เสียงฝีเท้าค่อย ๆ ห่างออกไปกระทั่งเหลือเพียงเสียงสะอึกสะอื้นจากเจ้าของห้อง เปรมยุดาปาดน้ำตาออกจากใบหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทอดสายตามองบ้านที่ไร้ไออุ่นหลงเหลือ
“หนูไม่มีวันไปอยู่กับผู้ชายคนนั้น ยังไงก็ไม่ไปเด็ดขาด ไม่เรียนก็ไม่เรียนสิ”
ทอดเสียงหนักแน่นกลั่นออกมาจากข้างใน ดวงตาเคยอ่อนหวานบัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นแข็งกระด้าง เพียงเพราะให้ความไว้เนื้อเชื่อใจสายเลือดเดียวกัน ไม่คิดว่าผลที่ได้จะออกมาในรูปแบบนี้ เงินตั้งเกือบสามแสนกว่าบาทบอกว่าหมดก็จบง่าย ๆ อย่างนี้นะเหรอ
สัตหีบ จังหวัดชลบุรี
เวลา 20.34 นาฬิกา
“บอกจะไปหากู แล้วทำไมเป็นกูที่มาอยู่บ้านมึงวะ”
ดลธีพาดเสื้อสูทตัวนอกของตนเองไว้กับเก้าอี้แล้วเดินอ้อมมาทิ้งตัวลงพื้นนุ่มของโซฟากลางห้องโทนสีเทา ร่างสูงทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดไปด้านหลังแล้ววาดขายาวขึ้นไขว่ห้าง ในระหว่างกำลังรอเจ้าของบ้านถือเบียร์มา
ปึก!
การันต์วางเครื่องดื่มดับกระหายตรงหน้าเพื่อน ก้านนิ้วเรียวแข็งแกร่งดึงสลักเปิดฝาออกครั้งเดียวเสียงซ่าก็ชวนให้คนพึ่งบ่นยกยิ้มกับการบริการจากเจ้าบ้าน
“กูยังไม่ทันได้ก้าวขาออกจากห้องทำงานมึงบอกว่าอยู่หน้าตึกออฟฟิศแล้ว จะบอกว่ากูไม่ไปตามที่พูดไม่ได้นะดล” สิ้นคำเบียร์เย็น ๆ ก็ไหลไปตามลำคอแกร่งเข้าสู่กายกำยำ
“ก็คนมันใจร้อน อยากรู้ว่าอะไรทำให้มึงอยากเจอหน้าหล่อ ๆ ของกูแค่ข้ามวันเองล่ะวะ”
“ไม่มีอะไรพิเศษ แค่อยากให้ช่วยอะไรนิดหน่อย ไม่เกินกำลังท่านประธานใหญ่แห่งบอสสตรัคชั่นหรอกมั้ง”
คนถูกยกให้เป็นประธานใหญ่ทั้งที่ดำรงตำแหน่งรองประธานยืดอกอย่างภาคภูมิใจ แต่ถึงการันต์จะเอ่ยถึงตำแหน่งไหนก็ไม่ได้เป็นผลกับเขาอยู่แล้ว เพียงแต่ว่ารับมุกของเพื่อนก็เท่านั้น
“ไม่ใช่ให้กูไปเก็บใครหรอกนะ ไม่ดีนะเว้ยกูยังอยากกินข้าวร้านหรู ๆ อยู่”
“หึ! กลัวเป็นด้วยเหรอมึงน่ะ”
ดลธีหัวเราะลั่นห้องทันทีเมื่อได้ฟังคำนั้นออกมาจากปากของคนที่รักสงบมากที่สุดอย่างการันต์ นั่นหมายความว่าเพื่อนของตนกำลังจะว่ายวานต้องไม่ใช่เรื่องธรรมดาล่ะสินะ
หลังจากวันนั้นมาเปรมยุดาก็พับเรื่องการเรียนเอาไว้อย่างที่พูดจริง ส่วนป้าและเธอก็ต่างคนต่างอยู่แต่ในที่นี้หมายถึงไม่ยุ่งเกี่ยวกัน เพราะยังอาศัยอยู่ในชายคาของบ้านเธอ
เช้านี้เธอต้องออกไปทำงานร้านสะดวกซื้อห่างจากหมู่บ้านไปสามกิโลเมตรด้วยรถจักรยานยนต์คันเก่าคันเดิม วุฒิการศึกษาของตนเองนั้นแม้จะจบมัธยมปลายก็จริง แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นมาตรฐานที่ทางบริษัทใหญ่ ๆ จะรับได้
ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นงานอะไรก็ขอคว้าเอาไว้ก่อน พอเก็บเงินได้สักก้อนแล้วค่อยคิดวางแผนอีกทีว่าจะจัดการกับชีวิตตัวเองยังไงต่อไป
มินิมาร์ท
ปิ่งป่อง~
“สวัสดีค่ะ ร้านทอฝันยินดีให้บริการ เชิญคุณลูกค้าด้านในค่ะ”
เสียงหวานกล่าวทักทายตามคำแนะนำของเจ้าของร้าน รอยยิ้มหวานแต่งแต้มเต็มดวงหน้าสวย ประกายระยิบระยับทอให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจทำให้ผู้ที่พึ่งก้าวเข้ามาถึงกับยิ้มตาม
ชายหนุ่มผิวสีเข้มสวมแจ็คเก็ตสีดำกับกางเกงยีนสีเดียวกัน ก้าวเข้ามายังโซนเครื่องดื่มด้านในก่อนจะหยุดล้วงเอาโทรศัพท์มือถือของตนเองออกมา
“ผมอยู่ที่เดิมครับ”
[ได้ข่าวอะไรเพิ่มเติมอีกไหม] เสียงราบเรียบถามกลับอย่างไม่บ่งบอกอารมณ์ว่ายินดีหรือไม่กับข่าวที่ได้รับ
“น่าจะเป็นอย่างที่คุณดลบอก เธอไม่เรียนหนังสือแต่ออกมาทำงานแทน อีกอย่างมหา’ลัยทางนี้ปิดรับหมดแล้วครับ”
มืออีกข้างก็ทำทีเป็นหยิบเครื่องดื่มหมุนไปมาคล้ายกับว่าอ่านฉลากให้ปลายสายฟัง แต่ความเป็นจริงแล้วกำลังรายงานให้ผู้ว่าจ้างรู้ถึงการเคลื่อนไหวของคนที่ตนตามมาหลายวัน!
