"ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะคุณป้า ชมกันขนาดนี้หนูเขินเลย" อลินดายิ้มกว้างก่อนจะหันไปมองด้านในร้านแล้วหันมาพูดกับมารดา
"หนูเข้าไปดูแขกข้างในนะคะคุณแม่"
"จ้ะไปเถอะ มีอะไรก็ถามคุณแววเขาละกันนะ" ผู้เป็นมารดายิ้มให้บุตรสาว ขณะที่เกศรินนั้นมองตามอลินดาที่เดินเข้าร้านไปด้วยแววตายิ้มได้ จากนั้นก็ยื่นหน้าเข้าไปถามอรพิมเบา ๆ
"หนูลินดาน่ารักมากเลย ถามจริง ๆ นะยายพิม ลูกสาวเธอมีแฟนรึยัง"
"ยังหรอก" อรพิมตอบโดยไม่ต้องคิดพลางถอนหายใจแผ่วก่อนพูดต่อ
"ฉันกับลูกน่ะ มีอะไรก็คุยกันเปิดอกเสมอ ถ้าเขามีแฟนก็คงบอกฉันตามตรง แต่เวลาฉันถามทีไรเขาก็ได้แต่ส่ายหน้าทุกที ลินดาเคยบอกกับฉันว่าเขาจะไม่แต่งงาน เขาจะอยู่ดูแลฉัน ดูแลร้านอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ เฮ้อ...แต่หัวอกคนเป็นแม่ก็อยากให้ลูกได้เจอคนดี ๆ แล้วออกไปสร้างครอบครัวมากกว่าที่เขาจะต้องอยู่คนเดียวไปชั่วชีวิต"
"หนูลินดาเขาฝังใจเรื่องพ่อใช่ไหม" เกศรินกดเสียงให้เบาลงกว่าเดิมเพราะเรื่องนี้รับรู้กันแค่ไม่กี่คนเท่านั้น
"ใช่ ลินดาเขากลัวจะเจอผู้ชายแบบพ่อตัวเองน่ะ" เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ อรพิมก็มีสีหน้าเศร้าสลดขึ้นมาทันที เกศรินจึงบีบมือเพื่อนอย่างให้กำลังใจ
"หนูลินดาจะต้องได้เจอคนดี ๆ เข้ามาในชีวิตแน่นอนเธอเชื่อฉันสิ ถึงเขาจะฝังใจกับเรื่องพ่อมากแค่ไหน แต่ถ้าโอกาสนั้นมาถึงเขาก็อาจจะยอมเปิดใจก็ได้ เรื่องแบบนี้มันห้ามกันได้เสียที่ไหนเธอก็รู้"
อรพิมยิ้มให้เพื่อนอย่างรู้ทัน "พูดแบบนี้ แสดงว่าเธอตั้งใจอยากได้ลูกสาวฉันไปเป็นสะใภ้รึเปล่ายายเกศ"
เกศรินหัวเราะคิกคักขึ้นมาทันทีเมื่อถูกอีกฝ่ายล่วงรู้ความในใจ
"แหม ลูกชายคนเล็กของฉันก็ยังโสดนะ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วฉันขอพูดอย่างไม่ปิดบังละกัน ฉันสนใจหนูลินดาจริง ๆ เราน่าจะลองให้หนุ่มสาวคู่นี้เขาเจอกันสักครั้งนะเธอว่าดีไหม"
"ลูกชายคนเล็กของเธอนิสัยเหมือนคนโตรึเปล่า"
อรพิมถามอย่างสนใจ เพราะเคยเจอกับบุตรชายคนโตของเกศรินสองสามครั้งตอนที่อีกฝ่ายขับรถพามารดามานวดและทำสปาที่ร้าน ซึ่งนับว่าเป็นชายหนุ่มที่เพียบพร้อม มีมารยาท เอาการเอางาน และสุขุมอ่อนโยนจนน่าชื่นชม
"เอ่อ...เหมือนสิเธอ แหม พี่น้องคลานตามกันมาแท้ ๆ จะไม่เหมือนได้ยังไงล่ะ อุ๊ย! นั่นพระมาแล้วนี่นา" เกศรินรีบเบนความสนใจอีกฝ่ายไปเรื่องอื่นทันที เพราะเกรงว่าอรพิมจะซักถามเกี่ยวกับบุตรชายคนเล็กไปมากกว่านี้
