Ducati Monster 821 สีดำคันใหม่เอี่ยมเลี้ยวเข้าไปในคอนโดมิเนียมในเวลาที่เข็มสั้นของนาฬิกาชี้ที่เลขสาม พนักงานรักษาความปลอดภัยรีบกดปุ่มเพื่อยกไม้กั้นขึ้นให้ทันทีเพราะรู้ดีว่าผู้ที่เป็นเจ้าของรถบิ๊กไบค์คันนี้เป็นใคร จากนั้นก็ยืนยิ้มร่าทำความเคารพด้วยการตะเบ๊ะพร้อมกับพูดว่า
"เชิญครับลูกพี่"
ผู้ที่นั่งคร่อมอยู่บนรถจักรยานยนต์เปิดหน้ากากหมวกกันน็อกขึ้นแล้วยกมือให้ข้างหนึ่งเพื่อทักทายกลับโดยไม่พูดอะไร ก่อนจะขับเข้าไปด้านในโดยมีสายตาของพนักงานคนเดิมมองตามไปด้วยความชื่นชม
"จุ๊ ๆ โคตรสวยเลย เมื่อไรจะมีวาสนาได้ขับดูคาติกับเขาบ้างวะกู"
พูดจบก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างปลงตก เพราะรู้ดีว่ารถซูเปอร์ไบค์คันที่เพิ่งขับผ่านหน้าไปนั้นราคาเท่าไร ลำพังเงินเดือนแค่หมื่นต้น ๆ อย่างตน ชาตินี้ทั้งชาติคงไม่มีโอกาสได้เป็นเจ้าของ
อลินดาขับรถเข้าไปจอดที่ประจำของตน หลังจากดับเครื่องแล้วก็ลงมายืนข้างรถพร้อมกับถอดหมวกกันน็อกออกมาถือไว้ เผยให้เห็นใบหน้ารูปไข่ และเครื่องหน้าที่สวยจัดแม้จะไม่ได้แต่งแต้มเครื่องสำอางเลยแม้แต่น้อย หญิงสาวบิดคอไปมาสองสามครั้งเพื่อคลายความเมื่อยขบ ก่อนจะเดินไปทางโถงหน้าลิฟต์พลางเปิดกระเป๋าเป้เพื่อหากุญแจห้องพัก
เมื่อเข้ามาในห้อง อลินดาวางกระเป๋าเป้ไว้บนโซฟาห้องรับแขก จากนั้นก็เข้าไปในห้องนอน คว้าผ้าขนหนูแล้วเดินเข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายทันที
"ฟู่..." หญิงสาวเป่าลมออกจากปากอย่างผ่อนคลายก่อนเงยหน้ารับสายน้ำเย็นฉ่ำจากฝักบัวพลางนึกถึงเหตุการณ์เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน
นับว่าเป็นครั้งแรกที่มีคนมาท้าแข่งบนถนนใหญ่ หนำซ้ำรถที่แข่งด้วยยังเป็นซูเปอร์คาร์ ซึ่งเธอรู้ดีว่าอย่างไรเสียตนก็แพ้แน่นอน แต่กระนั้นก็ยังรับคำท้าเพราะเห็นว่าดึกมากแล้ว และรถบนถนนก็ไม่มีคันอื่น แต่เพราะการคุยโวของผู้ชายคนนั้นจึงทำให้อลินดาอดยั่วยุอีกฝ่ายไม่ได้ ซึ่งหลังจากที่ยั่วให้คู่แข่งเลือดลมสูบฉีดแล้วเธอจึงขับชิ่งหนีมาอีกทางทันที เพราะไม่ต้องการมีปัญหาตามมาภายหลัง หรือต่อให้อีกฝ่ายนึกแค้นเคืองแล้วขับตามมาก็คงตามไม่ทัน เพราะจนป่านนี้ก็ยังไม่เห็นมีใครตามมาเอาเรื่องเธอถึงที่นี่ได้
ช่างเถอะ คงได้เจอกันแค่ครั้งเดียว เธอคงไม่โชคร้ายเจอผู้ชายคนนั้นอีกกระมัง
เสียงโทรศัพท์ที่ดังอย่างต่อเนื่องปลุกให้คนที่กำลังหลับใหลต้องสะดุ้งตื่นทั้งที่เพิ่งนอนไปได้แค่สี่ชั่วโมง อลินดารีบคว้าโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียงมากดรับสายทันที
"ค่ะคุณแม่" แม้จะง่วงแสนง่วงและลืมตาแทบไม่ขึ้น แต่หญิงสาวก็ต้องพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อไม่ให้มารดาที่ฟังอยู่ปลายสายเกิดความสงสัย
"ขับรถอยู่หรือลูก ตอนนี้อยู่ตรงไหนแล้ว"
"สระบุรีแล้วค่ะคุณแม่ คิดว่าสักสิบโมงก็น่าจะถึงร้าน" เธอตอบพลางเหลือบมองนาฬิกาตั้งโต๊ะที่อยู่บนหัวเตียง
"ถึงสระบุรีเร็วจัง นี่แสดงว่าออกจากที่โน่นมาแต่เช้าเลยสิเนี่ย ไม่ต้องรีบนะลินดา ค่อย ๆ ขับมานะลูก ไม่ต้องห่วงทางนี้ แม่ดูแลได้อยู่"
น้ำเสียงของมารดาที่เอ่ยออกมาอย่างเป็นห่วงนั้น ทำให้อลินดาอดรู้สึกผิดไม่ได้ที่ต้องโกหก
"หนูจะพยายามไปให้ทันพระสวดนะคะคุณแม่ ฤกษ์เปิดร้านคือเก้าโมงห้าสิบเก้านาทีไม่ใช่หรือคะ หนูไปทันแน่นอนค่ะ"
