ปกเกล้ามองหานรเชษฐ์กับตฤณภพ เพื่อนที่นัดไว้ เมื่อเห็นอีกฝ่ายโบกมือเรียกจึงเดินเข้าไปหาแล้วนั่งบนเก้าอี้ตัวที่ว่างอยู่ บนโต๊ะมีกับข้าวเพียงหนึ่งอย่างทำให้คนหิวจนไส้กิ่วอย่างเขาต้องขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่สบอารมณ์
"อะไรวะ ทำไมมีกับข้าวแค่อย่างเดียว แล้วไหนข้าว"
ปกเกล้าตักอาหารจานนั้นเข้าปากทันทีโดยไม่รอข้าวสวย
"กูสั่งไปแล้ว มึงก็รอหน่อยครับ นี่มันตอนเที่ยงคนอื่นเขาก็มากินข้าวเหมือนกัน" นรเชษฐ์พูดพลางใช้ช้อนตักอาหารมากินบ้าง
"เมื่อคืนใช้แรงเยอะละสิมึง หิวโซมาเชียว"
ตฤณภพพูดยิ้ม ๆ เพราะเมื่อคืนเขาเห็นปกเกล้านัวเนียอยู่กับหญิงสาวคนหนึ่งในผับ จากนั้นก็พากันออกไปข้างนอกตั้งแต่ผับยังไม่เลิก ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าปกเกล้าพาสาวสวยคนนั้นไปไหน
"ตื่นมากูโคตรหิวเลย"
ปกเกล้าพูดเสียงอู้อี้เพราะอาหารยังเต็มปาก เป็นเวลาเดียวกับที่พนักงานเสิร์ฟนำกับข้าวอีกสองอย่างมาวางบนโต๊ะพร้อมข้าวสวยร้อน ๆ หนึ่งโถ ชายหนุ่มจึงจัดแจงตักข้าวใส่จานตัวเองโดยไม่รอพนักงานทำให้
หลังจากกินไปได้ครึ่งจานความหิวของเขาก็บรรเทาลง ปกเกล้ายกน้ำขึ้นดื่มกลั้วคอพลางมองไปรอบร้านเพราะเขาหวังว่าจะได้เจอหญิงสาวผู้เป็นเจ้าของรถดูคาติ และยังหวังด้วยว่ารถบิ๊กไบค์ดูคาติสีดำที่จอดอยู่หน้าร้านจะเป็นคันเดียวกันกับที่แข่งกับเขาในคืนนั้น
ทว่าร้านอาหารที่นี่มีสามโซน เขาจึงไม่สามารถมองได้ทั่วร้าน แต่เท่าที่เห็นจากสายตาของตนตอนนี้ กลุ่มคนที่นั่งอยู่โซนเดียวกับเขาดูแล้วไม่น่าจะเป็นคนที่ขับรถบิ๊กไบค์เพราะไม่มีโต๊ะไหนเลยที่มีหมวกกันน็อกวางอยู่
สามหนุ่มนั่งคุยกันเรื่องศูนย์ตกแต่งรถซูเปอร์คาร์ของปกเกล้าที่กำลังจะเปิดบริการในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ซึ่งบริษัทที่รับหน้าที่ก่อสร้างและออกแบบก็คือบริษัทของตฤณภพ
"กูให้ก้องไปคุยกับปีย์แล้วว่าทางกูจะเป็นสปอนเซอร์ให้"
ปกเกล้าพูดถึงเรื่องที่บริษัทของตนจะเป็นสปอนเซอร์ให้กับปีย์ ชนะพล นักแข่งรถหน้าใหม่ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีสังกัด
"ก้องไปคุยเรียบร้อยแล้วใช่ไหม" นรเชษฐ์ถามย้ำเพื่อความแน่ใจ
"กูโทร. บอกเมื่อวานคิดว่าตอนนี้คงไปคุยอยู่มั้งแต่มันยังไม่โทร. รายงานกูเลย ทำไมวะ มีอะไรรึเปล่า" ปกเกล้ามองหน้านรเชษฐ์เพราะดูเหมือนอีกฝ่ายมีเรื่องอยากพูด
"ได้ยินมาว่าทางค่ายเจทีก็สนใจปีย์เหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าเขาได้คุยกันรึยังนะ" นรเชษฐ์บอกข่าวล่าสุดที่เขาได้ยินมาให้เพื่อนอีกสองคนฟัง แต่จู่ ๆ ตฤณภพก็ทำตาลอยปากเผยอเล็กน้อยและมองไปทางด้านหลังของปกเกล้าอย่างตกตะลึง
"ดูทำหน้าเข้า เจอเนื้อคู่รึไงไอ้ติน" ปกเกล้าพูดกลั้วหัวเราะก่อนจะหันมองไปทางด้านหลังของตัวเองบ้าง
หญิงสาวรูปร่างสูงโปร่งหน้าตาสวยจัดคนหนึ่งกำลังเดินมาจากโซนด้านใน แม้ว่าเจ้าตัวจะอยู่ในชุดกางเกงยีนสกินนีสีดำกับเสื้อยืดคอวีสีเทาและสวมรองเท้าผ้าใบธรรมดาไม่มีอะไรพิเศษ ทว่าเธอก็เป็นจุดเด่นและเป็นเป้าสายตาของทุกคนที่อยู่ในร้านทันที
ปกเกล้ามองแล้วก็อดชื่นชมไม่ได้ เขายอมรับว่าผู้หญิงคนนั้นสวยโดดเด่นจริง เขาเองก็เคยเห็นสาวสวยมาเยอะจึงไม่ได้ตื่นเต้นอะไรนัก แต่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นจนถึงกับลืมเคี้ยวอาหารที่อยู่ในปากก็คือหมวกกันน็อกสีดำคาดเทาที่เจ้าหล่อนถืออยู่ เพราะเขาคลับคล้ายคลับคลาว่าสาวดูคาติที่แข่งกับเขาคืนนั้นก็สวมหมวกกันน็อกสีนี้เหมือนกัน
