“มันก็อร่อยพอๆกับที่คุณกินจากฉันกับตุ่นแหละค่ะ” เถียงกลับหวังจะให้เขาโกรธจนเต้นเหมือนเธอบ้าง จ้องตาประสานกันร้อนแรงแผดเผา ทีเขายังไปมาหาสู่และติดต่อกับบัวหอมได้และเธอยังไม่ได้คิดอกุศลแบบนั้น แล้วทำไมเธอจะติดต่อกับแดนไตรไม่ได้ ในเมื่อเธอกับเพื่อนคนนี้สนิทกันมากกว่าสิบปี “ฉันรักตุ่นและสนิทสนมกับเขามาเป็นสิบปี นานเสียยิ่งกว่าจะรู้ว่ามีคนอย่างคุณอยู่บนโลกใบนี้เสียอีก” หวังจะให้เขาเจ็บแสบบ้างแต่นั่นมันเหมือนดาบสองคมที่จะย้อนกลับมาทำร้ายเธอทีหลัง
“รีน” เสียงเข้มข้นเรียกชื่อหญิงสาว เป็นการปรามว่าเธอดูถูกผู้ชายอย่างเขามากเกินไป จนลืมตัวไปว่า ตนนั้นก็ดูถูกเธอด้วยประโยคความหมายเดียวกัน แต่แค่เปลี่ยนรูปประโยคเท่านั้น แต่อย่างว่า ด้านตัวเองมักสว่างเสมอ
“เรียกทำไมคะ กลัวจะลืมชื่อเมียตีทะเบียนคนนี้เหรอ ฮึ! ฉันเคยเชื่อมาตลอดว่าให้ฟังและทำตามสิ่งที่แม่เตือนฉันอยู่ซ้ำๆ แต่พอฉันทำตามแม่เรื่องแต่งงานกับคนอย่างคุณ!” พูดถึงตรงนี้ก็ได้แต่เงียบ จุกอกพูดไม่ออก ส่งได้แค่สายตาอ้างว้างผิดหวัง เหยียดหยามในความโง่เขลาของตัวเอง
“โอ้ย!” ร่างบางถูกจับกระชากเข้ามาเผชิญหน้า สายตาจัดจ้าก้มเข้ามาใกล้ คาดคั้นให้เธอปริปากพูดต่อ หรือทำอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่การกัดฟันกรอดคล้ายหยามเขาเช่นนี้
“คนอย่างผม? ทำไม ผมทำไม!” ทั้งถามทั้งขู่ แต่อาจารย์สาวไม่เกรงใดๆทั้งสิ้น คนอย่างนพพล อันตรายแค่ความเจ้าชู้
“คนที่เห็นฉันเป็นแค่หมากในกระดาน หยิบจับไปนู่นนี่เพื่อเก็บเบี้ยให้คุณ วันที่คุณชนะแดนไตร ก็ยกย่องเชิดชูให้ฉันหัวใจพองโตว่าตัวเองสำคัญ แต่พอคุณแพ้ กลับทำพาลใส่ฉัน โทษที่ฉันเป็นเพื่อนเขาโทษว่าฉันขายผัวให้เพื่อน ซ้ำยังมีหน้ามายัดเยียดข้อแลกเปลี่ยนที่ฉันไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย ข้อแลกเปลี่ยนว่าฉันเป็นชู้กับเพื่อน!” หญิงสาวระบายความอัดอั้นตลอดสองเดือนหลังแต่งงาน ให้กับคนเป็นสามีฟัง คนกลางอย่างเธอลำบากใจ ทางนั้นก็เพื่อนสนิทเป็นสิบปี ทางนี้ก็สามีแม่หามาให้ ภาพความอ่อนโยนและความรักที่มีชีวิตชีวาที่นพพลเฝ้าทะนุถนอมสลับฉากกับภาพเขาที่เย็นชาปากร้ายจนปวดเธอปวดหัว
“ก็มันจริง! ทำไม คุยกันมาเป็นสิบๆปี กิ๊กกั๊กกันมาเป็นสิบๆปี ไม่ใช่แฟน ไม่ใช่ผัว แล้วมันเป็นพ่อคุณหรือไงถึงได้เข้าออกบ้านมันเสียคล่องแคล่วขนาดนั้น!”
