แชร์

บทที่ 1 อลินดา - 75%

"บรื้น ๆ รถแบตแมนมาแล้ว" รถไฟฟ้าสำหรับเด็กเล็กที่ทำเลียนแบบรถซูเปอร์คาร์คันจิ๋วค่อย ๆ เคลื่อนเข้ามาในห้องนั่งเล่นโดยผู้ทำหน้าที่ขับคือปกปักษ์ หลานชายหัวแก้วหัวแหวนของบ้านหลังนี้ และเป็นบุตรชายวัยสี่ขวบของปกป้องกับกวิสรา

เกศรินหันไปหาเจ้าของเสียงพร้อมกับยิ้มกว้างพลางลุกขึ้นเดินไปหาหลานชายตัวน้อย "ตาโป้ง มาให้ย่าหอมหน่อยเร็ว แล้วนี่อะไรกัน ได้คันใหม่มาอีกแล้วหรือ ใครซื้อให้เนี่ย"

ผู้เป็นย่ามองรถคันสีแดงแปะยี่ห้อเฟอร์รารี่ที่หลานชายนั่งอยู่พลางขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

"อาปกซื้อให้คับ" เด็กน้อยตอบพลางมองหน้าผู้เป็นอาแล้วยิ้มกว้าง

"เจ้าปก!" เกศรินเรียกชื่อบุตรชายอย่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน แต่ไม่อยากโวยวายเสียงดังเพราะกลัวหลานตัวน้อยจะตกใจ แต่คนถูกคาดโทษกลับยิ้มระรื่นพลางลุกขึ้นนั่งแล้วพูดกับหลานชายด้วยน้ำเสียงฮึกเหิมว่า

"เป็นลูกผู้ชายทั้งทีจะมีรถคันเดียวได้ยังไง จริงไหมโป้ง"

"จริงคับ!" เด็กชายปกปักษ์ตอบรับอย่างขึงขังเช่นกัน ผู้เป็นย่าจึงหันไปพูดกับหลานชายว่า

"ตาโป้ง ของเล่นทุกอย่างรถทุกคันที่ได้มา หนูเล่นแล้วต้องรักษาให้ดีรู้ไหมลูก อย่าเล่นทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ วันนี้เล่นคันนี้ วันพรุ่งนี้ก็เล่นคันเก่าสลับกันไป อย่าทิ้งให้คันอื่นต้องน้อยใจล่ะรู้รึเปล่า"

"รู้คับ" เด็กน้อยรับคำผู้เป็นย่าแล้วก็ขับรถเคลื่อนไปข้างหน้าพร้อมกับทำเสียงเครื่องยนต์ไปด้วยโดยมีสายตาของเกศรินมองตามไป ครั้นพอคล้อยหลังปกปักษ์แล้วจึงหันมาเล่นงานบุตรชายตัวดี

"เจ้าปก แกจะทำให้หลานเคยตัวอยากได้แต่ของใหม่นะ คันเก่าก็ยังวิ่งได้อยู่แท้ ๆ"

"โธ่แม่ ก็ผมเห็นว่ามันสวยดีเหมือนเฟอร์รารี่ย่อส่วนเลย ราคาก็ไม่เท่าไรเลยซื้อให้ตาโป้งไว้ขับเล่นในบ้าน" ปกเกล้าหยิบแก้วน้ำตรงหน้ามาดื่มกลั้วคอ

"ไอ้ราคาไม่เท่าไรของแกน่ะมันกี่หมื่นยะ พอเลยนะ ต่อไปนี้แม่สั่งห้ามเลยว่าอย่าซื้ออะไรที่ฟุ่มเฟือยให้หลานอีก ให้เฉพาะในโอกาสพิเศษก็พอ ไม่ใช่เอะอะอะไรก็ซื้อให้"

"รับทราบครับผม แล้วนี่แม่ไปไหนมาครับเนี่ย ผมได้กลิ่นหอม ๆ ไปสปามาหรือครับ" ชายหนุ่มรู้ดีว่ามารดาของตนชื่นชอบการทำสปาเพื่อผ่อนคลาย ท่านไปแทบทุกอาทิตย์เลยก็ว่าได้ ขณะที่บิดานั้นชอบดูการแข่งขันชกมวยจึงมักไปสนามมวยลุมพินีที่รามอินทราเสมอ

