แชร์

5

บทที่ 5

บ่วงเสน่หา

บริษัทเศวต กรุ๊ปได้รับคำเชื้อเชิญให้ร่วมพิธีเปิดอาณาจักรโรงงานอาหารแปรรูปข้ามชาติในจังหวัดหนึ่งติดทะเลอ่าวไทย พิธีการถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เพราะเป็นอภิมหาโครงการที่มีการลงทุนในระดับข้ามชาติ ดังนั้น เศวต กรุ๊ปและแดนไตร ในฐานะที่ปรึกษาโครงการต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองการพัฒนาอีกขั้นของอุตสาหกรรมอาหารแปรรูปครั้งนี้ด้วย ทีแรกบัวหอมไม่ประสงค์ที่จะร่วมเดินทางมางานเลี้ยงครั้งนี้เพราะถือว่าตนไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรกับการลงทุนครั้งนี้ แต่ก็มีบัตรเทียบเชิญในนามบริษัทและเธอไม่ยินยอมหากแดนไตรจะได้ไปร่วมงานในนามของบริษัทแต่เพียงผู้เดียว เพราะเศวต กรุ๊ปคือบริษัทของเธอ

‘ถ้าไม่ได้ชื่อเสียงของเศวต กรุ๊ป ก็ไม่มีใครเขาจ้างเศรษฐีหน้าใหม่อย่างแกมาให้คำปรึกษาหรอก’ คุณหนูคนงามยังคงมองด้านเดียว เธอไม่ได้มองว่าแดนไตรเป็นฝ่ายทำทุกอย่างเพื่อสร้างเครดิตให้กับบริษัทของเธอ และเขาได้ช่วยทำให้บริษัทที่ใกล้จะถึงจุดล่มสลายได้กลับกลายเป็นที่รู้จักในตลาดหลักทรัพย์และในแวดวงศ์ธุรกิจอีกครั้ง ทั้งๆที่เขาจะอ้างถึงเพียงชื่อของเขา นายแดนไตร วิริยะกิจ เจ้าพ่อตลาดหลักทรัพย์ที่ประสบความสำเร็จในทางธุรกิจและการลงทุนมากที่สุดคนหนึ่งในประเทศเพียงคนเดียวก็ไม่ได้ทำ

งานเลี้ยงถูกจัดขึ้นโดยการล่องเรือสำราญลำใหญ่ บนเรือมีแต่แขกกิตติมาศักดิ์ที่แดนไตรรู้จักดี แต่บัวหอมที่ถูกพามาด้วยกลับไม่รู้จักใครเลยและพูดคุยกันไม่รู้เรื่องเพราะประเด็นหลักๆที่พวกเขาคุยกันจะเป็นเรื่องหุ้น เรื่องเศรษฐศาสตร์และเรื่องการเมืองซึ่งล้วนเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับชีวิตประจำวัน ในขณะที่สาวการตลาดอย่างเธอตามไม่ค่อยทันแม้จะเรียนเกี่ยวกับธุรกิจมาบ้างก็จบมาแบบดูแต่ตำราประสบการตรงในชีวิตประจำวันยังไม่มี

“คุณหนูครับ ทำไมไม่นั่งที่โต๊ะ เดี๋ยวปวดขานะ” แดนไตรปลีกตัวออกมาเพื่อดูแลสาวเจ้าที่เอาแต่หันมองคลื่นลมและแสงแดดโพล้เพล้อยู่บริเวณขอบระเบียงเรือ

“นั่งที่โต๊ะก็ถูกชวนคุยเรื่องหุ้น เรื่องการลงทุน บัวคุยไม่รู้เรื่องหรอก” ตอบหน้าบึ้งตึง ไม่เต็มใจมาด้วยแต่กลับถูกอ้างว่ามาเพื่อบริษัทจนต้องถ่อมาถึงทะเลอ่าวไทย ทั้งๆที่ตอนอยู่ออสเตรเลียเธอก็อยู่เมืองติดชายทะเล เบื่อทะเลจนไม่อยากจะมองแล้ว

“ประมาณหัวค่ำหลังจากมื้อเย็นน่าจะได้กลับเข้าฝั่ง ยังไงถ้าน้องบัวเกิดเบื่อให้บอกพี่นะ พี่จะขอให้เปิดห้องพักสำหรับนอนพักให้” แดนไตรอยู่พูดคุยเป็นเพื่อนหญิงสาวอีกสักพักก่อนจะขอตัวไปคุยกับนักลงทุนจากอเมริกาที่เปรียบดั่งอาจารย์ในการซื้อขายหุ้นแก่เขาเมื่อครั้งเรียนอยู่อเมริกา ที่สามารถสร้างฐานะตัวเองจากการเล่นหุ้นได้อย่างทุกวันนี้ นอกจากโชคเข้าข้างแล้วยังเพราะคำแนะนำในการลงทุนจากเขาด้วยหลายส่วน

บัวหอมนอนไม่ค่อยหลับแม้จะเป็นเวลาเกือบห้าทุ่ม พลิกไปพลิกมาอยู่สักพักจึงลุกเดินออกจากห้องพักเพื่อมาเดินเตร่เล่นริมชายหาด คืนนี้แสงจันทร์สว่าง ประกอบกับไฟฟ้าสว่างไสวทำให้รู้สึกปลอดภัยจากอาชญากรรม ร่างบางเดินไปตามหาเรื่อยๆ แต่คอยระวังตนเองไม่ให้ไปที่เปลี่ยวอันตราย หรือไกลจากที่พัก

