แต่ดูเหมือนว่าความตั้งใจจะไม่เป็นอย่างที่คิดเลยสักนิด เมื่อเสียงเรียกจากผู้อยู่ด้านในตะโกนรั้งเอาไว้ ราวกับว่ารอคอยการกลับมาของเธอยังไงอย่างงั้น
“กลับมาแล้วทำไมไม่เข้าบ้าน แดดแรงขนาดนี้เดี๋ยวก็เป็นลมเป็นแล้งเอาหรอก”
นางจันว่าแล้วก็เปิดรั้วบ้านให้หลานสาว
เปรมยุดาเม้มปากแน่นเห็นสีหน้าแช่มชื่นของผู้เป็นป้าแล้วอดคิดไม่ได้ว่าไม่คิดอะไรบ้างเหรอที่เห็นตนตกอยู่ในสภาพนี้ ทั้งที่ควรจะล้มเลิกความคิดจะให้เธอเกี่ยวพันกับครอบครัวกำนันเทพแต่กลับเชื้อเชิญให้เข้าบ้านอย่างไม่ละอายแก่ใจ
จากที่คิดจะหลบหน้าก็เลยต้องหันหัวรถเข้าบ้านแทน เธอจอดรถไว้ข้างบ้านมีร่มไม้ใหญ่ไว้บังแดด เดินตามเจ้าของร่างอวบอ้วนของป้าเข้ามาข้างใน หากเป็นเมื่อก่อนได้พบสองพ่อลูกคงรู้สึกว่าตนเองตัวเล็กลีบแบน
หากแต่ตอนนี้ไม่ใช่อย่างนั้นแล้ว
“น้องเปรมไปทำงานที่ร้านทอฝันเหนื่อยไหมครับ” ทิมพอเห็นหน้าหญิงสาวก็ฉีกยิ้มพลางเอ่ยถาม กวาดสายตาพราวระยับสำรวจความเปลี่ยนแปลงของเธอที่ดูโตขึ้นอย่างน่ามอง เสื้อเชิ้ตเข้ารูปกับกางเกงยีนสีดำเสริมให้ขายาวยิ่งดูเรียวระหง
“ไม่ค่ะ งั้นเปรมขอตัวก่อนนะคะ” แม้จะไม่อยากเจอแต่ด้วยถูกสอนมาอย่างดีเมื่อพบผู้มีอายุมากกว่าก็ต้องไหว้
“เดี๋ยวสิ อยู่คุยกันก่อนสิหนูเปรม”
กำนันเทพไม่ปล่อยให้เด็กสาวได้ทำตามใจ
“เปรมไม่ว่างค่ะ ยังมีงานบ้านที่ต้องทำต่อ” ยังไงเสียก็ไม่อยากเสียเวลาอยู่ตรงนี้นาน
จุดประสงค์หลักของพวกเขาคืออะไรย่อมรู้ดี ในเมื่อไม่ต้องการก็ไม่อยากเอาตัวเองเข้าไปพัวพัน ส่วนป้าอยากจะทำอะไรก็ไม่ใช่เรื่องของเธอสักนิด
“แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหนู จะไม่อยู่ฟังหน่อยเหรอ” ลงทุนไปแล้วมีหรือจะปล่อยไปโดยไม่ได้อะไรกลับมาเลย
“เกี่ยวกับเปรม? หมายความว่ายังไงคะ” มองผู้เป็นป้าทันทีเมื่อฝ่ายนั้นพูดเหมือนว่าตนมีส่วนร่วมกับบทสนทนาของพวกเขา
เป็นเมื่อก่อนนางจันคงใช้สิทธิ์ความเป็นป้าบังคับให้หลานสาวนั่งลงแล้วยอมทำตาม ทว่าตอนนี้หลานสาวปฏิบัติต่อเธอไม่เหมือนเก่า แม้จะไม่ถึงขั้นแข็งข้อแต่ก็ไม่อ่อนให้อย่างตอนที่พึ่งสูญเสียพ่อและแม่ไป
“ไม่มีอะไรมากหรอก นั่งลงก่อนสิ”
เปรมยุดาจำต้องเดินกลับมาหย่อนตัวลงนั่งข้างผู้เป็นป้า อยากรู้ว่าอะไรที่เกี่ยวข้องกับเธอแล้วยังทำให้ป้าจันหน้าถอดสีได้ขนาดนี้
“ลุงกับป้าของหนูเปรมได้ตกลงกันไว้ ว่าจะให้หนูเปรมกับตาทิมตบแต่งกันอีกสามเดือนข้างหน้า”
กำนันเทพไม่อ้อมค้อมพูดถึงเรื่องที่เคยคุยกับผู้ปกครองของเด็กสาวเอาไว้ ถึงเวลาที่ต้องรวบรัดจัดการให้เสร็จสิ้นเสียที
สิ้นคำวางอำนาจเปรมยุดาก็เอี่ยวหน้าหันมองเจ้าของร่างอวบอ้วนนั่งเงียบอยู่ข้างเธอด้วยสายตาเจ็บปวด
“เปรมบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอป้าว่าไม่เอาอะไรแล้ว ทำไมถึงจัดแจงชีวิตเปรมเองแบบนี้”
“แล้วจะให้ป้าทำยังไง ถ้าไม่ทำแบบนี้งานพ่อกับแม้เอ็งจะผ่านไปได้ไหม”
นางจันยังอ้างเหตุผลเดิมเพราะคิดว่าจะทำให้อารมณ์เกรี้ยวกราดของหลานสาวอ่อนลง แต่หารู้ไม่ว่ายิ่งเติมเชื้อไฟให้ปะทุในใจเธอมากขึ้น
“ป้าคิดว่าเปรมไม่รู้เหรอว่าเงินที่จัดงานศพพ่อกับแม่เอามาจากไหน” ดวงตาแดงก่ำจ้องผู้เป็นป้าเขม็ง
“ทางฝั่งนั้นให้ค่าชดเชยมาเท่าไหร่? ประกันของพ่อกับแม่ได้มาเท่าไหร่? ไหนจะส่วนอื่นอีกเงินพวกนั้นอยู่ไหน เปรมยังไม่เคยถามถึงเลย แล้วทำไมถึงเอาแต่บอกว่ากำนันกับคุณทิมช่วย?”
สุดกลั้นจึงพรูสิ่งที่เก็บเงียบมานานจนหมด เมื่อเห็นแก่ที่ป้ายื่นมือช่วยเหลือถึงไม่อยากเอ่ยต่อหน้าสองพ่อลูกนี่ แต่เมื่อท่านไม่คิดว่าตนเป็นหลานสาว ก็จะไม่คิดว่าเป็นป้าเช่นกัน!