ชายหนุ่มวางช้อนลงทันที เขาลอบมองจนกระทั่งเห็นหญิงสาวเดินพ้นประตูร้านไปแล้วจึงรีบลุกขึ้นเดินตามไป
"เดี๋ยวกูมา" ปกเกล้าบอกเพื่อนทั้งสองคน หากแต่สายตากลับจ้องอยู่ที่แผ่นหลังของหญิงสาวคนนั้นตลอด
"เฮ้ยไอ้ปก อะไรของมึงเนี่ย" นรเชษฐ์เห็นท่าทางของเพื่อนรักแล้วก็ได้แต่หันมองหน้ากันกับตฤณภพ
"ไอ้เวร! ด่าแต่กูว่าหน้าหม้อแล้วดูมันทำดิ เห็นสาวสวยเข้าหน่อยก็เดินตามเขาต้อย ๆ เป็นหมาเลย" ตฤณภพพยักพเยิดไปทางคนที่ลุกเดินตามผู้หญิงไปหน้าตาเฉย
"ดารารึเปล่าวะ เดินมานี่โคตรออร่าจับเลย" นรเชษฐ์เปรยขึ้นเบา ๆ ตฤณภพเองก็รู้ว่าเพื่อนไม่ต้องการคำตอบ เขาจึงไหวไหล่เป็นเชิงบอกว่าไม่รู้
ทางด้านคนที่เดินตามสาวสวยออกมานอกร้านนั้น แท้จริงแล้วเขามายืนแอบมองหญิงสาวอยู่ตรงกระถางต้นไม้ขนาดใหญ่ที่วางอยู่ใกล้ประตูทางเข้าร้าน เพราะจากตรงนี้สามารถมองเห็นลานจอดรถได้เป็นอย่างดี ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแนบหูทำทีเป็นว่าออกมาคุยโทรศัพท์นอกร้าน หากแต่สายตากลับตามติดอยู่แต่หญิงสาวคนนั้น
ปกเกล้าใจเต้นรัวขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นเจ้าหล่อนเดินไปทางรถบิ๊กไบค์สีดำ เธอยืนข้างรถแล้วสวมหมวกกันน็อกตามด้วยใส่เสื้อแจ็กเก็ตกันลม จากนั้นก็วาดขาขึ้นคร่อมจักรยานยนต์แล้วสตาร์ตเครื่องขับออกจากลานจอดรถผ่านหน้าเขาไป
รอยยิ้มร้ายกาจผุดขึ้นบนหน้าของปกเกล้าโดยอัตโนมัติ เขาเชื่อสายตาของตัวเอง มั่นใจว่าสาวสวยคนนี้คือคนที่แข่งรถกับเขาคืนนั้นไม่ผิดแน่
ชายหนุ่มเดินกลับเข้าไปในร้านอีกครั้ง หลังจากนั่งลงแล้วใบหน้าก็มีรอยยิ้มขึ้นมาจนเพื่อนทั้งสองคนที่นั่งมองอยู่อดเอ่ยปากไม่ได้
"ได้เบอร์มาแล้วหรือวะ เรื่องแบบนี้นี่ไวเชียวนะมึง" นรเชษฐ์พูดขึ้น
"กูอุตส่าห์เล็งไว้ตั้งแต่เขาเดินออกมาจากด้านใน โดนไอ้ห่านี่โฉบไปหน้าตาเฉย" ตฤณภพพูดขึ้นบ้าง
"ยัง เมื่อกี้กูไม่ได้เข้าไปคุยอะไรกับเขา กูแค่ตามไปดูอะไรบางอย่างให้แน่ใจเท่านั้น แต่ว่า..." ปกเกล้ามองหน้าเพื่อนทั้งสองคน สายตามีแววเจ้าเล่ห์ร้ายกาจเหมือนเวลาเสือออกล่าเหยื่อพลางพูดเสียงเบาแต่ย้ำชัดถ้อยชัดคำ
"ผู้หญิงคนนี้กูจอง"
"เฮ้ย! มึงพูดงี้ได้ไงวะไอ้ปก กูเห็นก่อนนะเว้ย" ตฤณภพได้ยินอย่างนั้นก็ไม่ยอม เพราะตนก็ถูกใจหญิงสาวคนนั้นเช่นกัน ขณะที่นรเชษฐ์นั้นได้แต่ยิ้มมองเพื่อนทั้งสองคนแย่งกันจีบสาว
ปกเกล้าชี้หน้าตัวเองแล้วพูดว่า "กูเห็นก่อน กูเคยเจอเขามาก่อนมึงอีก"
จากนั้นปกเกล้าก็เล่าเรื่องที่ตนท้าแข่งประลองความเร็วกับรถบิ๊กไบค์ดูคาติบนถนนเส้นที่วิ่งเข้ากรุงเทพฯ เมื่อหลายวันก่อน
"ตอนแรกกูไม่คิดว่าในไทยจะมีผู้หญิงแข่งบิ๊กไบค์ด้วยเพราะปกติกูเห็นแต่คนต่างชาติ และพวกสาว ๆ บ้านเราส่วนใหญ่เขาก็ไปลงแข่งรถยนต์กันมากกว่า กูเองก็ไม่ได้สนใจติดตามการแข่งมอเตอร์ไซค์ด้วย แต่พอกูไปหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตถึงได้รู้ว่าสมัยนี้มีนักแข่งมอเตอร์ไซค์ที่เป็นผู้หญิงเพียบเลย"
"เขามีกันมาตั้งนานแล้ว ไปมุดอยู่รูไหนมาเนี่ยมึง" ตฤณภพพูดกลั้วหัวเราะ
"แต่ช่วงนี้คนหันมาเล่นบิ๊กไบค์เยอะกว่าแต่ก่อนมากเลยว่ะ ความจริงแล้วที่กูนัดพวกมึงมาที่นี่ก็เพราะว่าจะมาคุยเรื่องนี้พอดี กูคิดว่าน่าจะลองทำเงินกับบิ๊กไบค์ดูบ้าง พวกมึงว่าไง" ปกเกล้าพยักหน้าเป็นเชิงถามให้เพื่อนทั้งสองคน
