Share

เล่ห์ร้อนรัก
เล่ห์ร้อนรัก
Author: จรสจันทร์

ปฐมบท

ช่วงกลางดึกของคืนหนึ่งบนถนนมิตรภาพมุ่งหน้าสู่กรุงเทพมหานคร รถสปอร์ตสีเทาดำกำลังพุ่งทะยานไปข้างหน้าราวกับติดจรวด เสียงเครื่องยนต์จากรถที่มีสมรรถนะแปดร้อยแรงม้าดังกระหึ่มไปตามเส้นทางที่รถเฟอร์รารี่คันนี้แล่นผ่าน หากแต่คนที่นั่งอยู่ในรถกลับได้ยินเพียงเสียงเพลงที่เปิดอยู่ภายในห้องโดยสารเท่านั้น

ปกเกล้าขับรถไปฮัมเพลงไปอย่างอารมณ์ดี การขับรถบนถนนโล่งในช่วงกลางดึกแบบนี้เป็นกิจกรรมที่เขาโปรดปรานเป็นที่สุด ยิ่งถ้าขับบนถนนต่างจังหวัดเขายิ่งชอบเพราะรถไม่พลุกพล่านเหมือนเมืองใหญ่ เขาไม่ชอบขับรถในกรุงเทพฯ เพราะหาถนนโล่ง ๆ ได้ยาก ลูกชายสุดที่รักของเขาเป็นถึงเฟอร์รารี่แปดร้อยแรงม้า จะให้ติดแหงกอยู่บนถนนที่สามารถเคลื่อนที่ได้ไม่เกินหกสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงทุกวันคงน่าเบื่อแย่

ดังนั้นทุกสุดสัปดาห์ชายหนุ่มจึงมักหาเรื่องพารถคู่ใจออกมาโลดแล่นปล่อยพลังให้เต็มที่ตามถนนในต่างจังหวัด ประจวบเหมาะกับที่ช่วงนี้ปกเกล้ากำลังมีโครงการจะเปิดศูนย์ซ่อมและตกแต่งรถซูเปอร์คาร์ที่จังหวัดบุรีรัมย์ เขาจึงถือโอกาสนี้มาลองรถบนถนนหลวงอยู่หลายครั้ง

"อ้าวเฮ้ย!"

ชายหนุ่มขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อมองเห็นแต่ไกลว่าไฟจราจรสี่แยกตรงหน้าเป็นสีแดง ซึ่งตามปกติแล้วเขามักขับผ่านไปเลยเพราะดึกขนาดนี้ย่อมไม่มีรถจากถนนเส้นอื่นแน่ และจากที่เขามองเห็นก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ แต่กลับมีรถจักรยานยนต์คนหนึ่งจอดรอไฟเขียวอยู่เลนเดียวกับเขา

"ไอ้บ้าเอ๊ย! จะจอดรออะไรวะ ขับไปเด้!"

เขาสบถอย่างหัวเสียเพราะไม่อยากผ่อนคันเร่ง กระทั่งขับไปใกล้ในระยะอีกแค่ห้าสิบเมตรก็จะชนเข้ากับรถจักรยานยนต์คันนั้น ปกเกล้าจึงต้องใช้เท้าแตะเบรกเบา ๆ เพื่อชะลอความเร็วจนได้ แต่กระนั้นเขาก็ไม่หยุดรถเสียทีเดียว กลับกดแตรเพื่อเตือนรถคันหน้าให้ขับออกไป ทว่าคนที่นั่งคร่อมอยู่บนรถจักรยานยนต์เพียงเอี้ยวหน้าหันมามองเท่านั้นแต่กลับไม่ยอมออกรถ หนำซ้ำยังชี้ไปทางเสาไฟจราจรเป็นเชิงบอกเขาด้วยว่าเวลานี้ไฟแดงอยู่ ทำเอาปกเกล้าได้แต่จิ๊ปากอย่างไม่สบอารมณ์

"จะมาเคารพกฎจราจรอะไรตอนนี้วะ นี่มันตีอะไรแล้วไม่มีนาฬิกาดูรึไงวะไอ้หนุ่ม"

ชายหนุ่มบ่นกับตัวเองก่อนจะสังเกตได้ว่ารถจักรยานยนต์คันหน้าเป็นรถบิ๊กไบค์ยี่ห้อดูคาติรุ่นล่าสุดที่ราคากว่าครึ่งล้าน และผู้เป็นเจ้าของก็แต่งตัวเต็มยศด้วยชุดนักแข่งสีเทาคาดดำ สวมหมวกกันน็อกแบบเต็มใบทำให้เขาไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายได้

"เป็นนักแข่งบิ๊กไบค์นี่หว่า" ชายหนุ่มยิ้มมุมปากขณะที่กำลังเคลื่อนรถเข้าไปจอดเทียบข้างรถจักรยานยนต์คันนั้นทั้งที่ความจริงแล้วเขาสามารถขับต่อไปเลยก็ได้ แต่เพราะเป็นคนที่รักความเร็วและชอบการแข่งขันมาแต่ไหนแต่ไร เขาจึงตั้งใจว่าจะถือโอกาสนี้ประลองความเร็วกับ Ducati Monster 821 ดูสักครั้ง