‘นักสืบ’ คือตัวตนที่แท้จริงของชายคนนี้ เขาถูกว่าจ้างจากรองประธานบริษัทในเครืออสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ให้ติดตามการเคลื่อนไหวของหญิงสาวนามว่า เปรมยุดา อินธินันท์ ด้วยราคาสูงลิบลิ่วอย่างที่ไม่เคยมีใครเสนอมาก่อน มีหรือจะไม่รีบคว้าเอาไว้แต่ถึงผู้ว่าจ้างจะจ่ายตามราคาของทางบริษัทกำหนดก็ต้องทำอยู่ดีในเมื่อเป็นอาชีพของเขา
“แล้วก็นอกจากป้าที่อยู่ด้วยกันญาติคนอื่น ๆ ก็ไม่ค่อยได้มายุ่งเกี่ยวกับบ้านเธอเท่าไหร่ ต่างก็มีครอบครัวกันหมด”
ห้องประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
การันต์รับรู้การเคลื่อนไหวของเปรมยุดาผ่านรายงานจากนักสืบของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งโดยผ่านการติดต่อมาจากดลธี
“หมายความว่าไม่มีใครสนใจเธออย่างนั้นเหรอ”
น้ำเสียงเอ่ยออกไปของการันต์เต็มไปด้วยความคุกรุ่นอยู่หลายส่วน ดูท่าแล้วข่าวที่เพื่อนสนิทได้ยินมาจะเป็นความจริง นอกจากจะไม่สนใจเธอแล้วยังปล่อยให้เผชิญกับความลำบากเพียงลำพัง อายุสิบเก้าปีไร้ซึ่งบิดามารดาแล้วยังต้องมาเจอกับคนรอบข้างที่ไม่เอาใจใส่อีก
‘เป็นผู้ใหญ่แบบไหนกัน’
[เป็นอย่างนั้นครับ แล้วก็มีเรื่องหนึ่งที่ผมพึ่งรู้มา]
“.....”
การันต์เงียบเพื่อรอฟังต่อว่าทางนั้นจะมีเรื่องอะไรที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นกับเปรมยุดาอีก
[สาเหตุที่ทำให้คุณเปรมไม่ได้เรียนต่อ อาจจะเป็นเพราะว่ากำนันในพื้นที่ต้องการแต่งเธอเข้าไปเป็นลูกสะใภ้ครับ]
“แต่งที่หมายถึงแต่งงานนะเหรอ?”
ครั้งนี้การันต์ใช้เสียงเดือดดาลอย่างไม่ปิดบัง
[ใช่ครับคุณการันต์ น่าจะเป็นเพราะต้องการหาผู้หญิงสักคนทำให้ลูกชายเลิกเสเพล แล้วคุณเปรมก็เป็นคนเงียบ ๆ ด้วยก็เลยถูกตาทางนั้น]
“ผมอยากรู้มากกว่านี้ ช่วยสืบเกี่ยวกับครอบครัวกำนันคนนั้นให้ผมหน่อย แค่เรื่องแต่งงานคงไม่ใช่แน่ผู้หญิงไม่ได้มีแค่เปรมยุดาคนเดียว ผมอยากรู้ให้เร็วที่สุด ต้องการเพิ่มเท่าไหร่ผมจ่ายไม่อั้น แต่ต้องมีความคืบหน้าโดยเร็วที่สุด”
[ได้ครับคุณการันต์ ผมต้องวางแล้วเธอกำลังเดินออกมาจากเคาน์เตอร์ครับ] เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวจากกระจกสะท้อนผ่านหางตานักสืบหนุ่มจึงบอกกับผู้ว่าจ้าง
“ฝากคุณด้วย”
วางมือถือลง นัยน์ตาสีดำขลับเฉี่ยวคมมีแววของความกรุ่นโกรธฉายชัด เรื่องของเปรมยุดากวนใจเขามาตลอดจนไม่อาจปล่อยผ่านให้เป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิด ตามสืบความเป็นอยู่ของเธออย่างเงียบ ๆ ไม่อย่างนั้นก็คงจะไม่รู้ว่าเธอกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากมากเพียงใด
ตั้งแต่ได้พบกับเปรมยุดาคราวนี้แม้แค่เพียงระยะเวลาสั้น ๆ ก็ทำให้วางใจไม่ลง ก้อนเนื้อบนหน้าอกข้างซ้ายมักเต้นผิดจังหวะทุกครั้งเมื่อนึกถึงใบหน้าโศกเศร้า หรือดวงตาหวานกลมโตสั่นระริกยามได้สบประสานกัน แม้แต่ผิวเนียนละเอียดอมชมพูยามกระทบแสงแดดช่างบอบบางน่าทะนุถนอมปกป้อง!
การันต์ส่ายหัวขับไล่ความคิดภายในหัวเหล่านั้นออกไปเมื่อเผลอจินตนาการถึงเรือนร่างของเด็กสาวอย่างละเอียด คงเป็นเพราะว่าเปรมยุดาน่าสงสารเกินไปจึงทำให้เขา ‘ห่วง’
ยอดของวันนี้ทำให้พนักงานขายคนใหม่ถึงกับยิ้มกว้าง ร้านทอฝันเป็นของครอบครัวที่ตั้งในชุมชนใหญ่ ๆ ก็เลยมีลูกค้าในละแวกใกล้เคียงรวมไปถึงขาจรแวะเวียนมาตลอดทั้งวัน
“ขอบใจมากนะเปรมกลับบ้านดี ๆ นะพรุ่งนี้ก็มาเวลาเดิมนะจ๊ะ” เจ้าของร้านเข้ามาทำหน้าที่แทนลูกจ้างใหม่เมื่อกลับมาจากทำธุระในตัวเมือง
“ค่ะป้าแหม่ม อ้อ...ในตู้แช่น้ำอัดลมใกล้จะหมดแล้วนะคะ เหลือแค่ลังเดียว” เธอเรียกชื่อเจ้าของร้านอย่างนั้นเพราะอีกฝ่ายเป็นคนเสนอ
แหม่มเป็นลูกสาวคนเดียวยังไม่มีครอบครัวพอเห็นเด็กเอาการเอางานอย่างเปรมยุดาก็นึกเอ็นดู ช่วงแรกก็ไม่กล้าปล่อยให้เด็กสาวเฝ้าร้านเพียงลำพัง
