บท 3
ในวันหยุดยาวชดเชยวันสำคัญของคนชาวไทย บ้านของสิรินนภายามนี้ถูกจับตกแต่งราวกับราชวังในนิทาน เพื่อเป็นการต้อนรับปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้หลักผู้ใหญ่ที่ทางครอบครัวฝ่ายชายขอความกรุณามาเป็นธุระเรื่องการทาบทามสู่ขอลูกสาวบ้านนี้อย่างเป็นทางการ อาจารย์สาวไม่ค่อยแปลกใจกับการต้อนรับแขก เธอเข้าใจว่าเป็นการทาบทามสู่ขอน้องสาวคนเดียวของเธอที่ตอนนี้คงจะคบหากับแฟนหนุ่มจนความรักสุกงอมหอมหวาน เธอมีแก่ใจช่วยทำน้ำใบเตยเย็นชื่นใจต้อนรับแขกเหรื่อที่แม่ตื่นเต้นนักหนา
“แขกรับน้ำดื่มเรียบร้อยแล้วค่ะคุณรีน เดี๋ยวทางนี้ป้ารับผิดชอบต่อเอง คุณรีนขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนผ้าเถอะนะคะ” ป้าจอมบอกกับคุณหนูน้อยคนงามด้วยรอยยิ้มหวาน วันหยุดว่างจากการสอนทั้งทีคนอย่างอาจารย์สิรินนภายังไม่ยอมอยู่เฉย ตื่นแต่เช้าลงมาช่วยหยิบจับงานครัวจนเรียบร้อย หลังจากที่ได้ยินคนเป็นแม่บอกถึงนัดหมายว่าจะมีแขกสำคัญมาเยี่ยมเยียนและพูดเรื่องสำคัญ
“จ่ะป้า” หญิงสาวรับคำยิ้มๆ ถอดผ้ากันเปื้อนและเดินกลับห้องนอนของตนที่อยู่ชั้นสองของตัวบ้าน แต่ไม่อายแอบมองไปที่โถงใหญ่รับแขก ซึ่งตอนนี้มีแขกคนสำคัญของคุณแม่นั่งอยู่เต็มไปหมด
“เอ...แล้วเจมส์ไปไหน” ถามกับตัวเองเบาๆเมื่อมองสำรวจดูแล้วเจอแต่คนแปลกหน้าแล้วยังไม่เจอฝ่ายชาย ที่เป็นแฟนหนุ่มของน้องสาว แต่เธอเห็นน้องนั่งข้างๆคุณแม่ด้วย “หรือว่าสู่ขอเขาไม่ต้องให้เจ้าบ่าวมา” นึกเล่นขำๆเพราะไม่ใคร่สนใจขนบธรรมเนียมแบบแต่งงานแบบนี้เท่าไหร่ สำหรับเธอ ขอแค่คนสองคนรักกัน ไม่ต้องมีพิธีไม่ต้องมีดอกไม้ ไม่ต้องให้ผู้ใหญ่มานั่งกองกันเยอะๆ ฤกษ์งามยามดีอะไรเธอไม่สนทั้งนั้น ขอแค่ให้ได้แต่งกับคนที่เธอรัก
สิรินนภาเลือกสวมเดรสสั้นทรงเอสีเขียวฟ้า บนบ่ามีกระเป๋าผ้าบรรจุเอกสารและโน้ตบุ๊คใบใหญ่เตรียมพร้อมที่จะออกไปหาร้านกาแฟสงบๆไว้นั่งทำงาน เหมือนปรกติที่ว่างไม่มีอะไรทำในช่วงวันหยุด
“คุณรีนคะ คุณแม่ให้ป้ามาตามค่ะ” แต่ยังไม่ทันได้ออกจากห้องไปไหน คุณป้าแม่บ้านก็ขึ้นมาตามตัวเธอเสียก่อน
“ตามรีนเหรอ?” หญิงสาวฉงน แต่ไม่มีเวลาคิดนานเพราะป้าจอมเดินเข้ามาดึงรั้งกระเป๋าทุกอย่างออกจากมือเธอ พร้อมทั้งพาเดินลงมาที่โถงใหญ่รับแขกอีกด้วย
“มาแล้วเหรอยัยรีน นั่งก่อนสิ” เสียงของมารดาเรียกสติกลับมาสู่ลูกสาวคนโตอีกครั้ง ทันทีที่ร่างบางเดินเข้ามา สายตาคู่สวยมองไปยังแขกของแม่ก่อนจะสะดุดตากับชายหนุ่มคนหนึ่งที่น่าจะอายุเท่าๆกันกับเธอ หนุ่มร่างสูงออกเป็นผู้ชายหุ่นเพรียวบางแต่ก็ดูภูมิฐาน ในชุดสูทสากลสุดเนี๊ยบ หน้าตาของเขาหล่อเหลาแต่แววตาดูมากเล่ห์และชัดเจนว่าประสงค์สิ่งใดในตัวเธอ
สายตาที่ชัดเจนว่าประสงค์สิ่งใดจากเธอนั่นแหละ ที่ตรึงให้ทั้งคู่จ้องสบตากันเนิ่นนานจนต้องมีคนอื่นมาเรียกสติ
“คะ?” ชั่วขณะหนึ่งที่ลืมตัว ทำหน้าเหวอเผลอปล่อยความเปิ่นออกมาจนเรียกเสียงหัวเราะน่าเอ็นดูจากทุกๆคน แต่หนุ่มหล่อคนนั้นทำเพียงแค่ยกมุมปากเหยียดยิ้ม สายตาเขาราวกับหมาป่าเจอกวางเนื้ออ่อน
“นั่งสิยัยรีน” นางอลิสาผู้เป็นแม่หันไปหัวเราะผสมโรงกับเพื่อนๆของนางที่กำลังหัวเราะเอ็นดูในกิริยาธรรมชาติของสิรินนภา ลูกสาวคนโตของนางอลิสา ยอดหญิงเหล็กที่บุกตะลุยธุรกิจมาทุกรูปแบบ แม้ส่วนมากจะล้มลุกคลุกคลาน แต่อย่างน้อยๆก็ส่งลูกเรียนจบสูงกันทุกคน
“ค่ะ” หญิงสาวเดินสำรวมมานั่งข้างๆแม่ฝั่งที่ว่างอยู่ จากนั้นยกมือไหว้แขกทุกคนอย่างเรียบร้อย
“หนูรีนโตเป็นสาวสวยจริงๆนะยัยสา” นางวิมลว่าตามใจนึก สิรินนภาเป็นสาวสวยสง่าไปเสียทุกสัดส่วน เรียนสูงจบปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของประเทศ แล้วตอนนี้ยังเป็นอาจารย์สอนหนังสือให้คนนับหน้าถือตาอีกด้วย ถ้าลูกชายของเธอได้ผู้หญิงแบบนี้มาเป็นเมีย อย่างน้อยชายเจ้าสำอางและรักสนุกอย่างนพพลคงจะถูกความน่าเกรงใจของเธอกำราบได้บ้าง “เป็นอันว่าฉันขอให้เร่งฤกษ์ยามให้ไวขึ้นหน่อยก็แล้วกัน ฉันถูกใจและอยากได้สะใภ้สวยๆแบบนี้มาให้ตาเบลนานแล้ว”
นางหมายถึงลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนเดียว นพพล รัตนาสกุล นักธุรกิจหนุ่มเนื้อหอมที่ขยันมีข่าวกับดารานางแบบมากมาย แม้ลูกชายของนางจะบริหารธุรกิจรวมทั้งทำงานเก่ง แต่ความเจ้าชู้และขยันมีข่าวเสียๆหายๆทำให้ไม่ไว้วางใจว่าสายลมเจ้าชู้อย่างลูกชายคนนี้จะพัดไปหยุดตรงไหนและหยุดเมื่อไหร่ วันนี้เลยต้องจับดูตัวเลือกคู่ให้เสียเลย
