"ไม่เป็นไรครับ ผมก็นึกว่าเป็นห้องวีไอพีที่ต้องจ่ายแพงหน่อยซึ่งผมยอมจ่ายอยู่แล้วถ้าวิวดีขนาดนั้น จริงสิ...แล้วอีกสี่ห้องละครับนั่นก็เป็นห้องของเจ้าของที่นี่เหมือนกันหรือ" เขาจำได้ว่ามีห้องนั้นห้องเดียวที่ไม่มีหมายเลขกำกับไว้ ส่วนอีกสี่ห้องนั้นมีอยู่
"ไม่ใช่ค่ะ เป็นของเจ้านายแค่ห้องนั้นห้องเดียว ส่วนอีกสี่ห้องเปิดให้เข้าพักตามปกติ ตอนนี้ก็ยังว่างอยู่สองห้องนะคะ ถ้าคุณลูกค้าสนใจอยากเปลี่ยนห้องก็เปลี่ยนได้นะคะ"
ปกเกล้ายิ้มแต่ในใจโห่ร้องอย่างยินดีพลางพูดว่า "เปลี่ยนเลยครับ ผมขอห้องที่ติดกับห้องเจ้าของเลยนะครับเพราะมันใกล้น้ำตกดี ผมชอบ"
"ได้ค่ะคุณลูกค้า รอสักครู่นะคะ" พนักงานสาวยิ้มอย่างสุภาพก่อนนั่งลงพิมพ์อะไรบางอย่างในคอมพิวเตอร์ ขณะที่ปกเกล้านั้นได้แต่กัดริมฝีปากตัวเองไว้เพื่อกลั้นยิ้มพลางมองไปที่รถดูคาติสีดำอย่างหมายมาด
ห้องวีไอพีนั้นกว้างกว่าห้องปกติประมาณสองเท่า ด้านนอกมีระเบียงและมีชุดโต๊ะเก้าอี้ตั้งไว้หนึ่งชุด ด้านในกั้นเป็นห้องนอนและห้องนั่งเล่นแยกกันเป็นสัดส่วน อีกทั้งห้องน้ำยังมีอ่างอาบน้ำให้ด้วย แต่ห้องพักปกติจะไม่มีให้
เมื่อได้ย้ายมาอยู่ห้องวีไอพี ปกเกล้าก็อดมองไปทางห้องพักที่อยู่ถัดไปไม่ได้ ตอนที่ยังไม่รู้ว่าหญิงสาวคนนั้นพักอยู่ที่นี่ เขากะว่าจะกลับมานอนพักสักสองสามชั่วโมงแล้วค่อยออกไปเจอเพื่อนตามนัด แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนใจแล้ว
ปกเกล้าตัดสินใจนั่งเอนหลังพักผ่อนอยู่ที่ระเบียงเพื่อดักรอเจอ แม้สายตาจะมองไปเบื้องหน้าที่เป็นน้ำตกและบ่อปลาคาร์ฟหลากสี หากแต่ความสนใจของเขากลับอยู่ที่ห้องพักด้านซ้ายมือ
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าสาวดูคาติคนนั้นจะออกมาจากห้อง กระนั้นปกเกล้าก็ยังนั่งอยู่ที่เดิม และคงเพราะบรรยากาศร่มรื่นราวกับได้เข้าไปอยู่ใจกลางป่าเขาลำเนาไพร หนังตาของเขาจึงดูเหมือนหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็เผลอหลับไปทั้งอย่างนั้น
อลินดาค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างเกียจคร้านเมื่อได้ยินเสียงข้อความเข้ามาที่โทรศัพท์มือถือ หญิงสาวกลิ้งตัวไปอีกด้านของเตียงแล้วยื่นมือไปคว้าโทรศัพท์ที่วางไว้บนโต๊ะมากดเปิดอ่าน
Yumi : ซื้อของโปรดแช่ไว้ให้ในตู้เย็น แต่อย่าล่อจนหมดล่ะ
หญิงสาวคลี่ยิ้มกว้างเมื่ออ่านจบเพราะของโปรดที่ว่าก็คือไวน์แดงยี่ห้อหนึ่ง จากนั้นก็พิมพ์ข้อความตอบกลับไป
A Linda : จะเหลือทำไม เดี๋ยวมันบูด
Yumi : เหลือไว้ให้กูไง กูจะกินด้วย
A Linda : ก็รีบกลับมาดิ อยู่ไหนแล้วเนี่ย
Yumi : โคราชแล้ว
A Linda : เออ จะรอ
Yumi : ห้ามหมดนะนังลิน ถ้ากินหมดกูจะแช่งให้มึงมีผัวภายในสามเดือนหกเดือน
อลินดายู่หน้าใส่โทรศัพท์ทันที ก่อนจะส่งสติ๊กเกอร์รูปชูนิ้วกลางไปให้ยูมิ เพื่อนสนิทที่เป็นหุ้นส่วนอีกคนหนึ่งในการทำเกสต์เฮ้าส์แห่งนี้ด้วยกัน
หญิงสาววางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมก่อนจะลุกขึ้นไปล้างหน้าแปรงฟันในห้องน้ำ อีกหลายชั่วโมงกว่าจะได้เวลากินมื้อเย็น ดังนั้นระหว่างรอ เธอจึงหยิบหนังสือนิยายแนวฆาตกรรมสืบสวนสอบสวนที่นำติดตัวมาจากบ้านออกไปนั่งอ่านที่ระเบียงหน้าห้อง โดยก่อนออกไปก็ไม่ลืมหยิบเบียร์กระป๋องที่แช่ในตู้เย็นติดมือไปด้วย
ปกเกล้าสะดุ้งตื่นขึ้นเมื่อได้ยินเสียงปิดประตูจากห้องพักที่อยู่ใกล้กัน เขาหันมองไปทางต้นเสียงด้วยความงัวเงียจนกระทั่งได้สบตากับสาวสวยคนหนึ่งที่กำลังเบิกตากว้างมองมาทางตนราวกับตกใจ จากนั้นเจ้าตัวก็ยกมือไหว้เขาพลางส่งยิ้มแหยมาให้
"ต้องขอโทษด้วยนะคะที่เสียงดัง เมื่อกี้ลมมันแรงค่ะ"
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะยังไม่ตื่นดี หรือเพราะมัวแต่ตกตะลึงที่ได้เห็นหน้าหญิงสาวในระยะใกล้ แต่กระนั้นก็ทำให้ปกเกล้าถึงกับทำอะไรไม่ถูกอยู่บ้างนอกจากมองหน้าเธอนิ่งงันอยู่อย่างนั้น