“คุณเบล!” กรีดเสียงใส่สามีจนเสียงแหบเสียงพร่า นี่สินะความคิดของเขา มันช่างต่ำตม “ปล่อยฉัน!” เริ่มดิ้นหนีความน่าขยะแขยง อ้อมกอดสามีที่เธอพยายามเปิดใจจนช่วงหนึ่งพบว่ามันให้รู้สึกน่าไว้วางใจและอบอุ่น ตอนนี้มันเหมือนมีดแหลมขมที่ทิ่มแทงให้เธอพลัดตกลงไปในหุบเหวของความสิ้นหวัง เธอสู้อุตส่าห์หักใจจากแดนไตรเพื่อมารักเขา ตอนนี้ชักจะไม่แน่ใจว่ามันจะคุ้มค่ากันไหม คนที่คิดว่าตัวเองเก่งอย่างเธอ ไม่เคยเรียนรู้เลยว่าเวลาผิดหวังหรือเจอปัญหาชีวิตจะต้องแก้ยังไง โดยเฉพาะปัญหาถูกสามีด่าทอเหยียดหยามเกียรติแบบนี้
“คุณดูถูกฉันมากเกินไปแล้ว มันมากเกินไป” สะบัดตัวจนหลุดก่อนจะวิ่งไปขึ้นห้อง ปิดประตูล็อคและทรุดลงร้องไห้ข้างเตียง หมดแรงแม้กระทั้งลากสังขารขึ้นที่นอนนุ่ม
ปังๆๆๆๆๆ เสียงรัวเคาะประตูตามหลัง จนคนที่นั่งอยู่ในห้องต้องเอามืออุดหู
“รีน เปิดประตูก่อน เปิดเดี๋ยวนี้!” เขายังคุยไม่รู้เรื่อง เขายังไม่หายโกรธที่เธอบังอาจคบชู้สู่ชายกับคนที่เป็นศัตรูทางธุรกิจกับเขาและในทุกๆด้าน
“ไป ฮื้อ ไปให้พ้น ฮึกๆ คนใจร้าย ไปให้พ้น” ร้องไห้กระเซอะกระเซิง ผิดหวังในความคิดของคนอย่างนพพลเสียยิ่งกว่าอะไร
“เปิดประตูเดี๋ยวนี้รีน เรายังคุยกันไม่รู้เรื่อง” สิรินนภาไม่สนใจที่จะฟังในคำของเขา ยิ่งคุยกับเขานั่นแหละยิ่งไม่รู้เรื่อง บางทีการถอยออกมาจากปัญหา อาจจะดีกว่าการเผชิญหน้าแบบมีแต่ปะทะทางอารมณ์
“รีนไม่คุย ไม่เอาอะไรทั้งนั้น!” จะปริญญาเอก หรือจะประถมหนึ่ง เวลาโกรธ เวลาโมโห ก็ไม่ยอมฟังใครเหมือนกัน หญิงสาวร้องไห้โฮอย่างไม่เอาไหน
“รีน!” นึกขึ้นได้ว่ากุญแจสำรองอยู่ในลิ้นชักของห้องเก็บของ ร่างสูงรีบก้าวอาดๆไปที่ห้องเก็บของ ค้นหามันอยู่ไม่นานก่อนจะรีบวิ่งขึ้นมาบนห้อง รีบไขประตูและเข้าไป นพพลส่งสายตาดุดันโมโหไปที่ภรรยาสาว ส่วนรายนั้นเอาแต่ทรุดตัวนั่งร้องไห้งอแงไม่ผิดกับเด็กประถมที่ถูกรุ่นพี่กลั่นแกล้ง เนื้อตัวสั่นเทาต่อความผิดหวังรุนแรงที่ถูกสามีลงทัณฑ์ด้วยน้ำคำเลวร้าย
“กล้ามากนะรีนที่หนีขึ้นห้องทั้งที่ยังคุยกันไม่รู้เรื่อง” สาวเท้าเร็วๆเข้าหาก่อนจะคว้าร่างบางติดมือขึ้นมาเผชิญหน้ากัน แต่พอได้เห็นใบหน้ายับๆช้ำด้วยน้ำตา โทสะที่ครอบหัวอยู่กลับจากหายไปกว่าครึ่ง ปากสวยหวานยามนี้บวมเป่งด้วยรอยฟัน เจ้าตัวคงกัดริมฝีปากตัวเองเพื่อข่มความโกรธสุดชีวิต ใบหน้า ดวงตาแดงเห่อ ร่ำร้องที่ไม่ได้รับความยุติธรรมจากเขา ผู้เป็นสามี แต่มันจะมีประโยชน์อะไรที่จะแก้ตัว เพราะเขาเห็นเธออยู่กับแดนไตรกับตาเนื้อของตัวเอง แต่ถ้าคนทำผิดจริง จะร้องไห้ด้วยความเหนื่อยอกเหนื่อยใจ หรือจะมีท่าทีเจ็บใจที่ถูกตำหนิแบบนี้เหรอ มันคล้ายว่าเธอถูกตำหนิในสิ่งที่ไม่ผิด แต่ก็ไม่มีโอกาสเถียง ตกลงแล้วมันคือวิชามารยาหรือคืออะไรกันแน่สำหรับสิรินนภา