เกศรินลอบถอนหายใจพลางนึกถึงบุตรชายทั้งสองของตน จะว่าไปแล้วปกเกล้าก็เหมือนปกป้องผู้เป็นพี่ชายที่รูปร่างหน้าตามีส่วนคล้ายกัน หากแต่นิสัยนั้นแตกต่างกันอย่างสุดขั้ว
ในห้องนวดส่วนตัวขนาดกะทัดรัดมีร่างอวบอิ่มตามวัยของผู้หญิงที่อายุเลยหลักหกนอนคว่ำหน้ากับเตียงโดยเปลือยช่วงบนไว้ ส่วนช่วงล่างนั้นสวมกางเกงชั้นในกระดาษที่ทางร้านเตรียมไว้ให้และมีผ้าขนหนูสีขาวปิดคลุมตั้งแต่สะโพกลงมาจนถึงน่อง คนบนเตียงปิดเปลือกตาพริ้มหากแต่มีรอยยิ้มมุมปากตลอดเวลาด้วยความพึงพอใจกับบริการที่ได้รับ
"ถ้าหนูลงน้ำหนักมือมากเกินไปจนรู้สึกเจ็บ คุณป้าก็บอกหนูได้นะคะ"
เสียงของหญิงสาวที่ค่อนข้างแหบห้าวแต่ฟังแล้วกลับมีเสน่ห์ลุ่มลึกดังขึ้นราวกระซิบ ส่งผลให้คนที่กำลังนอนหลับตาพริ้มยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม
"ไม่หนักเลยลูก กำลังดีเลยละ ตั้งแต่ป้าเข้าสปามาป้าว่าหนูน่ะนวดได้ถูกใจป้าที่สุดเลย" เกศรินพูดไปยิ้มไป ไม่ลืมหยอดคำหวานเพิ่มเข้าไปด้วยเพราะหวังผลลัพธ์ในอนาคต
"คุณป้าพอใจหนูก็ยินดีค่ะ"
"หนูลินดามาอยู่ร้านทุกวันรึเปล่าลูก" เกศรินเริ่มชวนคุยเมื่อเริ่มรู้สึกง่วงงุน
"หนูไม่ได้เข้าทุกวันค่ะ หลัก ๆ จะเป็นพี่แววอยู่ประจำร้านมากกว่า ส่วนหนูกับคุณแม่จะคอยดูโดยรวมทั้งสามสาขา อีกอย่างคือหนูเพิ่งลงหุ้นกับเพื่อนทำเกสต์เฮ้าส์ที่บุรีรัมย์ด้วย ช่วงนี้เลยต้องวิ่งขึ้นวิ่งลงระหว่างกรุงเทพฯ กับบุรีรัมย์"
ได้ยินอย่างนั้นเกศรินก็ลืมตาโพลงทันทีเพราะปกเกล้า บุตรชายคนเล็กก็เพิ่งเปิดศูนย์แต่งรถซูเปอร์คาร์ที่บุรีรัมย์เช่นกัน แต่กระนั้นเจ้าตัวก็เพียงเงียบไว้ไม่ปริปากเพราะไม่อยากให้หญิงสาวผู้เพียบพร้อมคนนี้คิดว่าตนยัดเยียดบุตรชายให้ จึงคิดว่าจะหาทางให้หนุ่มสาวทั้งคู่ได้เจอกันก่อน
"ขยันจังเลย ดีแล้วลูก ในเมื่อยังมีกำลังก็ทำไป ช่วงนี้ที่ดินที่บุรีรัมย์แพงขึ้นเป็นเท่าตัว ใครคิดจะไปลงทุนตอนนี้ป้าว่าควรจะรีบทำก่อนที่คนอื่นจะคว้าเอาไปก่อน"
อลินดายิ้มพลางรับคำอย่างแผ่วเบา ก่อนจะหยิบขวดน้ำมันกลิ่นลาเวนเดอร์มาหยดบนแผ่นหลังอีกครั้งแล้วนวดวนโดยลงน้ำหนักแต่พอดีพร้อมกับคอยคุยและตอบคำถามของลูกค้ากิตติมศักดิ์รายนี้ไปด้วย