หญิงสาวคำนวณเวลาในหัวแล้วคิดว่าอย่างไรเสียก็ไปทันตอนพระสวดพอดี วันนี้เป็นวันทำบุญเปิดร้านพิมาลินสปาและนวดแผนไทยสาขาใหม่ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากคอนโดมิเนียมที่พักอยู่เท่าไรนัก เวลานี้เพิ่งเลยแปดนาฬิกามาเพียงเล็กน้อย ใช้เวลาไม่เกินหนึ่งชั่วโมงก็ไปถึงร้านได้แล้ว
"แม่บอกแล้วไงว่าไม่ต้องรีบ ค่อย ๆ ขับมาอย่าให้เกินแปดสิบนะลินดา แถวนั้นรถบรรทุกเยอะจะตายไป...แค่นี้ก่อนละกันนะแม่ไม่กวนแล้ว ขับรถดี ๆ ล่ะ"
"ค่ะคุณแม่" หญิงสาวกดวางสายแล้วทิ้งตัวลงนอนอีกครั้งพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่
"เฮ้อ...ต้องเป็นคุณลินดาผู้เพียบพร้อมอีกแล้วสินะ"
นอกจากเพื่อนสนิทแล้ว ไม่มีใครรู้เลยว่าอลินดาหลงใหลการขี่บิ๊กไบค์ คอนโดมิเนียมห้องนี้ก็ไม่มีใครรู้อีกเช่นกันว่าหญิงสาวแอบซื้อเอาไว้ตั้งแต่เรียนจบปริญญาตรี หากมองจากภายนอก ทุกคนจะเห็นว่าอลินดาเป็นหญิงสาวที่เพียบพร้อมทั้งรูปร่างหน้าตา นิสัยใจคอและฐานะทางบ้าน แต่ความจริงแล้วคนที่รู้ว่าเธอชอบใช้ชีวิตโลดโผนท้าทาย และนิยมความเร็วเป็นชีวิตจิตใจนั้นมีน้อยคนจนแทบนับนิ้วได้
อลินดานึกภาพไม่ออกเลยว่าถ้าเรื่องที่เธอแข่งรถมอเตอร์ไซค์รู้ถึงหูมารดาจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง และถ้าท่านรู้ว่าเธอนำเรื่องเกสต์เฮ้าส์ที่ลงขันเปิดกับเพื่อนในจังหวัดบุรีรัมย์มาเป็นข้ออ้างเพื่อที่ตนจะได้ไปดูการแข่งรถที่สนามบุรีรัมย์ เซอร์กิตบ่อย ๆ นั้นท่านจะรู้สึกอย่างไร
หญิงสาวถอนหายใจแผ่วก่อนจะลุกจากเตียงแล้วเดินเข้าห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัว แม้ว่าใจอยากนอนต่ออีกสักนิดแต่เพราะความรู้สึกผิดที่มีต่อมารดา ความง่วงงุนจึงหายเป็นปลิดทิ้ง
รถเอสยูวีสีขาวเคลื่อนเข้าจอดที่ลานจอดรถกลางแจ้งของศูนย์การค้าย่านรามอินทราที่เพิ่งเปิดใหม่เมื่อกลางปีที่ผ่านมา ที่นี่นอกจากจะเป็นแหล่งรวมร้านอาหารและร้านค้าต่าง ๆ แล้ว ยังมีฟิตเนสและสถานเสริมความงามอีกด้วย
อรพิม มารดาของอลินดาเห็นว่าแหล่งชอปปิงทาวน์แห่งใหม่นี้น่าจะเป็นที่นิยมในไม่ช้า จึงได้มาจองไว้สองห้องตั้งแต่โครงการเพิ่งเริ่มก่อสร้างเพื่อเปิดร้านพิมาลินสปาเป็นสาขาที่สาม
ร่างโปร่งระหงของอลินดาในชุดเดรสลูกไม้สีขาวแขนกุด ความยาวคลุมเข่าเดินไปทางร้านพิมาลินอย่างไม่รีบร้อน หญิงสาวเห็นคนมากมายที่มารดาเชิญมาร่วมงานทำบุญเปิดร้านใหม่แล้วก็ได้แต่อมยิ้ม เพราะเท่าที่เห็นล้วนมีแต่ลูกค้าขาประจำ และคนกันเองที่คุ้นหน้าคุ้นตากันแทบทั้งสิ้น
อลินดาเห็นมารดาคุยกับผู้หญิงคนหนึ่งอย่างสนิทสนมเพราะมีการจับมือถือแขนราวกับคุ้นเคยกันมานาน ดูแล้วน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับท่าน หญิงสาวจึงเดินเข้าไปหา
"อุ๊ยนั่นไง ลินดาลูกสาวฉันมาแล้ว"
เสียงของมารดาที่เอ่ยถึงเธอทำให้หญิงสาวต้องยกมือไหว้คนที่ท่านกำลังคุยด้วยโดยที่ไม่ต้องรอให้มารดาเป็นคนแนะนำ
"ลินดา นี่ป้าเกศจ้ะ เป็นเพื่อนแม่ตั้งแต่สมัยเรียนมหา’ลัยเชียวนะ"
ท่านพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม อลินดาจึงยกมือไหว้อีกครั้งพร้อมกับเอ่ยทักทายอีกฝ่ายด้วย
"สวัสดีค่ะป้าเกศ" หญิงสาวยิ้มละไม ทำเอาคนที่รับไหว้ถึงกับมองตาค้าง
"สวัสดีลูก ตายจริงหนูลินดา ตอนเด็กก็ว่าน่ารักน่าชังแล้วนะ โตขึ้นมาก็ยิ่งสวยเข้าไปใหญ่...สวยขนาดนี้ไปเป็นดารานางแบบได้เลยนะเนี่ยยายพิม"
เกศรินมองด้วยสายตาชื่นชมอย่างไม่ปิดบัง อลินดาเองก็เขินไม่น้อย ได้แต่เอ่ยขอบคุณทั้งรอยยิ้ม