“ว่าไงล่ะตาเบล ยัยรีนของน้าสวยถูกใจหรือเปล่า” คนเป็นแม่หันไปดูปฏิกิริยาของคนที่หมายมั่นไว้ว่าจะให้เป็นลูกเขย
“อะไรกันคะคุณแม่” สาวงามถึงกับอดกลั้นความมีมารยาทไว้ไม่อยู่ พูดแทรกผู้หลักผู้ใหญ่ เริ่มเข้าใจอะไรเลาๆ งานนี้ที่แขกเต็มบ้านเขาไม่ได้มาสู่ขอน้องสาวของเธอ แต่มาเพื่อคลุมถุงชนมัดมือชกเธอต่างหาก
“หนูรีน นี่ตาเบล ลูกน้าเองจ่ะ ตาเบลนี่น้องรีนนะลูกทำความรู้จักกันให้คุ้นเคยเข้าไว้” นางวิมลทำหน้าที่เป็นแม่สื่อแม่ชัก ไม่ได้สนใจใยดีกับสีหน้าใบ้กินกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของสิรินนภาแม้แต่น้อย แม้สมัยนี้จะไม่มีการคลุมถุงชน แต่ก็ใช่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่ได้ นางจะร่วมมือกับนางอลิสาเพื่อนรัก จับลูกๆแต่งงานกันให้ได้
“ไหว้พี่เขาสิลูก ตกปีนี้ก็คงจะรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่ว่าคุณน้าวิมลคลอดพี่เบลก่อนรีนประมาณสามเดือน เรียกเขาว่าพี่ให้สนิทกันไว้นะลูก” ผู้ใหญ่ทุกคนในโถงรับแขก ต่างยิ้มเล็กยิ้มน้อยถูกอกถูกใจที่ว่าที่บ่าวสาวดูสวยหล่อสมกัน เรื่องนิสัยไว้แต่งงานค่อยเรียนรู้กันไปก็ได้ ขอให้ได้แต่งกันก่อน สำหรับคนเป็นแม่อย่างอลิสา เธอมีหน้าที่สรรหาหนุ่มรูปงามมีชาติตระกูลให้แก่สิรินนภา จะใครก็ได้ให้เห็นว่าเถือกเถาเหล่าก่อดีงาม อย่างน้อยๆก็ให้ลูกสาวคนนี้เลิกเฝ้ารอนายแดนไตร คนที่ตามเฝ้ากันเป็นสิบปีแต่ถามกี่ทีก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะมอบสถานะอะไรให้กัน
“แล้วตกลงว่ายังไงกันดีล่ะคุณสา คุณมล จะให้ผมพูดตามพิธีเลยไหม” ปลัดอาวุโสแห่งกระทรวงมหาดไทยที่มาเป็นเกียรติครั้งนี้แทรกขึ้น รอยยิ้มล้อเลียนหนุ่มสาวยังปรากฏแต่งแต้มใบหน้า ลูกสาวคนนี้ของอลิสาสวยจัดดูเรียบร้อยซ้ำยังเป็นถึงครูบาอาจารย์ ลูกชายคนเดียวของวิมลก็หล่อเหลาหุ่นดีเหมือนนายแบบ แล้วยังร่ำรวยเก่งกาจ สมกันยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น จะมีห่วงก็แค่กิติศัพท์เรื่องความเจ้าชู้ของฝ่ายชายที่ดังก้องหล้า
“ค่ะ ทาบทามสู่ขอกันไว้ก่อน สะใภ้สวยๆแบบนี้ต้องรีบจองไว้ให้ตาเบล เดี๋ยวไปหาฤกษ์ยามอีกทีให้เร็วๆนี้เลยก็แล้วกัน” นางวิมลเจ้ากี้เจ้าการอยากจะจับจองหญิงสาวไว้ ราวกับเธอเป็นสินค้าหรือสิ่งของก็ไม่ปาน
“นี่หมายความว่า คุณแม่จะให้รีนแต่งงานกับคนที่พึ่งเจอกันวันนี้ อย่างนั้นเหรอคะ” เริ่มโวยเมื่อรู้สึกถึงการถูกคุกคาม แต่เสียงโวยวายของเธอไม่ได้รับความสนใจจากคนเป็นแม่ คุณอลิสาไหวไหล่เล็กน้อย กับท่าทางเดือดร้อนเหล่านั้น กะอีแค่ดูตัวและแต่งงาน เธอทำมาก่อนแล้วตอนพ่อของลูกๆทั้งหลาย ก็อยู่กินด้วยกันปรกติสุขดีจนกระทั่งพ่อของเด็กๆตายจากไปด้วยอุบัติเหตุเมื่อสามปีก่อนนั่นแหละ
“ใช่” นางตอบไม่ยี่หละ ไม่แม้แต่จะหันมามองลูกด้วยซ้ำว่าตอนนี้ช็อคไปทุกสัดส่วนขนาดไหน
“ไม่นะคะ ไม่แต่งนะคะ รีนมีคนรักอยู่แล้ว” ไม้ตายสุดท้ายถูกนำมาอ้าง ซ้ำยังแอบขยับฐานะแดนไตร ชายในดวงใจที่เธอสารภาพรักไปเมื่อหกปีก่อนขึ้นมาอ้างอีกด้วย
“ยัยรีน!”
“คุณแม่คะ รีนรักแดนไตร รีนจะแต่งงานกับแดนไตรคนเดียวเท่านั้นค่ะ”
ทุกคนในโถงรับแขกชะงักกับคำประกาศก้องของหญิงสาวคนที่ชะงักมากที่สุดคือนพพล เขาดูเงียบขรึมลงทันทีที่ได้ยินดังนั้น สายตาลึกลับเริ่มหรี่มองคนตรงหน้าเพราะกำลังชั่งใจว่าคนที่ชื่อแดนไตร ที่สิรินนภาเอ่ยว่ารักปาวๆนั้น จะเป็นแดนไตรคนเดียวกันที่เคยเป็นเพื่อนร่วมมหาลัยของเขาหรือเปล่า แต่จะว่าเป็นเพื่อนก็ดูจะโกหกเพราะเราเป็นศัตรูกันทุกๆทางตั้งแต่เรียนอยู่วอชิงตันแล้ว โลกคงไม่กลมขนาดนั้น
“ไอ้ตุ่นมันไม่ได้รักเธอ! ถ้ามันรักมันไม่ปล่อยให้เธอรอเป็นสิบปีแบบนี้หรอก อีกอย่างตอนนี้มีข่าวออกครึกโครมว่ากำลังปลูกต้นรักกับหนูบัวหอม เลิกหวังลมๆแล้งๆสักที”
คำพูดของนางอลิสายิ่งทำให้แววตาของนพพลวาววับขึ้น เริ่มรู้สึกสนุกกับการเลือกคู่ครั้งนี้เสียแล้ว เพราะมัน ‘บังเอิญ’ เป็นแดนไตร หรือไอ้ตุ่นคนเดียวกันกับคนที่เป็นคู่แข่งของเขาในทุกๆเรื่อง
สิรินนภาหน้าซีดเผือดกับสิ่งที่ได้ยินจากปากของแม่ อีกครั้งที่น้ำใจเธอถูกหักหาญโดยแม่แท้ๆต่อหน้าคนอื่น และถูกทำร้ายจิตใจทางอ้อมจากการหลงรักแดนไตรข้างเดียว “คุณแม่...”