“ยัยเปรม! เอ็งจะไปรู้อะไรเงินพวกนั้นแทบไม่พอจัดงานด้วยซ้ำ”
“ถึงเปรมยังเด็กแต่ก็พอรู้ว่ายังไงเงินนั่นก็พอที่จะจัดงานจนเสร็จ โดยไม่ต้องเอาเงินใครมาเพิ่มหรอกค่ะ” กระแทกเสียงพลางเหลือบไปทางสองพ่อลูกแล้วเบนกลับมาทางผู้เป็นป้าอีกครั้ง
คนฟังถึงกับสะอึกเพราะไม่คิดว่าจะถูกหลานสวนกลับด้วยคำนี้
“แล้วคิดว่าฉันมีทางเลือกมากนักหรือไงที่ทำไปก็เพื่อแกทั้งนั้น”
“ถ้าเพื่อเปรมจริงป้าจะไม่ทำแบบนี้ ทั้งเรื่องเรียนและเรื่องที่พ่อกับแม่ค้านมาตลอด”
คิดว่าป้าจันเข้าใจในถ้อยคำนี้ดี ไม่คิดจะทวงอะไรคืนจากท่านด้วยซ้ำ แต่แล้วทำไมท่านถึงได้จ้องแต่จะยกเธอให้ ‘คนอื่น’ โดยไม่สนคำทัดทานเธอซึ่งเป็นหลานเลยสักนิด
สิ้นคำเปรมยุดาก็ลุกพรวดไม่สนใจแล้วว่าทั้งสามจะมีสีหน้าอย่างไร นึกว่าทุกอย่างจะจบหลังจากตัดสินใจไม่เรียนต่อและไม่เอาเรื่องที่ป้าแอบเข้าห้องพ่อและแม่แล้วเอาเงินไปจนหมด หวังว่าการไม่ถือโทษจะช่วยให้เธอได้อยู่อย่างสงบสุขเสียอีก!
ร่างเล็กทิ้งตัวลงกับฟูกนอนอย่างแรงกำปั้นน้อย ๆ ทุบลงข้างลำตัวซ้ำ ๆ
“หนูไม่ไหวแล้วชีวิตไม่มีพ่อกับแม่ทำไมถึงเหนื่อยขนาดนี้ ฮึก ๆ ฮือ...”
ความอัดอั้นกักเก็บเอาไว้ถูกปล่อยออกมาจนหมดในอาณาเขตที่ปลอดภัย อยากหายไปจากตรงนี้ไม่อยากอยู่ในที่ที่ไม่มีถ้อยคำปลอบโยนและอ้อมแขนอุ่น ๆ อีกต่อไปแล้ว
ทว่าหันไปทางไหนกลับไม่เจอทางพอจะก้าวไปได้เลย
เช้าวันต่อมา...
ตั้งแต่เมื่อวานเปรมยุดาก็หมกตัวอยู่ในห้อง แม้นางจันจะมาเคาะประตูเพื่อให้ออกไปกินข้าวเธอก็ไม่ตอบรับ อีกฝ่ายจึงได้ถอดใจไม่รบเร้าหลานสาวอีก ทิ้งไว้เพียงถ้อยคำชวนให้น่าขบขันว่าต่อให้ขังตัวเองก็หนีไปไหนไม่พ้น คนอย่างกำนันเทพเมื่อต้องการสิ่งใดก็ไม่มีใครกล้าขัดใจและต่อกรด้วย
ก็แล้วที่มันออกมาเป็นอย่างนี้ไม่ใช่เพราะป้าเป็นคนเปิดทางให้พวกเขาเข้ามากระทำต่อตนหรือยังไง?
ฉะนั้นตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ยอมไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดเด็ดขาด ไม่ยินดีให้ใครเข้ามาทำร้ายได้อีก หากยังไม่เลิกราต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตก็ยอม!
เรือนร่างระหงมีเพียงผ้าขนหนูสีครีมพันกายเดินออกมาจากห้องน้ำ ผิวสีชมพูเนียนละเอียดแลดูเปล่งปลั่งสมวัยกำลังแตกเนื้อสาว โครงหน้าเด่นชัดถึงความงดงามมากขึ้น จมูกได้รูปโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากกระจับ คิ้วโก่งราวคันศรแม้ไม่ตกแต่ง
เธอใช้เวลาไม่นานในการแต่งตัว จากนั้นก็ปิดประตูล็อกกลอนไว้แน่นก่อนจะเดินลงบันไดมา
“จะออกไปทำงานแล้วเหรอ” ทันทีที่เห็นหลานสาวเดินลงมาจากชั้นสองด้วยชุดลำลองจึงเดินเข้าไปหาพลางเอ่ยถามอย่างนุ่มนวล
“ค่ะ”
“เปรมลองคิดดูอีกทีได้ไหม”
“เปรมจะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก ป้าเป็นคนรับปากกำนันเองก็แก้ไขเองเถอะค่ะ”
“จะแก้ไขยังไงในเมื่อป้าเอาเงินเขามาแล้ว”
ปลายเท้ากำลังจะก้าวออกไปจากประตูบ้านชะงัก เจ้าของสีหน้าราบเรียบหมุนตัวหันกลับมาเผชิญกับผู้ยืนหน้าเคร่งเครียดด้านหลัง
“ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้นอกจากเรื่องเงินแล้วมีเรื่องอะไรอีกบ้างที่ป้าทำเพื่อพ่อกับแม่แล้วก็เปรมจริง ๆ อย่าหาว่าไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่เลยนะคะ ที่ผ่านมาป้าเดือดร้อนอะไรพ่อก็ไม่เคยเพิกเฉยช่วยเหลือตลอด ป้ามีความจำเป็นอะไรต้องใช้เงินมากมายขนาดนี้ เปรมอยากรู้?”
คำพูดเปรมยุดาประดุจคมมีดกรีดลงกลางใจของนางจัน ร่างอวบอ้วนสั่นเทิ้มกำมือแน่นยากจะยอมรับออกมาตามตรงว่า ที่ ผ่านมานั้นตนเองใช้เงินเกินตัว หนี้สินมากมายก็มาจากการกู้หนี้ยืมสินทั้งรายวันและในระบบจนดอกทบต้นงอกเงยขึ้นมาเรื่อย ปิดยังไงก็ไม่หมดสักที!
พอได้จับเงินแสนความคิดจะเอาตัวรอดจึงก่อเกิด เอาทั้งหมดไปปลดหนี้สินของตนเอง ไม่พอยังรับเงินจากกำนันเสนอแม้ในใจรู้ดีว่าจุดประสงค์ของสองพ่อลูกคืออะไร?
