บทที่ 10
หวาน...ขม
สุดท้ายแล้วโปรเจกขายน้ำตาลให้กับอเมริกาของเศวต กรุ๊ปมีอันพ่ายแพ้ให้กับการเจรจาขายของบริษัทนพพล เขาจัดซื้อและรวบรวมน้ำตาลจากโรงงานอื่นๆที่ไม่ใช่เศวต กรุ๊ปและเสนอราคาขายให้กับอเมริกาในราคาที่ถูกกว่า ทำให้บริษัทที่แดนไตรบริหารกำลังประสบปัญหาไม่มีตลาดรับซื้อสินค้า บริษัทขาดดุลการค้าเกือบพันล้านเนื่องจากซื้อสินค้าและผลิตสินค้ามาแล้วไม่สามารถนำไปส่งขายต่อได้
กว่าสองอาทิตย์ที่ชายหนุ่มตรากตรำทำงานหนัก ไม่ได้กลับบ้านกลับช่อง อาศัยนอนพักในห้องทำงานและเดินทางคุยธุรกิจการลงทุนจนหลงลืมวันเวลา ทุกอย่างมันสูญสลายไร้ค่าเพราะสุดท้ายข้อมูลทุกอย่างตกอยู่ในมือของบริษัทคู่แข่งอย่างนพพล ให้มันไปดำเนินการซื้อขายตัดหน้าเขาจนสร้างกำไรมหาศาลพร้อมๆกับลดความน่าเชื่อถือด้านการลงทุนให้กับตัวแดนไตร ไม่เฉพาะกรรมการบริษัทที่เริ่มหวั่นใจกับการบริหารงานอันล้มเหลว บรรดาพนักงานเริ่มรวมตัวกันเรียกร้องความมั่นใจจากนักบริหารหนุ่ม เนื่องจากสินค้าไม่สามารถระบายขายให้ใครได้ ต้องลดอัตราการผลิต ส่งสัญญาณการปลดการจ้างงานให้พนักงานในบริษัทผวาอยู่เป็นระยะ
งานแต่งงานสุดยิ่งใหญ่ของสิรินนภาและนพพลถูกจัดขึ้นในช่วงกลางเดือนของวันแห่งความรัก แดนไตรได้รับคำเชิญให้ร่วมเป็นเพื่อนเจ้าสาว วันนี้เป็นวันที่เขาฝืนยิ้มจนเหนื่อย ปัญหาที่เจอทำให้ภายในใจกลายเป็นคนอมทุกข์ แต่เพื่อเพื่อนสนิทเขาจึงปั้นหน้ายิ้มชื่นอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่ช่วงพิธีการสู่ขอตอนเช้า หมั้นหมายตอนสายและตกค่ำมีเลี้ยงฉลองมงคลสมรส จนมีขนมจีบกุ้งกลิ่นหอมชวนกินหนึ่งชิ้นถูกยื่นมารอที่ปาก ชายหนุ่มถึงหลุดออกมาจากแผนหาทางรอดของธุรกิจที่เฝ้าวนเวียนย้ำคิดย้ำทำทุกๆวินาที
“รีน” แดนไตรยิ้มเขินที่ถูกจับได้ว่ายืนเหม่อ
“อ้ำเร็วเข้า เสร็จงานแล้วจะได้รีบกลับไปพักผ่อน” เจ้าสาวแสนสวยของงานคืนนี้ยืนยิ้มร่าเริงรอป้อนอาหารให้กับเพื่อนรัก
“เพื่อนสุดหล่อของเจ้าสาวทำไมเหม่อลอยอมทุกข์จัง อย่าบอกนะว่าเสียดายรีนขึ้นมาน่ะ” อาจารย์สาวเย้าแหย่ทำให้อีกฝ่ายหลุดขำออกมาเล็ก สิรินนภาคนเดิมกลับมาแล้ว คนที่เป็นเหมือนเมื่อครั้งทั้งคู่เริ่มเป็นเพื่อนกันใหม่ๆ
“ผมชักจะอิจฉานายนพพลแล้วสิ คนสวยๆเก่งๆอย่างรีน ใครได้เป็นเจ้าสาวก็โชคดีทั้งนั้นแหละ” ชมเหมือนเคยทุกครั้งแต่ครั้งนี้คนฟังไม่ได้มีความคิดเตลิดไปเองว่าเขาจีบอีกต่อไปแล้ว เพื่อนกันมันจะเป็นตลอดไป