“เราอย่าพึ่งคุยกันเลยนะ อย่าพึ่งพูดอะไรแบบนั้นเลย เรากำลังโกรธกัน คำพูดร้ายๆมันจะทำลายทุกอย่าง” อาจารย์สาวพยายามเว้าวอนให้เขายุติคำร้ายที่จะทำลายความรู้สึกเธอ มันคงเกินจะรับไหวแล้ว
น่าสงสาร คือนิยามเดียวที่เขามีต่อเธอ มือแกร่งปล่อยร่างบางออกจากอุ้งมือโดยอัตโนมัติ ไม่มีใครพูดอะไรทั้งสิ้นยามเมื่อปะทะสายตากันอีกหน คำด่าทุกอย่างกลืนกลับมาด่าตัวเอง ชายหนุ่มหันหลังจัดการความรู้สึกของตน รู้ตัวแล้วว่าทำให้ภรรยาตัวเองเสียใจ จากน้ำคำชั่วช้าของตัวเอง ก็คนมันเคยเจ้าชู้มาก่อน และเวลาที่เขาจะตีตัวออกห่างจากใคร หรือคบซ้ำคบซ้อนก็มักจะมีลักษณะเหมือนที่สิรินนภาทำอยู่ มันระแวงไปหมด ระแวงว่าจะเสียเธอไปให้ใคร โดยเฉพาะไอ้คนนั้นมันคือ ไอ้แดนไตร
“ผมไม่ชอบที่คุณไปมาหาสู่ผู้ชายคนอื่นโดยเฉพาะไอ้ตุ่นที่นอกเหนือจากคำสั่งของผม สำหรับผมมันเหมือนถูกหยามหน้า” แก้ตัวหรือแก้สถานการณ์โดยการสุมไฟเข้ามาอีก หมาป่าใจแข็งและเห็นผู้หญิงทุกคนเป็นเหยื่อเสมอปากหนัก ไม่ยอมเอ่ยคำขอโทษทั้งๆเป็นคำที่หญิงสาวต้องการฟังมากที่สุด
สิรินนภานิ่งไป ก่อนจะหาเสียงที่ตกร่องของตนจนพบ “คุณแต่งงานกับรีนเพื่ออะไรคะคุณเบล ขอถามจริงๆเถอะ แต่งกับรีนไว้คอยบอกความคืบหน้าเรื่องตุ่นกับคุณบัวหอมเท่านั้นเหรอ” เริ่มต่อจิ๊กซอในหัวอย่างชาญฉลาด “ตอบรีนหน่อยสิคะว่าคุณแต่งงานกับรีนเพื่ออะไรกันแน่ ตั้งแต่ที่เราแต่งงานกันคุณก็เฝ้าถามและตามคิดความคืบหน้าของตุ่นและเมียของเขาจากรีนตลอดเวลาเลย” ถามอีกครั้งกับสิ่งที่ยังไม่ได้คำตอบ
นพพลยืนจ้องตาอีกฝ่ายเงียบๆ นัยน์ตาสีนิลลึกลับเกินกว่าที่ใครจะอ่านได้ ก่อนที่ริมฝีปากหยักจะยกยิ้มขึ้นข้างหนึ่ง หมาป่าเจ้าเล่ห์ยังคงเป็นหมาป่าเจ้าเล่ห์เช่นเดิม
“คุณเป็นคนฉลาดนะรีน คุณรู้แต่แรกแล้วว่าทำไมผมถึงแต่งงานกับคุณทั้งที่เป็นการคลุมถุงชนแบบโบราณ คุณรู้แต่แรกว่าผมกับนายแดนไตรไม่ถูกกันและเป็นคู่แข่งกัน คนรู้แต่แรกแล้วว่าผมแต่งงานกับคุณเพื่ออะไร แต่คุณก็เป็นคนเลือกที่จะให้ผมถอนคุณจากหลุมรักนี้เองไม่ใช่เหรอ สิรินนภา” เขาพูดถูกทุกอย่าง เธอต้องการใช้การแต่งงานครั้งนี้เพื่อให้ลืมรักที่ไม่สมหวังก็เท่ากับยินยอมให้เขาใช้เธอสืบทราบข่าวความเคลื่อนไหวของศัตรูธุรกิจ เป็นการแลกเปลี่ยนกัน
“ทำไม....” ทำกับฉันแบบนี้คิดว่าฉันไม่รู้สึกเจ็บปวดกับอะไรหรือยังไง? คำถามนี้ได้แต่เก็บกลืนลงสู่เบื้องลึก ไม่ต้องการรับฟังคำตอบเท่าไหร่นัก กลัวรับไม่ได้
