คืนนี้อลินดากับยูมิมีนัดกับเพื่อนที่สถานบันเทิงชื่อดังของตัวเมืองบุรีรัมย์ สองสาวจึงออกจากที่พักในเวลาสี่ทุ่มเศษ ประจวบเหมาะกับที่ปกเกล้าก็ออกมาจากห้องเช่นกัน ชายหนุ่มยิ้มพลางผงกศีรษะให้หญิงสาวทั้งสองคนอย่างเป็นมิตร หากแต่สายตาจับจ้องไปที่อลินดาเป็นพิเศษ และยูมิก็สังเกตเห็น จึงได้แต่ยิ้มพลางมองเพื่อนสนิทที่ยังคงปั้นหน้านิ่ง และยิ้มอย่างขอไปทีให้อีกฝ่าย
"คนนี้?" ยูมิกระซิบถาม อลินดาจึงตอบรับเบา ๆ
"ดูดีนี่หว่า เซอร์ ๆ แบบแบดบอยดี กูว่าเหมาะกับมึงนะ"
ยูมิยังคงกระซิบกระซาบแต่อลินดาไม่พูดอะไร ได้แต่ตวัดตามองค้อนเพื่อนระหว่างที่เดินไปทางด้านหน้าของเกสต์เฮ้าส์ ซึ่งชายหนุ่มห้องข้าง ๆ ก็เดินตามหลังมาโดยเว้นระยะห่างพอประมาณเพื่อไม่ให้ดูเป็นการตามติดจนเกินไปนัก
ครั้นพอมาถึงบริเวณที่จอดรถ อลินดาก็หันไปถามยูมิว่า
"จะต่างคนต่างขี่ไปหรือว่าจะไปคันเดียวกัน"
ยูมิยกมือขึ้นเท้าสะเอวพลางเอียงคอมองเพื่อนก่อนพูดว่า
"คิดว่าไงล่ะ กูล้าไปทั้งตัวขนาดนี้คิดว่าจะขี่เองไหม"
อลินดายิ้มพลางส่ายหน้าไปมา แต่เมื่อเห็นสายตาของเพื่อนมองไปทางด้านหลังของตนแล้วทำหน้าห่อปากตาโต ก่อนจะย้ายสายตามามองเธออย่างล้อเลียน อลินดาจึงเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม ยูมิจึงพูดเบา ๆ ว่า
"ขับเฟอร์รารี่ด้วยนะเว้ย ก็ไม่ใช่กระจอก ๆ นี่หว่า ไม่ลองคบดูบ้างวะไอ้ลิน กูอยากให้มึงมีแฟนแบบคนอื่นเขามั่ง"
อลินดาเบะปากอย่างไม่เห็นด้วย "ท่าทางขี้หลีจะตาย กูไม่ชอบ"
พูดจบก็สวมหมวกกันน็อกแล้ววาดขาขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์คู่ใจ เมื่อสตาร์ตเครื่องแล้วยูมิจึงขึ้นนั่งซ้อนด้านหลังโดยไม่สวมหมวกกันน็อก จากนั้นก็ยื่นแขนไปโอบรอบเอวอลินดาและซบหน้าลงกับแผ่นหลังของอีกฝ่ายพลางมองไปที่ปกเกล้าซึ่งขณะนี้กำลังมองมาทางพวกตนเช่นกัน ยูมินึกสนุกขึ้นมาจึงทำปากจู๋ส่งจูบให้อีกฝ่ายแล้วกอดอลินดาแน่นขึ้นกว่าเดิมเพื่อให้ชายหนุ่มเข้าใจว่าพวกตนเป็นคู่เลสเบี้ยนกัน และดูเหมือนจะได้ผลเพราะเห็นหนุ่มเฟอร์รารี่คนนั้นถึงกับเบิกตากว้างราวกับไม่เชื่อสายตาตัวเอง
หากใครที่ไม่รู้จักอลินดากับยูมิก็มักคิดว่าสองสาวนี้เป็นคู่รักแบบหญิงรักหญิง อีกทั้งคืนนี้อลินดาก็แต่งตัวแบบเรียบง่ายด้วยเสื้อยืดสีขาวคอวี คลุมทับด้วยเสื้อแจ็กเก็ตสีดำกับกางเกงสกินนีสีเดียวกัน สวมรองเท้าผ้าใบคู่เดิม ส่วนใบหน้านั้นไม่ต้องพูดถึงเพราะมีแค่แป้งฝุ่นอย่างเดียวที่ทาไว้อย่างบางเบา ขณะที่ยูมินั้นสวมกางเกงยีนขายาวกับเสื้อจั๊มเอวลอยสีดำแขนตุ๊กตา ด้านหลังคว้านลึกเพราะตั้งใจโชว์รอยสักบนแผ่นหลังที่เจ้าตัวแสนภาคภูมิใจ และแต่งหน้าเข้มจนเปลี่ยนจากสาวหน้าหวานเป็นสาวเปรี้ยวซ่าทันที
คล้อยหลังสองสาว ปกเกล้าก็ยิ้มมุมปากพร้อมกับแค่นหัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนจะขับออกจากเกสต์เฮ้าส์ตามหลังไป ขับออกไปไม่เท่าไร ชายหนุ่มก็ไล่ตามดูคาติสีดำที่อลินดาขี่นำมาก่อนหน้านี้พอดี เขาชะลอรถให้ช้าลงกว่าเดิมแต่ยังคงตามหลัง หรือไม่ก็ขับไปตีคู่กับหญิงสาว กระทั่งผ่านมาครึ่งทางปกเกล้าจึงมั่นใจแล้วว่าสาวสวยทั้งสองคนนั้นไปสถานที่เดียวกันกับตนแน่นอน
เป็นเพราะรถบนถนนสายหลักยังมีเป็นระยะ ๆ ปกเกล้าจึงไม่คิดท้าแข่งประลองความเร็วกับอลินดาอีกครั้งเพราะเสี่ยงเกินไป เขาทำได้แค่ขับรถตามหลังเธอไปเรื่อย ๆ และบางครั้งก็แซงขึ้นหน้าบ้างอย่างเพื่อนร่วมทางที่จุดหมายเป็นที่เดียวกัน