เธอรู้ดี ป้ารู้ดี ในเมื่อต่างก็รู้อยู่แก่ใจก็ไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก เปรมยุดาหันหลังให้ผู้ซึ่งมีสายเลือดเดียวกันด้วยความเฉยชาก่อนจะเดินจากไปโดยไม่หันกลับไปมองว่านางจันจะรู้สึกเช่นไร
จวนค่ำแสงตะวันกำลังจะลาลับขอบฟ้าทางฝั่งของอำเภอสัตหีบ เสียงคลื่นลมทะเลกระทบโสตประสาทแว่วให้ได้ยินอยู่เนือง ๆ เจ้าของนัยน์ตาเฉี่ยวคมไล่ไปตามตัวหนังสือในแมคบุ๊ค อีเมลจากนักสืบฝีมือดีการันตีจากเพื่อนสนิทว่ารวดเร็วทันใจและแม่นยำมาถึงเมื่อสิบห้านาทีก่อน
ข้อมูลของกำนันเป็นไปอย่างที่คาดการณ์ นอกจากทำหน้าที่ในส่วนรับผิดชอบยังมีธุรกิจสีเทาอยู่เบื้องหลังอีกหลายอย่าง นับแล้วเป็นเม็ดเงินจำนวนไม่น้อยในแต่ละเดือน จึงทำให้นักการเมืองท้องถิ่นผู้นี้มีอิทธิพลเรียกว่าเป็นผู้กุมอำนาจทั้งทางดูแลชุมชนและผู้อยู่ใต้ปกครองชนิดหน้าเลือด
การันต์ตอบกลับผู้ส่งข่าวเน้นเป็นพิเศษคือการดูแลเปรมยุดาไม่ให้ตกอยู่ในอันตรายก่อนที่เขาจะกลับไปที่นั่นอีกครั้ง...
“เบอร์ก็ให้ไว้ทำไมไม่โทรมาขอความช่วยเหลือล่ะเด็กน้อย”
กายสูงทอดตัวไปด้านหลัง รำพันกับตัวเองถึงเจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้ม ผ่านมานานแต่เขายังจำทุกอย่างที่เป็นเปรมยุดาได้อย่างชัดเจน
บริษัทเอเจกรุ๊ปห้องประธานชายหนุ่มผู้มีใบหน้าคมคายดวงตาสีนิลประกายแรงกล้าหยุดอยู่บนร่างกำยำของผู้ใต้บังคับบัญชา สำรวจความสง่าโดดเด่นของอีกฝ่ายด้วยความชื่นชมก่อนที่ริมฝีปากจะเริ่มเอ่ย“ที่นั่นมีอะไรทำให้นายต้องเดินทางไปติด ๆ กันแบบนี้”“เรื่องสำคัญครับ ก็เลยขึ้นมาบอกคุณด้วยตัวเอง”เสียงหัวเราะในลำคอทุ้มต่ำจากผู้ตั้งคำถาม เมื่อคำตอบที่ได้มาไม่ได้ต่างไปจากที่รายงานก่อนหน้านี้สักนิด อยากรู้มากก็คือ ‘สำคัญ’ นั้นคือเรื่องใดกันแน่ ที่สมุทรปราการมีอะไรน่าสนใจมากกว่าชลบุรีถึงขั้นทำให้คนรักการทำงาน ยึดติดห้องของตัวเองเป็นนิจถึงกับต้องละทิ้งพวกมันไปครั้งละหลาย ๆ วัน?“ไม่ได้ไปทิ้งไข่ไว้ที่นั่นแล้วต้องรับผิดชอบหรอกนะ”ธาวินสัพยอกการันต์ ก่อนจะได้รับยิ้มมาดร้ายตอบกลับจากอีกฝ่าย หากไม่ได้รู้จักกันมานานและรู้นิสัยของผู้บริหารมือทองอย่างการันต์แล้วละก็ คงอดคิดไม่ได้ว่าสิ่งที่ตนกล่าวไปนั้นเป็นความจริง“ถ้าจะมีเรื่องแบบนั้นขึ้นผมไม่ให้อยู่ไกลตัวหรอกครับ คุณวินอย่าเอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่นสิผมเสียหายนะ”นอกจากดลธีก็เห็นจะเป็นเจ้านายนี่แหละกล้าเอ่ยคำพูดพวกนี้ ไม่ใช่ว่าตนเป็นคนถือยศถืออย่าง เพียงแต่ว่าเมื
บนถนนคอนกรีตทอดยาวไปไกลมีรถสปอร์ตเมอร์เซเดสสีขาวคันหรูกำลังมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านกลางน้ำ ท่อนแขนกำยำประคองพวงมาลัยอย่างมั่นคง ใบหน้าหล่อเหลาภายใต้แว่นสีดำไม่แสดงออกถึงอารมณ์ใด ๆ ในใจประสงค์เพียงไปถึงบ้านของเปรมยุดาก่อนฟ้ามืดการเดินทางกลับมายังหมู่บ้านแห่งนี้ล่าช้ากว่ากำหนดการไปมาก เดิมที่วางแผนว่าจะออกมาตั้งแต่เช้าตรู่ทว่าพริมาส่งงานด่วนมาให้อนุมัติกว่าจะคุยรายละเอียดกันเสร็จก็ใช้เวลาพอสมควร ถึงอีกจังหวัดก็เลยเย็นแบบนี้กระทั่งถึงทางเลี้ยวเข้าหมู่บ้านกลางน้ำการันต์ชะลอความเร็วรถลง มีบางอย่างเกิดขึ้นเบื้องหน้า อาจจะเป็นเรื่องของผัวเมียกำลังง้อกันจึงคิดแซงไป แต่แล้วปลายเท้าก็ต้องแตะเบรกอย่างกะทันหันเมื่อฝ่ายหญิงหลุดจากอ้อมกอดของฝ่ายชายแล้วหันกลับมาทางหน้ารถพอดี“เปรมยุดา!”เสียงทุ้มเอ่ยชื่อของคนที่อยู่ในหัวเย็นเยียบ พวงมาลัยหมุนออกขวาควงกลับมาด้านซ้ายอย่างรวดเร็ว ปลดเข็มขัดตั้งแต่ยังไม่ทันดับเครื่องยนต์ นาทีนี้อยากกระโจนออกไปด้านนอกโดยไม่ต้องอ้อมทางประตู เปรมยุดาถอดใจกับการรอคอยความช่วยเหลือจากรถที่ขับผ่าน สังคมเสื่อมโทรมลงทุกวันความมีน้ำใจหดหายไปตามกาลเวลา เห็นเหตุการณ์อย่างนี้เป็นเรื