“ชมแบบนี้ต้องกินเยอะๆเลย” พร้อมทั้งจิ้มขนมจีบในจานป้อนเขาอีก “ตัวตุ่นของรีนต้องกินให้มันอ้วนๆมีเนื้อมีหนังไม่ใช่ดูซูบซีดแบบนี้” หัวเราะถูกอกถูกใจที่เห็นอีกฝ่ายเคี้ยวของกินจนแก้มตุ่ยขึ้น ภาพความสนิมสนมของทั้งคู่ตกอยู่ในสายตาของของบัวหอม หญิงสาวที่นั่งรอสามีตนเองพากลับบ้าน แต่เขายังไม่มีทีท่าว่าจะลากลับเสียทีกลับยังพูดคุยหยอกล้อกันอย่างสนิทสนมดังเดิมทั้งๆที่หญิงชายจะมีความสนิทสนมกันแบบนี้ไม่ได้แล้วแม้จะเป็นเพื่อนสนิทกันเนื่องจาก ณ วินาทีนี้ฝ่ายหญิงแต่งงานจดทะเบียนเป็นฝั่งเป็นฝาเรียบร้อยแล้ว
“ฮึ! เพื่อนสนิท...คิดไม่ซื่อ!” คนแอบมองสบถตีตราด้วยอคติและความทั้งรักทั้งเกลียด ภาพการพูดคุยหยอกล้อของเพื่อนรักด้วยความไม่พอใจ โกรธเกลียดคนทรยศจนไม่อาจเชื่อใจใครได้อีกแม้แต่คนที่การศึกษาสูงๆ คนหน้าตาซื่อๆอย่างแดนไตรยังฉ้อโกงแย่งชิงทุกอย่างจากครอบครัวผู้มีพระคุณมาแล้ว กับแค่การเป็นชู้กับเพื่อนที่คบหาและรักใคร่รู้ใจซึ่งกันและกันมาเป็นสิบๆปี ทำไมคนเห็นแก่ตัวอย่างแดนไตรจะทำไม่ได้ แล้วอีกอย่างดูฝ่ายหญิงอย่างสิรินนภาเองจะเต็มใจถ้าหากได้ขยับความสัมพันธ์
ในอีกมุมหนึ่งของงาน วงเหล้าของกลุ่มเพื่อนฝูงฝั่งเจ้าบ่าวกำลังตั้งวงเฮฮาปาร์ตี้หลังงานแต่งงาน เจ้าบ่าวสุดหล่อนั่งอยู่ในกลุ่มเพื่อนนั้นด้วย แม้จะสาดเหล้าลงคอไม่ยั้งมือแต่ความเย็นซ่าของเครื่องดื่มมึนเมาไม่อาจดังความร้อนรุ่มในใจและในแววตาจัดจ้าริษยาชัดเจน มันคล้ายว่าเขากำลังอิจฉาแดนไตรที่ได้ใจของสิรินภาไปครอบครองและยังได้ผู้หญิงอย่างคุณหนูบัวหอมผู้เพียบพร้อมมาเป็นภรรยา แม้ตอนนี้เธอจะเป็นคนมีแต่เปลือกแต่เด็กวัดอย่างนายแดนไตรมันมีดีอะไร กะอีแค่เศรษฐีหน้าใหม่ที่พึ่งจะร่ำรวยจากโชคเข้าข้างได้เป็นลูกบุญธรรมเศรษฐี ถ้าเทียบกับลูกนักการเมืองและตระกูลเก่ายิ่งใหญ่คับฟ้า นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งอย่างเขา นับว่ายังห่างชั้น แต่ทำไมไม่ว่าลงทุนหรือสอบแข่งขันเขามักจะเป็นรองไอ้คนลำเค็ญอย่างแดนไตรเสมอ
“ผู้หญิงสาธารณะ!” สบถด่าไปที่ภรรยาหนึ่งคำด้วยความหมั่นไส้แกมหวงก่อนจะหันมาสนใจเหล้ายาปาร์ตี้ที่เหล่าเพื่อนฝูงร่วมฉลองส่งท้ายความโสดและต้อนรับความหรรษาที่จะมาพร้อมกับความย่อยยับของไอ้แดนไตร อริในทุกๆด้านของเขา!