“น้องบัวครับ” เสียงของแดนไตรเอ่ยทัก คืนนี้ชายหนุ่มเองก็นอนไม่หลับเลยออกมาเดินรับลมทะเล เดินได้ไม่เท่าไหร่ก็พบเจอกับร่างเน่งน้อยน่าทะนุถนอมที่เดินเตร่อยู่ริมหาดเลยรีบเข้ามาทักทาย พักนี้คุณหนูมีท่าทีอ่อนลงมาก คล้ายกับจะยอมรับที่เขาเข้ามาบริหารงานในบริษัททีละน้อย

“พี่ตุ่น ไม่ต้องคุยงานกับบริษัทอื่นในนามของเศวต กรุ๊ปแล้วเหรอคะ” ทักกลับด้วยคำพูดกระทบกระเทียบ

“พึ่งส่งสตีเฟ่นที่บังกะโลครับ เราคุยกันเสร็จแล้ว เขาตกลงซื้อน้ำตาลแปรรูปจากเราด้วยนะครับ ไม่น่าเชื่อว่าธุรกิจน้ำตาลกำลังช่วยสร้างผลกำไรให้กับบริษัท” ชายหนุ่มตอบตามตรง แต่ทำให้แววตาของคนฟังลุกวาว เขาบังอาจคุยข่มเธอทั้งๆที่เขาอาศัยชื่อเสียงและความยิ่งใหญ่ของบริษัทเธอ

“งั้นเหรอคะ ถ้าตอนนี้บริษัทไม่ถูกพี่ตุ่นเทคโอเวอร์ไป บัวก็จะได้เป็นคนพูดคุยกับคุณสตีเฟ่นแทน เผลอๆเขาไม่รับซื้อแค่น้ำตาลแต่รับซื้อทุกอย่างเท่าที่บริษัทส่งออก” พูดเรื่องบริษัททีไรก็เกิดความรู้สึกโกรธแค้นทุกที

แดนไตรนิ่งชะงักไปกับสิ่งที่ได้ยิน ถึงอย่างไรบัวหอมก็ยังยืนยันว่าไม่มีเขานั้นดีกว่า “บริษัทคงเป็นทุกอย่างของน้องบัว” ยิ่งสูงยิ่งหนาว คำพูดนี้เขาเข้าใจถ่องแท้ดีภายหลังที่มีฐานะมั่งคั่งร่ำรวยและภายหลังรับปากให้คำมั่นสัญญากับนางอุบล มันทั้งกดดัน อึดอัดและสับสน โดยเฉพาะความรู้สึกทั้งหมดที่มีต่อบัวหอม มันเจ็บปวดทุกครั้งที่ต้องทนเห็นเธอเครียดแค้นต่อว่าที่ถูกแย่งชิงทุกอย่าง แม้แต่ทำเพื่อเธอด้วยความหวังดี

“ใช่!” หันมาขึ้นเสียง “มันเป็นทุกอย่างของบัวและพี่ก็แย่งชิงมันไป!”

“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องตั้งใจทำงานและเรียนรู้งานบริหารให้มากขึ้น วันนี้น้องบัวพิสูจน์แล้วว่าไม่สามารถจัดการในเรื่องของการลงทุนต่างๆที่จะสร้างผลกำไรให้บริษัทได้ แสดงว่ายังไม่มีประสบการณ์มากพอที่จะดูแลบริษัทเศวต กรุ๊ป” บอกอย่างเข้มงวด ในใจของพี่ชายหวังดีเสมอเพราะทุกอย่างที่ทำเพื่อบริษัทเศวต กรุ๊ปและที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อน้องน้อยสุดที่รัก แต่ทว่าคนฟังมองว่าเจ้ากี้เจ้าการและไม่เจียมตัว

“แต่มันเป็นของบัว บัวควรมีสิทธิบริหารจัดการมันไม่ใช่พี่!” เถียงทันควันแต่คนละเรื่อง คนละประเด็นแต่ก็ยังดันทุรัง ในหัวของหญิงสาวนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ก่อนจะพูดต่อไปในสิ่งที่พออีกฝ่ายได้ยินหัวใจก็พลันหล่นวูบไปอยู่ตาตุ่ม “ตอนนี้บัวก็เป็นคนที่กำลังสิ้นเนื้อประดาตัว หมดสิ้นทุกๆอย่าง กลายเป็นทาสในบริษัทของตัวเอง มันน่าสมเพชจนบัวอยากจะตายให้พ้นๆ”

“อย่าพูดแบบนั้นนะครับ มันไม่ดีนะน้องบัว” จิตใจคนฟังว้าวุ่นวิตก 

เห็นท่าทีและสายตาเป็นกังวลของเขาหญิงสาวก็ยิ่งมั่นใจว่าตัวเองกำลังมาถูกทางที่ใช้วิธีเรียกร้องความสนใจแบบนี้ ยิ่งเกิดย่ามใจเข้าไปอีก “ในเมื่ออยู่ก็ไม่ต่างจากตาย บัวจะตายให้ดู!” ยืนหยัดท้าทายก่อนจะวิ่งพรวดลงไปหาทะเลเย็นเฉียบและคลื่นลมแรงเพราะเป็นเวลากลางคืน

“น้องบัว! กลับมา” ร่างสูงรีบวิ่งตามติดก่อนจะกระโจนลงทะเลตามไปไม่เสียเวลาคิดสักนิดเดียว ไม่นานนักก็กรวดถึงร่างบางที่ถูกคลื่นซัดจนอ่อนระโหยโรยแรงแต่ยังพยายามจะทวนกระแสคลื่นไปหาจุดลึกๆของทะเล แม้น้ำทะเลจะเย็นจัดจนเหมือนเข็มทิ่มแทงทั้งร่างก็ยังพยายามจะไปต่อ ในเมื่อเลือกแล้วว่าจะไปในทางนี้

