลึกซึ้งที่ห่างหายไปนานปี สัมผัสของเขามันทำให้อบอุ่นละคนเหน็บหนาวที่ใจ คนๆนี้ที่เห็นเธอ
“ไม่ได้ค่ะ คณบดีโทรตามโครงการวิจัยที่ฉันกำลังรับผิดชอบอยู่” ตอบอย่างไร้เยื่อใยก่อนจะเดินออกจากห้องไป“รีนครับ” พยายามร้องเรียกแต่เสียงก็แผ่วลงเหลือเกินร่างบางเดินกลับมายืนหน้าประตู มองเขาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ย กับเขาดีๆ “อาหารอยู่ในตู้เย็น คุณเอามาอุ่นไมโครเวฟแล้วกินนะคะ อย่าลืมกินยาให้ครบตามที่หมอสั่งนะคะ”แต่ไหนแต่ไรนพพลไม่เคยที่จะทำตามคำบอกของใครง่ายๆ แม้จะเกรงใจหญิงสาวแต่ก็ไม่อยากจะรีบหายจากอาการบาดเจ็บนักเพราะยังต้องการพยาบาลสาวเนื้อหวานอยู่ วันนี้ทั้งวันนพพลเลยเอาแต่นอนอยู่บนเตียง ไม่ลุกไปไหน ไม่กินข้าวและไม่กินยา รอคอยให้เธอกลับมาป้อนและดูแลนพพลพึ่งรู้ว่าตนมีความอดทนค่อนข้างสูงก็วันนี้ เขาสามารถรอจนตกเย็นและมีเสียงรถเลี้ยวเข้ามาจอดในโรงรถข้างบ้าน จากนั้นตามด้วยเสียงรองเท้าส้นสูงของสตรีที่เข้ามาในตัวบ้าน“คุณเบล คุณเบลคะ” สิรินนภาเรียกเขาไปตามทาง แต่ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา วันนี้ตลอดทั้งวันอ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง ทำงานไม่มีสมาธิ สอนหนังสือก็ยังพะวงแต่คนป่วยว่าเขาจะเจ็บแผลไหม กินข้าวหรือยังได้กินยาบ้างหรือเปล่า อาการเหมือนเมื่อครั้งตอนคลอดน้องโรมช่วงแรกๆที่ยังปรับตัวไม่ได้ไม่มีผิด“
นพพลปรือตามองไปรอบๆเพื่อหาอดีตภรรยา ปวดหัวระบมราวกับถูกทุบด้วยของแข็ง แน่ล่ะเขาโดนของแข็งมา จนเย็บหลายเข็มด้วย “เอาไว้ก่อนเถอะครับ ผมกินไม่ไหว” ตอบเหนื่อยๆ ปวดตึงสลับกับรวดร้าวไปตั้งแต่กลางหัวจรดสันกราม ไม่อยากขยับอ้าปากด้วยซ้ำ“เดี๋ยวรีนป้อนค่ะ กินสักหน่อยเถอะนะคะ” เป่าข้าวต้มเพื่อคลายความร้อนก่อนจะค่อยๆป้อนช้าๆ“มันร้อน เอาไว้ก่อนนะครับ” หลับตาตอบหลังกินไปหนึ่งคำสิรินนภาอ่อนใจ รู้สึกผิดมากขึ้นที่ทำเขาเลือดตกยางออก นพพลเป็นผู้ชายเจ้าสำอาง บอบบางเพราะถูกเลี้ยงมาอย่างประคบประหงมประสาลูกชายคนเดียวตระกูลเชื้อสายขุนนางในรั้วในวัง เขาไม่เคยถูกทำร้ายให้เจ็บปวดเพราะมีแต่ทำให้คนอื่นเจ็บ แต่เรื่องในอดีตก็ส่วนอดีตแม้มันจะมีผลต่อปัจจุบันแต่ก็ไม่ต้องทำร้ายกันจนถึงขั้นนี้ก็ได้ เป็นอีกครั้งที่เธอเอาอารมณ์อยู่เหนือเหตุผลนั่งเฝ้าไข้ไปสักพักคนเจ็บเริ่มเพ้อเพราะยาชาหมดฤทธิ์ แผลอักเสบขึ้นจนมันเริ่มปวดตุบๆ หญิงสาวจัดยาแก้อักเสบให้กินแล้ว แต่ดูเหมือนมันจะไม่เพียงพอ “หนาว...หนาวรีนครับ ผมหนาว รีนอยู่ไหน รีน” ห่อกายกอดตัวเองเพื่อบรรเทาความหนาวเหน็บ พิษไข้เล่นงานจนตัวสั่นน่าสงสาร“คุณเบล รีนอยู่นี่นะคะ” รี
“ริ...รีนครับ” มือสั่นเทาจับปากแผลที่ถูกสันแฟ้มอลูมิเนียมหนาๆฟาดลงมาจนเนื้อปริ เจ็บปวดกายแต่ไม่โกรธและไม่ถือโทษเพราะที่เขาทำมันหนักหนากว่าที่เธอประทุษร้ายมากนัก“รีน...” เสียงทุ้มพึมพำเรียกชื่อหญิงสาวไม่หยุดปากจนอีกฝ่ายหันมาดู เห็นเลือดออกมากกว่าที่คิดไว้มาก มันไหลย้อยตามซอกนิ้วที่กำลังอุดบาดแผลจนเปรอะนพพลรีบคว้ามือเรียวมาบีบไว้ เขาเจ็บไม่เป็นไร แต่ขอให้เธอไม่ไปไหน “อย่าทิ้งผมนะ อย่าทิ้งผมไป” สติพร่าเลือนกับเลือดเป็นสายที่พรั่งพรูออกมาเรื่อยๆ แฟ้มสมัยเก่ามีขอบแฟ้มทำมาจากอลูมิเนียม สร้างแผลและเรียกเลือดจากคนเคยเลวมากมายสิรินนภาไม่สนใจ ออกแรงสะบัดตัวให้หลุดจากการเกาะกุมและผลของการหลีกหนีจากเขาสุดแรงนั้นทำให้ร่างเพรียวสอบของนพพลก้าวถอยไปเหยียบพรมเช็ดเท้า เสียหลักลื่นล้มหงายลงจนหัวไปกระแทกเข้าที่ขอบของชั้นหนังสือเหล็กโครมใหญ่และเลือดตกออกจากบาดแผลเป็นกอง“คุณเบล...” ยืนมองผลของการกระทำนั้นด้วยใจระทึกตื่นเต้น ยิ่งเห็นอดีตสามีหน้าซีดเจ็บปวดยิ่งนิ่งทำอะไรไม่ถูก ไม่ได้เจตนาจะให้เขาบาดเจ็บแบบนี้ มันเป็นอุบัติเหตุ“รีนครับ...” พยายามกัดฟันข่มความเจ็บปวดเรียกหาฝ่ายหญิง เอื้อมมือไขว่คว้าแต่อีกฝ