“คุณเป็นคนฉลาด คุณเข้าใจกฎของการแลกเปลี่ยนนี้ดี” นพพลพูดเป็นเรื่องปรกติ เขาไม่เคยเห็นค่าของผู้หญิงคนไหนอยู่แล้ว โดยเฉพาะคนที่ไม่ได้เริ่มต้นจากความรัก ระยะเวลาสั้นๆที่ใช้ชีวิตร่วมกันมันไม่ได้ลึกซึ้งตรึงใจอะไรนักหนา แต่เว้นไว้แค่อย่าริอาจหยามน้ำหน้าเขาโดยการเป็นชู้กับแดนไตร แค่นั้นก็พอ
หญิงสาวหมดแรงต้องรีบนั่งลงที่เตียง ชีวิตของเธอกลายเป็นหมากตัวหนึ่งในการกลั่นแกล้งและชิงไหวชิงพริบของพวกนักธุรกิจ เป็นอีกครั้งที่เอาหัวใจมาทิ้งอีกหนอย่างชัดเจน ชีวิตคู่ต่อจากนี้จะต้องมีปัญหาอย่างแน่นอน ผู้ชายอย่างนพพลมีอะไรให้เธอประหลาดใจอยู่เสมอโดยเฉพาะอาการคล้ายไบโพล่าของเขา
“ทำไมล่ะรีน ไม่เอาหน่าอย่างอแงกับผม ผมก็ดูแลคุณอย่างดี ให้เกียรติ ให้ทะเบียนสมรสแล้วก็ชัดเจนว่าตัดเรื่องเจ้าชู้ออกไปแล้ว ผมก็แค่ขอข้อแลกเปลี่ยนจากคุณนิดหน่อย แค่อย่ามีชู้เป็นไอ้แดนไตรแล้วก็ขอให้คุณคอยบอกข่าวคราวการซื้อขายหุ้นจากมันแค่นั้นเอง” ยักไหล่พูดง่ายๆ ไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องเอาเปรียบฝ่ายหญิงเพราะเขามองว่าการยอมจดทะเบียนสมรส จัดงานแต่งงานใหญ่โตกับอาจารย์สาวธรรมดาๆที่ไม่ได้คบหาดูกันมาก่อนแต่เพราะเป็นลูกสาวของเพื่อนแม่ ถือว่าให้เกียรติเธอมากเกินพอแล้ว ทั้งๆที่เขาหาเมียได้ดี เก่งและสวยกว่านี้
“นี่เหรอเกียรติที่ฉันควรได้รับจากสามี คนที่ไม่ได้มีใจเสน่หา ไม่ได้ให้ความเคารพในฐานะภรรยา แต่มองฉันเป็นเครื่องจักรตัวหนึ่งที่เป็นส่วนหนึ่งในการผลิตความสำเร็จให้คุณ” คร่ำครวญด้วยความผิดหวังรุนแรง เหนืออื่นใด ผิดหวังในตัวเองที่เชื่อใจใครง่ายๆทั้งๆที่สามารถคิดให้รอบครอบได้กว่านี้
ชายหนุ่มเลือกที่จะไม่ต่อความยาวสาวความยืด ถ้าหากจะให้พูดเขาพูดแรงเดี๋ยวสิรินนภาจะสติแตกมากกว่า มันน่ารำคาญจะแย่ “ใจเย็นก่อนนะคุณรีน” เพื่อตัดจบปัญหาจึงค่อยๆพูด ปีศาจการเงินเปลี่ยนท่าทีใหม่เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายโวยวาย ถึงอย่างไรก็ยังต้องใช้ประโยชน์จากเธออยู่ สู้ลงทุนแต่งงานแล้วก็ถือว่าเอาชนะแดนไตรมันได้หนหนึ่ง ยังต้องใช้เธอไปเป็นไส้ศึกตัดขาธุรกิจไปเรื่อยๆเสียก่อน นิ้วเรียวยกขึ้นทาบทับกรีดน้ำตาออกจากแก้มใสของอีกฝ่าย “ผมใจร้อนเองถึงพูดไม่ดีแบบนั้น ผมรู้ตัวว่าทำให้คุณโกรธ ขอโทษนะอย่าโกรธผมเลยนะ” เปลี่ยนท่าทีใหม่จนตั้งรับไม่ทัน เขารู้ดีว่าสำหรับคนเป็นคู่ชีวิตกัน จะก้าวเดินไปในหนทางข้างหน้าด้วยกันอะไรมันจะไปสำคัญเท่ารู้จักขอโทษกันและนั่นทำให้นพพลยิ่งอ่านเธอออก เธอชอบผู้ชายที่เป็นคนอ่อนโยน ใจเย็นและรู้จักเห็นใจคนอื่น ซึ่งเป็นผู้ชายในแบบที่เธอชอบ ผู้ชายที่เหมือนแดนไตร “ดูสิเนี่ยหน้าสวยๆบวมหมดเลย อย่าร้องไห้เลยนะครับ” จมูกโด่งโน้มเข้ามาหอมแก้มนวลแดงที่ยังคงชื้นน้ำตา “คนสวยของผมไม่เหมาะกับน้ำตาหรอก” แต่พออยู่ด้านหลังกลับยิ้มกระหยิ่มที่สามารถควบคุมเกมหมาป่าล่าเนื้อนี้ได้สำเร็จลุล่วงอย่างงาม