“อย่าทำแบบนี้เลยน้องบัว” เธอไม่ฟังในสิ่งที่เสียงเข้มตะโกนแข่งกันเสียงคลื่น เพราะในครั้งนี้มีชีวิตเธอเป็นเดิมพัน และถ้ารอด จะมีความชัดเจนบางอย่างจากแดนไตรเป็นของรางวัลที่เธอจะได้

“ไม่ บัวไม่เหลืออะไรแล้ว ปล่อยบัวตายเถอะ”

“ไม่ปล่อย พี่รักน้องบัว พี่จะไม่ยอมให้น้องบัวไปไหนหรือเป็นอะไรไปเชื่อพี่เถอะนะว่าพี่รักและหวังดีกับน้องจริงๆ” ตะโกนบอกก้องกังวานถึงความรักที่อยู่ในใจมาเนิ่นนาน พอได้ยินคำพูดชัดเจนแบบนี้ร่างที่เคยดิ้นรนจึงค่อยสงบลง ในใจปราบปลื้มที่เขามีสีหน้า แววตาและท่าทีเป็นห่วงและรักใคร่จับใจ ภายในหัวใจดวงน้อยกำลังลิงโลดที่เข้าใจว่าตนนั้นกำลังมาถูกทาง

มือหนารีบจับรั้งให้อีกฝ่ายหันมาเผชิญหน้า ยิ่งเห็นดวงตาบวมช้ำเพราะร้องไห้และใบหน้าซีดเสียทั้งกลัวทั้งกล้ายิ่งเกิดความรู้สึกใจอ่อนสงสาร ฝ่ามืออบอุ่นยกขึ้นทาบทับพวงแก้มงาม โน้มกายเข้าไปอีกนิดจนจมูกสัมผัสกับแก้มของอีกฝ่ายเบาๆ

“พี่ตุ่น”

“ครับ ไม่ต้องกังวลนะพี่จะพากลับที่พักเอง”

รอยยิ้มของชายหนุ่มอ่อนโยนเสมอ มันได้ละลายจิตใจหยาบกระด้างที่ห่อหุ้มเป็นกำแพงหนาอยู่ภายในตัวตนของบัวหอมออกช้าๆ ทีละชั้นๆ เสียงทุ้มที่ปลุกปลอบขวัญพาให้คนฟังถึงกับใจอ่อนยวบ ยินยอมก้าวเดินตามขึ้นฝั่งอย่างไม่เกี่ยงงอนใดๆอีกเลย

“อย่าทำแบบนี้อีกนะครับ ไม่ต้องร้องนะคนดี อย่าทำร้ายตัวเองแบบนี้อีกรู้ไหม คุณนายรู้เข้าจะไม่สบายใจ” ต้องยกแม่มาอ้างเธอถึงยอมสงบ

หญิงสาวค่อยๆเบาเสียงสะอื้น เริ่มคิดหาวิธีการอื่นๆเพราะเขาไม่ได้เอ่ยถึงบริษัทเลย “น้องบัวและคุณแม่รู้จักกับพี่ตุ่นมาตั้งแต่เรายังเด็กๆ ทำไมมาวันนี้พี่ตุ่นคือคนที่ได้ครอบครองทุกอย่างที่เป็นของบัวล่ะคะ พี่ตุ่นแย่งทุกอย่างไปจากบัวทำไม” ร่างบางค่อยๆค้อมตัวลงนั่งกอดอก เนื้อตัวสั่นเพราะเริ่มหนาวเหน็บ ไม่รู้ว่าลงทุนเสี่ยงตายครั้งนี้จะคุ้มไหม รู้แค่ว่าไม่มีอะไรจะเสียแล้ว

ใจชายไหวสั่นกับคำตัดพ้อทั้งน้ำตา แววตาเธอยามมองมาช่างร้าวรานเสียใจ แต่เหตุผลนี้เขาบอกเธอไม่ได้จริงๆเพราะเขาเองก็ไม่ได้ต้องการแย่งทุกอย่างไปจากเธอ แต่มันคือธุรกิจที่อยู่บนเส้นด้ายบางๆของความกตัญญูและศีลธรรม แดนไตรเข้าไปกอดเธอไว้ ลูบเนื้อตัวให้ความอบอุ่นพร้อมทั้งเอ่ยขอโทษเบาๆไม่ขาดปาก แต่เสียงตอบกลับมานั้นท่วมท้นไปด้วยน้ำตาและการตัดพ้อ

“พี่ตุ่นเคยบอกว่ารักน้องบัว รักและหวังดีแต่ทำไมถึงแย่งทุกอย่างไป”

แดนไตรไม่กล้าเอ่ยปากอะไรอีกเกี่ยวกับทุกอย่างที่เป็นของเธอ เพราะไม่ต้องการที่จะได้ยินคำพูดตัดพ้อจากหญิงสาวทั้งตัดพ้อเขาและตัดพ้อตนเอง ยืนอยู่ข้างๆกอดเธอไว้ในอ้อมอกอันอบอุ่น เรียนรู้จากเหตุปะทะคราวก่อนว่าบัวหอมจะสงบลงถ้าถูกกอดไว้กับอกแบบนี้ คล้ายว่าเธอจะใจอ่อนกับทุกๆอย่างที่เขากระทำไว้เมื่อเจออ้อมกอดจากความจริงใจและรักเธอที่สุดอย่างที่เขามีให้ แล้วยังมีนิ้วโป้งของชายหนุ่มช่วยไล้ลูบเช็ดน้ำตาออกจากแก้มนวลและใต้จมูกอย่างไม่นึกรังเกียจ

