บทนำ หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อได้สัมผัสกับริมฝีปากหนาได้รูปของคนที่ครอบครองหัวใจเธอมานานแสนนาน อาจด้วยเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือเหตุผลกลใดก็ตาม ที่ทำให้ร่างสูงกระทำการอุกอาจแบบนี้เธอก็ไม่อาจทราบได้ “อึก”หายใจไม่ทันเพราะไม่ประสีประสากับเรื่องนี้ เธอยังอ่อนหัดกับภาษากาย ร่างสูงผละออกมองใบหน้าหวานที่ขึ้นสีแดงก่อนจะยิ้มมุมปาก เขาจูบเธออีกครั้งด้วยความร้อนแรงราวกับต้องการสูบวิญญาณของหญิงสาวในอ้อมกอดไป ลิ้นหนาทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยมแม้เธอจะเงอะงะเพียงใด ชายหนุ่มก็ไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดตรงข้ามกลับเอ็นดูเมื่อเธอพยายามที่จะเรียนรู้และโต้ตอบกลับ ลิ้นเกี่ยวกระหวัดกันเนิ่นนานซึมซับความหวานของอีกคนไว้ “พอ พอก่อน”แขนเรียวที่คล้องคอคนตัวสูงค่อยๆ ลดลงมาจับเอวหนาเอาไว้ก่อนจะพยายามฝืนตนเองออกมาเพราะรู้ว่าไม่สมควร “อีกนิด”แต่มีหรือที่คนตัวใหญ่จะยอมกลับดึงเธอเข้ามาชิดสูดดมความหอมของลำคอขาวผ่องและประทับรอยสีแดงกุหลาบเอาไว้อย่างเป็นเจ้าของ คนเอาแต่ใจวกกลับมาชิมริมฝีปากบางอีกครั้งอย่างคนไม่รู้จักพอ แต่ครั้งนี้กลับจุมพิตเธออย่างอ่อนหวาน นุ่มนวลจนหญิงสาวได
บทที่หนึ่ง...ตั้งแต่เป็นสาวเต็มกายตั้งแต่ เป็นสาวเต็มกาย หาผู้ชายถูกใจไม่มีเมื่อคืน ฝันดีน่าตบ ฝันฝันว่าพบผู้ชายยอดดีพาไปเที่ยวดูหนัง พาไปนั่งจู๋จี๋แล้วพาไปเที่ยว ชมสวนเด็ดดอกลำดวนส่งให้ด้วยสิเสียบหูให้ตั้งหลายหนน่ะเสียบหล่น อ่ะเสียบหล่น ตั้งห้าหกทีต๊กใจ ตื่นตอน ตีสี่แหมเสีย ดายจัง เฮ่อ เสียดายจังเพลงผู้ชายในฝัน : คำร้อง/ทำนอง วิเชียร คำเจริญเสียงเพลงของนักร้องลูกทุ่งสาวผู้ล่วงลับไปแล้วดังขึ้นทั่วผับชื่อดังที่ถูกปิดชั่วคราว เนื่องจากต้องการฉลองให้กับลูกสาวของตนเองที่เรียนจบปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจจากประเทศสหรัฐอเมริกา อีกทั้งกลับมาเมืองไทยได้เพียงไม่นานก็ได้ตำแหน่งรองผู้จัดการแผนกโฆษณาของบริษัทจำหน่ายเครื่องสำอางแบรนด์ดัง ผู้คนที่เข้ามาในงานต่างก็เป็นเพื่อนที่รู้จักคุ้นเคยของลูกหรือเพื่อนของผู้เป็นบิดาที่ท่านชวนมาเพื่อสังสรรค์“เจ้าของงานมาแล้ว” พิธีกรประกาศใส่ไมค์ทำให้ทุกสายตาจ้องไปที่ประตูทางเข้าก่อนจะพบร่างบางในชุดราตรียาวสีครามมีคริสตัลประดับรอบกระโปรงต้องแสงไฟทำให้ส่องประกายระยิบระยับ ใบหน้าหวานประดับรอยยิ้มระหว่างเดินเข้ามาภายในงานของตนเอง“สวยขึ้นมากเลยดาว” ชนินาถเพื่อ