เกือบเที่ยงคืนบัวหอมและแดนไตรจึงกลับถึงบ้าน หญิงสาวเงียบตลอดทางด้วยความไม่พอใจที่เขายืนล่ำลาอาลัยอาวรณ์สิรินนภาอยู่ร่วมครึ่งชั่วโมงไม่รู้จะสอนหรืออวยพรอะไรกันยืดยาวไม่สนใจคนยืนรอจนขาแทบแข็ง ซ้ำปิดท้ายยังมีการกอดล่ำลาน้ำตาไหลซาบซึ้งกับมิตรภาพ ราวกับว่าเพื่อนจะออกเรือนไปรบไม่ได้ออกเรือนไปแต่งงาน การที่พวกเขากอดกันทั้งที่ผู้หญิงคนนี้เป็นภรรยาของคนอื่นต่อหน้าสามีของเขาและต่อหน้าเธอที่เป็นภรรยาเขายังสนิทสนมกันขนาดนี้ทำให้นพพลถึงกับกันฟันแน่นจนกรามนูน ข่มความโกรธที่รู้สึกเหมือนถูกหยามน้ำหน้า ในเมื่อเมียของเขาเฝ้ารักไอ้หมอนี่มาเป็นสิบๆปี มันก็ย่อมระแวงเป็นธรรมดาว่าสักวันหนึ่งจะมาสวมเขาเล่นชู้กัน เสน่หาในใจคนมันใช่จะมอดดับลงได้โดยง่าย
หลังอาบน้ำเสร็จบัวหอมก็นอนหันไปอีกข้างแต่ไม่ยอมหลับ เธอรอจังหวะที่สามีอาบน้ำแต่งตัวเสร็จและขึ้นมาบนเตียงเพื่อที่จะพูดคุยเรื่องสำคัญ ไม่ได้คุยกันเป็นอาทิตย์แต่ความโกรธก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆตาม เพราะไม่ได้ถูกอธิบายอะไร หญิงสาวหันมามองเขาด้วยความโกรธ ทั้งขยะแขยงทั้งเกลียด ผู้ชายที่ครั้งหนึ่งเธอเคยรักและชอบทุกๆอย่างที่เป็นเขามาก แม้ตอนที่มีเรื่องหมางใจเพราะเขาเนรคุณแย่งบริษัทก็ยังสัมผัสได้ในใจตนเองว่ายังรักในตัวเขา แต่พอถูกเขาทรยศเรื่องความสัมพันธ์เธอกลับขยะแขยงสามีคนนี้ มันเหมือนถูกเขาทรยศครั้งแล้วครั้งเล่าและเรื่องไม่ซื่อสัตย์นี้เธอรับไม่ได้มากที่สุด
“เราหย่ากันดีไหมคะถ้าพี่ตุ่นต้องการคุณรีนมากขนาดนั้น” เริ่มต้นพูดด้วยยาวๆเป็นประโยคแรกกลับเปิดฉากประชดประชัน มือที่กำลังจะคว้าร่างนุ่มของภรรยาเข้ามากอดกลับชะงักค้างด้วยความตกใจและเริ่มตกผลึกเป็นโกรธ เธอพูดจาไม่ให้เกียรติแบบนี้เขาไม่โกรธ แต่การที่สื่อเหมือนความรักของเขามันไม่มีค่านั้นแหละที่น่าโมโห
“พูดอะไรแบบนั้น”
“พูดความจริงไงคะ ถ้าวันนั้นที่ทะเลเราไม่ได้นอนด้วยกัน ถ้าวันนั้นบัวไม่ได้เดินขึ้นบันไดคอนโดของพี่ วันนี้เจ้าบ่าวที่โชคดีและเจ้าสาวที่มีความสุขที่สุดในโลกก็คงจะเป็นพี่ตุ่นกับคุณรีน” ‘คนที่รีนแตะต้องไม่ได้’ ประโยคท้ายหญิงสาวได้แต่เก็บกลืนความน้อยอกน้อยใจไว้ให้ลึกสุด จะเผยให้เขาเห็นไม่ได้ว่าเธอเจ็บปวดแค่ไหนที่เห็นเขาปกป้องผู้หญิงคนอื่นทั้งๆที่มีเธอเป็นเมียตีทะเบียน
“แน่ล่ะ” แดนไตรเองก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่ไหน เจอประชดด้วยอารมณ์มาเขาก็เจ้าอารมณ์กลับบ้าน “ถ้าวันนั้นพี่ปล่อยให้น้องบัวอาบน้ำคนเดียว ถ้าวันนั้นพี่ไม่สนใจว่าเราเป็นอะไรถึงไปโรงพยาบาล ป่านนี้น้องบัวก็คงจะมีความสุขอยู่กับนายอติชน คนรักเก่าที่ต้องเลิกกับเขามาแต่งงานกับพี่”