"โอ๊ยเธอ แม่คนนี้เขาไม่ชอบวงการบันเทิงหรอก แค่ฉันให้มาเป็นนางแบบโปรโมตร้านยังต้องพูดจนปากเปียกปากแฉะกว่าจะยอม ฉันนี่งัดทั้งไม้อ่อนไม้แข็งมาเลยเชียว"
อรพิมพยักพเยิดไปทางโปสเตอร์แผ่นใหญ่ที่ติดอยู่บนกระจกหน้าร้าน อีกฝ่ายจึงหันมองตามก่อนจะยิ้มพลางป้องปากพูดกับหญิงสาวคราวลูกตรงหน้า
"ป้าว่าตัวจริงสวยกว่าในโปสเตอร์เยอะเลย"
"ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะคุณป้า ชมกันขนาดนี้หนูเขินเลย" อลินดายิ้มกว้างก่อนจะหันไปมองด้านในร้านแล้วหันมาพูดกับมารดา"หนูเข้าไปดูแขกข้างในนะคะคุณแม่""จ้ะไปเถอะ มีอะไรก็ถามคุณแววเขาละกันนะ" ผู้เป็นมารดายิ้มให้บุตรสาว ขณะที่เกศรินนั้นมองตามอลินดาที่เดินเข้าร้านไปด้วยแววตายิ้มได้ จากนั้นก็ยื่นหน้าเข้าไปถามอรพิมเบา ๆ"หนูลินดาน่ารักมากเลย ถามจริง ๆ นะยายพิม ลูกสาวเธอมีแฟนรึยัง""ยังหรอก" อรพิมตอบโดยไม่ต้องคิดพลางถอนหายใจแผ่วก่อนพูดต่อ"ฉันกับลูกน่ะ มีอะไรก็คุยกันเปิดอกเสมอ ถ้าเขามีแฟนก็คงบอกฉันตามตรง แต่เวลาฉันถามทีไรเขาก็ได้แต่ส่ายหน้าทุกที ลินดาเคยบอกกับฉันว่าเขาจะไม่แต่งงาน เขาจะอยู่ดูแลฉัน ดูแลร้านอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ เฮ้อ...แต่หัวอกคนเป็นแม่ก็อยากให้ลูกได้เจอคนดี ๆ แล้วออกไปสร้างครอบครัวมากกว่าที่เขาจะต้องอยู่คนเดียวไปชั่วชีวิต""หนูลินดาเขาฝังใจเรื่องพ่อใช่ไหม" เกศรินกดเสียงให้เบาลงกว่าเดิมเพราะเรื่องนี้รับรู้กันแค่ไม่กี่คนเท่านั้น"ใช่ ลินดาเขากลัวจะเจอผู้ชายแบบพ่อตัวเองน่ะ" เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ อรพิมก็มีสีหน้าเศร้าสลดขึ้นมาทันที เกศรินจึงบีบมือเพื่อนอย่างให้กำลังใจ"หนูลินดาจะต้องได้เจอคน
"บรื้น ๆ รถแบตแมนมาแล้ว" รถไฟฟ้าสำหรับเด็กเล็กที่ทำเลียนแบบรถซูเปอร์คาร์คันจิ๋วค่อย ๆ เคลื่อนเข้ามาในห้องนั่งเล่นโดยผู้ทำหน้าที่ขับคือปกปักษ์ หลานชายหัวแก้วหัวแหวนของบ้านหลังนี้ และเป็นบุตรชายวัยสี่ขวบของปกป้องกับกวิสราเกศรินหันไปหาเจ้าของเสียงพร้อมกับยิ้มกว้างพลางลุกขึ้นเดินไปหาหลานชายตัวน้อย "ตาโป้ง มาให้ย่าหอมหน่อยเร็ว แล้วนี่อะไรกัน ได้คันใหม่มาอีกแล้วหรือ ใครซื้อให้เนี่ย"ผู้เป็นย่ามองรถคันสีแดงแปะยี่ห้อเฟอร์รารี่ที่หลานชายนั่งอยู่พลางขมวดคิ้วด้วยความสงสัย"อาปกซื้อให้คับ" เด็กน้อยตอบพลางมองหน้าผู้เป็นอาแล้วยิ้มกว้าง"เจ้าปก!" เกศรินเรียกชื่อบุตรชายอย่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน แต่ไม่อยากโวยวายเสียงดังเพราะกลัวหลานตัวน้อยจะตกใจ แต่คนถูกคาดโทษกลับยิ้มระรื่นพลางลุกขึ้นนั่งแล้วพูดกับหลานชายด้วยน้ำเสียงฮึกเหิมว่า"เป็นลูกผู้ชายทั้งทีจะมีรถคันเดียวได้ยังไง จริงไหมโป้ง""จริงคับ!" เด็กชายปกปักษ์ตอบรับอย่างขึงขังเช่นกัน ผู้เป็นย่าจึงหันไปพูดกับหลานชายว่า"ตาโป้ง ของเล่นทุกอย่างรถทุกคันที่ได้มา หนูเล่นแล้วต้องรักษาให้ดีรู้ไหมลูก อย่าเล่นทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ วันนี้เล่นคันนี้ วันพรุ่งนี้ก็เล่นคันเก่