จวบจนหญิงสาวเงียบเสียงลงและหยุดสะอึกสะอื้นเป็นสัญญาณว่าเธอสบายใจขึ้นแล้วจึงค่อยๆประครองคลายกอดจากร่างบาง เท่าที่เห็นสติของบัวหอมคงจะกลับคืนแล้ว ในเมื่อเขาไม่พูดถึงบริษัทแต่ใช้คำว่ารักและหวังดีมาอ้างถึง เธอคงต้องมีการปรับเปลี่ยนวิธีการอีกเล็กน้อยเพื่อให้ทุกอย่างมันง่ายขึ้น

“ดีขึ้นหรือยัง” ถามเสียงอาทร

“ขอบคุณมากนะคะพี่ตุ่น” แดนไตรเป็นงงอยู่บ้างที่อยู่ๆเธอพูดแบบนี้ แต่พอเห็นสายตากลมโตหวานเชื่อมดูใสซื่อเหมือนบัวหอมคนเก่า ข้อกังขาต่างๆก็เป็นอันถูกพับเก็บในลิ้นชัก

“พี่ตุ่นคะ” เสียงหวานเรียกหาอีกฝ่ายก่อนจะยื่นมือบางออกมาเพื่อให้เขาประกบฝ่ามือหนาเข้ามาประสานกันบีบสลับไปมาเพื่อทำให้เขาเชื่อในความหนักแน่นที่เธอมี “พี่ตุ่นอย่าทิ้งน้องบัวไปไหนนะคะ น้องบัวขอแก้ตัวสำหรับกิริยาแย่ๆที่น้องบัวเคยทำกับพี่นะคะ”

ใจชายอ่อนยวบ คนอย่างแดนไตร เมตตาและอภัยมาตลอดชีวิต แต่กับน้องน้อยที่เขารักและหวังดีเสมอมาคนนี้เขาจะให้อภัยไม่ได้ บัวหอมในวัยเด็ก น่ารักอ่อนหวานมันเทียบไม่ได้เลยกับบัวหอมที่เขาพบเจอเมื่อสองเดือนที่ผ่านมาและที่สำคัญ เขาแพ้น้ำตาของน้องน้อยมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

“พี่ไม่เคยโกรธน้องบัวเลยนะและจะไม่มีวันทอดทิ้งไปไหนด้วย” พูดไม่ออกบอกไม่ถูก ทุกอย่างมันจุกอยู่ในใจ ผู้หญิงคนนี้คือคนที่เขาอยากจะให้อภัยและยอมแพ้ตั้งแต่เด็กและความรู้สึกนั้นมันหมายถึงตลอดชีวิต ฝ่ามือหนาบีบกระชับมือบางที่ประกบเข้ามา เหมือนเมื่อครั้งยังเด็กที่ทั้งคู่ชอบทำแบบนี้

บัวหอมก้มหน้ามองฝ่ามือที่คล้องเกี่ยวกันอยู่นิ่ง ยกยิ้มในแววตาลึกๆ สมใจที่พี่ตุ่นให้อภัยเธอ เพียงแค่บอกว่ารักและขาดเขาไม่ได้ ทุกอย่างจากที่ยุ่งยากก็พลันง่ายขึ้นก่อนจะเก็บกลืนความรู้สึกลึกลับนั้นเพื่อเงยหน้าสบตากันหวานล้ำกินใจ

“ขอบคุณมากนะคะ” มือบางอีกข้างที่ว่างอยู่ยกขึ้นลูบแก้มสากด้วยไรเครา แดนไตรฉงนกับกิริยาที่น้องแสดงออกแต่ไม่กี่วินาทีก็ได้รับความกระจ่างใจเมื่อร่างอ้อนแอ้นกอดซบเข้ามาที่อกของเขา เนื้อตัวเปียกปอนเหนียวเหนอะจากน้ำทะเลไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มนึกรังเกียจ แต่กลับสวมกอดเธอไว้ในร่างหนาของตนให้ความอบอุ่น ความรัก หวังดี อบอุ่นและรู้สึกดีไหลบ่าเต็มหัวใจของเด็กวัดคนนี้จบพองโต

“กลับที่พักเถอะค่ะ เปียกน้ำทะเลแบบนี้เดี๋ยวจะไม่สบาย เลอะเทอะดินทรายด้วย” สาวเจ้าให้ความเห็นแต่ไม่ยอมปล่อยแขนจากการโอบรอบลำคอของชายหนุ่ม ซ้ำยังอมยิ้มอายๆอ้อนๆ “พี่ตุ่นอุ้มน้องบัวหน่อยนะคะ น้องบัวปวดขา” แล้วยังมีความเอียงหน้าซบอก

“ครับ” แดนไตรยิ้มหวาน สุขใจเมื่อน้องน้อยพูดและทำตัวต่อเขาดีๆ

ชายหนุ่มอุ้มร่างบางมาถึงที่พักด้วยความเต็มใจ แต่พอจะแยกตัวกลับที่พักของตนบัวหอมกลับเรียกร้องให้เขาอุ้มไปส่งในห้องน้ำ

“เตรียมน้ำอุ่นให้น้องบัวแช่หน่อยนะคะ น้องบัวปวดไปหมดทั้งตัวแล้ว” เสียงอ้อนๆยังเรียกร้องมากขึ้นๆ แต่แดนไตรกลับส่งยิ้มอบอุ่นอ่อนโยนและทำทุกอย่างตามความต้องการของเจ้าหญิงน้อย

จนกระทั่งอ่างอาบน้ำกว้างเต็มไปด้วยน้ำและฟองโฟมนุ่มสำหรับทำความสะอาดผิวเนียนละเอียด ชายหนุ่มถึงตั้งท่าจะกลับ แต่พอหันมาที่ประตูทางออกกลับพบว่าตอนนี้บัวหอมได้ยืนขวางไว้พร้อมทั้งกดล็อกลง หญิงสาวยิ้มหวานกับความรู้สึกสับสนในใจ มันหลากหลายจนบรรยายไม่ถูกว่าที่ทำอยู่มันแค่ต้องการเอาชนะเขาหรือเป็นเพราะใจของเธอได้ศิโรราบให้กับแดนไตรมาตั้งแต่ต้น