เกศรินกลับถึงบ้านอย่างอารมณ์ดี เมื่อเดินเข้าบ้านก็เห็นบุตรชายคนเล็กนอนเหยียดยาวไปกับโซฟาในชุดเสื้อยืดเก่า ๆ กับกางเกงผ้าฝ้ายเนื้อนิ่มขายาว ตนก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายไม่ได้อาบน้ำตั้งแต่เช้าเพราะนั่นเป็นชุดที่เจ้าตัวชอบใส่นอน สายตาของปกเกล้าจับจ้องอยู่ที่จอโทรทัศน์ มือข้างหนึ่งหยิบของว่างเข้าปากราวกับไม่รับรู้การมาถึงของผู้เป็นมารดาอย่างตน ครั้นพอนึกถึงหญิงสาวที่ทั้งสวยทั้งเก่งอย่างอลินดาพลางเอาอีกฝ่ายมาจับคู่กับบุตรชายห่าม ๆ คนนี้แล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าเพราะช่างแตกต่างกันเหลือเกิน
"เจ้าปก! นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วทำไมป่านนี้ยังไม่อาบน้ำอาบท่าอีก"
ผู้เป็นมารดาเดินไปทรุดตัวนั่งบนโซฟาอีกตัวพลางขมวดคิ้วมุ่นมองบุตรชายอย่างไม่สบอารมณ์
"จะอาบทำไมตอนนี้ละครับ เอาไว้อาบทีเดียวตอนจะนอนสิ ผมก็ไม่ได้ออกไปไหนสักหน่อย ไม่อาบก็ไม่เห็นเป็นไรเลย" เจ้าตัวตอบอย่างไม่ยี่หระโดยที่สายตาไม่ละไปจากภาพยนตร์ตรงหน้า
"ซกมก! แบบนี้ไม่มีผู้หญิงที่ไหนเขาชอบหรอกนะ"
"โธ่แม่คร้าบ...ผมน่ะตัวหอมจะตายไป สาวติดตรึม แม่ก็น่าจะรู้" ปกเกล้าเงยหน้าไปยักคิ้วให้มารดา
"อายุไม่ใช่น้อยแล้วนะเจ้าปก สามสิบกว่าเข้าไปแล้ว แกควรจะลงหลักปักฐานสักทีนะแม่ว่า ไม่ใช่เอาแต่ลอยไปลอยมาควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าแบบนี้แม่ไม่ชอบเลย แม่อุตส่าห์หาคนดี ๆ มาให้แกก็ไม่ชอบเขา เฮ้อ..."
"แม่จะเครียดทำไมละครับผมยังไม่เครียดเลย ถึงเวลาเดี๋ยวมันก็มาเองนั่นแหละ ผู้หญิงดี ๆ พวกนั้นของแม่ก็ปล่อยให้เขาไปเจอคนดีคนอื่นเถอะ" ชายหนุ่มพูดพลางเบะปากเล็กน้อย
เกศรินเห็นบุตรชายไม่สนใจเรื่องหาคู่ควงจึงไม่พูดถึงอลินดาให้อีกฝ่ายฟังเพราะเกรงว่าเจ้าตัวดีจะต่อต้าน ได้แต่เก็บเรื่องของหญิงสาวไว้ในใจแล้วค่อยหาโอกาสเหมาะ ๆ ให้ปกเกล้ากับอลินดาเจอกันสักครั้ง ซึ่งแน่นอนว่างานนี้ตนต้องวางแผนให้ดีเพื่อไม่ให้บุตรชายตัวแสบจับได้แล้วหาเรื่องชิ่งหนีเหมือนคราวก่อน
"แล้วร้านใหม่ของแกที่บุรีรัมย์เป็นยังไงบ้าง" ผู้เป็นมารดาเลี่ยงไปคุยเรื่องงานของบุตรชายบ้าง
"เรียบร้อยดีครับแม่ เปิดทันตามกำหนดแน่นอน ลูกค้าที่นั่นเยอะพอ ๆ กับกรุงเทพฯ เลยเพราะที่นั่นก็เหมือนศูนย์รวมกลุ่มคนเล่นรถซูเปอร์คาร์อยู่แล้ว ถ้าคุณแม่ไม่มีธุระที่ไหนก็ลองไปดูได้นะครับ นั่งเครื่องไปลงที่อำเภอสตึกแป๊บเดียวเอง" หลังจากที่ชายหนุ่มพูดจบก็มีเสียงเล็ก ๆ ของเด็กผู้ชายดังขึ้น