"เอ่อ...ไม่...ไม่เป็นไรครับ" ครั้นพอตั้งหลักได้แล้ว ชายหนุ่มก็ยกมือขึ้นถูหน้าตัวเองแรง ๆ จนตื่นเต็มตา และหลังจากที่สมองแจ่มใส องค์ขุนแผนแสนเสน่ห์ก็เข้าประทับร่างทันที
"ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าเราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนรึเปล่า ผมรู้สึกคุ้นหน้าคุณจัง" เขารู้ดีว่ามุขจีบสาวประโยคนี้นั้นห่วยแสนห่วย แต่ก็ถือว่าเป็นประโยคคลาสสิกที่ทำให้เป็นจุดเริ่มต้นของบทสนทนาในตอนถัดไป
"หืม..." เธอส่งเสียงในลำคอเบา ๆ พลางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย หากแต่ปกเกล้าก็มองออกว่าความเกรงใจและเป็นมิตรของหญิงสาวก่อนหน้านี้นั้นเริ่มหายไปแล้ว แต่ถูกแทนที่ด้วยสีหน้าและสายตาที่มองเขาราวกับรู้ทัน
"คิดว่าไม่ค่ะ" เธอตอบมาสั้น ๆ ยิ่งเสียงของเธอแหบห้าวเล็กน้อยก็ยิ่งฟังดูห้วนอย่างช่วยไม่ได้
ปกเกล้ามองหญิงสาวทรุดตัวนั่งบนเก้าอี้พลางวางกระป๋องเบียร์ไว้บนโต๊ะตรงหน้าแล้วไม่หันมามองเขาอีก ขณะที่เขาก็อดยิ้มออกมาไม่ได้เมื่อเห็นเครื่องดื่มที่เธอนำติดมือออกมาด้วย
...จัดเบียร์แต่หัววันเลยนะแม่คุณ...
"จะไม่ลองนึกดูหน่อยหรือครับ ผมคิดว่าเราเพิ่งได้เจอกันเมื่อไม่กี่วันก่อนนี่เองนะ" ชายหนุ่มยิ้มแบบไม่เห็นฟันเมื่อเห็นหญิงสาวหันมามองหน้าตนในที่สุด ดังนั้นเขาจึงทบทวนความจำให้เธอด้วยประโยคที่คิดว่าเจ้าหล่อนต้องจำได้แน่
"สักตาไหมน้อง"
ตามคาด เพราะทันทีที่เขาพูดจบหญิงสาวก็เบิกตากว้างอ้าปากค้างพร้อมกับชี้มาทางเขาด้วยความตกใจ
"เป็นคุณหรือ!"
ปกเกล้ายิ้มกว้างพลางยกมือขึ้นกอดอกแล้วเอนตัวไปพิงเสา สายตาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าสวยจัดนั้นอย่างไม่วางตา เขามองออกว่าตอนนี้เธอไม่ได้แต่งหน้า แม้กระทั่งแป้งฝุ่นก็ไม่ได้ทาด้วยซ้ำเพราะหยดน้ำยังเกาะอยู่ตามคิ้ว หน้าผากและแก้มบางส่วนอยู่เลย เห็นชัดว่าหญิงสาวล้างหน้าเสร็จก็ออกมาจากห้องทันทีโดยไม่ยอมเช็ดให้แห้ง
"เดี๋ยวนะ คุณจำฉันได้ยังไง วันนั้นฉันใส่หมวกกันน็อกอยู่นะ คุณเห็นแค่ครึ่งหน้าเท่านั้นตอนที่ฉันเปิดหน้ากากออก"
หญิงสาวยังนั่งอยู่ที่เดิม ไม่ยอมเดินเข้ามาคุยกับเขาใกล้ ๆ น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นฟังดูคาดคั้นกึ่งหาเรื่องเล็กน้อย ทำให้เขาอดหวั่นใจไม่ได้ว่าสาวสวยคนนี้จะเป็นทอมหรือเปล่า
สวยเซ็กซี่ขนาดนี้ ภาวนาอย่าให้มีรสนิยมแบบหญิงรักหญิงเลย เขายังไม่อยากยอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มต้น เพราะเรื่องรสนิยมหรือความชอบเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่สามารถเปลี่ยนแปลงกันได้โดยง่าย
"ความจริงแล้วผมก็ไม่มั่นใจนักหรอก เพราะผมก็เห็นหน้าแค่ครึ่งบนของคุณเท่านั้น ถ้าให้ตอบตามความจริงก็คือสิ่งที่ผมจำได้น่ะเป็นรถของคุณมากกว่า" เขาพยักพเยิดไปทางด้านหน้าโรงแรมแล้วพูดต่อ
"Ducati Monster 821 รุ่นล่าสุดเสียด้วย" พูดจบเขาก็ยิ้มกว้างอีกครั้งเมื่อเห็นเธอพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะฝืนยิ้มให้เขาอย่างเสียไม่ได้
"เป็นนักแข่งสังกัดไหนหรือครับ"
เขาชวนเธอคุยต่อโดยจงใจพูดเกี่ยวกับเรื่องที่หญิงสาวตรงหน้าให้ความสนใจ ซึ่งก็คงไม่พ้นเรื่องของการแข่งรถ หรือบิ๊กไบค์
"ตอนนี้ยังไม่มีสังกัดค่ะ ฉันแค่มือสมัครเล่น ไม่ได้คิดจะแข่งเป็นอาชีพ"
เธอตอบมาด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยจนเขาเดาไม่ออกว่าเธออยู่ในอารมณ์ไหน อีกทั้งยังไม่มองหน้าเขาแต่ดวงตาเรียวสวยคู่นั้นกลับมองเหม่อไปเบื้องหน้าอย่างไม่เจาะจงว่ามองอะไร
"ก็แปลว่าไม่ได้อยู่ที่นี่ ปกติอยู่กรุงเทพฯ หรือครับ...เออใช่ ผมนี่แย่จริง คุยมาตั้งนานยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย ผมชื่อปกครับ แล้วคุณ..."