"ยังไงวะ หรือมึงคิดจะเปิดร้านขายอะไหล่บิ๊กไบค์" นรเชษฐ์ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
"กูคิดไปไกลกว่านั้นว่ะ กูคิดถึงเรื่องการประกอบรถสำหรับแข่งรุ่น MotoGP เลยมากกว่า เพราะรถที่จะแข่งรุ่นนี้ต้องเป็นรถที่ประกอบขึ้นใหม่ทั้งหมดเพราะมันใส่เทคโนโลยีแบบล้ำ ๆ ลงไปด้วย ในเมื่อกูคร่ำหวอดกับพวกรถแข่งหรือรถซูเปอร์คาร์อยู่แล้ว กูเลยคิดว่าน่าจะปรับมาใช้กับมอเตอร์ไซค์ดูบ้าง"
ปกเกล้าพูดถึงโพรเจ็กต์ใหญ่ของตนที่ใช้เวลาค้นคว้าข้อมูลอยู่นานตั้งแต่ที่ตนได้แข่งกับรถดูคาติวันนั้น"โอ้โห เรื่องใหญ่เลยนะมึง งานช้างเลยนี่หว่า" แม้ปากจะพูดอย่างนั้นแต่ตาของตฤณภพกลับเป็นประกายอย่างตื่นเต้น"เราก็ต้องหาผู้ร่วมทุนไง มีบิ๊กไบค์ทางฝั่งยุโรปหลายยี่ห้อที่ไม่มีขายในไทยแต่เป็นที่นิยมในเมืองนอก ถ้าเราลองติดต่อขอเป็นตัวแทนจำหน่ายและเป็นสปอนเซอร์หลักในการปั้นนักแข่งดาวรุ่งในรุ่น MotoGP สักสองสามคน จ้างทีมช่างทีมวิศวกรที่เชี่ยวชาญเรื่องเทคโนโลยีสำหรับรถแข่งจากทางต้นสังกัดมา กูว่ามันน่าจะไปได้สวยนะ" ปกเกล้าเองก็ตื่นเต้นไม่น้อยเพราะเขาค่อนข้างมั่นใจว่างานนี้มีโอกาสประสบความสำเร็จสูง"เออว่ะ น่าสนใจนะเว้ยถึงแม้ว่าฮอนด้า ยามาฮ่า หรือคาวาซากิจะครองตลาดที่นี่ แต่กูว่ามันก็น่าจะมีคนอีกกลุ่มที่นิยมเล่นรถยุโรป ก็เหมือนรถซูเปอร์คาร์นั่นไง" นรเชษฐ์พูดจบก็เอากำปั้นยื่นไปตรงหน้าแล้วพูดอีกว่า"กูเอาด้วยว่ะเพื่อน ลุย!""ลุย!" ปกเกล้ากับตฤณภพพูดพร้อมกันพลางยื่นกำปั้นมาชนกับอีกฝ่าย"เออ กูก็ลืมถาม คราวนี้มึงพักที่ไหนวะไอ้ปก ไม่เห็นไปที่โรงแรมเลย"
"ไม่เป็นไรครับ ผมก็นึกว่าเป็นห้องวีไอพีที่ต้องจ่ายแพงหน่อยซึ่งผมยอมจ่ายอยู่แล้วถ้าวิวดีขนาดนั้น จริงสิ...แล้วอีกสี่ห้องละครับนั่นก็เป็นห้องของเจ้าของที่นี่เหมือนกันหรือ" เขาจำได้ว่ามีห้องนั้นห้องเดียวที่ไม่มีหมายเลขกำกับไว้ ส่วนอีกสี่ห้องนั้นมีอยู่"ไม่ใช่ค่ะ เป็นของเจ้านายแค่ห้องนั้นห้องเดียว ส่วนอีกสี่ห้องเปิดให้เข้าพักตามปกติ ตอนนี้ก็ยังว่างอยู่สองห้องนะคะ ถ้าคุณลูกค้าสนใจอยากเปลี่ยนห้องก็เปลี่ยนได้นะคะ"ปกเกล้ายิ้มแต่ในใจโห่ร้องอย่างยินดีพลางพูดว่า "เปลี่ยนเลยครับ ผมขอห้องที่ติดกับห้องเจ้าของเลยนะครับเพราะมันใกล้น้ำตกดี ผมชอบ""ได้ค่ะคุณลูกค้า รอสักครู่นะคะ" พนักงานสาวยิ้มอย่างสุภาพก่อนนั่งลงพิมพ์อะไรบางอย่างในคอมพิวเตอร์ ขณะที่ปกเกล้านั้นได้แต่กัดริมฝีปากตัวเองไว้เพื่อกลั้นยิ้มพลางมองไปที่รถดูคาติสีดำอย่างหมายมาดห้องวีไอพีนั้นกว้างกว่าห้องปกติประมาณสองเท่า ด้านนอกมีระเบียงและมีชุดโต๊ะเก้าอี้ตั้งไว้หนึ่งชุด ด้านในกั้นเป็นห้องนอนและห้องนั่งเล่นแยกกันเป็นสัดส่วน อีกทั้งห้องน้ำยังมีอ่างอาบน้ำให้ด้วย แต่ห้องพักปกติจะไม่มีให้เมื่อได้ย้ายมาอยู่ห้อง
เขาคิดว่าหญิงสาวตรงหน้าอายุอ่อนกว่าเขาหลายปีแน่นอน แต่เพราะยังไม่คุ้นเคยและเพิ่งคุยกันแบบเป็นเรื่องเป็นราวครั้งแรกจึงไม่กล้าแทนตัวเองว่าพี่ อีกทั้งหากเจ้าตัวสวนกลับมาว่าไม่ต้องการนับญาติด้วย เขาไม่หน้าแตกหรอกหรือ"ลินค่ะ" เธอตอบเสียงห้วนพลางตวัดตามองมาอย่างไม่สบอารมณ์ ทำเอาเขาอดยิ้มไม่ได้ ดูท่าทางผู้หญิงคนนี้เล่นตัวไม่น้อย แต่จะว่าไปเธอก็มีดีให้เล่นตัวไม่ว่าจะหน้าตาที่สวยบาดใจ รวมไปถึงรูปร่างสูงโปร่งได้สัดส่วนแต่ปกเกล้าก็คือปกเกล้า