เปรมยุดายิ่งรู้สึกไม่ชอบผู้ชายตรงหน้า ทั้งที่รู้ว่าตนเองทำอะไรลงไปบ้างแต่กลับเอาความดีเข้าตัวไปเสียหมดคนประเภทนี้เธอพึ่งเคยพบ แม้ว่าที่ผ่านมาจะคบค้าสมาคมกับเพื่อนน้อยมากแต่ก็ไม่มีใครหลงตัวเองได้เท่ากับเขาเลย
“ดูพี่เขาสิเปรม ขนาดว่างานยุ่งยังมีแก่ใจนึกถึงเอ็ง ต้องทำดีกับพี่เขามาก ๆ รู้หรือเปล่า”
ได้ยินป้าของหญิงสาวพูดเข้าข้างตนเอง ทิมกระหยิ่มยิ้มย่องอย่างชอบใจ ความหวังเคยเลือนรางบัดนี้ได้กลับมาอีกครั้ง เมื่อผู้ใหญ่เปิดทางให้ถึงเพียงนี้อย่างไรเสียเปรมยุดาก็ต้องตกเป็นเมียของเขาแน่นอน
ชายหนุ่มคิดอย่างลำพองใจพลางมองหญิงสาวใบหน้านวลเนียนอมชมพูระเรื่อ ลิ้นสากแลบออกเลียเรียวปากอย่างคนคิดแผนชั่วร้ายในหัว
“น้องเปรมลองดูสิว่าชอบหรือเปล่า” ถามพลางดันตัวขึ้นจากเก้าอี้เดินอ้อมมานั่งข้าง ๆ เปรมยุดาอย่างถือวิสาสะ เปิดถุงของฝากออกกว้าง หยิบชุดราคาแพงออกโชว์ให้เธอดู
“คุณทิมคะ ของฝากพวกนี้เปรมขอบคุณแต่ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้” หยิบชุดจากมือเขาแล้วเก็บใส่ถุงไว้อย่างเดิม ขยับหนีออกมานั่งให้ห่าง ทั้งที่ป้ายังนั่งอยู่อีกฝ่ายไม่มีความเกรงใจเลยสักนิด นั่นเป็นเพราะผู้ใหญ่ทางเธอเห็นดีเห็นงามกับการกระทำพวกนี้
หากไม่แสดงออกอย่างชัดเจนมีหวังถูกเอาเปรียบมากกว่านี้แน่
“ไม่เกินไปหรอกครับพี่เต็มใจจริง ๆ แล้วก็เมื่อกี้น้องเปรมเรียกพี่ว่าคุณดูห่างเหินไปนะว่าไหม เรียกพี่ดีกว่านะ”
“ใช่ยัยเปรม อย่าเสียมารยาทกับพี่เขาสิ”
นางจันจ้องหลานสาวเขม็งจนหน้าอวบอ้วนบึ้งตึง ดวงตาเรียวเล็กกระด้างไร้ความอ่อนโยนจากตอนแรก
เรียวปากกระจับเม้มเข้าหากันแน่นระหว่างสบตาผู้เป็นป้า อะไรทำให้ท่านเข้าข้างคนอื่นที่ไม่ใช่สายเลือดของตัวเองได้ขนาดนี้ มีแต่ต้องปกป้องหลานสาวไม่ใช่เหรอ แต่นี่อะไร?
เปรมยุดาอยากจะเอ่ยคำพูดที่ดังก้องอยู่ในหัวออกมา
“เปรมขอโทษถ้าทำให้คุณทิมไม่พอใจ แล้วก็สะดวกเรียกแบบนี้มากกว่า พอดีทำงานบ้านค้างไว้ต้องขอตัวก่อน หนูขอขึ้นไปข้างบนนะคะป้า”
บอกกับฝ่ายชายแล้วก็หันมาทางผู้เป็นป้าแม้จะเห็นแล้วว่าท่านมีสีหน้าไม่พอใจมากแค่ไหน แต่ฝืนตัวเองให้นั่งอยู่ตรงนี้ไม่ได้ ทั้งสายตาโลมเลีย คำพูดแทะโลมทำให้รู้สึกครั้นเนื้อครั้นตัวจนขยะแขยงเต็มทน
กลับขึ้นมาชั้นบนวางของฝากตรงมุมห้องอย่างไม่ไยดี ถึงจะไม่อยากรับแต่ทิ้งเอาไว้ตรงนั้นยิ่งจะทำให้ป้าโมโหหนักมากกว่าเดิม
เปรมยุดาทิ้งตัวนั่งบนฟูกที่นอนอย่างไม่สบอารมณ์ กระบอกขอบตาร้อนผ่าวด้วยความอัดอั้นตันใจไม่คิดว่าป้าจะทำอย่างนี้ ถึงจะไม่มีพ่อและแม่คอยดูแล แต่ก็ใช่ว่าเธอจะดูแลตัวเองไม่ได้จนต้องรีบเสนอเธอให้กับครอบครัวกำนัน
ไม่รู้นานแค่ไหนที่ขังตัวเองอยู่ภายในห้องนอน กระทั่งมีเสียงเคาะประตูจากด้านนอกจึงลุกขึ้นไปเปิด
“ทำไมถึงได้หนีขึ้นมาบนนี้ แล้วยังพูดแบบนั้นกับพ่อทิมอีก”
ยังไม่ทันได้นั่งนางจันก็เอ่ยเรื่องที่เกิดขึ้นด้านล่างเสียงแข็ง เปรมยุดาเตรียมใจไว้อยู่แล้วว่าจะต้องโดนดุเพียงแต่ไม่คิดว่าท่านจะขึ้นมาเร็ว
“เปรมขึ้นมาอ่านหนังสือค่ะ อีกอย่างเขาก็เป็นแขกของป้า เปรมไม่รู้จะอยู่ทำไม”