เขาคิดว่าหญิงสาวตรงหน้าอายุอ่อนกว่าเขาหลายปีแน่นอน แต่เพราะยังไม่คุ้นเคยและเพิ่งคุยกันแบบเป็นเรื่องเป็นราวครั้งแรกจึงไม่กล้าแทนตัวเองว่าพี่ อีกทั้งหากเจ้าตัวสวนกลับมาว่าไม่ต้องการนับญาติด้วย เขาไม่หน้าแตกหรอกหรือ"ลินค่ะ" เธอตอบเสียงห้วนพลางตวัดตามองมาอย่างไม่สบอารมณ์ ทำเอาเขาอดยิ้มไม่ได้ ดูท่าทางผู้หญิงคนนี้เล่นตัวไม่น้อย แต่จะว่าไปเธอก็มีดีให้เล่นตัวไม่ว่าจะหน้าตาที่สวยบาดใจ รวมไปถึงรูปร่างสูงโปร่งได้สัดส่วนแต่ปกเกล้าก็คือปกเกล้า ผู้ซึ่งมีชั่วโมงบินสูงในเรื่องหญิงสาว ผู้หญิงแบบไหนบ้างที่เขาไม่เคยเจอ ต่อให้เล่นตัวหรือหยิ่งยิ่งกว่านี้เขาก็ปราบมาหมดแล้ว"ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการนะครับ ถึงแม้ว่าคุณอาจจะไม่ค่อยยินดีเท่าไร วันไหนถ้าสนใจอยากลองแข่งรถยนต์บ้างก็บอกผมได้นะครับ ผมจะได้ลงสนามด้วย""คุณแข่งรถยนต์หรือคะ" ในที่สุดหญิงสาวก็เป็นฝ่ายถามเขาบ้าง ชายหนุ่มได้แต่หัวเราะร่าอยู่ในใจ เขามั่นใจว่าวันนี้เขาต้องได้เบอร์โทรศัพท์ของเธอแน่นอน"ก็แข่งบ้างครับ แต่ก็เหมือนคุณนั่นแหละคือแข่งเป็นงานอดิเรกมากกว่า ไม่ได้ทำเป็นอาชีพ เผอิญว่าผมทำงานอยู่แถวนี้ก็
คืนนี้อลินดากับยูมิมีนัดกับเพื่อนที่สถานบันเทิงชื่อดังของตัวเมืองบุรีรัมย์ สองสาวจึงออกจากที่พักในเวลาสี่ทุ่มเศษ ประจวบเหมาะกับที่ปกเกล้าก็ออกมาจากห้องเช่นกัน ชายหนุ่มยิ้มพลางผงกศีรษะให้หญิงสาวทั้งสองคนอย่างเป็นมิตร หากแต่สายตาจับจ้องไปที่อลินดาเป็นพิเศษ และยูมิก็สังเกตเห็น จึงได้แต่ยิ้มพลางมองเพื่อนสนิทที่ยังคงปั้นหน้านิ่ง และยิ้มอย่างขอไปทีให้อีกฝ่าย"คนนี้?" ยูมิกระซิบถาม อลินดาจึงตอบรับเบา ๆ"ดูดีนี่หว่า เซอร์ ๆ แบบแบดบอยดี กูว่าเหมาะกับมึงนะ"ยูมิยังคงกระซิบกระซาบแต่อลินดาไม่พูดอะไร ได้แต่ตวัดตามองค้อนเพื่อนระหว่างที่เดินไปทางด้านหน้าของเกสต์เฮ้าส์ ซึ่งชายหนุ่มห้องข้าง ๆ ก็เดินตามหลังมาโดยเว้นระยะห่างพอประมาณเพื่อไม่ให้ดูเป็นการตามติดจนเกินไปนักครั้นพอมาถึงบริเวณที่จอดรถ อลินดาก็หันไปถามยูมิว่า"จะต่างคนต่างขี่ไปหรือว่าจะไปคันเดียวกัน"ยูมิยกมือขึ้นเท้าสะเอวพลางเอียงคอมองเพื่อนก่อนพูดว่า"คิดว่าไงล่ะ กูล้าไปทั้งตัวขนาดนี้คิดว่าจะขี่เองไหม"อลินดายิ้มพลางส่ายหน้าไปมา แต่เมื่อเห็นสายตาของเพื่อนมองไปทางด้านห
ยูมิหัวเราะเมื่อเห็นสีหน้าเพื่อน ก่อนยื่นหน้าเข้าไปกระซิบข้างหูอลินดา"โบราณว่าไว้เกลียดอย่างไหนมักได้อย่างนั้นนะเพื่อนรัก"ท่าทางกระซิบกระซาบหยอกเย้าของสองสาวที่กำลังเดินเข้ามานั้นได้ตกเป็นเป้าสายตาของหนุ่ม ๆ โต๊ะหนึ่ง ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นปกเกล้า นรเชษฐ์และตฤณภพ สองคนหลังนั้นอ้าปากค้างและคิ้วขมวดมุ่น แต่ปกเกล้ากลับมองด้วยวาววาม อีกทั้งมุมปากยังยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเล็กน้อย"ไม่จริงน่า สุดสวยของกูเป็นเลสเบี้ยนหรือวะ" ตฤณภพโอดครวญด้วยความเสียดาย"เฮ้ย เขาอาจจะแค่สนิทกันเฉย ๆ ก็ได้ ผู้หญิงส่วนใหญ่ก็มักเป็นแบบนี้ไม่ใช่หรือวะ" นรเชษฐ์แย้งขึ้นพลางมองปกเกล้าที่กำลังจับจ้องสาวสวยคนนั้นไม่วางตา"สนิทกันเฉย ๆ อะไรของมึง เขาจะจูบกันอยู่แล้วมึงไม่เห็นรึไงไอ้นิค"ตฤณภพบุ้ยหน้าไปทางสองสาวที่กำลังเดินไปยังโต๊ะของชายหนุ่มกลุ่มหนึ่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นเขาจำได้ว่าเป็นเจ้าของร้านอาหารที่ตนไปกินวันนี้"หรือไม่ก็อาจจะเป็นแฟนของคนใดคนหนึ่งในกลุ่มนั้น หรือมึงคิดว่าไงไอ้ปก" นรเชษฐ์เห็นปกเกล้านั่งเงียบไม่พูดอะไร สายตาเอาแต่มองไปทางนั้นตลอดเวลาจ