“เลิกฝันลมๆแล้งๆสักที เราเสียเวลากับคนที่ไม่มีใจมามากพอแล้ว แม่จะไม่ยอมให้ลูกเสียเวลาไปกับความรักที่ไร้ค่าจากคนไม่มีใจให้เราแบบนั้นอีกต่อไป”
“รีนไม่...” คราวนี้ถึงกับจุกปฏิเสธไม่ออก เขาใจว่าคนเป็นแม่หวังดี อยากให้เธอไปเจอสิ่งดีๆไม่จมปลักกับรักที่ไม่สมหวังเสียที ถึงแดนไตรจะไม่ปฏิเสธแต่เขาก็ไม่ได้แสดงออกอะไรแม้แต่น้อยว่าจะทำให้เธอสุขสมหวัง สิบกว่าปีแล้วที่มันคาราคาซัง
“แม่คะ” จารุมนผู้เป็นน้องสาวต้องช่วยออกโรงปรามแม่ ต่อหน้าคนอื่นจะมาหักหาญน้ำใจพี่สาวเธอเพื่อให้กลายเป็นเจ้าสาวง่ายๆ มันก็ดูไม่ค่อยเข้าที
“เงียบไปเลยหนูมุก นี่เป็นเรื่องของผู้ใหญ่”
“ถ้าอย่างนั้น เอายังไงดีล่ะสา” นางวิมลเริ่มปรึกษาหารือ
“ทาบทามสู่ขอไปเลยค่ะ” แม่ลูกสองมีความเด็ดเดี่ยวเสมอ
“แต่ว่า จะดีเหรอครับ” ผู้หลักผู้ใหญ่เริ่มหารือกัน
“หนูไม่แต่งนะคะ รีนอยากเลือกคนที่รีนรักมาเป็นคู่ชีวิต คุณแม่อย่าคลุมถุงชนรีนเลยนะคะ” เริ่มให้เหตุผล “คุณคะ เราไม่ได้รักกัน ฉันมีคนรักอยู่แล้วเราจะแต่งงานกันไม่ได้นะคะ” คราวนี้เริ่มหันไปขอความช่วยเหลือจากชายหนุ่มที่เธอไม่รู้จักแม้แต่ชื่อจริง ไม่รู้จักอะไรเลยแต่ต้องมาแต่งงานกัน
“ผมขอโทษด้วยนะครับคุณรีน ผมขัดคุณแม่ไมได้จริงๆในเรื่องนี้” วิธีปฏิเสธของเขาฉลาดเสมอ เลือกใช้แม่เป็นข้ออ้าง ในขณะที่หญิงสาวได้แต่นิ่งเงียบ จะขัดก็เกรงใจแม่ จะเห็นแก่ความสุขของตัวเองก็ยังหาวิธีที่ฉลาดในการหาทางออกไม่ได้
“อย่าโง่ไปหน่อยเลยยัยรีน แม่หาคนที่ดีที่สุดให้ลูกสาวของแม่อยู่แล้ว!” คนเป็นแม่กระซิบกระซาบเสียงเข้มข้น ในขณะที่สิรินนภาต้องปั้นหน้ายิ้มแม้จะลำบากเต็มที่
“แหม่ ไม่โง่หรอกค่ะคุณสา หนูรีนเขาจบดอกเตอร์ เขาต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเองอยู่แล้ว ใช่ไหมลูก” นางวิมลลำพองใจในความฉลาดเฉลียวและมั่งคั่งร่ำรวยของตระกูลและลูกชายเหลือเกิน หากได้ดอกเตอร์สาว ทั้งสวย ทั้งเก่งและยังโสดอย่างสิรินนภา จะยิ่งเพิ่มพูนความสมบูรณ์แบบให้ชีวิตมากขึ้น
สิรินนภาถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อได้ยินในสิ่งที่หญิงวัยกลางคนตรงนี้พูด สิ่งที่ดีที่สุดของนางวิมลมีความแปลก เรียนจบสูง ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ชีวิต มันใช่จริงๆเหรอ? สุดท้ายคนเราไม่ได้ต้องการแค่สิ่งที่พึงพอใจเหรอ เห็นทีวิถีชีวิตของเธอจะเข้ากันกับครอบครัวตรรกะแปลกแบบนี้ลำบาก
“ถ้าจะสู่ขอแล้วพาผู้ใหญ่มาแบบนี้ รีนคงปฏิเสธอะไรไม่ได้ค่ะ แต่ขออนุญาตตั้งคำถามเล็กน้อย เพียงข้อเดียว คุณเบลเขาไม่รู้จักรีน วิถีชีวิตของเราอาจจะเข้ากันไม่ได้ ชีวิตแต่งงานแบบคลุมถุงชนอย่างที่คุณแม่กับคุณน้ากำลังทำอยู่ มันจะไปรอดเหรอคะ”
คำถามฉลาดเฉลียวจากเธอทำให้ทุกๆคนเริ่มขบคิด จนในที่สุดก็ได้ทางออกสำหรับเรื่องเหล่านี้ โดยให้ทั้งคู่ คบหาดูใจและศึกษาเรียนรู้กันก่อน
หลังเสร็จจากคุยทาบทามหญิงสาวเพื่อจะมาเป็นสะใภ้ของรัตนาสกุลและเป็นเมียที่ถูกต้องเชิดหน้าชูตาของเขา นพพลได้เข้าไปทำงานที่บริษัทต่อ เป็นบริษัทลงทุนหลักทรัพย์ที่เขาเปิดขึ้นเพื่อคอยกว้านซื้อหุ้นที่มีบริษัทต้องการขายและเป็นงานอดิเรกฆ่าเวลาว่างๆพร้อมทั้งใช้เงินที่มีเหลือให้ใช้จ่ายมากมายอีกยี่สิบชาติก็ใช้ไม่หมด
ตรวจเช็คพล็อตหุ้นไปเรื่อยๆว่ามาสะดุดกับการซื้อขายหุ้นกระดานหนึ่ง “ไอ้ตุ่น!” โกรธจัดจนกัดสันกรามนูนขึ้น หุ้นดาวเทียมสื่อสารอีกตัวถูกซื้อตัดหน้าโดยแดนไตร และมันยิ่งตอกย้ำให้เขาหมั่นไส้ในตัวคู่แข่งคนนี้ยิ่งขึ้นเมื่อวันนั้นเขาเห็นสิรินนภาเดินห้างกับแดนไตร ดูสนิทสนมกันดี ตามสืบตามถามกับทั้งแม่ของตนและแม่ของเธอจนได้ความว่าทั้งคู่สนิทสนมกันมาเป็นสิบปี คนรักที่สิรินนภาอ้างถึง ก็คือคนๆเดียวกับที่เป็นศัตรูทางธุรกิจของเขา เพราะผู้ชายที่ชื่อแดนไตรนี่แหละทำให้สิรินนภากลายเป็นสาวเทื้อเกาะคาน เพราะสาวเจ้าดันติดบ่วงรักของชายหนุ่มอย่างถอนใจไม่ขึ้นเสียที
“ผมคงต้องช่วยถอนคุณออกจากหลุมรักนี่แล้วล่ะ สิรินนภา” เสียงลุ่มลึกกับสายตาลึกล้ำเกินหยั่งทอดมองไปที่หน้าจอโทรศัพท์ที่มีการส่งรูปภาพใกล้ชิดควงแขนจูงจับมือไม้ระหว่างสิรินนภาและแดนไตร ในการแต่งงานที่แม่ของเขาเจ้ากี้เจ้าการ มันจะต้องมีอะไรมากกว่านั้น อย่างน้อยๆก็ได้ของเล่นเพิ่มอีกหนึ่งชิ้น
นพพลมีแผนการหลอกใช้ความสนิทสนมที่สิรินนภามีต่อแดนไตรในการสืบเสาะข้อมูลการค้าการลงทุนของเขา บัวหอมเองก็มีแผนที่จะเริ่มทวงคืนทุกอย่างที่ถูกคนเลี้ยงไม่เชื่องแย่งชิงไป