เคยแอบวางเงินไว้ทดลองความซื่อสัตย์เงินจำนวนนั้นนอกจากจะไม่หายยังถูกเก็บไว้เป็นอย่างดี กลับเข้ามาอีกทีเปรมยุดาก็ยื่นเงินจำนวนนั้นให้แล้วบอกว่าตนวางลืมไว้กลัวหายก็เลยเก็บไว้ให้ ไม่ใช่ครั้งเดียวที่เจ้าของร้านสังเกตแม้แต่สินค้าภายในร้านยังไม่เคยถูกขโมยจากเด็กสาว ที่กล่าวอย่างนั้นก็เป็นเพราะเคยถูกกระทำจากลูกจ้างคนก่อน ๆ
พ้นจากแอร์เย็น ๆ มาแล้วเปรมยุดาก็ต้องออกมาสู้กับดวงอาทิตย์ยังไม่มีทีท่าว่าจะลดความร้อนแรงลง ท่อนแขนภายใต้เสื้อแขนยาวสีดำถูกยกขึ้นมาปาดเหงื่อซึมตามกรอบหน้าอย่างรวดเร็ว กดสตาร์ตเครื่องยนต์สองครั้งมันก็ส่งเสียงคำรามราวกับว่าโมโหเธอนักหนา มุมปากกระจับยกขึ้นเมื่อเจอว่ารถประจำกายเสียงเครื่องคำรามเพิ่มอีกแล้ว
“อย่าพึ่งเป็นอะไรตอนนี้ล่ะ ฉันไม่มีเงินพาแกไปรักษาหรอกนะ” กล่าวกับสองล้อคู่ใจก่อนจะบิดคันเร่งพาตนเองมุ่งหน้ากลับบ้าน
ใช้เวลาเดินทางจากมินิมาร์ทมาถึงบ้านไม่ถึงครึ่งชั่วโมงระหว่างทางเปรมยุดามีความคิดในหัวเป็นฉาก ๆ ว่าถึงแล้วจะทำอะไรบ้าง กินข้าวไข่เจียวร้อน ๆ สักจาน ซักผ้าพึ่งใส่ไปสองวันก็จะอาบน้ำนอนพักสายตา ทว่าเมื่อถึงที่หมายความรื่นรมย์ภายในใจพลันเลือนหายไปจากใบหน้าสวยทันที
รถยนต์ที่จอดอยู่หน้าบ้านนั้นคนเป็นเจ้าของเธอไม่อยากเจอมากที่สุด
“ยังจะมาทำอะไรอีก น่าเบื่อจริง ๆ” ตั้งท่าจะเบนหัวไปอีกทางไม่อยากเข้าไปในบ้านตอนนี้…
แต่ดูเหมือนว่าความตั้งใจจะไม่เป็นอย่างที่คิดเลยสักนิด เมื่อเสียงเรียกจากผู้อยู่ด้านในตะโกนรั้งเอาไว้ ราวกับว่ารอคอยการกลับมาของเธอยังไงอย่างงั้น“กลับมาแล้วทำไมไม่เข้าบ้าน แดดแรงขนาดนี้เดี๋ยวก็เป็นลมเป็นแล้งเอาหรอก”นางจันว่าแล้วก็เปิดรั้วบ้านให้หลานสาวเปรมยุดาเม้มปากแน่นเห็นสีหน้าแช่มชื่นของผู้เป็นป้าแล้วอดคิดไม่ได้ว่าไม่คิดอะไรบ้างเหรอที่เห็นตนตกอยู่ในสภาพนี้ ทั้งที่ควรจะล้มเลิกความคิดจะให้เธอเกี่ยวพันกับครอบครัวกำนันเทพแต่กลับเชื้อเชิญให้เข้าบ้านอย่างไม่ละอายแก่ใจจากที่คิดจะหลบหน้าก็เลยต้องหันหัวรถเข้าบ้านแทน เธอจอดรถไว้ข้างบ้านมีร่มไม้ใหญ่ไว้บังแดด เดินตามเจ้าของร่างอวบอ้วนของป้าเข้ามาข้างใน หากเป็นเมื่อก่อนได้พบสองพ่อลูกคงรู้สึกว่าตนเองตัวเล็กลีบแบนหากแต่ตอนนี้ไม่ใช่อย่างนั้นแล้ว“น้องเปรมไปทำงานที่ร้านทอฝันเหนื่อยไหมครับ” ทิมพอเห็นหน้าหญิงสาวก็ฉีกยิ้มพลางเอ่ยถาม กวาดสายตาพราวระยับสำรวจความเปลี่ยนแปลงของเธอที่ดูโตขึ้นอย่างน่ามอง เสื้อเชิ้ตเข้ารูปกับกางเกงยีนสีดำเสริมให้ขายาวยิ่งดูเรียวระหง“ไม่ค่ะ งั้นเปรมขอตัวก่อนนะคะ” แม้จะไม่อยากเจอแต่ด้วยถูกสอนมาอย่างดีเมื่อพบผู้มีอายุมากก
บริษัทเอเจกรุ๊ปห้องประธานชายหนุ่มผู้มีใบหน้าคมคายดวงตาสีนิลประกายแรงกล้าหยุดอยู่บนร่างกำยำของผู้ใต้บังคับบัญชา สำรวจความสง่าโดดเด่นของอีกฝ่ายด้วยความชื่นชมก่อนที่ริมฝีปากจะเริ่มเอ่ย“ที่นั่นมีอะไรทำให้นายต้องเดินทางไปติด ๆ กันแบบนี้”“เรื่องสำคัญครับ ก็เลยขึ้นมาบอกคุณด้วยตัวเอง”เสียงหัวเราะในลำคอทุ้มต่ำจากผู้ตั้งคำถาม เมื่อคำตอบที่ได้มาไม่ได้ต่างไปจากที่รายงานก่อนหน้านี้สักนิด อยากรู้มากก็คือ ‘สำคัญ’ นั้นคือเรื่องใดกันแน่ ที่สมุทรปราการมีอะไรน่าสนใจมากกว่าชลบุรีถึงขั้นทำให้คนรักการทำงาน ยึดติดห้องของตัวเองเป็นนิจถึงกับต้องละทิ้งพวกมันไปครั้งละหลาย ๆ วัน?“ไม่ได้ไปทิ้งไข่ไว้ที่นั่นแล้วต้องรับผิดชอบหรอกนะ”ธาวินสัพยอกการันต์ ก่อนจะได้รับยิ้มมาดร้ายตอบกลับจากอีกฝ่าย หากไม่ได้รู้จักกันมานานและรู้นิสัยของผู้บริหารมือทองอย่างการันต์แล้วละก็ คงอดคิดไม่ได้ว่าสิ่งที่ตนกล่าวไปนั้นเป็นความจริง“ถ้าจะมีเรื่องแบบนั้นขึ้นผมไม่ให้อยู่ไกลตัวหรอกครับ คุณวินอย่าเอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่นสิผมเสียหายนะ”นอกจากดลธีก็เห็นจะเป็นเจ้านายนี่แหละกล้าเอ่ยคำพูดพวกนี้ ไม่ใช่ว่าตนเป็นคนถือยศถืออย่าง เพียงแต่ว่าเมื