"แล้วเมื่อกี้ตอนเจอกันที่ลานจอดรถนะมึงเอ๊ย พอเห็นหน้าไอ้ลินเท่านั้นแหละ มันรีบวิ่งกระดิกหางพั่บ ๆ เข้ามาหาเลย หน้าแม่งโคตรหื่น ขนาดเมียขี้หึงสุด ๆ นะนั่น" ยูมิเบะปากอย่างรังเกียจ"ระวังตัวไว้หน่อยก็ดี ถ้ามึงปฏิเสธมัน ร้อยทั้งร้อยกูว่ามันไม่พอใจแน่นอน และถ้ามันหมายหัวมึงเมื่อไร มันลงมือไม่สนวิธีจริง ๆ ไอ้ห่านั่นน่ะ"ประวุธเตือนด้วยความเป็นห่วงเพราะรู้ดีว่าเฮียไช้มีอิทธิพลในละแวกนี้มากแค่ไหน กระทั่งตำรวจยังเกรงใจ ฉะนั้นหากมีเรื่องกันขึ้นมาจริง แน่นอนว่าฝ่ายที่ต้องเสียเปรียบก็คืออลินดาคนที่อาจถูกหมายหัวได้แต่ถอนหายใจ รู้สึกไม่สบอารมณ์จนพานหมดสนุก ได้แต่นั่งมองไปเรื่อยเปื่อยโดยมียูมิเต้นไปตามจังหวะเพลงอยู่ข้างตัว ส่วนเพื่อนชายทั้งสามคนก็นั่งคุยสัพเพเหระซึ่งอลินดาก็เอ่ยปากแจมบ้างในบางเรื่องอลินดาเห็นแก้วของตัวเองเหลือแต่น้ำแข็งแล้วจึงคิดจะชงเครื่องดื่มให้ตัวเองอีกครั้ง แต่จู่ ๆ ประวุธก็แย่งแก้วของหญิงสาวไปถือไว้พร้อมกับปรามเสียงต่ำ"พอแล้ว เดี๋ยวก็เมาหรอก ต้องขับรถด้วยไม่ใช่หรือ""ตั้งแต่มานั่งเนี่ยเพิ่งจะเติมไปแก้วที่สองเองนะเปลว"อลินด
แน่นอนว่าผู้ที่ทำหน้าที่เป็นการ์ดประจำผับก็มองตรงนี้ออกเช่นกัน แม้จะคับแค้นจนอกแทบระเบิดเพราะเจ็บทั้งตัวเจ็บทั้งใจแถมรถยังล้มอีก แต่เขาก็รู้ดีว่าตนไม่สามารถหาเรื่องอีกฝ่ายได้เพราะหากเจ้าของรถเฟอร์รารี่เรียกเงินค่าซ่อมรถขึ้นมาแล้วเขาจะมีปัญญาหาเงินจากไหนไปจ่ายกันเล่า ดีไม่ดีอาจต้องตกงาน ดังนั้นเขาจึงได้แต่เงียบปกเกล้าเห็นคู่กรณีไม่พูดไม่จาอะไร ทว่ามองจากสายตาก็รู้แล้วว่าโกรธจนแทบคลั่งแต่ทำอะไรเขาไม่ได้เพราะเขารู้สถานที่ทำงานของอีกฝ่ายจึงตั้งใจยกมาขู่ แต่เขาเองก็ไม่ใช่คนที่ชอบต้อนเหยื่อจนไร้ทางออก เมื่อเห็นว่าจัดการข่มคนตรงหน้าได้แล้วเขาจึงเป็นฝ่ายถอยออกมาก่อน"นี่กูเห็นว่ามึงก็เจ็บตัวนะถึงได้ไม่คิดเอาเรื่อง คราวหน้าถ้ากูเจอแบบนี้อีกนะ..."ปกเกล้าไม่พูดต่อ แต่ชี้ไปที่อีกฝ่ายด้วยสายตากดดันและข่มขู่ ก่อนจะเดินกลับไปขึ้นรถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็วจนเสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่ม ครั้นพอใกล้ถึงที่พักชายหนุ่มจึงลดความเร็วลงก่อนเลี้ยวเข้าไปจอดในลอยชายเกสต์เฮ้าส์ หลังจากดับเครื่องแล้วจึงลงมายืนข้างรถ เห็นดูคาติสีดำจอดอยู่ที่เดิมที่เคยจอดก็อดยิ้มมุมปากไม่ได้บัญชีนี้เข
เสียงแหลมแสบแก้วหูที่โพล่งขึ้นอย่างกะทันหันทำให้เฮียไช้สะดุ้งเล็กน้อย เขาลอบกลอกตามองเพดานอย่างเอือมระอาแต่ก็ต้องเก็บอาการเอาไว้แล้วหันไปยิ้มแป้นอย่างประจบให้ภรรยาแม้ว่าในใจจะอยากตบอีกฝ่ายจนลงไปนอนกองกับพื้นแต่เขาก็ไม่สามารถทำได้"สองคนนั้นเขาเป็นแฟนกันต่างหากเล่า เฮียเรียกให้มาที่นี่ก็เพราะจะคุยเรื่องที่เฮียอยากให้เขามาเป็นนักแข่งในสังกัด เมื่ออาทิตย์ก่อนที่เอชเคเซอร์กิตจัดให้สมาชิกมาแข่งบิ๊กไบค์แล้วเขาลงแข่งด้วย เฮียเห็นว่ามีแววน่าจะปั้นให้ดังได้ก็เลยเรียกมาคุยดู""ใช่เร้อ...