เปรมยุดาเดินนำการันต์เข้ามาภายในบ้าน พอเข้ามาถึงด้านในริมฝีปากกระจับก็เม้มจนเป็นเส้นตรง ป้าจันนั่งดูทีวีอย่างสบายใจไม่ทุกข์ร้อนกับการกลับบ้านผิดเวลาของเธอเลยสักนิด“ป้า มีแขกมาบ้าน” “อ้าว เอ็งกลับมาแล้วรึ! แล้วนั่น...”นางจันเอ่ยถามหลานสาวด้วยน้ำเสียงปกติ “สวัสดีครับ ขอโทษที่มารบกวนโดยไม่ได้บอกล่วงหน้า”ผู้มีอายุน้อยกว่ายกมือไหว้หญิงร่างอวบอ้วนแสดงสีหน้าตกใจกับการปรากฏตัวของตน แม้อยากจะคิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเปรมยุดาเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ทว่าปฏิกิริยาเฉยเมยต่อหลานสาวของนางจันชวนให้คิดไปอีกทาง “สะ...สวัสดีจ้ะ คุณมาเที่ยวแถวนี้ก็เลยแวะมาเหรอ ว่าแต่เอ็งทำไมไม่ได้ยินเสียงรถล่ะ”รับไหว้ชายหนุ่มหลังจากที่ปรับสีหน้าให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้แล้วก็หันมาทางหลานสาว ปกติจะได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์คันเก่าเข้ามาจอดข้างใน “เปล่าครับ ผมไม่ได้มาเที่ยวแต่มาทำธุระที่นี่ บังเอิญเจอเปรมกำลังถูกทำร้ายอยู่ทางเข้าหมู่บ้าน ดีที่ผมมาช่วยไว้ได้ทันไม่งั้นเธอคงเจ็บมากกว่านี้”การันต์ตอบนางจันเสียงเรียบดวงตาสีดำสนิทวางอยู่ที่เดิมเพื่อค้นหาบางอย่างในสายตาเรียวรีของหญิงตรงหน้า หากว่าการปรากฏตัวครั้งนี้ของล
นางจันคิดใคร่ครวญถึงข้อเสนอของชายหนุ่ม พินิจดวงตาคมกล้าสีดำสนิทไร้แววล้อเล่นและความเจ้าเล่ห์เฉกเช่นผู้นำท้องถิ่นอย่างกำนันเทพ แล้วจึงหันไปหาหลานสาวตกอยู่ในสภาพมอมแมมอีกทั้งรอยขีดข่วนจนช้ำตามลำตัว‘ช่างน่าละอายใจเหลือเกิน’ ความผิดจากการกระทำที่เห็นแก่ตัวกระแทกหัวใจคนเป็นป้าจนจุกในอก เปรมยุดาเป็นหลานสาวแท้ ๆ แต่ตนกลับปกป้องอะไรไม่ได้ เพราะความขลาดกลัวต่ออำนาจบวกกับความละโมบในทรัพย์สินของน้องชาย จึงทำให้หลงหน้ามืดตามัวเอาเงินทองมากมายมาเป็นของตนเอง ปล่อยให้เด็กสาวตัวเล็ก ๆ ต้องต่อสู้เพื่อความอยู่รอดด้วยตัวเอง น้ำตาหยดหนึ่งร่วงหล่นจากดวงตาเล็ก...“ป้าผิดไปแล้วจริง ๆ เปรมเอ๊ย...เอ็งไม่ควรตกอยู่ในสภาพนี้ ควรจะมีโอกาสที่ดีเหมือนลูกหลานคนอื่นเขา ฮึก ๆ ป้าขอโทษนะลูก ป้ามันเห็นแก่ตัว ตายไปจะสู้หน้าพ่อกับแม่เอ็งได้ยังไง ฮือ...”หน้าผากเหี่ยวย่นแตะหลังมือแดงก่ำของหลานสาว กว่าจะคิดได้ก็เกือบทำให้เด็กน้อยผู้อาภัพคนนี้ตายทั้งเป็นอาทิตย์ต่อมา...เขตสัตหีบเข้าสู่ช่วงเวลาบ่ายคล้อย การันต์เดินทางกลับมาถึงบ้านพร้อมกับเปรมยุดา “ห้องอาอยู่ชั้นสองฝั่งซ้ายมือ ส่วนของเราอยู่อีกฝั่งมีระเบียงด้านนอกเปิดออกไ
“ไหน ๆ ก็มาแล้วจะเสียเวลาไปซื้อที่อื่นอีกทำไม” ให้เหตุผลกับคนขี้เกรงใจ ปกติผู้หญิงต้องเลือกใช้ของที่ดีไม่ใช่เหรอ ไม่ได้จะดูแคลนของตลาดนัดเพียงแต่ว่าเขาต้องการให้เปรมยุดาใช้ของแบรนด์นี้มากกว่า “หนูไม่เสียเวลาค่ะ เดินไปไม่กี่ร้อยเมตรก็ถึงแล้ว” อุตส่าห์หาเหตุผลมาเลี่ยง ไม่ใช่แค่เพราะเรื่องราคาแต่ระหว่างที่เลือกชุดชั้นในด้วยนี่สิ ครั้นจะบอกให้เขายืนรออยู่หน้าร้านก็จะกระไรอยู่ในเมื่อข้างในมีที่ให้นั่งรอ!“แต่อาอยากให้ซื้อที่นี่!” “แต่ว่ามันแพง”“แพงแล้วอาให้เราจ่ายเหรอ”“ก็นั่นแหละค่ะ เพราะเป็นเงินของอาไง ลองคิดดูซื้อร้านนี้ชุดละตั้งเกือบพัน สู้เอาไปซื้อที่ตลาดนัดพันหนึ่งได้ตั้งหลายชุด”การันต์เส้นขมับเต้นตุบ ๆ กรามแกร่งขบเข้าหากันเมื่อได้ฟังคำพูดของคนกำลังอธิบายคอเป็นเอ็น ปกติพูดน้อยทว่าคราวนี้พูดจนหน้าดำหน้าแดงแค่เพราะเรื่องราคาเนี่ยนะ“.....”“เปรมยุดา!”ผู้รับอุปการะเอ่ยเสียงเข้ม เมื่อเธอยังเอาแต่เงียบเพราะอยากให้ใช้ของที่ดีถึงได้พามาทั้งที่ไม่เคยทำให้ใครมาก่อน กลับถูกปฏิเสธในความหวังดี นัยน์ตาสีดำสนิทกดลงต่ำในระดับใบหน้าของคนตัวเล็กกว่าเรียบนิ่ง ทำยังไงดี! เธอกำลังทำให้คุณอาไม่พอใจ