อลินดาเองก็สังเกตเห็นว่าชายหนุ่มคนนั้นขับมาทางเดียวกัน คราแรกเธอคิดว่าเขาขับตามมา แต่ไม่เห็นเขาเปิดกระจกออกมาพูดคุยอย่างคราวก่อน ทำเพียงขับไปเรื่อย ๆ จึงเดาได้ว่าผู้ชายขี้หลีที่อยู่ข้างห้องคงไปผับที่เดียวกับตนแน่
และก็เป็นไปตามที่คาดไว้ เพราะทั้งเธอและเขาต่างเลี้ยวเข้าไปในสถานบันเทิงแห่งเดียวกัน
"เอาแล้ว...มาที่เดียวกันด้วย งานนี้มีเฮแน่นอนไอ้ลินเอ๊ย" ยูมิยังคงมองเพื่อนด้วยสายตาล้อเลียน แต่อลินดากลับแค่นเสียงใส่แล้วพูดว่า
"เฮบ้าอะไร จะว่าไปมึงไม่ลองเข้าไปทำความรู้จักเขาดูล่ะ เผื่อจะหาแฟนใหม่ได้ไง"
"ว้าย! ขอโทษย่ะ คนอย่างยูมิไม่มีรสนิยมกินผู้ชาย เพราะฉะนั้นต่อให้หล่อลากดินแค่ไหนก็สู้ทอมหุ่นลีน ๆ หน้าตาสะอาดสะอ้านไม่ได้หรอก"
ยูมิหัวเราะร่าก่อนจะหุบปากฉับแล้วเพ่งมองไปตรงหน้าราวกับเจอคนรู้จัก อลินดามองตามไปก็เห็นว่าเป็นผู้ชายคนหนึ่งอายุประมาณสี่สิบต้น ๆ เขาสวมกางเกงสแลกสีขาวกับเสื้อเชิ้ตลายทางสีฟ้าอ่อนกำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่ข้างรถสปอร์ตสีแดง ดูท่าทางเป็นเสี่ยกระเป๋าหนักที่ออกมาหาล่าเหยื่อสาว ๆ ตามสถานบันเทิงด้วยการเอาเงินหว่าน หญิงสาวเห็นยูมิยังมองไม่วางตาจึงอดถามเพื่อนไม่ได้
"รู้จักหรือ"
"ก็คนนี้นี่แหละคือคนที่มึงนัดกับเขาพรุ่งนี้ไง...เฮียไช้" ยูมิแค่นยิ้มก่อนจะละสายตาจากผู้ชายคนนั้นแล้วพูดว่า
"ไปกันเถอะ"
อลินดาเห็นท่าทางเป็นปรปักษ์อย่างชัดเจนของเพื่อนสนิทที่มีต่อเฮียไช้แล้วก็อดสงสัยไม่ได้ แต่เธอก็ไม่คิดถามอีกฝ่ายเพราะหากยูมิต้องการเล่า เจ้าตัวก็คงพูดออกมาเอง หญิงสาวจึงทำได้เพียงเก็บความสงสัยนั้นไว้ในใจแล้วเดินไปพร้อมกับเพื่อน
ทว่าขณะที่เดินผ่านเฮียไช้ไปนั้น จู่ ๆ อลินดาก็ได้ยินเสียงเรียกจากทางด้านหลัง และคำทักทายนั้นก็ทำให้หญิงสาวต้องหยุดเดินแล้วหันไปหาคนทักทันที
"เอ๊ะ! นั่นน้องลินที่ขับฮอนด้าลงแข่งรุ่นสองร้อยห้าสิบซีซีเมื่อคราวก่อนใช่ไหมครับ"
เป็นเฮียไช้ที่เรียกเธอไว้ อลินดาจึงต้องตอบรับไปตามมารยาท และถือโอกาสสำรวจผู้ชายคนนี้ไปด้วย
"ใช่ค่ะ"
เฮียไช้ยิ้มกว้างจนตาหยีระหว่างเดินเข้ามาหาสองสาวที่ยืนอยู่ด้วยกัน หญิงสาวสังเกตการแต่งตัวของเขาที่ประโคมใส่ทองเส้นใหญ่ราวกับโซ่คล้องล้อรถจักรยานที่คอและข้อมือ รวมไปถึงนาฬิกาฝังเพชรและแหวนเพชรวงโตถึงสี่วงแล้วก็ได้แต่ลอบถอนหายใจแผ่ว อดคิดไม่ได้ว่าหากวันใดวันหนึ่งเขาถูกคนอุ้มไป แรงจูงใจอย่างแรกที่เธอนึกได้คือเรื่องชิงทรัพย์อย่างแน่นอน
"โอ้...โชคดีจังที่ได้เจอ นี่เฮียไช้เองนะครับที่นัดน้องลินไว้วันนี้แล้วเฮียติดธุระพอดี ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ แล้วนี่หนูมากันสองคนหรือครับ"
มุมปากของอลินดาอดยกขึ้นเป็นรอยยิ้มบาง ๆ ไม่ได้เมื่อได้ยินคนตรงหน้าเรียกตนจากน้องเป็นหนูอย่างลืมตัว ดูท่าเจ้าตัวคงเคยชินกับการอ้อล้อสาวสวยด้วยการวางท่าเป็นเสี่ยกระเป๋าหนักกระมัง
"เปล่าค่ะ นัดเพื่อนไว้ข้างในน่ะ" อลินดาตอบพร้อมกับยิ้มตามมารยาท
"แล้วหนูคนนี้เป็นนักแข่งด้วยรึเปล่า สนใจมาเป็นนักแข่งในสังกัดเฮียไหม พรุ่งนี้หนูลินเขาจะมาคุยกับเฮีย หนูก็มาด้วยกันเลยสิ"
สายตาของเฮียไช้ที่มองยูมิดูแพรวพราวจนคนถูกมองหันไปสบตากับเพื่อนพร้อมกับคล้องแขนอีกฝ่ายไว้พลางฉีกยิ้มหวาน อลินดาจึงรับมุขเพื่อนทันที
"ไม่ใช่หรอกค่ะ ลินแข่งแค่คนเดียว นี่ยูมิแฟนลินเอง"