ดูท่าทางไม่น่าจะใช่นักแข่ง ไม่ใช่เพราะเห็นว่ามันสวยหรือ เฮีย ถึงได้อยากเรียกเข้ามาคุย คิดอะไรอยู่อย่านึกว่าไม่รู้นะ"เธอชี้หน้าเขาอย่างคาดโทษ ตอนเห็นผู้หญิงคนนั้นเดินออกจากห้องเธอยังอดตะลึงไม่ได้ แล้วมีหรือที่สามีของเธอจะให้เป็นแค่นักแข่งในสังกัด ไม่มีทาง!"รุ้ง เฮียเรียกมาคุยเรื่องเป็นนักแข่งจริง ๆ แต่เขาไม่เอาเพราะเขาทำงานอยู่กรุงเทพฯ แล้วสองคนนี้เขาเป็นแฟนกันจริง ๆ เมื่อคืนเฮียก็เห็นเขาเดินกอดกันอยู่ในผับ คนที่สวย ๆ นั่นน่ะห้าวจะตาย เสียงยังห้าวเลย"เฮียไช
คิดแล้วก็อดนึกถึงคำพูดประโยคเด็ดของยูมิขึ้นมาไม่ได้...ทุกข์ของคนเกิดมาหน้าตาดีขณะที่อลินดากำลังนั่งมองไปที่สนามอยู่คนเดียว จู่ ๆ เก้าอี้ข้างตัวเธอก็มีใครบางคนมานั่ง หญิงสาวไม่ได้หันไปมองเขา เพียงใช้หางตามองผ่าน ๆ จึงรู้ว่าเป็นผู้ชาย เห็นดังนั้นเธอจึงถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย"บังเอิญจัง ไม่คิดว่าจะได้เจอคุณที่นี่"เสียงทุ้มคุ้นหูของคนข้างกาย ทำให้อลินดาต้องหันไปมองหน้าเขาอย่างเสียไม่ได้ ครั้นพอเห็นว่าเป็นชายหนุ่มข้างห้อง เธอจึงเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย เพราะในสนามเป็นรายการแข่งขันรถจักรยานยนต์ แต่เขาขับซูเปอร์คาร์จึงไม่น่าจะมานั่งอยู่ตรงนี้ได้"แถวบ้านผมเรียกบุพเพสันนิวาส หนีกันไม่พ้น"ปกเกล้ายิ้มพรายเต็มวงหน้า ยิ่งเห็นเธอขมวดคิ้วใส่และมองเขาเหมือนตัวประหลาด รอยยิ้มของชายหนุ่มก็ยิ่งกว้างขึ้น"แถวบ้านฉันเรียกเวรกรรมตามติดค่ะ ต้องกรวดน้ำคว่ำขันถึงจะหลุดพ้น" พออลินดาพูดจบ เขาก็หัวเราะออกมาเบา ๆ แล้วพูดว่า"ก็แสดงว่าชาติก่อนเราเคยเกี่ยวดองกัน ชาตินี้ถึงได้มาพัวพันกันอีกไง""พัวพันหรือตามจองเวรกันแน่"หญิงสาวตวัดตามองค้อน
เฮียไช้หัวคิ้วกระตุกไปเล็กน้อยด้วยความไม่สบอารมณ์ แต่ก็ยังฝืนแสดงสีหน้ายิ้มแย้มออกมา"อ้อ มิน่าล่ะหนูลินถึงปฏิเสธท่าเดียว ที่แท้ก็เพราะผู้ปกครองไม่อนุญาตนี่เอง"อลินดาคร้านจะสนใจกับการคุยกันระหว่างผู้ชายทั้งสองคนเพราะเวลานี้เธอเป็นห่วงยูมิมากกว่าจึงหันไปบอกปกเกล้าว่า"ฉันจะไปหายูมิ""ไปด้วยกัน...ไปก่อนนะเฮียไช้ แล้วเจอกัน"ชายหนุ่มพยักหน้าให้เฮียไช้ก่อนจะเดินโอบเอวของอลินดาเดินผ่านไปโดยไม่หันกลับมามองอีก จึงไม่เห็นว่าตอนนี้สีหน้าของเฮียไช้นั้นแดงก่ำด้วยความโกรธ และรู้สึกเสียหน้าที่ปกเกล้าทำเหมือนไม่เห็นตนอยู่ในสายตาทั้งที่อีกฝ่ายอายุน้อยกว่าหลายปี"สักวันเถอะมึง กูจะให้มึงกราบตีนกูเพื่อร้องขอชีวิตให้ได้ ไอ้ปก!""ปล่อยได้แล้ว" ไม่พูดเปล่า แต่อลินดายังปัดมือของปกเกล้าออกจากเอวของตัวเองอย่างแรง ครั้นพอชายหนุ่มเห็นมือของตัวเองแล้วก็ทำทีเป็นร้องเสียงหลง"โห! นี่เล่นถึงกับเลือดตกยางออกเลยหรือเนี่ย ทำคุณบูชาโทษแท้ ๆ ไอ้เรารึอุตส่าห์หวังดีให้รอดพ้นจากปากเหยี่ยวปากกา แล้วคุณตอบแทนผมด้วยการจิกจนเนื้อเกือบหลุดเนี่ยนะ"