บทที่ 1วัดเก่าย่านชุมชนแออัดของเมืองหลวง เป็นสถานที่เงียบสงบที่นางอุบลเลือกมาทำบุญในวันครบรอบวันเกิดอายุหกสิบปี และครบรอบหนึ่งปีของการจากไปของสามีสุดที่รักถึงแม้การแต่งกายหรูหรากับใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางจะฉาบเคลือบความชราจนมิด แต่แววตาอิดโรยจากอาการเจ็บป่วยภายในและความเหนื่อยยากจากการบริหารงานบริษัทแทนสามียังคงฉายชัดออกมาให้ผู้พบเห็นรู้สึกไม่สบายใจ“โยม มาวัดแล้วทำไมทำหน้าเศร้านักล่ะ” หลวงตาเอ่ยทักด้วยความเมตตาหลังจากนั่งลงที่อาสนะ เตรียมพร้อมสำหรับให้ศีลให้พรแก่ญาติโยมที่มาทำบุญที่วัด นางอุบลเป็นญาติโยมที่มักจะนั่งรถจากใจกลางย่านธุรกิจของเมืองหลวงมาสู่ชุมชนแออัดกลางเมืองเพื่อทำบุญที่วัดนี้อยู่เป็นประจำ จนมีความสนิทสนมกับคนในวัดนี้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะลูกสาวของนางที่เป็นเพื่อนเล่นกับเด็กวัดที่นี่อย่างไม่ถือตัว“นมัสการเจ้าค่ะหลวงพ่อ” ก้มลงกราบสามครั้งก่อนจะเก็บกลืนความไม่สบายใจลงคอ ไหนๆ วันนี้ก็เป็นวันคล้ายวันเกิดเลยอยากจะทำจิตใจให้สบาย “วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดดิฉันค่ะ เลยอยากจะมาทำบุญ แล้วก็อยากมอบทุนการศึกษาให้กับโรงเรียนวัดด้วย จะได้เอาไว้ให้เด็กในชุมชนกับเด็กวัด”“เจร
บท 2บัวหอมเข้ามาทำงานในบริษัทในตำแหน่งกรรมการฝ่ายการตลาด ด้วยความที่เธอชำนาญการใช้ภาษาต่างประเทศถึงหกภาษา ทำให้การทำงานกับตลาดต่างประเทศของบริษัทเศวต กรุ๊ป มีความคล่องตัวมากขึ้นด้วยความครอบคลุมภาษาประเทศหลัก ญี่ปุ่น สเปน จีนกลาง อังกฤษ ฝรั่งเศสและเยอรมัน และความละเอียดรอบครอบด้านเอกสาร ไม่ถึงหนึ่งเดือนเธอได้รับคำชื่นชมในการทำงาน จากกรรมการบริหารทุกคน จะมีข้อตำหนิก็อยู่ที่เป็นคนขี้โวยวายและทำตัวหักหน้าไม่ให้เกียรติประธานบริษัทคนใหม่อย่างแดนไตรสำหรับแดนไตร ประธานบริษัทคนใหม่พิสูจน์ตัวเองจนได้รับการยอมรับโดยการทำให้สองไตรมาสแรกของปีงบประมาณไม่อยู่ในภาวะขาดทุน ผลของการนำเงินเก็บส่วนตัวมาอัดฉีดลงทุนกับการโปรโมทให้เศวต กรุ๊ปกลับมาโดดเด่น โด่งดังอีกครั้ง บวกกับความเป็นคนรุ่นใหม่ที่เก่งกาจจากดีกรีปริญญาเอกการเงินและการลงทุนจากวอชิงตันอเมริกา และยังติดโผหนุ่มโสดเนื้อหอมที่มีแฟนคลับตามติดแม้ไม่ได้เป็นดารานายแบบ ยิ่งช่วยให้บริษัทภายใต้การบริหารของคนรุ่นใหม่ไฟแรงเป็นที่น่าสนใจในการลงทุนร่วมหุ้นมากขึ้นบ่อยครั้งที่หนังสือพิมพ์หน้าข่าวสังคมลงภาพและข่าวคราวของแดนไตรในเรื่องของกิจกรรมสาธารณประโยชน์