สองหนุ่มสาวจ้องตากันด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ชัดเจน สำหรับบัวหอม ถ้ากลับจากออสเตรเลียแล้วพบว่าแดนไตรไม่ได้แย่งทุกอย่างไปจากเธอแบบนี้ ป่านนี้เธอคงตามหาเขา บอกรักเขา คิดถึงเขาและทวงสัญญาที่เคยขอให้เขารอคอยเธอกลับมาและขอทวงสัญญาที่ว่าเราแต่งงานด้วยกัน หลายปีที่เธอหายไปเรียนต่อ หลายปีที่เราต้องอยู่ห่างไกลกัน ทั้งๆที่เธอและแม่ให้โอกาสและไม่เคยนึกรังเกียจที่เขาเป็นเพียงเด็กวัด แต่เขากลับใช้ช่วงเวลานั้น หลอกลวงฉ้อโกงแม่ของเธอจนยึดครองบริษัทไป เขาเป็นคนร้ายกาจ

มือบางสั่นเล็กน้อยยามเมื่อตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะลงทุนเดิมพันครั้งนี้อย่างไร มือบางค่อยๆปลดเปลื้องชุดเปียกชื้นออกจากร่าง เหลือเพียงชั้นในและบราเชียร์ อวดหุ่นสะท้านใจที่แม้แต่คนเย็นอย่างแดนไตรที่หันมาเห็นเข้ายังกลืนน้ำลาย น้องน้อยโตเป็นสาวแล้วแต่ไม่คิดมาก่อนว่าจะได้เห็นความสวยสะพรั่งในเวลานี้และใกล้ชิดขนาดนี้

“นะ...น้องบัว...พี่ว่าให้พี่ออกไปก่อน...” แม้จะผ่านโลกมามาก ผ่านผู้หญิงสวยมาเยอะ แต่บัวหอมทั้งสวยหวานและเป็นคนที่อยู่ในใจของเขา ความอดทนที่จะเมินเฉยต่อเธอมันต่ำนัก

“ตัวพี่ตุ่นก็เปียกน้ำเหมือนกัน อาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวที่นี่กับน้องบัวก่อนนะคะ ค่อยกลับห้องพัก” พยายามทำเสียงเป็นปรกติข่มความกระดากอายที่มีมากจนไม่รู้จะทำหน้าอย่างไร อยากจะรู้ว่าเขาคิดกับเธอเกินเลยขนาดไหนจะได้วางแผนต่อไปถูก แต่แดนไตรยังคงอบอุ่นอ่อนโยนเหมือนเดิมเสมอมา

“พี่ว่ามันไม่ค่อยจะเหมาะ” สุภาพบุรุษสะกดอารมณ์สุดชีวิตแม้สัญชาตญาณสันดานดิบของผู้ชายมันจะไม่ยอมเชื่อฟังและให้ความร่วมมือ

“ทำไมจะไม่เหมาะล่ะคะ พี่ตุ่นไม่รักน้องบัวเหรอคะ ทำไมถึงไม่ได้ล่ะค่ะ” เงยหน้าถามไร้เดียงสา ยิ่งทำให้แดนไตรสมาธิเตลิด เงาของสิรินนภาเริ่มพร่าเลือนในความรู้สึก

“ไม่ใช่แบบนั้นนะครับ” เขากลัวว่าจะอดกลั้นไม่ไหวแล้วคว้าเธอมาจูบให้หนำใจและสมกับที่เฝ้ารอเสมอมา

“ถ้างั้นก็...”

“เอ่อ...” แดนไตรรีบหันหลังกลับไปยังอ่างอาบน้ำเมื่ออยู่ๆมือบางเกี่ยวรั้งบราเชียร์ออกเปิดเผยความงามที่สวรรค์ปั้นแต่งต่อสายตาของเขา “คือ...” ติดอ่างกะทันหันแบบนี้ยิ่งทำให้สาวสวยย่ามใจ อย่างน้อยก็เชื่อว่าเขามีใจให้อยู่บ้างถึงได้ให้เกียรติเธอ ไม่จับเธอตะบี้ตะบันเหมือนผู้ชายอื่นๆที่พยายามหาโอกาสเข้าใกล้

“รังเกียจน้องบัวเหรอ” เสียงหงอยเหงาถามเมื่อเสียความมั่นใจ เพราะดูเขาพยายามจะไม่มองมา

“เปล่านะครับน้องบัว แต่ว่า...” คนมีเหตุผลเสมอในยามนี้กลับใบ้กิน ได้แต่กลืนน้ำลายลงคอยามเมื่อหญิงสาวพาร่างเปลือยเปล่าลงไปนั่งในอ่างอาบน้ำ ต่อหน้าต่อตาของเขา เพียงลงน้ำ กลิ่นหอมของครีมอาบน้ำและกลิ่นสาบสาวฟุ้งกระจายเข้าจมูกจนอารมณ์ปรารถนาของชายหนุ่มลุกกระพือ แววตาอบอุ่นแปรเปลี่ยนเป็นร้อนแรงเมื่อสายตาคู่สวยเงยขึ้นมามองสบกันหยาดเยิ้มละคนท้าทาย แดนไตรคนดี คนเย็นใจซื่อกำลังจะพ่ายแพ้ต่อเสือร้ายในใจที่ต้องการล่าเหยื่อ