กำลังคิดอะไรของแกการันต์! สิ่งที่อยู่ในหัวถูกสลัดออกไปหลังจากปล่อยให้ตนเองเผลอไผลกับภาพน่าหลงใหลของเปรมยุดา นึกตำหนิอารมณ์วาบหวามของตนเมื่อใกล้ชิดกับคนในอุปการะทั้งที่ไม่ควรเลยสักนิด หรือเป็นเพราะขาดเรื่องบนเตียงมานานถึงได้มีความรู้สึกพวกนี้ขึ้นมา!ลำแขนใหญ่คลายออกจากเอวคอดเมื่อปรับอารมณ์ของตนให้กลับมาเป็นปกติดังเดิม“คราวหน้าก็ระวังกว่านี้หน่อยเกิดไปชนคนอื่นเข้าจะเป็นอันตราย” ปากก็เตือนด้วยความเป็นห่วง ในหัวกลับคิดว่าหากเป็นคนอื่นที่ประคองโอบเจ้าของร่างเล็กนี้...“หนูจะระวังให้มากกว่านี้ค่ะอากาน”สิ้นคำนั้นการันต์ก็ยื่นมือออกไปจับข้อแขนเรียวแล้วก้าวไปยังอาคารของผู้บริหารของมหาวิทยาลัยเซนต์เจมส์วันเปิดเทอม...ข้างอาคารคณะบริหารธุรกิจมีนักศึกษาทั้งหญิงและชายนั่งเกาะกลุ่มคุยกันอย่างสนุกสนาน หลังจากไปพักผ่อนตลอดช่วงปิดเทอมที่ผ่านมา พวกเขาเหล่านี้ล้วนเป็นลูกคุณหนูถูกครอบครัวสปอยล์เอาใจมาตั้งแต่เด็ก ความเป็นอยู่ไม่ได้ลำบากอย่างเช่นหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งปลีกตัวออกมานั่งห่างจากคนอื่น ๆ หลายโต๊ะกั้นเอาไว้แม้ตอนนี้เธอจะถูกชุบเลี้ยงอย่างดีจากผู้มีพระคุณทว่าเปรมยุดาก็ไม่เคยลืมว่าแท้จริงแล้วตนเองม
CEO หนุ่มผู้สุขุมลุ่มลึกหลุดมาดเพียงเพราะเรื่องแค่นี้? เหมือนไม่ใช่ตัวเขาเลยสักนิด‘ช่างเป็นคนไม่แยกแยะเอาเสียเลยนะไอ้กาน!’ ฉุกคิดได้ว่าตนทำไม่ถูก เปรมยุดาอยู่ในวัยเรียนแล้วพึ่งจะเริ่มกับสังคมใหม่ ๆ ควรจะปล่อยให้เธอได้อยู่กับเพื่อนบ้าง! “ไม่ต้องหรอกนัดกันแล้วก็ไปทานให้อร่อย เงินพอหรือเปล่าต้องการเพิ่มไหม” กลับมาอยู่ในโทนเสียงเดิมหลังจากตำหนิตนเองไป[ขอบคุณค่ะอากาน เงินหนูยังมีอยู่ค่ะไม่ได้ใช้อะไร]“จำเป็นก็ใช้บ้าง” [ค่ะ หนูจะใช้ถ้าจำเป็น]“ดื้อ”หากอยู่ตรงหน้าเมื่อเอ่ยคำนี้การันต์คงได้เห็นดวงหน้าจิ้มลิ้มงอเง้าเพราะคำนี้เป็นแน่ ทว่าตอนนี้ต่างอยู่กันคนละที่จึงพบเพียงเสียงลมหายใจแผ่วเบาลอดผ่านเข้ามาให้ได้ยินเปรมยุดาขบเรียวปากเมื่อถูกดุเสียงทุ้มดวงตาประกายวูบไหวมองหน้าจอที่พึ่งดับไป..“เปรมเสร็จยังไปกัน” “อืม ไปกัน” หย่อนมือถือเข้ากระเป๋าตามเดิมแล้วก้าวไปหาเพื่อนทั้งสองที่ยืนรออยู่ทางเดินร้านย่างเนื้ออยู่ห่างจากมหา’ลัยเพียงสองซอยนับว่าไม่ได้ไกลมากนัก ใช้เวลาเดินทางไม่กี่นาทีก็ถึง เปรมยุดาให้ขุนพลเป็นคนเลือกเมนูโดยต้องใจคอยกำกับอยู่ข้าง ๆ “เธอจะกินทำไมไม่เลือกเองเมนูก็อยู่ตรงหน้านั่
“ไม่บอกหนูล่ะคะ ทำไมถึงอดทนเพื่อหนูขนาดนี้ด้วย” เสียงอู้อี้ลอดผ่านช่องว่างอันน้อยนิดก่อนจะซุกใบหน้าเข้าหาความอบอุ่น การันต์กำมือแน่นตั้งตัวไม่ทันกับเปรมยุดาแบบนี้ ที่ผ่านมาแม้จะทำดีด้วยแค่ไหนอย่างมากก็ไหว้ขอบคุณ แต่สวมกอดเต็มตัวอย่างนี้ไม่เคยเลยสักครั้ง เธอจะรู้ไหมว่าการกระทำนี้กำลังทำร้ายเขาอย่างรุนแรง! “เปรมยุดา!”เสียงทุ้มกดลงต่ำเอ่ยหลังจากปล่อยให้ความเผลอไผลอยู่เหนือความเป็นจริง สาวน้อยคนนั้นที่เคยเอ็นดูบัดนี้โตเป็นสาวสะพรั่งเต็มตัวแล้ว สัมผัสได้จากความนุ่มเบียดเสียดเหนือหน้าท้องมีขนาดใหญ่เพียงใด! ดวงตาหลับพริ้มเปิดขึ้นเมื่อคำที่คุณอาเคยใช้ไม่เป็นอย่างเคย แม้น้ำเสียงจะไม่ดุดันทว่าจับได้ถึงความเคร่งขรึมดันตัวออกห่างจากร่างใหญ่กำยำช้อนดวงตาคู่สวยไล่ตั้งแต่สันกรามคมกริบผ่านเส้นโค้งสวยได้รูปของเรียวปากหยัก ไปจนถึงสันจมูกโด่งคมกริบก่อนจะหยุดที่นัยน์ตาสีดำขลับหลุบลงมาพอดี วินาทีนั้นหัวใจก็เจ็บแปลบเมื่อความอบอุ่นไม่ได้มีอยู่ในนั้นเหมือนเช่นเคย เธอล้ำเส้นเกินไปใช่หรือเปล่า! “หนู...ขอโทษค่ะต่อไปจะไม่ทำแบบนี้อีก อากานอย่าโกรธหนูได้ไหมคะ” วิงวอนเสียงอ่อนเจือไปด้วยความกังวล ไม่อยากให้เ