บท 3ในวันหยุดยาวชดเชยวันสำคัญของคนชาวไทย บ้านของสิรินนภายามนี้ถูกจับตกแต่งราวกับราชวังในนิทาน เพื่อเป็นการต้อนรับปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้หลักผู้ใหญ่ที่ทางครอบครัวฝ่ายชายขอความกรุณามาเป็นธุระเรื่องการทาบทามสู่ขอลูกสาวบ้านนี้อย่างเป็นทางการ อาจารย์สาวไม่ค่อยแปลกใจกับการต้อนรับแขก เธอเข้าใจว่าเป็นการทาบทามสู่ขอน้องสาวคนเดียวของเธอที่ตอนนี้คงจะคบหากับแฟนหนุ่มจนความรักสุกงอมหอมหวาน เธอมีแก่ใจช่วยทำน้ำใบเตยเย็นชื่นใจต้อนรับแขกเหรื่อที่แม่ตื่นเต้นนักหนา“แขกรับน้ำดื่มเรียบร้อยแล้วค่ะคุณรีน เดี๋ยวทางนี้ป้ารับผิดชอบต่อเอง คุณรีนขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนผ้าเถอะนะคะ” ป้าจอมบอกกับคุณหนูน้อยคนงามด้วยรอยยิ้มหวาน วันหยุดว่างจากการสอนทั้งทีคนอย่างอาจารย์สิรินนภายังไม่ยอมอยู่เฉย ตื่นแต่เช้าลงมาช่วยหยิบจับงานครัวจนเรียบร้อย หลังจากที่ได้ยินคนเป็นแม่บอกถึงนัดหมายว่าจะมีแขกสำคัญมาเยี่ยมเยียนและพูดเรื่องสำคัญ“จ่ะป้า” หญิงสาวรับคำยิ้มๆ ถอดผ้ากันเปื้อนและเดินกลับห้องนอนของตนที่อยู่ชั้นสองของตัวบ้าน แต่ไม่อายแอบมองไปที่โถงใหญ่รับแขก ซึ่งตอนนี้มีแขกคนสำคัญของคุณแม่นั่งอยู่เต็มไปหมด“เอ...แล้วเจมส์ไปไหน” ถามกับตัวเ
บทที่ 5 บ่วงเสน่หาบริษัทเศวต กรุ๊ปได้รับคำเชื้อเชิญให้ร่วมพิธีเปิดอาณาจักรโรงงานอาหารแปรรูปข้ามชาติในจังหวัดหนึ่งติดทะเลอ่าวไทย พิธีการถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เพราะเป็นอภิมหาโครงการที่มีการลงทุนในระดับข้ามชาติ ดังนั้น เศวต กรุ๊ปและแดนไตร ในฐานะที่ปรึกษาโครงการต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองการพัฒนาอีกขั้นของอุตสาหกรรมอาหารแปรรูปครั้งนี้ด้วย ทีแรกบัวหอมไม่ประสงค์ที่จะร่วมเดินทางมางานเลี้ยงครั้งนี้เพราะถือว่าตนไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรกับการลงทุนครั้งนี้ แต่ก็มีบัตรเทียบเชิญในนามบริษัทและเธอไม่ยินยอมหากแดนไตรจะได้ไปร่วมงานในนามของบริษัทแต่เพียงผู้เดียว เพราะเศวต กรุ๊ปคือบริษัทของเธอ‘ถ้าไม่ได้ชื่อเสียงของเศวต กรุ๊ป ก็ไม่มีใครเขาจ้างเศรษฐีหน้าใหม่อย่างแกมาให้คำปรึกษาหรอก’ คุณหนูคนงามยังคงมองด้านเดียว เธอไม่ได้มองว่าแดนไตรเป็นฝ่ายทำทุกอย่างเพื่อสร้างเครดิตให้กับบริษัทของเธอ และเขาได้ช่วยทำให้บริษัทที่ใกล้จะถึงจุดล่มสลายได้กลับกลายเป็นที่รู้จักในตลาดหลักทรัพย์และในแวดวงศ์ธุรกิจอีกครั้ง ทั้งๆที่เขาจะอ้างถึงเพียงชื่อของเขา นายแดนไตร วิริยะกิจ เจ้าพ่อตลาดหลักทรัพย์ที่ประสบความสำเร็จในทางธุรกิจและการลงท