“ยัยเปรมเอ็งก็โตแล้วน่าจะรู้ว่าพ่อทิมเขาคิดยังไง ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขามาหาด้วย จะบอกว่าเป็นแขกของป้าได้ยังไง”
เธอหันขวับไปหาป้าด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ นัยน์ตาสีช็อกโกแลตสั่นวูบไหวราวกับเทียนไขต้องลม แพขนตางอนยาวกะพริบขับไล่สิ่งที่ร้อนผ่าวรอบดวงตากลับเข้าไป
“แต่เปรมยังไม่คิดเรื่องนี้ เปรมยังอยากเรียนหนังสือแล้วก็ทำงานก่อน”
“เรียนหนังสือ? เอ็งจะเอาปัญญาที่ไหนส่งตัวเองเรียนเปรมเอ๊ย พ่อกับแม่เอ็งไม่ได้มีเงินมากมายขนาดนั้น เรียนหนังสือต้องใช้เงินเยอะแค่ไหนรู้บ้างไหม”
“พ่อกับแม่เก็บเงินส่วนนั้นไว้ให้เปรมแล้ว”
ทันทีเมื่อนางจันได้ยินก็ยืดตัวนั่งหลังตรง ดวงตาเต็มไปด้วยความกระวนกระวายเหลือบมองหลานสาวก่อนที่จะพรูลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“รู้เหรอว่าพ่อแม่เอ็งเก็บเงินไว้ให้น่ะ สองคนนั้นไม่ได้ทำงานเป็นหลักแหล่งจะเอาเงินมากมายมาจากไหนมาให้เอ็ง”
“ถึงพวกท่านจะไม่ได้มีงานเป็นหลักแหล่งแต่ก็ทำงานตลอด เปรมยังเคยเห็นเลยว่าพ่อทำอะไรบ้าง แล้วสมุดบัญชีนั่นก็อยู่ในห้องนอนในตู้ข้างหัวเตียงพวกท่าน เปรมจะไปเอามาให้ป้าดูก็ได้”
เปรมยุดาหยัดตัวทันที เพียงแต่ว่ายังไม่ทันได้ก้าวพ้นห้องก็ต้องหยุดชะงัก
“เดี๋ยวก่อน เอ็งไม่ต้องไปเอาอะไรมาทั้งนั้นแหละ”
นางจันกล่าวเสียงสั่นมือไม้ก็ไม่รู้จะเอาไปวางไว้ตรงไหนได้แต่บีบเข้าหากันแน่น เป็นอาการของคนที่ตกอยู่ในความวิตกกังวล
“ทำไมล่ะ? ป้าจะได้รู้ไงว่าพ่อกับแม่เตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้ว”
“ก็เงินนั่นไม่อยู่แล้วน่ะสิ!” เชิดหน้าขึ้นตอบหลานสาวเสียงแข็ง
“ป้ารู้ได้ยังไงว่าเงินก้อนนั้นไม่อยู่แล้วเปรมยังไม่ได้ไปเอาออกมาเลย” ระหว่างเอ่ยถามป้าไปนั้นเสียงของเธอเบาหวิว รู้สึกหวิวโหวงในหัวใจกับท่าทีและคำพูดของท่าน
“ก็ป้า ป้าไปเบิกแล้วก็เอามาใช้จนหมดแล้ว” เป็นคำตอบที่ทำให้ผู้ฟังถึงกับร่างกายชาดิก
ริมฝีปากบางกระจับสั่นระริกอยากจะเอ่ยสักคำออกมาทว่ากลับหาเสียงของตัวเองไม่เจอ
ดวงตากลมโตประกายสวยพึ่งจะกลับมามีแววสดใสไม่กี่วันพลันม่านแห่งความมืดมนก็หวนมาปกคลุม น้ำตาหนึ่งสายหยดลงแก้มเนียนไหลลงไปตามลำคอระหง
“ไปเบิกมาแล้ว อึก...” ข่มก้อนสะอื้นลงคอหลังจากปล่อยให้น้ำตาชำระล้างความเสียใจ ลมหายใจเฮือกใหญ่สูดเข้าจนสะอื้นตัวโยน
เปรมยุดารวบรวมแรงที่ยังหลงเหลือพูดกับผู้เป็นป้า
“ทำไมถึงทำโดยไม่บอกเปรมสักคำ เงินก้อนนั้นเหลือแค่ก้อนเดียว เป็นเงินก้อนสุดท้าย แล้ว...แล้วเปรมจะทำยังไง” หยาดน้ำอีกสายร่วงหล่นลง ดวงตาพร่าเลือนผ่านม่านน้ำตามองคนที่ได้ชื่อว่าเป็นป้า เป็นครอบครัวที่สามารถฝากชีวิตต่อไปได้
แต่แล้วกลับเป็นคนมาซ้ำเติมความเลวร้ายที่ต้องเผชิญให้แย่ไปกว่าเดิม!
นางจันหน้าถอดสี สมองตื้อตันคิดอะไรไม่ออกไม่รู้จะตอบลูกสาวของน้องชายผู้ล่วงลับยังไง
บังเอิญไปเห็นตัวเงินมากอย่างไม่เคยเจอมาก่อนก็เลยเกิดความอยากได้ หลังจากมีเงินใช้อย่างคล่องมือก็เพลินจนหลงลืมไปว่านั่นไม่ใช่ของตัวเอง แต่แล้วยังไงก็ในเมื่อเงินก้อนนั้นได้สิ้นไปกับการใช้จ่ายจนไม่เหลือแล้ว
“ถ้าเอ็งอยากเรียนจริง ๆ ก็ให้พ่อทิมช่วยสิ เขาก็บอกแล้วว่าให้ได้ทุกอย่าง”
“ป้า!”