ทันทีที่อลินดาพูดจบ เฮียไช้ก็เบิกตากว้างพร้อมกับชี้ทางพวกตน ทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่พูดไม่ออก ได้แต่ทำปากพะงาบ ๆ ราวกับปลาขาดน้ำจนยูมิเกือบหลุดหัวเราะออกมา
"ตัวเอง รีบเข้าไปกันเถอะ ป่านนี้พวกนั้นรอแย่แล้ว"
ยูมิพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนพลางเขย่าแขนเพื่อนเบา ๆ อลินดาจึงพยักหน้าให้อีกฝ่ายก่อนหันไปกล่าวลาผู้ชายตรงหน้า
"ลินกับแฟนเข้าไปก่อนนะคะ พรุ่งนี้เจอกันค่ะเฮีย"
เธอยกมือไหว้เขาแล้วเดินจากมาทันทีโดยไม่รอให้เขาพยักหน้าตอบ เมื่อเดินมาจนถึงทางเข้าสถานบันเทิงยูมิจึงพูดขึ้นว่า
"ถ้าหนุ่มหล่อข้างห้องเรียกว่าขี้หลี แล้วไอ้ตี๋หน้าหม้อนี่เรียกอะไรวะ เป็นกูนะ กูขอเลือกหนุ่มเฟอร์รารี่ดีกว่า"
ได้ยินเพื่อนพูดถึงปกเกล้า อลินดาก็เบะปากขึ้นทันทีแล้วพูดว่า
"แต่กูยอมขึ้นคานตลอดชีวิตถ้าต้องเจอผู้ชายพรรค์นี้"
ยูมิหัวเราะเมื่อเห็นสีหน้าเพื่อน ก่อนยื่นหน้าเข้าไปกระซิบข้างหูอลินดา"โบราณว่าไว้เกลียดอย่างไหนมักได้อย่างนั้นนะเพื่อนรัก"ท่าทางกระซิบกระซาบหยอกเย้าของสองสาวที่กำลังเดินเข้ามานั้นได้ตกเป็นเป้าสายตาของหนุ่ม ๆ โต๊ะหนึ่ง ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นปกเกล้า นรเชษฐ์และตฤณภพ สองคนหลังนั้นอ้าปากค้างและคิ้วขมวดมุ่น แต่ปกเกล้ากลับมองด้วยวาววาม อีกทั้งมุมปากยังยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเล็กน้อย"ไม่จริงน่า สุดสวยของกูเป็นเลสเบี้ยนหรือวะ" ตฤณภพโอดครวญด้วยความเสียดาย"เฮ้ย เขาอาจจะแค่สนิทกันเฉย ๆ ก็ได้ ผู้หญิงส่วนใหญ่ก็มักเป็นแบบนี้ไม่ใช่หรือวะ" นรเชษฐ์แย้งขึ้นพลางมองปกเกล้าที่กำลังจับจ้องสาวสวยคนนั้นไม่วางตา"สนิทกันเฉย ๆ อะไรของมึง เขาจะจูบกันอยู่แล้วมึงไม่เห็นรึไงไอ้นิค"ตฤณภพบุ้ยหน้าไปทางสองสาวที่กำลังเดินไปยังโต๊ะของชายหนุ่มกลุ่มหนึ่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นเขาจำได้ว่าเป็นเจ้าของร้านอาหารที่ตนไปกินวันนี้"หรือไม่ก็อาจจะเป็นแฟนของคนใดคนหนึ่งในกลุ่มนั้น หรือมึงคิดว่าไงไอ้ปก" นรเชษฐ์เห็นปกเกล้านั่งเงียบไม่พูดอะไร สายตาเอาแต่มองไปทางนั้นตลอดเวลาจ
"แล้วเมื่อกี้ตอนเจอกันที่ลานจอดรถนะมึงเอ๊ย พอเห็นหน้าไอ้ลินเท่านั้นแหละ มันรีบวิ่งกระดิกหางพั่บ ๆ เข้ามาหาเลย หน้าแม่งโคตรหื่น ขนาดเมียขี้หึงสุด ๆ นะนั่น" ยูมิเบะปากอย่างรังเกียจ"ระวังตัวไว้หน่อยก็ดี ถ้ามึงปฏิเสธมัน ร้อยทั้งร้อยกูว่ามันไม่พอใจแน่นอน และถ้ามันหมายหัวมึงเมื่อไร มันลงมือไม่สนวิธีจริง ๆ ไอ้ห่านั่นน่ะ"ประวุธเตือนด้วยความเป็นห่วงเพราะรู้ดีว่าเฮียไช้มีอิทธิพลในละแวกนี้มากแค่ไหน กระทั่งตำรวจยังเกรงใจ ฉะนั้นหากมีเรื่องกันขึ้นมาจริง แน่นอนว่าฝ่ายที่ต้องเสียเปรียบก็คืออลินดาคนที่อาจถูกหมายหัวได้แต่ถอนหายใจ รู้สึกไม่สบอารมณ์จนพานหมดสนุก ได้แต่นั่งมองไปเรื่อยเปื่อยโดยมียูมิเต้นไปตามจังหวะเพลงอยู่ข้างตัว ส่วนเพื่อนชายทั้งสามคนก็นั่งคุยสัพเพเหระซึ่งอลินดาก็เอ่ยปากแจมบ้างในบางเรื่องอลินดาเห็นแก้วของตัวเองเหลือแต่น้ำแข็งแล้วจึงคิดจะชงเครื่องดื่มให้ตัวเองอีกครั้ง แต่จู่ ๆ ประวุธก็แย่งแก้วของหญิงสาวไปถือไว้พร้อมกับปรามเสียงต่ำ"พอแล้ว เดี๋ยวก็เมาหรอก ต้องขับรถด้วยไม่ใช่หรือ""ตั้งแต่มานั่งเนี่ยเพิ่งจะเติมไปแก้วที่สองเองนะเปลว"อลินด
