บทที 9
นพพลยืนเซ็งๆพร้อมกับถุงหนังสือพวงใหญ่ ทั้งหนัก ทั้งเมื่อยแต่หญิงสาวที่เขาตามเฝ้าทั้งวันกลับยังมีทีท่าตื่นเต้นเมื่อได้เปิดหนังสือเล่มแล้วเล่มเล่า วันนี้หลังจัดการเรื่องแหวนหมั้นและชุดแต่งงานรวมถึงคุยกับออแกไนซ์รับจัดงานวิวาห์ ว่าที่เจ้าสาวขอของขวัญสละโสดเป็นการไปเดินห้าง แต่การเดินห้างของอาจารย์สาวนั้นแปลกประหลาดเพราะมันไม่ใช่การไปเลือกเสื้อผ้าและของสวยๆงามๆแต่เป็นการเดินเลือกหนังสือ ทั้งตำราเรียน หนังสืออ่านทั่วไปและนิยาย
“รีนครับ ผมว่าเราไปนั่งร้านกาแฟตรงนั้นก่อนดีไหม” เขาหมายถึงร้านกาแฟสัญชาติอเมริกันชื่อดัง เขาต้องการจะพักบ่าและมือที่แบกหนังสือร่วมสามสิบกิโลมาค่อนวัน หญิงสาวมองตามก่อนจะทำปากยื่นไม่เห็นด้วยกับความคิดเขา เธอจะไม่เข้าร้านนั้นเด็ดขาด ร้านที่กาแฟแก้วหนึ่งมีราคาเทียบเท่าค่าแรงหนึ่งวันของแรงงานบางคนในประเทศ
“ไม่เอาค่ะ รีนอยากเลือกหนังสือแต่ถ้าคุณเบลเหนื่อย ก็ไปนั่งรอที่นั่นก่อนได้นะคะ เดี๋ยวรีนช๊อปปี้งเสร็จจะตามไปค่ะ” ยิ้มหวานน่ารักก่อนจะหันหน้าไปสนใจกองหนังสือต่อ เทศกาลหนังสือทั้งที หนอนหนังสืออย่างเธอไม่อยากจะเสียโอกาส แม้จะเป็นเทศกาลที่ละลายทรัพย์ไปมากโข แต่ทุกเล่มก็ได้มาด้วยเงินของนพพล ไม่ใช่เธอจ่ายเองเสียหน่อย
ร่างสูงเดินถอยออกมาเมื่อปรามอะไรไม่ได้ การที่ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆทำให้เริ่มเรียนรู้ซึ่งกันและกันว่าหญิงสาวไม่ชอบเดินห้าง ยกเว้นมีของที่ตั้งใจจะซื้อ ไม่ชอบการซื้อเสื้อผ้าเครื่องสำอาง ยกเว้นตอนที่ของที่ใช้อยู่หมดลงและเป็นคนที่ซื้อหนังสือเพื่อเป็นรางวัลให้ตัวเองหรือปลอบใจตัวเอง หญิงสาวรักการอ่าน ที่บ้านเธอหนังสือเยอะมากและทุกครั้งที่ออกมาเพื่อเดินห้าง เธอจะเดินเข้าร้านหนังสือพร้อมกับปฏิเสธการซื้อของสวยงามหรือเสื้อผ้า
“จะอ่านอะไรนักหนา แค่นี้ก็ฉลาดจนไม่มีใครตามทันแล้ว”
บ่นขำๆเพราะผู้หญิงคนนี้ไม่เหมือนคนอื่นๆที่ผ่านมามากมายเหล่านั้น แต่พอพิศดู สิรินนภาเป็นผู้หญิงน่ารักทุกมุม สวยสง่า มีมิติน่าค้นหา
สายตาของทั้งคู่ประสานกันโดยบังเอิญเมื่อต่างฝ่ายต่างเหลือบมองกัน ก่อนที่ในหัวของหญิงสาวจะแทรกภาพความร้อนแรงดุดันยามเมื่อร่างสอบเพรียวกำลังขยับเขยื้อนอยู่บนที่นอนร่วมกับเธอ มีสิ่งหนึ่งที่พอหญิงสาวมองมาที่นพพลแล้วเขาแตกต่างจากผู้ชายคนอื่นหรือแตกต่างไปจากแดนไตร คือเขารอเธอ ไม่ว่านานแค่ไหนหรืองานยุ่งแค่ไหนเขาก็ยังรอเธอ เวลาทะเลาะกันหรือไม่พอใจกันแม้ว่าใครจะผิดหรือถูก เขายังรอเธอและเป็นฝ่ายพูดจาง้อก่อน ถึงแม้จะเห็นแก่ตัวไปบ้าง ใจร้ายไปบ้างในบางเรื่องแต่เขามีน้ำใจกับเธอเสมอต้นเสมอปลาย ถ้ามีการปรับความเข้าใจกันสักหน่อยก็อาจจะร่วมทางกันได้
ชีวิตคู่ของบ่าวสาวข้าวใหม่ปลามันเต็มไปด้วยบรรยากาศมึนตึงเย็นชา เจ้าสาวยังโกรธและเกลียดเจ้าบ่าวที่แย่งชิงทุกอย่างในชีวิตของเธอไปและยังทิ้งขว้างความรู้สึกของเธอโดยการตำหนิติเตียนหาว่าเธอไปราวีเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อของเขา การแต่งเจ้าบ่าวเข้าบ้านเป็นผลดีอย่างหนึ่งที่บัวหอมจะได้ไม่ต้องทนเหงายามเมื่อแดนไตรไม่อยู่ เพราะอย่างไรนี่ก็บ้านเธอที่ยังมีแม่นอนอยู่
ช่วงเวลากลางคืนที่อยู่ร่วมห้องหอกันเป็นช่วงเวลาที่ชวนอึดอัดมากที่สุด คืนแรกของการเข้าหอ เป็นแดนไตรที่ทนไม่ไหวต้องโทรศัพท์ตามให้สิรินนภาขับรถมารับภายหลังเปิดโน้ตบุ๊กดูเอกสารบางอย่าง และเขาก็หายไปกับเพื่อนของเขาทั้งคืนไม่กลับมาอีกเลยจนสายของอีกวัน ปล่อยให้ภรรยาสาวสุมไฟโกรธแค้นกับความรู้สึกว่าถูกเขาทรยศในความสัมพันธ์ครั้งนี้ คืนที่สองยิ่งน่าอึดอัดเพราะอยู่ๆลูกสาวบุญธรรมที่เขาพึ่งพามาแนะนำตัวให้รู้จักกันไม่นานอยู่ๆเกิดมีอาการภูมิแพ้ต้องมีคนคอยดูแลใกล้ชิด ซึ่งเขาเลือกใช้วิธีพาเธอมานอนร่วมห้องด้วย!
