Share

บทที่ 1 อลินดา - 100%

"ไม่หรอกค่ะพี่แวว แค่ส่วนน้อยเท่านั้น เพียงแต่คนส่วนใหญ่มักจะมีภาพจำที่ติดตาว่าผู้ชายที่กล้ามใหญ่หุ่นล่ำบึ้กมักเป็นเกย์ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลยพี่ พวกเทรนเนอร์น่ะเขามีหน้าที่แนะนำการออกกำลังกายให้คนอื่น เพราะฉะนั้นตัวเองก็ต้องหุ่นดีไว้ก่อน และที่สำคัญคือต้องเฟรนด์ลี่มาก ๆ พูดเพราะช่างเอาอกเอาใจ ยิ้มง่ายคุยเก่ง เพราะแบบนี้มั้งก็เลยดูเหมือนเกย์"

"น้องลินดารู้ดีจังเลย เคยจ้างเทรนเนอร์หรือคะ" แวววรรณถามยิ้ม ๆ อลินดาจึงอดหัวเราะไม่ได้

"เปล่าหรอกค่ะพี่ แต่ลินดามีเพื่อนเป็นเทรนเนอร์ในฟิตเนสอยู่คนหนึ่งก็เลยรู้เรื่องพวกนี้มาบ้าง"

ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้คุยอะไรต่อ โทรศัพท์มือถือของอลินดาที่วางอยู่บนโต๊ะก็สั่นครืดคราดเป็นสัญญาณว่ามีคนโทร. เข้า ครั้นพอหญิงสาวเห็นชื่อผู้ที่โทรศัพท์เข้ามาจึงคว้ามันมาถือไว้แล้วเดินออกไปนอกร้านพลางกดรับสาย

"ว่าไงกั๊ต"

"ไอ้ลิน! ข่าวดีเว้ยมึง เฮียไช้เขาดูการแข่งของมึงเมื่ออาทิตย์ก่อนแล้วเขาสนใจอยากได้มึงมาเข้าสังกัดว่ะ" น้ำเสียงตื่นเต้นของกั๊ต กฤษณะเพื่อนสนิทที่ร่วมก๊วนบิ๊กไบค์ด้วยกันโพล่งขึ้นมาตามสายทำให้คนที่ฟังอยู่ถึงกับเบิกตากว้าง

"เฮ้ยถามจริง มึงอำกูรึเปล่าเนี่ยไอ้กั๊ต"

ด้วยความตื่นเต้นตกใจจึงทำให้อลินดาลืมตัวใช้คำเรียกขานอันแสนสนิทสนมระหว่างตนกับเพื่อน ทั้งที่ปกติแล้วหญิงสาวจะพูดจาแบบนี้เฉพาะเวลาที่อยู่กับกลุ่มเพื่อนสนิท หรือคุยตามลำพังเท่านั้น แต่เวลาอยู่ข้างนอกหรือที่สาธารณะ เธอจะใช้คำที่สุภาพกว่านี้

"กูจะไปอำมึงทำไมเล่า เรื่องจริงเว้ย เสาร์นี้มึงมาที่นี่เลยนะ เฮียไช้เขาอยากคุยกับมึง"

"เสาร์นี้เลยหรือ งานทางนี้กำลังยุ่งเลยว่ะเพราะเพิ่งเปิดสาขาใหม่ เอาเป็นว่าเดี๋ยวจะโทร. บอกอีกทีละกันว่าจะไปได้วันไหน ขอคุยกับคุณแม่ก่อน"

อลินดาแบ่งรับแบ่งสู้เพราะไม่อยากให้มารดาหัวหมุนอยู่คนเดียว แต่จะไม่ไปก็ไม่ได้เพราะโอกาสการได้เข้าเป็นนักแข่งที่มีสังกัดนั้นไม่ได้มีมาบ่อย ๆ

"ว่าแต่เฮียเขานึกยังไงถึงอยากให้กูเข้าสังกัดวะกั๊ต แข่งครั้งล่าสุดกูไม่ติดหนึ่งในห้าด้วยซ้ำ" เธออดสงสัยไม่ได้เพราะแข่งครั้งที่ผ่านมาตนทำผลงานได้ไม่ดีนักเพราะไม่คุ้นกับสนาม อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกที่ได้ลงสนามแข่งของที่นี่อีกด้วย

"เขาก็คงเห็นแววมึงนั่นแหละมั้ง ลองมาคุยกับเขาก่อนละกัน ถ้าไม่โอเคมึงก็ไม่ต้องเซ็นสัญญา"

