‘พี่มีลูกแค่คนเดียวอยากให้เธอเรียนรู้ให้มาก ต่อไปจะได้ไม่ต้องลำบาก’
‘ครับ มีโอกาสก็ควรให้เธอทำ’
‘พี่กับวีก็คิดแบบนั้น นายต้องมายินดีกับหลานนะถ้าถึงวันนั้น’
‘ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วครับ’
‘นี่สิถึงจะพูดว่ารักกันจริง’
กรามแกร่งขบเข้าหากันแน่นเมื่อหวนกลับไปถึงวันวานที่ผ่านมา การันต์ถือได้ว่าเป็นน้องรักของณรงค์เลยก็ว่าได้ ขอเพียงเป็นเรื่องเกี่ยวกับครอบครัว พี่ชายคนนี้ก็มักจะเอ่ยออกด้วยรอยยิ้มเปี่ยมไปด้วยความสุข
‘พี่สาวพี่รงค์จะไม่ให้น้องเปรมเรียนต่อ บอกไม่มีปัญญาส่งเธอเรียน’
ต้องมีอะไรเข้าใจผิดกันแน่ พี่รงค์เป็นคนรอบคอบไม่มีทางไม่วางแผนเรื่องการเรียนเปรมยุดาตั้งแต่เนิ่น ๆ หรือบางทีดลธีอาจจะฟังผิดไป?
กริ๊งงงง⁓
เสียงโทรศัพท์สำนักงานดังขึ้นทำลายความคิดวนเวียนอยู่ในหัวของชายหนุ่มตลอดทั้งคืนทิ้งไป
“ครับ”
“คุณพัชชามาค่ะ”
“อืม ให้เธอเข้ามา”
“ค่ะคุณกาน”
การันต์อ้อมกลับไปนั่งประจำที่เช่นเดิม หยิบรายงานการประชุมของช่วงบ่ายกางออกวางลงตรงหน้า...
“รบกวนคุณหรือเปล่าคะกาน” หญิงสาวผู้ก้าวเข้ามายังห้องผู้บริหารคนสำคัญเอ่ยถามเสียงหวาน
“เปล่าครับ ผมกำลังดูรายละเอียดบ่ายนี้”
“ขยันจังเลยนะคะ”
พัชชายิ้มหวานให้กับเจ้าของคำตอบก่อนทิ้งสะโพกสวยลงเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม หลายวันที่ผ่านมาอยากพบหน้าเจ้าของห้องแต่ก็ต้องอดทนเอาไว้เพราะทางเลขาแจ้งว่าเขาไปทำธุระสำคัญ ถึงอยากจะโทรหาก็ไม่รู้จะใช้ข้ออ้างอะไร ยามปกติยังแทบหาโอกาสเข้าใกล้การันต์ได้ยาก
“ท่านประธานกำชับมาน่ะครับ”
“คุณวินออกจะเชื่อใจคุณขนาดนี้ มีหรือคะจะกล้าเข้มงวดกับคุณ” พัชชากล่าวอย่างเอาใจ ดวงตาฉ่ำหวานทุกครั้งเมื่อสบตาคม หญิงสาวจงใจยืดหน้าอกหน้าใจล้นออกมาจากชุดเดรสสีเข้มให้คนตรงหน้าได้เห็น
“ผมไม่กล้ารับไว้นะครับคุณพัช ท่านประธานให้ความสำคัญกับพนักงานทุกคนเท่ากัน”
การันต์ค้านผู้จัดการฝ่ายการเงินด้วยท่าทีเป็นกันเอง และไม่อยากให้คำพูดนี้ไปถึงหูคนอื่นเดี๋ยวจะทำให้เกิดข้อพิพาทตามมา ซึ่งเขาไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น
“พัชไม่ได้พูดอะไรผิดนี่คะ คุณก็เป็นซะแบบนี้ทั้งที่ใคร ๆ ต่างก็รู้ว่าเป็นแบบนั้น”
ครั้งนี้การันต์ไม่ได้ค้านกับคำพูดของพัชชาอีกเพียงยิ้มอ่อน ๆ ให้เธอแล้วก็หยิบปากกาขึ้นมาวงตัวเลขลงบนเอกสารเพื่อจะได้เอาไปประกอบการประชุมบ่ายนี้
บ้านกลางน้ำ
ยามเช้าแดดไม่แรงมากเปรมยุดาเห็นว่าต้นไม้และดอกไม้ของพ่อปลูกไว้ไม่ได้น้ำมาหลายวันจนเริ่มเฉา ตั้งใจออกมารดน้ำให้พวกมัน เธอลากสายยางผูกกับก๊อกน้ำข้างรั้วบ้านมาด้านหน้า หลังจากเปิดมันแล้วก็ฉีดเป็นฝอยจนทั่วใบสีเขียวและกลีบดอกกำลังคอตก
แม้ว่าความเสียใจยังไม่จางหายไปไหนแต่เธอก็ต้องใช้ชีวิตต่อไป พวกท่านคงไม่อยากเห็นว่าตนเองเอาแต่จมอยู่กับความทุกข์ตลอดไปหรอก เธอก็เลยทำตัวเฉกเช่นปกติเหมือนทุก ๆ วันที่ผ่านมา
“เปรมเอ๊ย เดี๋ยวป้าจะเข้าอำเภอหน่อยนะ กับข้าวป้าทำไว้อยู่ในครัวนั่นแหละ”
“จ้ะป้า” หันมาตอบผู้เป็นป้าเดินออกมาในชุดพร้อมออกจากบ้าน มีกระเป๋าใบใหม่พึ่งซื้อเห็นว่าอันเก่าสายมันขาดไปแล้ว
เปรมยุดามองกระทั่งป้าเดินข้ามไปอีกฝั่ง ป้าศรีบ้านถัดไปหลายหลังจอดรอซึ่งเป็นอย่างนี้ประจำทั้งสองเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ยังเป็นสาว ๆ ไปไหนมาไหนก็มักจะไปด้วยกันตลอดเธอจึงไม่ได้ทักท้วงเมื่อเห็นดังนั้น
มุมปากกระจับยกยิ้มบาง ๆ เมื่อโดนละอองจากสายยางที่ฉีดออกมา เป็นยิ้มสวยไม่ต่างจากดอกไม้กำลังเบ่งบานยามเช้าเมื่อได้รับความชุ่มชื่นทั้งกิ่งก้านใบ
“อย่างกับเด็กแหนะแค่รดน้ำต้นไม้ยังทำให้ตัวเองเปียกได้” ก้มมองดูเสื้อยืดพอดีตัว เปียกตั้งแต่ช่วงบนลงไปจนถึงหน้าท้อง ด้วยเป็นเนื้อบางพอแนบลำตัวก็เห็นสัดส่วนนูนสองเต้าได้อย่างชัดเจน เธอขำให้กับตัวเองช่างไม่ระวังเอาเสียเลย
กลายเป็นว่าต้องอาบน้ำอีกรอบแล้วลงมากินข้าวที่ป้าทำไว้เป็นต้มจืดหมูสับใส่เต้าหู้สด ไข่เจียวพร่องไปครึ่งน่าจะแบ่งกินไปแล้วเธอนั่งกินข้าวในครัวจนหมดเก็บจานส่วนนั้นมาล้างแล้วกลับขึ้นมาบนห้องของตัวเอง
อีกไม่ถึงเดือนมหาวิทยาลัยก็จะปิดรับสมัครนักศึกษาใหม่ สิ่งที่เตรียมเอาไว้ถูกรื้อออก หนังสือคณะบริหารธุรกิจจึงได้กลับมาใช้งานอีกครั้ง
ตั้งใจเข้าเรียนคณะนี้เพราะจบออกมาก็หางานในตัวเมืองทำได้เลยไม่ต้องเดินทางไปไหนไกล วันหยุดก็อยู่กับพ่อแม่ ทว่าใกล้จะได้เรียนแล้วแต่กลับไม่มีพวกท่านให้อยู่ด้วย!