บัวหอมที่คิดว่ารู้จักแดนไตรดีเริ่มทบทวนตนเองว่าแท้จริงแล้วเธอไม่รู้จักพี่ตุ่นคนนี้เลย เขามีเพื่อนที่สนิทกันลึกซึ้งและเป็นคนสวยอย่างสิรินนภา มีเด็กสาววัยสิบแปดหน้าตาจิ้มลิ้มหุ่นทรงโตเป็นลูกบุญธรรมและเป็นพ่อทูนหัวให้กับเด็กสาวคนนั้นด้วย เขาร่ำรวยเป็นพันล้านในระยะเวลาเพียงห้าปีของการไปเรียนต่ออเมริกาเพราะมีเพื่อนเป็นมหาเศรษฐีสอนการลงทุน การเล่นหุ้นและเรียนรู้การจัดการธุรกิจออนไลน์ จึงนำเงินนั้นมาลงทุนและขยายฐานการลงทุนจนมั่งคั่งร่ำรวยได้เป็นเศรษฐีหน้าใหม่ของไทย ทุกเรื่องเธอพึ่งรู้เมื่อไม่กี่เดือนก่อน ทำให้เริ่มสับสนว่าพี่ตุ่นคนนี้ ใช่คนที่เธอรู้จักเมื่อครั้งยังเป็นเด็กหรือเปล่า
ความสับสนใจยิ่งเพิ่มพูนยามเมื่อนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่ทำให้ทั้งคู่ไม่อาจมองหน้ากันอย่างสนิทใจได้ วันนั้นที่เธอถือบัตรเทียบเชิญงานแต่งงานไปประกาศให้สิรินนภาตัดใจจากเขาง่ายขึ้น จริงอยู่ว่าเจตนาเธอต้องการเย้ยหยันคนที่กำลังจะหมดสิทธิในตัวของแดนไตร แต่บทลงทัณฑ์สำหรับคนที่ทำให้เพื่อนรักของเขาเสียใจคือคำตำหนิดุด่าและความเย็นชา วันนั้นเธอถูกเขาขึ้นเสียงถากถางว่าเธอนั้นกลัวคนอื่นไม่รู้ว่าเป็นเมียเขา และเขาผลักเธอลงกระแทกเตียง ถอดเสื้อผ้าเธอออก ใช้วาจาเสียดแทงว่าถึงอย่างไรเธอก็จะได้เขาเป็นสามีอยู่แล้วเหตุใดต้องไปเยาะเย้ยถากถางโดยการเอาเขาไปโอ้อวดสิรินนภา มันไม่ใช่เรื่องที่จะต้องโกรธขนาดนั้น แต่เขาโกรธเพราะเธอไปทำให้เพื่อนรักของเขาร้องไห้เสียใจ
ภาพในอดีตทำให้บัวหอมต้องสบถอย่างหัวเสีย ก่อนจะพลิกร่างบางเพื่อนอนหันหลังให้กับคนเป็นสามี หน้าก็ไม่อยากจะมองยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บแค้นในสิ่งที่ถูกกระทำ
ในขณะที่แดนไตรรู้สึกผิดกับตัวเองมาตลอด ผลของการโมโหขาดสติของเขาในวันนั้นทำให้ภรรยาคนงามยังไม่ยอมพูดกับเขาดีๆสักคำ ภาระที่เยอะที่แบกอยู่ทำให้ไม่มีเวลางอนง้อเอาใจ แต่ดูเหมือนยิ่งปล่อยไว้จะยิ่งทำให้บัวหอมเตลิดเปิดเปิง หากย้อนเวลากลับไปได้วันนั้นเขาจะไม่โมโห จะใจเย็นกว่านี้ จะไม่ขาดสติขนาดหักหาญน้ำใจเธอ แต่ความก้าวร้าวที่เธอมีก็สมควรถูกทำโทษให้มีการปรับปรุงตัวแล้ว
ร่างสูงขยับชันตัวขึ้นก่อนจะเอื้อมมือไปรั้งร่างบางเข้าสู่อ้อมแขน ถ้าเธอไม่ยอมคุยกับเขา ถามอะไรก็ไม่ตอบแบบนี้การใช้ภาษากายก็เป็นเรื่องที่เหมาะสมดี จมูกโด่งกดฝังลงที่แก้มนวลและซอกคอหอมนวลของคนที่พึ่งแกล้งหลับเมื่อถูกสัมผัสตัว “ยังโกรธพี่อยู่เหรอ” ถามเสียงทุ้ม รู้เต็มอกว่าอีกฝ่ายโกรธตนแค่ไหน แน่ล่ะวันนั้นเขาใช้กำลังรุนแรง ทั้งเนื้อทั้งตัวของน้องน้อยเต็มไปด้วยรอยแดงจากนิ้วมือของตน
“ว่าไงครับคนดี พูดกับพี่สักคำเถอะนะ” กดริมฝีปากลงกับแอ่งชีพจรบุ๋มก่อนจะดุนเบาๆจนอีกฝ่ายเอียงคอสะท้านขนลุกและปรากฏรอยแดงระเรื่อขึ้น “อย่าเงียบแบบนี้เลย” กระซิบกระซาบกับนวลเนื้อนุ่มนิ่มที่เป็นของเขาให้สมกับที่คิดถึงมาหลายเดือน เพียงได้สูดกลิ่นหอมของเรือนร่าง ความปรารถนาที่ถูกความเครียดปกปิดไว้ก็ลุกโชนขึ้น
“ไปคุยกับคุณรีนสิคะ รีนมันปากไม่ดีพูดอะไรก็ไม่ถูกใจอยู่แล้วนิ” ตัดพ้อไม่เต็มเสียงพร้อมทั้งกลั้นไม่ให้ส่งเสียงวาบหวามออกมาให้เขาได้ยิน ไม่อยากให้รู้ว่าที่เขาทำแบบนี้มันสะท้านใจเธอมากเพียงใด
“ทำไมเป็นคนไม่มีเหตุผลแบบนี้ พี่ต่างหากที่ต้องโกรธเราที่เราไปทำตัวแบบนั้นใส่รีน” รั้งร่างบางให้หันมาเผชิญหน้ากับความจริง “เขาเป็นเพื่อนพี่นะ ไว้หน้ากันบ้างสิ” ร่างสูงแทรกเข้ามาทาบทับตรงกลางได้สำเร็จก่อนจะขยับเลื่อนชุดนอนกระโปรงสั้นให้เลื่อนไปกองที่เอวคอดกิ่ว ก้มหน้าซุกซบอกอวบอิ่มนุ่มมือช่วยสร้างความรัญจวน จวบจนมั่นใจว่าแม้จะมึนตึงเย็นชาแต่เธอก็ไม่อาจปฏิเสธเขาได้จึงถอดกางเกงนอนของตนเองลงบ้าง
หญิงสาวกัดฟันกรอดโกรธแค้นที่เขายังคงดุเธอและปกป้องเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อคนนั้น แต่ร่างกายและสำนึกเบื้องลึกในจิตใจกลับยุ่งเหยิงต่อสัมผัสร้อนแรงที่เขาสื่อเป็นภาษากาย
“พะ...พี่ตุ่นนั่นแหละไม่คิดถึงจิตใจบัว บัวต้องทนเหรอคะที่เขามาทำท่าอยากจะได้สามีของตนเองขนาดนั้นน่ะ ถ้ารักกันนัก ปกป้องกันนักมาแต่งงานกับบัวทำไม” ยังโทษเขา
“พี่ไม่อยากให้บัวเสียมารยาทกับรีน พวกน้องน่าจะเป็นเพื่อนกันได้”
ก่อนจะเริ่มขยับกายเป็นจังหวะประสานทำนองที่คนฟังไม่รู้จักเบื่อหน่าย หญิงสาวไม่ตอบอะไรแต่อาการหลับตากัดฟันแน่นนั้นทำให้แยกไม่ออกว่าโกรธแค้นหรือรู้สึกอะไร มือบางจิกผ้าปูที่นอนจนยับย่นแต่ไม่ยอมกอดตอบสามีที่กำลังเข้ามาอยู่ในตัวตนและจิตวิญญาณของเธอ ซึ่งชายหนุ่มเห็นอาการคล้ายกำลังประท้วงนั้นยิ่งย่ามใจ ใช้ภาษากายสื่อสารกับเธอหนักหน่วงขึ้นจนในที่สุด มือบางต้องยกขึ้นโอบกอดรอบลำคอของเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ปากเชิดรั้นที่คอยตัดพ้อเปลี่ยนแปลงหน้าที่มาเป็นการส่งเสียงบอกความรู้สึกภายในอย่างผะแผ่วบางเบา มันช่างน่าฟังกว่าตอนที่เธอตัดพ้อประชดประชันเป็นไหนๆ แดนไตรยิ่งทำให้เธอส่งเสียงแบบนั้นมากขึ้น มากขึ้นไปอีก
หลังแต่งงานผ่านพ้นไปสามเดือน แดนไตรพยายามสร้างครอบครัวอย่างที่ตนใฝ่ฝันมาตลอดกับนางในดวงใจ เขารัก เอาใจใส่ต่อบัวหอมผู้เป็นภรรยาอย่างสุภาพอ่อนโยน ความรักที่เขามีต่อหญิงสาวเป็นที่กล่าวขวัญของพนักงานบริษัทและสังคมนักธุรกิจ จนบางครั้งแม้แต่คนที่สร้างเกราะกำแพงขึ้นมาเกลียดสามีตัวเองอย่างบัวหอมยังอดที่จะหวั่นไหวไปกับความรักความเอาใจใส่เสมอต้นเสมอปลายของเขา ไม่ว่าเธอจะเรียกร้องหรือต้องการอะไรเขาสรรหาและจัดหามาให้เธอหมด ของขวัญแต่งงานครบหนึ่งเดือนเธอขอให้เขาเสนอชื่อเธอเป็นรองประธานบริหารบริษัทแม้จะยังปั้นปึงเพราะทิฐิที่เขาเคยตำหนิเธอเพื่อสิรินนภา เธอได้เป็นสมใจ วันครบรอบสองเดือนเขาพาเธอไปฮันนีมูนหวานฉ่ำที่อิตาลี วันครบรอบสามเดือน เขามอบหุ้นเศวต กรุ๊ปให้เธออีกสิบเปอร์เซ็นต์
ตลอดทุกๆวันที่อยู่ด้วยกัน แดนไตรเติมความหวานให้กับชีวิตคู่ไม่ขาดเพราะเขาคาดหวังกับการแต่งงานครั้งนี้มาก เพราะบัวหอมคือทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเขา ไม่ว่าเธอต้องการอะไรเขาจึงสรรหามาให้ทุกอย่างไม่ขัดใจ และต้องการจะลบล้างความผิดที่ขึ้นเสียงตำหนิใส่เธอจนหญิงสาวร้องไห้เรื่องที่ไปเยาะเย้ยสิรินนภา แม้เขาจะบริสุทธิ์ใจต่อเพื่อนคนนี้แต่ถ้าหากทำให้ภรรยาไม่พอใจ ก็คงต้องถอยออกมาอยู่ในระยะห่างที่เหมาะสมและอีกอย่างสิรินนภาก็กำลังจะมีข่าวดีกับนพพล
มื้อเช้าวันนี้บัวหอมลงมาทำอาหารเช้าและชงกาแฟไว้บริการสามี เริ่มรู้สึกมีความสุขกับการดูแลเอาใจใส่ผู้ชายคนนี้เพราะรอยยิ้มอบอุ่นที่เขามอบให้มันทำให้รู้สึกเหมือนมีพลังในการไปทำงาน ช่วงนี้แดนไตรรักและหลงเธอมาก เขาเคยหน้าแดงเขินพร้อมทั้งก้มหน้าเอียงอายในตอนที่มอบช่อดอกไม้ให้เธอระหว่างมื้อค่ำสุดพิเศษ เขาสารภาพว่าเธอเหมือนดอกฟ้าเหมือนนางในฝันที่หมาวัดอย่างเขานั้นมีวาสนาได้ครอบครอง ความรู้สึกมีค่าเหล่านั้นแทบจะกลบปกปิดความผิดหวังแค้นเคืองที่ได้รับตอนรู้ว่าถูกคนไว้ใจแย่งบริษัทไป แปรเปลี่ยนมาเป็นตกหลุมรักสามีของตนเองอย่ายากที่จะถอดถอนใจ
“หอมจัง” เสียงทุ้มกระซิบคำหวานใจข้างหูหลังจากเข้ามาสวมกอดและหอมแก้มร่างบางที่กำลังเทนมสดใส่แก้วให้กับเขา
“วันนี้โกนหนวดแล้วค่อยน่าให้หอมหน่อย” หันมาเย้าแหย่นั่นยิ่งทำให้ใบหน้าคมโน้มเข้ามาปล้ำจูบภรรยารักจนเธอหัวเราะคิดคักด้วยความจักจี้
“พอแล้วค่ะ กินข้าวได้แล้วเดี๋ยวไปทำงานสายจะให้ฝ่ายบุคคลหักเงินเดือน” พูดขู่แต่มีหรือที่นักบริหารหนุ่มจะกลัว มือแกร่งเอื้อมไปปิดเตาแก๊ส ก่อนจะวนกลับมาที่บั้นท้ายงอนงามของหญิงสาว เคล้นคลึงจากนั้นรั้งให้ร่างของอีกฝ่ายบอดเบียดเข้ามารับความร้อนแรงของรุ่งอรุณ ตั้งแต่ตื่นเช้ามาอารมณ์ของชายหนุ่มประทุต่อเนื่องจากความฝันว่าได้หวนกลับไปดื่มน้ำผึ้งพระจันที่เวนิส แต่ทว่าตื่นเช้าขึ้นมากลับควานหาร่างบางไม่พบได้แต่เก็บกักความร้อนแรงนี้ไว้รอเวลาปลดปล่อย
“อย่าลุ่มล่ามคุณแม่กับพยาบาลอยู่ด้วย” กระซิบขู่จริงจัง แม้เวลานี้จะไม่มีใครเข้ามาในครัวแต่เสียงที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่อารมณ์เสน่หามากล้นมันก็ดังออกไปให้คนอื่นได้ยินอยู่ดี เพราะที่ครัวไม่มีประตูปิดกลั้น
“ทำเงียบๆสิ” เสียงแหบสั่นกับอารมณ์ที่ดุเดือดขึ้น มือบางกับริมฝีปากไม่สนใจคำคัดค้านทักท้วงลูบคลำกอดจูบร่างนุ่มหอมไม่หยุดมือ
“เชื่อแล้วล่ะว่าหลงเมียขนาดไหน” เสียงหยอกเย้าของพยาบาลประจำตัวนางอุบลดังขึ้น สองร่างที่แนบสนิทกันอยู่มีอันต้องเด้งออกจากกัน แดนไตรหน้าเสียเขินอายที่ถูกล้อเลียนรู้ทัน
“คุณหน่อย มาเอาของให้คุณแม่เหรอครับ” แก้เก้อด้วยการทักทายพยาบาลวิชาชีพที่ว่าจ้างส่วนตัวมาดูแลนางอุบล รายนั้นเพียงยิ้มล้อเลียน หยิบของใช้ที่จำเป็นและเดินกลับ ปล่อยพื้นที่ให้สองหนุ่มสาวได้อยู่ด้วยกัน หากครอบครัวของคุณหนูบัวหอมมีความสุข นางอุบลคนป่วยก็จะได้สดชื่นมีกำลังใจรักษาตัว
“คุณต้องรีบหายนะคะ ลูกสาวกับลูกเขยของคุณกำลังจะมีหลานให้คุณเร็วๆนี้แน่ๆค่ะ” กำลังใจสำคัญที่ทำให้วันนี้ทั้งวันของคนป่วยติดเตียงสดชื่นขึ้นคือความสุขของลูก
งานประจำของประทานบริษัทและรองประทานบริษัทคือการสรรหาวิธีการลงทุนที่จะทำให้บริษัทได้ผลกำไรและเลี้ยงดูพนักงานให้ทำงานอย่างมีความสุข บัวหอมรับอาสาไปเยี่ยมพนักงานที่ประสบอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชนระหว่างออกไปพบลูกค้าจนขาหัก กว่าจะกลับเข้าบริษัทอีกทีก็บ่ายสองซึ่งตลอดทั้งเช้าเธอปล่อยให้สามีดูแลงานแทนและไปกินข้าวคนเดียว บ่ายนี้จึงต้องการจะเอาอกเอาใจโดยเป็นผู้บริการชงกาแฟยามบ่ายเข้าไปให้
ประตูห้องทำงานถูกเปิดค้างไว้เพียงให้คนที่ยืนอยู่ด้านนอกเห็นสองร่างกอดกันแนบชิด เป็นอีกครั้งที่เธอเห็นสิรินนภา ผู้หญิงหน้าด้านมากอดสามีของเธอ คราวนี้มันสร้างความรู้สึกโกรธแค้นกว่าหนก่อนเพราะครั้งนี้เธอแต่งงานกับแดนไตรแล้ว มีทะเบียนสมรสและผูกพันลึกซึ้งฉันท์สามีภรรยา แต่ผู้หญิงคนนี้ก็ยังหน้าด้านเอาเนื้อตัวมาอยู่ในอ้อมแขนของสามีเธอ แต่ความโกรธในใจมันยิ่งเท่าทวีคูณยามเห็นใบหน้ายิ้มแย้มยินดีของคนคบชู้นอกใจเมีย “พี่ตุ่น...”
ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้หญิงสาวรู้สึกตัวว่าได้ลืมเลือนความตั้งใจพิเศษอยู่อย่างหนึ่งลงไปความตั้งใจที่จะทำลายนายแดนไตร เพราะช่วงนี้มันขาดสิ่งกระตุ้นความโกรธแค้น มือบางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาบันทึกภาพสนิทชิดเชื้อแนบแน่นคุ้นเคยของความเป็น ‘เพื่อนสนิท’ ของทั้งคู่ไว้ จากนั้นเดินเร็วๆกลับห้องทำงาน ปิดล็อคประตูจนแน่นหนา เปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานหยิบกระดาษนามบัตรใบเล็กใบหนึ่งออกมา นามบัตรของคนที่เธอคิดว่าจะไม่มีวันติดต่อหา คนที่ตั้งใจว่าจะไม่ให้เขาเข้ามาถือบุญคุณอะไรต่อชีวิตตนอีก
“คุณนพพลคะ วันนี้สิรินนภามาหาแดนไตร พวกเขายังติดต่อสัมพันธ์กันอยู่แม้ว่าตอนนี้เขาจะแต่งงานกับฉันและผู้หญิงคนนั้นประกาศรับหมั้นคุณแล้วก็ตาม พวกเขารักกัน พวกเขายังติดต่อไปมาหาสู่กันอยู่”
ถ้อยคำที่เค้นเสียงใส่โทรศัพท์เต็มไปด้วยความเครียดแค้นของลูกผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกสามีทรยศหักหลังน้ำตาร่วงหนึ่งหยดให้กับรู้สึกเจ็บแค้น โกรธเคือง เธอจะไม่มีวันเสียน้ำตาให้คนพันธุ์นั้นอีก คนอย่างแดนไตรไว้ใจอะไรไม่ได้แม้แต่ความซื่อสัตย์ การที่เห็นเขาสนิทสนมและกอดอยู่กับผู้หญิงคนอื่นเธอจึงไม่เชื่อและไม่ไว้ใจว่าเขาจะไม่คิดอะไร เพราะขนาดครอบครัวของเธอคือผู้อุปถัมภ์เขาแท้ๆยังถูกทรยศหักหลังจนสิ้นเนื้อประดาตัว
ปลายสายนิ่งเงียบไปหลังจากที่ได้ยินดังนั้นแต่แววตาและในหัววาวโรจน์ด้วยความโกรธเคือง สิรินนภาเป็นผู้หญิงของเขา จากเดิมที่คิดว่าพอจะเป็นเพื่อนกันได้เพราะอย่างไรถึงจะเป็นคู่แข่งธุรกิจแต่ก็เป็นเพื่อนสนิทของว่าที่ภรรยา แต่ถ้าหากมาสวมเขาหยามน้ำหน้ากันแบบนี้เขาก็จะไม่ไว้หน้าเช่นกัน แม้แต่ผู้หญิงอย่างสิรินนภาด้วย
ภาพทั้งคู่อยู่ในอ้อมกอดแห่งความรักของกันและกันทำให้คนเห็นภาพบาดตานี้เจ็บแค้น แดนไตรและสิรินนภาดูอบอุ่นมีชีวิตชีวาและรักใคร่เหมาะสมกันมากยามยืนเคียงกัน แต่นพพลและบัวหอมได้ตั้งมั่นไว้แล้วว่าจะไม่มีวันยอมให้ทั้งคู่มีความสุขมากไปกว่านี้ ความเจ็บแค้นมันมีเท่าไหร่จะต้องถูกผลักไสกลับคืนไปเท่านั้น!