“ไม่!” เธอมองเขาตาเขียวก่อนจะรีบใส่เสื้อผ้าแล้วออกจากห้องนอนก่อนที่จะทนลูกอ้อนของเขาไม่ไหว เพราะสำหรับปกเกล้าแล้ว คำว่าแป๊บเดียวนั้นไม่เคยต่ำกว่ายี่สิบนาทีอลินดาลงไปรับภาวินกับแฟนสาวที่ล็อบบี้ชั้นล่าง สาวน้อยคนนั้นเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยอย่างที่ปกเกล้าว่าไว้จริงเสียด้วย“อ้าวลินดา อยู่กับไอ้ปกมันหรือ” ภาวินทักด้วยรอยยิ้มแต่สีหน้าเหมือนจะล้อเลียนเรื่องที่ตนลงมาช้าเพราะคงคิดว่าเธอกับปกเกล้ามัวแต่เล่นผีผ้าห่มกันอยู่บนเตียงกระมัง“เอ่อ...ค่ะ พี่ปกอาบน้ำอยู่ก็เลยให้ลินดาลงมารับ”“นี่มะลิ แฟนพี่เอง นี่พี่ลินดาแฟนพี่ปกเขาน่ะ” ภาวินแนะนำแฟนสาวให้รู้จัก อีกฝ่ายจึงยกมือไหว้พลางมองมาด้วยสายตาชื่นชมอย่างปิดไม่มิด อลินดาจึงรับไหว้และยิ้มกว้างพลางพูดว่า“ยังเด็กอยู่เลย พี่วินหลอกน้องเขามารึเปล่าคะเนี่ย”“เด็กอะไร ไม่เด็กแล้ว หน้าอ่อนเฉย ๆ หรอก แหม...เห็นพี่เป็นพวกโลลิคอนรึไง”เมื่อขึ้นมาถึงห้องพัก อลินดาจึงเดินไปหยิบน้ำมาให้แขก เป็นเวลาเดียวกับที่ปกเกล้าเดินออกมาจากห้องนอนพอดี
ปกเกล้าคลี่ยิ้มร้ายกาจ ความช่างยั่วแสนเซ็กซี่ของเธอนี่เป็นอย่างหนึ่งที่ถูกใจเขามากเช่นกัน และเขาก็ไม่รอให้เธออนุญาตหรือตั้งตัว ก้มลงจูบหญิงสาวทันทีท่ามกลางคนมากมายที่กำลังเดินออกจากผับ“โอเค ถือว่าดื่มไม่เยอะเท่าไร แต่เพื่อความปลอดภัยพี่ว่าเธอขับรถพี่กลับไปดีกว่าไหม” ไม่พูดเปล่า แต่เขาล้วงหยิบกุญแจรถจากกระเป๋ากางเกงมาใส่มือเธอด้วย เพราะสำหรับเขาแล้วความปลอดภัยไร้รอยขีดข่วนของอลินดาสำคัญที่สุด“ก็ได้” เธอหยิบกุญแจรถบิ๊กไบค์และหมวกกันน็อกของตัวเองยื่นส่งให้เขาบ้าง จากนั้นก็เดินออกไปที่ลานจอดรถรถซูเปอร์คาร์ของปกเกล้าหาไม่ยากนักเพราะน้อยคนที่จะมีรถแบบนี้ขับ หลังจากสตาร์ตเครื่องแล้วอลินดาก็ได้ยินเสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์รถบิ๊กไบค์อันแสนคุ้นหูอยู่ใกล้กับรถที่ตนนั่งอยู่ เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นปกเกล้าขี่เจ้าแพนเตอร์มาจอดรออยู่เบื้องหน้าแล้ว เธอจึงเลื่อนกระจกลงแล้วทำมือเป็นเชิงบอกให้เขาล่วงหน้าไปก่อนได้เลย เพราะเธอจะขับตามเขาไปเองปกเกล้าพยักหน้าแล้วเคลื่อนรถออกไปไม่เร็วนัก อลินดาจึงขับตามไป เมื่อชายหนุ่มเห็นว่าแฟนสาวขับตามมาแล้วจึงเร่ง
อลินดาขับรถบิ๊กไบค์คู่ใจเข้ามาจอดไว้ในบริเวณที่ทางสถานบันเทิงจัดเอาไว้ให้โดยมียูมิ เพื่อนสนิทขับอีกคันเข้ามาจอดคู่กัน ก่อนจะพากันเดินเข้าไปในผับชื่อดังของตัวเมืองบุรีรัมย์หญิงสาวอยู่ในชุดกางเกงยีนสกินนีกับเสื้อยืดพอดีตัวเช่นเคย ส่วนยูมินั้นสวมกางเกงยีนรัดรูปกับเสื้อสายเดี่ยวเอวลอยเพื่อโชว์รอยสักรูปเกอิชาบนแผ่นหลังที่เจ้าตัวแสนภาคภูมิใจอลินดามองหากลุ่มเพื่อนของตนที่นัดเอาไว้ แต่สายตาดันไปหยุดอยู่ที่โต๊ะของนักท่องราตรีกลุ่มหนึ่ง ซึ่งชายหนุ่มที่นั่งอยู่ในโต๊ะเธอก็คุ้นหน้าคุ้นตาดีทั้งสามคน แต่ที่ไม่คุ้นคือหญิงสาวอีกสามคนที่นั่งเบียดกับหนุ่ม ๆ เหล่านั้นจนแทบจะรวมร่างกันอยู่รอมร่อ“มึงเดินไปก่อนละกัน เดี๋ยวกูตามไป” อลินดาหันไปบอกเพื่อน ยูมิมองตามสายตาของอีกฝ่ายจึงแค่นยิ้มมุมปากพลางพูดว่า“ได้ แต่ถ้าจะตบก็เรียกกูด้วยละกัน พักนี้กูคัน อยากตบคน”อลินดาหัวเราะเบา ๆ แล้วพยักหน้าพูดว่า “เออ รู้แล้วน่า”จากนั้นหญิงสาวก็เดินไปยังโต๊ะที่ปกเกล้ากับเพื่อนอีกคนสองคนนั่งอยู่ เธอเห็นตั้งแต่ครั้งแรกแล้วว่าแฟ