บัวหอมรีบลุกขึ้นจ้องหน้าสามีด้วยความโมโห เขาเอาอะไรมาพูดว่าเธอกับอติชนเป็นคนรักเก่ากัน เธอไม่เคยรับดาราหนุ่มไฮโซคนนั้นเพราะเธอมีคนอื่นอยู่ในใจอยู่แล้วต่างหาก “ใช่!” ด้วยอารมณ์ทำให้ตะเบ็งเสียงตอบออกไปแบบนั้น “เพราะพี่ตุ่นนั่นแหละที่ทำให้ทุกวันนี้บัวไม่มีความสุข แย่งทุกอย่างไปจากบัวยังไม่พอยังมาเอาเปรียบกันจนบัวต้องมาเป็นเมียที่พี่ไม่เคยรัก! หย่ากันเลย! หย่าขาดจากกันแล้วก็เอาทุกอย่างของบัวคืนมาด้วย บัวจะไปอยู่กับคุณอาร์ต!” กรีดเสียงใส่เดือดดาล เขามีสิรินนภาได้ เธอก็มีคนอื่นได้ มือบางหยิกทึ้งอีกฝ่ายให้รับรู้ความเจ็บปวดในใจของตนที่มันอัดอั้นมาร่วมปี นับแต่กลับมาจากออสเตรเลีย เธอเหมือนคนที่อยู่ไม่สู้ตายมันรู้สึกไร้ค่าไร้ศักดิ์ศรีเพราะกลายเป็นคนสิ้นเนื้อประดาตัวที่ต้องเอาศักดิ์ศรีเข้าแลกเพื่อยังหวังว่าจะได้ทุกสิ่งทุกอย่างกลับคืนมา
ฝ่ามือหนารวบมือบางมากำไว้ ถลึงตามองคนประทุษร้ายอย่างเอาเรื่อง เมื่อเธอเริ่มลงไม้ลงมือก็ช่วยส่งให้อารมณ์คนน้อยใจพุ่งสูงขึ้น ในเมื่อทำดีกับภรรยาขนาดนี้แล้วยังไม่ได้ ใจก็ท้อแท้ที่จะเป็นคนดีเหมือนกัน “พี่ไม่หย่าให้เราไปมีความสุขกับไอ้อติชนหรอก! ยิ่งมาอ้างว่าจะหย่ากับพี่เพื่อไปแต่งกับมันก็ยิ่งไม่มีสิทธิ์! และตราบใดที่พี่ยังไม่ยอมหย่าก็อย่าหวังเลยว่าจะได้บริษัทคืน ตัวเราเองน่ะบริหารธุรกิจไม่เป็นเราต้องอาศัยฝีมือการจัดการของพี่และเงินทุนอุดหนุนจากวิริยะกิจ”
“ว้าย พี่ตุ่นปล่อยบัวนะ” รีบร้องห้ามเสียงหลงตกใจที่อยู่ๆถูกกดตัวให้ลงนอนราบกับที่นอนนุ่ม จากนั้นร่างใหญ่กำยำจึงตามมาทาบทับไว้ ริมฝีปากหนาก้มฉกเข้าครอบครองเรียวปากบางด้วยท่าทีกำราบ บดเคล้าแรงๆเพื่อสั่งสอนเด็กอวดดีที่ทำให้เขาหัวหมุนไปกับความรู้สึกโกรธ หึงหวงละคนรักใคร่ แต่เหนืออื่นใดการที่พูดเรื่องหย่าและการพูดถึงผู้ชายอื่นแบบนี้ได้ทำให้เขาโกรธขึ้นมาจริงๆ จูบดุดันลงทัณฑ์ในสิ่งที่ปากบางพูดออกมา ไม่อยากผิดหวังในตัวเธอมากไปกว่านี้ เขาอาจจะเกลียดเธอมากขึ้นแต่ไม่เคยที่จะรักเธอน้อยลง
จวบจนพอใจและอีกฝ่ายนิ่งงันไปจึงค่อยๆถอนริมฝีปากออก พอยุติการใช้กำลัง ปลดปล่อยฝ่ามือบางเป็นอิสระ ทั้งคู่จ้องหน้ากันนิ่งๆชายหนุ่มเกร็งหน้ารอรับฝ่ามือจากหญิงสาวที่จะฟาดลงมาแต่ทว่าจนแล้วจนรอดเธอก็ไม่ประทุษร้ายเขา ชายหนุ่มค่อยๆก้มลงจุมพิตแก้มบางใส “พี่ขอโทษ” ก้มลงกอดร่างน้อยไว้อย่างถนอมก่อนจะกระซิบกระซาบหวานหูด้วยความรู้สึกผิดจากก้นบึ้งหัวใจที่ทำให้อีกฝ่ายตกใจกลัว