"ไม่หรอกค่ะพี่แวว แค่ส่วนน้อยเท่านั้น เพียงแต่คนส่วนใหญ่มักจะมีภาพจำที่ติดตาว่าผู้ชายที่กล้ามใหญ่หุ่นล่ำบึ้กมักเป็นเกย์ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลยพี่ พวกเทรนเนอร์น่ะเขามีหน้าที่แนะนำการออกกำลังกายให้คนอื่น เพราะฉะนั้นตัวเองก็ต้องหุ่นดีไว้ก่อน และที่สำคัญคือต้องเฟรนด์ลี่มาก ๆ พูดเพราะช่างเอาอกเอาใจ ยิ้มง่ายคุยเก่ง เพราะแบบนี้มั้งก็เลยดูเหมือนเกย์""น้องลินดารู้ดีจังเลย เคยจ้างเทรนเนอร์หรือคะ" แวววรรณถามยิ้ม ๆ อลินดาจึงอดหัวเราะไม่ได้"เปล่าหรอกค่ะพี่ แต่ลินดามีเพื่อนเป็นเทรนเนอร์ในฟิตเนสอยู่คนหนึ่งก็เลยรู้เรื่องพวกนี้มาบ้าง"ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้คุยอะไรต่อ โทรศัพท์มือถือของอลินดาที่วางอยู่บนโต๊ะก็สั่นครืดคราดเป็นสัญญาณว่ามีคนโทร. เข้า ครั้นพอหญิงสาวเห็นชื่อผู้ที่โทรศัพท์เข้ามาจึงคว้ามันมาถือไว้แล้วเดินออกไปนอกร้านพลางกดรับสาย"ว่าไงกั๊ต""ไอ้ลิน! ข่าวดีเว้ยมึง เฮียไช้เขาดูการแข่งของมึงเมื่ออาทิตย์ก่อนแล้วเขาสนใจอยากได้มึงมาเข้าสังกัดว่ะ" น้ำเสียงตื่นเต้นของกั๊ต กฤษณะเพื่อนสนิทที่ร่วมก๊วนบิ๊กไบค์ด้วยกันโพล่งขึ้นมาตามสายทำให้คนที่ฟังอยู่ถึงกับเบิกตากว้าง"เฮ้ยถามจริง มึงอำกูรึเปล่าเนี่ย
ปกเกล้ามองหานรเชษฐ์กับตฤณภพ เพื่อนที่นัดไว้ เมื่อเห็นอีกฝ่ายโบกมือเรียกจึงเดินเข้าไปหาแล้วนั่งบนเก้าอี้ตัวที่ว่างอยู่ บนโต๊ะมีกับข้าวเพียงหนึ่งอย่างทำให้คนหิวจนไส้กิ่วอย่างเขาต้องขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่สบอารมณ์"อะไรวะ ทำไมมีกับข้าวแค่อย่างเดียว แล้วไหนข้าว"ปกเกล้าตักอาหารจานนั้นเข้าปากทันทีโดยไม่รอข้าวสวย"กูสั่งไปแล้ว มึงก็รอหน่อยครับ นี่มันตอนเที่ยงคนอื่นเขาก็มากินข้าวเหมือนกัน" นรเชษฐ์พูดพลางใช้ช้อนตักอาหารมากินบ้าง"เมื่อคืนใช้แรงเยอะละสิมึง หิวโซมาเชียว"ตฤณภพพูดยิ้ม ๆ เพราะเมื่อคืนเขาเห็นปกเกล้านัวเนียอยู่กับหญิงสาวคนหนึ่งในผับ จากนั้นก็พากันออกไปข้างนอกตั้งแต่ผับยังไม่เลิก ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าปกเกล้าพาสาวสวยคนนั้นไปไหน"ตื่นมากูโคตรหิวเลย"ปกเกล้าพูดเสียงอู้อี้เพราะอาหารยังเต็มปาก เป็นเวลาเดียวกับที่พนักงานเสิร์ฟนำกับข้าวอีกสองอย่างมาวางบนโต๊ะพร้อมข้าวสวยร้อน ๆ หนึ่งโถ ชายหนุ่มจึงจัดแจงตักข้าวใส่จานตัวเองโดยไม่รอพนักงานทำให้หลังจากกินไปได้ครึ่งจานความหิวของเขาก็บรรเทาลง ปกเกล้ายกน้ำขึ้นดื่มกลั้วคอพลางมองไปรอบร้านเพราะเขาหวังว่าจะได้เจอหญิงสาวผู้เป็นเจ้าของรถดูคาติ และยังหวังด้วยว
ปกเกล้าพูดถึงโพรเจ็กต์ใหญ่ของตนที่ใช้เวลาค้นคว้าข้อมูลอยู่นานตั้งแต่ที่ตนได้แข่งกับรถดูคาติวันนั้น"โอ้โห เรื่องใหญ่เลยนะมึง งานช้างเลยนี่หว่า" แม้ปากจะพูดอย่างนั้นแต่ตาของตฤณภพกลับเป็นประกายอย่างตื่นเต้น"เราก็ต้องหาผู้ร่วมทุนไง มีบิ๊กไบค์ทางฝั่งยุโรปหลายยี่ห้อที่ไม่มีขายในไทยแต่เป็นที่นิยมในเมืองนอก ถ้าเราลองติดต่อขอเป็นตัวแทนจำหน่ายและเป็นสปอนเซอร์หลักในการปั้นนักแข่งดาวรุ่งในรุ่น MotoGP สักสองสามคน จ้างทีมช่างทีมวิศวกรที่เชี่ยวชาญเรื่องเทคโนโลยีสำหรับรถแข่งจากทางต้นสังกัดมา กูว่ามันน่าจะไปได้สวยนะ" ปกเกล้าเองก็ตื่นเต้นไม่น้อยเพราะเขาค่อนข้างมั่นใจว่างานนี้มีโอกาสประสบความสำเร็จสูง"เออว่ะ น่าสนใจนะเว้ยถึงแม้ว่าฮอนด้า ยามาฮ่า หรือคาวาซากิจะครองตลาดที่นี่ แต่กูว่ามันก็น่าจะมีคนอีกกลุ่มที่นิยมเล่นรถยุโรป ก็เหมือนรถซูเปอร์คาร์นั่นไง" นรเชษฐ์พูดจบก็เอากำปั้นยื่นไปตรงหน้าแล้วพูดอีกว่า"กูเอาด้วยว่ะเพื่อน ลุย!""ลุย!" ปกเกล้ากับตฤณภพพูดพร้อมกันพลางยื่นกำปั้นมาชนกับอีกฝ่าย"เออ กูก็ลืมถาม คราวนี้มึงพักที่ไหนวะไอ้ปก ไม่เห็นไปที่โรงแรมเลย"