บนถนนคอนกรีตทอดยาวไปไกลมีรถสปอร์ตเมอร์เซเดสสีขาวคันหรูกำลังมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านกลางน้ำ ท่อนแขนกำยำประคองพวงมาลัยอย่างมั่นคง ใบหน้าหล่อเหลาภายใต้แว่นสีดำไม่แสดงออกถึงอารมณ์ใด ๆ ในใจประสงค์เพียงไปถึงบ้านของเปรมยุดาก่อนฟ้ามืดการเดินทางกลับมายังหมู่บ้านแห่งนี้ล่าช้ากว่ากำหนดการไปมาก เดิมที่วางแผนว่าจะออกมาตั้งแต่เช้าตรู่ทว่าพริมาส่งงานด่วนมาให้อนุมัติกว่าจะคุยรายละเอียดกันเสร็จก็ใช้เวลาพอสมควร ถึงอีกจังหวัดก็เลยเย็นแบบนี้กระทั่งถึงทางเลี้ยวเข้าหมู่บ้านกลางน้ำการันต์ชะลอความเร็วรถลง มีบางอย่างเกิดขึ้นเบื้องหน้า อาจจะเป็นเรื่องของผัวเมียกำลังง้อกันจึงคิดแซงไป แต่แล้วปลายเท้าก็ต้องแตะเบรกอย่างกะทันหันเมื่อฝ่ายหญิงหลุดจากอ้อมกอดของฝ่ายชายแล้วหันกลับมาทางหน้ารถพอดี“เปรมยุดา!”เสียงทุ้มเอ่ยชื่อของคนที่อยู่ในหัวเย็นเยียบ พวงมาลัยหมุนออกขวาควงกลับมาด้านซ้ายอย่างรวดเร็ว ปลดเข็มขัดตั้งแต่ยังไม่ทันดับเครื่องยนต์ นาทีนี้อยากกระโจนออกไปด้านนอกโดยไม่ต้องอ้อมทางประตู เปรมยุดาถอดใจกับการรอคอยความช่วยเหลือจากรถที่ขับผ่าน สังคมเสื่อมโทรมลงทุกวันความมีน้ำใจหดหายไปตามกาลเวลา เห็นเหตุการณ์อย่างนี้เป็นเรื
เปรมยุดาเดินนำการันต์เข้ามาภายในบ้าน พอเข้ามาถึงด้านในริมฝีปากกระจับก็เม้มจนเป็นเส้นตรง ป้าจันนั่งดูทีวีอย่างสบายใจไม่ทุกข์ร้อนกับการกลับบ้านผิดเวลาของเธอเลยสักนิด“ป้า มีแขกมาบ้าน” “อ้าว เอ็งกลับมาแล้วรึ! แล้วนั่น...”นางจันเอ่ยถามหลานสาวด้วยน้ำเสียงปกติ “สวัสดีครับ ขอโทษที่มารบกวนโดยไม่ได้บอกล่วงหน้า”ผู้มีอายุน้อยกว่ายกมือไหว้หญิงร่างอวบอ้วนแสดงสีหน้าตกใจกับการปรากฏตัวของตน แม้อยากจะคิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเปรมยุดาเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ทว่าปฏิกิริยาเฉยเมยต่อหลานสาวของนางจันชวนให้คิดไปอีกทาง “สะ...สวัสดีจ้ะ คุณมาเที่ยวแถวนี้ก็เลยแวะมาเหรอ ว่าแต่เอ็งทำไมไม่ได้ยินเสียงรถล่ะ”รับไหว้ชายหนุ่มหลังจากที่ปรับสีหน้าให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้แล้วก็หันมาทางหลานสาว ปกติจะได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์คันเก่าเข้ามาจอดข้างใน “เปล่าครับ ผมไม่ได้มาเที่ยวแต่มาทำธุระที่นี่ บังเอิญเจอเปรมกำลังถูกทำร้ายอยู่ทางเข้าหมู่บ้าน ดีที่ผมมาช่วยไว้ได้ทันไม่งั้นเธอคงเจ็บมากกว่านี้”การันต์ตอบนางจันเสียงเรียบดวงตาสีดำสนิทวางอยู่ที่เดิมเพื่อค้นหาบางอย่างในสายตาเรียวรีของหญิงตรงหน้า หากว่าการปรากฏตัวครั้งนี้ของล
นางจันคิดใคร่ครวญถึงข้อเสนอของชายหนุ่ม พินิจดวงตาคมกล้าสีดำสนิทไร้แววล้อเล่นและความเจ้าเล่ห์เฉกเช่นผู้นำท้องถิ่นอย่างกำนันเทพ แล้วจึงหันไปหาหลานสาวตกอยู่ในสภาพมอมแมมอีกทั้งรอยขีดข่วนจนช้ำตามลำตัว‘ช่างน่าละอายใจเหลือเกิน’ ความผิดจากการกระทำที่เห็นแก่ตัวกระแทกหัวใจคนเป็นป้าจนจุกในอก เปรมยุดาเป็นหลานสาวแท้ ๆ แต่ตนกลับปกป้องอะไรไม่ได้ เพราะความขลาดกลัวต่ออำนาจบวกกับความละโมบในทรัพย์สินของน้องชาย จึงทำให้หลงหน้ามืดตามัวเอาเงินทองมากมายมาเป็นของตนเอง ปล่อยให้เด็กสาวตัวเล็ก ๆ ต้องต่อสู้เพื่อความอยู่รอดด้วยตัวเอง น้ำตาหยดหนึ่งร่วงหล่นจากดวงตาเล็ก...“ป้าผิดไปแล้วจริง ๆ เปรมเอ๊ย...เอ็งไม่ควรตกอยู่ในสภาพนี้ ควรจะมีโอกาสที่ดีเหมือนลูกหลานคนอื่นเขา ฮึก ๆ ป้าขอโทษนะลูก ป้ามันเห็นแก่ตัว ตายไปจะสู้หน้าพ่อกับแม่เอ็งได้ยังไง ฮือ...”หน้าผากเหี่ยวย่นแตะหลังมือแดงก่ำของหลานสาว กว่าจะคิดได้ก็เกือบทำให้เด็กน้อยผู้อาภัพคนนี้ตายทั้งเป็นอาทิตย์ต่อมา...เขตสัตหีบเข้าสู่ช่วงเวลาบ่ายคล้อย การันต์เดินทางกลับมาถึงบ้านพร้อมกับเปรมยุดา “ห้องอาอยู่ชั้นสองฝั่งซ้ายมือ ส่วนของเราอยู่อีกฝั่งมีระเบียงด้านนอกเปิดออกไ