การันต์ดีดตัวจากเก้าอี้ตัวยาวเร่งรุดไปหยุดตรงหน้าคุณหมออย่างรวดเร็ว “ภรรยากับลูกผมเป็นยังไงบ้างครับหมอ” ความตื่นเต้นระคนกังวลทำเสียงที่เอ่ยถามนายแพทย์ออกมาสั่นไหว “ยินดีกับคุณพ่อด้วย คุณแม่และ ‘ลูกชาย’ ปลอดภัยและแข็งแรงทั้งคู่ครับ อีกเดี๋ยวเราจะย้ายพวกเขาไปห้องพักฟื้น ถ้ามีอะไรต้องการเพิ่มก็แจ้งพยาบาลได้เลยครับ” นายแพทย์กล่าวเสียงละมุน เห็นสีหน้าของสามีคนไข้แล้วคงกระวนกระวายใจไม่น้อย “ขอบคุณครับ ขอบคุณมากจริง ๆ” การันต์ไม่อาจกลั้นความปรีติยินดีเอาไว้ได้ น้ำตาแห่งความดีใจหล่นออกมาอย่างไม่นึกอายพอได้ยินกับหูตัวเองแล้วว่าคนที่ตนเองรักสุดชีวิตทั้งสองปลอดภัย “กูบอกแล้ว สองคนนั้นเก่งจะตาย” ดลธีตบไหล่ปลอบเพื่อน “ต้องอยากเจอหน้าหลานจังเลยค่ะ งั้นขอไปรอหน้าห้องเด็กนะคะ” “ไปด้วย ผมกับต้องไปทางนู้นนะครับ” ขุนพลหันมาบอกคุณอาทั้งสองก่อนจะวิ่งตามต้องใจไป ดลธีมองกระทั่งภาพหลังหนุ่มสาวทั้งสองลับสายตาจึงหันกลับมาหาเพื่อนรักที่เช็ดน้ำตาตัวเองออกอย่างรวดเร็ว “ยินดีด้วย ต่อไปก็เป็นพ่อเต็มตัวแล้วนะ ดีที่ไม่ต้องไว้หนวดตั้งแต่ตอนนี้” คุณพ่อป้ายแดงหันมาทางเพื่อนยืนอยู่ข้างกัน ดวงตาแดง ๆ ของเขาจ้
เดือนต่อมา...รถเมอร์เซเดสสีขาวของการันต์มุ่งหน้าไปยังหมูบ้านกลางน้ำอีกครั้ง ความตั้งใจของเขาในวันนี้ก็เพื่อจะพาคนรักนั่งข้างกันมีสีหน้าราบเรียบทว่าดวงตากลมโตมีแววสั่นไหวอย่างคนเป็นกังวล “อาจะพาหนูไปวัดแล้วกลับเลย ไม่ต้องกลัว” อุ้งมือใหญ่วางทาบมือเล็ก แม้แต่ตอนนี้ก็ยังรู้สึกได้ถึงความกังวลของเธอ ถึงจะผ่านไปแล้วหลายปี หากแต่ว่าความทรงจำของเปรมยุดาก็อยู่ที่นี่ไม่น้อย “ขอบคุณนะคะ” ยิ้มอ่อน ๆ พลางหันมาทางคุณอา สายตาอบอุ่นของเขาทำให้ใจว้าวุ่นตลอดทางผ่อนคลายลงไปมาก คราแรกที่รู้ว่าเขาจะพากลับมาไหว้พ่อกับแม่น้ำตาเธอนองเต็มหน้า คิดถึงพวกท่านจับหัวใจ ต่อให้ไม่ได้พบหน้ากันอีกแค่ได้ไหว้กระดูกคนเป็นลูกอย่างเธอก็ซาบซึ้งใจ“ไม่ต้องขอบคุณ อาตั้งใจจะมาพบพ่อกับแม่หนูอยู่แล้ว”เปรมยุดายิ้มกว้าง คนรักทำราวกับจะได้พบหน้ากัน...คงไม่ต่างจากเธอ!ทั้งสองใช้เวลาชั่วโมงเศษ ๆ ก็มาถึงที่หมาย ฝ่ายลูกสาวของผู้ลาลับหอบช่อดอกไม้สีสันสดใสกับผ้าหนึ่งผืนเดินนำเจ้าของเรือนกายภูมิฐานไปยังเจดีย์บรรจุอัฐิของพ่อและแม่ “หนูกลับมาหาพ่อกับแม่แล้วนะคะ” วางช่อดอกไม้ตรงฐานกว้าง เช็ดฝุ่นออกจากกรอบรูปที่ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยมีใค
กว่าสถานการณ์จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ก็ใช้เวลาไปหลายนาที ดีที่ไม่มีใครแซวหรือพูดอะไร จึงทำให้พวกเรากลับมาสนุกกันต่อ เวลา 00.41 น.“รอกันตรงนี้เรียกรถให้แล้ว” ดลธีบอกขุนพลและต้องใจหลังจากงานเลี้ยงจบลง เขาดูแลทั้งสองเปรียบเสมือนน้องนั่นก็เพราะเปรมยุดาได้กำชับไว้ก่อนที่เธอจะแยกไปกับเพื่อนเขาดีจริง ๆ เลยทั้งหลานทั้งเพื่อน!“ขอบคุณนะครับ” ขุนพลไหว้ผู้ใหญ่ใจดี มื้อนี้เจ้ามือหมดไปไม่น้อย “ไม่เป็นไร ต่อไปถ้ามีงานทำก็กลับมาเลี้ยงฉันบ้างก็แล้วกัน” ดลธีหันไปตอบเพื่อนหลานด้วยใบหน้าทะเล้น“ต้องคิดเป็นบุญคุณด้วยเหรอคะ?” คนที่แม้แต่จะทรงตัวก็ลำบากยังอุตส่าห์หันมาถามเสียงอ่อน “ต้อง! เงียบบ้างก็ได้” ขุนพลห้ามเพื่อนพลางประคองไหล่เล็กให้ยืนได้ตรงเสียก่อนจะปากดี ไม่ดูตัวเองบ้างเลย! ชายหนุ่มได้แต่ส่ายหัว“แค่บอกว่าให้เลี้ยงคืน? เป็นบุญคุณเหรอ ถ้าบอกให้เอาเงินมาคืนก็ว่าไปอย่าง หรือเธอจะคืนฉันล่ะยัยขี้เมา” “ก็เอาบัญชีมาสิ เดี๋ยวโอนให้ตอนนี้เลย ชิ!” “มือถือ?”“เอาไป”“ต้อง!”“นายเงียบเลยขุน” จะว่าเหมือนเด็กก็ไม่ใช่เสียทีเดียว ทว่าคนทั้งสองต่างไม่มีใครยอมกัน คนกลางอย่างขุนพลจึงได้แต่ยิ้มแห้งให้คุณอาขอ