“ผมจะจัดการต่อจากนี้เอง แต่คุณต้องร่วมมือด้วย” น้ำเสียงเยือกเย็นจากหมาป่าดุร้าย หมดเวลาการปั้นหน้าเป็นสุภาพบุรุษ ในเมื่อหยามน้ำหน้ากันแบบนี้ก็ไม่ต้องอยู่ด้วยกันอย่างสงบอีกต่อไป!
ร่างเล็กบอบบางในชุดนักเรียนมัธยมปลายเดินออกจากมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของประเทศอย่างกระฉับกระเฉง ใบหน้าจิ้มลิ้มแต้มรอยยิ้มตื่นเต้นดีใจระคนภาคภูมิใจในตัวเอง วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่นอกจากจะสำเร็จการศึกษาระดับมัธยม ยังเป็นวันที่เธอมีสิทธิเข้าเรียนต่อจากโควต้าเรียนดีที่ขยายโอกาสรับนักเรียนโรงเรียนวัดคนนี้ไปศึกษาต่อ
“วันนี้หนูสอบสัมภาษณ์เสร็จเรียบร้อยแล้วนะคะ อีก 2 อาทิตย์มามอบตัวสำหรับเข้าเรียนต่อได้เลย” รีบส่งข้อความบอกเรื่องน่ายินดีแก่พ่อบุญธรรมสุดหล่อผู้ปกครองผู้เป็นทั้งทุกอย่างในชีวิตของเธอ เด็กสาวเดินเล่นโทรศัพท์ไปเรื่อยๆจนถึงป้ายรถเมล์ แต่ในระหว่างที่กำลังรอรถอยู่นั้น ได้มีรถหรูคันหนึ่งจอดตีไฟเลี้ยวอยู่ตรงป้ายรถเมล์ขาวเหลือง กระจกไฟฟ้าถูกลดลงก่อนที่คนขับจะชะโงกหน้าออกมาแสดงความรู้จัก
“สกาวเดือน ขึ้นรถก่อนสิพี่จะไปบ้านนายตุ่นกับคุณบัวหอมพอดี เดี๋ยวพี่จะไปส่ง” เป็นอติชนที่จอดรถฝ่าฝืนกฎจราจรพร้อมทั้งคะยั้นคะยอให้เธอขึ้นรถไปหา ใช้คำพูดและใบหน้าเปื้อนยิ้มจริงใจที่ไม่มีใครมองออกว่าเบื้องลึกภายในนั้นเขาคิดอะไรอยู่ เด็กสาวไม่มีเวลาปฏิเสธเพราะเสียงแตรดังตามหลังรถของเขาเป็นสัญญาณว่าเขาจอดนานเกินไปในที่ห้ามจอด ด้วยความตัดปัญหาขึ้นก้าวขึ้นไปในรถของเขา โดยไม่รู้ว่าที่ตนก้าวเข้าไปนั้นมันไม่ใช่ยานพาหนะที่จะไปส่งเธอยังจุดหมายด้วยความหวังดี แต่เป็นสิ่งที่จะพาเธอไปสู่ความเปลี่ยนแปลงในชีวิต
“ไปไหนมาล่ะ แล้วนี่จะไปที่ไหน” ถามไปอย่างนั้นทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว เขาเป็นคนให้ลูกน้องในบ้านสะกดรอยตามเด็กสาวตั้งแต่ออกจากบ้านตอนเช้า รู้ว่าเธอมามอบตัวสำหรับเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัย และเขาจะใช้ข้อมูลที่เขารู้นี่แหละเป็นตัวบีบคั้นให้เด็กคนนี้ร่วมมือปั่นป่วนชีวิตคู่ของแดนไตรและบัวหอมเล่นฆ่าเวลาและเอาคืนที่ทำให้เขาเสียความมั่นใจในตัวเองที่ถูกปฏิเสธ
“หนูไปสัมภาษณ์เรียนตัวที่มหาลัยมาค่ะกำลังจะกลับบ้านแล้ว” ด้วยความเกรงใจจนเผลอนั่งตัวเกร็งไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะขึ้นรถเขามาแล้ว ไม่ได้เป็นคนไว้ใจคนอื่นที่ไม่รู้จักแต่ในเมื่อขึ้นมาแล้วก็ต้องอดทนนั่งต่อจนถึงที่บ้าน
“หมายถึงไปสัมภาษณ์เรียนต่อน่ะเหรอ มีเรื่องดีๆแบบนี้ต้องฉลองหน่อยนะ ในฐานะที่ฉันเป็นเพื่อนสนิทของทั้งนายตุ่นและคุณบัว ฉันจะซื้อของขวัญให้หนูอย่างหนึ่งนะ” อติชนฉวยโอกาสนับตัวเองว่าสนิทกับพ่อบุญธรรมและแม่เลี้ยงของเด็กสาวเพื่อให้เกิดความไว้วางใจ ซึ่งมันได้ผลเพราะบัวหอมดูผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด ซ้ำยังมีแววตาเปล่งประกายยามได้ยินว่าจะได้ของขวัญ
“คุณจะซื้ออะไรให้หนูคะ” เด็กวัยสิบแปดถามอย่างไร้เดียงสา ใจที่เมื่อครู่ระแวงตอนนี้พลันเปลี่ยนมาสนิทสนมมากเกินกว่าครึ่ง ด้วยธรรมชาติของเด็กที่ถูกเลี้ยงมาในสังคมปิดเธอไม่ไว้ใจใครง่ายๆนอกจากคนคุ้นเคยนับว่าเขาวางหมากถูกที่อ้างว่าตนนั้นคุ้นเคยสนิทชิดเชื้อกับพ่อบุญธรรมของเธอ
“จะพาไปเลี้ยงข้าวแล้วก็หนูอยากได้อะไรฉันจะซื้อให้” เพียงเครื่องประดับหรือของมีค่าเด็กสาวก็คงจะว่านอนสอนง่ายมากขึ้น
“หนูอยากได้ตุ๊กตาตัวใหม่ค่ะ” ยิ้มกว้างเต็มใบหน้า ความฝันที่อยากได้ตุ๊กตามือหนึ่งที่เธอเป็นเจ้าของคนแรกไม่ต้องรอรับบริจาครอวันและเวลาเติมเต็ม แม้ชีวิตความเป็นอยู่จะดีกว่าเด็กคนอื่นๆในมูลนิธิเพราะแดนไตรพามาอยู่ด้วยที่บ้าน แต่ด้วยความที่เขานั้นงานยุ่งทำให้ไม่มีเวลาใส่ใจเรื่องเล็กๆน้อยๆอย่างเช่นตุ๊กตาตัวใหม่
มือบางกอดตุ๊กตาจระเข้น้อยน่ารักสีเขียวนุ่มนิ่มไว้ไม่ยอมวางหลังจากตกลงเจรจาของขวัญอติชนพาเธอไปที่ห้างหรูกลางเมืองซึ่งเป็นห้างที่เขาจะต้องเข้าร่วมบริหารงานตามคำสั่งของผู้เป็นบิดาในต้นเดือนหน้า ชายหนุ่มพาไปที่ร้านตุ๊กตานำเข้าก่อนจะได้เจ้าอัลลิเกเตอร์ตุ๊กตาสัญชาติอเมริกันเป็นของขวัญที่สกาวเดือนถูกใจ เด็กสาวเลือกที่ราคาพอเหมาะกับของขวัญจากผู้เป็นเพื่อนสนิทของพ่อบุญธรรมเนื่องจากไม่รู้ว่าคนอย่างอติชนจะเหมาทุกอย่างในห้างแห่งนี้ให้เธอก็ได้ จนกระทั่งเลี้ยวรถเข้ามาจอดที่ร้านอาหารที่อยู่ถัดออกมาจากห้างหรู
ชายหนุ่มปล่อยคำขู่ว่าจะยึดคืนหากเธอถือลงไปร้านอาหารด้วยจึงต้องเดินมือเปล่าเข้าไปนั่งร่วมโต๊ะกับเขาสองคน ชายหนุ่มสั่งชุดติ่มซ่ำ หมูย่างเกาหลีและน้ำผลไม้สำหรับสกาวเดือนและสั่งเหล้ารัมให้ตนไว้จิบเบาๆและเฝ้ารอ เหมือนกับจระเข้ที่มันอดทนรอให้เหยื่อจมน้ำตายช้าๆ จนเสร็จสิ้นมื้ออาหารจึงไปส่งเด็กสาวที่บ้านซึ่งเป็นบ้านของบัวหอม ทั้งคู่ขอบคุณและล่ำลากันก่อนที่ร่างบางจะเดินเข้าไปในตัวบ้านหลังใหญ่ วันนี้เธอจะเอาผลการมอบตัวมาให้ผู้ปกครองดูก่อน จึงจะกลับไปบ้านวิริยะกิจที่เธออาศัยซุกหัวนอน