“ไหน ๆ ก็มาแล้วจะเสียเวลาไปซื้อที่อื่นอีกทำไม” ให้เหตุผลกับคนขี้เกรงใจ ปกติผู้หญิงต้องเลือกใช้ของที่ดีไม่ใช่เหรอ ไม่ได้จะดูแคลนของตลาดนัดเพียงแต่ว่าเขาต้องการให้เปรมยุดาใช้ของแบรนด์นี้มากกว่า “หนูไม่เสียเวลาค่ะ เดินไปไม่กี่ร้อยเมตรก็ถึงแล้ว” อุตส่าห์หาเหตุผลมาเลี่ยง ไม่ใช่แค่เพราะเรื่องราคาแต่ระหว่างที่เลือกชุดชั้นในด้วยนี่สิ ครั้นจะบอกให้เขายืนรออยู่หน้าร้านก็จะกระไรอยู่ในเมื่อข้างในมีที่ให้นั่งรอ!“แต่อาอยากให้ซื้อที่นี่!” “แต่ว่ามันแพง”“แพงแล้วอาให้เราจ่ายเหรอ”“ก็นั่นแหละค่ะ เพราะเป็นเงินของอาไง ลองคิดดูซื้อร้านนี้ชุดละตั้งเกือบพัน สู้เอาไปซื้อที่ตลาดนัดพันหนึ่งได้ตั้งหลายชุด”การันต์เส้นขมับเต้นตุบ ๆ กรามแกร่งขบเข้าหากันเมื่อได้ฟังคำพูดของคนกำลังอธิบายคอเป็นเอ็น ปกติพูดน้อยทว่าคราวนี้พูดจนหน้าดำหน้าแดงแค่เพราะเรื่องราคาเนี่ยนะ“.....”“เปรมยุดา!”ผู้รับอุปการะเอ่ยเสียงเข้ม เมื่อเธอยังเอาแต่เงียบเพราะอยากให้ใช้ของที่ดีถึงได้พามาทั้งที่ไม่เคยทำให้ใครมาก่อน กลับถูกปฏิเสธในความหวังดี นัยน์ตาสีดำสนิทกดลงต่ำในระดับใบหน้าของคนตัวเล็กกว่าเรียบนิ่ง ทำยังไงดี! เธอกำลังทำให้คุณอาไม่พอใจ
กำลังคิดอะไรของแกการันต์! สิ่งที่อยู่ในหัวถูกสลัดออกไปหลังจากปล่อยให้ตนเองเผลอไผลกับภาพน่าหลงใหลของเปรมยุดา นึกตำหนิอารมณ์วาบหวามของตนเมื่อใกล้ชิดกับคนในอุปการะทั้งที่ไม่ควรเลยสักนิด หรือเป็นเพราะขาดเรื่องบนเตียงมานานถึงได้มีความรู้สึกพวกนี้ขึ้นมา!ลำแขนใหญ่คลายออกจากเอวคอดเมื่อปรับอารมณ์ของตนให้กลับมาเป็นปกติดังเดิม“คราวหน้าก็ระวังกว่านี้หน่อยเกิดไปชนคนอื่นเข้าจะเป็นอันตราย” ปากก็เตือนด้วยความเป็นห่วง ในหัวกลับคิดว่าหากเป็นคนอื่นที่ประคองโอบเจ้าของร่างเล็กนี้...“หนูจะระวังให้มากกว่านี้ค่ะอากาน”สิ้นคำนั้นการันต์ก็ยื่นมือออกไปจับข้อแขนเรียวแล้วก้าวไปยังอาคารของผู้บริหารของมหาวิทยาลัยเซนต์เจมส์วันเปิดเทอม...ข้างอาคารคณะบริหารธุรกิจมีนักศึกษาทั้งหญิงและชายนั่งเกาะกลุ่มคุยกันอย่างสนุกสนาน หลังจากไปพักผ่อนตลอดช่วงปิดเทอมที่ผ่านมา พวกเขาเหล่านี้ล้วนเป็นลูกคุณหนูถูกครอบครัวสปอยล์เอาใจมาตั้งแต่เด็ก ความเป็นอยู่ไม่ได้ลำบากอย่างเช่นหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งปลีกตัวออกมานั่งห่างจากคนอื่น ๆ หลายโต๊ะกั้นเอาไว้แม้ตอนนี้เธอจะถูกชุบเลี้ยงอย่างดีจากผู้มีพระคุณทว่าเปรมยุดาก็ไม่เคยลืมว่าแท้จริงแล้วตนเองม
CEO หนุ่มผู้สุขุมลุ่มลึกหลุดมาดเพียงเพราะเรื่องแค่นี้? เหมือนไม่ใช่ตัวเขาเลยสักนิด‘ช่างเป็นคนไม่แยกแยะเอาเสียเลยนะไอ้กาน!’ ฉุกคิดได้ว่าตนทำไม่ถูก เปรมยุดาอยู่ในวัยเรียนแล้วพึ่งจะเริ่มกับสังคมใหม่ ๆ ควรจะปล่อยให้เธอได้อยู่กับเพื่อนบ้าง! “ไม่ต้องหรอกนัดกันแล้วก็ไปทานให้อร่อย เงินพอหรือเปล่าต้องการเพิ่มไหม” กลับมาอยู่ในโทนเสียงเดิมหลังจากตำหนิตนเองไป[ขอบคุณค่ะอากาน เงินหนูยังมีอยู่ค่ะไม่ได้ใช้อะไร]“จำเป็นก็ใช้บ้าง” [ค่ะ หนูจะใช้ถ้าจำเป็น]“ดื้อ”หากอยู่ตรงหน้าเมื่อเอ่ยคำนี้การันต์คงได้เห็นดวงหน้าจิ้มลิ้มงอเง้าเพราะคำนี้เป็นแน่ ทว่าตอนนี้ต่างอยู่กันคนละที่จึงพบเพียงเสียงลมหายใจแผ่วเบาลอดผ่านเข้ามาให้ได้ยินเปรมยุดาขบเรียวปากเมื่อถูกดุเสียงทุ้มดวงตาประกายวูบไหวมองหน้าจอที่พึ่งดับไป..“เปรมเสร็จยังไปกัน” “อืม ไปกัน” หย่อนมือถือเข้ากระเป๋าตามเดิมแล้วก้าวไปหาเพื่อนทั้งสองที่ยืนรออยู่ทางเดินร้านย่างเนื้ออยู่ห่างจากมหา’ลัยเพียงสองซอยนับว่าไม่ได้ไกลมากนัก ใช้เวลาเดินทางไม่กี่นาทีก็ถึง เปรมยุดาให้ขุนพลเป็นคนเลือกเมนูโดยต้องใจคอยกำกับอยู่ข้าง ๆ “เธอจะกินทำไมไม่เลือกเองเมนูก็อยู่ตรงหน้านั่