"บรื้น ๆ รถแบตแมนมาแล้ว" รถไฟฟ้าสำหรับเด็กเล็กที่ทำเลียนแบบรถซูเปอร์คาร์คันจิ๋วค่อย ๆ เคลื่อนเข้ามาในห้องนั่งเล่นโดยผู้ทำหน้าที่ขับคือปกปักษ์ หลานชายหัวแก้วหัวแหวนของบ้านหลังนี้ และเป็นบุตรชายวัยสี่ขวบของปกป้องกับกวิสราเกศรินหันไปหาเจ้าของเสียงพร้อมกับยิ้มกว้างพลางลุกขึ้นเดินไปหาหลานชายตัวน้อย "ตาโป้ง มาให้ย่าหอมหน่อยเร็ว แล้วนี่อะไรกัน ได้คันใหม่มาอีกแล้วหรือ ใครซื้อให้เนี่ย"ผู้เป็นย่ามองรถคันสีแดงแปะยี่ห้อเฟอร์รารี่ที่หลานชายนั่งอยู่พลางขมวดคิ้วด้วยความสงสัย"อาปกซื้อให้คับ" เด็กน้อยตอบพลางมองหน้าผู้เป็นอาแล้วยิ้มกว้าง"เจ้าปก!" เกศรินเรียกชื่อบุตรชายอย่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน แต่ไม่อยากโวยวายเสียงดังเพราะกลัวหลานตัวน้อยจะตกใจ แต่คนถูกคาดโทษกลับยิ้มระรื่นพลางลุกขึ้นนั่งแล้วพูดกับหลานชายด้วยน้ำเสียงฮึกเหิมว่า"เป็นลูกผู้ชายทั้งทีจะมีรถคันเดียวได้ยังไง จริงไหมโป้ง""จริงคับ!" เด็กชายปกปักษ์ตอบรับอย่างขึงขังเช่นกัน ผู้เป็นย่าจึงหันไปพูดกับหลานชายว่า"ตาโป้ง ของเล่นทุกอย่างรถทุกคันที่ได้มา หนูเล่นแล้วต้องรักษาให้ดีรู้ไหมลูก อย่าเล่นทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ วันนี้เล่นคันนี้ วันพรุ่งนี้ก็เล่นคันเก่
"ไม่หรอกค่ะพี่แวว แค่ส่วนน้อยเท่านั้น เพียงแต่คนส่วนใหญ่มักจะมีภาพจำที่ติดตาว่าผู้ชายที่กล้ามใหญ่หุ่นล่ำบึ้กมักเป็นเกย์ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลยพี่ พวกเทรนเนอร์น่ะเขามีหน้าที่แนะนำการออกกำลังกายให้คนอื่น เพราะฉะนั้นตัวเองก็ต้องหุ่นดีไว้ก่อน และที่สำคัญคือต้องเฟรนด์ลี่มาก ๆ พูดเพราะช่างเอาอกเอาใจ ยิ้มง่ายคุยเก่ง เพราะแบบนี้มั้งก็เลยดูเหมือนเกย์""น้องลินดารู้ดีจังเลย เคยจ้างเทรนเนอร์หรือคะ" แวววรรณถามยิ้ม ๆ อลินดาจึงอดหัวเราะไม่ได้"เปล่าหรอกค่ะพี่ แต่ลินดามีเพื่อนเป็นเทรนเนอร์ในฟิตเนสอยู่คนหนึ่งก็เลยรู้เรื่องพวกนี้มาบ้าง"ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้คุยอะไรต่อ โทรศัพท์มือถือของอลินดาที่วางอยู่บนโต๊ะก็สั่นครืดคราดเป็นสัญญาณว่ามีคนโทร. เข้า ครั้นพอหญิงสาวเห็นชื่อผู้ที่โทรศัพท์เข้ามาจึงคว้ามันมาถือไว้แล้วเดินออกไปนอกร้านพลางกดรับสาย"ว่าไงกั๊ต""ไอ้ลิน! ข่าวดีเว้ยมึง เฮียไช้เขาดูการแข่งของมึงเมื่ออาทิตย์ก่อนแล้วเขาสนใจอยากได้มึงมาเข้าสังกัดว่ะ" น้ำเสียงตื่นเต้นของกั๊ต กฤษณะเพื่อนสนิทที่ร่วมก๊วนบิ๊กไบค์ด้วยกันโพล่งขึ้นมาตามสายทำให้คนที่ฟังอยู่ถึงกับเบิกตากว้าง"เฮ้ยถามจริง มึงอำกูรึเปล่าเนี่ย