“พ่อกับแม่มองหนูอยู่ใช่ไหมคะ”
เอ่ยกับภาพถ่ายใบเก่าในกรอบสี่เหลี่ยมบนโต๊ะหนังสือ จำได้ว่าวันนั้นไปเที่ยวสวนสัตว์กันเนื่องในวันเด็กตอนอายุ 10 ขวบ ทั้งสนุกและมีความสุขมาก
เปรมยุดาดึงตัวเองออกมาจากความทรงจำเก่า ๆ กลับเข้าสู่ความเป็นจริง ปลายนิ้วเรียวสวยเปิดหน้าค้างไว้
เวลาล่วงเลยมาจนถึงช่วงบ่ายจึงได้ผละสายตาจากตัวหนังสือ นวดคลึงขมับปวดตรึงผ่อนคลายเส้นสมองเต้นตุบ ๆ จากการใช้งานเป็นเวลานาน เธอวางหนังสือไว้บนโต๊ะเอี่ยวตัวไปดูเวลาข้างผนังห้อง
“บ่ายสองแล้วเหรอเนี่ย” ริมฝีปากกระจับขยับพึมพำ ลุกจากที่นั่งดันเก้าอี้เข้าเก็บไว้ตามเดิม
เอาแต่อ่านหนังสือจนลืมเวลากินข้าวเที่ยง กระเพาะก็ไม่ทำงานหรือเรียกร้องหาของกินเลยสักนิด ก้าวลงมาจากบันไดพลางมองหาป้าจัน
“ยังไม่กลับอีกเหรอ ไปทำอะไรอยู่นะ?”
ตื้ด... ตื้ด... ตื้ด...
[ฮัลโหล]
“ป้ายังไม่กลับอีกเหรอคะ”
[กำลังจะกลับแล้ว เอ็งมีอะไรหรือเปล่า]
“เปล่าค่ะ เปรมแค่เห็นป้ายังไม่กลับก็เลยโทรหา”
[อ้อ แวะบ้านกำนันเทพน่ะ พ่อทิมไม่อยู่ไปทำธุระแต่อีกเดี๋ยวก็คงกลับมาแล้ว]
ป้าของเธอร่ายยาว รายงานความเคลื่อนไหวทางฝั่งนั้นทั้งที่ไม่อยากรู้เลยสักนิด แต่ที่ไม่เข้าใจมากกว่าก็คือทำไมป้าถึงต้องไปสุงสิงกับครอบครัวนั้นไม่เลิก!
“ป้าจะกลับกี่โมง” ตัดบทถามเรื่องเวลาไม่อยากรับรู้เรื่องราวของฝั่งนั้นมากนัก ท่านเงียบไปครู่หนึ่งก่อนตอบว่าเดี๋ยวก็กลับไม่ต้องห่วงแล้วก็วางสายไป
ไม่ต้องการเก็บคนพวกนั้นใส่ใจต่อให้ป้าจะยัดเยียดข้อมูลมากแค่ไหนก็จะไม่เก็บมาคิดเด็ดขาด เธอเดินเข้าไปในครัวเพื่อหาอะไรรองท้อง
ผ่านไปไม่นานเสียงรถยนต์ก็จอดเทียบหน้าบ้าน เธอคิดว่าน่าจะเป็นบ้านข้างกันที่มักจะเอารถของตนมาจอดไว้จึงไม่ได้สนใจ กระทั่งเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้จึงเดินออกมาดู!