ขั้นแรกเริ่มคือเริ่มขอทำงานเป็นผู้ช่วยของเขาอีกหนึ่งตำแหน่งเพื่อเรียนรู้งานบริหาร ในขณะที่แดนไตรเก็บความดีใจแทบไม่มิดที่ในที่สุดคุณหนูคนดียินยอมเรียนรู้งานบริหารบริษัทจากเขา แต่แท้จริงแล้วมันมีอะไรลึกซึ้งกว่านั้น เธอจะอยู่ข้างๆเขาทำราวกับสนิทสนมเพื่อให้เขามีปัญหาหึงหวงกับสิรินนภา และจะคอยบ่อนทำลายความเป็นแดนไตรผู้ชาญฉลาดลงช้าๆ
“ถ้าคุณหนูอยากได้อะไรเพิ่มเติม ก็บอกกับคุณมัญชรีได้เลยนะครับ ต่อไปนี้คุณมัญชรีจะเป็นเลขาผู้ช่วยของคุณด้วย” ชายหนุ่มเดินยิ้มแย้มเข้ามาในห้องทำงานหรูสำหรับทายาทเจ้าของบริษัทคนเก่า ห้องนี้เขารังสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษเพื่อเธอโดยเฉพาะหลังจากที่ปล่อยหญิงสาวไปนั่งในห้องกระจกแคบๆในช่วงแรกๆของการกลับมาทำงาน
คนชิงชังไม่ตอบอะไรไม่คิดยินดียินร้าย เธอเจ็บใจแทบอดที่จะอาละวาดไม่ไหวที่กลายเป็นทาสในบริษัทของตัวเองแบบนี้ แม้บรรยากาศห้องดูหรูหราปนกับอ่อนหวานสบายตา สร้างความสดชื่นให้คนทำงาน ทุกอย่างเขาทำมันขึ้นเพื่อเธอแต่หัวใจที่ผิดหวังมันเย็นชาหยาบคายจนความหวังดีเล็กๆน้อยๆที่เขามีให้ไม่อาจสร้างความรู้สึกอะไรได้
“คุณหนูครับ เดี๋ยวเที่ยงนี้ผมขออนุญาตเลี้ยงมื้อเที่ยงเป็นการต้อนรับคุณหนูกลับมานะครับ” แดนไตรสุภาพเสมอ เขาอยากจะเอาอกเอาใจเพื่อหวังไถ่โทษในความผิดทุกๆอย่างที่ทำให้บัวหอมไม่สบายใจ แม้จะรู้ว่าคนต่ำต้อยอย่างเขาไม่มีค่าพอที่จะทำให้คุณหนูหงส์คนนี้สนใจใยดีอีกต่อไป ทว่ามันก็ยังหวัง หวังจะอยู่ในสายตายินดีของเธอเหมือนเมื่อครั้งยังเป็นเด็กตัวน้อยบ้าง
“ค่ะ” ตอบรับอย่างเย็นชา
เมื่อหมดบทสนทนาที่จะพูดกันต่อและเมื่อเธอทำท่าราวกับจะไม่คุยกับเขา ชายหนุ่มจึงเดินแยกออกมา พร้อมๆกับพยายามไม่คิดมากต่อท่าทีเกลียดชังเย็นชาที่เธอปฏิบัติ แต่ก็เพื่องาน เพื่อคุณนายอุบลและเพื่อตัวบัวหอมเองจึงต้องทนข่มความกล้ำกลืนเจ็บปวดนั้นไว้ ยินยอมเป็นไอ้ขี้โกง ไอ้เนรคุณเพื่อว่าสักวันหนึ่งคุณหนูของเขาจะพร้อมรับโลกแห่งความเป็นจริง
ถัดมาอีกสองอาทิตย์ สำหรับการเปลี่ยนบทบาทหน้าที่ของคุณหนูคนงาม แดนไตรสั่งการให้มัญชรีเลขาหน้าห้องไปบอกบัวหอมให้เตรียมตัวสำหรับร่วมงานกินเลี้ยงเปิดซองประมูลหุ้นน้ำตาลที่กำลังเป็นกระแสแรงของนักลงทุน โดยเศวต กรุ๊ปได้ร่วมเปิดซองประกวดราคาไว้
แดนไตรขับรถมารับหญิงสาวที่บ้านก่อนเวลานัดเล็กน้อย เพื่อถือโอกาสเยี่ยมเยียนนางอุบลและรายงานผลงานเบื้องต้นที่มันน่าพอใจนักหนาจนคนแก่ถึงกับน้ำตาคลอพร่ำพูดแต่ว่าหมดห่วงแล้ว ตายตาหลับแล้ว ก่อนจะหยุดการสนทนาเมื่อหญิงงามเดินลงบันไดมา วันนี้บัวหอมเลือกใช้ชุดเดรสราตรีแบบเกาะอกสีม่วงเปลือกองุ่น คลุมทับด้วยผ้าชีฟองปกปิดทรวงอกอะร้าอร่ามให้ดูอ่อนหวานอมเปรี้ยว
แรกพบตอนที่เดินมารับในบ้านพลขับสุดหล่อถึงกับลุกขึ้นยืนและจดจ้องเธอตรึงตาจนดูเหมือนจะหายใจไม่เป็น น้องน้อยของเขายิ่งนับวันยิ่งสวยสง่าเหมือนกลีบบัวแรกแย้มหอมหวานน่าถะนุถนอม
“ตุ่น น้องสวยไหมลูก” นางอุบลที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงรถเข็ญถามกระเซ้าเมื่อเห็นชายหนุ่มจ้องมองลูกสาวของตนด้วยสายตาสิเน่หามากล้น
“เอ่อ...” คนเขินพูดไม่ออกเมื่อถูกกระเซ้าต่อหน้าคนงามนางในดวงใจ
บัวหอมได้แต่ตีหน้านิ่งเพราะไม่รู้จะเขินอายหรือไม่พอใจในตัวชายหนุ่มดี หากเป็นเมื่อก่อน ก่อนที่เธอจะถูกเขาทรยศหักหลังแย่งชิงบริษัทและสมบัติไป ก็คงจะปลื้มใจที่ถูกพี่ตุ่นมองด้วยสายตาพิศวาสแบบนี้อยู่ไม่มากก็น้อย ถ้าไม่นับเรื่องนั้นเธอคงไม่มีความสับสนเหมือนทุกๆวันนี้
“ลูกคุณแม่สวยมากเลย ตุ่น ฉันฝากลูกบัวด้วยนะ” หญิงสูงไว้หันมาฝากฝังกับเด็กในอุปการะ วูบหนึ่งเกิดความรู้สึกสะเทือนใจอยู่บ้างที่ในตอนนี้ตนเองและลูกสาวกลายเป็นผู้ที่อยู่ภายใต้การอุปถัมภ์ของอดีตเด็กวัดคนนี้แทน ซ้ำยังใช้วิธีทวงบุญคุณอย่างน่าไม่อาย ผลักภาระทุกอย่างไปให้แดนไตรรับผิดชอบแทนทั้งที่ไม่ใช่เรื่อง ซึ่งเขาก็รับมันไปด้วยความกตัญญูรู้คุณ
“น้องบัวดูแลตัวเองได้ค่ะคุณแม่ อย่าไปฝากฝังให้เป็นธุระ ‘คนอื่น’ เลย” สายตากระด้างถูกส่งไปยังชายหนุ่มคนเดียวในนั้นจนอีกฝ่ายใจฝ่อ น้องบัวคงโกรธเกลียดเขามาก เราพูดกันดีๆ มองหน้ากันดีๆไม่ได้ด้วยซ้ำ
“เดี๋ยวประมาณห้าทุ่มผมจะพาคุณหนูมาส่งนะครับคุณนาย”