"อืม จะไปวันไหนแล้วจะโทร. บอกอีกทีละกัน แค่นี้ก่อนนะ"

อลินดากดวางสายทั้งรอยยิ้ม ไม่น่าเชื่อว่าการลงสนามแข่งครั้งแรกของตนจะไปเข้าตาค่ายดังของวงการแข่งขันซูเปอร์ไบค์เข้าจนได้

"จะบอกคุณแม่ยังไงดีเนี่ย" หญิงสาวถอนหายใจแผ่วเพราะก่อนหน้านี้เพิ่งบอกมารดาไปว่าเดือนหน้าตนถึงจะเข้าไปดูงานที่เกสต์เฮ้าส์ ช่วงนี้จึงมีเวลาดูแลสปาสาขาใหม่ได้เต็มที่ ทว่าเห็นทีคราวนี้ตนคงต้องผิดคำพูดเสียแล้ว

ช่วงสายของวันเสาร์ ในที่สุดอลินดาก็พาเจ้าแพนเตอร์ ดูคาติสีดำออกมาโลดแล่นบนถนนได้สำเร็จตามที่หวัง คราแรกหญิงสาวตั้งใจจะออกเดินทางตั้งแต่ช่วงกลางดึกที่ผ่านมา แต่มารดาไม่อนุญาตเพราะไม่อยากให้ขับรถตอนกลางคืน ดังนั้นเธอจึงต้องออกจากบ้านตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อขับรถมาจอดไว้ที่คอนโดมิเนียมแล้วขี่รถบิ๊กไบค์คู่ใจมุ่งหน้าสู่จังหวัดบุรีรัมย์

ใช้เวลาแค่สี่ชั่วโมงอลินดาก็ถึงที่หมาย หญิงสาวจอดรถที่ปั๊มน้ำมันเพื่อโทรศัพท์หากฤษณะเพราะก่อนหน้านั้นเจ้าตัวส่งข้อความมาบอกว่าถ้าเธอมาถึงก่อนเที่ยงให้โทรศัพท์ติดต่อเขาก่อน แต่ถ้าหลังเที่ยงเป็นต้นไปก็ให้เธอเข้าไปที่เกสต์เฮ้าส์ได้เลย

"เออ มาถึงแล้ว ตอนนี้อยู่ตรงปั๊มใกล้สี่แยก"

หญิงสาวยู่หน้าเล็กน้อยเพราะอากาศที่ร้อนอบอ้าว ตอนวิ่งอยู่บนถนนลำตัวปะทะกับสายลมตลอดจึงไม่รู้สึกว่าร้อนเท่าไรนัก ทั้งยังใส่เสื้อแจ็กเก็ตกันลมทับเสื้อยืดด้านใน ทว่าพอจอดรถนิ่ง ๆ ไม่ถึงหนึ่งนาที เธอก็รู้สึกได้ถึงเหงื่อที่ผุดซึมออกมาตามไรผมแล้วเพราะตนไม่ได้ถอดหมวกกันน็อกออก

"โวะ! ถึงเร็วจังวะ นี่มึงขี่หรือมึงวาร์ปมาเนี่ยไอ้ลิน งั้นมึงขี่มาร้านไอ้อู๋เลย กูอยู่กับไอ้อู๋ไอ้เปลวเนี่ย"

"แล้วตกลงมีเรื่องอะไรถึงให้โทร. หาถ้ามาถึงก่อนเที่ยง" เธออดถามไม่ได้เพราะฟังดูเหมือนเพื่อนมีเรื่องสำคัญจะบอก

"ไม่มีอะไร ก็ถ้ามึงมาถึงก่อนเที่ยงจะได้แวะมากินข้าวร้านไอ้อู๋ก่อนไง"

"เอ๊า! ก็นึกว่ามีเรื่องอะไร โอเคแล้วเจอกัน"

อลินดากดตัดสายแล้วเดินทางต่อเพื่อไปยังจุดนัดพบซึ่งเป็นร้านอาหารกึ่งคาเฟ่ของอู๋ อิทธิพลกับเปลว ประวุธที่ลงขันทำด้วยกัน

คล้อยหลังรถของอลินดาที่ขับออกจากปั๊มน้ำมันไป รถเฟอร์รารี่สีเทาดำก็ขับเข้ามาในปั๊มในเวลาไล่เลี่ยกัน กระจกรถฝั่งคนขับเลื่อนลงเมื่อเห็นพนักงานในปั๊มเดินเข้ามาหา