"ไม่เป็นไรครับ ผมก็นึกว่าเป็นห้องวีไอพีที่ต้องจ่ายแพงหน่อยซึ่งผมยอมจ่ายอยู่แล้วถ้าวิวดีขนาดนั้น จริงสิ...แล้วอีกสี่ห้องละครับนั่นก็เป็นห้องของเจ้าของที่นี่เหมือนกันหรือ" เขาจำได้ว่ามีห้องนั้นห้องเดียวที่ไม่มีหมายเลขกำกับไว้ ส่วนอีกสี่ห้องนั้นมีอยู่"ไม่ใช่ค่ะ เป็นของเจ้านายแค่ห้องนั้นห้องเดียว ส่วนอีกสี่ห้องเปิดให้เข้าพักตามปกติ ตอนนี้ก็ยังว่างอยู่สองห้องนะคะ ถ้าคุณลูกค้าสนใจอยากเปลี่ยนห้องก็เปลี่ยนได้นะคะ"ปกเกล้ายิ้มแต่ในใจโห่ร้องอย่างยินดีพลางพูดว่า "เปลี่ยนเลยครับ ผมขอห้องที่ติดกับห้องเจ้าของเลยนะครับเพราะมันใกล้น้ำตกดี ผมชอบ""ได้ค่ะคุณลูกค้า รอสักครู่นะคะ" พนักงานสาวยิ้มอย่างสุภาพก่อนนั่งลงพิมพ์อะไรบางอย่างในคอมพิวเตอร์ ขณะที่ปกเกล้านั้นได้แต่กัดริมฝีปากตัวเองไว้เพื่อกลั้นยิ้มพลางมองไปที่รถดูคาติสีดำอย่างหมายมาดห้องวีไอพีนั้นกว้างกว่าห้องปกติประมาณสองเท่า ด้านนอกมีระเบียงและมีชุดโต๊ะเก้าอี้ตั้งไว้หนึ่งชุด ด้านในกั้นเป็นห้องนอนและห้องนั่งเล่นแยกกันเป็นสัดส่วน อีกทั้งห้องน้ำยังมีอ่างอาบน้ำให้ด้วย แต่ห้องพักปกติจะไม่มีให้เมื่อได้ย้ายมาอยู่ห้อง
เขาคิดว่าหญิงสาวตรงหน้าอายุอ่อนกว่าเขาหลายปีแน่นอน แต่เพราะยังไม่คุ้นเคยและเพิ่งคุยกันแบบเป็นเรื่องเป็นราวครั้งแรกจึงไม่กล้าแทนตัวเองว่าพี่ อีกทั้งหากเจ้าตัวสวนกลับมาว่าไม่ต้องการนับญาติด้วย เขาไม่หน้าแตกหรอกหรือ"ลินค่ะ" เธอตอบเสียงห้วนพลางตวัดตามองมาอย่างไม่สบอารมณ์ ทำเอาเขาอดยิ้มไม่ได้ ดูท่าทางผู้หญิงคนนี้เล่นตัวไม่น้อย แต่จะว่าไปเธอก็มีดีให้เล่นตัวไม่ว่าจะหน้าตาที่สวยบาดใจ รวมไปถึงรูปร่างสูงโปร่งได้สัดส่วนแต่ปกเกล้าก็คือปกเกล้า ผู้ซึ่งมีชั่วโมงบินสูงในเรื่องหญิงสาว ผู้หญิงแบบไหนบ้างที่เขาไม่เคยเจอ ต่อให้เล่นตัวหรือหยิ่งยิ่งกว่านี้เขาก็ปราบมาหมดแล้ว"ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการนะครับ ถึงแม้ว่าคุณอาจจะไม่ค่อยยินดีเท่าไร วันไหนถ้าสนใจอยากลองแข่งรถยนต์บ้างก็บอกผมได้นะครับ ผมจะได้ลงสนามด้วย""คุณแข่งรถยนต์หรือคะ" ในที่สุดหญิงสาวก็เป็นฝ่ายถามเขาบ้าง ชายหนุ่มได้แต่หัวเราะร่าอยู่ในใจ เขามั่นใจว่าวันนี้เขาต้องได้เบอร์โทรศัพท์ของเธอแน่นอน"ก็แข่งบ้างครับ แต่ก็เหมือนคุณนั่นแหละคือแข่งเป็นงานอดิเรกมากกว่า ไม่ได้ทำเป็นอาชีพ เผอิญว่าผมทำงานอยู่แถวนี้ก็
คืนนี้อลินดากับยูมิมีนัดกับเพื่อนที่สถานบันเทิงชื่อดังของตัวเมืองบุรีรัมย์ สองสาวจึงออกจากที่พักในเวลาสี่ทุ่มเศษ ประจวบเหมาะกับที่ปกเกล้าก็ออกมาจากห้องเช่นกัน ชายหนุ่มยิ้มพลางผงกศีรษะให้หญิงสาวทั้งสองคนอย่างเป็นมิตร หากแต่สายตาจับจ้องไปที่อลินดาเป็นพิเศษ และยูมิก็สังเกตเห็น จึงได้แต่ยิ้มพลางมองเพื่อนสนิทที่ยังคงปั้นหน้านิ่ง และยิ้มอย่างขอไปทีให้อีกฝ่าย"คนนี้?" ยูมิกระซิบถาม อลินดาจึงตอบรับเบา ๆ"ดูดีนี่หว่า เซอร์ ๆ แบบแบดบอยดี กูว่าเหมาะกับมึงนะ"ยูมิยังคงกระซิบกระซาบแต่อลินดาไม่พูดอะไร ได้แต่ตวัดตามองค้อนเพื่อนระหว่างที่เดินไปทางด้านหน้าของเกสต์เฮ้าส์ ซึ่งชายหนุ่มห้องข้าง ๆ ก็เดินตามหลังมาโดยเว้นระยะห่างพอประมาณเพื่อไม่ให้ดูเป็นการตามติดจนเกินไปนักครั้นพอมาถึงบริเวณที่จอดรถ อลินดาก็หันไปถามยูมิว่า"จะต่างคนต่างขี่ไปหรือว่าจะไปคันเดียวกัน"ยูมิยกมือขึ้นเท้าสะเอวพลางเอียงคอมองเพื่อนก่อนพูดว่า"คิดว่าไงล่ะ กูล้าไปทั้งตัวขนาดนี้คิดว่าจะขี่เองไหม"อลินดายิ้มพลางส่ายหน้าไปมา แต่เมื่อเห็นสายตาของเพื่อนมองไปทางด้านห