ได้ยินคำขอโทษ ทิฐิในใจเริ่มไม่อาจต้านทานเสน่ห์บุรุษเพศจากเขา “อย่ารุนแรงกับบัวเลยนะคะ” พ่ายแพ้ต่อความต้องการในจิตใจที่ต้องการสัมผัสนุ่มนวลจากเขาก่อนจะค่อยๆขยับแขนเรียวขึ้นมาคล้องรอบคอของอีกฝ่าย เรียกร้องหาความอ่อนโยนนุ่มนวลที่ทำให้เธอหลงใหล ขยับสูดกลิ่นหอมดอมดมบริเวณกกหูของอีกฝ่ายที่ยังคงมีกลิ่นแชมพูสระผมและกลิ่นครีมอาบน้ำของผู้ชายจางอ่อน
ชายหนุ่มถึงกับครางหือตื่นเต้นไปทั้งตัวเมื่อถูกเรี่ยวแรงน้อยนิดสัมผัสที่ซอกคอสีน้ำผึ้งจนเกิดรอยวงสีแดงช้ำๆ เหมือนเป็นการล้างแค้นกันไปมาที่เขาจูบเธอแรงๆเมื่อครู่ แต่ช่างเป็นทัณฑ์ทรมานอันแสนหวานล้ำเหลือ ร่างสูงผละออกห่างพร้อมทั้งรั้งรูดกระโปรงชุดนอนสีหวานจนเปิดเปลือยความขาวผ่องงดงามของนวลเนื้อน้องน้อย จดจ้องร่างนุ่มด้วยสายตาร้อนแรงไปด้วยไฟเสน่หาจนร่างบางแทบจะหลอมละลาย ทิฐิและความบาดหมางกินใจแต่ก่อนมาคล้ายจะถูกสายตาพิศวาสของเขาสลายลงหมดหรือไม่ก็ อารมณ์ของทั้งคู่ไม่มีที่ว่างพอที่จะไปคิดเรื่องอื่นในระหว่างนี้ในคืนเข้าหอ ภายหลังจากที่ผู้ใหญ่ส่งคู่บ่าวสาวให้นั่งบนเตียงเรียบร้อยแล้ว แทนที่จะเกิดบรรยากาศหวานชื่นของคืนแต่งงาน กลับมีเสียงโต้เถียงและทะเลาะกันของทั้งคู่ทันทีที่อยู่ในห้องพักเพียงลำพังและฝ่ายชายกระทบกระเทียบเหยียบใจฝ่ายหญิงขึ้นก่อน “แต่งงานกับผมแล้วจะไปปล่อยเนื้อปล่อยตัวกับไอ้ตุ่นเหมือนที่เคยทำไม่ได้แล้วนะ จะทำอะไรกับมันก็ไว้หน้ากันบ้าง ไปกอดลาอาลัยเหมือนผู้หญิงสาธารณะ”เพราะหึงหวงโดยไม่รู้ตัวเลยพูดออกมาแบบนั้น“รีนกับตุ่นเราสนิทกันแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว คุณเบลต้องทำใจยอมรับให้ได้เพ
นับแต่วันที่เขาโอนทุกอย่างคืนให้กับผู้เป็นทายาทและเจ้าของที่แท้จริงของเศวต กรุ๊ป แดนไตรไม่เหยียบย่างเข้าไปในบริษัทแห่งนั้นอีกเลย ปล่อยให้บัวหอมจัดการร่วมกับที่ปรึกษาใหม่อย่างนพพล นอกจากนี้เขาเริ่มหมางเมินเย็นชากับภรรยา วันทั้งวันแม้จะอยู่ร่วมบ้านกันกลับไม่มีบทสนทนาใดๆร่วมกันเลย แดนไตรเอาแต่นั่งหน้าคอมพิวเตอร์ ทำงานและโทรศัพท์และช่วยดูแลนางอุบลเท่าที่ทำได้ แต่ทั้งคู่จะแสดงความรักใคร่กลมเกลียวเอาใจใส่เพื่อให้นางอุบลสบายใจ ถึงเวลาไม่มีบุคคลอื่นเขาจะไม่พูดจาหวานหูด้วยสักคำ แม้กระทั่งมองหน้ายังเมินหลบไม่สบตาจริงอยู่ว่าตอนนี้สามีภรรยาต่างใช้ชีวิตเหมือนเป็นคนแปลกหน้าที่อยู่ร่วมบ้านกัน ยามปรกติหมางเมินเย็นชาแต่พอแผ่นหลังสัมผัสเตียงนอนถึงเข้ามาแนบชิด กิจกรรมต่างๆยังคงทำอะไรๆกันเหมือนเดิมเหมือนครั้งเป็นสามีภรรยา เหตุผลเดียวคือเขายังรักและเสน่หาในตัวภรรยามากล้นไม่เสื่อคลาย เพียงแต่มันมีเหตุการณ์ที่ทำให้เกลียดชังกันมากขึ้นเท่านั้นเอง เป็นแบบนี้ใช่ว่าคนเจ็บปวดจะมีเพียงฝ่ายชาย จากที่มั่นอกมั่นใจและสาแก่ใจที่ทวงทุกอย่างคืนจากคนเนรคุณและทรยศหักหลังเขาเป็นการแก้แค้นคืนได้ ตอนนี้เริ่มเจ็บปวดในใจแปลบๆเ