ปีสุดท้ายของการเป็นนักศึกษาของเปรมยุดาและเพื่อน ๆ ต่างก็ดีอกดีใจเมื่อเดินทางมาถึงจุดสำเร็จสาขาบัญชีรวมตัวถ่ายรูปหมู่ไว้เป็นที่ระลึก เปรมยุดา ต้องใจและขุนพลฉีกยิ้มให้กับกล้อง เสียงกดชัตเตอร์รัวติดต่อกัน พร้อมกับช่างภาพยกนิ้วขึ้นโอเค ทุกคนก็ร้องเฮ คละเคล้าเสียงโห่ร้องตะโกนด้วยความดีใจต่างโอบกอดลากันด้วยน้ำตานองหน้า สี่ปีที่เรียนด้วยกันมาความผูกพันแน่นแฟ้นจนอดใจหายไม่ได้เมื่อต้องแยกจากเพื่อไปเติบโตใช้ชีวิตวัยทำงานไม่ว่าจะอย่างไร พวกเขาจะไม่มีวันลืมมิตรภาพที่ดีเหล่านี้เลย“เร็วนะว่าไหม? ไม่อยากจากพวกแกไปเลย”ต้องใจนั่งจับมือเปรมยุดา และมองเพื่อนสนิทอีกคนที่นั่งห่างออกไป เธอเห็นสายตาอาวรณ์ที่ขุนพลใช้มองเปรมยุดา ไม่ว่าจะครั้งแรกหรือกระทั่งตอนนี้ก็ยังเป็นเช่นเดิม แต่ก็คงทำได้แค่นั้นเพราะตอนนี้เพื่อนรักของเธอมีเจ้าของแล้ว และไม่ใช่ใครอื่นไกล เป็นคุณอาสุดหล่อที่กำลังถือช่อดอกไม่ช่อใหญ่เดินเคียงคู่มากับอิตาคุณอาขี้เก๊กนั่นเอง“เรายังเจอกันได้ แค่เรียนจบไม่ได้จากไปไหนไกลนี่น่า จริงไหมขุน” “ใช่ทำอย่างกับจะจากกันไปไหนไกลเว่อร์จริง ๆ เลยเธอเนี่ย”“โดนรุมอีกละ!”“เรียนจบแทนที่จะดีใจกลับทำหน้าบูด
กายโชกไปด้วยเหงื่อทรุดลงทาบทับร่างเปลือยเปล่าหอบหายใจโยนป้อก⁓“อะ” เปรมยุดารู้สึกกึ่งกลางกายวูบโหวงเมื่อคุณอาถอดถอนตัวตนลำใหญ่ออกไปจากตัวเธอ การันต์หายใจหอบใบหน้าชื้นไปด้วยเหงื่อ ดึงผ้าห่มคลุมกายเปลือยเปล่าทั้งสองจนถึงอก “มีคำหนึ่งใช่ไหมที่อายังไม่ได้บอกหนู” เกลี่ยปอยผมปกใบหน้ารูปไข่เล่น “อะไรเหรอคะ” ตะแคงตัวโอบกอดกายใหญ่ ซุกหน้าเข้าซอกคอแกร่ง ทำให้คุณอาหัวเราะในลำคอพลอยให้เธอยิ้มตามไปด้วย“อารักหนูเปรม รักมาก รักเกินกว่าใคร ๆ ฉะนั้น...อย่าพูดว่าจะให้อามีคนอื่นหรือคิดว่าอาจะไปมีใคร เพราะแค่มีหนูเปรมคนเดียวก็พอแล้ว” “อาบอกว่ารักหนูเหรอคะ” แหงนหน้าขึ้นมองใบหน้าคมคาย วางฝ่ามือบนใบหน้าเริ่มมีตอหนวดขึ้นบาง ๆ มิน่าเมื่อครู่ถึงได้รู้สึกระคาย “อารักหนูเปรม” ทาบฝ่ามือใหญ่บนหลังมือเล็ก ย้ำให้คนจ้องหน้าด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความสดใสสุขล้นฉายชัด เขาชอบเปรมยุดาเป็นแบบนี้มากกว่า ต้องโทษที่ตนไม่ชัดเจนตั้งแต่แรกจนทำให้เธอเข้าใจผิด“หนูก็รักอา รักมาก ๆ รักที่สุด รักกว่าใครในโลกเลย” ปีนขึ้นไปอยู่เหนือกายใหญ่ อกฟูบดเบียดหน้าอกเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของคนใต้ร่าง สอดแขนไปใต้ไหล่กว้างก่อนจะซุกหน้าลงหาควา
“อื๊อ” ห้ามยังไงทันเมื่อปลายนิ้วก้านยาวไล้กลีบดอกไม้ผ่านเนื้อผ้า ซ้ำยังคลึงจนเธอสะท้านเฮือกสยิวเสียวซ่านต้องยกสะโพกขึ้นรับความดุดันทันที“หนูเปรมของอาแฉะเร็วเหมือนกันนะเนี่ย ‘อยาก’ เหมือนกันใช่ไหมเด็กน้อย”ลมร้อนพ่นผ่านซอกคอหอม กดเรียวปากร้อนแนบชิดผิวละมุน ดอมดมกลิ่นกายที่คุ้นเคย“อ๊าส์...” ครางกระเส่าเสียงหวิวเมื่อคุณอาสอดนิ้วเข้ามาในร่องคับแคบและมันตอบรับเขาอย่างดี ตอดรัดทักทายความแข็งแกร่งราวกับว่ารอคอยในสัมผัสเร่าร้อนนี้มานานเสียงครางผะผ่าวกระตุ้นข้อมือใหญ่สอดใส่ท่อนนิ้วเพิ่ม เขาเกร็งกระแทกเข้าใส่ดุดันจนเส้นเลือดรายล้อมข้อแขนขึ้นปูดบวม ดวงตาเต็มไปด้วยเพลิงพิศวาสมองเรือนร่างส่ายเร้า เขาถอนก้านนิ้วออกหลังจากทนความปรารถนากำลังเผาไหม้ตนเองไม่ไหว ต้องการให้ความอึดอัดเบื้องล่างเข้าไปแทนที่ท่อนนิ้วแกร่งของตัวเองชุดนักศึกษาถูกถอดออกด้วยชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของเตียง ไม่นานกายเปลือยเปล่าสวยงามก็ปรากฏแก่สายตา ผิวเนียนละเอียดอมชมพูสวยกระแทกใจการันต์ “หนูเปรมของอาสวยเหลือเกิน” “อาอย่ามองนานนักได้ไหม”“มากกว่ามองก็ทำมาแล้ว”มุมปากหยักกระตุกให้กับเจ้าของมือที่ยกขึ้นปิดส่วนสวยงามเอาไว้ ทั้งขาเร