บทที่สอง…กะทันหันไปหมด ระหว่างที่นั่งรถมาด้วยกัน ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรกันเลยสักคำนอกจากร่างสูงจะนั่งฮัมเพลงราวกับมีความสุขนักหนา ซึ่งเธอไม่เข้าใจเลยทำไมจึงเป็นเช่นนั้น พสุธาหวงชีวิตโสดดูได้จากการที่เขาไม่เคยคบผู้หญิงคนไหนเลยนอกจาก...น้องเล็ก เด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มที่อยู่ข้างบ้านเธอ “แกไปส่งฉันที่คอนโดก็ได้” ดาริกาเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นอีกฝ่ายมุ่งตรงไปยังบ้านของเธอ “ไปอยู่คอนโดตั้งแต่เมื่อไหร่” ถามด้วยความสงสัยเพราะปกติ ตลอดช่วงเวลาในการเรียนเธอก็อยู่ที่บ้านตลอดทั้งยังเป็นคนที่ค่อนข้างติดบ้านอีกด้วย ไม่นับรวมเวลาต้องมาสอนการบ้านหรือทำงานกลุ่มที่บ้านของเขาก็มักจะเห็นหญิงสาวอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน “ตั้งแต่กลับไทย บ้านไกลจากที่ทำงาน” แล้วทั้งรถก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้งโดยที่ดาริกาก็ไม่ได้ชวนคุยแต่อย่างใด สี่ปีที่ห่างกันทำให้ความเป็นเพื่อนของทั้งสองคนดูห่างออกไปเช่นเดียวกัน เพราะเธอรู้สึกเหมือนพสุธาเป็นคนแปลกหน้า หากเป็นเมื่อก่อนคงไม่มีความเงียบระหว่างกัน อาจจะเป็นพสุธาที่ชวนคุยหรือเธอที่เอ่ยถามว่าตลอดสี่ปีเขาทำอะไรบ้าง ร
บทที่สาม...เราจะตีป้อม ในที่สุดงานแต่งก็มาถึง ช่วงเช้าเป็นพิธีรดน้ำสังข์ง่ายๆ ที่บ้านของเจ้าสาว เชิญเพียงญาติและคนสนิทมาเท่านั้น ขบวนขันหมากเจ้าบ่าวแห่มาโดยมีเจ้าสาวแอบดูอยู่บนบ้าน วันนี้ดาริกาอยู่ในชุดไทยสีทองสง่างามขับผิวขาวให้ดูเนียนตา ผมยาวถูกรวบขึ้นมัดอย่างสวยงามพร้อมเสียบปิ่นปักผมไว้ด้วย ใบหน้าหวานแย้มยิ้มอย่างมีความสุขโดยมีเพื่อนยืนอยู่ด้วย “หน้าบานเลยนะ” กีรติผู้รู้ใจเพื่อนเอ่ยแซว หากไม่ท้องเธอคงได้ทำหน้าที่เพื่อนเจ้าสาวด้วย แต่เมื่อมีลูกจึงเป็นเพียงแขกมาร่วมงาน “อะไรกัน เราไม่ได้ยิ้มสักหน่อย” ปฏิเสธเสียงอ่อยแล้วปิดม่านลงเพราะกลัวโดนเพื่อนล้ออีก