“ช่วยป้าถือของหน่อยเร็ว ดูสิเนี่ยพ่อทิมเอาของฝากมาให้เยอะแยะเลย”
นางจันเห็นว่าหลานสาวไม่ยอมขยับจากประตูทางเชื่อมระหว่างห้องครัวกับตัวบ้านมารับแขกคนสำคัญจึงได้ยกของในมือเป็นข้ออ้างให้เธอเดินมาหา
เปรมยุดาแม้จะไม่เต็มใจแต่ก็ขัดผู้เป็นป้าไม่ได้ พาตัวเองเดินตรงไปหาท่าน ชายหนุ่มฉีกยิ้มกว้างทันทีเมื่อเห็นเปรมยุดาว่าง่าย
“พี่ไปดูงานแทนพ่อมาเห็นว่าของฝากสวยดีก็เลยนึกถึงน้องเปรม มีทั้งเสื้อผ้าแล้วก็ครีมบำรุงผิว แม่ค้าบอกตอนนี้กำลังเป็นที่นิยม พี่ก็เลยซื้อมาให้น้องเปรมลองใช้ดู”
“ขอบคุณพี่เขาเสียสิเปรม”
ครั้นไร้เสียงตอบรับจากผู้เป็นหลานสาวนางจันจึงได้เร่งรัดเสียงเข้ม ใบหน้าอวบอ้วนขมวดยุ่งกลัวว่าลูกชายกำนันเทพจะไม่พอใจกับท่าทีของเปรมยุดา
‘ไม่ได้ขอให้เอามาให้สักหน่อย’
แม้อยากจะพูดคำนี้ออกไปก็ทำไม่ได้ จำยกมือไหว้ขอบคุณคนยืนด้านหลังร่างอวบอ้วนของป้าจัน
“ขอบคุณค่ะ”
ทิมรับไหว้หญิงที่หมายปองด้วยรอยยิ้มปรีติยินดี กวาดมองใบหน้าสวยพลางคิดอยู่ในใจว่าหากได้สัมผัสแก้มเนียนสักครั้งก็คงดี โดยที่สายตาโลมเลียพวกนั้นเปรมยุดาเห็นมันชัดเจน เธอเม้มปากข่มกลั้นความไม่ชอบใจไว้ก่อนจะทำทีเป็นเลี่ยงเอาของเข้าไปเก็บ
“เดี๋ยวเอาน้ำออกมาให้พี่เขาด้วยนะเปรม”
ราวกับว่านางจันจะรู้ทันคนเป็นหลานจึงได้บอกไล่หลังเธอทันทีที่เดินออกมา
เปรมยุดาวางแก้วน้ำดื่มไว้ตรงหน้าแขกของป้า ทิมหยิบมันขึ้นมาดื่มจนเกือบหมดทันทีเช่นเดียวกันเพื่อเอาใจหญิงสาว
“ป้าไปขอบคุณกำนันมาน่ะ ถ้าไม่ได้ท่านกับพ่อทิมงานก็คงจะลำบากมากกว่านี้”
นางจันกล่าวยกยอปอปั้นสองพ่อลูกไม่เลิก เปรมยุดาเผยสีหน้าไม่เข้าใจผู้เป็นป้า สองพ่อลูกเกี่ยวอะไรกับงานศพของพ่อกับแม่ในเมื่อค่าใช้จ่ายแทบทั้งหมดเป็นฝ่ายคู่กรณีช่วยเหลือ แล้วยังประกันอีกล่ะ ทำไมถึงได้เป็นกำนันแล้วก็ลูกชายที่ได้หน้าไป
“ผมเต็มใจช่วยอย่างเต็มที่อยู่แล้วครับ ขอแค่เป็นเรื่องของน้องเปรมก็พอ” ยืดตัวตรงรับคำชมจากญาติผู้ใหญ่ของเปรมยุดาอย่างมั่นอกมั่นใจว่าตัวเองเป็นคนใจกว้าง
เปรมยุดายิ่งรู้สึกไม่ชอบผู้ชายตรงหน้า ทั้งที่รู้ว่าตนเองทำอะไรลงไปบ้างแต่กลับเอาความดีเข้าตัวไปเสียหมดคนประเภทนี้เธอพึ่งเคยพบ แม้ว่าที่ผ่านมาจะคบค้าสมาคมกับเพื่อนน้อยมากแต่ก็ไม่มีใครหลงตัวเองได้เท่ากับเขาเลย“ดูพี่เขาสิเปรม ขนาดว่างานยุ่งยังมีแก่ใจนึกถึงเอ็ง ต้องทำดีกับพี่เขามาก ๆ รู้หรือเปล่า”ได้ยินป้าของหญิงสาวพูดเข้าข้างตนเอง ทิมกระหยิ่มยิ้มย่องอย่างชอบใจ ความหวังเคยเลือนรางบัดนี้ได้กลับมาอีกครั้ง เมื่อผู้ใหญ่เปิดทางให้ถึงเพียงนี้อย่างไรเสียเปรมยุดาก็ต้องตกเป็นเมียของเขาแน่นอนชายหนุ่มคิดอย่างลำพองใจพลางมองหญิงสาวใบหน้านวลเนียนอมชมพูระเรื่อ ลิ้นสากแลบออกเลียเรียวปากอย่างคนคิดแผนชั่วร้ายในหัว“น้องเปรมลองดูสิว่าชอบหรือเปล่า” ถามพลางดันตัวขึ้นจากเก้าอี้เดินอ้อมมานั่งข้าง ๆ เปรมยุดาอย่างถือวิสาสะ เปิดถุงของฝากออกกว้าง หยิบชุดราคาแพงออกโชว์ให้เธอดู“คุณทิมคะ ของฝากพวกนี้เปรมขอบคุณแต่ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้” หยิบชุดจากมือเขาแล้วเก็บใส่ถุงไว้อย่างเดิม ขยับหนีออกมานั่งให้ห่าง ทั้งที่ป้ายังนั่งอยู่อีกฝ่ายไม่มีความเกรงใจเลยสักนิด นั่นเป็นเพราะผู้ใหญ่ทางเธอเห็นดีเห็นงามกับการกระทำพวกนี้ ห
เสียงฝีเท้าค่อย ๆ ห่างออกไปกระทั่งเหลือเพียงเสียงสะอึกสะอื้นจากเจ้าของห้อง เปรมยุดาปาดน้ำตาออกจากใบหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทอดสายตามองบ้านที่ไร้ไออุ่นหลงเหลือ “หนูไม่มีวันไปอยู่กับผู้ชายคนนั้น ยังไงก็ไม่ไปเด็ดขาด ไม่เรียนก็ไม่เรียนสิ” ทอดเสียงหนักแน่นกลั่นออกมาจากข้างใน ดวงตาเคยอ่อนหวานบัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นแข็งกระด้าง เพียงเพราะให้ความไว้เนื้อเชื่อใจสายเลือดเดียวกัน ไม่คิดว่าผลที่ได้จะออกมาในรูปแบบนี้ เงินตั้งเกือบสามแสนกว่าบาทบอกว่าหมดก็จบง่าย ๆ อย่างนี้นะเหรอสัตหีบ จังหวัดชลบุรีเวลา 20.34 นาฬิกา“บอกจะไปหากู แล้วทำไมเป็นกูที่มาอยู่บ้านมึงวะ”ดลธีพาดเสื้อสูทตัวนอกของตนเองไว้กับเก้าอี้แล้วเดินอ้อมมาทิ้งตัวลงพื้นนุ่มของโซฟากลางห้องโทนสีเทา ร่างสูงทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดไปด้านหลังแล้ววาดขายาวขึ้นไขว่ห้าง ในระหว่างกำลังรอเจ้าของบ้านถือเบียร์มาปึก!