ปกเกล้าก้าวลงจากรถสปอร์ตสีเทาดำแล้วเดินเข้าไปในคอนโดมิเนียมของแฟนสาว ขณะที่กำลังจะกดเรียกลิฟต์นั้น สายตาของชายหนุ่มก็เห็นร่างคุ้นตาของหญิงสาวที่เขาตั้งใจขับรถจากบุรีรัมย์มาหาเพราะอยากเห็นหน้า และชวนไปกินมื้อเย็นด้วยกันก่อนที่ตนจะต้องขับกลับไปทำงานที่จังหวัดบุรีรัมย์อีกครั้งอลินดากำลังยืนคุยอยู่กับชายหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งหากเป็นคนอื่นปกเกล้าคงไม่เข้าไปวุ่นวาย แต่ถ้าผู้ชายคนนั้นเป็นนครินทร์ ตำรวจหนุ่มที่จ้องจะตีท้ายครัวของตนเสมอเมื่อสบโอกาส เขาจึงไม่สามารถอยู่เฉยได้ ฉะนั้นปกเกล้าจึงเดินเข้าไปหาแฟนสาวแล้วโอบเอวของเธอพร้อมกับจูบขมับเบา ๆ เพื่อประกาศความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของทันที“ไงครับผู้กอง เพิ่งกลับหรือครับ” ปกเกล้ายิ้มให้ชายหนุ่มตรงหน้าขณะที่มือก็เลื่อนขึ้นมาโอบบ่าของอลินดาไว้“ครับ เพิ่งมาถึงก็เจอคุณลินดาพอดี” นครินทร์ยิ้มตอบ“ผู้กองเขาชวนไปกินข้าวหน้าคอนโดฯ น่ะ พี่กินอะไรมารึยังล่ะ”อลินดาหันไปถามแฟนหนุ่มพร้อมกับยิ้มบาง ๆ เมื่อเห็นอาการขี้หวงของใครบางคนกำเริบ“กินอะไรเล่า เดี๋ยวเราต้องร
“เรื่องนั้นมันก็ต้องแน่นอนอยู่แล้ว ถ้าเรามีลูกพี่ก็คงอยากให้ลูกเข้าเรียนที่กรุงเทพฯ มากกว่าเพราะใกล้ญาติพี่น้องทางนี้ เวลามีเรื่องอะไรจะได้ช่วยเหลือกันได้ง่ายกว่าอยู่บุรีรัมย์”“ถ้าเราแต่งงานกัน พี่ไปอยู่บ้านลินได้ไหมล่ะ แม่ของลินจะได้ไม่ต้องอยู่คนเดียว เพราะบ้านพี่ก็มีพี่ป้องกับพี่ก้อยอยู่ที่นั่นแล้ว”“ได้สิไม่มีปัญหา” เขายิ้มมุมปากพลางเลื่อนมือลงต่ำไปที่บั้นท้ายงามงอนแล้วเลิกชายกระโปรงของเธอขึ้นแล้วพูดว่า“แต่เราอาจต้องทำห้องนอนใหม่นะ เอาแบบที่เก็บเสียงได้ดีหน่อย ไม่อย่างนั้นแม่ของลินอาจจะนอนไม่หลับเพราะเสียงตอนพี่กระแทกเธอคงดังรบกวนท่านแน่นอน” ไม่พูดเปล่า แต่เขายังจ่ออาวุธประจำตัวเข้าที่จุดเดิมแล้วเริ่มขยับสะโพกอย่างเป็นจังหวะ มือทั้งสองข้างก็จับชายชุดกระโปรงของหญิงสาวแล้วดึงขึ้นเพื่อถอดออกไปทางศีรษะ จนในที่สุดร่างเซ็กซี่เย้ายวนที่เขาหลงใหลก็ปรากฏต่อสายตา“ไหนว่าจะนวดให้ไง” เสียงแหบพร่าของเธอกระท่อนกระแท่นไปตามแรงกระแทกกระทั้น“ขออีกยกแล้วจะนวดให้ รับรองว่าเธอจะติดใจฝีมือการนวดของ
“แล้วคิดว่าไงล่ะ” แค่เธอลูบคลำไปมา เจ้าสิ่งที่อยู่ในกางเกงก็ประกาศศักดาสู้มือทันทีราวกับสั่งได้“จะไวไฟไปแล้วนะ” อลินดาแค่นยิ้มให้แฟนหนุ่ม“ไม่ไวได้ไงเล่า พี่ไม่ได้เมกเลิฟกับเธอนานแล้วนะ กระสุนเต็มรังแล้วเนี่ยไม่ได้ยิงออกไปสักที” ปกเกล้าปลดกระดุมกางเกงยีนเพื่อปล่อยอาวุธประจำกายให้เป็นอิสระ จากนั้นก็ยกมือขึ้นแตะศีรษะหญิงสาวเป็นเชิงบอกใบ้ ซึ่งเธอรู้ดีว่าเขาหมายถึงอะไร เพราะการทำแบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรก“นานอะไรกัน ยังไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์เลย หื่นไม่เข้าเรื่อง” อลินดายิ้มมุมปาก“สามวันก็จะขาดใจแล้ว นะที่รัก” ปกเกล้าออดอ้อนเสียงอ่อน ก่อนจะครางออกมาเบา ๆ เมื่อปลายลิ้นอ่อนนุ่มที่เขาหลงใหลปัดป่ายอยู่ตรงส่วนหัวแล้วลากไล่จากโคนถึงปลาย ตามมาด้วยความอุ่นร้อนจากโพรงปากที่กำลังกลืนกินเขาเข้าไปทีละนิดจนหมดชายหนุ่มชะลอรถให้วิ่งช้าลง เขาไม่กลัวรถคันอื่นจะมองมาแล้วเห็นว่าแฟนสาวคนสวยของเขากำลังก้มหน้าทำอะไรให้เพราะกระจกติดฟิล์มดำ อีกทั้งการขับรถไปแบบเสียว ๆ นี้ทำให้เขาตื่นเต้นและอารมณ์พลุ่งพล่านถึงขีดสุด ส่งผลให้