ช่วงกลางดึกของคืนหนึ่งบนถนนมิตรภาพมุ่งหน้าสู่กรุงเทพมหานคร รถสปอร์ตสีเทาดำกำลังพุ่งทะยานไปข้างหน้าราวกับติดจรวด เสียงเครื่องยนต์จากรถที่มีสมรรถนะแปดร้อยแรงม้าดังกระหึ่มไปตามเส้นทางที่รถเฟอร์รารี่คันนี้แล่นผ่าน หากแต่คนที่นั่งอยู่ในรถกลับได้ยินเพียงเสียงเพลงที่เปิดอยู่ภายในห้องโดยสารเท่านั้นปกเกล้าขับรถไปฮัมเพลงไปอย่างอารมณ์ดี การขับรถบนถนนโล่งในช่วงกลางดึกแบบนี้เป็นกิจกรรมที่เขาโปรดปรานเป็นที่สุด ยิ่งถ้าขับบนถนนต่างจังหวัดเขายิ่งชอบเพราะรถไม่พลุกพล่านเหมือนเมืองใหญ่ เขาไม่ชอบขับรถในกรุงเทพฯ เพราะหาถนนโล่ง ๆ ได้ยาก ลูกชายสุดที่รักของเขาเป็นถึงเฟอร์รารี่แปดร้อยแรงม้า จะให้ติดแหงกอยู่บนถนนที่สามารถเคลื่อนที่ได้ไม่เกินหกสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงทุกวันคงน่าเบื่อแย่ดังนั้นทุกสุดสัปดาห์ชายหนุ่มจึงมักหาเรื่องพารถคู่ใจออกมาโลดแล่นปล่อยพลังให้เต็มที่ตามถนนในต่างจังหวัด ประจวบเหมาะกับที่ช่วงนี้ปกเกล้ากำลังมีโครงการจะเปิดศูนย์ซ่อมและตกแต่งรถซูเปอร์คาร์ที่จังหวัดบุรีรัมย์ เขาจึงถือโอกาสนี้มาลองรถบนถนนหลวงอยู่หลายครั้ง"อ้าวเฮ้ย!"ชายหนุ่มขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อมองเห็นแต่ไกลว่าไฟจราจรสี่แยก
Ducati Monster 821 สีดำคันใหม่เอี่ยมเลี้ยวเข้าไปในคอนโดมิเนียมในเวลาที่เข็มสั้นของนาฬิกาชี้ที่เลขสาม พนักงานรักษาความปลอดภัยรีบกดปุ่มเพื่อยกไม้กั้นขึ้นให้ทันทีเพราะรู้ดีว่าผู้ที่เป็นเจ้าของรถบิ๊กไบค์คันนี้เป็นใคร จากนั้นก็ยืนยิ้มร่าทำความเคารพด้วยการตะเบ๊ะพร้อมกับพูดว่า"เชิญครับลูกพี่"ผู้ที่นั่งคร่อมอยู่บนรถจักรยานยนต์เปิดหน้ากากหมวกกันน็อกขึ้นแล้วยกมือให้ข้างหนึ่งเพื่อทักทายกลับโดยไม่พูดอะไร ก่อนจะขับเข้าไปด้านในโดยมีสายตาของพนักงานคนเดิมมองตามไปด้วยความชื่นชม"จุ๊ ๆ โคตรสวยเลย เมื่อไรจะมีวาสนาได้ขับดูคาติกับเขาบ้างวะกู"พูดจบก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างปลงตก เพราะรู้ดีว่ารถซูเปอร์ไบค์คันที่เพิ่งขับผ่านหน้าไปนั้นราคาเท่าไร ลำพังเงินเดือนแค่หมื่นต้น ๆ อย่างตน ชาตินี้ทั้งชาติคงไม่มีโอกาสได้เป็นเจ้าของอลินดาขับรถเข้าไปจอดที่ประจำของตน หลังจากดับเครื่องแล้วก็ลงมายืนข้างรถพร้อมกับถอดหมวกกันน็อกออกมาถือไว้ เผยให้เห็นใบหน้ารูปไข่ และเครื่องหน้าที่สวยจัดแม้จะไม่ได้แต่งแต้มเครื่องสำอางเลยแม้แต่น้อย หญิงสาวบิดคอไปมาสองสามครั้งเพื่อคลายความเมื่อยขบ ก่อนจะเดินไปทางโถงหน้าลิฟต์พลางเปิดกระเป๋าเป้เพื่อ