เสียงเอ่ยออกมาเบาหวิวและเต็มไปด้วยความเจ็บปวด สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะยังไงป้าก็ให้เธอพัวพันอยู่กับครอบครัวนี้ให้ได้ พวกเขาให้อะไรป้าบ้างถึงยอมได้ถึงเพียงนี้
“ถ้าการเรียนของเปรมต้องแลกด้วยการตกอยู่ภายใต้อำนาจของครอบครัวกำนัน เปรมไม่เรียนก็ได้ค่ะ”
เสียงสะอื้นกล่าวหนักแน่นในจุดยืนของตนเอง เธอยอมที่จะไม่เรียนต่อดีกว่าต้องไปอยู่ภายใต้ปีกคนมีอำนาจแต่ไร้คุณธรรมพวกนั้น
“คิดให้ดีนะยัยเปรมพ่อทิมเขาถูกใจเอ็งมานาน นอกจากเขาแล้วจะมีใครที่ดีกว่านี้ได้อีก ที่เห็น ๆ ก็มีแต่พวกแบมือขอเงินพ่อแม่ไปวัน ๆ”
“แล้วเปรมพึ่งจะอายุเท่าไหร่ทำไมถึงคิดแต่จะให้มีผัว! จะกับใครเปรมก็ยังไม่เอาทั้งนั้นแหละ”
จากไม่เคยขึ้นเสียงมาก่อน ทว่าตอนนี้สุดจะกลั้นแล้ว เอ่ยความในใจออกมาจนสุดเสียง ต่อให้ถูกต่อว่าเป็นเด็กไร้มารยาทก็ยังดีกว่าสูญเสียความเป็นตัวเอง
“ยัยเปรมนี่ฉันป้าแกนะ จะมายืนค้ำหัวแล้วตะโกนใส่หน้าแบบนี้ได้ยังไง”
เหมือนถูกลมขนาดใหญ่หอบเอาความร้อนมาวางไว้ในใจจนร้อนรุ่ม เปรมยุดาเป็นเด็กว่านอนสอนง่ายและไม่เคยเถียงผู้ใหญ่มาก่อนพอเจอเข้ากับตัวเองก็ยอมรับไม่ได้ พาลโมโหขึ้นเสียงใส่หลานสาวจนหน้าแดงก่ำ ร่างอวบอ้วนหายใจเข้าออกอย่างแรงจนร่างทั้งร่างสั่น
“แล้วทำไมป้าถึงทำกับเปรมแบบนี้ล่ะ”
กายทรุดฮวบลงพื้น ไหล่สั่นสะท้านด้วยแรงสะอื้นในใจเรียกร้องหาผู้ให้กำเนิดทั้งสองที่พึ่งลาลับไปอยู่คนละโลก สองมือน้อย ๆ กำเข้าหากันแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ ทว่าเปรมยุดายังไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดได้เท่ากับถูกป้าแท้ ๆ บีบจนหายใจไม่ออก
นางจันลุกพรวดจากเก้าอี้กัดฟันกรอด ต่อให้สงสารแต่เมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วยากจะแก้ไข ทางกำนันเทพได้ให้สัญญาว่าจะดูแลหลานสาวให้อย่างดี ตนก็เห็นแล้วว่าทางนั้นทำอย่างที่รับปากเอาไว้ ปัญญาแค่คนแก่จะมีกำลังที่ไหนเลี้ยงดูลูกสาวของน้องชายได้ตลอดรอดฝั่งกัน!
เจ้าของร่างอวบอ้วนหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเปรมยุดา ยืนมือออกไปหมายจะลูบผมของหลานแต่ก็ชักกลับเข้าหาตัว
“คิดดูให้ดี ไม่มีใครดีเท่าพ่อทิมอีกแล้วเปรม”
เสียงฝีเท้าค่อย ๆ ห่างออกไปกระทั่งเหลือเพียงเสียงสะอึกสะอื้นจากเจ้าของห้อง เปรมยุดาปาดน้ำตาออกจากใบหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทอดสายตามองบ้านที่ไร้ไออุ่นหลงเหลือ “หนูไม่มีวันไปอยู่กับผู้ชายคนนั้น ยังไงก็ไม่ไปเด็ดขาด ไม่เรียนก็ไม่เรียนสิ” ทอดเสียงหนักแน่นกลั่นออกมาจากข้างใน ดวงตาเคยอ่อนหวานบัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นแข็งกระด้าง เพียงเพราะให้ความไว้เนื้อเชื่อใจสายเลือดเดียวกัน ไม่คิดว่าผลที่ได้จะออกมาในรูปแบบนี้ เงินตั้งเกือบสามแสนกว่าบาทบอกว่าหมดก็จบง่าย ๆ อย่างนี้นะเหรอสัตหีบ จังหวัดชลบุรีเวลา 20.34 นาฬิกา“บอกจะไปหากู แล้วทำไมเป็นกูที่มาอยู่บ้านมึงวะ”ดลธีพาดเสื้อสูทตัวนอกของตนเองไว้กับเก้าอี้แล้วเดินอ้อมมาทิ้งตัวลงพื้นนุ่มของโซฟากลางห้องโทนสีเทา ร่างสูงทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดไปด้านหลังแล้ววาดขายาวขึ้นไขว่ห้าง ในระหว่างกำลังรอเจ้าของบ้านถือเบียร์มาปึก!การันต์วางเครื่องดื่มดับกระหายตรงหน้าเพื่อน ก้านนิ้วเรียวแข็งแกร่งดึงสลักเปิดฝาออกครั้งเดียวเสียงซ่าก็ชวนให้คนพึ่งบ่นยกยิ้มกับการบริการจากเจ้าบ้าน“กูยังไม่ทันได้ก้าวขาออกจากห้องทำงานมึงบอกว่าอยู่หน้าตึกออฟฟิศแล้ว จะบอกว่ากูไม่ไปตามที่พูดไม่ได้นะด