อลินดายืนกอดอกมองคนที่กำลังเปิดประตูเข้ามาในร้านพิมาลินสปาด้วยแววตาขบขัน จำได้ว่าเมื่อวานปกเกล้าเพิ่งพูดกับเธอว่าจะไม่เข้ากรุงเทพฯ หลายวันเพราะต้องเตรียมเรื่องการจัดแข่งขันรถยนต์ให้กับสมาชิกของทริปเปิลเอกซ์ เขายังบอกเธอด้วยว่าไม่ต้องคิดถึงเขามากเกินไปจนไม่เป็นอันกินอันนอน แต่ทำไมคนพูดถึงได้มาโผล่ที่นี่เวลานี้ได้เล่า“มาทำไมคะคุณปกเกล้า” เธอถามยิ้ม ๆ“มาหาข้าวกิน ไปกินข้าวเป็นเพื่อนหน่อยสิ” พูดจบเขาก็คว้าข้อมือเธอแล้วจะดึงไปข้างนอก แต่จู่ ๆ ชายหนุ่มก็หันมาพูดว่า“ไม่กินแถวนี้นะเบื่อแล้ว ไปกินข้างนอกกันบ้างดีกว่า”หญิงสาวพยักหน้าช้า ๆ “ก็ได้ ขอไปหยิบกระเป๋าก่อนนะ”หลังจากนั้นอลินดาก็ขึ้นรถไปกับปกเกล้า ชายหนุ่มขับไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงร้านอาหารแห่งหนึ่ง หญิงสาวรู้สึกสงสัยจึงถามไปว่า“นึกยังไงถึงพามากินที่นี่ และทำไมต้องร้านนี้ด้วยล่ะ”“ความจริงแล้วพี่นัดเพื่อนไว้น่ะ”“อ้าว นัดเพื่อนไว้แล้วพี่จะลากลินมาด้วยทำไมเนี่ย”“ก็อยากพามาด้วยนี่
“ไปกินเค้กวันเกิดเว้ย” ชินดนัยตอบทั้งรอยยิ้ม“ตอนกินใส่ชุดวันเกิดด้วยละสิท่า โธ่เอ๊ย สุดท้ายก็เห็นหญิงดีกว่าเพื่อนนะมึงเนี่ย” ปกเกล้าหยิบเม็ดมะม่วงหิมพานต์ในจานกับแกล้มปาใส่เพื่อนด้วยความหมั่นไส้ แต่ชินดนัยเอาแต่ยิ้มอย่างอารมณ์ดีพลางโบกมือให้แล้วเดินจากไปเมื่อเหลือกันอยู่สามคน ปกเกล้าจึงชี้ไปที่ภาวินแล้วพูดกับหญิงสาวว่า“รู้จักเครื่องสำอางแบรนด์เอเอ็นเอสไหม คนนี้แหละคือเจ้าของ”อลินดาเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ เครื่องสำอางแบรนด์นี้ใครบ้างจะไม่รู้จัก ไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะได้มาเจอกับเจ้าของแบรนด์ตัวจริงเสียงจริง หนำซ้ำยังเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีอีกด้วย“สนใจเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้แบรนด์พี่ไหมครับ พี่ว่าน้องสวยกว่าดาราบางคนซะอีกนะ” ภาวินได้โอกาสจึงชักชวนให้มาเป็นนางแบบเครื่องสำอางแบรนด์ของตนทันที แต่สุดท้ายก็ถูกปกเกล้าเบรกตัวโก่ง“ไม่ให้เว้ย”“อ้าว มึงมีสิทธิ์อะไรไปห้ามน้องเขาเนี่ยไอ้ปก มึงเป็นอะไรกับเขา”ภาวินแกล้งโวยวาย“กูเป็นแฟนเขา ก็กูไม่ให้อะมีปัญหา
อลินดายืนกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มที่เดิม หลังจากเก็บเงินในกระเป๋าสตางค์เรียบร้อยแล้วจึงหันกลับมา เธอเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นเทรนเนอร์หนุ่มคนเดิมยืนยิ้มให้อย่างเคย“พักนี้ผมไม่ค่อยเจอคุณเลย อยู่อีกสาขาหรือครับ”“ใช่ค่ะ ดูแลสลับกันไปเรื่อย ๆ” ในเมื่อเขาชี้นำคำตอบมาให้แล้ว เธอจึงไม่จำเป็นต้องคิดหาคำตอบอื่นเพราะไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่จะต้องบอกเขาว่าตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเธอไปอยู่บุรีรัมย์ทั้งเดือน“ถึงว่าสิครับ ไม่เจอเลย ตอนแรกแอบใจหายนึกว่าคุณลาออกไปแล้วเสียอีก”“งานสมัยนี้หายากจะตาย จะลาออกทำไมละคะ”เธอมองไปทางหน้าร้านสปาของตน เห็นมีลูกค้ากำลังเดินเข้าไปจึงเอ่ยปากขอตัวกับเขา ชายหนุ่มจึงพูดว่า“ผมยังเสนอให้คุณเหมือนเดิมนะครับถ้าคุณสนใจจะนวด ผมบริการให้ฟรีเลยถ้าเป็นคุณ”ช่วงนี้อรชุมาไม่ได้เรียกใช้บริการเขาแล้วเพราะเจ้าหล่อนติดใจหมอนวดหนุ่มคนอื่น อีกทั้งพักหลังนี้อรชุมาจะติดใจการนวดแล้วนาบแบบแซนวิชที่ต้องใช้หมอนวดชายสองคน เขาจึงไม่ต้องหลอกล่อสาวสวยคนนี้ให้มาใช้บริ