ความสัมพันธ์ติดลบของแดนไตรและบัวหอมเริ่มเป็นที่รับรู้และส่งผลกระทบต่อคนกลางอย่างสกาวเดือน เด็กสาวรับรู้ความผิดปรกติเหล่านี้ดีแต่ไม่อาจช่วยอะไรได้ วันที่พ่อบุญธรรมเก็บของย้ายออกจากบ้านของอดีตภรรยา คืนนั้นทั้งคืนเขากลับมานั่งชันเข่าอยู่บ้านและร้องไห้อย่างหมดยางอายลูกผู้ชายและหลังจากร้องจนสาแก่ใจก็เปลี่ยนเป็นคนนิ่งขรึมแต่ดูอมทุกข์และเหนื่อยล้าตลอดเวลา“อย่าคิดมากเลยนะ” เสียงนุ่มนวลปลอบประโลมเด็กสาวตรงหน้าหลังจากเห็นเธอถอนใจรอบที่ร้อยของวันนี้ไม่อาจรวบรวมสมาธิตั้งใจติวหนังสือเตรียมพร้อมสำหรับการเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้“หนูสงสารพี่ตุ่นค่ะพี่รีน” เด็กสาวบอกกับเพื่อนสนิทของแดนไตรที่พักนี้กลายเป็นแขกประจำของบ้านอีกครั้ง หลังจากที่เขาย้ายกลับมาพักประจำที่บ้านของตนเองตามคำร้องขอของสกาวเดือนที่ต้องการติวเนื้อหาวิชาต่างๆก่อนเข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัยโดยให้อาจารย์สาวมาช่วยติวเข้มเตรียมความพร้อมสำหรับนิสิตคณะบริหารธุรกิจ วันนี้ก็เช่นกันที่สิรินนภามาเยี่ยมและอยู่เป็นเพื่อนคนอกหักพึ่งหย่าเมีย เธอรู้ว่าช่วงนี้เพื่อนรักต้อการกำลังใจมากที่สุด พร้อมๆกับต้องการหม้อไฟแมงกะพรุนของโปรดของเขาด้วย“ไม่ต้องคิดมา
“มันก็อร่อยพอๆกับที่คุณกินจากฉันกับตุ่นแหละค่ะ” เถียงกลับหวังจะให้เขาโกรธจนเต้นเหมือนเธอบ้าง จ้องตาประสานกันร้อนแรงแผดเผา ทีเขายังไปมาหาสู่และติดต่อกับบัวหอมได้และเธอยังไม่ได้คิดอกุศลแบบนั้น แล้วทำไมเธอจะติดต่อกับแดนไตรไม่ได้ ในเมื่อเธอกับเพื่อนคนนี้สนิทกันมากกว่าสิบปี “ฉันรักตุ่นและสนิทสนมกับเขามาเป็นสิบปี นานเสียยิ่งกว่าจะรู้ว่ามีคนอย่างคุณอยู่บนโลกใบนี้เสียอีก” หวังจะให้เขาเจ็บแสบบ้างแต่นั่นมันเหมือนดาบสองคมที่จะย้อนกลับมาทำร้ายเธอทีหลัง“รีน” เสียงเข้มข้นเรียกชื่อหญิงสาว เป็นการปรามว่าเธอดูถูกผู้ชายอย่างเขามากเกินไป จนลืมตัวไปว่า ตนนั้นก็ดูถูกเธอด้วยประโยคความหมายเดียวกัน แต่แค่เปลี่ยนรูปประโยคเท่านั้น แต่อย่างว่า ด้านตัวเองมักสว่างเสมอ“เรียกทำไมคะ กลัวจะลืมชื่อเมียตีทะเบียนคนนี้เหรอ ฮึ! ฉันเคยเชื่อมาตลอดว่าให้ฟังและทำตามสิ่งที่แม่เตือนฉันอยู่ซ้ำๆ แต่พอฉันทำตามแม่เรื่องแต่งงานกับคนอย่างคุณ!” พูดถึงตรงนี้ก็ได้แต่เงียบ จุกอกพูดไม่ออก ส่งได้แค่สายตาอ้างว้างผิดหวัง เหยียดหยามในความโง่เขลาของตัวเอง“โอ้ย!” ร่างบางถูกจับกระชากเข้ามาเผชิญหน้า สายตาจัดจ้าก้มเข้ามาใกล้ คาดคั้นให้เธอปริปาก