ผู้ซึ่งมีชั่วโมงบินสูงในเรื่องหญิงสาว ผู้หญิงแบบไหนบ้างที่เขาไม่เคยเจอ ต่อให้เล่นตัวหรือหยิ่งยิ่งกว่านี้เขาก็ปราบมาหมดแล้ว"ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการนะครับ ถึงแม้ว่าคุณอาจจะไม่ค่อยยินดีเท่าไร วันไหนถ้าสนใจอยากลองแข่งรถยนต์บ้างก็บอกผมได้นะครับ ผมจะได้ลงสนามด้วย""คุณแข่งรถยนต์หรือคะ" ในที่สุดหญิงสาวก็เป็นฝ่ายถามเขาบ้าง ชายหนุ่มได้แต่หัวเราะร่าอยู่ในใจ เขามั่นใจว่าวันนี้เขาต้องได้เบอร์โทรศัพท์ของเธอแน่นอน"ก็แข่งบ้างครับ แต่ก็เหมือนคุณนั่นแหละคือแข่งเป็นงานอดิเรกมากกว่า ไม่ได้ทำเป็นอาชีพ เผอิญว่าผมทำงานอยู่แถวนี้ก็
คืนนี้อลินดากับยูมิมีนัดกับเพื่อนที่สถานบันเทิงชื่อดังของตัวเมืองบุรีรัมย์ สองสาวจึงออกจากที่พักในเวลาสี่ทุ่มเศษ ประจวบเหมาะกับที่ปกเกล้าก็ออกมาจากห้องเช่นกัน ชายหนุ่มยิ้มพลางผงกศีรษะให้หญิงสาวทั้งสองคนอย่างเป็นมิตร หากแต่สายตาจับจ้องไปที่อลินดาเป็นพิเศษ และยูมิก็สังเกตเห็น จึงได้แต่ยิ้มพลางมองเพื่อนสนิทที่ยังคงปั้นหน้านิ่ง และยิ้มอย่างขอไปทีให้อีกฝ่าย"คนนี้?" ยูมิกระซิบถาม อลินดาจึงตอบรับเบา ๆ"ดูดีนี่หว่า เซอร์ ๆ แบบแบดบอยดี กูว่าเหมาะกับมึงนะ"ยูมิยังคงกระซิบกระซาบแต่อลินดาไม่พูดอะไร ได้แต่ตวัดตามองค้อนเพื่อนระหว่างที่เดินไปทางด้านหน้าของเกสต์เฮ้าส์ ซึ่งชายหนุ่มห้องข้าง ๆ ก็เดินตามหลังมาโดยเว้นระยะห่างพอประมาณเพื่อไม่ให้ดูเป็นการตามติดจนเกินไปนักครั้นพอมาถึงบริเวณที่จอดรถ อลินดาก็หันไปถามยูมิว่า"จะต่างคนต่างขี่ไปหรือว่าจะไปคันเดียวกัน"ยูมิยกมือขึ้นเท้าสะเอวพลางเอียงคอมองเพื่อนก่อนพูดว่า"คิดว่าไงล่ะ กูล้าไปทั้งตัวขนาดนี้คิดว่าจะขี่เองไหม"อลินดายิ้มพลางส่ายหน้าไปมา แต่เมื่อเห็นสายตาของเพื่อนมองไปทางด้านห
ยูมิหัวเราะเมื่อเห็นสีหน้าเพื่อน ก่อนยื่นหน้าเข้าไปกระซิบข้างหูอลินดา"โบราณว่าไว้เกลียดอย่างไหนมักได้อย่างนั้นนะเพื่อนรัก"ท่าทางกระซิบกระซาบหยอกเย้าของสองสาวที่กำลังเดินเข้ามานั้นได้ตกเป็นเป้าสายตาของหนุ่ม ๆ โต๊ะหนึ่ง ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นปกเกล้า นรเชษฐ์และตฤณภพ สองคนหลังนั้นอ้าปากค้างและคิ้วขมวดมุ่น แต่ปกเกล้ากลับมองด้วยวาววาม อีกทั้งมุมปากยังยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเล็กน้อย"ไม่จริงน่า สุดสวยของกูเป็นเลสเบี้ยนหรือวะ" ตฤณภพโอดครวญด้วยความเสียดาย"เฮ้ย เขาอาจจะแค่สนิทกันเฉย ๆ ก็ได้ ผู้หญิงส่วนใหญ่ก็มักเป็นแบบนี้ไม่ใช่หรือวะ" นรเชษฐ์แย้งขึ้นพลางมองปกเกล้าที่กำลังจับจ้องสาวสวยคนนั้นไม่วางตา"สนิทกันเฉย ๆ อะไรของมึง เขาจะจูบกันอยู่แล้วมึงไม่เห็นรึไงไอ้นิค"ตฤณภพบุ้ยหน้าไปทางสองสาวที่กำลังเดินไปยังโต๊ะของชายหนุ่มกลุ่มหนึ่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นเขาจำได้ว่าเป็นเจ้าของร้านอาหารที่ตนไปกินวันนี้"หรือไม่ก็อาจจะเป็นแฟนของคนใดคนหนึ่งในกลุ่มนั้น หรือมึงคิดว่าไงไอ้ปก" นรเชษฐ์เห็นปกเกล้านั่งเงียบไม่พูดอะไร สายตาเอาแต่มองไปทางนั้นตลอดเวลาจ