ในห้องนอนมีเพียงเจ้าสาวและกีรติสองคนเพราะคนที่เหลือลงไปรอกั้นประตูเงินประตูทองที่ด้านล่าง ช่างแต่งหน้าเดินมาสำรวจความเรียบร้อยครั้งสุดท้ายจึงลากลับ “ยินดีด้วยจริงๆ นะ ไม่คิดว่าจะเป็นเธอกับดิน” สมัยมัธยมแม้มีคนแซวอยู่บ้างแต่ก็ไม่มีใครคิดจริงจังเพราะพสุธาควงหญิงได้ไม่ซ้ำหน้า เจ้าชู้ประตูดิน รถไฟชนกันก็บ่อยใครจะคิดว่าจะได้แต่งงานกับเพื่อนสาวคนสนิททั้งที่ยังหนุ่มยังแน่นอยู่ในวัยเจริญพันธ์เลย
บทที่สี่...สร้างอาณาจักรตื่นมาอีกทีก็เป็นเวลาเที่ยงกว่าแล้ว ร่างสูงเดินเกาพุงออกไปที่ห้องครัวเห็นฝาชีครอบไว้เลยเปิดออกมาพบอาหารเช้าเป็นไข่ดาว แฮม ไส้กรอกและแซนด์วิชอดยิ้มออกมาไม่ได้ ปกติตอนเช้าส่วนมากถ้าไม่เป็นกาแฟก็ปิ้งขนมปังเท่านั้นค่อยไปกินที่บริษัทเอา “ฮัลโหลว่าไงเพื่อน” ชื่อที่โชว์หราขึ้นมาทำให้เขาทักทายเสียงใสอย่างเป็นกันเอง “กูโทรมาขัดจังหวะมึงไหม” กัดแซนด์วิชเข้าปากคำโตเคี้ยวไปทั้งยังตอบปลายสาย “ไม่กวน เมียกูไม่อยู่ไปทำงานแต่เช้าแล้วอีกสักพักคงกลับ” ตอบตามความเป็นจริงที่แสนจะเศร้า “ชีวิตมึงน่าสงสารจริงๆ” สองพี่น้องคุยกันอีกสักพักก่อนที่คนโทรมาจะเข้าเรื่อง “พรุ่งนี้เข้าบริษัทมาหน่อยนะ พ่อกูมีเรื่องจะคุยกับมึง” ภราดรเข้าเรื่องที่ทำให้ต้องโทรมาหา มือหนาที่หยิบแฮมขึ้นมากินชะงักไปพลางคิดว่าต้องมีเรื่องสำคัญอย่างแน่นอน “ไปทำไม เรื่องอะไร จะให้กูไปเรียนรู้งานหรือ กูไม่ทำไงกูชอบถ่ายรูปมึงบอกลุงภมรเลยว่ากูไม่ทำ ไม่เอาหุ้นก็ได้ ไม่ชอบ” ปฏิเสธรัวเร็วจนฟังแทบไม่ทัน พสุธาปฏิเสธที่จะทำงานบริษัทแต่เด็กแล้ว ชายหนุ่มไม่ชอบและบอกเสมอ
บทที่ห้า...เล่นงานลับหลัง “พี่ดาวมีคนมาหาค่ะ” ในขณะที่กำลังทำงานอยู่น้องนักศึกษาฝึกงานก็มาบอกเธอด้วยสีหน้ากรุ้มกริ่ม มองนาฬิกาที่ตั้งไว้บนโต๊ะก็พบว่าเป็นเวลาหกโมงกว่าแล้วเธอทำงานจนลืมเวลาไปเลยหรือนี่ “ใครเหรอ” “สามีพี่ดาวค่ะ” บอกพร้อมกับเปิดตัวหนุ่มหล่อที่เดินเข้ามาภายในแผนกด้วยชุดแปลกตาที่ไม่ค่อยเห็น เขาใส่สูทและถือแก้วน้ำหลายใบยี่ห้อเงือกไซเรนสีเขียวที่โด่งดังในเรื่องความอร่อยและราคาของมัน “สวัสดีครับทุกคน” คนในแผนกโฆษณามีทั้งแปดคนรวมเธอและหัวหน้าแผนกด้วย ดูเหมือนแต่ละคนที่กำลังทำงานจะหยุดมองชายผู้มาใหม่เป็นตาเดียวก่อนสาวๆ จะเกาะกลุ่มกันแล้วซุบซิบพลางตอบรับคำทักทายด้วยเสียงหวาน “ผมชื่อพสุธานะครับ เรียกสั้นๆ ว่าดินก็ได้ เป็นสามีของดาวเหนือครับ” กล่าวแนะนำตัวเสร็จสรรพพร้อมรอยยิ้มกว้างที่มีให้ทุกคน ดาริกายืนแข็งเหมือนถูกสตัฟฟ์เอาไว้กับที่เมื่อสามีเข้ามาแนะนำตัวโดยไม่บอกกล่าวเธอเลยสักคำ “ผ่านร้านน้ำเลยซื้อมาฝากทุกคน รู้มาว่ามีแปดคนรวมน้องนักศึกษาฝึกงานด้วยก็เก้า ผมไม่รู้ว่าชอบรสไหนกันเลยซื้อมาแบบให้เขาจัดให้ไม่รู้ว
บทที่หก...หวานไปทั้งตัว แม้จะเป็นเวลาเที่ยงคืนแต่ความหิวก็ไม่ปราณีใคร สองสามีภรรยาช่วยกันทำอาหารมื้อดึกคือเมนูผัดมาม่าใส่ไข่ที่แสนจะเรียบง่าย “ไม่เอาผัก” แม้ว่าจะล้างผักและหั่นเองกับมือแต่พอเห็นดาริกาจะเอาลงกระทะก็อดห้ามไม่ได้ “แล้วจะหั่นมาทำไม” “ก็อยากช่วย” ใบหน้าหวานเต็มไปด้วยความระอาแล้วใส่ผักลงไปจนเต็มกระทะ พสุธาหน้างอเดินออกไปจากครัวนั่งรอที่โต๊ะอาหารไม่บอกกล่าวอะไรเลยสักคำ หญิงสาวมองไล่หลังแล้วอมยิ้มในความแสนงอนของเขาแม้รู้ว่าอีกฝ่ายแค่แกล้งเย้าเล่นเท่านั้น ไม่กี่นาทีต่อมาผัดมาม่าสีสวยก็วางบนจานพร้อมเสิร์ฟ ดาริกายกมาให้ร่างสูงและตนเองนั่งกินท่ามกลางแสงจันทร์ที่ส่องประกายลงมา ไม่ค่อยได้สัมผัสบรรยากาศแบบนี้เท่าไหร่เพราะเอาแต่เรียนกับทำงานพอมาเจอแบบนี้ก็รู้สึกอิ่มเอมในใจ “ที่รักทำอะไรก็อร่อย อย่างนี้น่าจะส่งไปรายการมาสเตอร์เชฟ” พสุธาชมไม่ขาดปากจนเธอคร้านจะฟัง เขาเคี้ยวไม่หยุดดูท่าคงจะหิวมาก “แล้วแผนการบ้าๆ นี้นายคิดคนเดียวหรือ” อาจจะมีคนช่วยแต่ถ้าแผนพิเรนทร์แบบนี้คนต้นคิดคงไม่ใช่คนอื่นไกลนอกจากสามีเธอคนเดียว
บทที่เจ็ด...ร้อนระอุในเมื่อพสุธาบอกอยากกินปลาย่างเธอจึงให้พสุธาก่อไฟจากเตาถ่านเพราะจะได้รสสัมผัสแตกต่างจากเตาแก๊ส แต่ดูท่าอาจจะต้องเปลี่ยนมาใช้เตาแก๊สเห็นเขาก้มๆ เงยๆ มากกว่าชั่วโมงยังไม่มีทีท่าว่าจะมีไฟลุกแต่อย่างใด “ยากจังเลยดาว เปลี่ยนไปใช้เตาแก๊สได้ไหม” พสุธาร้องขอด้วยใบหน้า ที่เต็มไปด้วยถ่าน ดาริกาหัวเราะออกมาเมื่อมองเขาแต่ก็พยายามหุบยิ้ม “ไม่เอา ฉันอยากใช้เตาถ่าน” เมื่อมีบัญชามาแบบนั้นคุณพ่อบ้านจะทำอะไรได้นอกจากก้มลงไปเป่าลมให้ไฟลุกอีก มือก็ดำไปด้วยถ่านหน้าก็เปื้อนหมดสภาพหนุ่มกรุงสุดหล่อกลายเป็นพ่อบ้านขายถ่านเสียอย่างนั้น “เร็วๆ นะ ต้มยำจะเสร็จแล้ว” ได้ยินอย่างนั้นพสุธาก็เร่งเป่าไฟทั้งเอาฝาปิดหม้อมาพัดให้เกิดลมในที่สุดก็สำเร็จเพราะไฟลุกขึ้นมาสูงจนดาริกากระโดดหนี“ดาวระวังๆ” ไม่รู้ใครเอากระดาษทิชชูมาวางไว้ทำให้ติดไฟดีที่ไม่ใช่วัตถุไวไฟแค่ดับแปบเดียวก็มอดแล้ว “เกือบไปแล้ว” ถอนหายใจอย่างโล่งอกมองพสุธาที่มีสีหน้าจ๋อยก็สงสาร “ไปรอข้างนอกเถอะเดี๋ยวที่เหลือฉันทำเอง” ร่างสูงพยักหน้าจำยอมปล่อยให้ดาริกาทำต่อ ด้วยความคล่องแคล่วเธอทำอาหารไม่
ตอนพิเศษ...ลูกสาวข้าใครอย่าแตะ กาลเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนพสุธาไม่อยากจะเชื่อ จากชายหนุ่มวัยเลยเบญจเพสกลับกลายเป็นคุณพ่อลูกห้าที่ยังคงความหล่อและเฟี้ยวเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแม้ว่าจะอายุสี่สิบเอ็ดปีแล้วก็ตามไม่ต่างจากภรรยาที่ยังคงสวยราวกับหยุดใบหน้าไว้ที่อายุยี่สิบห้าปี “พ่อครับ วันนี้ผมเห็นใครก็ไม่รู้ให้ดอกไม้พี่วีด้วย” จากเด็กชายตัวน้อยที่ชอบเล่นรถแบคโฮกลับกลายเป็นหนุ่มตัวสูงโย่งกว่าเพื่อนในห้องเสียงเริ่มแตกหนุ่ม “จริงหรือลูก! มันเป็นใคร” คุณพ่อจากที่นั่งดูภาพในจอแมคบุ๊คเครื่องใหม่ที่เพิ่งถอยเพราะเครื่องเก่าตกน้ำแช่นานร่วมวันโดนเมียด่าจนหูชาขนาดซื้อเครื่องใหม่มายังโดนทุกวันจนเริ่มคิดแล้วว่าวางยาเมียซะดีไหม “ตัวสูงๆ ไม่ค่อยหล่อเลยนะพ่อ หน้าตาเหมือนโจรไม่น่าไว้ใจ” นั่งลงข้างบิดาที่โซฟากลางห้องรับแขก ชุดนักเรียนก็ยังไม่ถอดเพราะจะนำเรื่องราวเหล่านี้มาบอกพ่อให้ได้รู้ก่อน เด็กชายพชิราอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่หนึ่งเพิ่งสอบเข้าได้เรียนที่เดียวกับพี่สาวต่างจากน้องอีกสามคนที่เรียนนานาชาติแต่ปีหน้าเด็กแฝดก็คงไปสอบเข้าโรงเรียนเดียวกับพี่ทั้งสองคน
ตอนพิเศษ...ตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้“น้องดาวไหว้คุณอาสิลูก”เป็นครั้งแรกที่เธอได้มาบ้านของคุณอาพสุหลังจากที่ท่านแวะไปหาพ่อของเธอบ่อยๆ บ้านหลังใหญ่ที่มีความร่มรื่นจนเด็กหญิงอายุแปดขวบรู้สึกชอบ อีกทั้งขนมที่คุณอานิททำก็อร่อยจนวางไม่ลง “สวัสดีค่ะ” มือน้อยประนมแล้วก้มไหว้อย่างสวยงามจนคนเห็นเอ็นดู “ลูกมึงน่ารักดี ท่าจะว่านอนสอนง่าย” เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณเนติธรมักเอาไปอวดเพื่อนที่ลูกสาวของท่านเป็นเด็กดีเรียนเก่งความประพฤติเยี่ยม “พ่อแม่สอนมาดี”ยังไม่ทันจะได้คุยกันต่อลูกชายคนโตของครอบครัววิจิตรประภาก็วิ่งเข้ามาเสียก่อน เด็กน้อยตัวขาวแต่ตอนนี้หน้าตามอมแมมเพราะเล่นซุกซน “ตายแล้วดิน ทำไมหน้าเป็นอย่างนั้น” คนเป็นแม่หันมาเห็นลูกชายก็ตกใจ “ก็ดินไปเล่นดินมา ดินเลยเต็มหน้าดิน หน้าดินเลยมีแต่ดินไงครับแม่” ลูกชายตัวดีตอบอย่างไร้เดียงสาจนแขกทั้งสองหัวเราะออกมา ดาริกามองเพื่อนที่มาใหม่ด้วยแววตาเป็นประกาย “ไปล้างหน้าล้างตาแล้วมาไหว้คุณอาเขา” เอ็ดลูกชายเสียงเบาเด็กน้อยก็รับคำแข็งขันวิ่งไปล้างหน้าจนใสสะอาดเผยให้เห็นความหล่อตั้งแต่
ตอนพิเศษ...อย่าปล่อยลูกไว้กับพ่อเช้าวันเสาร์ที่แสนสดใสของพสุธา ร่างสูงตื่นมาด้วยใบหน้ายุ่งเหยิงเนื่องจากเมื่อวานทำงานหนักอีกทั้งกลับมาเมียยังล็อกประตูบ้านบอกกลับเกินหกทุ่มให้นอนข้างนอก สามีที่ประพฤติตัวดีมาตลอดสุดแสนจะช้ำหากให้ร้องเสียงดังก็ไม่กล้ากลัวลูกๆ ตื่นเขาเลยระเห็จไปนอนเต็นท์บนดาดฟ้าที่ปล่อยร้างมานานหลังจากทำประตูที่สองสำเร็จ “พ่อขา พ่อ” นั่งสะลึมสะลือสักพักก็ได้ยินเสียงลูกสาวมาร้องเรียก เปิดซิปออกเห็นใบหน้าหวานของเด็กหญิงพรรณนิกาจ้องมองคุณพ่อตาแป๋ว “เจ้าหญิงของพ่อ” โผจะกอดลูกแต่เด็กน้อยก็หลบเสียก่อนพร้อมปิดจมูก “คุณพ่อปากเหม็นต้องไปแปรงฟันก่อน” บอกเลยว่าตลอดระยะเวลาหกปีตั้งแต่ลูกเกิดคาดหวังว่าลูกสาวคนแรกจะต้องช่างออดช่างอ้อนเห็นดีงามตามพ่อแต่หาเป็นแบบนั้นไม่ แม่เป็นอย่างไรลูกสาวเป็นอย่างนั้นจนคิดว่าได้แม่คนที่สาม “จ้ะลูกรัก พ่อจะไปแปรงฟันเดี๋ยวนี้” หอบประเป๋าของตนเองได้ก็ลงไปพร้อมลูกสาวที่อยู่ในชุดกระโปรงบานสีฟ้าถักเปียน่ารักจนอยากพาลูกไปเทสต์หน้ากล้องแสดงละครให้โลกได้รู้ว่าลูกสาวหน้าตาดีขนาดไหน “พ่อค้าบ” ลูกชายคนท
ตอนพิเศษ...ดาวดินอินบุพเพสันนิวาส การจราจรแน่นขนัดบนถนนในเวลาหกโมงครึ่ง ดาริกาที่นั่งบนรถดูกระสับกระส่ายมองถนนสลับกับมองนาฬิกาจนดูแล้วน่าเวียนหัว “เป็นอะไรดาว ฉันเห็นเธอมองไปมองมาหลายรอบแล้ว” คนขับรถสุดหล่อถามด้วยไม่เข้าใจ “วันนี้วันพุธ ต้องรีบกลับ” เดาถูกอย่างนี้ทำไมไม่ซื้อหวยถูกบ้างนะ พสุธาส่ายหน้าช้าๆ แล้วขยับรถทีละนิดจนถนนเริ่มโล่งจึงบึ่งรถให้ภรรยาที่ดูร้อนใจเสียเหลือเกิน “ขับช้า เร็วๆ หน่อย” หนึ่งทุ่มแล้วก็ยังไม่ถึงห้อง