แต่ดูเหมือนว่าความตั้งใจจะไม่เป็นอย่างที่คิดเลยสักนิด เมื่อเสียงเรียกจากผู้อยู่ด้านในตะโกนรั้งเอาไว้ ราวกับว่ารอคอยการกลับมาของเธอยังไงอย่างงั้น“กลับมาแล้วทำไมไม่เข้าบ้าน แดดแรงขนาดนี้เดี๋ยวก็เป็นลมเป็นแล้งเอาหรอก”นางจันว่าแล้วก็เปิดรั้วบ้านให้หลานสาวเปรมยุดาเม้มปากแน่นเห็นสีหน้าแช่มชื่นของผู้เป็นป้าแล้วอดคิดไม่ได้ว่าไม่คิดอะไรบ้างเหรอที่เห็นตนตกอยู่ในสภาพนี้ ทั้งที่ควรจะล้มเลิกความคิดจะให้เธอเกี่ยวพันกับครอบครัวกำนันเทพแต่กลับเชื้อเชิญให้เข้าบ้านอย่างไม่ละอายแก่ใจจากที่คิดจะหลบหน้าก็เลยต้องหันหัวรถเข้าบ้านแทน เธอจอดรถไว้ข้างบ้านมีร่มไม้ใหญ่ไว้บังแดด เดินตามเจ้าของร่างอวบอ้วนของป้าเข้ามาข้างใน หากเป็นเมื่อก่อนได้พบสองพ่อลูกคงรู้สึกว่าตนเองตัวเล็กลีบแบนหากแต่ตอนนี้ไม่ใช่อย่างนั้นแล้ว“น้องเปรมไปทำงานที่ร้านทอฝันเหนื่อยไหมครับ” ทิมพอเห็นหน้าหญิงสาวก็ฉีกยิ้มพลางเอ่ยถาม กวาดสายตาพราวระยับสำรวจความเปลี่ยนแปลงของเธอที่ดูโตขึ้นอย่างน่ามอง เสื้อเชิ้ตเข้ารูปกับกางเกงยีนสีดำเสริมให้ขายาวยิ่งดูเรียวระหง“ไม่ค่ะ งั้นเปรมขอตัวก่อนนะคะ” แม้จะไม่อยากเจอแต่ด้วยถูกสอนมาอย่างดีเมื่อพบผู้มีอายุมากก
บริษัทเอเจกรุ๊ปห้องประธานชายหนุ่มผู้มีใบหน้าคมคายดวงตาสีนิลประกายแรงกล้าหยุดอยู่บนร่างกำยำของผู้ใต้บังคับบัญชา สำรวจความสง่าโดดเด่นของอีกฝ่ายด้วยความชื่นชมก่อนที่ริมฝีปากจะเริ่มเอ่ย“ที่นั่นมีอะไรทำให้นายต้องเดินทางไปติด ๆ กันแบบนี้”“เรื่องสำคัญครับ ก็เลยขึ้นมาบอกคุณด้วยตัวเอง”เสียงหัวเราะในลำคอทุ้มต่ำจากผู้ตั้งคำถาม เมื่อคำตอบที่ได้มาไม่ได้ต่างไปจากที่รายงานก่อนหน้านี้สักนิด อยากรู้มากก็คือ ‘สำคัญ’ นั้นคือเรื่องใดกันแน่ ที่สมุทรปราการมีอะไรน่าสนใจมากกว่าชลบุรีถึงขั้นทำให้คนรักการทำงาน ยึดติดห้องของตัวเองเป็นนิจถึงกับต้องละทิ้งพวกมันไปครั้งละหลาย ๆ วัน?“ไม่ได้ไปทิ้งไข่ไว้ที่นั่นแล้วต้องรับผิดชอบหรอกนะ”ธาวินสัพยอกการันต์ ก่อนจะได้รับยิ้มมาดร้ายตอบกลับจากอีกฝ่าย หากไม่ได้รู้จักกันมานานและรู้นิสัยของผู้บริหารมือทองอย่างการันต์แล้วละก็ คงอดคิดไม่ได้ว่าสิ่งที่ตนกล่าวไปนั้นเป็นความจริง“ถ้าจะมีเรื่องแบบนั้นขึ้นผมไม่ให้อยู่ไกลตัวหรอกครับ คุณวินอย่าเอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่นสิผมเสียหายนะ”นอกจากดลธีก็เห็นจะเป็นเจ้านายนี่แหละกล้าเอ่ยคำพูดพวกนี้ ไม่ใช่ว่าตนเป็นคนถือยศถืออย่าง เพียงแต่ว่าเมื
บนถนนคอนกรีตทอดยาวไปไกลมีรถสปอร์ตเมอร์เซเดสสีขาวคันหรูกำลังมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านกลางน้ำ ท่อนแขนกำยำประคองพวงมาลัยอย่างมั่นคง ใบหน้าหล่อเหลาภายใต้แว่นสีดำไม่แสดงออกถึงอารมณ์ใด ๆ ในใจประสงค์เพียงไปถึงบ้านของเปรมยุดาก่อนฟ้ามืดการเดินทางกลับมายังหมู่บ้านแห่งนี้ล่าช้ากว่ากำหนดการไปมาก เดิมที่วางแผนว่าจะออกมาตั้งแต่เช้าตรู่ทว่าพริมาส่งงานด่วนมาให้อนุมัติกว่าจะคุยรายละเอียดกันเสร็จก็ใช้เวลาพอสมควร ถึงอีกจังหวัดก็เลยเย็นแบบนี้กระทั่งถึงทางเลี้ยวเข้าหมู่บ้านกลางน้ำการันต์ชะลอความเร็วรถลง มีบางอย่างเกิดขึ้นเบื้องหน้า อาจจะเป็นเรื่องของผัวเมียกำลังง้อกันจึงคิดแซงไป แต่แล้วปลายเท้าก็ต้องแตะเบรกอย่างกะทันหันเมื่อฝ่ายหญิงหลุดจากอ้อมกอดของฝ่ายชายแล้วหันกลับมาทางหน้ารถพอดี“เปรมยุดา!”เสียงทุ้มเอ่ยชื่อของคนที่อยู่ในหัวเย็นเยียบ พวงมาลัยหมุนออกขวาควงกลับมาด้านซ้ายอย่างรวดเร็ว ปลดเข็มขัดตั้งแต่ยังไม่ทันดับเครื่องยนต์ นาทีนี้อยากกระโจนออกไปด้านนอกโดยไม่ต้องอ้อมทางประตู เปรมยุดาถอดใจกับการรอคอยความช่วยเหลือจากรถที่ขับผ่าน สังคมเสื่อมโทรมลงทุกวันความมีน้ำใจหดหายไปตามกาลเวลา เห็นเหตุการณ์อย่างนี้เป็นเรื
เปรมยุดาเดินนำการันต์เข้ามาภายในบ้าน พอเข้ามาถึงด้านในริมฝีปากกระจับก็เม้มจนเป็นเส้นตรง ป้าจันนั่งดูทีวีอย่างสบายใจไม่ทุกข์ร้อนกับการกลับบ้านผิดเวลาของเธอเลยสักนิด“ป้า มีแขกมาบ้าน” “อ้าว เอ็งกลับมาแล้วรึ! แล้วนั่น...”นางจันเอ่ยถามหลานสาวด้วยน้ำเสียงปกติ “สวัสดีครับ ขอโทษที่มารบกวนโดยไม่ได้บอกล่วงหน้า”ผู้มีอายุน้อยกว่ายกมือไหว้หญิงร่างอวบอ้วนแสดงสีหน้าตกใจกับการปรากฏตัวของตน แม้อยากจะคิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเปรมยุดาเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ทว่าปฏิกิริยาเฉยเมยต่อหลานสาวของนางจันชวนให้คิดไปอีกทาง “สะ...