การันต์วางเครื่องดื่มดับกระหายตรงหน้าเพื่อน ก้านนิ้วเรียวแข็งแกร่งดึงสลักเปิดฝาออกครั้งเดียวเสียงซ่าก็ชวนให้คนพึ่งบ่นยกยิ้มกับการบริการจากเจ้าบ้าน“กูยังไม่ทันได้ก้าวขาออกจากห้องทำงานมึงบอกว่าอยู่หน้าตึกออฟฟิศแล้ว จะบอกว่ากูไม่ไปตามที่พูดไม่ได้นะด
แต่ดูเหมือนว่าความตั้งใจจะไม่เป็นอย่างที่คิดเลยสักนิด เมื่อเสียงเรียกจากผู้อยู่ด้านในตะโกนรั้งเอาไว้ ราวกับว่ารอคอยการกลับมาของเธอยังไงอย่างงั้น“กลับมาแล้วทำไมไม่เข้าบ้าน แดดแรงขนาดนี้เดี๋ยวก็เป็นลมเป็นแล้งเอาหรอก”นางจันว่าแล้วก็เปิดรั้วบ้านให้หลานสาวเปรมยุดาเม้มปากแน่นเห็นสีหน้าแช่มชื่นของผู้เป็นป้าแล้วอดคิดไม่ได้ว่าไม่คิดอะไรบ้างเหรอที่เห็นตนตกอยู่ในสภาพนี้ ทั้งที่ควรจะล้มเลิกความคิดจะให้เธอเกี่ยวพันกับครอบครัวกำนันเทพแต่กลับเชื้อเชิญให้เข้าบ้านอย่างไม่ละอายแก่ใจจากที่คิดจะหลบหน้าก็เลยต้องหันหัวรถเข้าบ้านแทน เธอจอดรถไว้ข้างบ้านมีร่มไม้ใหญ่ไว้บังแดด เดินตามเจ้าของร่างอวบอ้วนของป้าเข้ามาข้างใน หากเป็นเมื่อก่อนได้พบสองพ่อลูกคงรู้สึกว่าตนเองตัวเล็กลีบแบนหากแต่ตอนนี้ไม่ใช่อย่างนั้นแล้ว“น้องเปรมไปทำงานที่ร้านทอฝันเหนื่อยไหมครับ” ทิมพอเห็นหน้าหญิงสาวก็ฉีกยิ้มพลางเอ่ยถาม กวาดสายตาพราวระยับสำรวจความเปลี่ยนแปลงของเธอที่ดูโตขึ้นอย่างน่ามอง เสื้อเชิ้ตเข้ารูปกับกางเกงยีนสีดำเสริมให้ขายาวยิ่งดูเรียวระหง“ไม่ค่ะ งั้นเปรมขอตัวก่อนนะคะ” แม้จะไม่อยากเจอแต่ด้วยถูกสอนมาอย่างดีเมื่อพบผู้มีอายุมากก
บริษัทเอเจกรุ๊ปห้องประธานชายหนุ่มผู้มีใบหน้าคมคายดวงตาสีนิลประกายแรงกล้าหยุดอยู่บนร่างกำยำของผู้ใต้บังคับบัญชา สำรวจความสง่าโดดเด่นของอีกฝ่ายด้วยความชื่นชมก่อนที่ริมฝีปากจะเริ่มเอ่ย“ที่นั่นมีอะไรทำให้นายต้องเดินทางไปติด ๆ กันแบบนี้”“เรื่องสำคัญครับ ก็เลยขึ้นมาบอกคุณด้วยตัวเอง”เสียงหัวเราะในลำคอทุ้มต่ำจากผู้ตั้งคำถาม เมื่อคำตอบที่ได้มาไม่ได้ต่างไปจากที่รายงานก่อนหน้านี้สักนิด อยากรู้มากก็คือ ‘สำคัญ’ นั้นคือเรื่องใดกันแน่ ที่สมุทรปราการมีอะไรน่าสนใจมากกว่าชลบุรีถึงขั้นทำให้คนรักการทำงาน ยึดติดห้องของตัวเองเป็นนิจถึงกับต้องละทิ้งพวกมันไปครั้งละหลาย ๆ วัน?“ไม่ได้ไปทิ้งไข่ไว้ที่นั่นแล้วต้องรับผิดชอบหรอกนะ”ธาวินสัพยอกการันต์ ก่อนจะได้รับยิ้มมาดร้ายตอบกลับจากอีกฝ่าย หากไม่ได้รู้จักกันมานานและรู้นิสัยของผู้บริหารมือทองอย่างการันต์แล้วละก็ คงอดคิดไม่ได้ว่าสิ่งที่ตนกล่าวไปนั้นเป็นความจริง“ถ้าจะมีเรื่องแบบนั้นขึ้นผมไม่ให้อยู่ไกลตัวหรอกครับ คุณวินอย่าเอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่นสิผมเสียหายนะ”นอกจากดลธีก็เห็นจะเป็นเจ้านายนี่แหละกล้าเอ่ยคำพูดพวกนี้ ไม่ใช่ว่าตนเป็นคนถือยศถืออย่าง เพียงแต่ว่าเมื
บนถนนคอนกรีตทอดยาวไปไกลมีรถสปอร์ตเมอร์เซเดสสีขาวคันหรูกำลังมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านกลางน้ำ ท่อนแขนกำยำประคองพวงมาลัยอย่างมั่นคง ใบหน้าหล่อเหลาภายใต้แว่นสีดำไม่แสดงออกถึงอารมณ์ใด ๆ ในใจประสงค์เพียงไปถึงบ้านของเปรมยุดาก่อนฟ้ามืดการเดินทางกลับมายังหมู่บ้านแห่งนี้ล่าช้ากว่ากำหนดการไปมาก เดิมที่วางแผนว่าจะออกมาตั้งแต่เช้าตรู่ทว่าพริมาส่งงานด่วนมาให้อนุมัติกว่าจะคุยรายละเอียดกันเสร็จก็ใช้เวลาพอสมควร ถึงอีกจังหวัดก็เลยเย็นแบบนี้กระทั่งถึงทางเลี้ยวเข้าหมู่บ้านกลางน้ำการันต์ชะลอความเร็วรถลง มีบางอย่างเกิดขึ้นเบื้องหน้า อาจจะเป็นเรื่องของผัวเมียกำลังง้อกันจึงคิดแซงไป แต่แล้วปลายเท้าก็ต้องแตะเบรกอย่างกะทันหันเมื่อฝ่ายหญิงหลุดจากอ้อมกอดของฝ่ายชายแล้วหันกลับมาทางหน้ารถพอดี“เปรมยุดา!”เสียงทุ้มเอ่ยชื่อของคนที่อยู่ในหัวเย็นเยียบ พวงมาลัยหมุนออกขวาควงกลับมาด้านซ้ายอย่างรวดเร็ว ปลดเข็มขัดตั้งแต่ยังไม่ทันดับเครื่องยนต์ นาทีนี้อยากกระโจนออกไปด้านนอกโดยไม่ต้องอ้อมทางประตู เปรมยุดาถอดใจกับการรอคอยความช่วยเหลือจากรถที่ขับผ่าน สังคมเสื่อมโทรมลงทุกวันความมีน้ำใจหดหายไปตามกาลเวลา เห็นเหตุการณ์อย่างนี้เป็นเรื