แน่นอนว่าผู้ที่ทำหน้าที่เป็นการ์ดประจำผับก็มองตรงนี้ออกเช่นกัน แม้จะคับแค้นจนอกแทบระเบิดเพราะเจ็บทั้งตัวเจ็บทั้งใจแถมรถยังล้มอีก แต่เขาก็รู้ดีว่าตนไม่สามารถหาเรื่องอีกฝ่ายได้เพราะหากเจ้าของรถเฟอร์รารี่เรียกเงินค่าซ่อมรถขึ้นมาแล้วเขาจะมีปัญญาหาเงินจากไหนไปจ่ายกันเล่า ดีไม่ดีอาจต้องตกงาน ดังนั้นเขาจึงได้แต่เงียบปกเกล้าเห็นคู่กรณีไม่พูดไม่จาอะไร ทว่ามองจากสายตาก็รู้แล้วว่าโกรธจนแทบคลั่งแต่ทำอะไรเขาไม่ได้เพราะเขารู้สถานที่ทำงานของอีกฝ่ายจึงตั้งใจยกมาขู่ แต่เขาเองก็ไม่ใช่คนที่ชอบต้อนเหยื่อจนไร้ทางออก เมื่อเห็นว่าจัดการข่มคนตรงหน้าได้แล้วเขาจึงเป็นฝ่ายถอยออกมาก่อน"นี่กูเห็นว่ามึงก็เจ็บตัวนะถึงได้ไม่คิดเอาเรื่อง คราวหน้าถ้ากูเจอแบบนี้อีกนะ..."ปกเกล้าไม่พูดต่อ แต่ชี้ไปที่อีกฝ่ายด้วยสายตากดดันและข่มขู่ ก่อนจะเดินกลับไปขึ้นรถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็วจนเสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่ม ครั้นพอใกล้ถึงที่พักชายหนุ่มจึงลดความเร็วลงก่อนเลี้ยวเข้าไปจอดในลอยชายเกสต์เฮ้าส์ หลังจากดับเครื่องแล้วจึงลงมายืนข้างรถ เห็นดูคาติสีดำจอดอยู่ที่เดิมที่เคยจอดก็อดยิ้มมุมปากไม่ได้บัญชีนี้เข
เสียงแหลมแสบแก้วหูที่โพล่งขึ้นอย่างกะทันหันทำให้เฮียไช้สะดุ้งเล็กน้อย เขาลอบกลอกตามองเพดานอย่างเอือมระอาแต่ก็ต้องเก็บอาการเอาไว้แล้วหันไปยิ้มแป้นอย่างประจบให้ภรรยาแม้ว่าในใจจะอยากตบอีกฝ่ายจนลงไปนอนกองกับพื้นแต่เขาก็ไม่สามารถทำได้"สองคนนั้นเขาเป็นแฟนกันต่างหากเล่า เฮียเรียกให้มาที่นี่ก็เพราะจะคุยเรื่องที่เฮียอยากให้เขามาเป็นนักแข่งในสังกัด เมื่ออาทิตย์ก่อนที่เอชเคเซอร์กิตจัดให้สมาชิกมาแข่งบิ๊กไบค์แล้วเขาลงแข่งด้วย เฮียเห็นว่ามีแววน่าจะปั้นให้ดังได้ก็เลยเรียกมาคุยดู""ใช่เร้อ...ดูท่าทางไม่น่าจะใช่นักแข่ง ไม่ใช่เพราะเห็นว่ามันสวยหรือ เฮีย ถึงได้อยากเรียกเข้ามาคุย คิดอะไรอยู่อย่านึกว่าไม่รู้นะ"เธอชี้หน้าเขาอย่างคาดโทษ ตอนเห็นผู้หญิงคนนั้นเดินออกจากห้องเธอยังอดตะลึงไม่ได้ แล้วมีหรือที่สามีของเธอจะให้เป็นแค่นักแข่งในสังกัด ไม่มีทาง!"รุ้ง เฮียเรียกมาคุยเรื่องเป็นนักแข่งจริง ๆ แต่เขาไม่เอาเพราะเขาทำงานอยู่กรุงเทพฯ แล้วสองคนนี้เขาเป็นแฟนกันจริง ๆ เมื่อคืนเฮียก็เห็นเขาเดินกอดกันอยู่ในผับ คนที่สวย ๆ นั่นน่ะห้าวจะตาย เสียงยังห้าวเลย"เฮียไช
คิดแล้วก็อดนึกถึงคำพูดประโยคเด็ดของยูมิขึ้นมาไม่ได้...ทุกข์ของคนเกิดมาหน้าตาดีขณะที่อลินดากำลังนั่งมองไปที่สนามอยู่คนเดียว จู่ ๆ เก้าอี้ข้างตัวเธอก็มีใครบางคนมานั่ง หญิงสาวไม่ได้หันไปมองเขา เพียงใช้หางตามองผ่าน ๆ จึงรู้ว่าเป็นผู้ชาย เห็นดังนั้นเธอจึงถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย"บังเอิญจัง ไม่คิดว่าจะได้เจอคุณที่นี่"เสียงทุ้มคุ้นหูของคนข้างกาย ทำให้อลินดาต้องหันไปมองหน้าเขาอย่างเสียไม่ได้ ครั้นพอเห็นว่าเป็นชายหนุ่มข้างห้อง เธอจึงเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย เพราะในสนามเป็นรายการแข่งขันรถจักรยานยนต์ แต่เขาขับซูเปอร์คาร์จึงไม่น่าจะมานั่งอยู่ตรงนี้ได้"แถวบ้านผมเรียกบุพเพสันนิวาส หนีกันไม่พ้น"ปกเกล้ายิ้มพรายเต็มวงหน้า ยิ่งเห็นเธอขมวดคิ้วใส่และมองเขาเหมือนตัวประหลาด รอยยิ้มของชายหนุ่มก็ยิ่งกว้างขึ้น"แถวบ้านฉันเรียกเวรกรรมตามติดค่ะ ต้องกรวดน้ำคว่ำขันถึงจะหลุดพ้น" พออลินดาพูดจบ เขาก็หัวเราะออกมาเบา ๆ แล้วพูดว่า"ก็แสดงว่าชาติก่อนเราเคยเกี่ยวดองกัน ชาตินี้ถึงได้มาพัวพันกันอีกไง""พัวพันหรือตามจองเวรกันแน่"หญิงสาวตวัดตามองค้อน