การันต์ดีดตัวจากเก้าอี้ตัวยาวเร่งรุดไปหยุดตรงหน้าคุณหมออย่างรวดเร็ว “ภรรยากับลูกผมเป็นยังไงบ้างครับหมอ” ความตื่นเต้นระคนกังวลทำเสียงที่เอ่ยถามนายแพทย์ออกมาสั่นไหว “ยินดีกับคุณพ่อด้วย คุณแม่และ ‘ลูกชาย’ ปลอดภัยและแข็งแรงทั้งคู่ครับ อีกเดี๋ยวเราจะย้ายพวกเขาไปห้องพักฟื้น ถ้ามีอะไรต้องการเพิ่มก็แจ้งพยาบาลได้เลยครับ” นายแพทย์กล่าวเสียงละมุน เห็นสีหน้าของสามีคนไข้แล้วคงกระวนกระวายใจไม่น้อย “ขอบคุณครับ ขอบคุณมากจริง ๆ” การันต์ไม่อาจกลั้นความปรีติยินดีเอาไว้ได้ น้ำตาแห่งความดีใจหล่นออกมาอย่างไม่นึกอายพอได้ยินกับหูตัวเองแล้วว่าคนที่ตนเองรักสุดชีวิตทั้งสองปลอดภัย “กูบอกแล้ว สองคนนั้นเก่งจะตาย” ดลธีตบไหล่ปลอบเพื่อน “ต้องอยากเจอหน้าหลานจังเลยค่ะ งั้นขอไปรอหน้าห้องเด็กนะคะ” “ไปด้วย ผมกับต้องไปทางนู้นนะครับ” ขุนพลหันมาบอกคุณอาทั้งสองก่อนจะวิ่งตามต้องใจไป ดลธีมองกระทั่งภาพหลังหนุ่มสาวทั้งสองลับสายตาจึงหันกลับมาหาเพื่อนรักที่เช็ดน้ำตาตัวเองออกอย่างรวดเร็ว “ยินดีด้วย ต่อไปก็เป็นพ่อเต็มตัวแล้วนะ ดีที่ไม่ต้องไว้หนวดตั้งแต่ตอนนี้” คุณพ่อป้ายแดงหันมาทางเพื่อนยืนอยู่ข้างกัน ดวงตาแดง ๆ ของเขาจ้
เดือนต่อมา...รถเมอร์เซเดสสีขาวของการันต์มุ่งหน้าไปยังหมูบ้านกลางน้ำอีกครั้ง ความตั้งใจของเขาในวันนี้ก็เพื่อจะพาคนรักนั่งข้างกันมีสีหน้าราบเรียบทว่าดวงตากลมโตมีแววสั่นไหวอย่างคนเป็นกังวล “อาจะพาหนูไปวัดแล้วกลับเลย ไม่ต้องกลัว” อุ้งมือใหญ่วางทาบมือเล็ก แม้แต่ตอนนี้ก็ยังรู้สึกได้ถึงความกังวลของเธอ ถึงจะผ่านไปแล้วหลายปี หากแต่ว่าความทรงจำของเปรมยุดาก็อยู่ที่นี่ไม่น้อย “ขอบคุณนะคะ” ยิ้มอ่อน ๆ พลางหันมาทางคุณอา สายตาอบอุ่นของเขาทำให้ใจว้าวุ่นตลอดทางผ่อนคลายลงไปมาก คราแรกที่รู้ว่าเขาจะพากลับมาไหว้พ่อกับแม่น้ำตาเธอนองเต็มหน้า คิดถึงพวกท่านจับหัวใจ ต่อให้ไม่ได้พบหน้ากันอีกแค่ได้ไหว้กระดูกคนเป็นลูกอย่างเธอก็ซาบซึ้งใจ“ไม่ต้องขอบคุณ อาตั้งใจจะมาพบพ่อกับแม่หนูอยู่แล้ว”เปรมยุดายิ้มกว้าง คนรักทำราวกับจะได้พบหน้ากัน...คงไม่ต่างจากเธอ!ทั้งสองใช้เวลาชั่วโมงเศษ ๆ ก็มาถึงที่หมาย ฝ่ายลูกสาวของผู้ลาลับหอบช่อดอกไม้สีสันสดใสกับผ้าหนึ่งผืนเดินนำเจ้าของเรือนกายภูมิฐานไปยังเจดีย์บรรจุอัฐิของพ่อและแม่ “หนูกลับมาหาพ่อกับแม่แล้วนะคะ” วางช่อดอกไม้ตรงฐานกว้าง เช็ดฝุ่นออกจากกรอบรูปที่ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยมีใค
กว่าสถานการณ์จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ก็ใช้เวลาไปหลายนาที ดีที่ไม่มีใครแซวหรือพูดอะไร จึงทำให้พวกเรากลับมาสนุกกันต่อ เวลา 00.41 น.“รอกันตรงนี้เรียกรถให้แล้ว” ดลธีบอกขุนพลและต้องใจหลังจากงานเลี้ยงจบลง เขาดูแลทั้งสองเปรียบเสมือนน้องนั่นก็เพราะเปรมยุดาได้กำชับไว้ก่อนที่เธอจะแยกไปกับเพื่อนเขาดีจริง ๆ เลยทั้งหลานทั้งเพื่อน!“ขอบคุณนะครับ” ขุนพลไหว้ผู้ใหญ่ใจดี มื้อนี้เจ้ามือหมดไปไม่น้อย “ไม่เป็นไร ต่อไปถ้ามีงานทำก็กลับมาเลี้ยงฉันบ้างก็แล้วกัน” ดลธีหันไปตอบเพื่อนหลานด้วยใบหน้าทะเล้น“ต้องคิดเป็นบุญคุณด้วยเหรอคะ?” คนที่แม้แต่จะทรงตัวก็ลำบากยังอุตส่าห์หันมาถามเสียงอ่อน “ต้อง! เงียบบ้างก็ได้” ขุนพลห้ามเพื่อนพลางประคองไหล่เล็กให้ยืนได้ตรงเสียก่อนจะปากดี ไม่ดูตัวเองบ้างเลย! ชายหนุ่มได้แต่ส่ายหัว“แค่บอกว่าให้เลี้ยงคืน? เป็นบุญคุณเหรอ ถ้าบอกให้เอาเงินมาคืนก็ว่าไปอย่าง หรือเธอจะคืนฉันล่ะยัยขี้เมา” “ก็เอาบัญชีมาสิ เดี๋ยวโอนให้ตอนนี้เลย ชิ!” “มือถือ?”“เอาไป”“ต้อง!”“นายเงียบเลยขุน” จะว่าเหมือนเด็กก็ไม่ใช่เสียทีเดียว ทว่าคนทั้งสองต่างไม่มีใครยอมกัน คนกลางอย่างขุนพลจึงได้แต่ยิ้มแห้งให้คุณอาขอ