เปรมยุดาเดินนำการันต์เข้ามาภายในบ้าน พอเข้ามาถึงด้านในริมฝีปากกระจับก็เม้มจนเป็นเส้นตรง ป้าจันนั่งดูทีวีอย่างสบายใจไม่ทุกข์ร้อนกับการกลับบ้านผิดเวลาของเธอเลยสักนิด“ป้า มีแขกมาบ้าน” “อ้าว เอ็งกลับมาแล้วรึ! แล้วนั่น...”นางจันเอ่ยถามหลานสาวด้วยน้ำเสียงปกติ “สวัสดีครับ ขอโทษที่มารบกวนโดยไม่ได้บอกล่วงหน้า”ผู้มีอายุน้อยกว่ายกมือไหว้หญิงร่างอวบอ้วนแสดงสีหน้าตกใจกับการปรากฏตัวของตน แม้อยากจะคิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเปรมยุดาเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ทว่าปฏิกิริยาเฉยเมยต่อหลานสาวของนางจันชวนให้คิดไปอีกทาง “สะ...สวัสดีจ้ะ คุณมาเที่ยวแถวนี้ก็เลยแวะมาเหรอ ว่าแต่เอ็งทำไมไม่ได้ยินเสียงรถล่ะ”รับไหว้ชายหนุ่มหลังจากที่ปรับสีหน้าให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้แล้วก็หันมาทางหลานสาว ปกติจะได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์คันเก่าเข้ามาจอดข้างใน “เปล่าครับ ผมไม่ได้มาเที่ยวแต่มาทำธุระที่นี่ บังเอิญเจอเปรมกำลังถูกทำร้ายอยู่ทางเข้าหมู่บ้าน ดีที่ผมมาช่วยไว้ได้ทันไม่งั้นเธอคงเจ็บมากกว่านี้”การันต์ตอบนางจันเสียงเรียบดวงตาสีดำสนิทวางอยู่ที่เดิมเพื่อค้นหาบางอย่างในสายตาเรียวรีของหญิงตรงหน้า หากว่าการปรากฏตัวครั้งนี้ของล
นางจันคิดใคร่ครวญถึงข้อเสนอของชายหนุ่ม พินิจดวงตาคมกล้าสีดำสนิทไร้แววล้อเล่นและความเจ้าเล่ห์เฉกเช่นผู้นำท้องถิ่นอย่างกำนันเทพ แล้วจึงหันไปหาหลานสาวตกอยู่ในสภาพมอมแมมอีกทั้งรอยขีดข่วนจนช้ำตามลำตัว‘ช่างน่าละอายใจเหลือเกิน’ ความผิดจากการกระทำที่เห็นแก่ตัวกระแทกหัวใจคนเป็นป้าจนจุกในอก เปรมยุดาเป็นหลานสาวแท้ ๆ แต่ตนกลับปกป้องอะไรไม่ได้ เพราะความขลาดกลัวต่ออำนาจบวกกับความละโมบในทรัพย์สินของน้องชาย จึงทำให้หลงหน้ามืดตามัวเอาเงินทองมากมายมาเป็นของตนเอง ปล่อยให้เด็กสาวตัวเล็ก ๆ ต้องต่อสู้เพื่อความอยู่รอดด้วยตัวเอง น้ำตาหยดหนึ่งร่วงหล่นจากดวงตาเล็ก...“ป้าผิดไปแล้วจริง ๆ เปรมเอ๊ย...เอ็งไม่ควรตกอยู่ในสภาพนี้ ควรจะมีโอกาสที่ดีเหมือนลูกหลานคนอื่นเขา ฮึก ๆ ป้าขอโทษนะลูก ป้ามันเห็นแก่ตัว ตายไปจะสู้หน้าพ่อกับแม่เอ็งได้ยังไง ฮือ...”หน้าผากเหี่ยวย่นแตะหลังมือแดงก่ำของหลานสาว กว่าจะคิดได้ก็เกือบทำให้เด็กน้อยผู้อาภัพคนนี้ตายทั้งเป็นอาทิตย์ต่อมา...เขตสัตหีบเข้าสู่ช่วงเวลาบ่ายคล้อย การันต์เดินทางกลับมาถึงบ้านพร้อมกับเปรมยุดา “ห้องอาอยู่ชั้นสองฝั่งซ้ายมือ ส่วนของเราอยู่อีกฝั่งมีระเบียงด้านนอกเปิดออกไ
“ไหน ๆ ก็มาแล้วจะเสียเวลาไปซื้อที่อื่นอีกทำไม” ให้เหตุผลกับคนขี้เกรงใจ ปกติผู้หญิงต้องเลือกใช้ของที่ดีไม่ใช่เหรอ ไม่ได้จะดูแคลนของตลาดนัดเพียงแต่ว่าเขาต้องการให้เปรมยุดาใช้ของแบรนด์นี้มากกว่า “หนูไม่เสียเวลาค่ะ เดินไปไม่กี่ร้อยเมตรก็ถึงแล้ว” อุตส่าห์หาเหตุผลมาเลี่ยง ไม่ใช่แค่เพราะเรื่องราคาแต่ระหว่างที่เลือกชุดชั้นในด้วยนี่สิ ครั้นจะบอกให้เขายืนรออยู่หน้าร้านก็จะกระไรอยู่ในเมื่อข้างในมีที่ให้นั่งรอ!“แต่อาอยากให้ซื้อที่นี่!” “แต่ว่ามันแพง”“แพงแล้วอาให้เราจ่ายเหรอ”“ก็นั่นแหละค่ะ เพราะเป็นเงินของอาไง ลองคิดดูซื้อร้านนี้ชุดละตั้งเกือบพัน สู้เอาไปซื้อที่ตลาดนัดพันหนึ่งได้ตั้งหลายชุด”การันต์เส้นขมับเต้นตุบ ๆ กรามแกร่งขบเข้าหากันเมื่อได้ฟังคำพูดของคนกำลังอธิบายคอเป็นเอ็น ปกติพูดน้อยทว่าคราวนี้พูดจนหน้าดำหน้าแดงแค่เพราะเรื่องราคาเนี่ยนะ“.....”“เปรมยุดา!”ผู้รับอุปการะเอ่ยเสียงเข้ม เมื่อเธอยังเอาแต่เงียบเพราะอยากให้ใช้ของที่ดีถึงได้พามาทั้งที่ไม่เคยทำให้ใครมาก่อน กลับถูกปฏิเสธในความหวังดี นัยน์ตาสีดำสนิทกดลงต่ำในระดับใบหน้าของคนตัวเล็กกว่าเรียบนิ่ง ทำยังไงดี! เธอกำลังทำให้คุณอาไม่พอใจ