เฮียไช้หัวคิ้วกระตุกไปเล็กน้อยด้วยความไม่สบอารมณ์ แต่ก็ยังฝืนแสดงสีหน้ายิ้มแย้มออกมา"อ้อ มิน่าล่ะหนูลินถึงปฏิเสธท่าเดียว ที่แท้ก็เพราะผู้ปกครองไม่อนุญาตนี่เอง"อลินดาคร้านจะสนใจกับการคุยกันระหว่างผู้ชายทั้งสองคนเพราะเวลานี้เธอเป็นห่วงยูมิมากกว่าจึงหันไปบอกปกเกล้าว่า"ฉันจะไปหายูมิ""ไปด้วยกัน...ไปก่อนนะเฮียไช้ แล้วเจอกัน"ชายหนุ่มพยักหน้าให้เฮียไช้ก่อนจะเดินโอบเอวของอลินดาเดินผ่านไปโดยไม่หันกลับมามองอีก จึงไม่เห็นว่าตอนนี้สีหน้าของเฮียไช้นั้นแดงก่ำด้วยความโกรธ และรู้สึกเสียหน้าที่ปกเกล้าทำเหมือนไม่เห็นตนอยู่ในสายตาทั้งที่อีกฝ่ายอายุน้อยกว่าหลายปี"สักวันเถอะมึง กูจะให้มึงกราบตีนกูเพื่อร้องขอชีวิตให้ได้ ไอ้ปก!""ปล่อยได้แล้ว" ไม่พูดเปล่า แต่อลินดายังปัดมือของปกเกล้าออกจากเอวของตัวเองอย่างแรง ครั้นพอชายหนุ่มเห็นมือของตัวเองแล้วก็ทำทีเป็นร้องเสียงหลง"โห! นี่เล่นถึงกับเลือดตกยางออกเลยหรือเนี่ย ทำคุณบูชาโทษแท้ ๆ ไอ้เรารึอุตส่าห์หวังดีให้รอดพ้นจากปากเหยี่ยวปากกา แล้วคุณตอบแทนผมด้วยการจิกจนเนื้อเกือบหลุดเนี่ยนะ"
"หงอยเหงาหรือหอยเหงากันแน่นังยูมิ!" นิสราพูดดักคอซึ่งยูมิก็หัวเราะคิกคักตอบกลับทันทีเช่นกัน"ทั้งสองอย่างเลยเจ๊ แบบว่าของขาดน่ะ จะทำเองก็ไม่มันเท่ามีทอมรูปหล่อมาช่วยทำ ฟินกว่ากันเยอะ""ของปลอมมันจะสู้ของจริงได้ยังไงวะนังยูมิ ของจริงสิมันกว่า" นิสรายังไม่ยอมแพ้ เพราะอยากให้อีกฝ่ายคบหากับผู้ชายแท้ ๆ มากกว่าทอม"ทำไมจะสู้ไม่ได้ละเจ๊ ของปลอมสิดีไม่ต้องกลัวท้องไม่ต้องกลัวโรคติดต่อ แถมเลือกขนาดได้ด้วยว่าจะเอาไซซ์ไหน มีให้เลือกตั้งแต่เล็กพริกขี้หนูยันมะระอันโตเลยเจ๊ จะสีชมพูฟรุ้งฟริ้งหรือไฟกะพริบวิบวับก็ยังมี สนุกจะตาย" ยูมิพูดพร้อมกับทำมือประกอบไปด้วย"ระวังจะเจอบวบเหลี่ยมนะแก..." นิสรายังพูดไม่ทันจบ อลินดาก็ยกมือเบรกคนทั้งคู่เสียก่อน"พอ ๆ พอได้แล้วทั้งคู่เลย คุยอะไรกันเนี่ย ไม่มีเรื่องอื่นคุยกันแล้วรึไง"อลินดาหัวเราะร่วนกับการต่อปากต่อคำของทั้งคู่ แม้จะชินชาเสียแล้วที่ทั้งสองคนมักจะคุยสองแง่สองง่ามเกี่ยวกับเรื่องอย่างว่าอยู่เสมอ แต่บางครั้งก็ต้องเบรกเสียบ้างเพราะคราวนี้หากยังปล่อยให้เถียงกันต่อไป คงเลยเถิดไปถึงท่วงท่าและบรรดาอุปกรณ์เสริมทั้งหลา
อลินดากลับมาถึงลอยชายเกสต์เฮ้าส์ก็เห็นปกเกล้ากำลังนั่งพักผ่อนอยู่หน้าห้องพักของเขาพอดี หญิงสาวลอบถอนหายใจแผ่วเพราะรู้ดีว่าตนจะทำเมินเฉยต่อผู้ชายคนนี้ไม่ได้ เพราะอย่างไรเสียวันนี้ชายหนุ่มก็ช่วยเหลือตนไว้ แม้จะไม่ค่อยพอใจกับวิธีการช่วยของเขานัก แต่ก็ถือว่าสามารถกันเฮียไช้ออกไปอย่างได้ผลเธอไม่รู้ว่าเขาเป็นใครกันแน่ ทำไมคนอย่างเฮียไช้ยังไม่กล้ามีเรื่องด้วย อีกทั้งยังมีท่าทีเกรงใจผู้ชายคนนี้อย่างเห็นได้ชัด เห็นทีคงต้องลองสอบถามจากประวุธหรืออิทธิพล เพื่อนของเธอเสียแล้วทว่า เธอจำได้แค่ชื่อเล่นของเขาที่ชื่อปก แต่ไม่รู้ว่าชื่อเต็มของเขาคืออะไร ถ้าบอกแค่ชื่อเล่นของเขาไป ไม่รู้ว่าเพื่อนทั้งสองคนจะเคยได้ยินบ้างหรือเปล่า"คู่หูไปไหนแล้วล่ะครับ" ปกเกล้าเป็นฝ่ายเริ่มชวนคุยก่อน"ฉันให้แวะเอารถอีกคันที่อู่แล้วขับตามหลังมาน่ะ" เธอตอบไปตามตรง ก่อนจะนึกเรื่องสำคัญขึ้นได้จึงพูดว่า"ขอบคุณนะคะเรื่องที่สนามแข่งวันนี้"ชายหนุ่มยิ้มมุมปากพลางลุกเดินเข้ามาใกล้"ไม่เป็นไรครับ ยินดีเป็นอย่างยิ่ง ผมเองก็ต้องขอโทษด้วยละกันที่ล่วงเกินคุณไปบ้าง แต