“หรือว่าพี่ตุ่นเกรงใจคุณสิรินนภา เพื่อนสนิทของพี่” จงใจแบบนั้นเพื่อให้เขาชัดเจนว่าเธอไม่ได้เป็นมือที่สามของใครจริงๆสำหรับการ ‘ตัดสินใจลงทุน’ ของเธอครั้งนี้

“รีนเขาไม่เกี่ยวหรอกครับ”

ได้ยินแบบนั้นบัวหอมจึงส่งยิ้มหวานเป็นการต้อนรับให้แดนไตรเดินเข้ามา แต่รอยยิ้มหวานมีอันเจื่อนลง เพราะการก้าวเข้ามาของเขา พร้อมกับผ้าขนหนูและรอยยิ้มที่เบาความร้อนแรงหวนกลับมาอบอุ่นเหมือนเดิม “พะ...พี่ตุ่น” คนไม่เคยถูกปฏิเสธถึงกับชะงัก

“พี่จะกลับไปอาบน้ำที่ห้องพัก ไว้น้องบัวอาบน้ำเสร็จเราจะเดินไปดูตลาดนัดริมหาดฝั่งนู้นกันนะครับ” ก่อนจะกลับหลังหันด้วยความซื่อสัตย์ในตัวเองที่จะไม่ล่วงเกินหญิงสาว สำหรับคุณหนูคนงามเวลาที่เหมาะสมคือเมื่อเข้าหอร่วมเรียงเคียงคู่ถูกต้องตามธรรมเนียมประเพณี ทว่า จนแล้วจนรอดฝ่ามือหนาก็ชะงักค้างอยู่ที่กลอนประตู ลำบากใจที่จะหักห้ามความรู้สึกตัวเองที่มีต่อหญิงสาวที่อยู่ในอ่างอาบน้ำ

บัวหอมยกยิ้มมุมปากมองแผ่นหลังสูงใหญ่ที่ยืนนิ่งอยู่ประตูด้วยแววตากรุ้มกริ่มยวนยั่ว หมากเกมนี้เธอชนะอย่างแน่นอน เศวต กรุ๊ปจะต้องกลับมาเป็นของเธอคืนในที่สุดและแดนไตรต้องโซเซออกไปจากที่นี่มือเปล่า

สุดท้ายเขาก็อดกลั้นไว้ไม่อยู่ ไม่อาจฝืนสัญชาตญาณของตัวเองได้โดยเฉพาะกับผู้หญิงที่ชื่อบัวหอม ร่างสูงกลับหลังหันมายังร่างขาวผ่องนวลเนียนที่แช่อยู่ในอ่างอาบน้ำฟองฟอด แผนการเดินตลาดเป็นอันต้องพับเก็บเพราะเขามีสิ่งที่น่าสนใจมากกว่านั้น แววตาที่เคยมีความอาทรแปรเปลี่ยนเป็นแววตาลึกซึ้งลึกลับของชายหนุ่มที่มองหญิงงามตาต้องใจ ขยับปากกลืนน้ำลายก่อนจะเดินเข้ามาที่อ่างอาบน้ำ ก้าวตามลงมาแช่ทั้งๆที่ตนเองยังไม่ได้ถอดเสื้อถอดผ้าเลยสักชิ้น

“พี่อาบด้วยดีกว่า ตัวพี่ก็เปียกน้ำทะเลไปหมดแล้ว” เปล่งเสียงแหบพร่าบอกวัตถุประสงค์ที่ต้องการอย่างชัดเจน แววตาอบอุ่นเพิ่มระดับเป็นเข้มข้นร้อนแรง ต่อแต่นี้บัวหอมจะไม่ใช่น้องสาวหรือหญิงสาวของเขาอีกต่อไป แต่เธอคือเหยื่ออันโอชะและหวานล้ำของเขา

จมูกโด่งโน้มเข้ามาสูดกลิ่มหอมของแก้มบางใส แก้มนวลเนียนราวกับขนมหวานรสเลิศจนแดนไตรอดไม่ไหวต้องยื่นเรียวลิ้นออกมาเลียไล้ ชิมรสที่อยากชิมสมใจ

อ่างจากุดชี่น้ำวนช่วยนวดคลึงให้ร่างกายของทั้งคู่ผ่อนคลาย บรรยากาศในบังกะโลเย็นนิดๆเป็นใจให้พวกเขา ใบหน้านวลแดงก่ำเขินอายเมื่อมีเวลาว่างทบทวนตัวเองว่าเป็นฝ่ายเชิญชวนยั่วยวนให้ร่างสูงก้าวเข้ามานั่งในพื้นที่เดียวกัน

แดนไตรนั่งเงียบๆ แต่ลุ้นรอให้สาวเจ้าเคลื่อนไหวเพื่อทำอะไรสักอย่างในฐานะคนที่เป็นฝ่ายเปิดฉาก จนมือสั่นเทาเย็นเฉียบค่อยๆวางลงบนอกข้างซ้ายของตนจึงยกฝ่ามือวางทับลงไปอย่างสนิทสนมราวกับเกิดมาเพื่ออยู่ตรงนี้ ตรงกลางใจของผู้ชายคนที่ชื่อแดนไตร

ทั้งสองร่างขยับเข้าหากันช้าๆตามกฎของแรงดึงดูด จุมพิตลึกซึ้งหวานล้ำที่เป็นจูบแรกของหญิงสาว สร้างความรู้สึกมหัศจรรย์เหนือจะบรรยาย ความตกใจจากสัมผัสแปลกปลอมนุ่มลื่นทำให้ต้องขยับออกห่างอยู่บ่อยครั้ง แต่ในทุกครั้งฝ่ามือหนาจะเข้ามาช่วยจับดันที่ท้ายทอยให้เงยหน้ารับความหวานนั้นอย่างไม่อาจหลบเลี่ยง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นจากนี้คือความสุกงอมหอมหวานของความรักที่เขามีต่อเธออย่างล้นปรี่