"แล้วเมื่อกี้ตอนเจอกันที่ลานจอดรถนะมึงเอ๊ย พอเห็นหน้าไอ้ลินเท่านั้นแหละ มันรีบวิ่งกระดิกหางพั่บ ๆ เข้ามาหาเลย หน้าแม่งโคตรหื่น ขนาดเมียขี้หึงสุด ๆ นะนั่น" ยูมิเบะปากอย่างรังเกียจ"ระวังตัวไว้หน่อยก็ดี ถ้ามึงปฏิเสธมัน ร้อยทั้งร้อยกูว่ามันไม่พอใจแน่นอน และถ้ามันหมายหัวมึงเมื่อไร มันลงมือไม่สนวิธีจริง ๆ ไอ้ห่านั่นน่ะ"ประวุธเตือนด้วยความเป็นห่วงเพราะรู้ดีว่าเฮียไช้มีอิทธิพลในละแวกนี้มากแค่ไหน กระทั่งตำรวจยังเกรงใจ ฉะนั้นหากมีเรื่องกันขึ้นมาจริง แน่นอนว่าฝ่ายที่ต้องเสียเปรียบก็คืออลินดาคนที่อาจถูกหมายหัวได้แต่ถอนหายใจ รู้สึกไม่สบอารมณ์จนพานหมดสนุก ได้แต่นั่งมองไปเรื่อยเปื่อยโดยมียูมิเต้นไปตามจังหวะเพลงอยู่ข้างตัว ส่วนเพื่อนชายทั้งสามคนก็นั่งคุยสัพเพเหระซึ่งอลินดาก็เอ่ยปากแจมบ้างในบางเรื่องอลินดาเห็นแก้วของตัวเองเหลือแต่น้ำแข็งแล้วจึงคิดจะชงเครื่องดื่มให้ตัวเองอีกครั้ง แต่จู่ ๆ ประวุธก็แย่งแก้วของหญิงสาวไปถือไว้พร้อมกับปรามเสียงต่ำ"พอแล้ว เดี๋ยวก็เมาหรอก ต้องขับรถด้วยไม่ใช่หรือ""ตั้งแต่มานั่งเนี่ยเพิ่งจะเติมไปแก้วที่สองเองนะเปลว"อลินด
แน่นอนว่าผู้ที่ทำหน้าที่เป็นการ์ดประจำผับก็มองตรงนี้ออกเช่นกัน แม้จะคับแค้นจนอกแทบระเบิดเพราะเจ็บทั้งตัวเจ็บทั้งใจแถมรถยังล้มอีก แต่เขาก็รู้ดีว่าตนไม่สามารถหาเรื่องอีกฝ่ายได้เพราะหากเจ้าของรถเฟอร์รารี่เรียกเงินค่าซ่อมรถขึ้นมาแล้วเขาจะมีปัญญาหาเงินจากไหนไปจ่ายกันเล่า ดีไม่ดีอาจต้องตกงาน ดังนั้นเขาจึงได้แต่เงียบปกเกล้าเห็นคู่กรณีไม่พูดไม่จาอะไร ทว่ามองจากสายตาก็รู้แล้วว่าโกรธจนแทบคลั่งแต่ทำอะไรเขาไม่ได้เพราะเขารู้สถานที่ทำงานของอีกฝ่ายจึงตั้งใจยกมาขู่ แต่เขาเองก็ไม่ใช่คนที่ชอบต้อนเหยื่อจนไร้ทางออก เมื่อเห็นว่าจัดการข่มคนตรงหน้าได้แล้วเขาจึงเป็นฝ่ายถอยออกมาก่อน"นี่กูเห็นว่ามึงก็เจ็บตัวนะถึงได้ไม่คิดเอาเรื่อง คราวหน้าถ้ากูเจอแบบนี้อีกนะ..."ปกเกล้าไม่พูดต่อ แต่ชี้ไปที่อีกฝ่ายด้วยสายตากดดันและข่มขู่ ก่อนจะเดินกลับไปขึ้นรถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็วจนเสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่ม ครั้นพอใกล้ถึงที่พักชายหนุ่มจึงลดความเร็วลงก่อนเลี้ยวเข้าไปจอดในลอยชายเกสต์เฮ้าส์ หลังจากดับเครื่องแล้วจึงลงมายืนข้างรถ เห็นดูคาติสีดำจอดอยู่ที่เดิมที่เคยจอดก็อดยิ้มมุมปากไม่ได้บัญชีนี้เข
เสียงแหลมแสบแก้วหูที่โพล่งขึ้นอย่างกะทันหันทำให้เฮียไช้สะดุ้งเล็กน้อย เขาลอบกลอกตามองเพดานอย่างเอือมระอาแต่ก็ต้องเก็บอาการเอาไว้แล้วหันไปยิ้มแป้นอย่างประจบให้ภรรยาแม้ว่าในใจจะอยากตบอีกฝ่ายจนลงไปนอนกองกับพื้นแต่เขาก็ไม่สามารถทำได้"สองคนนั้นเขาเป็นแฟนกันต่างหากเล่า เฮียเรียกให้มาที่นี่ก็เพราะจะคุยเรื่องที่เฮียอยากให้เขามาเป็นนักแข่งในสังกัด เมื่ออาทิตย์ก่อนที่เอชเคเซอร์กิตจัดให้สมาชิกมาแข่งบิ๊กไบค์แล้วเขาลงแข่งด้วย เฮียเห็นว่ามีแววน่าจะปั้นให้ดังได้ก็เลยเรียกมาคุยดู""ใช่เร้อ...ดูท่าทางไม่น่าจะใช่นักแข่ง ไม่ใช่เพราะเห็นว่ามันสวยหรือ เฮีย ถึงได้อยากเรียกเข้ามาคุย คิดอะไรอยู่อย่านึกว่าไม่รู้นะ"เธอชี้หน้าเขาอย่างคาดโทษ ตอนเห็นผู้หญิงคนนั้นเดินออกจากห้องเธอยังอดตะลึงไม่ได้ แล้วมีหรือที่สามีของเธอจะให้เป็นแค่นักแข่งในสังกัด ไม่มีทาง!"รุ้ง เฮียเรียกมาคุยเรื่องเป็นนักแข่งจริง ๆ แต่เขาไม่เอาเพราะเขาทำงานอยู่กรุงเทพฯ แล้วสองคนนี้เขาเป็นแฟนกันจริง ๆ เมื่อคืนเฮียก็เห็นเขาเดินกอดกันอยู่ในผับ คนที่สวย ๆ นั่นน่ะห้าวจะตาย เสียงยังห้าวเลย"เฮียไช