“ไม่!” เธอมองเขาตาเขียวก่อนจะรีบใส่เสื้อผ้าแล้วออกจากห้องนอนก่อนที่จะทนลูกอ้อนของเขาไม่ไหว เพราะสำหรับปกเกล้าแล้ว คำว่าแป๊บเดียวนั้นไม่เคยต่ำกว่ายี่สิบนาทีอลินดาลงไปรับภาวินกับแฟนสาวที่ล็อบบี้ชั้นล่าง สาวน้อยคนนั้นเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยอย่างที่ปกเกล้าว่าไว้จริงเสียด้วย“อ้าวลินดา อยู่กับไอ้ปกมันหรือ” ภาวินทักด้วยรอยยิ้มแต่สีหน้าเหมือนจะล้อเลียนเรื่องที่ตนลงมาช้าเพราะคงคิดว่าเธอกับปกเกล้ามัวแต่เล่นผีผ้าห่มกันอยู่บนเตียงกระมัง“เอ่อ...ค่ะ พี่ปกอาบน้ำอยู่ก็เลยให้ลินดาลงมารับ”“นี่มะลิ แฟนพี่เอง นี่พี่ลินดาแฟนพี่ปกเขาน่ะ” ภาวินแนะนำแฟนสาวให้รู้จัก อีกฝ่ายจึงยกมือไหว้พลางมองมาด้วยสายตาชื่นชมอย่างปิดไม่มิด อลินดาจึงรับไหว้และยิ้มกว้างพลางพูดว่า“ยังเด็กอยู่เลย พี่วินหลอกน้องเขามารึเปล่าคะเนี่ย”“เด็กอะไร ไม่เด็กแล้ว หน้าอ่อนเฉย ๆ หรอก แหม...เห็นพี่เป็นพวกโลลิคอนรึไง”เมื่อขึ้นมาถึงห้องพัก อลินดาจึงเดินไปหยิบน้ำมาให้แขก เป็นเวลาเดียวกับที่ปกเกล้าเดินออกมาจากห้องนอนพอดี
ปกเกล้าคลี่ยิ้มร้ายกาจ ความช่างยั่วแสนเซ็กซี่ของเธอนี่เป็นอย่างหนึ่งที่ถูกใจเขามากเช่นกัน และเขาก็ไม่รอให้เธออนุญาตหรือตั้งตัว ก้มลงจูบหญิงสาวทันทีท่ามกลางคนมากมายที่กำลังเดินออกจากผับ“โอเค ถือว่าดื่มไม่เยอะเท่าไร แต่เพื่อความปลอดภัยพี่ว่าเธอขับรถพี่กลับไปดีกว่าไหม” ไม่พูดเปล่า แต่เขาล้วงหยิบกุญแจรถจากกระเป๋ากางเกงมาใส่มือเธอด้วย เพราะสำหรับเขาแล้วความปลอดภัยไร้รอยขีดข่วนของอลินดาสำคัญที่สุด“ก็ได้” เธอหยิบกุญแจรถบิ๊กไบค์และหมวกกันน็อกของตัวเองยื่นส่งให้เขาบ้าง จากนั้นก็เดินออกไปที่ลานจอดรถรถซูเปอร์คาร์ของปกเกล้าหาไม่ยากนักเพราะน้อยคนที่จะมีรถแบบนี้ขับ หลังจากสตาร์ตเครื่องแล้วอลินดาก็ได้ยินเสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์รถบิ๊กไบค์อันแสนคุ้นหูอยู่ใกล้กับรถที่ตนนั่งอยู่ เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นปกเกล้าขี่เจ้าแพนเตอร์มาจอดรออยู่เบื้องหน้าแล้ว เธอจึงเลื่อนกระจกลงแล้วทำมือเป็นเชิงบอกให้เขาล่วงหน้าไปก่อนได้เลย เพราะเธอจะขับตามเขาไปเองปกเกล้าพยักหน้าแล้วเคลื่อนรถออกไปไม่เร็วนัก อลินดาจึงขับตามไป เมื่อชายหนุ่มเห็นว่าแฟนสาวขับตามมาแล้วจึงเร่ง
อลินดาขับรถบิ๊กไบค์คู่ใจเข้ามาจอดไว้ในบริเวณที่ทางสถานบันเทิงจัดเอาไว้ให้โดยมียูมิ เพื่อนสนิทขับอีกคันเข้ามาจอดคู่กัน ก่อนจะพากันเดินเข้าไปในผับชื่อดังของตัวเมืองบุรีรัมย์หญิงสาวอยู่ในชุดกางเกงยีนสกินนีกับเสื้อยืดพอดีตัวเช่นเคย ส่วนยูมินั้นสวมกางเกงยีนรัดรูปกับเสื้อสายเดี่ยวเอวลอยเพื่อโชว์รอยสักรูปเกอิชาบนแผ่นหลังที่เจ้าตัวแสนภาคภูมิใจอลินดามองหากลุ่มเพื่อนของตนที่นัดเอาไว้ แต่สายตาดันไปหยุดอยู่ที่โต๊ะของนักท่องราตรีกลุ่มหนึ่ง ซึ่งชายหนุ่มที่นั่งอยู่ในโต๊ะเธอก็คุ้นหน้าคุ้นตาดีทั้งสามคน แต่ที่ไม่คุ้นคือหญิงสาวอีกสามคนที่นั่งเบียดกับหนุ่ม ๆ เหล่านั้นจนแทบจะรวมร่างกันอยู่รอมร่อ“มึงเดินไปก่อนละกัน เดี๋ยวกูตามไป” อลินดาหันไปบอกเพื่อน ยูมิมองตามสายตาของอีกฝ่ายจึงแค่นยิ้มมุมปากพลางพูดว่า“ได้ แต่ถ้าจะตบก็เรียกกูด้วยละกัน พักนี้กูคัน อยากตบคน”อลินดาหัวเราะเบา ๆ แล้วพยักหน้าพูดว่า “เออ รู้แล้วน่า”จากนั้นหญิงสาวก็เดินไปยังโต๊ะที่ปกเกล้ากับเพื่อนอีกคนสองคนนั่งอยู่ เธอเห็นตั้งแต่ครั้งแรกแล้วว่าแฟ