มือไม่อยู่สุขเริ่มปัดป่ายดอกไม้ตูมนุ่มหยุ่นแล้วผลักเธอไปข้างหลังเพื่อจะใช้สายตาร้อนแรงสำรวจจนถ้วนทั่วโดยเฉพาะอัญมณีสีหวานที่เปล่งประกายบนผิวเนื้อ ปลายลิ้นตวัดรอบเบาๆด้วยความถนอมหวงแหน จับร่างบางพิงขอบอ่างไว้แล้วรุกรานตามอำเภอใจจนเสียงหวานครวญครางแผ่วเบาอย่างรัญจวน ความสุขที่ไหลบ่ามากมายล้นปรี่ในใจของแดนไตร

มือบางช่วยปลดเลื่อนเสื้อผ้าเปียกปอนออกจากกายกำยำจนเปล่าเปลือยเหมือนๆกัน นิ้วเล็กสั่นระริกแต่พยายามลากผ่านลอนกล้ามเนื้ออุดมสมบูรณ์เพื่อสื่อให้ได้รู้ว่าหลงใหลและต้องการเขา รูปร่างของแดนไตรเป็นที่เฝ้าฝันของสาวๆค่อยประเทศในฐานะนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงสุดหล่อ เขาอาจจะเป็นผู้ชายในฝันของใครก็ได้ แต่ชายหนุ่มเองก็ปรารถนาที่จะเป็นผู้ชายในชีวิตจริงของคนแค่คนเดียว คนๆนั้นคือคุณหนูบัวหอมที่อยู่ตรงหน้าเขาในยามนี้

“หัวใจของพี่ เป็นของน้องบัวนะ” จับมือถือมาวางไว้ที่ตรงหัวใจ เอื้อนเอ่ยเชิญชวนให้หญิงสาวถือสิทธิ์เป็นเจ้าของ อ้อนวอนทางสายตา ท่าทางให้เธอไว้วางใจ

“ค่ะ...”กระซิบตอบแผ่วเบาก่อนจะก้มหน้าหลุบตาลง เขินอายต่อความรู้สึกพิศวาสและสัมผัสแนบเนื้อที่กำลังเกิดขึ้นตามครรลองธรรมชาติ ยินยอมที่จะเป็นของเขาจากก้นบึ้งของหัวใจ จิตวิญญาณและความรู้สึก

มือหนารวบเข้าที่เอวบางก่อนจับยกให้โน้มเข้ามานั่งบนหน้าตัก ขยับตัวขึ้นให้ได้องศาในการตอบสนองความต้องการภายในใจของเธอและของตนเอง การสัมผัสที่วาบหวามช่วยกระตุ้นให้ก้นบึ้งของใจบอกได้ว่าร่างกายของเขานั้นหิวโหยความปรารถนาต่อเธอมากขนาดไหน ลมหายใจร้อนฉ่าแผดเผาไปตามนวลแก้ม ซอกคอและเนินอกอวบอิ่มทำเอาเนื้อตัวหญิงสาวสั่นระริกที่ไม่ใช่เพราะกลัวหรือสับสน แต่มันเพราะระทดระทวยจากภายในใจที่มันไหวเอน

ยามอยู่ในอารมณ์รักใคร่ หญิงสาวงดงามที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็น บัวหอมค่อยๆยกเอวขึ้นตอบสนองการเคลื่อนไหวของเขาที่ต้องการรุกล้ำเข้ามาร่างกายทั้งสองค่อยๆแนบสนิทกัน บัวหอมสะดุ้งครั้งแล้วครั้งเล่ากับสิ่งที่ขยับเคลื่อนเข้ามาภายใต้สายน้ำวนเพราะเป็นครั้งแรกเลยยังเจ็บอยู่บ้างแต่ก็มีความสุขจนแทบคลั่งจนต้องผวาเข้ากอดร่างหนาไว้แน่น นิ้วทั้งสิบจิกลงบนไหล่แข็งแกร่งจนจมเป็นหลักฐานฟ้องว่าเธอสุขสมปั่นป่วนขนาดไหน

“อื้อ....อื้อ” แต่กลับต้องส่งเสียงอู้อี้เพราะคิดว่าสิ่งที่จะทำให้เจ็บปวดจบสิ้นแล้ว แต่กิริยาฉกจูบแนบแน่นร้อนแรงกลับกลายเป็นเพียงความสุขแฝงเร้น เจตนาของเขาคือสกัดกลั้นเสียงหวีดร้องด้วยความเจ็บปวดของเธอ บัวหอมน้ำตาไหลลงพลางทุบอกเขามือระวิง สายน้ำพยุงตัวไว้ไม่ได้ช่วยให้อาการรวดร้าวปริแตกนั้นเจ็บปวดน้อยลง แต่ฝ่ามือหนาหนักที่คอยวนเวียนลูบไล้เคล้นคลึงดอกบัวตูมสวยและผิวกายบอบบางต่างหาก ที่เป็นเหมือนยาวิเศษ ไม่นานนัก คิ้วเรียวที่ขมวดมุ่นด้วยความเจ็บเริ่มคลายกังวลออกจากกัน ขยับตัวตั้งรับเรี่ยวแรงที่ถาโถมเข้ามาตามสัญชาตญาณ

ฝ่ามือบางกำเข้าหาผ้าปูที่นอนแน่น ช้อนตามองร่างกำยำที่ขยับกายเป็นจังหวะอยู่บนตัวของเธอด้วยความรู้สึกสับสนหลากหลาย น้ำตาเม็ดโตหยดร่วงลงมาที่หางตา โดยคนที่อยู่ในห้วงปรารถนาไม่ทันสังเกตเห็น น้ำตาเธอไหลแต่เธอไม่ได้ร้องไห้ มันไม่มีอะไรที่จำเป็นต้องร้องไห้เพราะทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้น เป็นสิ่งที่เธอเลือกทำเอง เป็นจุดหมายที่เลือกแล้วว่าจะก้าวเดินในทางนี้