“ไม่!” เธอมองเขาตาเขียวก่อนจะรีบใส่เสื้อผ้าแล้วออกจากห้องนอนก่อนที่จะทนลูกอ้อนของเขาไม่ไหว เพราะสำหรับปกเกล้าแล้ว คำว่าแป๊บเดียวนั้นไม่เคยต่ำกว่ายี่สิบนาทีอลินดาลงไปรับภาวินกับแฟนสาวที่ล็อบบี้ชั้นล่าง สาวน้อยคนนั้นเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยอย่างที่ปกเกล้าว่าไว้จริงเสียด้วย“อ้าวลินดา อยู่กับไอ้ปกมันหรือ” ภาวินทักด้วยรอยยิ้มแต่สีหน้าเหมือนจะล้อเลียนเรื่องที่ตนลงมาช้าเพราะคงคิดว่าเธอกับปกเกล้ามัวแต่เล่นผีผ้าห่มกันอยู่บนเตียงกระมัง“เอ่อ...ค่ะ พี่ปกอาบน้ำอยู่ก็เลยให้ลินดาลงมารับ”“นี่มะลิ แฟนพี่เอง นี่พี่ลินดาแฟนพี่ปกเขาน่ะ” ภาวินแนะนำแฟนสาวให้รู้จัก อีกฝ่ายจึงยกมือไหว้พลางมองมาด้วยสายตาชื่นชมอย่างปิดไม่มิด อลินดาจึงรับไหว้และยิ้มกว้างพลางพูดว่า“ยังเด็กอยู่เลย พี่วินหลอกน้องเขามารึเปล่าคะเนี่ย”“เด็กอะไร ไม่เด็กแล้ว หน้าอ่อนเฉย ๆ หรอก แหม...เห็นพี่เป็นพวกโลลิคอนรึไง”เมื่อขึ้นมาถึงห้องพัก อลินดาจึงเดินไปหยิบน้ำมาให้แขก เป็นเวลาเดียวกับที่ปกเกล้าเดินออกมาจากห้องนอนพอดี
ปกเกล้าคลี่ยิ้มร้ายกาจ ความช่างยั่วแสนเซ็กซี่ของเธอนี่เป็นอย่างหนึ่งที่ถูกใจเขามากเช่นกัน และเขาก็ไม่รอให้เธออนุญาตหรือตั้งตัว ก้มลงจูบหญิงสาวทันทีท่ามกลางคนมากมายที่กำลังเดินออกจากผับ“โอเค ถือว่าดื่มไม่เยอะเท่าไร แต่เพื่อความปลอดภัยพี่ว่าเธอขับรถพี่กลับไปดีกว่าไหม” ไม่พูดเปล่า แต่เขาล้วงหยิบกุญแจรถจากกระเป๋ากางเกงมาใส่มือเธอด้วย เพราะสำหรับเขาแล้วความปลอดภัยไร้รอยขีดข่วนของอลินดาสำคัญที่สุด“ก็ได้” เธอหยิบกุญแจรถบิ๊กไบค์และหมวกกันน็อกของตัวเองยื่นส่งให้เขาบ้าง จากนั้นก็เดินออกไปที่ลานจอดรถรถซูเปอร์คาร์ของปกเกล้าหาไม่ยากนักเพราะน้อยคนที่จะมีรถแบบนี้ขับ หลังจากสตาร์ตเครื่องแล้วอลินดาก็ได้ยินเสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์รถบิ๊กไบค์อันแสนคุ้นหูอยู่ใกล้กับรถที่ตนนั่งอยู่ เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นปกเกล้าขี่เจ้าแพนเตอร์มาจอดรออยู่เบื้องหน้าแล้ว เธอจึงเลื่อนกระจกลงแล้วทำมือเป็นเชิงบอกให้เขาล่วงหน้าไปก่อนได้เลย เพราะเธอจะขับตามเขาไปเองปกเกล้าพยักหน้าแล้วเคลื่อนรถออกไปไม่เร็วนัก อลินดาจึงขับตามไป เมื่อชายหนุ่มเห็นว่าแฟนสาวขับตามมาแล้วจึงเร่ง
อลินดาขับรถบิ๊กไบค์คู่ใจเข้ามาจอดไว้ในบริเวณที่ทางสถานบันเทิงจัดเอาไว้ให้โดยมียูมิ เพื่อนสนิทขับอีกคันเข้ามาจอดคู่กัน ก่อนจะพากันเดินเข้าไปในผับชื่อดังของตัวเมืองบุรีรัมย์หญิงสาวอยู่ในชุดกางเกงยีนสกินนีกับเสื้อยืดพอดีตัวเช่นเคย ส่วนยูมินั้นสวมกางเกงยีนรัดรูปกับเสื้อสายเดี่ยวเอวลอยเพื่อโชว์รอยสักรูปเกอิชาบนแผ่นหลังที่เจ้าตัวแสนภาคภูมิใจอลินดามองหากลุ่มเพื่อนของตนที่นัดเอาไว้ แต่สายตาดันไปหยุดอยู่ที่โต๊ะของนักท่องราตรีกลุ่มหนึ่ง ซึ่งชายหนุ่มที่นั่งอยู่ในโต๊ะเธอก็คุ้นหน้าคุ้นตาดีทั้งสามคน แต่ที่ไม่คุ้นคือหญิงสาวอีกสามคนที่นั่งเบียดกับหนุ่ม ๆ เหล่านั้นจนแทบจะรวมร่างกันอยู่รอมร่อ“มึงเดินไปก่อนละกัน เดี๋ยวกูตามไป” อลินดาหันไปบอกเพื่อน ยูมิมองตามสายตาของอีกฝ่ายจึงแค่นยิ้มมุมปากพลางพูดว่า“ได้ แต่ถ้าจะตบก็เรียกกูด้วยละกัน พักนี้กูคัน อยากตบคน”อลินดาหัวเราะเบา ๆ แล้วพยักหน้าพูดว่า “เออ รู้แล้วน่า”จากนั้นหญิงสาวก็เดินไปยังโต๊ะที่ปกเกล้ากับเพื่อนอีกคนสองคนนั่งอยู่ เธอเห็นตั้งแต่ครั้งแรกแล้วว่าแฟ