ปีสุดท้ายของการเป็นนักศึกษาของเปรมยุดาและเพื่อน ๆ ต่างก็ดีอกดีใจเมื่อเดินทางมาถึงจุดสำเร็จสาขาบัญชีรวมตัวถ่ายรูปหมู่ไว้เป็นที่ระลึก เปรมยุดา ต้องใจและขุนพลฉีกยิ้มให้กับกล้อง เสียงกดชัตเตอร์รัวติดต่อกัน พร้อมกับช่างภาพยกนิ้วขึ้นโอเค ทุกคนก็ร้องเฮ คละเคล้าเสียงโห่ร้องตะโกนด้วยความดีใจต่างโอบกอดลากันด้วยน้ำตานองหน้า สี่ปีที่เรียนด้วยกันมาความผูกพันแน่นแฟ้นจนอดใจหายไม่ได้เมื่อต้องแยกจากเพื่อไปเติบโตใช้ชีวิตวัยทำงานไม่ว่าจะอย่างไร พวกเขาจะไม่มีวันลืมมิตรภาพที่ดีเหล่านี้เลย“เร็วนะว่าไหม? ไม่อยากจากพวกแกไปเลย”ต้องใจนั่งจับมือเปรมยุดา และมองเพื่อนสนิทอีกคนที่นั่งห่างออกไป เธอเห็นสายตาอาวรณ์ที่ขุนพลใช้มองเปรมยุดา ไม่ว่าจะครั้งแรกหรือกระทั่งตอนนี้ก็ยังเป็นเช่นเดิม แต่ก็คงทำได้แค่นั้นเพราะตอนนี้เพื่อนรักของเธอมีเจ้าของแล้ว และไม่ใช่ใครอื่นไกล เป็นคุณอาสุดหล่อที่กำลังถือช่อดอกไม่ช่อใหญ่เดินเคียงคู่มากับอิตาคุณอาขี้เก๊กนั่นเอง“เรายังเจอกันได้ แค่เรียนจบไม่ได้จากไปไหนไกลนี่น่า จริงไหมขุน” “ใช่ทำอย่างกับจะจากกันไปไหนไกลเว่อร์จริง ๆ เลยเธอเนี่ย”“โดนรุมอีกละ!”“เรียนจบแทนที่จะดีใจกลับทำหน้าบูด
กายโชกไปด้วยเหงื่อทรุดลงทาบทับร่างเปลือยเปล่าหอบหายใจโยนป้อก⁓“อะ” เปรมยุดารู้สึกกึ่งกลางกายวูบโหวงเมื่อคุณอาถอดถอนตัวตนลำใหญ่ออกไปจากตัวเธอ การันต์หายใจหอบใบหน้าชื้นไปด้วยเหงื่อ ดึงผ้าห่มคลุมกายเปลือยเปล่าทั้งสองจนถึงอก “มีคำหนึ่งใช่ไหมที่อายังไม่ได้บอกหนู” เกลี่ยปอยผมปกใบหน้ารูปไข่เล่น “อะไรเหรอคะ” ตะแคงตัวโอบกอดกายใหญ่ ซุกหน้าเข้าซอกคอแกร่ง ทำให้คุณอาหัวเราะในลำคอพลอยให้เธอยิ้มตามไปด้วย“อารักหนูเปรม รักมาก รักเกินกว่าใคร ๆ ฉะนั้น...อย่าพูดว่าจะให้อามีคนอื่นหรือคิดว่าอาจะไปมีใคร เพราะแค่มีหนูเปรมคนเดียวก็พอแล้ว” “อาบอกว่ารักหนูเหรอคะ” แหงนหน้าขึ้นมองใบหน้าคมคาย วางฝ่ามือบนใบหน้าเริ่มมีตอหนวดขึ้นบาง ๆ มิน่าเมื่อครู่ถึงได้รู้สึกระคาย “อารักหนูเปรม” ทาบฝ่ามือใหญ่บนหลังมือเล็ก ย้ำให้คนจ้องหน้าด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความสดใสสุขล้นฉายชัด เขาชอบเปรมยุดาเป็นแบบนี้มากกว่า ต้องโทษที่ตนไม่ชัดเจนตั้งแต่แรกจนทำให้เธอเข้าใจผิด“หนูก็รักอา รักมาก ๆ รักที่สุด รักกว่าใครในโลกเลย” ปีนขึ้นไปอยู่เหนือกายใหญ่ อกฟูบดเบียดหน้าอกเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของคนใต้ร่าง สอดแขนไปใต้ไหล่กว้างก่อนจะซุกหน้าลงหาควา
“อื๊อ” ห้ามยังไงทันเมื่อปลายนิ้วก้านยาวไล้กลีบดอกไม้ผ่านเนื้อผ้า ซ้ำยังคลึงจนเธอสะท้านเฮือกสยิวเสียวซ่านต้องยกสะโพกขึ้นรับความดุดันทันที“หนูเปรมของอาแฉะเร็วเหมือนกันนะเนี่ย ‘อยาก’ เหมือนกันใช่ไหมเด็กน้อย”ลมร้อนพ่นผ่านซอกคอหอม กดเรียวปากร้อนแนบชิดผิวละมุน ดอมดมกลิ่นกายที่คุ้นเคย“อ๊าส์...” ครางกระเส่าเสียงหวิวเมื่อคุณอาสอดนิ้วเข้ามาในร่องคับแคบและมันตอบรับเขาอย่างดี ตอดรัดทักทายความแข็งแกร่งราวกับว่ารอคอยในสัมผัสเร่าร้อนนี้มานานเสียงครางผะผ่าวกระตุ้นข้อมือใหญ่สอดใส่ท่อนนิ้วเพิ่ม เขาเกร็งกระแทกเข้าใส่ดุดันจนเส้นเลือดรายล้อมข้อแขนขึ้นปูดบวม ดวงตาเต็มไปด้วยเพลิงพิศวาสมองเรือนร่างส่ายเร้า เขาถอนก้านนิ้วออกหลังจากทนความปรารถนากำลังเผาไหม้ตนเองไม่ไหว ต้องการให้ความอึดอัดเบื้องล่างเข้าไปแทนที่ท่อนนิ้วแกร่งของตัวเองชุดนักศึกษาถูกถอดออกด้วยชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของเตียง ไม่นานกายเปลือยเปล่าสวยงามก็ปรากฏแก่สายตา ผิวเนียนละเอียดอมชมพูสวยกระแทกใจการันต์ “หนูเปรมของอาสวยเหลือเกิน” “อาอย่ามองนานนักได้ไหม”“มากกว่ามองก็ทำมาแล้ว”มุมปากหยักกระตุกให้กับเจ้าของมือที่ยกขึ้นปิดส่วนสวยงามเอาไว้ ทั้งขาเร