บทที่ 1วัดเก่าย่านชุมชนแออัดของเมืองหลวง เป็นสถานที่เงียบสงบที่นางอุบลเลือกมาทำบุญในวันครบรอบวันเกิดอายุหกสิบปี และครบรอบหนึ่งปีของการจากไปของสามีสุดที่รักถึงแม้การแต่งกายหรูหรากับใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางจะฉาบเคลือบความชราจนมิด แต่แววตาอิดโรยจากอาการเจ็บป่วยภายในและความเหนื่อยยากจากการบริหารงานบริษัทแทนสามียังคงฉายชัดออกมาให้ผู้พบเห็นรู้สึกไม่สบายใจ“โยม มาวัดแล้วทำไมทำหน้าเศร้านักล่ะ” หลวงตาเอ่ยทักด้วยความเมตตาหลังจากนั่งลงที่อาสนะ เตรียมพร้อมสำหรับให้ศีลให้พรแก่ญาติโยมที่มาทำบุญที่วัด นางอุบลเป็นญาติโยมที่มักจะนั่งรถจากใจกลางย่านธุรกิจของเมืองหลวงมาสู่ชุมชนแออัดกลางเมืองเพื่อทำบุญที่วัดนี้อยู่เป็นประจำ จนมีความสนิทสนมกับคนในวัดนี้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะลูกสาวของนางที่เป็นเพื่อนเล่นกับเด็กวัดที่นี่อย่างไม่ถือตัว“นมัสการเจ้าค่ะหลวงพ่อ” ก้มลงกราบสามครั้งก่อนจะเก็บกลืนความไม่สบายใจลงคอ ไหนๆ วันนี้ก็เป็นวันคล้ายวันเกิดเลยอยากจะทำจิตใจให้สบาย “วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดดิฉันค่ะ เลยอยากจะมาทำบุญ แล้วก็อยากมอบทุนการศึกษาให้กับโรงเรียนวัดด้วย จะได้เอาไว้ให้เด็กในชุมชนกับเด็กวัด”“เจร
บท 2บัวหอมเข้ามาทำงานในบริษัทในตำแหน่งกรรมการฝ่ายการตลาด ด้วยความที่เธอชำนาญการใช้ภาษาต่างประเทศถึงหกภาษา ทำให้การทำงานกับตลาดต่างประเทศของบริษัทเศวต กรุ๊ป มีความคล่องตัวมากขึ้นด้วยความครอบคลุมภาษาประเทศหลัก ญี่ปุ่น สเปน จีนกลาง อังกฤษ ฝรั่งเศสและเยอรมัน และความละเอียดรอบครอบด้านเอกสาร ไม่ถึงหนึ่งเดือนเธอได้รับคำชื่นชมในการทำงาน จากกรรมการบริหารทุกคน จะมีข้อตำหนิก็อยู่ที่เป็นคนขี้โวยวายและทำตัวหักหน้าไม่ให้เกียรติประธานบริษัทคนใหม่อย่างแดนไตรสำหรับแดนไตร ประธานบริษัทคนใหม่พิสูจน์ตัวเองจนได้รับการยอมรับโดยการทำให้สองไตรมาสแรกของปีงบประมาณไม่อยู่ในภาวะขาดทุน ผลของการนำเงินเก็บส่วนตัวมาอัดฉีดลงทุนกับการโปรโมทให้เศวต กรุ๊ปกลับมาโดดเด่น โด่งดังอีกครั้ง บวกกับความเป็นคนรุ่นใหม่ที่เก่งกาจจากดีกรีปริญญาเอกการเงินและการลงทุนจากวอชิงตันอเมริกา และยังติดโผหนุ่มโสดเนื้อหอมที่มีแฟนคลับตามติดแม้ไม่ได้เป็นดารานายแบบ ยิ่งช่วยให้บริษัทภายใต้การบริหารของคนรุ่นใหม่ไฟแรงเป็นที่น่าสนใจในการลงทุนร่วมหุ้นมากขึ้นบ่อยครั้งที่หนังสือพิมพ์หน้าข่าวสังคมลงภาพและข่าวคราวของแดนไตรในเรื่องของกิจกรรมสาธารณประโยชน์