“ไม่!” เธอมองเขาตาเขียวก่อนจะรีบใส่เสื้อผ้าแล้วออกจากห้องนอนก่อนที่จะทนลูกอ้อนของเขาไม่ไหว เพราะสำหรับปกเกล้าแล้ว คำว่าแป๊บเดียวนั้นไม่เคยต่ำกว่ายี่สิบนาทีอลินดาลงไปรับภาวินกับแฟนสาวที่ล็อบบี้ชั้นล่าง สาวน้อยคนนั้นเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยอย่างที่ปกเกล้าว่าไว้จริงเสียด้วย“อ้าวลินดา อยู่กับไอ้ปกมันหรือ” ภาวินทักด้วยรอยยิ้มแต่สีหน้าเหมือนจะล้อเลียนเรื่องที่ตนลงมาช้าเพราะคงคิดว่าเธอกับปกเกล้ามัวแต่เล่นผีผ้าห่มกันอยู่บนเตียงกระมัง“เอ่อ...ค่ะ พี่ปกอาบน้ำอยู่ก็เลยให้ลินดาลงมารับ”“นี่มะลิ แฟนพี่เอง นี่พี่ลินดาแฟนพี่ปกเขาน่ะ” ภาวินแนะนำแฟนสาวให้รู้จัก อีกฝ่ายจึงยกมือไหว้พลางมองมาด้วยสายตาชื่นชมอย่างปิดไม่มิด อลินดาจึงรับไหว้และยิ้มกว้างพลางพูดว่า“ยังเด็กอยู่เลย พี่วินหลอกน้องเขามารึเปล่าคะเนี่ย”“เด็กอะไร ไม่เด็กแล้ว หน้าอ่อนเฉย ๆ หรอก แหม...เห็นพี่เป็นพวกโลลิคอนรึไง”เมื่อขึ้นมาถึงห้องพัก อลินดาจึงเดินไปหยิบน้ำมาให้แขก เป็นเวลาเดียวกับที่ปกเกล้าเดินออกมาจากห้องนอนพอดี
ปกเกล้าคลี่ยิ้มร้ายกาจ ความช่างยั่วแสนเซ็กซี่ของเธอนี่เป็นอย่างหนึ่งที่ถูกใจเขามากเช่นกัน และเขาก็ไม่รอให้เธออนุญาตหรือตั้งตัว ก้มลงจูบหญิงสาวทันทีท่ามกลางคนมากมายที่กำลังเดินออกจากผับ“โอเค ถือว่าดื่มไม่เยอะเท่าไร แต่เพื่อความปลอดภัยพี่ว่าเธอขับรถพี่กลับไปดีกว่าไหม” ไม่พูดเปล่า แต่เขาล้วงหยิบกุญแจรถจากกระเป๋ากางเกงมาใส่มือเธอด้วย เพราะสำหรับเขาแล้วความปลอดภัยไร้รอยขีดข่วนของอลินดาสำคัญที่สุด“ก็ได้” เธอหยิบกุญแจรถบิ๊กไบค์และหมวกกันน็อกของตัวเองยื่นส่งให้เขาบ้าง จากนั้นก็เดินออกไปที่ลานจอดรถรถซูเปอร์คาร์ของปกเกล้าหาไม่ยากนักเพราะน้อยคนที่จะมีรถแบบนี้ขับ หลังจากสตาร์ตเครื่องแล้วอลินดาก็ได้ยินเสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์รถบิ๊กไบค์อันแสนคุ้นหูอยู่ใกล้กับรถที่ตนนั่งอยู่ เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นปกเกล้าขี่เจ้าแพนเตอร์มาจอดรออยู่เบื้องหน้าแล้ว เธอจึงเลื่อนกระจกลงแล้วทำมือเป็นเชิงบอกให้เขาล่วงหน้าไปก่อนได้เลย เพราะเธอจะขับตามเขาไปเองปกเกล้าพยักหน้าแล้วเคลื่อนรถออกไปไม่เร็วนัก อลินดาจึงขับตามไป เมื่อชายหนุ่มเห็นว่าแฟนสาวขับตามมาแล้วจึงเร่ง
อลินดาขับรถบิ๊กไบค์คู่ใจเข้ามาจอดไว้ในบริเวณที่ทางสถานบันเทิงจัดเอาไว้ให้โดยมียูมิ เพื่อนสนิทขับอีกคันเข้ามาจอดคู่กัน ก่อนจะพากันเดินเข้าไปในผับชื่อดังของตัวเมืองบุรีรัมย์หญิงสาวอยู่ในชุดกางเกงยีนสกินนีกับเสื้อยืดพอดีตัวเช่นเคย ส่วนยูมินั้นสวมกางเกงยีนรัดรูปกับเสื้อสายเดี่ยวเอวลอยเพื่อโชว์รอยสักรูปเกอิชาบนแผ่นหลังที่เจ้าตัวแสนภาคภูมิใจอลินดามองหากลุ่มเพื่อนของตนที่นัดเอาไว้ แต่สายตาดันไปหยุดอยู่ที่โต๊ะของนักท่องราตรีกลุ่มหนึ่ง ซึ่งชายหนุ่มที่นั่งอยู่ในโต๊ะเธอก็คุ้นหน้าคุ้นตาดีทั้งสามคน แต่ที่ไม่คุ้นคือหญิงสาวอีกสามคนที่นั่งเบียดกับหนุ่ม ๆ เหล่านั้นจนแทบจะรวมร่างกันอยู่รอมร่อ“มึงเดินไปก่อนละกัน เดี๋ยวกูตามไป” อลินดาหันไปบอกเพื่อน ยูมิมองตามสายตาของอีกฝ่ายจึงแค่นยิ้มมุมปากพลางพูดว่า“ได้ แต่ถ้าจะตบก็เรียกกูด้วยละกัน พักนี้กูคัน อยากตบคน”อลินดาหัวเราะเบา ๆ แล้วพยักหน้าพูดว่า “เออ รู้แล้วน่า”จากนั้นหญิงสาวก็เดินไปยังโต๊ะที่ปกเกล้ากับเพื่อนอีกคนสองคนนั่งอยู่ เธอเห็นตั้งแต่ครั้งแรกแล้วว่าแฟ