งานเลี้ยงคืนนี้เต็มไปด้วยบรรดานักธุรกิจทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่และบรรดาผู้รู้เรื่องหุ้นและการลงทุน ในงานนั้นแดนไตรมีสีหน้าเข้มข้นลุ่มลึกขึ้นด้วยความตรึงเครียดเมื่อเจอนพพลที่มาร่วมประมูลงานหุ้นเช่นกัน งานใดที่มีนพพลมันมักจะเกิดการแข่งขันกันในการเปิดซองประกวดราคาเสมอ จากที่เขาจะได้อะไรมาในราคาย่อมเยาหรือสมน้ำสมเนื้อ มันมักจะกลายเป็นได้ในราคาสูงเสมอ สำหรับอีกฝ่ายก็เช่นกัน หากมีแดนไตรที่งานไหนก็ต้องจ่ายในราคาที่มากกว่าที่คาดคิดไว้เสมอ
“คุณแดนไตรเป็นอะไรหรือเปล่าคะ ดูเครียดๆ” อยากรู้จนอดไม่ไหวต้องถามขึ้นเมื่อเห็นว่าอยู่ๆคนที่มักมีรอยยิ้มบนใบหน้าเสมอกลับนิ่งขรึมไปถนัดตา
“เจอนายนพพลน่ะ”
“ใครเหรอคะ เกี่ยวอะไรกับเรา”
“ครั้งหนึ่งเขาเคยพยายามจะช้อนซื้อหุ้นขงเศวต กรุ๊ป” ยังไม่เริ่มอธิบายก็จุดไฟโมโหให้แก่หญิงสาวเสียก่อน
“แต่ก็มาช้าไปเพราะเด็กในอุปการะของคุณแม่เป็นคนเข้ามาเทคโอเวอร์บริษัทไปทั้งหมดเสียก่อน” ตอบในสิ่งที่เข้าใจ น้ำเสียงและสายตาตำหนิผิดหวังชัดเจน
แดนไตรนิ่งไปเพราะที่เธอพูดมันก็ไม่ผิด เพียงแต่ไม่ใช่รายละเอียดของทั้งหมด หากเป็นนพพลเทคโอเวอร์บริษัทมันก็จะไม่ใช่บริษัทที่วันหนึ่งคุณหนูบัวหอมพร้อมแล้วเข้าไปบริหารงานต่อ แต่มันจะถูกเปลี่ยนมือถือครองจนกลายเป็นของใครก็ไม่รู้ ในเมื่อมันขึ้นสู่ระดับมหาชน เอกชนอื่นๆก็มีสิทธิเข้ามาเป็นเจ้าของได้ส่วนคุณหนูทายาทเจ้าของบริษัทที่แท้จริงก็จะต้องพบเจอกับโจทย์ปัญหาที่ท้าทายตามตำรายิ่งสูงยิ่งหนาวหรือสูญเสียทุกอย่างที่ควรได้รับสืบทอด เขาไม่อยากคาดเดาให้เจ็บปวด
“ที่ผมทำทุกอย่าง เพราะรักและหวังดีต่อคุณหนูและคุณนายจริงๆนะครับ” เขาหันมายืนยันเจตนาแต่นั่นยิ่งทำให้คนฟังโกรธและเกลียด จนต้องเรียกหาเครื่องดื่มเย็นๆหวานๆดับความร้อนรุ่มใจ คิดถึงเรื่องนี้ทีไรอดใจที่จะด่าเขาแรงๆแทบไม่ไหว
“อยากจะอ้วก” พึมพรำในลำคอ แค่นยิ้มเหยียดหยันกลิ่นเงินมันหอมหวานเย้ายวน เกินกว่าที่คนอย่างเขาซึ่งอยากได้อยากมีผลระโยชน์จะปล่อยผ่าน ที่มาอ้างความรักความหวังดี ให้ตายก็ไม่มีทางเชื่อ จนตายก็ไม่เชื่อ
“สวัสดีครับคุณแดนไตร มาประกวดราคาประมูลเหมือนกันเหรอครับ” ชายหนุ่มหน้าตาดีรูปร่างสูงเพรียวเดินเข้ามาทักทายอย่างสุภาพอ่อนน้อม “สวัสดีครับคุณผู้หญิง” แต่ทว่าท่าทีและสายตาของเขาฉายชัดว่าสนใจผู้หญิงที่ยืนเคียงข้างแดนไตรมากกว่าสิ่งอื่นใด
“สวัสดีค่ะ” บัวหอมทักตอบตามมารยาท
“สวัสดีครับคุณนพพล มาร่วมประกวดราคาเหมือนกันเหรอครับ”
แดนไตรรีบก้าวเข้ามายืนข้างหญิงสาว เป็นสัญญาณบอกว่าห้ามให้นพพลยุ่งย่ามกับผู้หญิงคนนี้ แต่มีเหรอคนกวนประสาทจะยอมทำตามโดยง่าย
“ครับ หุ้นโรงงานน้ำตาลกำลังมาแรงและน่าสนใจ รีบลงทุนเสียงตั้งแต่ตอนนี้ อีกไม่นานก็ออกดอกออกผลงดงาม” ยกมุมปากยิ้มเล็กน้อย แต่สายตาท้าทายชัดเจนถือเป็นการประกาศสงคราม ผู้หญิงคนนี้แดนไตรดูห่วงหวงเป็นพิเศษ ต้องมีอะไรพิเศษกว่านั้นและหุ้นโรงงานน้ำตาลแดนไตรก็ดูต้องการเป็นพิเศษ ดังนั้น อะไรที่อีกฝ่ายต้องการเขาจะเข้าแข่งและแย่งชิงมาให้หมด ให้มันรู้กันว่าคนอย่างนายนพพลผู้เพียบพร้อมกับอีกคนเด็กวัดไร้หัวนอนปลายเท้าที่เป็นนักธุรกิจหน้าใหม่ ใครมันจะแน่กว่ากัน
“ตุ่นคะ” เสียงหวานของผู้หญิงเรียกหาแดนไตรก่อนที่ชายทั้งสองจะทำสงครามประสาทกัน เสียงผู้หญิงมาใหม่ดูยินดีและดีใจที่พบเจอกับเขาจนบัวหอมต้องรีบหันไปให้ความสนใจ เธอคนนี้อีกแล้ว สิรินนภา
“อ้าวรีน มาเป็นกรรมการประกวดราคาเหรอ” ชายหนุ่มทักทายยิ้มแย้มอ่อนโยนกับเพื่อนสนิทที่สำคัญที่สุดของเขา และแน่นอนอาการสนิทสนมของสิรินนภาและแดนไตรตกอยู่ในสายตาของคนเจ้าแผนการทั้งสอง สิรินนภาเป็นผู้หญิงที่ผู้ใหญ่ทาบทามสู่ขอให้นพพล แต่เขาถูกเธอปฏิเสธอ้อมๆอย่างสุภาพแต่เชือดเฉือน พร้อมกับที่มีความสนิทสนมเป็นพิเศษและชัดเจนกับหนามยอกใจและคู่แข่งทุกๆเรื่องของเขาอย่างนายแดนไตร งานนี้สนุกแน่
“ตุ่นมาก็ดีค่ะ วันนี้รถที่บ้านรีนเสีย เลยให้ยัยมุกมาส่ง ถ้าตุ่นมาจะได้ไม่ต้องโทรตามให้มารีบอีกรอบ”
“ได้สิครับ ผมจะไปส่งรีนนะ อยากกลับก่อนหรือจะกลับเมื่อไหร่ก็บอกเลยนะ”
เขาพูดราวกับว่ามาที่นี่เพียงลำพัง บัวหอมนึกฉุนผู้หญิงคนนี้ คนที่แดนไตรให้ความสำคัญ ทั้งๆที่เธอมากับเขาแต่เวลากลับจะขึ้นอยู่ที่ผู้หญิงคนอื่นได้อย่างไร