“พี่ตุ่นคะ หนูไปสอบสัมภาษณ์เสร็จเรียบร้อยแล้วนะคะ” เด็กสาวทักทายผู้เป็นพ่อบุญธรรมด้วยความสดใสก่อนจะหน้าเจื่อนลงเมื่อเห็นว่าแดนไตรนั่งหน้าเคร่งเครียดกับแท็ปเล็ตที่อยู่ในมือจึงเงียบเสียงและมองหาเก้าอี้เพื่อนั่งรอให้เขาเสร็จธุระก่อน จนมานั่งที่หน้าประตูบ้าน
“คุณเบลฉันส่งข้อมูลการร่วมลงทุนกับไต้หวันไปให้คุณทางอีเมล์เรียบร้อยแล้วค่ะ พรุ่งนี้ถ้าเข้าบริษัทฉันจะจัดการเรื่องเครื่องดักฟังเอง”
เสียงบางๆของผู้หญิงดังมาจากมุมสวนข้างตัวบ้าน เป็นเสียงกระซิบกระซาบที่สกาวเดือนไม่ค่อยได้ยินและไม่เข้าใจว่าเขาพูดคุยเรื่องอะไรแต่พอได้ยินเลาๆว่าเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นและลงทุน รวมทั้งเป็นเรื่องที่จะทำลายความน่าเชื่อถือของอะไรสักอย่างหรือของใครสัก พวกเขาคุยโทรศัพท์กันต่ออีกสักครั้งก่อนที่เสียงจะเงียบหายไป บัวหอมเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าภายหลังการลบล้างข้อมูลโทรเข้า-ออกและอีเมล์ที่จัดส่งออกจากโทรศัพท์ตนเอง หญิงสาวพยายามทำตัวให้เป็นปรกติ ตัดสินใจแน่วแน่ในการจัดการเรื่องที่มันมาถึงขั้นแต่งงานจดทะเบียนผลประโยชน์กลายเป็นสินสมรสร่วมกัน
ร่างบางเดินขึ้นบ้านมาเจอเด็กสาวใส่ชุดนักเรียนยืนอยู่ ผู้หญิงที่ลักลอบคุณข้อมูลสำคัญถึงกับผงะตอนที่รู้ว่ามีอีกคนยืนอยู่ในบริเวณที่เธอกำลังพูดคุยเรื่องแผนการลับ ด้วยความระแวงของคนที่เหมือนวัวสันหลังหวะ หญิงสาวเริ่มวิตกกังวลและเครียดที่เห็นลูกบุญธรรมของผู้เป็นสามีนั่งอยู่ ไม่มั่นใจว่าเธอได้ยินอะไรบ้าง แต่จะไม่ประมาทจนทำให้ทุกอย่างพัง เรื่องนี้ควรเป็นเรื่องที่เธอรู้กับนพพลเพียงสองคน
“คุณบัวหอม” เด็กสาวหน้าซีดกลัวถูกเข้าใจผิดว่าแอบฟังเธอคุยโทรศัพท์
“มานานแล้วเหรอ มาตั้งแต่ตอนไหน” ถามด้วยน้ำเสียงและใบหน้านิ่งๆ พยายามเก็บอาการตื่นเต้นไว้ให้ลึกที่สุดแต่ในหัวตรึงเครียดคาดคั้นกลัวว่าแผนจะแตก
“คุยอะไรกันเหรอสาวๆ” แดนไตรเดินออกมายืนโอบเอวภรรยาสาวสวย
“เปล่าค่ะ บัวขอตัวไปดูคุณแม่ก่อนนะคะ” ร่างสวยขยับตัวออกห่างในใจรังเกียจสัมผัสจากผู้เป็นสามีที่ไปโอบกอดผู้หญิงอื่นวันนี้ทำเอาชายหนุ่มหน้าม้านเพราะรู้สึกถึงความมึนตรึงกับความสัมพันธ์ของครอบครัวที่เหมือนตอนเธอถูกเขาตำหนิเรื่องสิรินนภาไม่มีผิด ตรงนี้เองที่ปัญหาครอบครัวก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆปัญหามันอยู่ตรงไหนใจของหญิงสาวรู้ดี เธอไม่ยินดีที่ความรักจากสามีต้องถูกแบ่งให้ใคร เหมือนกับกับบริษัทที่เป็นมรดกของเธอที่ไม่จำเป็นต้องแบ่งให้ใครและเมื่อถูกคนเนรคุณชุบมือเปิบไปก็ต้องเอาคืน ในขณะที่ฝ่ายสามีคิดแต่ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่มีเหตุผลพร้อมที่จะงอนให้เขาง้อทุกเรื่อง เขายินดีทำทุกอย่างเพื่อความสุขของครอบครัวทั้งเหนื่อยกับงานบริษัท กลับมาบ้านก็ต้องเหนื่อยกับชีวิตครอบครัวที่ไม่การจะครองคู่มันไม่ง่าย
“ว่าไงล่ะเราไปสัมภาษณ์เรียนต่อเป็นยังไงบ้าง” สายตาที่มองลูกบุญธรรมเต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่น เด็กสาวคนนี้เขาเลี้ยงมาแต่อ้อนแต่ออก เด็กน้อยที่ต้องฟังเสียงครหาจากคนในสังคมว่าเป็นลูกของนักโทษประหารคดีร้างแรงทั้งทุจริตและคดียาเสพติดแดนไตรจึงต้องเพิ่มความรัก เอาใจใส่และปกป้องทะนุถนอมเธอให้มากขึ้นกว่าเด็กคนอื่นๆที่อยู่ร่วมมูลนิธิหรือโรงเรียนวัด
แดนไตรนั่งเครียดอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เมื่อพบว่าการทำสัญญาซื้อขายรวมถึงแผนพัฒนาด้านการลงทุนตกไปอยู่ในมือของบริษัทคู่แข่งอย่างนพพล การประมูลสัมปทานท่าเรือสำหรับขนส่งสินค้าทางเรือถูกประมูลตัดหน้า นับเป็นงานที่ห้านับจากโครงการสัมปทานส่งออกอาหารไปไต้หวันที่ถูกเปิดซองปาดหน้าเค้กไปก่อนหน้า จนตอนนี้หนังสือพิมพ์หรือข่าวที่เกี่ยวกับการค้าการลงทุนเริ่มมีข่าวของตัวชายหนุ่มและบริษัทในเครือวิริยะกิจถึงความน่าเชื่อถือในธุรกิจและการลงทุน ไม่เว้นแม้แต่บริษัทเศวต กรุ๊ปที่คณะกรรมการเริ่มประชุมและตั้งคำถามว่าเหตุใดช่วงนี้ความน่าเชื่อถือหรือเครดิตของนายแดนไตร วิริยะกิจจึงตกลงเข้าขั้นติดลบ
“คุณมัญชรี เรียกฝ่ายไอทีมาพบผมด้วย เรียกมาทั้งหมด” คำสั่งแรกของตอนสายวันนี้ทำเอาภรรยาสาวที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ในห้องถึงกับชะงัก การดำเนินงานทุกอย่างของวิริยะกิจและเศวต กรุ๊ปถูกจัดการเข้าระบบคอมพิวเตอร์เครือข่าย รวมทั้งการจัดเก็บแผนดำเนินงานธุรกิจต่างๆที่นอกจากจะประสานงานโดยตรงซึ่งอาจจะเป็นการโทรศัพท์หรือนัดพบลูกค้า แล้วยังมีการใช้คอมพิวเตอร์จัดการร่วมด้วยซึ่งหมายความว่าหากต้องการที่จะตรวจสอบว่าข้อมูลซื้อขายภายในบริษัทรั่วไหลไปได้อย่างไรก็สามารถทำได้โดยการตรวจสอบจากระบบคอมพิวเตอร์
“ค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะตามฝ่ายไอทีทั้งหมดให้ค่ะ” มัญชรีรีบรับคำสั่งอย่างรวดเร็ว ช่วงนี้เจ้านายหนุ่มสุดหล่อของเธออารมณ์ขุ่นมัว
บัวหอมเริ่มกระวนกระวายใจจนหน้านิ่วคิ้วขมวด ในเมื่อเธอเป็นคนสำเนาไฟล์เอกสารการแผนงานทั้งหมดและส่งอีเมล์ไปให้นพพลด้วยตัวเอง ซ้ำยังติดเครื่องดักฟังสิ่งที่เขาพูดคุยทางโทรศัพท์จนได้ทราบแผนงานที่เขากำลังจะติดต่อล่วงหน้ามาแทบทั้งหมด