บทที่ 4โจรปล้นจูบเพียงต้องการจะป่วนประสาท เธอถึงกับยอมล้มลงเพื่อให้ดูเหมือนพลัดตกบันได เพื่อให้แดนไตรปฏิเสธนัดที่มีต่อสิรินนภาและมาเฝ้าไข้เธอที่มีอาการบาดเจ็บ ทั้งๆที่เขาสัญญาจะพาอีกฝ่ายกลับบ้านผลการรักษาพบว่าคนเจ็บไม่เป็นอะไรมากแต่เนื่องจากบัวหอมซึมลงอย่างเห็นได้ชัดจนแดนไตรร้อนใจและอยากให้เฝ้าดูอาการอีกคืนหนึ่งจึงขอหมอให้เธอแอดมิด“น้องบัวเป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนไหมครับพี่จะไปตามหมอมาให้” เกือบค่อนคืนเขานั่งเฝ้าไม่ไปไหน แม้แต่เสียงโทรศัพท์ที่ดังยังไม่ยอมลุกขึ้นไปรับ“เจ็บค่ะ”“เจ็บตรงไหน เจ็บมากไหมพี่จะไปตามหมอนะ” รีบลุกกระวีกระวาดแต่มือบางจับคว้าแขนเขาไว้พร้อมทั้งออกแรงบีบแน่น ยิ่งเขาถามด้วยท่าทีอ่อนโยนเป็นห่วง ก็ยิ่งมีความสับสนมากขึ้น“ทำไมต้องทำเหมือนเป็นห่วงกันทั้งๆที่ถ้าไม่มีฉันสักคนคุณก็เป็นเจ้าของบริษัทได้โดยไม่มีใครตั้งคำถามหรือข้อครหาอยู่แล้ว คุณควรจะดีใจนะที่เห็นฉันเจ็บยิ่งฉันตายยิ่งต้องดีใจเพราะทุกๆอย่างมันจะเป็นของคุณโดยสมบูรณ์ไม่ต้องมาคอยทำท่าทางไม่ต้องการบริษัทฉันอย่างที่ทำอยู่ทุกวัน” เค้นเสียงอย่างอัดอั้น ยิ่งมองหน้ายิ่งสับสนละคนผิดหวัง ชายหนุ่มไม่ตอบเพราะในใจรู้ดีว
บทที่ 6ก่อนหน้านั้น...บทรักอ่อนหวานที่กินเวลาจนย่ำรุ่งไม่ได้ทำให้สาวที่พึ่งสูญเสียความบริสุทธิ์และก้าวผ่านความเจ็บปวดฉีกขาดนั้นจับไข้หรือเป็นอะไร แต่ทว่ากลับเป็นฝ่ายชายหนุ่มที่มีอาการหนักหัวจนลุกจากหมอนไม่ได้ เขาคิดจนหัวแทบระเบิดว่าเมื่อวานทำกิจกรรมอะไรที่ส่งผลให้มีอาการครั่นเนื้อตัวและหนักหัวคล้ายจะเป็นไข้หวัดแบบนี้ก็ยังคิดไม่ออก เพราะถ้ากิจกรรมเข้าจังหวะแนบชิดเมื่อคืนคงจะไม่ใช่สาเหตุหลักเพราะเขาทำกับหญิงสาวคนอื่นๆมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วจนกระทั่งคิดออกว่าเมื่อวานตอนมื้อค่ำ เขาได้กินกุ้งทะเลและหอยนางรมเข้าไป เนื่องจากตอนเด็กเป็นเด็กวัด ถูกเลี้ยงมาด้วยข้าวก้นบาตรจากพระอาหารดีๆหรูๆจึงคล้ายกับเป็นของแสลงท้อง โดยเฉพาะกุ้งทะเลตัวใหญ่ๆและหอยนางรมสดๆที่ตั้งแต่แรกเกิดกำพร้าพ่อแม่ก็ยังไม่เคยเอาเข้าปาก จนถึงทุกวันนี้อาหารประจำของเขายังเป็นอะไรที่ง่ายๆไม่พิสดาร เมื่อคืนพอได้กินอะไรพิสดารขึ้นหน่อยสงสัยจะมีอาการแพ้ขึ้นมา“ความจริงแล้วควรจะเป็นบัวมากกว่านะคะที่ป่วยแล้วพี่ตุ่นต้องดูแล” พยาบาลจำเป็นบ่นกระปอดกระแปดในระหว่างที่เตรียมน้ำเต้าหู้นมสดสูตรร้อนใส่แก้วให้คนป่วย เมื่อตอนสายตื่นขึ้นมาแล้วพบว่า