ปกเกล้าลดกระจกลงแล้วหันไปพูดกับอีกฝ่ายว่า

"สักตาไหมน้อง จากตรงนี้ถึงแยกหน้า"

คนขับบิ๊กไบค์ไม่พูดอะไร และไม่เปิดหน้ากากหมวกกันน็อกขึ้น ทำเพียงยกมือขึ้นเป็นสัญลักษณ์บอกว่าตกลง จากนั้นก็เร่งเครื่องพุ่งทะยานไปข้างหน้าทันทีโดยไม่รอคำพูดจากเขา

"อ้าวเฮ้ย! เล่นทีเผลอนี่หว่าไอ้นี่กวนตีนซะแล้ว เดี๋ยวก่อนมึง เดี๋ยวเจอกู"

ปกเกล้าเหยียบคันเร่งตามไปทันทีเพราะรู้สึกเสียหน้าที่ถูกอีกฝ่ายท้าทายกันซึ่งหน้า แต่ขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกสนุกและตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก

บิ๊กไบค์คันนั้นขับแฉลบไปทางซ้ายทีขวาทีราวกับจงใจป่วนประสาทรถคันหลัง ส่งผลให้ปกเกล้ายิ่งเหยียบคันเร่งเต็มที่เพื่อจะแซงคันหน้าไปให้ได้ เขาไม่ได้เหยียบคันเร่งเต็มเท้าเพราะเกรงว่ารถจะพุ่งเร็วเกินไปจนชนบิ๊กไบค์คันนั้นเข้า อีกทั้งรู้ดีว่านี่ไม่ใช่สนามแข่งแต่เป็นถนนหลวง หากมีรถคันอื่นขับออกมาจากซอกซอยต่าง ๆ กะทันหันก็อาจเกิดอุบัติเหตุได้

ปกเกล้าตามรถจักรยานยนต์ทันในที่สุด เขาขับเทียบไปด้านข้างแล้วเลื่อนกระจกลงจากนั้นตะโกนบอกอีกฝ่ายว่า

"ฮ่า ๆ บิ๊กไบค์มันจะสู้ซูเปอร์คาร์ได้ยังไงวะ กระดูกมันละเบอร์เว้ยไอ้น้อง"

คนขับบิ๊กไบค์หันมองปกเกล้าชั่วเสี้ยววินาทีก่อนจะปล่อยมือจากแฮนด์ข้างหนึ่งแล้วยกนิ้วโป้งให้เขา ทำเอาชายหนุ่มยิ้มร่ากับชัยชนะครั้งนี้ก่อนจะหุบยิ้มลงแทบจะทันทีเมื่อนิ้วโป้งนั้นเปลี่ยนเป็นคว่ำลง

"อ้าวมึง! กวนตีนกันนี่หว่า"

ปกเกล้าชี้หน้าอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง กำลังจะบอกให้คนขับบิ๊กไบค์จอดรถเพื่อลงมาเคลียร์ แต่เขาก็ต้องพูดไม่ออกไปชั่วขณะเมื่อจู่ ๆ นักบิดมอเตอร์ไซค์คันดังกล่าวก็เปิดหน้ากากหมวกกันน็อกขึ้นแล้วชูสองนิ้วชี้ไปที่ตาของตัวเองและชี้ไปที่ถนนเป็นเชิงบอกให้เขาดูทางข้างหน้า

"ขับรถดูทางดี ๆ เถอะเดี๋ยวก็รถคว่ำตายหรอก"

เสียงของผู้หญิงดังลอดมาจากหมวกกันน็อกก่อนที่เจ้าตัวจะปิดหน้ากากลงแล้วเลี้ยวขวาไปอีกทางโดยที่ปกเกล้ายังไม่ทันได้ตั้งตัว

"ผู้หญิงหรือวะ นักแข่งบิ๊กไบค์มีผู้หญิงด้วยหรือวะ!"

ชายหนุ่มผ่อนความเร็วลงทันที คิดจะขับตามไปตอนนี้คงไม่ทันแล้วเพราะเจ้าตัวคงบิดไปถึงไหนต่อไหน

แม้ว่าเสียงนั้นจะติดห้าวเล็กน้อย แต่ปกเกล้าก็มั่นใจว่าเป็นเสียงของผู้หญิงแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ใช่สาวประเภทสอง และแม้หมวกกันน็อกจะบังใบหน้านั้นไว้กว่าครึ่งเพราะตอนที่หญิงสาวเปิดหน้ากากขึ้นจึงทำให้เขาเห็นเพียงช่วงตาและจมูก แต่จากประสบการณ์เรื่องผู้หญิงอันแสนโชกโชนของตน อีกทั้งไฟถนนก็สว่างจ้า เขาจึงมั่นใจว่านักบิดสาวคนนี้จะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

"เราได้เจอกันอีกแน่แม่สาวดูคาติ"

ปกเกล้ายิ้มกว้าง เพราะมั่นใจว่าเขาจะได้เจอผู้หญิงคนนี้อีกครั้งในเร็ววัน

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status