“พี่ตุ่นคะ ใจเย็นๆก่อน”
ทำใจดีสู้เสือลดทิฐิยอมพูดกับสามีแสนชังคนนี้ด้วยเสียงอันอ่อนหวาน เพื่อดูว่าเขาสาวเรื่องมาถึงตัวหรือยังและเขาจะทำอย่างไรหากสืบสาวได้ว่าคนที่บ่อนทำลายชื่อเสียงของเขาคือเธอเอง
“พี่ขอโทษนะน้องบัว” ปรับเสียงให้เบาลงหลังจากสบถหยาบคายออกมา ด้วยความที่การดำเนินธุรกิจมีปัญหาไม่สามารถปิดการซื้อขายได้ ซ้ำยังถูกบริษัทของนายนพพล ผู้ที่เป็นคู่แข่งในทุกๆเรื่องของเกมธุรกิจตัดหน้าไปเสียหายหลายโปรเจก เกี่ยวพันกับผลประโยชน์เป็นพันล้าน
“ไม่เป็นไรนะคะ เดี๋ยวมันก็ผ่านไป”
ปลุกปลอบใจเสียงอ่อนโยนแต่กลับมีความสาแก่ใจและโกรธแค้นไหลผ่านสายตาไปวูบหนึ่ง ในระหว่างที่จ้องจดจ้องความพินาศของชายที่ชื่อแดนไตร ความรักที่ถูกตอบแทนด้วยความทรยศครั้งแล้วครั้งเล่าแปรเปลี่ยนเป็นความชิงชัง ต่อจากนี้ทุกๆความล้มเหลวของเขาคือความสุขของเธอ
แต่ในใจของแดนไตรมันยากเกินกว่าที่คนที่กำลังถูกความแค้นบังตาเข้าใจ ชายหนุ่มมองที่ภรรยาของตนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและสงสาร น้องน้อยสุดที่รักที่เคยสดใสยิ้มง่าย กลายเป็นคนที่เต็มไปด้วยความแค้นบังตา หญิงสาวต้องการทุกอย่างที่เป็นของเธอคืน ประเด็นนี้เขาเข้าใจแต่เธอจะรู้บ้างไหมว่าสิ่งที่เธอร่วมมือกับนพพลทำลงไปทุกอย่างจริงอยู่ว่ามันสร้างความเสียหายและเสียชื่อให้กับนักลงทุนอย่างเขาและบริษัทเครือวิริยะกิจ และนอกเหนือจากนั้นมันยังส่งผลต่อเศวต กรุ๊ปบริษัทของเธอด้วย สุดท้ายแล้วเขาไม่เชื่อหรอกว่าคนอย่างนายนพพล ปีศาจทางการเงินจะไม่เห็นประโยชน์ส่วนตัวของตนเอง และยินยอมจะช่วยบัวหอมอย่างเต็มใจ และเหนืออื่นใด เขาผิดหวังที่ความรักและความเหนื่อยยากทุกอย่างที่เขาทำเพื่อเธอ ตอนนี้มันไร้ค่าและกลายเป็นสิ่งน่ารำคาญ สุดท้ายความเหนื่อยยากลำเค็ญของเขามันกลายเป็นเครื่องมือที่บัวหอมใช้ในการทำลายบริษัทของตัวเอง เขารู้ดีว่าทุกอย่างที่มันเกิดขึ้น มันเกิดจากบัวหอม
เย็นวันนี้แดนไตรให้บัวกลับบ้านไปก่อนและให้เธอกินข้าวเย็นเลยไม่ต้องรอเหมือนทุกๆวัน เนื่องจากวันนี้เขามีงานต้องจัดการยาวเหยียดเพื่อจะเรียกความน่าเชื่อถือในการลงทุนกลับมา โดยจะต้องเริ่มวางแผนสรรหาคู่ค้ารายใหม่และยื่นข้อเสนอให้กับคู่ค้ารายใหม่ใหม่เพื่อชักชวนให้เกิดการลงทุน แต่มันค่อนข้างจะยากหน่อยแม้ชื่อเสียงด้านความประสบความสำเร็จของแดนไตรจะเป็นที่เลื่องลือและเขาเก่งเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ หากแต่ชื่อเสียงที่สูญเสียไปในฐานะบริษัทที่ทั้งแพ้การประมูลหุ้น บริษัทที่ไม่สามารถแข่งขันลงทุนได้ทำให้เกิดโจทย์ใหม่ที่ท้าทายว่าแดนไตรจะบริหารบริษัทในเครือวิริยะกิจและเศวต กรุ๊ปต่อไปอย่างไร
“ฉันจัดส่งเอกสารซื้อขายที่พี่ตุ่นจะให้ทางอเมริการ่วมทำสัญญาไปให้คุณแล้วนะคะ คราวนี้เขาขายน้ำตาล เราเลิกส่งอีเมล์ก่อนนะเพราะว่าวันนี้เขาเรียกฝ่ายไอทีมาพูดคุยเกี่ยวกับการใช้ระบบส่งเอกสารอิเลคทรอนิคส์ฉันเลยปริ้นออกมาแล้วส่งหาคุณแทน”
หญิงสาวเดินคุยโทรศัพท์ไปเรื่อยๆสบายๆในระหว่างที่ลงจากรถและเดินเข้าบ้าน วันนี้แดนไตรไม่ได้กลับบ้านพร้อมเธอ ไม่มีความจำเป็นที่ต้องระมัดระวังการพูดคุยกับนพพล
“คุณรีบศึกษารายละเอียดการซื้อขายแล้วรีบชิงเสนอราคาไปทางอเมริกา เพราะฉันไม่รู้ว่าการซื้อขายน้ำตาลครั้งนี้เขากำหนดเวลาไว้วันไหน พอดียังไม่ได้เปิดฟังเครื่องดักฟัง”
ยังคงพูดสบายๆโดยไม่รู้ตัวว่าตอนนี้นอกจากคุณแม่ที่นอนป่วยติดเตียงในห้องกระจกในตัวบ้านและพยาบาลเฝ้าไข้พิเศษ ยังมีสาวน้อยหน้ามนอีกหนึ่งคนในบ้าน ซึ่งแดนไตรได้วานให้มาอยู่เป็นเพื่อนภรรยาในระหว่างที่เขากลับบ้านค่ำหรืออาจจะไม่กลับบ้านในคืนนี้
คนที่เหมือนวัวสันหลังหวะมักจะระแวงทุกคนไม่เว้นแม้แต่คนที่เดินเข้ามาในบ้านและเห็นว่าอีกฝ่ายยืนอยู่ในบ้านก่อน เธอมั่นใจว่าคราวนี้อีกฝ่ายได้ยินทุกสิ่งที่เธอพูดโดยละเอียด เพราะไม่เช่นนั้นเพียงแค่เห็นว่าเธอมาถึงบ้านก็จะมาพูดคุยด้วยท่าทีสดใสชื่นบานเหมือนทุกๆครั้ง แต่คราวนี้กลับยืนจ้องเธอด้วยสีหน้ากระอักกระอวนใจ แต่ก่อนแต่ไรเธอมีความเอ็นดูในตัวสกาวเดือน อยากจะสรรหาสิ่งดีๆมาให้เด็กสาวคนนี้ที่ถือเป็นลูกบุญธรรมของเธอด้วย แต่หลังจากวันก่อนที่สกาวเดือนอาจจะได้ยินแผนการที่เธอพูดคุยกับนพพล ในหัวเริ่มคิดที่จะกำจัดออกไปให้พ้นแผนการครั้งนี้
“มารอพี่ตุ่นเหรอลูกจัน วันนี้พี่ตุ่นยังไม่กลับบ้าน”
เริ่มต้นทักทายพยายามทำตัวให้ปรกติแต่มันหลอกตากันไม่ได้เพราะสีหน้าเริ่มเครียดเขม่ง ในขณะที่เด็กสาวมีท่าทีลำบากใจ เธอรักและเชื่อใจในตัวของบัวหอมไม่ต่างจากแดนไตร จึงไม่อยากจะปักใจเชื่อว่าอีกฝ่ายจ้องจะทำลายธุรกิจของพ่อบุญธรรม ที่เธอได้ยินมันอาจจะผิดเพี้ยนไม่ชัดเจน เพราะว่าพี่บัวของเธอพูดโทรศัพท์เสียงบางเบามาก
“พะ...พี่บัว”
ใบหน้าคล้ายผิดหวังจะร้องไห้ของสาวน้อยทำให้คนเห็นตาโตใจระทึก หรือว่าความลับจะถูกล่วงรู้โดยลูกบุญธรรมของเขา ทางที่ดีเธอควรรีบทำให้เด็กคนนี้กลายเป็นคนไม่น่าเชื่อถือไปเสียก่อน ว่าแต่...เธอจะต้องทำยังไงดี