บท 3ในวันหยุดยาวชดเชยวันสำคัญของคนชาวไทย บ้านของสิรินนภายามนี้ถูกจับตกแต่งราวกับราชวังในนิทาน เพื่อเป็นการต้อนรับปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้หลักผู้ใหญ่ที่ทางครอบครัวฝ่ายชายขอความกรุณามาเป็นธุระเรื่องการทาบทามสู่ขอลูกสาวบ้านนี้อย่างเป็นทางการ อาจารย์สาวไม่ค่อยแปลกใจกับการต้อนรับแขก เธอเข้าใจว่าเป็นการทาบทามสู่ขอน้องสาวคนเดียวของเธอที่ตอนนี้คงจะคบหากับแฟนหนุ่มจนความรักสุกงอมหอมหวาน เธอมีแก่ใจช่วยทำน้ำใบเตยเย็นชื่นใจต้อนรับแขกเหรื่อที่แม่ตื่นเต้นนักหนา“แขกรับน้ำดื่มเรียบร้อยแล้วค่ะคุณรีน เดี๋ยวทางนี้ป้ารับผิดชอบต่อเอง คุณรีนขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนผ้าเถอะนะคะ” ป้าจอมบอกกับคุณหนูน้อยคนงามด้วยรอยยิ้มหวาน วันหยุดว่างจากการสอนทั้งทีคนอย่างอาจารย์สิรินนภายังไม่ยอมอยู่เฉย ตื่นแต่เช้าลงมาช่วยหยิบจับงานครัวจนเรียบร้อย หลังจากที่ได้ยินคนเป็นแม่บอกถึงนัดหมายว่าจะมีแขกสำคัญมาเยี่ยมเยียนและพูดเรื่องสำคัญ“จ่ะป้า” หญิงสาวรับคำยิ้มๆ ถอดผ้ากันเปื้อนและเดินกลับห้องนอนของตนที่อยู่ชั้นสองของตัวบ้าน แต่ไม่อายแอบมองไปที่โถงใหญ่รับแขก ซึ่งตอนนี้มีแขกคนสำคัญของคุณแม่นั่งอยู่เต็มไปหมด“เอ...แล้วเจมส์ไปไหน” ถามกับตัวเ
บทที่ 5 บ่วงเสน่หาบริษัทเศวต กรุ๊ปได้รับคำเชื้อเชิญให้ร่วมพิธีเปิดอาณาจักรโรงงานอาหารแปรรูปข้ามชาติในจังหวัดหนึ่งติดทะเลอ่าวไทย พิธีการถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เพราะเป็นอภิมหาโครงการที่มีการลงทุนในระดับข้ามชาติ ดังนั้น เศวต กรุ๊ปและแดนไตร ในฐานะที่ปรึกษาโครงการต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองการพัฒนาอีกขั้นของอุตสาหกรรมอาหารแปรรูปครั้งนี้ด้วย ทีแรกบัวหอมไม่ประสงค์ที่จะร่วมเดินทางมางานเลี้ยงครั้งนี้เพราะถือว่าตนไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรกับการลงทุนครั้งนี้ แต่ก็มีบัตรเทียบเชิญในนามบริษัทและเธอไม่ยินยอมหากแดนไตรจะได้ไปร่วมงานในนามของบริษัทแต่เพียงผู้เดียว เพราะเศวต กรุ๊ปคือบริษัทของเธอ‘ถ้าไม่ได้ชื่อเสียงของเศวต กรุ๊ป ก็ไม่มีใครเขาจ้างเศรษฐีหน้าใหม่อย่างแกมาให้คำปรึกษาหรอก’ คุณหนูคนงามยังคงมองด้านเดียว เธอไม่ได้มองว่าแดนไตรเป็นฝ่ายทำทุกอย่างเพื่อสร้างเครดิตให้กับบริษัทของเธอ และเขาได้ช่วยทำให้บริษัทที่ใกล้จะถึงจุดล่มสลายได้กลับกลายเป็นที่รู้จักในตลาดหลักทรัพย์และในแวดวงศ์ธุรกิจอีกครั้ง ทั้งๆที่เขาจะอ้างถึงเพียงชื่อของเขา นายแดนไตร วิริยะกิจ เจ้าพ่อตลาดหลักทรัพย์ที่ประสบความสำเร็จในทางธุรกิจและการลงท