สวัสดีจ้ะ คุณมาเที่ยวแถวนี้ก็เลยแวะมาเหรอ ว่าแต่เอ็งทำไมไม่ได้ยินเสียงรถล่ะ”รับไหว้ชายหนุ่มหลังจากที่ปรับสีหน้าให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้แล้วก็หันมาทางหลานสาว ปกติจะได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์คันเก่าเข้ามาจอดข้างใน “เปล่าครับ ผมไม่ได้มาเที่ยวแต่มาทำธุระที่นี่ บังเอิญเจอเปรมกำลังถูกทำร้ายอยู่ทางเข้าหมู่บ้าน ดีที่ผมมาช่วยไว้ได้ทันไม่งั้นเธอคงเจ็บมากกว่านี้”การันต์ตอบนางจันเสียงเรียบดวงตาสีดำสนิทวางอยู่ที่เดิมเพื่อค้นหาบางอย่างในสายตาเรียวรีของหญิงตรงหน้า หากว่าการปรากฏตัวครั้งนี้ของล
นางจันคิดใคร่ครวญถึงข้อเสนอของชายหนุ่ม พินิจดวงตาคมกล้าสีดำสนิทไร้แววล้อเล่นและความเจ้าเล่ห์เฉกเช่นผู้นำท้องถิ่นอย่างกำนันเทพ แล้วจึงหันไปหาหลานสาวตกอยู่ในสภาพมอมแมมอีกทั้งรอยขีดข่วนจนช้ำตามลำตัว‘ช่างน่าละอายใจเหลือเกิน’ ความผิดจากการกระทำที่เห็นแก่ตัวกระแทกหัวใจคนเป็นป้าจนจุกในอก เปรมยุดาเป็นหลานสาวแท้ ๆ แต่ตนกลับปกป้องอะไรไม่ได้ เพราะความขลาดกลัวต่ออำนาจบวกกับความละโมบในทรัพย์สินของน้องชาย จึงทำให้หลงหน้ามืดตามัวเอาเงินทองมากมายมาเป็นของตนเอง ปล่อยให้เด็กสาวตัวเล็ก ๆ ต้องต่อสู้เพื่อความอยู่รอดด้วยตัวเอง น้ำตาหยดหนึ่งร่วงหล่นจากดวงตาเล็ก...“ป้าผิดไปแล้วจริง ๆ เปรมเอ๊ย...เอ็งไม่ควรตกอยู่ในสภาพนี้ ควรจะมีโอกาสที่ดีเหมือนลูกหลานคนอื่นเขา ฮึก ๆ ป้าขอโทษนะลูก ป้ามันเห็นแก่ตัว ตายไปจะสู้หน้าพ่อกับแม่เอ็งได้ยังไง ฮือ...”หน้าผากเหี่ยวย่นแตะหลังมือแดงก่ำของหลานสาว กว่าจะคิดได้ก็เกือบทำให้เด็กน้อยผู้อาภัพคนนี้ตายทั้งเป็นอาทิตย์ต่อมา...เขตสัตหีบเข้าสู่ช่วงเวลาบ่ายคล้อย การันต์เดินทางกลับมาถึงบ้านพร้อมกับเปรมยุดา “ห้องอาอยู่ชั้นสองฝั่งซ้ายมือ ส่วนของเราอยู่อีกฝั่งมีระเบียงด้านนอกเปิดออกไ
“ไหน ๆ ก็มาแล้วจะเสียเวลาไปซื้อที่อื่นอีกทำไม” ให้เหตุผลกับคนขี้เกรงใจ ปกติผู้หญิงต้องเลือกใช้ของที่ดีไม่ใช่เหรอ ไม่ได้จะดูแคลนของตลาดนัดเพียงแต่ว่าเขาต้องการให้เปรมยุดาใช้ของแบรนด์นี้มากกว่า “หนูไม่เสียเวลาค่ะ เดินไปไม่กี่ร้อยเมตรก็ถึงแล้ว” อุตส่าห์หาเหตุผลมาเลี่ยง ไม่ใช่แค่เพราะเรื่องราคาแต่ระหว่างที่เลือกชุดชั้นในด้วยนี่สิ ครั้นจะบอกให้เขายืนรออยู่หน้าร้านก็จะกระไรอยู่ในเมื่อข้างในมีที่ให้นั่งรอ!“แต่อาอยากให้ซื้อที่นี่!” “แต่ว่ามันแพง”“แพงแล้วอาให้เราจ่ายเหรอ”“ก็นั่นแหละค่ะ เพราะเป็นเงินของอาไง ลองคิดดูซื้อร้านนี้ชุดละตั้งเกือบพัน สู้เอาไปซื้อที่ตลาดนัดพันหนึ่งได้ตั้งหลายชุด”การันต์เส้นขมับเต้นตุบ ๆ กรามแกร่งขบเข้าหากันเมื่อได้ฟังคำพูดของคนกำลังอธิบายคอเป็นเอ็น ปกติพูดน้อยทว่าคราวนี้พูดจนหน้าดำหน้าแดงแค่เพราะเรื่องราคาเนี่ยนะ“.....”“เปรมยุดา!”ผู้รับอุปการะเอ่ยเสียงเข้ม เมื่อเธอยังเอาแต่เงียบเพราะอยากให้ใช้ของที่ดีถึงได้พามาทั้งที่ไม่เคยทำให้ใครมาก่อน กลับถูกปฏิเสธในความหวังดี นัยน์ตาสีดำสนิทกดลงต่ำในระดับใบหน้าของคนตัวเล็กกว่าเรียบนิ่ง ทำยังไงดี! เธอกำลังทำให้คุณอาไม่พอใจ
กำลังคิดอะไรของแกการันต์! สิ่งที่อยู่ในหัวถูกสลัดออกไปหลังจากปล่อยให้ตนเองเผลอไผลกับภาพน่าหลงใหลของเปรมยุดา นึกตำหนิอารมณ์วาบหวามของตนเมื่อใกล้ชิดกับคนในอุปการะทั้งที่ไม่ควรเลยสักนิด หรือเป็นเพราะขาดเรื่องบนเตียงมานานถึงได้มีความรู้สึกพวกนี้ขึ้นมา!ลำแขนใหญ่คลายออกจากเอวคอดเมื่อปรับอารมณ์ของตนให้กลับมาเป็นปกติดังเดิม“คราวหน้าก็ระวังกว่านี้หน่อยเกิดไปชนคนอื่นเข้าจะเป็นอันตราย” ปากก็เตือนด้วยความเป็นห่วง ในหัวกลับคิดว่าหากเป็นคนอื่นที่ประคองโอบเจ้าของร่างเล็กนี้...“หนูจะระวังให้มากกว่านี้ค่ะอากาน”สิ้นคำนั้นการันต์ก็ยื่นมือออกไปจับข้อแขนเรียวแล้วก้าวไปยังอาคารของผู้บริหารของมหาวิทยาลัยเซนต์เจมส์วันเปิดเทอม...ข้างอาคารคณะบริหารธุรกิจมีนักศึกษาทั้งหญิงและชายนั่งเกาะกลุ่มคุยกันอย่างสนุกสนาน หลังจากไปพักผ่อนตลอดช่วงปิดเทอมที่ผ่านมา พวกเขาเหล่านี้ล้วนเป็นลูกคุณหนูถูกครอบครัวสปอยล์เอาใจมาตั้งแต่เด็ก ความเป็นอยู่ไม่ได้ลำบากอย่างเช่นหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งปลีกตัวออกมานั่งห่างจากคนอื่น ๆ หลายโต๊ะกั้นเอาไว้แม้ตอนนี้เธอจะถูกชุบเลี้ยงอย่างดีจากผู้มีพระคุณทว่าเปรมยุดาก็ไม่เคยลืมว่าแท้จริงแล้วตนเองม