ปกเกล้าก้าวลงจากรถสปอร์ตสีเทาดำแล้วเดินเข้าไปในคอนโดมิเนียมของแฟนสาว ขณะที่กำลังจะกดเรียกลิฟต์นั้น สายตาของชายหนุ่มก็เห็นร่างคุ้นตาของหญิงสาวที่เขาตั้งใจขับรถจากบุรีรัมย์มาหาเพราะอยากเห็นหน้า และชวนไปกินมื้อเย็นด้วยกันก่อนที่ตนจะต้องขับกลับไปทำงานที่จังหวัดบุรีรัมย์อีกครั้งอลินดากำลังยืนคุยอยู่กับชายหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งหากเป็นคนอื่นปกเกล้าคงไม่เข้าไปวุ่นวาย แต่ถ้าผู้ชายคนนั้นเป็นนครินทร์ ตำรวจหนุ่มที่จ้องจะตีท้ายครัวของตนเสมอเมื่อสบโอกาส เขาจึงไม่สามารถอยู่เฉยได้ ฉะนั้นปกเกล้าจึงเดินเข้าไปหาแฟนสาวแล้วโอบเอวของเธอพร้อมกับจูบขมับเบา ๆ เพื่อประกาศความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของทันที“ไงครับผู้กอง เพิ่งกลับหรือครับ” ปกเกล้ายิ้มให้ชายหนุ่มตรงหน้าขณะที่มือก็เลื่อนขึ้นมาโอบบ่าของอลินดาไว้“ครับ เพิ่งมาถึงก็เจอคุณลินดาพอดี” นครินทร์ยิ้มตอบ“ผู้กองเขาชวนไปกินข้าวหน้าคอนโดฯ น่ะ พี่กินอะไรมารึยังล่ะ”อลินดาหันไปถามแฟนหนุ่มพร้อมกับยิ้มบาง ๆ เมื่อเห็นอาการขี้หวงของใครบางคนกำเริบ“กินอะไรเล่า เดี๋ยวเราต้องร
“เรื่องนั้นมันก็ต้องแน่นอนอยู่แล้ว ถ้าเรามีลูกพี่ก็คงอยากให้ลูกเข้าเรียนที่กรุงเทพฯ มากกว่าเพราะใกล้ญาติพี่น้องทางนี้ เวลามีเรื่องอะไรจะได้ช่วยเหลือกันได้ง่ายกว่าอยู่บุรีรัมย์”“ถ้าเราแต่งงานกัน พี่ไปอยู่บ้านลินได้ไหมล่ะ แม่ของลินจะได้ไม่ต้องอยู่คนเดียว เพราะบ้านพี่ก็มีพี่ป้องกับพี่ก้อยอยู่ที่นั่นแล้ว”“ได้สิไม่มีปัญหา” เขายิ้มมุมปากพลางเลื่อนมือลงต่ำไปที่บั้นท้ายงามงอนแล้วเลิกชายกระโปรงของเธอขึ้นแล้วพูดว่า“แต่เราอาจต้องทำห้องนอนใหม่นะ เอาแบบที่เก็บเสียงได้ดีหน่อย ไม่อย่างนั้นแม่ของลินอาจจะนอนไม่หลับเพราะเสียงตอนพี่กระแทกเธอคงดังรบกวนท่านแน่นอน” ไม่พูดเปล่า แต่เขายังจ่ออาวุธประจำตัวเข้าที่จุดเดิมแล้วเริ่มขยับสะโพกอย่างเป็นจังหวะ มือทั้งสองข้างก็จับชายชุดกระโปรงของหญิงสาวแล้วดึงขึ้นเพื่อถอดออกไปทางศีรษะ จนในที่สุดร่างเซ็กซี่เย้ายวนที่เขาหลงใหลก็ปรากฏต่อสายตา“ไหนว่าจะนวดให้ไง” เสียงแหบพร่าของเธอกระท่อนกระแท่นไปตามแรงกระแทกกระทั้น“ขออีกยกแล้วจะนวดให้ รับรองว่าเธอจะติดใจฝีมือการนวดของ
“แล้วคิดว่าไงล่ะ” แค่เธอลูบคลำไปมา เจ้าสิ่งที่อยู่ในกางเกงก็ประกาศศักดาสู้มือทันทีราวกับสั่งได้“จะไวไฟไปแล้วนะ” อลินดาแค่นยิ้มให้แฟนหนุ่ม“ไม่ไวได้ไงเล่า พี่ไม่ได้เมกเลิฟกับเธอนานแล้วนะ กระสุนเต็มรังแล้วเนี่ยไม่ได้ยิงออกไปสักที” ปกเกล้าปลดกระดุมกางเกงยีนเพื่อปล่อยอาวุธประจำกายให้เป็นอิสระ จากนั้นก็ยกมือขึ้นแตะศีรษะหญิงสาวเป็นเชิงบอกใบ้ ซึ่งเธอรู้ดีว่าเขาหมายถึงอะไร เพราะการทำแบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรก“นานอะไรกัน ยังไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์เลย หื่นไม่เข้าเรื่อง” อลินดายิ้มมุมปาก“สามวันก็จะขาดใจแล้ว นะที่รัก” ปกเกล้าออดอ้อนเสียงอ่อน ก่อนจะครางออกมาเบา ๆ เมื่อปลายลิ้นอ่อนนุ่มที่เขาหลงใหลปัดป่ายอยู่ตรงส่วนหัวแล้วลากไล่จากโคนถึงปลาย ตามมาด้วยความอุ่นร้อนจากโพรงปากที่กำลังกลืนกินเขาเข้าไปทีละนิดจนหมดชายหนุ่มชะลอรถให้วิ่งช้าลง เขาไม่กลัวรถคันอื่นจะมองมาแล้วเห็นว่าแฟนสาวคนสวยของเขากำลังก้มหน้าทำอะไรให้เพราะกระจกติดฟิล์มดำ อีกทั้งการขับรถไปแบบเสียว ๆ นี้ทำให้เขาตื่นเต้นและอารมณ์พลุ่งพล่านถึงขีดสุด ส่งผลให้