บทที่ 10หวาน...ขมสุดท้ายแล้วโปรเจกขายน้ำตาลให้กับอเมริกาของเศวต กรุ๊ปมีอันพ่ายแพ้ให้กับการเจรจาขายของบริษัทนพพล เขาจัดซื้อและรวบรวมน้ำตาลจากโรงงานอื่นๆที่ไม่ใช่เศวต กรุ๊ปและเสนอราคาขายให้กับอเมริกาในราคาที่ถูกกว่า ทำให้บริษัทที่แดนไตรบริหารกำลังประสบปัญหาไม่มีตลาดรับซื้อสินค้า บริษัทขาดดุลการค้าเกือบพันล้านเนื่องจากซื้อสินค้าและผลิตสินค้ามาแล้วไม่สามารถนำไปส่งขายต่อได้กว่าสองอาทิตย์ที่ชายหนุ่มตรากตรำทำงานหนัก ไม่ได้กลับบ้านกลับช่อง อาศัยนอนพักในห้องทำงานและเดินทางคุยธุรกิจการลงทุนจนหลงลืมวันเวลา ทุกอย่างมันสูญสลายไร้ค่าเพราะสุดท้ายข้อมูลทุกอย่างตกอยู่ในมือของบริษัทคู่แข่งอย่างนพพล ให้มันไปดำเนินการซื้อขายตัดหน้าเขาจนสร้างกำไรมหาศาลพร้อมๆกับลดความน่าเชื่อถือด้านการลงทุนให้กับตัวแดนไตร ไม่เฉพาะกรรมการบริษัทที่เริ่มหวั่นใจกับการบริหารงานอันล้มเหลว บรรดาพนักงานเริ่มรวมตัวกันเรียกร้องความมั่นใจจากนักบริหารหนุ่ม เนื่องจากสินค้าไม่สามารถระบายขายให้ใครได้ ต้องลดอัตราการผลิต ส่งสัญญาณการปลดการจ้างงานให้พนักงานในบริษัทผวาอยู่เป็นระยะงานแต่งงานสุดยิ่งใหญ่ของสิรินนภาและนพพลถูกจัดขึ้นในช่วงกลา
ชายหนุ่มถึงกับครางหือตื่นเต้นไปทั้งตัวเมื่อถูกเรี่ยวแรงน้อยนิดสัมผัสที่ซอกคอสีน้ำผึ้งจนเกิดรอยวงสีแดงช้ำๆ เหมือนเป็นการล้างแค้นกันไปมาที่เขาจูบเธอแรงๆเมื่อครู่ แต่ช่างเป็นทัณฑ์ทรมานอันแสนหวานล้ำเหลือ ร่างสูงผละออกห่างพร้อมทั้งรั้งรูดกระโปรงชุดนอนสีหวานจนเปิดเปลือยความขาวผ่องงดงามของนวลเนื้อน้องน้อย จดจ้องร่างนุ่มด้วยสายตาร้อนแรงไปด้วยไฟเสน่หาจนร่างบางแทบจะหลอมละลาย ทิฐิและความบาดหมางกินใจแต่ก่อนมาคล้ายจะถูกสายตาพิศวาสของเขาสลายลงหมดหรือไม่ก็ อารมณ์ของทั้งคู่ไม่มีที่ว่างพอที่จะไปคิดเรื่องอื่นในระหว่างนี้ในคืนเข้าหอ ภายหลังจากที่ผู้ใหญ่ส่งคู่บ่าวสาวให้นั่งบนเตียงเรียบร้อยแล้ว แทนที่จะเกิดบรรยากาศหวานชื่นของคืนแต่งงาน กลับมีเสียงโต้เถียงและทะเลาะกันของทั้งคู่ทันทีที่อยู่ในห้องพักเพียงลำพังและฝ่ายชายกระทบกระเทียบเหยียบใจฝ่ายหญิงขึ้นก่อน “แต่งงานกับผมแล้วจะไปปล่อยเนื้อปล่อยตัวกับไอ้ตุ่นเหมือนที่เคยทำไม่ได้แล้วนะ จะทำอะไรกับมันก็ไว้หน้ากันบ้าง ไปกอดลาอาลัยเหมือนผู้หญิงสาธารณะ”เพราะหึงหวงโดยไม่รู้ตัวเลยพูดออกมาแบบนั้น“รีนกับตุ่นเราสนิทกันแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว คุณเบลต้องทำใจยอมรับให้ได้เพ
นับแต่วันที่เขาโอนทุกอย่างคืนให้กับผู้เป็นทายาทและเจ้าของที่แท้จริงของเศวต กรุ๊ป แดนไตรไม่เหยียบย่างเข้าไปในบริษัทแห่งนั้นอีกเลย ปล่อยให้บัวหอมจัดการร่วมกับที่ปรึกษาใหม่อย่างนพพล นอกจากนี้เขาเริ่มหมางเมินเย็นชากับภรรยา วันทั้งวันแม้จะอยู่ร่วมบ้านกันกลับไม่มีบทสนทนาใดๆร่วมกันเลย แดนไตรเอาแต่นั่งหน้าคอมพิวเตอร์ ทำงานและโทรศัพท์และช่วยดูแลนางอุบลเท่าที่ทำได้ แต่ทั้งคู่จะแสดงความรักใคร่กลมเกลียวเอาใจใส่เพื่อให้นางอุบลสบายใจ ถึงเวลาไม่มีบุคคลอื่นเขาจะไม่พูดจาหวานหูด้วยสักคำ แม้กระทั่งมองหน้ายังเมินหลบไม่สบตาจริงอยู่ว่าตอนนี้สามีภรรยาต่างใช้ชีวิตเหมือนเป็นคนแปลกหน้าที่อยู่ร่วมบ้านกัน ยามปรกติหมางเมินเย็นชาแต่พอแผ่นหลังสัมผัสเตียงนอนถึงเข้ามาแนบชิด กิจกรรมต่างๆยังคงทำอะไรๆกันเหมือนเดิมเหมือนครั้งเป็นสามีภรรยา เหตุผลเดียวคือเขายังรักและเสน่หาในตัวภรรยามากล้นไม่เสื่อคลาย เพียงแต่มันมีเหตุการณ์ที่ทำให้เกลียดชังกันมากขึ้นเท่านั้นเอง เป็นแบบนี้ใช่ว่าคนเจ็บปวดจะมีเพียงฝ่ายชาย จากที่มั่นอกมั่นใจและสาแก่ใจที่ทวงทุกอย่างคืนจากคนเนรคุณและทรยศหักหลังเขาเป็นการแก้แค้นคืนได้ ตอนนี้เริ่มเจ็บปวดในใจแปลบๆเ
ความสัมพันธ์ติดลบของแดนไตรและบัวหอมเริ่มเป็นที่รับรู้และส่งผลกระทบต่อคนกลางอย่างสกาวเดือน เด็กสาวรับรู้ความผิดปรกติเหล่านี้ดีแต่ไม่อาจช่วยอะไรได้ วันที่พ่อบุญธรรมเก็บของย้ายออกจากบ้านของอดีตภรรยา คืนนั้นทั้งคืนเขากลับมานั่งชันเข่าอยู่บ้านและร้องไห้อย่างหมดยางอายลูกผู้ชายและหลังจากร้องจนสาแก่ใจก็เปลี่ยนเป็นคนนิ่งขรึมแต่ดูอมทุกข์และเหนื่อยล้าตลอดเวลา“อย่าคิดมากเลยนะ” เสียงนุ่มนวลปลอบประโลมเด็กสาวตรงหน้าหลังจากเห็นเธอถอนใจรอบที่ร้อยของวันนี้ไม่อาจรวบรวมสมาธิตั้งใจติวหนังสือเตรียมพร้อมสำหรับการเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้“หนูสงสารพี่ตุ่นค่ะพี่รีน” เด็กสาวบอกกับเพื่อนสนิทของแดนไตรที่พักนี้กลายเป็นแขกประจำของบ้านอีกครั้ง หลังจากที่เขาย้ายกลับมาพักประจำที่บ้านของตนเองตามคำร้องขอของสกาวเดือนที่ต้องการติวเนื้อหาวิชาต่างๆก่อนเข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัยโดยให้อาจารย์สาวมาช่วยติวเข้มเตรียมความพร้อมสำหรับนิสิตคณะบริหารธุรกิจ วันนี้ก็เช่นกันที่สิรินนภามาเยี่ยมและอยู่เป็นเพื่อนคนอกหักพึ่งหย่าเมีย เธอรู้ว่าช่วงนี้เพื่อนรักต้อการกำลังใจมากที่สุด พร้อมๆกับต้องการหม้อไฟแมงกะพรุนของโปรดของเขาด้วย“ไม่ต้องคิดมา