คนที่บอกว่าจะไม่มาให้เธอเห็นหน้าอีก บัดนี้รถได้จอดอยู่โรงเก็บแล้วเรียบร้อย ทำเปรมยุดากลั้นยิ้มไม่อยู่แทบอยากหายตัวเข้าไปหาผู้เป็นเจ้าของมันเสียตั้งแต่ตอนนี้เลยท่อนขาเรียวก้าวฉับ ๆ เข้ามาข้างใน นัยน์ตาหวานกวาดมองตั้งแต่ห้องรับรองจนถึงห้องครัวทว่าก็ไร้วี่แววคนที่คะนึงหา “ไม่อยู่!” หน้าม่อยทันทีเพราะคิดว่าคุณอาคงจะรอเธออยู่ชั้นล่าง“ไม่สิแกตั้งใจจะขอโทษอานี่น่า” เชิดหน้าขึ้นหันไปทางฝั่งห้องของคุณอา ยังไงวันนี้ก็ต้องคุยกันให้รู้เรื่อง ไม่อยากเป็นแบบนี้อีกแล้วเรียกขวัญกำลังใจให้ตัวเองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเคาะประตูบานสีน้ำตาลเบา ๆ “อากาน” ครั้งที่หนึ่งยังคงไม่มีเสียงตอบรับใด ๆ “อาอยู่ข้างในหรือเปล่าคะ” มั่นใจว่าคุณอาจะไม่ออกไปไหนหลังจากกลับเข้ามาแล้ว ครั้งนี้จะไม่ละความพยายามต่อให้ยืนรอคุณอาตรงนี้ทั้งคืนก็จะทำคนตัวเล็กรอจังหวะอีกนิดหนึ่งแล้วจึงง้างมือขึ้นเตรียมจะเคาะประตูของผู้เป็นอาอีกครั้ง...แกร๊ก~ “จะทำอะไร?” เสียงเรียบนิ่งเอ่ยถามคนตัวเล็กยกมือค้างกลางอากาศ ดวงหน้าหวานตกใจทันทีเมื่อเห็นเขา“คะ เคาะประตูค่ะ” ดวงตาวูบไหวสั่นระริกกวาดมองคนตัวสูง ผมเคยถูกจัดอย่างเป็นระเบียบยุ่งเหยิงกับ
ด้านในห้อง CEO ความอึมครึมยังปกคลุมโดยรอบเมื่อผู้เอนกายอยู่บนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ อารมณ์มาคุยังวนเวียนอยู่รอบกาย เปลือกตาปิดสนิททว่าภายในหัวกลับทำงานอย่างหนัก ขบคิดวกวนแค่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเปรมยุดากันแน่ ทั้งที่ตนก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเธอคือคนสำคัญสำหรับเขามากแค่ไหน แล้วทำไมถึงไม่เชื่อในการกระทำทั้งหมดนั้นมีแค่เธอคนเดียว!เสียงพ่นลมหายใจยาวยืดครั้งแล้วครั้งเล่าก็ไม่ทำให้การันต์รู้สึกดีขึ้นมาเลย ทั้งสายตาและน้ำเสียงไร้เยื่อใยของเปรมยุดาบาดลึกลงในหัวใจ ปวดร้าวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ♪ Life is sweet as honey Yeah this beat cha-ching like money ⁓........♪ Life is sweet as honey Yeah this beat cha-ching like money ⁓สุดท้ายต้องพ่ายให้กับความพยายามของคนที่โทรเข้ามา“มีอะไร?” [ไม่ดีขึ้นเหรอวะ]เข้าใจความหมายของคำถามดลธี เพียงแต่การันต์ไม่รู้ว่าจะตอบเพื่อนยังไง ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเปรมยุดาตอนนี้เกินกว่าคำว่า ‘ไม่ดี’ ไปมาก“อืม”[มึงไปทำอิท่าไหนถึงได้โกรธนานขนาดนี้ ปกติเชื่อฟังมึงจะตาย]“หลายท่า”[จะสมน้ำหน้าหรือสงสารมึงดีไอ้กาน ข่มขืนเหรอ?] หากไม่ใช่เพื่อนรักคงไม่ถามแบบนี้
อาทิตย์ต่อมา...อาศัยบ้านหลังเดียวกัน ทานข้าวหม้อเดียวกัน แต่การันต์และเปรมยุดากลับพูดกันนับครั้งได้ ไม่ใช่สิ! ต้องบอกว่าเธอไม่ยอมคุยดี ๆ กับการันต์ต่างหาก มันเลวร้ายยิ่งกว่าตอนอยู่ที่สมุทรปราการเสียอีก เธอมักจะขังตัวเองอยู่ในห้อง พูดคุยกับเพื่อนผ่านทางโทรศัพท์แต่ไม่ยอมออกไปเผชิญหน้ากับคนที่อาศัยร่วมชายคาเดียวกัน ถึงอย่างนั้นการันต์ก็ไม่ละความพยายามจะตามง้อเปรมยุดาให้สำเร็จ เขาไม่เอาตัวเองเข้าไปอยู่ในระยะที่ทำให้เธออึดอัดใจ แต่ไม่ถึงกับปล่อยให้คลาดสายตา สิ่งที่เธอเคยใช้ก็ยังมีวางเติมไว้อยู่เสมอ ของชอบก็เตรียมไว้ให้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ดังนั้นนอกจากข้างกายไม่ได้มีเขาให้ขัดลูกหูลูกตาทุกอย่างรอบตัวของเธอก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงกระทั่งถึงวันที่เปรมยุดาต้องกลับไปเรียน ซึ่งเป็นช่วงเวลาทั้งสองต้องห่างกัน หากว่ายังเป็นอยู่อย่างนี้ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ที่เคยมีให้กันจะกลับมาเป็นดังเดิมได้อีกไหม?การันต์นั่งจิบกาแฟดำพลางกางหนังสือพิมพ์อ่านฆ่าเวลาไปด้วยในระหว่างรอใครอีกคนลงมาจากชั้นบนเพื่อไปมหาลัยเปรมยุดาชะงักฝีเท้ากลางคันเมื่อทอดสายตามองลงมา“ทานอะไรหน่อย มื้อเช้าสำคัญสำหรับนักศึกษา” ข