บทที่ 7ผู้เสียหายบัวหอมแทบจะกรีดร้องด้วยความโกรธเมื่ออยู่ๆเธอกลายเป็นเป้าประเด็นทางสังคม หนังสือพิมพ์ชื่อดังทุกฉบับจะมีภาพข่าวเธอในหน้าข่าวสังคมเศรษฐกิจ เธอตกเป็นประเด็นล้อเลียนขำขันในฐานะลูกสาวของอดีตเจ้าของเศวต กรุ๊ปที่ยิ่งใหญ่ย่องขึ้นคอนโดหรูของนักธุรกิจเทพบุตรสุดหล่ออย่างแดนไตรผู้เป็นเจ้าของเศวต กรุ๊ปคนใหม่“ย่อง? ใช้คำว่าย่องขึ้นคอนโดงั้นเหรอ” ความโมโหไม่ได้อยู่ที่เธอเป็นข่าวหรือรู้สึกราวกับกลายเป็นคนสาธารณะทั้งๆที่เธอไม่ใช่ แต่มันโกรธตรงที่คำพูดพาดหัวข่าวที่ทำเหมือนเธอเป็นพวกลักกินขโมยกิน “คนอย่างบัวหอมทำไมต้องแอบ ลงข่าวแบบนี้หมายความว่ายังไง หมายถึงฉันเอาตัวไปแลกกับผลประโยชน์งั้นเหรอ” โวยลั่นสักพักก่อนจะเงียบเสียงลง เอาตัวเข้าแลก ใช้มายายั่วยวนเพื่อหวังผลประโยชน์จากบริษัท เธอทำและเป็นทุกอย่างแบบที่ข่าวลงทั้งนั้นร่างบางค่อยๆนั่งลงนิ่งเงียบ น้ำตารื้นขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อนึกถึงศักดิ์ศรีความเป็นลูกผู้หญิงที่แทบจะหมดลง เจ้าตัวทำอะไรลงไปก็พอจะรู้อยู่แล้ว แต่พอถูกเน้นย้ำถูกสะกิดแผลขึ้นมามันก็อดที่จะสะเทือนจิตใจไม่ได้ เหนืออื่นใดถ้าหากคุณแม่เห็นข่าวนี้ท่านจะรู้สึกอย่างไร คงจะเจ็
บท 8อีกสองเดือนถัดมางานแต่งงานเล็กๆได้ถูกจัดขึ้น ในสนามหญ้าหน้าบ้านถูกเนรมิตขึ้นให้เป็นบรรยากาศอบอุ่น ในงานเชิญแต่บรรดาเพื่อนสนิทนักธุรกิจที่คบหากันและแขกผู้หลักผู้ใหญ่ของฝ่ายเจ้าสาว งานสงบเงียบมีเพียงคนรู้จักมักคุ้นตามความประสงค์ของนางอุบลผู้เป็นแม่เจ้าสาว ในงานคนที่มีความสุขคือนางอุบลที่เห็นลูกสาวอยู่ในอ้อมแขนของคนที่ไว้ใจได้ แต่ทว่าเบื้องลึกในใจของเจ้าบ่าวจะสาวนั้นหน้าชื่นอกตรม เพราะตั้งแต่ตกเป็นข่าว ตั้งแต่เห็นเขากอดกับสิรินนภาทั้งคู่ก็ยังไม่ได้พูดคุยปรับความเข้าใจกัน ให้หลังวันที่เธอไปแจกการ์ดเชิญให้กับสิรินนภาวันนั้นเธอถูกแดนไตรฉุดกระชากขึ้นรถทันทีที่เลิกงาน มือที่เคยกอบกุมให้ความอบอุ่นตอนนี้บีบรัดจนกระดูกแทบแตก เขาพาเธอไปที่คอนโดและเปิดฉากทะเลาะกันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พี่ตุ่นคนเย็นใจดีขึ้นเสียงใส่เธอเพื่อปกป้องผู้หญิงคนอื่น พี่ตุ่นที่เคยสัญญาว่าจะปกป้องเธอกลับใช้สายตาดุดันสังหารจิตใจเธอเพื่อปกป้องผู้หญิงคนอื่น เขามองเธอด้วยสายตาผิดหวังที่เธอกลายเป็นผู้หญิงงี่เง่าหึงหวงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ด้วยความโมโหเลยตอกหน้าเขากลับไปว่าจะไปกอดกับเพื่อนผู้ชายบ้าง นั่นยิ่งทำให้คุยกั