“มันก็อร่อยพอๆกับที่คุณกินจากฉันกับตุ่นแหละค่ะ” เถียงกลับหวังจะให้เขาโกรธจนเต้นเหมือนเธอบ้าง จ้องตาประสานกันร้อนแรงแผดเผา ทีเขายังไปมาหาสู่และติดต่อกับบัวหอมได้และเธอยังไม่ได้คิดอกุศลแบบนั้น แล้วทำไมเธอจะติดต่อกับแดนไตรไม่ได้ ในเมื่อเธอกับเพื่อนคนนี้สนิทกันมากกว่าสิบปี “ฉันรักตุ่นและสนิทสนมกับเขามาเป็นสิบปี นานเสียยิ่งกว่าจะรู้ว่ามีคนอย่างคุณอยู่บนโลกใบนี้เสียอีก” หวังจะให้เขาเจ็บแสบบ้างแต่นั่นมันเหมือนดาบสองคมที่จะย้อนกลับมาทำร้ายเธอทีหลัง“รีน” เสียงเข้มข้นเรียกชื่อหญิงสาว เป็นการปรามว่าเธอดูถูกผู้ชายอย่างเขามากเกินไป จนลืมตัวไปว่า ตนนั้นก็ดูถูกเธอด้วยประโยคความหมายเดียวกัน แต่แค่เปลี่ยนรูปประโยคเท่านั้น แต่อย่างว่า ด้านตัวเองมักสว่างเสมอ“เรียกทำไมคะ กลัวจะลืมชื่อเมียตีทะเบียนคนนี้เหรอ ฮึ! ฉันเคยเชื่อมาตลอดว่าให้ฟังและทำตามสิ่งที่แม่เตือนฉันอยู่ซ้ำๆ แต่พอฉันทำตามแม่เรื่องแต่งงานกับคนอย่างคุณ!” พูดถึงตรงนี้ก็ได้แต่เงียบ จุกอกพูดไม่ออก ส่งได้แค่สายตาอ้างว้างผิดหวัง เหยียดหยามในความโง่เขลาของตัวเอง“โอ้ย!” ร่างบางถูกจับกระชากเข้ามาเผชิญหน้า สายตาจัดจ้าก้มเข้ามาใกล้ คาดคั้นให้เธอปริปาก
บทที่ 1วัดเก่าย่านชุมชนแออัดของเมืองหลวง เป็นสถานที่เงียบสงบที่นางอุบลเลือกมาทำบุญในวันครบรอบวันเกิดอายุหกสิบปี และครบรอบหนึ่งปีของการจากไปของสามีสุดที่รักถึงแม้การแต่งกายหรูหรากับใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางจะฉาบเคลือบความชราจนมิด แต่แววตาอิดโรยจากอาการเจ็บป่วยภายในและความเหนื่อยยากจากการบริหารงานบริษัทแทนสามียังคงฉายชัดออกมาให้ผู้พบเห็นรู้สึกไม่สบายใจ“โยม มาวัดแล้วทำไมทำหน้าเศร้านักล่ะ” หลวงตาเอ่ยทักด้วยความเมตตาหลังจากนั่งลงที่อาสนะ เตรียมพร้อมสำหรับให้ศีลให้พรแก่ญาติโยมที่มาทำบุญที่วัด นางอุบลเป็นญาติโยมที่มักจะนั่งรถจากใจกลางย่านธุรกิจของเมืองหลวงมาสู่ชุมชนแออัดกลางเมืองเพื่อทำบุญที่วัดนี้อยู่เป็นประจำ จนมีความสนิทสนมกับคนในวัดนี้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะลูกสาวของนางที่เป็นเพื่อนเล่นกับเด็กวัดที่นี่อย่างไม่ถือตัว“นมัสการเจ้าค่ะหลวงพ่อ” ก้มลงกราบสามครั้งก่อนจะเก็บกลืนความไม่สบายใจลงคอ ไหนๆ วันนี้ก็เป็นวันคล้ายวันเกิดเลยอยากจะทำจิตใจให้สบาย “วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดดิฉันค่ะ เลยอยากจะมาทำบุญ แล้วก็อยากมอบทุนการศึกษาให้กับโรงเรียนวัดด้วย จะได้เอาไว้ให้เด็กในชุมชนกับเด็กวัด”“เจร
บท 2บัวหอมเข้ามาทำงานในบริษัทในตำแหน่งกรรมการฝ่ายการตลาด ด้วยความที่เธอชำนาญการใช้ภาษาต่างประเทศถึงหกภาษา ทำให้การทำงานกับตลาดต่างประเทศของบริษัทเศวต กรุ๊ป มีความคล่องตัวมากขึ้นด้วยความครอบคลุมภาษาประเทศหลัก ญี่ปุ่น สเปน จีนกลาง อังกฤษ ฝรั่งเศสและเยอรมัน และความละเอียดรอบครอบด้านเอกสาร ไม่ถึงหนึ่งเดือนเธอได้รับคำชื่นชมในการทำงาน จากกรรมการบริหารทุกคน จะมีข้อตำหนิก็อยู่ที่เป็นคนขี้โวยวายและทำตัวหักหน้าไม่ให้เกียรติประธานบริษัทคนใหม่อย่างแดนไตรสำหรับแดนไตร ประธานบริษัทคนใหม่พิสูจน์ตัวเองจนได้รับการยอมรับโดยการทำให้สองไตรมาสแรกของปีงบประมาณไม่อยู่ในภาวะขาดทุน ผลของการนำเงินเก็บส่วนตัวมาอัดฉีดลงทุนกับการโปรโมทให้เศวต กรุ๊ปกลับมาโดดเด่น โด่งดังอีกครั้ง บวกกับความเป็นคนรุ่นใหม่ที่เก่งกาจจากดีกรีปริญญาเอกการเงินและการลงทุนจากวอชิงตันอเมริกา และยังติดโผหนุ่มโสดเนื้อหอมที่มีแฟนคลับตามติดแม้ไม่ได้เป็นดารานายแบบ ยิ่งช่วยให้บริษัทภายใต้การบริหารของคนรุ่นใหม่ไฟแรงเป็นที่น่าสนใจในการลงทุนร่วมหุ้นมากขึ้นบ่อยครั้งที่หนังสือพิมพ์หน้าข่าวสังคมลงภาพและข่าวคราวของแดนไตรในเรื่องของกิจกรรมสาธารณประโยชน์
บท 3ในวันหยุดยาวชดเชยวันสำคัญของคนชาวไทย บ้านของสิรินนภายามนี้ถูกจับตกแต่งราวกับราชวังในนิทาน เพื่อเป็นการต้อนรับปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้หลักผู้ใหญ่ที่ทางครอบครัวฝ่ายชายขอความกรุณามาเป็นธุระเรื่องการทาบทามสู่ขอลูกสาวบ้านนี้อย่างเป็นทางการ อาจารย์สาวไม่ค่อยแปลกใจกับการต้อนรับแขก เธอเข้าใจว่าเป็นการทาบทามสู่ขอน้องสาวคนเดียวของเธอที่ตอนนี้คงจะคบหากับแฟนหนุ่มจนความรักสุกงอมหอมหวาน เธอมีแก่ใจช่วยทำน้ำใบเตยเย็นชื่นใจต้อนรับแขกเหรื่อที่แม่ตื่นเต้นนักหนา“แขกรับน้ำดื่มเรียบร้อยแล้วค่ะคุณรีน เดี๋ยวทางนี้ป้ารับผิดชอบต่อเอง คุณรีนขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนผ้าเถอะนะคะ” ป้าจอมบอกกับคุณหนูน้อยคนงามด้วยรอยยิ้มหวาน วันหยุดว่างจากการสอนทั้งทีคนอย่างอาจารย์สิรินนภายังไม่ยอมอยู่เฉย ตื่นแต่เช้าลงมาช่วยหยิบจับงานครัวจนเรียบร้อย หลังจากที่ได้ยินคนเป็นแม่บอกถึงนัดหมายว่าจะมีแขกสำคัญมาเยี่ยมเยียนและพูดเรื่องสำคัญ“จ่ะป้า” หญิงสาวรับคำยิ้มๆ ถอดผ้ากันเปื้อนและเดินกลับห้องนอนของตนที่อยู่ชั้นสองของตัวบ้าน แต่ไม่อายแอบมองไปที่โถงใหญ่รับแขก ซึ่งตอนนี้มีแขกคนสำคัญของคุณแม่นั่งอยู่เต็มไปหมด“เอ...แล้วเจมส์ไปไหน” ถามกับตัวเ