การันต์ดีดตัวจากเก้าอี้ตัวยาวเร่งรุดไปหยุดตรงหน้าคุณหมออย่างรวดเร็ว “ภรรยากับลูกผมเป็นยังไงบ้างครับหมอ” ความตื่นเต้นระคนกังวลทำเสียงที่เอ่ยถามนายแพทย์ออกมาสั่นไหว “ยินดีกับคุณพ่อด้วย คุณแม่และ ‘ลูกชาย’ ปลอดภัยและแข็งแรงทั้งคู่ครับ อีกเดี๋ยวเราจะย้ายพวกเขาไปห้องพักฟื้น ถ้ามีอะไรต้องการเพิ่มก็แจ้งพยาบาลได้เลยครับ” นายแพทย์กล่าวเสียงละมุน เห็นสีหน้าของสามีคนไข้แล้วคงกระวนกระวายใจไม่น้อย “ขอบคุณครับ ขอบคุณมากจริง ๆ” การันต์ไม่อาจกลั้นความปรีติยินดีเอาไว้ได้ น้ำตาแห่งความดีใจหล่นออกมาอย่างไม่นึกอายพอได้ยินกับหูตัวเองแล้วว่าคนที่ตนเองรักสุดชีวิตทั้งสองปลอดภัย “กูบอกแล้ว สองคนนั้นเก่งจะตาย” ดลธีตบไหล่ปลอบเพื่อน “ต้องอยากเจอหน้าหลานจังเลยค่ะ งั้นขอไปรอหน้าห้องเด็กนะคะ” “ไปด้วย ผมกับต้องไปทางนู้นนะครับ” ขุนพลหันมาบอกคุณอาทั้งสองก่อนจะวิ่งตามต้องใจไป ดลธีมองกระทั่งภาพหลังหนุ่มสาวทั้งสองลับสายตาจึงหันกลับมาหาเพื่อนรักที่เช็ดน้ำตาตัวเองออกอย่างรวดเร็ว “ยินดีด้วย ต่อไปก็เป็นพ่อเต็มตัวแล้วนะ ดีที่ไม่ต้องไว้หนวดตั้งแต่ตอนนี้” คุณพ่อป้ายแดงหันมาทางเพื่อนยืนอยู่ข้างกัน ดวงตาแดง ๆ ของเขาจ้
เดือนต่อมา...รถเมอร์เซเดสสีขาวของการันต์มุ่งหน้าไปยังหมูบ้านกลางน้ำอีกครั้ง ความตั้งใจของเขาในวันนี้ก็เพื่อจะพาคนรักนั่งข้างกันมีสีหน้าราบเรียบทว่าดวงตากลมโตมีแววสั่นไหวอย่างคนเป็นกังวล “อาจะพาหนูไปวัดแล้วกลับเลย ไม่ต้องกลัว” อุ้งมือใหญ่วางทาบมือเล็ก แม้แต่ตอนนี้ก็ยังรู้สึกได้ถึงความกังวลของเธอ ถึงจะผ่านไปแล้วหลายปี หากแต่ว่าความทรงจำของเปรมยุดาก็อยู่ที่นี่ไม่น้อย “ขอบคุณนะคะ” ยิ้มอ่อน ๆ พลางหันมาทางคุณอา สายตาอบอุ่นของเขาทำให้ใจว้าวุ่นตลอดทางผ่อนคลายลงไปมาก คราแรกที่รู้ว่าเขาจะพากลับมาไหว้พ่อกับแม่น้ำตาเธอนองเต็มหน้า คิดถึงพวกท่านจับหัวใจ ต่อให้ไม่ได้พบหน้ากันอีกแค่ได้ไหว้กระดูกคนเป็นลูกอย่างเธอก็ซาบซึ้งใจ“ไม่ต้องขอบคุณ อาตั้งใจจะมาพบพ่อกับแม่หนูอยู่แล้ว”เปรมยุดายิ้มกว้าง คนรักทำราวกับจะได้พบหน้ากัน...คงไม่ต่างจากเธอ!ทั้งสองใช้เวลาชั่วโมงเศษ ๆ ก็มาถึงที่หมาย ฝ่ายลูกสาวของผู้ลาลับหอบช่อดอกไม้สีสันสดใสกับผ้าหนึ่งผืนเดินนำเจ้าของเรือนกายภูมิฐานไปยังเจดีย์บรรจุอัฐิของพ่อและแม่ “หนูกลับมาหาพ่อกับแม่แล้วนะคะ” วางช่อดอกไม้ตรงฐานกว้าง เช็ดฝุ่นออกจากกรอบรูปที่ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยมีใค
กว่าสถานการณ์จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ก็ใช้เวลาไปหลายนาที ดีที่ไม่มีใครแซวหรือพูดอะไร จึงทำให้พวกเรากลับมาสนุกกันต่อ เวลา 00.41 น.“รอกันตรงนี้เรียกรถให้แล้ว” ดลธีบอกขุนพลและต้องใจหลังจากงานเลี้ยงจบลง เขาดูแลทั้งสองเปรียบเสมือนน้องนั่นก็เพราะเปรมยุดาได้กำชับไว้ก่อนที่เธอจะแยกไปกับเพื่อนเขาดีจริง ๆ เลยทั้งหลานทั้งเพื่อน!“ขอบคุณนะครับ” ขุนพลไหว้ผู้ใหญ่ใจดี มื้อนี้เจ้ามือหมดไปไม่น้อย “ไม่เป็นไร ต่อไปถ้ามีงานทำก็กลับมาเลี้ยงฉันบ้างก็แล้วกัน” ดลธีหันไปตอบเพื่อนหลานด้วยใบหน้าทะเล้น“ต้องคิดเป็นบุญคุณด้วยเหรอคะ?” คนที่แม้แต่จะทรงตัวก็ลำบากยังอุตส่าห์หันมาถามเสียงอ่อน “ต้อง! เงียบบ้างก็ได้” ขุนพลห้ามเพื่อนพลางประคองไหล่เล็กให้ยืนได้ตรงเสียก่อนจะปากดี ไม่ดูตัวเองบ้างเลย! ชายหนุ่มได้แต่ส่ายหัว“แค่บอกว่าให้เลี้ยงคืน? เป็นบุญคุณเหรอ ถ้าบอกให้เอาเงินมาคืนก็ว่าไปอย่าง หรือเธอจะคืนฉันล่ะยัยขี้เมา” “ก็เอาบัญชีมาสิ เดี๋ยวโอนให้ตอนนี้เลย ชิ!” “มือถือ?”“เอาไป”“ต้อง!”“นายเงียบเลยขุน” จะว่าเหมือนเด็กก็ไม่ใช่เสียทีเดียว ทว่าคนทั้งสองต่างไม่มีใครยอมกัน คนกลางอย่างขุนพลจึงได้แต่ยิ้มแห้งให้คุณอาขอ