"ใช่ เป็นสปาของเพื่อนแม่เองแหละ คิดแล้วก็ตลกดี แม่ไปใช้บริการที่สปานั้นมาเกือบปีแต่เพิ่งรู้ว่าเจ้าของก็คือเพื่อนตัวเอง เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ใช้บริการคนกันเองก็สบายใจดี"

เกศรินยังคงอุบเรื่องอลินดาเอาไว้ไม่ยอมพูดถึง เพราะตั้งใจไว้แล้วว่าจะให้มาเจอกันทีเดียวโดยที่ไม่ต้องมีการเกริ่นนำใด ๆ ทั้งสิ้น

"แม่เอากระเป๋าไปเก็บก่อน จะได้เตรียมตัวทำมื้อเย็นด้วย" พูดจบก็ลุกเดินขึ้นไปบนห้อง เป็นเวลาเดียวกับที่ปกป้อง พี่ชายของปกเกล้าเดินออกมาจากห้องทำงานพอดี

"เรื่องที่จะเป็นสปอนเซอร์ให้ปีย์ ชนะพลทางกูโอเคนะ" ปกป้องพูดพลางนั่งบนโซฟาทางด้านซ้ายมือ

"อืม นักแข่งคนนี้ดูแววแล้วกูว่าอนาคตไกล ถ้ามึงโอเคกูจะได้โทร. ไปบอกให้ก้องมันไปคุยกับเขาเลย" ปกเกล้าคุยกับพี่ชายเหมือนคุยกับเพื่อนสนิท เพราะสองพี่น้องคู่นี้อายุห่างกันแค่สองปีเท่านั้น

"ถ้ากูอยากเป็นสปอนเซอร์ให้นักแข่งบิ๊กไบค์ด้วย มึงคิดว่าไงวะป้อง"

ปกเกล้าพูดพลางยิ้มมุมปาก ภาพของหญิงสาวเสียงห้าวตาคมสวยที่นั่งคร่อมอยู่บนรถดูคาติสีดำคันใหญ่ยังคงติดอยู่ในใจเขาจนกระทั่งตอนนี้

เขาอยากรู้จักและอยากเห็นใบหน้าเต็ม ๆ ของผู้หญิงคนนั้นเหลือเกิน ทั้งที่ได้คุยกันแค่ไม่กี่นาที ได้แข่งขันในระยะเวลาสั้น ๆ แม้เขาจะแข่งชนะแต่เขากลับรู้สึกว่าคนที่แพ้คือตนต่างหาก

ถ้าเดาไม่ผิด สาวดูคาติคนนั้นจะต้องพักอยู่ในกรุงเทพฯ เป็นแน่ และการจะหาตัวเธอที่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย มีทางเดียวก็คือรอจนถึงเดือนหน้าที่จะมีการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบอีกครั้ง เมื่อถึงเวลานั้น เขาก็หวังว่าตนจะได้ทำความรู้จักกับหญิงสาวที่มีเสน่ห์ดึงดูดใจเขาตั้งแต่แรกเห็นคนนี้สักที

"หืม นึกยังไงวะ คิดจะเปิดศูนย์แต่งรถบิ๊กไบค์ด้วยรึไง" ปกป้องถามอย่างแปลกใจเพราะแต่ไรมาไม่เคยเห็นว่าน้องชายจะสนใจรถซูเปอร์ไบค์มาก่อน

"ก็คิดอยู่ มันก็น่าลองนะ กลุ่มคนที่เล่นบิ๊กไบค์เริ่มกว้างขึ้นด้วย"

ปกเกล้าพูดไปตามที่ตนคิด เพราะปัจจุบันนี้ผู้ที่นิยมรถซูเปอร์ไบค์เพิ่มขึ้นจากเมื่อก่อนหลายเท่าตัวนัก

"ไม่ใช่ว่ามึงไปปิ๊งสาวเรซควีนแถวนั้นล่ะ" ปกป้องมองน้องชายอย่างรู้ทัน แต่ปกเกล้าเพียงยิ้มบาง ๆ แล้วพูดว่า

"ทำมาเป็นรู้ดี คนอย่างกูถ้าคิดจะจีบสาวสักคนคงไม่ลงทุนเปิดศูนย์ใหม่หรอก โถ คุณพี่ชายครับ กูไม่ได้บ้ากามขนาดนั้นหรอกครับผม"