ผลการประมูลเป็นไปตามที่แดนไตรต้องการ เขาชนะการประกวดราคาประมูลแม้จะต้องจ่ายเงินเพิ่มกว่าความตั้งใจเดิมประมาณห้าแสนบาท แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าทั้งในอนาคตสำหรับเศวต กรุ๊ปและวิริยะกิจเพราะหุ้นโรงงานน้ำตาลจะต้องทำกำไรได้ในอนาคต ประกอบกับอยู่ๆนพพลกลับเลิกการชูซองประกวดราคากลางคัน หลังจากที่หันไปพบเข้ากับสายตาไม่พอใจของสิรินนภา เขาคงต้องยอมถอยสักก้าวเพื่อได้อะไรที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น อีกอย่าง ตอนนี้หุ้นน้ำตาลยังมีราคาสูงเพราะเป็นหุ้นที่มาแรง ทิ้งไว้อีกสักห้าเดือนอาจจะราคาตกกว่านี้
งานเลี้ยงใกล้ช่วงเวลาเลิกรา นักธุรกิจมากหน้าหลายตาเข้ามาให้ความยินดีกับความสำเร็จในวันนี้ของแดนไตร และชายหนุ่มก็ไม่ลืมที่จะแนะนำตัวบัวหอมในฐานะหนึ่งในกรรมการบริหารบริษัทและเป็นทายาทของเศวต กรุ๊ป แต่เธอก็ไม่ได้เป็นที่สนใจเท่าที่ควรเพราะตอนนี้ไม่มีใครน่าสนใจมากไปกว่าผู้เทคโอเวอร์เศวต กรุ๊ป ต่อให้คับแค้นใจแค่ไหนก็ทำได้เพียงยืนนิ่งๆขบเขี้ยวเคี้ยวฟันยืนมองผู้คนรุมล้อมคนประสบความสำเร็จ บัวหอมรู้สึกตัวเองเหมือนหมาหัวเน่าในสังคมปลอมเปลือก แก้วในมือถูกบีบเค้นแน่นหนักก่อนจะตัดสินใจก้าวออกจากจุดนี้ จุดที่มีแต่คนให้ความสนใจแดนไตร คนที่เธอเกลียดเข้ากระดูกดำพร้อมๆกับความรู้สึกแหลกสลาย
“เดี๋ยวผมขอตัวก่อนนะครับ” ชายหนุ่มบอกอย่างสุภาพก่อนจะเดินมาบริเวณประตูทางออกของงานที่คุณหนูของเขายืนหน้าบอกบุญไม่รับอยู่
“คุณหนูครับ เรากลับกันเถอะนะ” หญิงสาวไม่ตอบแต่ก้าวเดินนำก่อน แต่อารามก้าวเร็วในบริเวณทางต่างระดับการผิดจะหวะเลยเกิดขึ้น ท่ามกลางความตกใจที่ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วเฉียบพลัน ร่างบางเซถลาร่วงจากบันไดหน้าห้องโถงจนตกกระแทกกับพื้น เคราะห์ดีที่บันไดมีเพียงห้าขั้นเลยไม่น่าจะอาการหนักมาก แต่บริเวณขาขวากระแทกไปตามขั้นบันไดจนปวดตุบๆ
“คุณหนู!” ร่างสูงรีบตามลงมาดูอาการ และทันทีทีเขานั่งลงร่างบางก็เริ่มสั่นเทาและมีเสียงสะอึกสะอื้นตามมา
“พี่ตุ่น” ความเจ็บจากอาการเคล็ดขัดยอกทำเอาน้ำตาร่วงเป็นสร้อยมุกสายขาด โผเข้าหาร่างสูงด้วยความเสียขวัญ “น้องบัวเจ็บค่ะ”
“น้องบัวเจ็บตรงไหนครับ ไปโรงพยาบาลให้หมอตรวจดูนะ ลุกไหวไหม” ตกบันไดแบบนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับกระดูกอยู่บ้าง เขาจะต้องพาเธอไปตรวจร่างกายโดยละเอียดก่อน ไม่เช่นนั้นคืนนี้คงนอนไม่หลับด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ เห็นน้องเจ็บจนตัวซีดตัวสั่นยิ่งสงสารและเห็นใจ
“ไม่ไหวค่ะ บัวเจ็บขา” สุดท้ายก็ต้องช้อนอุ้มร่างเน่งน้อยไว้ในอ้อมแขน พาเธอไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ความร้อนรนใจของแดนไตรทำให้ไม่ได้สนใจสิรินนภาที่พยายามก้าวเท้าเร็วๆตามมาจากในงานแต่ก็มาทันเพียงแผ่นหลังแข็งแรงกำยำที่มีหญิงสาวน่ารักอ้อนแอ้นถูกอุ้มเกาะเกี่ยวไว้อยู่
“ตุ่นคะ รอรีนก่อน” อาจารย์สาวยังไม่ละความพยายามวิ่งตาม “ตุ่นคะ!” จนชายหนุ่มได้ยินเสียงเรียกที่ดังขึ้นกว่าเดิมจึงหันกลับมามอง
“รีนครับ ผมขอโทษนะครับแต่เกิดอุบัติเหตุขึ้นกับคุณหนู ผมต้องพาเธอไปหาหมอก่อนยังไงคุณรอผมหน่อยนะ” บอกรัวเร็วก่อนจะหันกลับอุ้มร่างเล็กไปต่อ
“ตุ่น....” สิรินนภาถึงกับชะงักเมื่อในช่วงระหว่างที่แดนไตรหันหลังกลับ หญิงสาวในอ้อมแขนของเขาได้หยุดทำหน้าตาเหมือนจะร้องไห้ แต่ชำเลืองมองมาที่เธอด้วยสายตาเหนือกว่าพร้อมทั้งยกมุมปากยิ้มเย้ย เปิดเผยความสะใจในชัยชนะที่ดึงดูดความสนใจที่แดนไตรควรมีให้เธอได้สำเร็จ
บทที่ 5 บ่วงเสน่หาบริษัทเศวต กรุ๊ปได้รับคำเชื้อเชิญให้ร่วมพิธีเปิดอาณาจักรโรงงานอาหารแปรรูปข้ามชาติในจังหวัดหนึ่งติดทะเลอ่าวไทย พิธีการถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เพราะเป็นอภิมหาโครงการที่มีการลงทุนในระดับข้ามชาติ ดังนั้น เศวต กรุ๊ปและแดนไตร ในฐานะที่ปรึกษาโครงการต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองการพัฒนาอีกขั้นของอุตสาหกรรมอาหารแปรรูปครั้งนี้ด้วย ทีแรกบัวหอมไม่ประสงค์ที่จะร่วมเดินทางมางานเลี้ยงครั้งนี้เพราะถือว่าตนไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรกับการลงทุนครั้งนี้ แต่ก็มีบัตรเทียบเชิญในนามบริษัทและเธอไม่ยินยอมหากแดนไตรจะได้ไปร่วมงานในนามของบริษัทแต่เพียงผู้เดียว เพราะเศวต กรุ๊ปคือบริษัทของเธอ‘ถ้าไม่ได้ชื่อเสียงของเศวต กรุ๊ป ก็ไม่มีใครเขาจ้างเศรษฐีหน้าใหม่อย่างแกมาให้คำปรึกษาหรอก’ คุณหนูคนงามยังคงมองด้านเดียว เธอไม่ได้มองว่าแดนไตรเป็นฝ่ายทำทุกอย่างเพื่อสร้างเครดิตให้กับบริษัทของเธอ และเขาได้ช่วยทำให้บริษัทที่ใกล้จะถึงจุดล่มสลายได้กลับกลายเป็นที่รู้จักในตลาดหลักทรัพย์และในแวดวงศ์ธุรกิจอีกครั้ง ทั้งๆที่เขาจะอ้างถึงเพียงชื่อของเขา นายแดนไตร วิริยะกิจ เจ้าพ่อตลาดหลักทรัพย์ที่ประสบความสำเร็จในทางธุรกิจและการลงท