คนที่บอกว่าจะไม่มาให้เธอเห็นหน้าอีก บัดนี้รถได้จอดอยู่โรงเก็บแล้วเรียบร้อย ทำเปรมยุดากลั้นยิ้มไม่อยู่แทบอยากหายตัวเข้าไปหาผู้เป็นเจ้าของมันเสียตั้งแต่ตอนนี้เลยท่อนขาเรียวก้าวฉับ ๆ เข้ามาข้างใน นัยน์ตาหวานกวาดมองตั้งแต่ห้องรับรองจนถึงห้องครัวทว่าก็ไร้วี่แววคนที่คะนึงหา “ไม่อยู่!” หน้าม่อยทันทีเพราะคิดว่าคุณอาคงจะรอเธออยู่ชั้นล่าง“ไม่สิแกตั้งใจจะขอโทษอานี่น่า” เชิดหน้าขึ้นหันไปทางฝั่งห้องของคุณอา ยังไงวันนี้ก็ต้องคุยกันให้รู้เรื่อง ไม่อยากเป็นแบบนี้อีกแล้วเรียกขวัญกำลังใจให้ตัวเองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเคาะประตูบานสีน้ำตาลเบา ๆ “อากาน” ครั้งที่หนึ่งยังคงไม่มีเสียงตอบรับใด ๆ “อาอยู่ข้างในหรือเปล่าคะ” มั่นใจว่าคุณอาจะไม่ออกไปไหนหลังจากกลับเข้ามาแล้ว ครั้งนี้จะไม่ละความพยายามต่อให้ยืนรอคุณอาตรงนี้ทั้งคืนก็จะทำคนตัวเล็กรอจังหวะอีกนิดหนึ่งแล้วจึงง้างมือขึ้นเตรียมจะเคาะประตูของผู้เป็นอาอีกครั้ง...แกร๊ก~ “จะทำอะไร?” เสียงเรียบนิ่งเอ่ยถามคนตัวเล็กยกมือค้างกลางอากาศ ดวงหน้าหวานตกใจทันทีเมื่อเห็นเขา“คะ เคาะประตูค่ะ” ดวงตาวูบไหวสั่นระริกกวาดมองคนตัวสูง ผมเคยถูกจัดอย่างเป็นระเบียบยุ่งเหยิงกับ
ด้านในห้อง CEO ความอึมครึมยังปกคลุมโดยรอบเมื่อผู้เอนกายอยู่บนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ อารมณ์มาคุยังวนเวียนอยู่รอบกาย เปลือกตาปิดสนิททว่าภายในหัวกลับทำงานอย่างหนัก ขบคิดวกวนแค่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเปรมยุดากันแน่ ทั้งที่ตนก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเธอคือคนสำคัญสำหรับเขามากแค่ไหน แล้วทำไมถึงไม่เชื่อในการกระทำทั้งหมดนั้นมีแค่เธอคนเดียว!เสียงพ่นลมหายใจยาวยืดครั้งแล้วครั้งเล่าก็ไม่ทำให้การันต์รู้สึกดีขึ้นมาเลย ทั้งสายตาและน้ำเสียงไร้เยื่อใยของเปรมยุดาบาดลึกลงในหัวใจ ปวดร้าวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ♪ Life is sweet as honey Yeah this beat cha-ching like money ⁓........♪ Life is sweet as honey Yeah this beat cha-ching like money ⁓สุดท้ายต้องพ่ายให้กับความพยายามของคนที่โทรเข้ามา“มีอะไร?” [ไม่ดีขึ้นเหรอวะ]เข้าใจความหมายของคำถามดลธี เพียงแต่การันต์ไม่รู้ว่าจะตอบเพื่อนยังไง ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเปรมยุดาตอนนี้เกินกว่าคำว่า ‘ไม่ดี’ ไปมาก“อืม”[มึงไปทำอิท่าไหนถึงได้โกรธนานขนาดนี้ ปกติเชื่อฟังมึงจะตาย]“หลายท่า”[จะสมน้ำหน้าหรือสงสารมึงดีไอ้กาน ข่มขืนเหรอ?] หากไม่ใช่เพื่อนรักคงไม่ถามแบบนี้
อาทิตย์ต่อมา...อาศัยบ้านหลังเดียวกัน ทานข้าวหม้อเดียวกัน แต่การันต์และเปรมยุดากลับพูดกันนับครั้งได้ ไม่ใช่สิ! ต้องบอกว่าเธอไม่ยอมคุยดี ๆ กับการันต์ต่างหาก มันเลวร้ายยิ่งกว่าตอนอยู่ที่สมุทรปราการเสียอีก เธอมักจะขังตัวเองอยู่ในห้อง พูดคุยกับเพื่อนผ่านทางโทรศัพท์แต่ไม่ยอมออกไปเผชิญหน้ากับคนที่อาศัยร่วมชายคาเดียวกัน ถึงอย่างนั้นการันต์ก็ไม่ละความพยายามจะตามง้อเปรมยุดาให้สำเร็จ เขาไม่เอาตัวเองเข้าไปอยู่ในระยะที่ทำให้เธออึดอัดใจ แต่ไม่ถึงกับปล่อยให้คลาดสายตา สิ่งที่เธอเคยใช้ก็ยังมีวางเติมไว้อยู่เสมอ ของชอบก็เตรียมไว้ให้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ดังนั้นนอกจากข้างกายไม่ได้มีเขาให้ขัดลูกหูลูกตาทุกอย่างรอบตัวของเธอก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงกระทั่งถึงวันที่เปรมยุดาต้องกลับไปเรียน ซึ่งเป็นช่วงเวลาทั้งสองต้องห่างกัน หากว่ายังเป็นอยู่อย่างนี้ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ที่เคยมีให้กันจะกลับมาเป็นดังเดิมได้อีกไหม?การันต์นั่งจิบกาแฟดำพลางกางหนังสือพิมพ์อ่านฆ่าเวลาไปด้วยในระหว่างรอใครอีกคนลงมาจากชั้นบนเพื่อไปมหาลัยเปรมยุดาชะงักฝีเท้ากลางคันเมื่อทอดสายตามองลงมา“ทานอะไรหน่อย มื้อเช้าสำคัญสำหรับนักศึกษา” ข