ปีสุดท้ายของการเป็นนักศึกษาของเปรมยุดาและเพื่อน ๆ ต่างก็ดีอกดีใจเมื่อเดินทางมาถึงจุดสำเร็จสาขาบัญชีรวมตัวถ่ายรูปหมู่ไว้เป็นที่ระลึก เปรมยุดา ต้องใจและขุนพลฉีกยิ้มให้กับกล้อง เสียงกดชัตเตอร์รัวติดต่อกัน พร้อมกับช่างภาพยกนิ้วขึ้นโอเค ทุกคนก็ร้องเฮ คละเคล้าเสียงโห่ร้องตะโกนด้วยความดีใจต่างโอบกอดลากันด้วยน้ำตานองหน้า สี่ปีที่เรียนด้วยกันมาความผูกพันแน่นแฟ้นจนอดใจหายไม่ได้เมื่อต้องแยกจากเพื่อไปเติบโตใช้ชีวิตวัยทำงานไม่ว่าจะอย่างไร พวกเขาจะไม่มีวันลืมมิตรภาพที่ดีเหล่านี้เลย“เร็วนะว่าไหม? ไม่อยากจากพวกแกไปเลย”ต้องใจนั่งจับมือเปรมยุดา และมองเพื่อนสนิทอีกคนที่นั่งห่างออกไป เธอเห็นสายตาอาวรณ์ที่ขุนพลใช้มองเปรมยุดา ไม่ว่าจะครั้งแรกหรือกระทั่งตอนนี้ก็ยังเป็นเช่นเดิม แต่ก็คงทำได้แค่นั้นเพราะตอนนี้เพื่อนรักของเธอมีเจ้าของแล้ว และไม่ใช่ใครอื่นไกล เป็นคุณอาสุดหล่อที่กำลังถือช่อดอกไม่ช่อใหญ่เดินเคียงคู่มากับอิตาคุณอาขี้เก๊กนั่นเอง“เรายังเจอกันได้ แค่เรียนจบไม่ได้จากไปไหนไกลนี่น่า จริงไหมขุน” “ใช่ทำอย่างกับจะจากกันไปไหนไกลเว่อร์จริง ๆ เลยเธอเนี่ย”“โดนรุมอีกละ!”“เรียนจบแทนที่จะดีใจกลับทำหน้าบูด
กายโชกไปด้วยเหงื่อทรุดลงทาบทับร่างเปลือยเปล่าหอบหายใจโยนป้อก⁓“อะ” เปรมยุดารู้สึกกึ่งกลางกายวูบโหวงเมื่อคุณอาถอดถอนตัวตนลำใหญ่ออกไปจากตัวเธอ การันต์หายใจหอบใบหน้าชื้นไปด้วยเหงื่อ ดึงผ้าห่มคลุมกายเปลือยเปล่าทั้งสองจนถึงอก “มีคำหนึ่งใช่ไหมที่อายังไม่ได้บอกหนู” เกลี่ยปอยผมปกใบหน้ารูปไข่เล่น “อะไรเหรอคะ” ตะแคงตัวโอบกอดกายใหญ่ ซุกหน้าเข้าซอกคอแกร่ง ทำให้คุณอาหัวเราะในลำคอพลอยให้เธอยิ้มตามไปด้วย“อารักหนูเปรม รักมาก รักเกินกว่าใคร ๆ ฉะนั้น...อย่าพูดว่าจะให้อามีคนอื่นหรือคิดว่าอาจะไปมีใคร เพราะแค่มีหนูเปรมคนเดียวก็พอแล้ว” “อาบอกว่ารักหนูเหรอคะ” แหงนหน้าขึ้นมองใบหน้าคมคาย วางฝ่ามือบนใบหน้าเริ่มมีตอหนวดขึ้นบาง ๆ มิน่าเมื่อครู่ถึงได้รู้สึกระคาย “อารักหนูเปรม” ทาบฝ่ามือใหญ่บนหลังมือเล็ก ย้ำให้คนจ้องหน้าด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความสดใสสุขล้นฉายชัด เขาชอบเปรมยุดาเป็นแบบนี้มากกว่า ต้องโทษที่ตนไม่ชัดเจนตั้งแต่แรกจนทำให้เธอเข้าใจผิด“หนูก็รักอา รักมาก ๆ รักที่สุด รักกว่าใครในโลกเลย” ปีนขึ้นไปอยู่เหนือกายใหญ่ อกฟูบดเบียดหน้าอกเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของคนใต้ร่าง สอดแขนไปใต้ไหล่กว้างก่อนจะซุกหน้าลงหาควา
“อื๊อ” ห้ามยังไงทันเมื่อปลายนิ้วก้านยาวไล้กลีบดอกไม้ผ่านเนื้อผ้า ซ้ำยังคลึงจนเธอสะท้านเฮือกสยิวเสียวซ่านต้องยกสะโพกขึ้นรับความดุดันทันที“หนูเปรมของอาแฉะเร็วเหมือนกันนะเนี่ย ‘อยาก’ เหมือนกันใช่ไหมเด็กน้อย”ลมร้อนพ่นผ่านซอกคอหอม กดเรียวปากร้อนแนบชิดผิวละมุน ดอมดมกลิ่นกายที่คุ้นเคย“อ๊าส์...” ครางกระเส่าเสียงหวิวเมื่อคุณอาสอดนิ้วเข้ามาในร่องคับแคบและมันตอบรับเขาอย่างดี ตอดรัดทักทายความแข็งแกร่งราวกับว่ารอคอยในสัมผัสเร่าร้อนนี้มานานเสียงครางผะผ่าวกระตุ้นข้อมือใหญ่สอดใส่ท่อนนิ้วเพิ่ม เขาเกร็งกระแทกเข้าใส่ดุดันจนเส้นเลือดรายล้อมข้อแขนขึ้นปูดบวม ดวงตาเต็มไปด้วยเพลิงพิศวาสมองเรือนร่างส่ายเร้า เขาถอนก้านนิ้วออกหลังจากทนความปรารถนากำลังเผาไหม้ตนเองไม่ไหว ต้องการให้ความอึดอัดเบื้องล่างเข้าไปแทนที่ท่อนนิ้วแกร่งของตัวเองชุดนักศึกษาถูกถอดออกด้วยชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของเตียง ไม่นานกายเปลือยเปล่าสวยงามก็ปรากฏแก่สายตา ผิวเนียนละเอียดอมชมพูสวยกระแทกใจการันต์ “หนูเปรมของอาสวยเหลือเกิน” “อาอย่ามองนานนักได้ไหม”“มากกว่ามองก็ทำมาแล้ว”มุมปากหยักกระตุกให้กับเจ้าของมือที่ยกขึ้นปิดส่วนสวยงามเอาไว้ ทั้งขาเร