ปกเกล้าก้าวลงจากรถสปอร์ตสีเทาดำแล้วเดินเข้าไปในคอนโดมิเนียมของแฟนสาว ขณะที่กำลังจะกดเรียกลิฟต์นั้น สายตาของชายหนุ่มก็เห็นร่างคุ้นตาของหญิงสาวที่เขาตั้งใจขับรถจากบุรีรัมย์มาหาเพราะอยากเห็นหน้า และชวนไปกินมื้อเย็นด้วยกันก่อนที่ตนจะต้องขับกลับไปทำงานที่จังหวัดบุรีรัมย์อีกครั้งอลินดากำลังยืนคุยอยู่กับชายหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งหากเป็นคนอื่นปกเกล้าคงไม่เข้าไปวุ่นวาย แต่ถ้าผู้ชายคนนั้นเป็นนครินทร์ ตำรวจหนุ่มที่จ้องจะตีท้ายครัวของตนเสมอเมื่อสบโอกาส เขาจึงไม่สามารถอยู่เฉยได้ ฉะนั้นปกเกล้าจึงเดินเข้าไปหาแฟนสาวแล้วโอบเอวของเธอพร้อมกับจูบขมับเบา ๆ เพื่อประกาศความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของทันที“ไงครับผู้กอง เพิ่งกลับหรือครับ” ปกเกล้ายิ้มให้ชายหนุ่มตรงหน้าขณะที่มือก็เลื่อนขึ้นมาโอบบ่าของอลินดาไว้“ครับ เพิ่งมาถึงก็เจอคุณลินดาพอดี” นครินทร์ยิ้มตอบ“ผู้กองเขาชวนไปกินข้าวหน้าคอนโดฯ น่ะ พี่กินอะไรมารึยังล่ะ”อลินดาหันไปถามแฟนหนุ่มพร้อมกับยิ้มบาง ๆ เมื่อเห็นอาการขี้หวงของใครบางคนกำเริบ“กินอะไรเล่า เดี๋ยวเราต้องร
“เรื่องนั้นมันก็ต้องแน่นอนอยู่แล้ว ถ้าเรามีลูกพี่ก็คงอยากให้ลูกเข้าเรียนที่กรุงเทพฯ มากกว่าเพราะใกล้ญาติพี่น้องทางนี้ เวลามีเรื่องอะไรจะได้ช่วยเหลือกันได้ง่ายกว่าอยู่บุรีรัมย์”“ถ้าเราแต่งงานกัน พี่ไปอยู่บ้านลินได้ไหมล่ะ แม่ของลินจะได้ไม่ต้องอยู่คนเดียว เพราะบ้านพี่ก็มีพี่ป้องกับพี่ก้อยอยู่ที่นั่นแล้ว”“ได้สิไม่มีปัญหา” เขายิ้มมุมปากพลางเลื่อนมือลงต่ำไปที่บั้นท้ายงามงอนแล้วเลิกชายกระโปรงของเธอขึ้นแล้วพูดว่า“แต่เราอาจต้องทำห้องนอนใหม่นะ เอาแบบที่เก็บเสียงได้ดีหน่อย ไม่อย่างนั้นแม่ของลินอาจจะนอนไม่หลับเพราะเสียงตอนพี่กระแทกเธอคงดังรบกวนท่านแน่นอน” ไม่พูดเปล่า แต่เขายังจ่ออาวุธประจำตัวเข้าที่จุดเดิมแล้วเริ่มขยับสะโพกอย่างเป็นจังหวะ มือทั้งสองข้างก็จับชายชุดกระโปรงของหญิงสาวแล้วดึงขึ้นเพื่อถอดออกไปทางศีรษะ จนในที่สุดร่างเซ็กซี่เย้ายวนที่เขาหลงใหลก็ปรากฏต่อสายตา“ไหนว่าจะนวดให้ไง” เสียงแหบพร่าของเธอกระท่อนกระแท่นไปตามแรงกระแทกกระทั้น“ขออีกยกแล้วจะนวดให้ รับรองว่าเธอจะติดใจฝีมือการนวดของ
“แล้วคิดว่าไงล่ะ” แค่เธอลูบคลำไปมา เจ้าสิ่งที่อยู่ในกางเกงก็ประกาศศักดาสู้มือทันทีราวกับสั่งได้“จะไวไฟไปแล้วนะ” อลินดาแค่นยิ้มให้แฟนหนุ่ม“ไม่ไวได้ไงเล่า พี่ไม่ได้เมกเลิฟกับเธอนานแล้วนะ กระสุนเต็มรังแล้วเนี่ยไม่ได้ยิงออกไปสักที” ปกเกล้าปลดกระดุมกางเกงยีนเพื่อปล่อยอาวุธประจำกายให้เป็นอิสระ จากนั้นก็ยกมือขึ้นแตะศีรษะหญิงสาวเป็นเชิงบอกใบ้ ซึ่งเธอรู้ดีว่าเขาหมายถึงอะไร เพราะการทำแบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรก“นานอะไรกัน ยังไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์เลย หื่นไม่เข้าเรื่อง” อลินดายิ้มมุมปาก“สามวันก็จะขาดใจแล้ว นะที่รัก” ปกเกล้าออดอ้อนเสียงอ่อน ก่อนจะครางออกมาเบา ๆ เมื่อปลายลิ้นอ่อนนุ่มที่เขาหลงใหลปัดป่ายอยู่ตรงส่วนหัวแล้วลากไล่จากโคนถึงปลาย ตามมาด้วยความอุ่นร้อนจากโพรงปากที่กำลังกลืนกินเขาเข้าไปทีละนิดจนหมดชายหนุ่มชะลอรถให้วิ่งช้าลง เขาไม่กลัวรถคันอื่นจะมองมาแล้วเห็นว่าแฟนสาวคนสวยของเขากำลังก้มหน้าทำอะไรให้เพราะกระจกติดฟิล์มดำ อีกทั้งการขับรถไปแบบเสียว ๆ นี้ทำให้เขาตื่นเต้นและอารมณ์พลุ่งพล่านถึงขีดสุด ส่งผลให้