ปกเกล้าก้าวลงจากรถสปอร์ตสีเทาดำแล้วเดินเข้าไปในคอนโดมิเนียมของแฟนสาว ขณะที่กำลังจะกดเรียกลิฟต์นั้น สายตาของชายหนุ่มก็เห็นร่างคุ้นตาของหญิงสาวที่เขาตั้งใจขับรถจากบุรีรัมย์มาหาเพราะอยากเห็นหน้า และชวนไปกินมื้อเย็นด้วยกันก่อนที่ตนจะต้องขับกลับไปทำงานที่จังหวัดบุรีรัมย์อีกครั้งอลินดากำลังยืนคุยอยู่กับชายหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งหากเป็นคนอื่นปกเกล้าคงไม่เข้าไปวุ่นวาย แต่ถ้าผู้ชายคนนั้นเป็นนครินทร์ ตำรวจหนุ่มที่จ้องจะตีท้ายครัวของตนเสมอเมื่อสบโอกาส เขาจึงไม่สามารถอยู่เฉยได้ ฉะนั้นปกเกล้าจึงเดินเข้าไปหาแฟนสาวแล้วโอบเอวของเธอพร้อมกับจูบขมับเบา ๆ เพื่อประกาศความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของทันที“ไงครับผู้กอง เพิ่งกลับหรือครับ” ปกเกล้ายิ้มให้ชายหนุ่มตรงหน้าขณะที่มือก็เลื่อนขึ้นมาโอบบ่าของอลินดาไว้“ครับ เพิ่งมาถึงก็เจอคุณลินดาพอดี” นครินทร์ยิ้มตอบ“ผู้กองเขาชวนไปกินข้าวหน้าคอนโดฯ น่ะ พี่กินอะไรมารึยังล่ะ”อลินดาหันไปถามแฟนหนุ่มพร้อมกับยิ้มบาง ๆ เมื่อเห็นอาการขี้หวงของใครบางคนกำเริบ“กินอะไรเล่า เดี๋ยวเราต้องร
“เรื่องนั้นมันก็ต้องแน่นอนอยู่แล้ว ถ้าเรามีลูกพี่ก็คงอยากให้ลูกเข้าเรียนที่กรุงเทพฯ มากกว่าเพราะใกล้ญาติพี่น้องทางนี้ เวลามีเรื่องอะไรจะได้ช่วยเหลือกันได้ง่ายกว่าอยู่บุรีรัมย์”“ถ้าเราแต่งงานกัน พี่ไปอยู่บ้านลินได้ไหมล่ะ แม่ของลินจะได้ไม่ต้องอยู่คนเดียว เพราะบ้านพี่ก็มีพี่ป้องกับพี่ก้อยอยู่ที่นั่นแล้ว”“ได้สิไม่มีปัญหา” เขายิ้มมุมปากพลางเลื่อนมือลงต่ำไปที่บั้นท้ายงามงอนแล้วเลิกชายกระโปรงของเธอขึ้นแล้วพูดว่า“แต่เราอาจต้องทำห้องนอนใหม่นะ เอาแบบที่เก็บเสียงได้ดีหน่อย ไม่อย่างนั้นแม่ของลินอาจจะนอนไม่หลับเพราะเสียงตอนพี่กระแทกเธอคงดังรบกวนท่านแน่นอน” ไม่พูดเปล่า แต่เขายังจ่ออาวุธประจำตัวเข้าที่จุดเดิมแล้วเริ่มขยับสะโพกอย่างเป็นจังหวะ มือทั้งสองข้างก็จับชายชุดกระโปรงของหญิงสาวแล้วดึงขึ้นเพื่อถอดออกไปทางศีรษะ จนในที่สุดร่างเซ็กซี่เย้ายวนที่เขาหลงใหลก็ปรากฏต่อสายตา“ไหนว่าจะนวดให้ไง” เสียงแหบพร่าของเธอกระท่อนกระแท่นไปตามแรงกระแทกกระทั้น“ขออีกยกแล้วจะนวดให้ รับรองว่าเธอจะติดใจฝีมือการนวดของ
“แล้วคิดว่าไงล่ะ” แค่เธอลูบคลำไปมา เจ้าสิ่งที่อยู่ในกางเกงก็ประกาศศักดาสู้มือทันทีราวกับสั่งได้“จะไวไฟไปแล้วนะ” อลินดาแค่นยิ้มให้แฟนหนุ่ม“ไม่ไวได้ไงเล่า พี่ไม่ได้เมกเลิฟกับเธอนานแล้วนะ กระสุนเต็มรังแล้วเนี่ยไม่ได้ยิงออกไปสักที” ปกเกล้าปลดกระดุมกางเกงยีนเพื่อปล่อยอาวุธประจำกายให้เป็นอิสระ จากนั้นก็ยกมือขึ้นแตะศีรษะหญิงสาวเป็นเชิงบอกใบ้ ซึ่งเธอรู้ดีว่าเขาหมายถึงอะไร เพราะการทำแบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรก“นานอะไรกัน ยังไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์เลย หื่นไม่เข้าเรื่อง” อลินดายิ้มมุมปาก“สามวันก็จะขาดใจแล้ว นะที่รัก” ปกเกล้าออดอ้อนเสียงอ่อน ก่อนจะครางออกมาเบา ๆ เมื่อปลายลิ้นอ่อนนุ่มที่เขาหลงใหลปัดป่ายอยู่ตรงส่วนหัวแล้วลากไล่จากโคนถึงปลาย ตามมาด้วยความอุ่นร้อนจากโพรงปากที่กำลังกลืนกินเขาเข้าไปทีละนิดจนหมดชายหนุ่มชะลอรถให้วิ่งช้าลง เขาไม่กลัวรถคันอื่นจะมองมาแล้วเห็นว่าแฟนสาวคนสวยของเขากำลังก้มหน้าทำอะไรให้เพราะกระจกติดฟิล์มดำ อีกทั้งการขับรถไปแบบเสียว ๆ นี้ทำให้เขาตื่นเต้นและอารมณ์พลุ่งพล่านถึงขีดสุด ส่งผลให้