การันต์ดีดตัวจากเก้าอี้ตัวยาวเร่งรุดไปหยุดตรงหน้าคุณหมออย่างรวดเร็ว “ภรรยากับลูกผมเป็นยังไงบ้างครับหมอ” ความตื่นเต้นระคนกังวลทำเสียงที่เอ่ยถามนายแพทย์ออกมาสั่นไหว “ยินดีกับคุณพ่อด้วย คุณแม่และ ‘ลูกชาย’ ปลอดภัยและแข็งแรงทั้งคู่ครับ อีกเดี๋ยวเราจะย้ายพวกเขาไปห้องพักฟื้น ถ้ามีอะไรต้องการเพิ่มก็แจ้งพยาบาลได้เลยครับ” นายแพทย์กล่าวเสียงละมุน เห็นสีหน้าของสามีคนไข้แล้วคงกระวนกระวายใจไม่น้อย “ขอบคุณครับ ขอบคุณมากจริง ๆ” การันต์ไม่อาจกลั้นความปรีติยินดีเอาไว้ได้ น้ำตาแห่งความดีใจหล่นออกมาอย่างไม่นึกอายพอได้ยินกับหูตัวเองแล้วว่าคนที่ตนเองรักสุดชีวิตทั้งสองปลอดภัย “กูบอกแล้ว สองคนนั้นเก่งจะตาย” ดลธีตบไหล่ปลอบเพื่อน “ต้องอยากเจอหน้าหลานจังเลยค่ะ งั้นขอไปรอหน้าห้องเด็กนะคะ” “ไปด้วย ผมกับต้องไปทางนู้นนะครับ” ขุนพลหันมาบอกคุณอาทั้งสองก่อนจะวิ่งตามต้องใจไป ดลธีมองกระทั่งภาพหลังหนุ่มสาวทั้งสองลับสายตาจึงหันกลับมาหาเพื่อนรักที่เช็ดน้ำตาตัวเองออกอย่างรวดเร็ว “ยินดีด้วย ต่อไปก็เป็นพ่อเต็มตัวแล้วนะ ดีที่ไม่ต้องไว้หนวดตั้งแต่ตอนนี้” คุณพ่อป้ายแดงหันมาทางเพื่อนยืนอยู่ข้างกัน ดวงตาแดง ๆ ของเขาจ้
เดือนต่อมา...รถเมอร์เซเดสสีขาวของการันต์มุ่งหน้าไปยังหมูบ้านกลางน้ำอีกครั้ง ความตั้งใจของเขาในวันนี้ก็เพื่อจะพาคนรักนั่งข้างกันมีสีหน้าราบเรียบทว่าดวงตากลมโตมีแววสั่นไหวอย่างคนเป็นกังวล “อาจะพาหนูไปวัดแล้วกลับเลย ไม่ต้องกลัว” อุ้งมือใหญ่วางทาบมือเล็ก แม้แต่ตอนนี้ก็ยังรู้สึกได้ถึงความกังวลของเธอ ถึงจะผ่านไปแล้วหลายปี หากแต่ว่าความทรงจำของเปรมยุดาก็อยู่ที่นี่ไม่น้อย “ขอบคุณนะคะ” ยิ้มอ่อน ๆ พลางหันมาทางคุณอา สายตาอบอุ่นของเขาทำให้ใจว้าวุ่นตลอดทางผ่อนคลายลงไปมาก คราแรกที่รู้ว่าเขาจะพากลับมาไหว้พ่อกับแม่น้ำตาเธอนองเต็มหน้า คิดถึงพวกท่านจับหัวใจ ต่อให้ไม่ได้พบหน้ากันอีกแค่ได้ไหว้กระดูกคนเป็นลูกอย่างเธอก็ซาบซึ้งใจ“ไม่ต้องขอบคุณ อาตั้งใจจะมาพบพ่อกับแม่หนูอยู่แล้ว”เปรมยุดายิ้มกว้าง คนรักทำราวกับจะได้พบหน้ากัน...คงไม่ต่างจากเธอ!ทั้งสองใช้เวลาชั่วโมงเศษ ๆ ก็มาถึงที่หมาย ฝ่ายลูกสาวของผู้ลาลับหอบช่อดอกไม้สีสันสดใสกับผ้าหนึ่งผืนเดินนำเจ้าของเรือนกายภูมิฐานไปยังเจดีย์บรรจุอัฐิของพ่อและแม่ “หนูกลับมาหาพ่อกับแม่แล้วนะคะ” วางช่อดอกไม้ตรงฐานกว้าง เช็ดฝุ่นออกจากกรอบรูปที่ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยมีใค
กว่าสถานการณ์จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ก็ใช้เวลาไปหลายนาที ดีที่ไม่มีใครแซวหรือพูดอะไร จึงทำให้พวกเรากลับมาสนุกกันต่อ เวลา 00.41 น.“รอกันตรงนี้เรียกรถให้แล้ว” ดลธีบอกขุนพลและต้องใจหลังจากงานเลี้ยงจบลง เขาดูแลทั้งสองเปรียบเสมือนน้องนั่นก็เพราะเปรมยุดาได้กำชับไว้ก่อนที่เธอจะแยกไปกับเพื่อนเขาดีจริง ๆ เลยทั้งหลานทั้งเพื่อน!“ขอบคุณนะครับ” ขุนพลไหว้ผู้ใหญ่ใจดี มื้อนี้เจ้ามือหมดไปไม่น้อย “ไม่เป็นไร ต่อไปถ้ามีงานทำก็กลับมาเลี้ยงฉันบ้างก็แล้วกัน” ดลธีหันไปตอบเพื่อนหลานด้วยใบหน้าทะเล้น“ต้องคิดเป็นบุญคุณด้วยเหรอคะ?” คนที่แม้แต่จะทรงตัวก็ลำบากยังอุตส่าห์หันมาถามเสียงอ่อน “ต้อง! เงียบบ้างก็ได้” ขุนพลห้ามเพื่อนพลางประคองไหล่เล็กให้ยืนได้ตรงเสียก่อนจะปากดี ไม่ดูตัวเองบ้างเลย! ชายหนุ่มได้แต่ส่ายหัว“แค่บอกว่าให้เลี้ยงคืน? เป็นบุญคุณเหรอ ถ้าบอกให้เอาเงินมาคืนก็ว่าไปอย่าง หรือเธอจะคืนฉันล่ะยัยขี้เมา” “ก็เอาบัญชีมาสิ เดี๋ยวโอนให้ตอนนี้เลย ชิ!” “มือถือ?”“เอาไป”“ต้อง!”“นายเงียบเลยขุน” จะว่าเหมือนเด็กก็ไม่ใช่เสียทีเดียว ทว่าคนทั้งสองต่างไม่มีใครยอมกัน คนกลางอย่างขุนพลจึงได้แต่ยิ้มแห้งให้คุณอาขอ