อลินดายืนกอดอกมองคนที่กำลังเปิดประตูเข้ามาในร้านพิมาลินสปาด้วยแววตาขบขัน จำได้ว่าเมื่อวานปกเกล้าเพิ่งพูดกับเธอว่าจะไม่เข้ากรุงเทพฯ หลายวันเพราะต้องเตรียมเรื่องการจัดแข่งขันรถยนต์ให้กับสมาชิกของทริปเปิลเอกซ์ เขายังบอกเธอด้วยว่าไม่ต้องคิดถึงเขามากเกินไปจนไม่เป็นอันกินอันนอน แต่ทำไมคนพูดถึงได้มาโผล่ที่นี่เวลานี้ได้เล่า“มาทำไมคะคุณปกเกล้า” เธอถามยิ้ม ๆ“มาหาข้าวกิน ไปกินข้าวเป็นเพื่อนหน่อยสิ” พูดจบเขาก็คว้าข้อมือเธอแล้วจะดึงไปข้างนอก แต่จู่ ๆ ชายหนุ่มก็หันมาพูดว่า“ไม่กินแถวนี้นะเบื่อแล้ว ไปกินข้างนอกกันบ้างดีกว่า”หญิงสาวพยักหน้าช้า ๆ “ก็ได้ ขอไปหยิบกระเป๋าก่อนนะ”หลังจากนั้นอลินดาก็ขึ้นรถไปกับปกเกล้า ชายหนุ่มขับไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงร้านอาหารแห่งหนึ่ง หญิงสาวรู้สึกสงสัยจึงถามไปว่า“นึกยังไงถึงพามากินที่นี่ และทำไมต้องร้านนี้ด้วยล่ะ”“ความจริงแล้วพี่นัดเพื่อนไว้น่ะ”“อ้าว นัดเพื่อนไว้แล้วพี่จะลากลินมาด้วยทำไมเนี่ย”“ก็อยากพามาด้วยนี่
“ไปกินเค้กวันเกิดเว้ย” ชินดนัยตอบทั้งรอยยิ้ม“ตอนกินใส่ชุดวันเกิดด้วยละสิท่า โธ่เอ๊ย สุดท้ายก็เห็นหญิงดีกว่าเพื่อนนะมึงเนี่ย” ปกเกล้าหยิบเม็ดมะม่วงหิมพานต์ในจานกับแกล้มปาใส่เพื่อนด้วยความหมั่นไส้ แต่ชินดนัยเอาแต่ยิ้มอย่างอารมณ์ดีพลางโบกมือให้แล้วเดินจากไปเมื่อเหลือกันอยู่สามคน ปกเกล้าจึงชี้ไปที่ภาวินแล้วพูดกับหญิงสาวว่า“รู้จักเครื่องสำอางแบรนด์เอเอ็นเอสไหม คนนี้แหละคือเจ้าของ”อลินดาเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ เครื่องสำอางแบรนด์นี้ใครบ้างจะไม่รู้จัก ไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะได้มาเจอกับเจ้าของแบรนด์ตัวจริงเสียงจริง หนำซ้ำยังเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีอีกด้วย“สนใจเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้แบรนด์พี่ไหมครับ พี่ว่าน้องสวยกว่าดาราบางคนซะอีกนะ” ภาวินได้โอกาสจึงชักชวนให้มาเป็นนางแบบเครื่องสำอางแบรนด์ของตนทันที แต่สุดท้ายก็ถูกปกเกล้าเบรกตัวโก่ง“ไม่ให้เว้ย”“อ้าว มึงมีสิทธิ์อะไรไปห้ามน้องเขาเนี่ยไอ้ปก มึงเป็นอะไรกับเขา”ภาวินแกล้งโวยวาย“กูเป็นแฟนเขา ก็กูไม่ให้อะมีปัญหา
อลินดายืนกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มที่เดิม หลังจากเก็บเงินในกระเป๋าสตางค์เรียบร้อยแล้วจึงหันกลับมา เธอเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นเทรนเนอร์หนุ่มคนเดิมยืนยิ้มให้อย่างเคย“พักนี้ผมไม่ค่อยเจอคุณเลย อยู่อีกสาขาหรือครับ”“ใช่ค่ะ ดูแลสลับกันไปเรื่อย ๆ” ในเมื่อเขาชี้นำคำตอบมาให้แล้ว เธอจึงไม่จำเป็นต้องคิดหาคำตอบอื่นเพราะไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่จะต้องบอกเขาว่าตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเธอไปอยู่บุรีรัมย์ทั้งเดือน“ถึงว่าสิครับ ไม่เจอเลย ตอนแรกแอบใจหายนึกว่าคุณลาออกไปแล้วเสียอีก”“งานสมัยนี้หายากจะตาย จะลาออกทำไมละคะ”เธอมองไปทางหน้าร้านสปาของตน เห็นมีลูกค้ากำลังเดินเข้าไปจึงเอ่ยปากขอตัวกับเขา ชายหนุ่มจึงพูดว่า“ผมยังเสนอให้คุณเหมือนเดิมนะครับถ้าคุณสนใจจะนวด ผมบริการให้ฟรีเลยถ้าเป็นคุณ”ช่วงนี้อรชุมาไม่ได้เรียกใช้บริการเขาแล้วเพราะเจ้าหล่อนติดใจหมอนวดหนุ่มคนอื่น อีกทั้งพักหลังนี้อรชุมาจะติดใจการนวดแล้วนาบแบบแซนวิชที่ต้องใช้หมอนวดชายสองคน เขาจึงไม่ต้องหลอกล่อสาวสวยคนนี้ให้มาใช้บริ