คนที่บอกว่าจะไม่มาให้เธอเห็นหน้าอีก บัดนี้รถได้จอดอยู่โรงเก็บแล้วเรียบร้อย ทำเปรมยุดากลั้นยิ้มไม่อยู่แทบอยากหายตัวเข้าไปหาผู้เป็นเจ้าของมันเสียตั้งแต่ตอนนี้เลยท่อนขาเรียวก้าวฉับ ๆ เข้ามาข้างใน นัยน์ตาหวานกวาดมองตั้งแต่ห้องรับรองจนถึงห้องครัวทว่าก็ไร้วี่แววคนที่คะนึงหา “ไม่อยู่!” หน้าม่อยทันทีเพราะคิดว่าคุณอาคงจะรอเธออยู่ชั้นล่าง“ไม่สิแกตั้งใจจะขอโทษอานี่น่า” เชิดหน้าขึ้นหันไปทางฝั่งห้องของคุณอา ยังไงวันนี้ก็ต้องคุยกันให้รู้เรื่อง ไม่อยากเป็นแบบนี้อีกแล้วเรียกขวัญกำลังใจให้ตัวเองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเคาะประตูบานสีน้ำตาลเบา ๆ “อากาน” ครั้งที่หนึ่งยังคงไม่มีเสียงตอบรับใด ๆ “อาอยู่ข้างในหรือเปล่าคะ” มั่นใจว่าคุณอาจะไม่ออกไปไหนหลังจากกลับเข้ามาแล้ว ครั้งนี้จะไม่ละความพยายามต่อให้ยืนรอคุณอาตรงนี้ทั้งคืนก็จะทำคนตัวเล็กรอจังหวะอีกนิดหนึ่งแล้วจึงง้างมือขึ้นเตรียมจะเคาะประตูของผู้เป็นอาอีกครั้ง...แกร๊ก~ “จะทำอะไร?” เสียงเรียบนิ่งเอ่ยถามคนตัวเล็กยกมือค้างกลางอากาศ ดวงหน้าหวานตกใจทันทีเมื่อเห็นเขา“คะ เคาะประตูค่ะ” ดวงตาวูบไหวสั่นระริกกวาดมองคนตัวสูง ผมเคยถูกจัดอย่างเป็นระเบียบยุ่งเหยิงกับ
ด้านในห้อง CEO ความอึมครึมยังปกคลุมโดยรอบเมื่อผู้เอนกายอยู่บนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ อารมณ์มาคุยังวนเวียนอยู่รอบกาย เปลือกตาปิดสนิททว่าภายในหัวกลับทำงานอย่างหนัก ขบคิดวกวนแค่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเปรมยุดากันแน่ ทั้งที่ตนก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเธอคือคนสำคัญสำหรับเขามากแค่ไหน แล้วทำไมถึงไม่เชื่อในการกระทำทั้งหมดนั้นมีแค่เธอคนเดียว!เสียงพ่นลมหายใจยาวยืดครั้งแล้วครั้งเล่าก็ไม่ทำให้การันต์รู้สึกดีขึ้นมาเลย ทั้งสายตาและน้ำเสียงไร้เยื่อใยของเปรมยุดาบาดลึกลงในหัวใจ ปวดร้าวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ♪ Life is sweet as honey Yeah this beat cha-ching like money ⁓........♪ Life is sweet as honey Yeah this beat cha-ching like money ⁓สุดท้ายต้องพ่ายให้กับความพยายามของคนที่โทรเข้ามา“มีอะไร?” [ไม่ดีขึ้นเหรอวะ]เข้าใจความหมายของคำถามดลธี เพียงแต่การันต์ไม่รู้ว่าจะตอบเพื่อนยังไง ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเปรมยุดาตอนนี้เกินกว่าคำว่า ‘ไม่ดี’ ไปมาก“อืม”[มึงไปทำอิท่าไหนถึงได้โกรธนานขนาดนี้ ปกติเชื่อฟังมึงจะตาย]“หลายท่า”[จะสมน้ำหน้าหรือสงสารมึงดีไอ้กาน ข่มขืนเหรอ?] หากไม่ใช่เพื่อนรักคงไม่ถามแบบนี้
อาทิตย์ต่อมา...อาศัยบ้านหลังเดียวกัน ทานข้าวหม้อเดียวกัน แต่การันต์และเปรมยุดากลับพูดกันนับครั้งได้ ไม่ใช่สิ! ต้องบอกว่าเธอไม่ยอมคุยดี ๆ กับการันต์ต่างหาก มันเลวร้ายยิ่งกว่าตอนอยู่ที่สมุทรปราการเสียอีก เธอมักจะขังตัวเองอยู่ในห้อง พูดคุยกับเพื่อนผ่านทางโทรศัพท์แต่ไม่ยอมออกไปเผชิญหน้ากับคนที่อาศัยร่วมชายคาเดียวกัน ถึงอย่างนั้นการันต์ก็ไม่ละความพยายามจะตามง้อเปรมยุดาให้สำเร็จ เขาไม่เอาตัวเองเข้าไปอยู่ในระยะที่ทำให้เธออึดอัดใจ แต่ไม่ถึงกับปล่อยให้คลาดสายตา สิ่งที่เธอเคยใช้ก็ยังมีวางเติมไว้อยู่เสมอ ของชอบก็เตรียมไว้ให้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ดังนั้นนอกจากข้างกายไม่ได้มีเขาให้ขัดลูกหูลูกตาทุกอย่างรอบตัวของเธอก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงกระทั่งถึงวันที่เปรมยุดาต้องกลับไปเรียน ซึ่งเป็นช่วงเวลาทั้งสองต้องห่างกัน หากว่ายังเป็นอยู่อย่างนี้ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ที่เคยมีให้กันจะกลับมาเป็นดังเดิมได้อีกไหม?การันต์นั่งจิบกาแฟดำพลางกางหนังสือพิมพ์อ่านฆ่าเวลาไปด้วยในระหว่างรอใครอีกคนลงมาจากชั้นบนเพื่อไปมหาลัยเปรมยุดาชะงักฝีเท้ากลางคันเมื่อทอดสายตามองลงมา“ทานอะไรหน่อย มื้อเช้าสำคัญสำหรับนักศึกษา” ข