เขาไม่ได้สนใจสาวเรซควีนแสนเซ็กซี่เหล่านั้น แต่เขาสนใจนักแข่งสาวใจถึงต่างหากเล่า

หนึ่งอาทิตย์ถัดมา อลินดายังคงเทียวไปเทียวมาเพื่อดูแลร้านพิมาลิน สปาทั้งสามสาขาสลับกับมารดาเช่นเคย หลายวันแล้วที่ไม่ได้สัมผัสบิ๊กไบค์คู่ใจ หญิงสาวเริ่มคิดถึงความรู้สึกตอนที่ได้โลดแล่นท้าสายลมอยู่บนถนน ใจนึกอยากกลับคอนโดมิเนียมซึ่งเป็นรังลับของตนแล้วพาเจ้าแพนเตอร์ ดูคาติสีดำออกไปเที่ยวเล่นไกล ๆ สักแห่ง หากแต่ก็ยังไม่สามารถทิ้งงานทางนี้ไปได้ ทำได้เพียงโทรศัพท์คุยกับเพื่อนที่คอยดูแลเกสต์เฮ้าส์ที่บุรีรัมย์ และมีบ้างที่ออกไปกินข้าวสังสรรค์กับเพื่อนในกลุ่มซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็นผู้ชาย

หลังจากที่ตรวจดูรายได้ของสาขาใหม่ซึ่งเปิดทำการมาได้เพียงไม่กี่วันเสร็จเรียบร้อยแล้ว อลินดาก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจเพราะได้ลูกค้ากลุ่มใหม่หลายคน

"ดูเหมือนว่าลูกค้าของเราส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าจากฟิตเนสข้าง ๆ นี่ด้วยนะคะพี่แวว" เธอยิ้มให้แวววรรณ ผู้จัดการร้านสปาก่อนจะมองไปทางฟิตเนสที่อยู่ห่างจากร้านไปเพียงไม่กี่ก้าว

"ใช่ค่ะ ส่วนใหญ่ออกกำลังกายเสร็จก็จะมาทำสปาตัวสปาหน้า ไม่ค่อยมานวดกันเท่าไรแต่จะเน้นไปทางบำรุงผิวมากกว่าโดยเฉพาะคอร์สนี้ขายดีมากค่ะ" แวววรรณชี้ไปที่คอร์สบำรุงผิวที่ว่า ซึ่งเป็นรายการขัด ลอก พอก นวดใบหน้าด้วยผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรซึ่งเป็นสูตรของทางร้าน

อลินดาพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้แล้วพูดว่า "เป็นธรรมดาค่ะพี่แวว เพราะเท่าที่ลินดารู้มาพวกเทรนเนอร์ในฟิตเนสเขาจะนวดคลายเส้นให้ลูกค้าหลังออกกำลังกายด้วย"

"อ้อ มิน่าล่ะถึงไม่ซื้อคอร์สนวดกันเลย แสดงว่าค่าเทรนเนอร์นี่ก็คงจะแพงน่าดูสินะคะ" แวววรรณถาม

"ลินดาก็บอกไม่ถูกค่ะพี่ แล้วแต่คนจะคิด แต่ที่รู้ ๆ คือเทรนเนอร์แต่ละคนเขาก็จะมีเลเวลของตัวเองด้วย คนที่เลเวลสูงค่าเทรนต่อชั่วโมงก็จะแพงหน่อย ตกคอร์สหนึ่งก็หลายหมื่น บางคนเป็นแสนก็มี แต่ลูกค้าบางคนเขาก็ยอมจ่ายเพื่อสุขภาพ เพราะเทรนเนอร์เขาจะดูแลตลอดคอร์ส อยากลดส่วนไหนหรืออยากเพิ่มส่วนไหนเขาก็จะแนะนำอุปกรณ์หรือท่าออกกำลังกายที่เหมาะสมให้"

แวววรรณพยักหน้าขึ้นลงเป็นเชิงรับรู้ จากนั้นเจ้าตัวเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้จึงยื่นหน้าไปกระซิบถามอลินดาอีก

"แล้วจริงไหมคะที่เขาว่ากันว่าเทรนเนอร์ส่วนใหญ่เป็นเกย์"

ได้ยินคำถามนี้อลินดาก็หัวเราะเบา ๆ แล้วตอบว่า

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status