อลินดายืนกอดอกมองคนที่กำลังเปิดประตูเข้ามาในร้านพิมาลินสปาด้วยแววตาขบขัน จำได้ว่าเมื่อวานปกเกล้าเพิ่งพูดกับเธอว่าจะไม่เข้ากรุงเทพฯ หลายวันเพราะต้องเตรียมเรื่องการจัดแข่งขันรถยนต์ให้กับสมาชิกของทริปเปิลเอกซ์ เขายังบอกเธอด้วยว่าไม่ต้องคิดถึงเขามากเกินไปจนไม่เป็นอันกินอันนอน แต่ทำไมคนพูดถึงได้มาโผล่ที่นี่เวลานี้ได้เล่า“มาทำไมคะคุณปกเกล้า” เธอถามยิ้ม ๆ“มาหาข้าวกิน ไปกินข้าวเป็นเพื่อนหน่อยสิ” พูดจบเขาก็คว้าข้อมือเธอแล้วจะดึงไปข้างนอก แต่จู่ ๆ ชายหนุ่มก็หันมาพูดว่า“ไม่กินแถวนี้นะเบื่อแล้ว ไปกินข้างนอกกันบ้างดีกว่า”หญิงสาวพยักหน้าช้า ๆ “ก็ได้ ขอไปหยิบกระเป๋าก่อนนะ”หลังจากนั้นอลินดาก็ขึ้นรถไปกับปกเกล้า ชายหนุ่มขับไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงร้านอาหารแห่งหนึ่ง หญิงสาวรู้สึกสงสัยจึงถามไปว่า“นึกยังไงถึงพามากินที่นี่ และทำไมต้องร้านนี้ด้วยล่ะ”“ความจริงแล้วพี่นัดเพื่อนไว้น่ะ”“อ้าว นัดเพื่อนไว้แล้วพี่จะลากลินมาด้วยทำไมเนี่ย”“ก็อยากพามาด้วยนี่
“ไปกินเค้กวันเกิดเว้ย” ชินดนัยตอบทั้งรอยยิ้ม“ตอนกินใส่ชุดวันเกิดด้วยละสิท่า โธ่เอ๊ย สุดท้ายก็เห็นหญิงดีกว่าเพื่อนนะมึงเนี่ย” ปกเกล้าหยิบเม็ดมะม่วงหิมพานต์ในจานกับแกล้มปาใส่เพื่อนด้วยความหมั่นไส้ แต่ชินดนัยเอาแต่ยิ้มอย่างอารมณ์ดีพลางโบกมือให้แล้วเดินจากไปเมื่อเหลือกันอยู่สามคน ปกเกล้าจึงชี้ไปที่ภาวินแล้วพูดกับหญิงสาวว่า“รู้จักเครื่องสำอางแบรนด์เอเอ็นเอสไหม คนนี้แหละคือเจ้าของ”อลินดาเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ เครื่องสำอางแบรนด์นี้ใครบ้างจะไม่รู้จัก ไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะได้มาเจอกับเจ้าของแบรนด์ตัวจริงเสียงจริง หนำซ้ำยังเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีอีกด้วย“สนใจเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้แบรนด์พี่ไหมครับ พี่ว่าน้องสวยกว่าดาราบางคนซะอีกนะ” ภาวินได้โอกาสจึงชักชวนให้มาเป็นนางแบบเครื่องสำอางแบรนด์ของตนทันที แต่สุดท้ายก็ถูกปกเกล้าเบรกตัวโก่ง“ไม่ให้เว้ย”“อ้าว มึงมีสิทธิ์อะไรไปห้ามน้องเขาเนี่ยไอ้ปก มึงเป็นอะไรกับเขา”ภาวินแกล้งโวยวาย“กูเป็นแฟนเขา ก็กูไม่ให้อะมีปัญหา
อลินดายืนกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มที่เดิม หลังจากเก็บเงินในกระเป๋าสตางค์เรียบร้อยแล้วจึงหันกลับมา เธอเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นเทรนเนอร์หนุ่มคนเดิมยืนยิ้มให้อย่างเคย“พักนี้ผมไม่ค่อยเจอคุณเลย อยู่อีกสาขาหรือครับ”“ใช่ค่ะ ดูแลสลับกันไปเรื่อย ๆ” ในเมื่อเขาชี้นำคำตอบมาให้แล้ว เธอจึงไม่จำเป็นต้องคิดหาคำตอบอื่นเพราะไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่จะต้องบอกเขาว่าตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเธอไปอยู่บุรีรัมย์ทั้งเดือน“ถึงว่าสิครับ ไม่เจอเลย ตอนแรกแอบใจหายนึกว่าคุณลาออกไปแล้วเสียอีก”“งานสมัยนี้หายากจะตาย จะลาออกทำไมละคะ”เธอมองไปทางหน้าร้านสปาของตน เห็นมีลูกค้ากำลังเดินเข้าไปจึงเอ่ยปากขอตัวกับเขา ชายหนุ่มจึงพูดว่า“ผมยังเสนอให้คุณเหมือนเดิมนะครับถ้าคุณสนใจจะนวด ผมบริการให้ฟรีเลยถ้าเป็นคุณ”ช่วงนี้อรชุมาไม่ได้เรียกใช้บริการเขาแล้วเพราะเจ้าหล่อนติดใจหมอนวดหนุ่มคนอื่น อีกทั้งพักหลังนี้อรชุมาจะติดใจการนวดแล้วนาบแบบแซนวิชที่ต้องใช้หมอนวดชายสองคน เขาจึงไม่ต้องหลอกล่อสาวสวยคนนี้ให้มาใช้บริ