"เก้าห้าเต็มถังครับ" ปกเกล้าบอกกับเด็กปั๊มเสร็จก็เลื่อนกระจกขึ้นตามเดิม เป็นเวลาเดียวกับที่แขนซ้ายของตนถูกความนุ่มหยุ่นเข้ามาบดเบียด

"เสียดายจังค่ะ พี่ปกไม่น่ามีธุระเลย กิฟต์ยังไม่อยากกลับห้องตอนนี้เลยค่ะอยากอยู่กับพี่มากกว่า"

หญิงสาวพูดพลางเบียดหน้าอกกับต้นแขนของเขาอย่างออดอ้อน มือข้างหนึ่งลูบไปมาบนแผงอกหนั่นแน่นของปกเกล้าราวกับต้องการยั่วให้ชายหนุ่มเปลี่ยนใจไม่ไปธุระ จะได้อยู่กับตนต่อ

"ก็อยู่กันมาทั้งคืนแล้วไง ให้พี่ไปทำมาหากินบ้างสิครับคนสวย"

ปกเกล้ายิ้มมุมปาก ก่อนจะหันไปมองที่ตู้จ่ายน้ำมันว่าเสร็จหรือยัง เขามองอยู่สักพักเมื่อเห็นว่าตัวเลขบนตู้เริ่มวิ่งช้าลงจึงหยิบเงินจากกระเป๋าสตางค์ออกมาเตรียมไว้

"ถ้าอย่างนั้นคืนนี้พี่ปกอย่าลืมโทร. หากิฟต์นะคะห้ามลืมด้วย"

หญิงสาวเอนศีรษะซบลงกับต้นแขนของเขาก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อได้ยินเสียงเขารับปาก

"อืม"

หลังจากจ่ายเงินค่าน้ำมันแล้ว ปกเกล้าก็ขับไปส่งหญิงสาวที่เพิ่งเจอกันเมื่อคืนในผับชื่อดัง และชวนกันไปเปิดโรงแรมเพื่อหาความสุขเช่นที่เคยทำบ่อย ๆ กว่าเจ้าหล่อนจะยอมลงจากรถก็อ้อยอิ่งอาลัยอาวรณ์อยู่นาน หากแต่ชายหนุ่มก็มีความอดทนมากพอที่จะไม่หงุดหงิดใส่ เขาเพียงยิ้มและรับปากส่ง ๆ ไปว่าจะติดต่อหาเธออีกครั้ง จากนั้นก็รีบขับรถออกจากอพาร์ตเมนต์ของหญิงสาวเพื่อไปร้านอาหารที่นัดกับเพื่อนไว้

"อีกสิบนาทีกูไปถึงแล้ว สั่งข้าวไว้ให้กูด้วย"

ปกเกล้าโทรศัพท์บอกเพื่อนเพราะตั้งแต่เมื่อคืนจนกระทั่งบัดนี้ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเขาเลย หนำซ้ำยังเสียพลังงานไปกับกิจกรรมบนเตียงอีกด้วย

ชายหนุ่มไปถึงร้านอาหารเร็วกว่าที่คิด เขาจอดรถไว้ตรงลานโล่งด้านข้างร้านอาหารซึ่งทำเป็นลานจอดรถสำหรับลูกค้า ขณะที่กำลังเดินไปหน้าร้าน สายตาของปกเกล้าก็สะดุดเข้ากับรถจักรยานยนต์ยี่ห้อดูคาติสีดำที่จอดหลบแดดอยู่ใต้ต้นไม้ สองขาของเขาจึงเปลี่ยนทิศทางไปตรงนั้นโดยอัตโนมัติ

จะใช่ไหมวะ...

ปกเกล้าได้แต่สงสัยอยู่ในใจ คืนที่แข่งกับสาวบิ๊กไบค์คนนั้นเขาก็ไม่ได้สนใจมองทะเบียนรถด้วยว่าเป็นเลขอะไร แต่คนที่ขี่รถ Ducati Monster 821 รุ่นล่าสุดก็ใช่ว่าจะมีเยอะจนเจอกันได้ง่ายดายอย่างนี้

ในเมื่อรถจอดอยู่ที่นี่ก็หมายความว่าเจ้าของรถคงอยู่ในร้านกระมัง

มุมปากของชายหนุ่มยกขึ้นเป็นรอยยิ้มบาง ๆ ก่อนจะก้าวยาว ๆ เข้าไปในร้านอาหารทันที

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status