อลินดายืนกอดอกมองคนที่กำลังเปิดประตูเข้ามาในร้านพิมาลินสปาด้วยแววตาขบขัน จำได้ว่าเมื่อวานปกเกล้าเพิ่งพูดกับเธอว่าจะไม่เข้ากรุงเทพฯ หลายวันเพราะต้องเตรียมเรื่องการจัดแข่งขันรถยนต์ให้กับสมาชิกของทริปเปิลเอกซ์ เขายังบอกเธอด้วยว่าไม่ต้องคิดถึงเขามากเกินไปจนไม่เป็นอันกินอันนอน แต่ทำไมคนพูดถึงได้มาโผล่ที่นี่เวลานี้ได้เล่า“มาทำไมคะคุณปกเกล้า” เธอถามยิ้ม ๆ“มาหาข้าวกิน ไปกินข้าวเป็นเพื่อนหน่อยสิ” พูดจบเขาก็คว้าข้อมือเธอแล้วจะดึงไปข้างนอก แต่จู่ ๆ ชายหนุ่มก็หันมาพูดว่า“ไม่กินแถวนี้นะเบื่อแล้ว ไปกินข้างนอกกันบ้างดีกว่า”หญิงสาวพยักหน้าช้า ๆ “ก็ได้ ขอไปหยิบกระเป๋าก่อนนะ”หลังจากนั้นอลินดาก็ขึ้นรถไปกับปกเกล้า ชายหนุ่มขับไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงร้านอาหารแห่งหนึ่ง หญิงสาวรู้สึกสงสัยจึงถามไปว่า“นึกยังไงถึงพามากินที่นี่ และทำไมต้องร้านนี้ด้วยล่ะ”“ความจริงแล้วพี่นัดเพื่อนไว้น่ะ”“อ้าว นัดเพื่อนไว้แล้วพี่จะลากลินมาด้วยทำไมเนี่ย”“ก็อยากพามาด้วยนี่
“ไปกินเค้กวันเกิดเว้ย” ชินดนัยตอบทั้งรอยยิ้ม“ตอนกินใส่ชุดวันเกิดด้วยละสิท่า โธ่เอ๊ย สุดท้ายก็เห็นหญิงดีกว่าเพื่อนนะมึงเนี่ย” ปกเกล้าหยิบเม็ดมะม่วงหิมพานต์ในจานกับแกล้มปาใส่เพื่อนด้วยความหมั่นไส้ แต่ชินดนัยเอาแต่ยิ้มอย่างอารมณ์ดีพลางโบกมือให้แล้วเดินจากไปเมื่อเหลือกันอยู่สามคน ปกเกล้าจึงชี้ไปที่ภาวินแล้วพูดกับหญิงสาวว่า“รู้จักเครื่องสำอางแบรนด์เอเอ็นเอสไหม คนนี้แหละคือเจ้าของ”อลินดาเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ เครื่องสำอางแบรนด์นี้ใครบ้างจะไม่รู้จัก ไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะได้มาเจอกับเจ้าของแบรนด์ตัวจริงเสียงจริง หนำซ้ำยังเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีอีกด้วย“สนใจเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้แบรนด์พี่ไหมครับ พี่ว่าน้องสวยกว่าดาราบางคนซะอีกนะ” ภาวินได้โอกาสจึงชักชวนให้มาเป็นนางแบบเครื่องสำอางแบรนด์ของตนทันที แต่สุดท้ายก็ถูกปกเกล้าเบรกตัวโก่ง“ไม่ให้เว้ย”“อ้าว มึงมีสิทธิ์อะไรไปห้ามน้องเขาเนี่ยไอ้ปก มึงเป็นอะไรกับเขา”ภาวินแกล้งโวยวาย“กูเป็นแฟนเขา ก็กูไม่ให้อะมีปัญหา
อลินดายืนกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มที่เดิม หลังจากเก็บเงินในกระเป๋าสตางค์เรียบร้อยแล้วจึงหันกลับมา เธอเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นเทรนเนอร์หนุ่มคนเดิมยืนยิ้มให้อย่างเคย“พักนี้ผมไม่ค่อยเจอคุณเลย อยู่อีกสาขาหรือครับ”“ใช่ค่ะ ดูแลสลับกันไปเรื่อย ๆ” ในเมื่อเขาชี้นำคำตอบมาให้แล้ว เธอจึงไม่จำเป็นต้องคิดหาคำตอบอื่นเพราะไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่จะต้องบอกเขาว่าตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเธอไปอยู่บุรีรัมย์ทั้งเดือน“ถึงว่าสิครับ ไม่เจอเลย ตอนแรกแอบใจหายนึกว่าคุณลาออกไปแล้วเสียอีก”“งานสมัยนี้หายากจะตาย จะลาออกทำไมละคะ”เธอมองไปทางหน้าร้านสปาของตน เห็นมีลูกค้ากำลังเดินเข้าไปจึงเอ่ยปากขอตัวกับเขา ชายหนุ่มจึงพูดว่า“ผมยังเสนอให้คุณเหมือนเดิมนะครับถ้าคุณสนใจจะนวด ผมบริการให้ฟรีเลยถ้าเป็นคุณ”ช่วงนี้อรชุมาไม่ได้เรียกใช้บริการเขาแล้วเพราะเจ้าหล่อนติดใจหมอนวดหนุ่มคนอื่น อีกทั้งพักหลังนี้อรชุมาจะติดใจการนวดแล้วนาบแบบแซนวิชที่ต้องใช้หมอนวดชายสองคน เขาจึงไม่ต้องหลอกล่อสาวสวยคนนี้ให้มาใช้บริ