จวบจนสุ่มเสียงอันเปรียบสุขดังกังวาน ร่างเน่งน้อยค่อยอ่อนระทวยทิ้งตัวลงกอดซบกำแพงมนุษย์ที่เธอเกาะเกี่ยวติดมือ เหงื่อเม็ดโตผุดพรายจนหยดลงสู่อ่างอาบน้ำ แดนไตรยกยิ้มชื่นชมละคนเอ็นดูคนในอ้อมแขน เห็นตัวเล็กผอมเพรียวแต่กลับตั้งรับเรี่ยวแรงของเขาได้หลายชั่วโมง ตอนแรกประสานมีอาการงอแงร้องไห้เล็กน้อย แต่เพียงปลุกปลอบเบาๆก็เงียบเสียงอย่างว่าง่ายเชื่อฟัง

ให้รางวัลเด็กดีเป็นจุมพิตอ่อนหวานหนึ่งครั้งก่อนจะชะงักที่เมื่อผละออกเห็นอาการผวาและขมวดคิ้วด้วยความไม่สบายเนื้อตัวของสาวเจ้ากลับมาปรากฏอาการ สีหน้าลำพองใจสุขสมเมื่อครู่สลดลงเล็กน้อย น้องน้อยที่เขาเฝ้าทะนุถนอมควรจะอยู่บนที่นอนนุ่มไม่ใช่จับเธอสนองความต้องการในอ่างอาบน้ำแบบนี้ ร่างบางถูกจับอาบน้ำใหม่จนสะอาดหอมสดชื่นโดยทาสเทวีหนุ่มหล่อ เขาเช็ดเนื้อตัวให้เธอจนแห้งดี เอาผ้าคลุมห่อกายไว้เพื่อป้องกันความหนาวเหน็บ จากนั้นอุ้มเธอมาวางไว้บนที่นอนนุ่ม

“อยากให้พี่ตุ่นกอด” บอกความต้องการพร้อมกับแขนเรียวยกวาดขึ้นทั้งสองข้าง ส่งแววตาหวานเชื่อมออดอ้อนจนเขายิ้มขำขันแต่ก็ล้มตัวลงซุกกายใต้ผ้านวมผืนหนาก่อนจะกอดร่างนุ่มไว้แน่น

“เด็กดีของพี่ หิวข้าวบ้างไหมเดี๋ยวพี่จะออกไปซื้อที่มินิมาร์ทมาให้” มองนาฬิกาที่บอกเวลาตีสี่ครึ่ง ตอนนี้ร้านสะดวกซื้อที่เปิดตลอดทั้งวันทั้งคืนเป็นทางเลือกที่หนึ่ง

“ไม่ค่ะ” ส่ายหัวตอบ เวลานี้เธอเพลียและเจ็บอยากจะนอนพัก ก่อนจะซุกตัวเข้าหาไออุ่นจากร่างกำยำ แผงอกล่ำบึกนั้นอบอุ่น ก้อนเนื้อที่เต้นอยู่ในนั้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอช่วยขับกล่อมให้บัวหอมวางใจและหลับใหลลงได้ง่ายดาย ละทิ้งทุกอย่างที่ทำให้เป็นทุกข์ วางสิ่งที่ถือมั่นลง ทำให้ค้นพบว่าอ้อมกอดของพี่ชายที่แสนดีคนนี้อบอุ่น ปลอดภัยและไว้ใจได้มากที่สุด คนที่อยู่ในใจมานานแสนนาน

“พี่ตุ่นอย่าไปไหนนะ กอดบัวไว้อย่าไปไหนนะ” เธอพูดอู้อี้ในลำคอเพราะกำลังเข้าสู่ภาวะสะลึมสะลือกึ่งหลับกึ่งตื่นแต่คำพูดเหล่านั้นสั่นสะเทือนจิตใจคนฟัง แดนไตรกอดรัดร่างนิ่มแน่นขึ้น จูบเบาๆที่ขมับหลายต่อหลายที

“ครับผม” ตอบรับอย่างลิงโลด ในที่สุดก็มีวันนี้ วันที่น้องน้อยให้อภัยเขาทุกอย่างแล้ว

“สัญญานะคะ ว่าพี่ตุ่นจะรักน้องบัวคนเดียว” คำท้วงของน้องน้อยที่ได้ยินเป็นประจำตั้งแต่เด็กๆยังดังก้องหู และคำตอบของเขายังคงชัดเจนตั้งแต่ต้น

“ครับ พี่ตุ่นจะรักน้องบัวคนเดียว”

“พี่ตุ่นจะรักน้องบัวคนเดียว” เสียงทุ้มกระซิบข้างหู สวมกอดร่างบางไว้แน่นส่งเธอเข้าสู่ห้วงแห่งกาลเวลา บัวหอมงึมงำตอบรับ ยกยิ้มมุมปากก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราอันอ่อนหวานสุขสม เขาไม่ได้นึกสักนิดว่าบัวหอมจะลงทุนถึงขนาดเอาตัวเข้าแลก แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างนี้มันคือความรู้สึกเบื้องลึกที่อยู่ในใจของกันและกัน บัวหอมแค่ใช้ประโยชน์จากสิ่งนั้น ใช้ประโยชน์จากความรักของเขา ความดีของเขาไม่เคยลงไปอยู่ในใจของเธอเลย เพราะเธอไม่เคยรักเขา ไม่มีวันรัก จนตายก็จะไม่รัก!

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status