ปีสุดท้ายของการเป็นนักศึกษาของเปรมยุดาและเพื่อน ๆ ต่างก็ดีอกดีใจเมื่อเดินทางมาถึงจุดสำเร็จสาขาบัญชีรวมตัวถ่ายรูปหมู่ไว้เป็นที่ระลึก เปรมยุดา ต้องใจและขุนพลฉีกยิ้มให้กับกล้อง เสียงกดชัตเตอร์รัวติดต่อกัน พร้อมกับช่างภาพยกนิ้วขึ้นโอเค ทุกคนก็ร้องเฮ คละเคล้าเสียงโห่ร้องตะโกนด้วยความดีใจต่างโอบกอดลากันด้วยน้ำตานองหน้า สี่ปีที่เรียนด้วยกันมาความผูกพันแน่นแฟ้นจนอดใจหายไม่ได้เมื่อต้องแยกจากเพื่อไปเติบโตใช้ชีวิตวัยทำงานไม่ว่าจะอย่างไร พวกเขาจะไม่มีวันลืมมิตรภาพที่ดีเหล่านี้เลย“เร็วนะว่าไหม? ไม่อยากจากพวกแกไปเลย”ต้องใจนั่งจับมือเปรมยุดา และมองเพื่อนสนิทอีกคนที่นั่งห่างออกไป เธอเห็นสายตาอาวรณ์ที่ขุนพลใช้มองเปรมยุดา ไม่ว่าจะครั้งแรกหรือกระทั่งตอนนี้ก็ยังเป็นเช่นเดิม แต่ก็คงทำได้แค่นั้นเพราะตอนนี้เพื่อนรักของเธอมีเจ้าของแล้ว และไม่ใช่ใครอื่นไกล เป็นคุณอาสุดหล่อที่กำลังถือช่อดอกไม่ช่อใหญ่เดินเคียงคู่มากับอิตาคุณอาขี้เก๊กนั่นเอง“เรายังเจอกันได้ แค่เรียนจบไม่ได้จากไปไหนไกลนี่น่า จริงไหมขุน” “ใช่ทำอย่างกับจะจากกันไปไหนไกลเว่อร์จริง ๆ เลยเธอเนี่ย”“โดนรุมอีกละ!”“เรียนจบแทนที่จะดีใจกลับทำหน้าบูด
กายโชกไปด้วยเหงื่อทรุดลงทาบทับร่างเปลือยเปล่าหอบหายใจโยนป้อก⁓“อะ” เปรมยุดารู้สึกกึ่งกลางกายวูบโหวงเมื่อคุณอาถอดถอนตัวตนลำใหญ่ออกไปจากตัวเธอ การันต์หายใจหอบใบหน้าชื้นไปด้วยเหงื่อ ดึงผ้าห่มคลุมกายเปลือยเปล่าทั้งสองจนถึงอก “มีคำหนึ่งใช่ไหมที่อายังไม่ได้บอกหนู” เกลี่ยปอยผมปกใบหน้ารูปไข่เล่น “อะไรเหรอคะ” ตะแคงตัวโอบกอดกายใหญ่ ซุกหน้าเข้าซอกคอแกร่ง ทำให้คุณอาหัวเราะในลำคอพลอยให้เธอยิ้มตามไปด้วย“อารักหนูเปรม รักมาก รักเกินกว่าใคร ๆ ฉะนั้น...อย่าพูดว่าจะให้อามีคนอื่นหรือคิดว่าอาจะไปมีใคร เพราะแค่มีหนูเปรมคนเดียวก็พอแล้ว” “อาบอกว่ารักหนูเหรอคะ” แหงนหน้าขึ้นมองใบหน้าคมคาย วางฝ่ามือบนใบหน้าเริ่มมีตอหนวดขึ้นบาง ๆ มิน่าเมื่อครู่ถึงได้รู้สึกระคาย “อารักหนูเปรม” ทาบฝ่ามือใหญ่บนหลังมือเล็ก ย้ำให้คนจ้องหน้าด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความสดใสสุขล้นฉายชัด เขาชอบเปรมยุดาเป็นแบบนี้มากกว่า ต้องโทษที่ตนไม่ชัดเจนตั้งแต่แรกจนทำให้เธอเข้าใจผิด“หนูก็รักอา รักมาก ๆ รักที่สุด รักกว่าใครในโลกเลย” ปีนขึ้นไปอยู่เหนือกายใหญ่ อกฟูบดเบียดหน้าอกเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของคนใต้ร่าง สอดแขนไปใต้ไหล่กว้างก่อนจะซุกหน้าลงหาควา
“อื๊อ” ห้ามยังไงทันเมื่อปลายนิ้วก้านยาวไล้กลีบดอกไม้ผ่านเนื้อผ้า ซ้ำยังคลึงจนเธอสะท้านเฮือกสยิวเสียวซ่านต้องยกสะโพกขึ้นรับความดุดันทันที“หนูเปรมของอาแฉะเร็วเหมือนกันนะเนี่ย ‘อยาก’ เหมือนกันใช่ไหมเด็กน้อย”ลมร้อนพ่นผ่านซอกคอหอม กดเรียวปากร้อนแนบชิดผิวละมุน ดอมดมกลิ่นกายที่คุ้นเคย“อ๊าส์...” ครางกระเส่าเสียงหวิวเมื่อคุณอาสอดนิ้วเข้ามาในร่องคับแคบและมันตอบรับเขาอย่างดี ตอดรัดทักทายความแข็งแกร่งราวกับว่ารอคอยในสัมผัสเร่าร้อนนี้มานานเสียงครางผะผ่าวกระตุ้นข้อมือใหญ่สอดใส่ท่อนนิ้วเพิ่ม เขาเกร็งกระแทกเข้าใส่ดุดันจนเส้นเลือดรายล้อมข้อแขนขึ้นปูดบวม ดวงตาเต็มไปด้วยเพลิงพิศวาสมองเรือนร่างส่ายเร้า เขาถอนก้านนิ้วออกหลังจากทนความปรารถนากำลังเผาไหม้ตนเองไม่ไหว ต้องการให้ความอึดอัดเบื้องล่างเข้าไปแทนที่ท่อนนิ้วแกร่งของตัวเองชุดนักศึกษาถูกถอดออกด้วยชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของเตียง ไม่นานกายเปลือยเปล่าสวยงามก็ปรากฏแก่สายตา ผิวเนียนละเอียดอมชมพูสวยกระแทกใจการันต์ “หนูเปรมของอาสวยเหลือเกิน” “อาอย่ามองนานนักได้ไหม”“มากกว่ามองก็ทำมาแล้ว”มุมปากหยักกระตุกให้กับเจ้าของมือที่ยกขึ้นปิดส่วนสวยงามเอาไว้ ทั้งขาเร