บทที่ 4โจรปล้นจูบเพียงต้องการจะป่วนประสาท เธอถึงกับยอมล้มลงเพื่อให้ดูเหมือนพลัดตกบันได เพื่อให้แดนไตรปฏิเสธนัดที่มีต่อสิรินนภาและมาเฝ้าไข้เธอที่มีอาการบาดเจ็บ ทั้งๆที่เขาสัญญาจะพาอีกฝ่ายกลับบ้านผลการรักษาพบว่าคนเจ็บไม่เป็นอะไรมากแต่เนื่องจากบัวหอมซึมลงอย่างเห็นได้ชัดจนแดนไตรร้อนใจและอยากให้เฝ้าดูอาการอีกคืนหนึ่งจึงขอหมอให้เธอแอดมิด“น้องบัวเป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนไหมครับพี่จะไปตามหมอมาให้” เกือบค่อนคืนเขานั่งเฝ้าไม่ไปไหน แม้แต่เสียงโทรศัพท์ที่ดังยังไม่ยอมลุกขึ้นไปรับ“เจ็บค่ะ”“เจ็บตรงไหน เจ็บมากไหมพี่จะไปตามหมอนะ” รีบลุกกระวีกระวาดแต่มือบางจับคว้าแขนเขาไว้พร้อมทั้งออกแรงบีบแน่น ยิ่งเขาถามด้วยท่าทีอ่อนโยนเป็นห่วง ก็ยิ่งมีความสับสนมากขึ้น“ทำไมต้องทำเหมือนเป็นห่วงกันทั้งๆที่ถ้าไม่มีฉันสักคนคุณก็เป็นเจ้าของบริษัทได้โดยไม่มีใครตั้งคำถามหรือข้อครหาอยู่แล้ว คุณควรจะดีใจนะที่เห็นฉันเจ็บยิ่งฉันตายยิ่งต้องดีใจเพราะทุกๆอย่างมันจะเป็นของคุณโดยสมบูรณ์ไม่ต้องมาคอยทำท่าทางไม่ต้องการบริษัทฉันอย่างที่ทำอยู่ทุกวัน” เค้นเสียงอย่างอัดอั้น ยิ่งมองหน้ายิ่งสับสนละคนผิดหวัง ชายหนุ่มไม่ตอบเพราะในใจรู้ดีว
บทที่ 6ก่อนหน้านั้น...บทรักอ่อนหวานที่กินเวลาจนย่ำรุ่งไม่ได้ทำให้สาวที่พึ่งสูญเสียความบริสุทธิ์และก้าวผ่านความเจ็บปวดฉีกขาดนั้นจับไข้หรือเป็นอะไร แต่ทว่ากลับเป็นฝ่ายชายหนุ่มที่มีอาการหนักหัวจนลุกจากหมอนไม่ได้ เขาคิดจนหัวแทบระเบิดว่าเมื่อวานทำกิจกรรมอะไรที่ส่งผลให้มีอาการครั่นเนื้อตัวและหนักหัวคล้ายจะเป็นไข้หวัดแบบนี้ก็ยังคิดไม่ออก เพราะถ้ากิจกรรมเข้าจังหวะแนบชิดเมื่อคืนคงจะไม่ใช่สาเหตุหลักเพราะเขาทำกับหญิงสาวคนอื่นๆมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วจนกระทั่งคิดออกว่าเมื่อวานตอนมื้อค่ำ เขาได้กินกุ้งทะเลและหอยนางรมเข้าไป เนื่องจากตอนเด็กเป็นเด็กวัด ถูกเลี้ยงมาด้วยข้าวก้นบาตรจากพระอาหารดีๆหรูๆจึงคล้ายกับเป็นของแสลงท้อง โดยเฉพาะกุ้งทะเลตัวใหญ่ๆและหอยนางรมสดๆที่ตั้งแต่แรกเกิดกำพร้าพ่อแม่ก็ยังไม่เคยเอาเข้าปาก จนถึงทุกวันนี้อาหารประจำของเขายังเป็นอะไรที่ง่ายๆไม่พิสดาร เมื่อคืนพอได้กินอะไรพิสดารขึ้นหน่อยสงสัยจะมีอาการแพ้ขึ้นมา“ความจริงแล้วควรจะเป็นบัวมากกว่านะคะที่ป่วยแล้วพี่ตุ่นต้องดูแล” พยาบาลจำเป็นบ่นกระปอดกระแปดในระหว่างที่เตรียมน้ำเต้าหู้นมสดสูตรร้อนใส่แก้วให้คนป่วย เมื่อตอนสายตื่นขึ้นมาแล้วพบว่า
บทที่ 7ผู้เสียหายบัวหอมแทบจะกรีดร้องด้วยความโกรธเมื่ออยู่ๆเธอกลายเป็นเป้าประเด็นทางสังคม หนังสือพิมพ์ชื่อดังทุกฉบับจะมีภาพข่าวเธอในหน้าข่าวสังคมเศรษฐกิจ เธอตกเป็นประเด็นล้อเลียนขำขันในฐานะลูกสาวของอดีตเจ้าของเศวต กรุ๊ปที่ยิ่งใหญ่ย่องขึ้นคอนโดหรูของนักธุรกิจเทพบุตรสุดหล่ออย่างแดนไตรผู้เป็นเจ้าของเศวต กรุ๊ปคนใหม่“ย่อง? ใช้คำว่าย่องขึ้นคอนโดงั้นเหรอ” ความโมโหไม่ได้อยู่ที่เธอเป็นข่าวหรือรู้สึกราวกับกลายเป็นคนสาธารณะทั้งๆที่เธอไม่ใช่ แต่มันโกรธตรงที่คำพูดพาดหัวข่าวที่ทำเหมือนเธอเป็นพวกลักกินขโมยกิน “คนอย่างบัวหอมทำไมต้องแอบ ลงข่าวแบบนี้หมายความว่ายังไง หมายถึงฉันเอาตัวไปแลกกับผลประโยชน์งั้นเหรอ” โวยลั่นสักพักก่อนจะเงียบเสียงลง เอาตัวเข้าแลก ใช้มายายั่วยวนเพื่อหวังผลประโยชน์จากบริษัท เธอทำและเป็นทุกอย่างแบบที่ข่าวลงทั้งนั้นร่างบางค่อยๆนั่งลงนิ่งเงียบ น้ำตารื้นขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อนึกถึงศักดิ์ศรีความเป็นลูกผู้หญิงที่แทบจะหมดลง เจ้าตัวทำอะไรลงไปก็พอจะรู้อยู่แล้ว แต่พอถูกเน้นย้ำถูกสะกิดแผลขึ้นมามันก็อดที่จะสะเทือนจิตใจไม่ได้ เหนืออื่นใดถ้าหากคุณแม่เห็นข่าวนี้ท่านจะรู้สึกอย่างไร คงจะเจ็
บท 8อีกสองเดือนถัดมางานแต่งงานเล็กๆได้ถูกจัดขึ้น ในสนามหญ้าหน้าบ้านถูกเนรมิตขึ้นให้เป็นบรรยากาศอบอุ่น ในงานเชิญแต่บรรดาเพื่อนสนิทนักธุรกิจที่คบหากันและแขกผู้หลักผู้ใหญ่ของฝ่ายเจ้าสาว งานสงบเงียบมีเพียงคนรู้จักมักคุ้นตามความประสงค์ของนางอุบลผู้เป็นแม่เจ้าสาว ในงานคนที่มีความสุขคือนางอุบลที่เห็นลูกสาวอยู่ในอ้อมแขนของคนที่ไว้ใจได้ แต่ทว่าเบื้องลึกในใจของเจ้าบ่าวจะสาวนั้นหน้าชื่นอกตรม เพราะตั้งแต่ตกเป็นข่าว ตั้งแต่เห็นเขากอดกับสิรินนภาทั้งคู่ก็ยังไม่ได้พูดคุยปรับความเข้าใจกัน ให้หลังวันที่เธอไปแจกการ์ดเชิญให้กับสิรินนภาวันนั้นเธอถูกแดนไตรฉุดกระชากขึ้นรถทันทีที่เลิกงาน มือที่เคยกอบกุมให้ความอบอุ่นตอนนี้บีบรัดจนกระดูกแทบแตก เขาพาเธอไปที่คอนโดและเปิดฉากทะเลาะกันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พี่ตุ่นคนเย็นใจดีขึ้นเสียงใส่เธอเพื่อปกป้องผู้หญิงคนอื่น พี่ตุ่นที่เคยสัญญาว่าจะปกป้องเธอกลับใช้สายตาดุดันสังหารจิตใจเธอเพื่อปกป้องผู้หญิงคนอื่น เขามองเธอด้วยสายตาผิดหวังที่เธอกลายเป็นผู้หญิงงี่เง่าหึงหวงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ด้วยความโมโหเลยตอกหน้าเขากลับไปว่าจะไปกอดกับเพื่อนผู้ชายบ้าง นั่นยิ่งทำให้คุยกั
บทที 9นพพลยืนเซ็งๆพร้อมกับถุงหนังสือพวงใหญ่ ทั้งหนัก ทั้งเมื่อยแต่หญิงสาวที่เขาตามเฝ้าทั้งวันกลับยังมีทีท่าตื่นเต้นเมื่อได้เปิดหนังสือเล่มแล้วเล่มเล่า วันนี้หลังจัดการเรื่องแหวนหมั้นและชุดแต่งงานรวมถึงคุยกับออแกไนซ์รับจัดงานวิวาห์ ว่าที่เจ้าสาวขอของขวัญสละโสดเป็นการไปเดินห้าง แต่การเดินห้างของอาจารย์สาวนั้นแปลกประหลาดเพราะมันไม่ใช่การไปเลือกเสื้อผ้าและของสวยๆงามๆแต่เป็นการเดินเลือกหนังสือ ทั้งตำราเรียน หนังสืออ่านทั่วไปและนิยาย“รีนครับ ผมว่าเราไปนั่งร้านกาแฟตรงนั้นก่อนดีไหม” เขาหมายถึงร้านกาแฟสัญชาติอเมริกันชื่อดัง เขาต้องการจะพักบ่าและมือที่แบกหนังสือร่วมสามสิบกิโลมาค่อนวัน หญิงสาวมองตามก่อนจะทำปากยื่นไม่เห็นด้วยกับความคิดเขา เธอจะไม่เข้าร้านนั้นเด็ดขาด ร้านที่กาแฟแก้วหนึ่งมีราคาเทียบเท่าค่าแรงหนึ่งวันของแรงงานบางคนในประเทศ“ไม่เอาค่ะ รีนอยากเลือกหนังสือแต่ถ้าคุณเบลเหนื่อย ก็ไปนั่งรอที่นั่นก่อนได้นะคะ เดี๋ยวรีนช๊อปปี้งเสร็จจะตามไปค่ะ” ยิ้มหวานน่ารักก่อนจะหันหน้าไปสนใจกองหนังสือต่อ เทศกาลหนังสือทั้งที หนอนหนังสืออย่างเธอไม่อยากจะเสียโอกาส แม้จะเป็นเทศกาลที่ละลายทรัพย์ไปมากโข แต่ทุกเ
บทที่ 10หวาน...ขมสุดท้ายแล้วโปรเจกขายน้ำตาลให้กับอเมริกาของเศวต กรุ๊ปมีอันพ่ายแพ้ให้กับการเจรจาขายของบริษัทนพพล เขาจัดซื้อและรวบรวมน้ำตาลจากโรงงานอื่นๆที่ไม่ใช่เศวต กรุ๊ปและเสนอราคาขายให้กับอเมริกาในราคาที่ถูกกว่า ทำให้บริษัทที่แดนไตรบริหารกำลังประสบปัญหาไม่มีตลาดรับซื้อสินค้า บริษัทขาดดุลการค้าเกือบพันล้านเนื่องจากซื้อสินค้าและผลิตสินค้ามาแล้วไม่สามารถนำไปส่งขายต่อได้กว่าสองอาทิตย์ที่ชายหนุ่มตรากตรำทำงานหนัก ไม่ได้กลับบ้านกลับช่อง อาศัยนอนพักในห้องทำงานและเดินทางคุยธุรกิจการลงทุนจนหลงลืมวันเวลา ทุกอย่างมันสูญสลายไร้ค่าเพราะสุดท้ายข้อมูลทุกอย่างตกอยู่ในมือของบริษัทคู่แข่งอย่างนพพล ให้มันไปดำเนินการซื้อขายตัดหน้าเขาจนสร้างกำไรมหาศาลพร้อมๆกับลดความน่าเชื่อถือด้านการลงทุนให้กับตัวแดนไตร ไม่เฉพาะกรรมการบริษัทที่เริ่มหวั่นใจกับการบริหารงานอันล้มเหลว บรรดาพนักงานเริ่มรวมตัวกันเรียกร้องความมั่นใจจากนักบริหารหนุ่ม เนื่องจากสินค้าไม่สามารถระบายขายให้ใครได้ ต้องลดอัตราการผลิต ส่งสัญญาณการปลดการจ้างงานให้พนักงานในบริษัทผวาอยู่เป็นระยะงานแต่งงานสุดยิ่งใหญ่ของสิรินนภาและนพพลถูกจัดขึ้นในช่วงกลา
ชายหนุ่มถึงกับครางหือตื่นเต้นไปทั้งตัวเมื่อถูกเรี่ยวแรงน้อยนิดสัมผัสที่ซอกคอสีน้ำผึ้งจนเกิดรอยวงสีแดงช้ำๆ เหมือนเป็นการล้างแค้นกันไปมาที่เขาจูบเธอแรงๆเมื่อครู่ แต่ช่างเป็นทัณฑ์ทรมานอันแสนหวานล้ำเหลือ ร่างสูงผละออกห่างพร้อมทั้งรั้งรูดกระโปรงชุดนอนสีหวานจนเปิดเปลือยความขาวผ่องงดงามของนวลเนื้อน้องน้อย จดจ้องร่างนุ่มด้วยสายตาร้อนแรงไปด้วยไฟเสน่หาจนร่างบางแทบจะหลอมละลาย ทิฐิและความบาดหมางกินใจแต่ก่อนมาคล้ายจะถูกสายตาพิศวาสของเขาสลายลงหมดหรือไม่ก็ อารมณ์ของทั้งคู่ไม่มีที่ว่างพอที่จะไปคิดเรื่องอื่นในระหว่างนี้ในคืนเข้าหอ ภายหลังจากที่ผู้ใหญ่ส่งคู่บ่าวสาวให้นั่งบนเตียงเรียบร้อยแล้ว แทนที่จะเกิดบรรยากาศหวานชื่นของคืนแต่งงาน กลับมีเสียงโต้เถียงและทะเลาะกันของทั้งคู่ทันทีที่อยู่ในห้องพักเพียงลำพังและฝ่ายชายกระทบกระเทียบเหยียบใจฝ่ายหญิงขึ้นก่อน “แต่งงานกับผมแล้วจะไปปล่อยเนื้อปล่อยตัวกับไอ้ตุ่นเหมือนที่เคยทำไม่ได้แล้วนะ จะทำอะไรกับมันก็ไว้หน้ากันบ้าง ไปกอดลาอาลัยเหมือนผู้หญิงสาธารณะ”เพราะหึงหวงโดยไม่รู้ตัวเลยพูดออกมาแบบนั้น“รีนกับตุ่นเราสนิทกันแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว คุณเบลต้องทำใจยอมรับให้ได้เพ