คนที่บอกว่าจะไม่มาให้เธอเห็นหน้าอีก บัดนี้รถได้จอดอยู่โรงเก็บแล้วเรียบร้อย ทำเปรมยุดากลั้นยิ้มไม่อยู่แทบอยากหายตัวเข้าไปหาผู้เป็นเจ้าของมันเสียตั้งแต่ตอนนี้เลยท่อนขาเรียวก้าวฉับ ๆ เข้ามาข้างใน นัยน์ตาหวานกวาดมองตั้งแต่ห้องรับรองจนถึงห้องครัวทว่าก็ไร้วี่แววคนที่คะนึงหา “ไม่อยู่!” หน้าม่อยทันทีเพราะคิดว่าคุณอาคงจะรอเธออยู่ชั้นล่าง“ไม่สิแกตั้งใจจะขอโทษอานี่น่า” เชิดหน้าขึ้นหันไปทางฝั่งห้องของคุณอา ยังไงวันนี้ก็ต้องคุยกันให้รู้เรื่อง ไม่อยากเป็นแบบนี้อีกแล้วเรียกขวัญกำลังใจให้ตัวเองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเคาะประตูบานสีน้ำตาลเบา ๆ “อากาน” ครั้งที่หนึ่งยังคงไม่มีเสียงตอบรับใด ๆ “อาอยู่ข้างในหรือเปล่าคะ” มั่นใจว่าคุณอาจะไม่ออกไปไหนหลังจากกลับเข้ามาแล้ว ครั้งนี้จะไม่ละความพยายามต่อให้ยืนรอคุณอาตรงนี้ทั้งคืนก็จะทำคนตัวเล็กรอจังหวะอีกนิดหนึ่งแล้วจึงง้างมือขึ้นเตรียมจะเคาะประตูของผู้เป็นอาอีกครั้ง...แกร๊ก~ “จะทำอะไร?” เสียงเรียบนิ่งเอ่ยถามคนตัวเล็กยกมือค้างกลางอากาศ ดวงหน้าหวานตกใจทันทีเมื่อเห็นเขา“คะ เคาะประตูค่ะ” ดวงตาวูบไหวสั่นระริกกวาดมองคนตัวสูง ผมเคยถูกจัดอย่างเป็นระเบียบยุ่งเหยิงกับ
ด้านในห้อง CEO ความอึมครึมยังปกคลุมโดยรอบเมื่อผู้เอนกายอยู่บนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ อารมณ์มาคุยังวนเวียนอยู่รอบกาย เปลือกตาปิดสนิททว่าภายในหัวกลับทำงานอย่างหนัก ขบคิดวกวนแค่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเปรมยุดากันแน่ ทั้งที่ตนก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเธอคือคนสำคัญสำหรับเขามากแค่ไหน แล้วทำไมถึงไม่เชื่อในการกระทำทั้งหมดนั้นมีแค่เธอคนเดียว!เสียงพ่นลมหายใจยาวยืดครั้งแล้วครั้งเล่าก็ไม่ทำให้การันต์รู้สึกดีขึ้นมาเลย ทั้งสายตาและน้ำเสียงไร้เยื่อใยของเปรมยุดาบาดลึกลงในหัวใจ ปวดร้าวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ♪ Life is sweet as honey Yeah this beat cha-ching like money ⁓........♪ Life is sweet as honey Yeah this beat cha-ching like money ⁓สุดท้ายต้องพ่ายให้กับความพยายามของคนที่โทรเข้ามา“มีอะไร?” [ไม่ดีขึ้นเหรอวะ]เข้าใจความหมายของคำถามดลธี เพียงแต่การันต์ไม่รู้ว่าจะตอบเพื่อนยังไง ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเปรมยุดาตอนนี้เกินกว่าคำว่า ‘ไม่ดี’ ไปมาก“อืม”[มึงไปทำอิท่าไหนถึงได้โกรธนานขนาดนี้ ปกติเชื่อฟังมึงจะตาย]“หลายท่า”[จะสมน้ำหน้าหรือสงสารมึงดีไอ้กาน ข่มขืนเหรอ?] หากไม่ใช่เพื่อนรักคงไม่ถามแบบนี้
อาทิตย์ต่อมา...อาศัยบ้านหลังเดียวกัน ทานข้าวหม้อเดียวกัน แต่การันต์และเปรมยุดากลับพูดกันนับครั้งได้ ไม่ใช่สิ! ต้องบอกว่าเธอไม่ยอมคุยดี ๆ กับการันต์ต่างหาก มันเลวร้ายยิ่งกว่าตอนอยู่ที่สมุทรปราการเสียอีก เธอมักจะขังตัวเองอยู่ในห้อง พูดคุยกับเพื่อนผ่านทางโทรศัพท์แต่ไม่ยอมออกไปเผชิญหน้ากับคนที่อาศัยร่วมชายคาเดียวกัน ถึงอย่างนั้นการันต์ก็ไม่ละความพยายามจะตามง้อเปรมยุดาให้สำเร็จ เขาไม่เอาตัวเองเข้าไปอยู่ในระยะที่ทำให้เธออึดอัดใจ แต่ไม่ถึงกับปล่อยให้คลาดสายตา สิ่งที่เธอเคยใช้ก็ยังมีวางเติมไว้อยู่เสมอ ของชอบก็เตรียมไว้ให้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ดังนั้นนอกจากข้างกายไม่ได้มีเขาให้ขัดลูกหูลูกตาทุกอย่างรอบตัวของเธอก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงกระทั่งถึงวันที่เปรมยุดาต้องกลับไปเรียน ซึ่งเป็นช่วงเวลาทั้งสองต้องห่างกัน หากว่ายังเป็นอยู่อย่างนี้ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ที่เคยมีให้กันจะกลับมาเป็นดังเดิมได้อีกไหม?การันต์นั่งจิบกาแฟดำพลางกางหนังสือพิมพ์อ่านฆ่าเวลาไปด้วยในระหว่างรอใครอีกคนลงมาจากชั้นบนเพื่อไปมหาลัยเปรมยุดาชะงักฝีเท้ากลางคันเมื่อทอดสายตามองลงมา“ทานอะไรหน่อย มื้อเช้าสำคัญสำหรับนักศึกษา” ข