ไหนจะต้องทำอาหารเย็นอาบน้ำอีกเพราะหากไม่อาบก่อนละครเล่นอาบอีกทีคงเป็นห้าทุ่มกว่าจะนอนหลับอีกเธอวาดแผนไว้ในใจเงียบๆ รถยนต์เคลื่อนถึงคอนโดพอจอดเรียบร้อยดาริกาก็รีบลงโดยไม่รอพสุธา “อ้าว นี่เธอจะไม่รอฉันก่อนหรือไง” ร้องถามขณะเอาของลงจากหลังรถ ซึ่งของทั้งหมดก็แฟ้มเอกสารของคนตัวบางทั้งนั้น งานเขามีแค่นิดเดียวเอง “หายไปซะงั้น” เงยหน้ามาอีกทีก็ไม่เห็นแม้แต่หลังของดาริกาท่าทางจะรีบจริงหน้าที่ขนของจึงกลายเป็นของคุณสามี เขาหอบของขึ้นมาบนห้องเปิดประตูไม่เห็นภรรยาจึงเอางานเธอไปวางไว้ห้องทีวีซึ่งคือที่ประจ
ตอนพิเศษ...วันสงกรานต์“ไอ้ดาวไปเล่นน้ำกัน” ในขณะที่ร่างบางนอนดูทีวีอยู่บ้านตามปกติก็มีชายหนุ่มที่คุ้นหน้าเดินเข้ามาพร้อมกับเสื้อยืดสีขาวกางเกงขาสามส่วนสีเข้มในมือถือปืนฉีดน้ำกระบอกใหญ่เอาไว้ด้วย “ไม่ไป จะอยู่บ้าน” ยันตัวลุกขึ้นนั่งบนโซฟาแล้วหยิบหนังสือนิยายเล่มโปรดที่เพิ่งไปซื้อเมื่อวานขึ้นมาอ่านพลางเปิดรายการเพลงในทีวีฟังไปด้วยเท่านี้ก็สร้างความสุขให้เธอมากกว่าไปเดินฉีดน้ำคนไม่รู้จักกลางแดดร้อนกว่าสามสิบแปดองศา “โธ่ดาว ไปเถอะ วันสงกรานต์ทั้งทีแกจะนอนอืดอยู่บ้านไม่ได้นะ” เขารบเร้าเพื่อนพลางนั่งลงข้างกายเธอ “ไม่เอา สงกรานต์แล้วยังไง มันก็วันธรรมดา” เธอเบี่ยงตัวหลบเขาที่เอามือมาดึงแขนเธอไว้ “มันไม่ธรรมดาสิ มันคือวันปีใหม่ไทย เราต้องไปสาดน้ำใส่คนอื่น” ชายหนุ่มผู้ไม่ค่อยมีวาทศิลป์ในการชักจูงคนอย่างพสุธาพยายามหาเหตุผลต่างๆ มาหว่านล้อมเพื่อนสาวที่ยังคงยึดมั่นจะนอนเล่นอยู่บ้านโดยไม่มีท่าทีจะเอนเอียงเลยแม้แต่น้อย “ตอนเช้าฉันไหว้พ่อแล้ว รดน้ำดำหัวเรียบร้อย” “ดาว แกจะไปดีๆ หรือให้ฉันอุ้มไป!” เมื่อไม้อ่อนไม่ได้ผลพสุธาก็งัด
บทที่สิบแปด...ครอบครัวสุขสันต์ หลังคลอดลูกได้หนึ่งสัปดาห์คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ก็มีผู้ช่วยเต็มบ้านทั้งคุณเนติธร คุณพสุ คุณนิทราที่ขยันมาหาหลานจนแทบไม่กลับบ้าน ดาริกาได้รับคำแนะนำจากแม่สามีเยอะแยะเรื่องการดูแลลูกจนไม่ต้องจ้างพี่เลี้ยง ตอนดึกลูกมักร้องไห้เธอกับสามีก็จะพลัดกันมาอุ้มเด็กน้อยจนแทบไม่มีเวลานอน “ไหวไหมดิน” เวลาตีสองที่ควรได้นอนสองพ่อแม่มือใหม่ก็ช่วยกันดูลูกที่ร้องไห้ยามค่ำคืน เธอลุกขึ้นจากเตียงเห็นคุณพ่ออุ้มลูกแล้วนั่งหลับบนโซฟาเล็กก็เดินมาหาแล้วถามเสียงเบาด้วยกลัวลูกตื่น “อือ ไหว” ตอบกลับแล้วค่อยๆ ลุกเอาลูกลงนอนเปลสำหรับเด็กที่ตั้งไว้ข้างเตียงนอน ใครจะรู้ว่าเป็นพ่อแม่จะเหนื่อยขนาดนี้ ยิ่งเลี้ยงเด็กเล็กด้วยแล้วแทบไม่มีเวลาให้ตนเอง “ไปนอนเถอะพรุ่งนี้ต้องไปทำงานแต่เช้าไม่ใช่หรือ” ถามสามีด้วยความเป็นห่วง ช่วงนี้เขาโหมงานหนักเพราะต้องการเก็บเงินให้ลูกอย่างจริงจังแม้เธอจะปรามก็ไม่อาจทานเขาได้ “อยากกอดเมีย” โอบเอวบางแล้วพาเธอมานอนบนเตียง การได้กอดร่างนุ่มของภรรยายิ่งหลังคลอดเธอยังมีพุงน้อยๆ ให้บีบตอนนอนยิ่งมีความสุขแม้จะโดน
บทที่สิบเจ็ด...จะไม่พรากจากผ่านงานขึ้นบ้านใหม่มาสองสัปดาห์ท้องภรรยาก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ พสุธาเองก็ประคบประหงมจนทะเลาะกันบ่อยครั้ง อย่างเช่นในวันนี้ที่ทั้งสองหยุดจากงานแต่กลับไม่มีใครคุยกันทำให้บรรยากาศภายในบ้านเงียบกว่าปกติ “ผลไม้มาแล้วค่ะ” จากที่บ้านเคยมีสองคนคุณนิทราจึงให้แม่บ้านที่บ้านใหญ่มาอยู่ประจำที่นี่สามคนคือป้ายวง น้านิลและมะปรางหญิงต่างวัยเพราะป้ายวงอายุหกสิบแล้วแต่ก็ยังคล่องแคล่ว น้านิลอายุสี่สิบสามปีในขณะที่มะปรางเด็กสุดเพิ่งจบมอปลายมาได้สองเดือนเท่านั้น “ขอบใจมากนะมะปราง ไปอ่านหนังสือเถอะจ้ะ” เธอนั่งอยู่ห้องนั่งเล่นเล็กของบ้านติดสวนร่มรื่นโดยเปิดประตูกระจกบานใหญ่รับลมเย็นแทนการใช้เครื่องปรับอากาศ เท้าบางเหยียดยาวบนโซฟาพร้อมทั้งเอนหลังพิงพนักนุ่ม “พี่ดาวจะเอาอะไรเรียกปรางได้นะคะ” แม้จะอยู่ด้วยกันไม่นานแต่เธอก็เอ็นดูมะปรางเหมือนน้องสาวจึงให้เรียกพี่เพราะอายุไม่ห่างกันมาก “ได้จ้ะ ถ้ามีอะไรพี่จะเรียกนะ” สาวน้อยยิ้มรับลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปปล่อยคุณแม่นั่งอ่านหนังสือคนเดียวปราศจากสามีที่ปกติจะชอบมาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ “ฉ
บทที่สิบหก...ขึ้นบ้านใหม่ ผ่านมาแล้วหกเดือนโดยที่พสุธาวิ่งรอกทำงานจนแทบไม่ได้หยุดพักส่วนภรรยาเองท้องก็โตขึ้นทุกวันจนเขาต้องขอร้องแกมบังคับให้เธอใส่ชุดคลุมแม้จะไม่ชอบแต่ก็สบายตัวมากกว่าใส่เสื้อตัวโคร่งกับกางเกงผ้ายืด จากที่เคยคิดจะให้ดาริกาหยุดอยู่บ้านก็ต้องเปลี่ยนแผนเมื่อเธอยืนยันว่าจะไปทำงานเหมือนเดิมโดยมีข้อแม้ว่าให้เขาไปรับส่งตามเดิม “ค่อยๆ เดินนะ” วันนี้ฤกษ์ดีพวกเขากำลังจะย้ายเข้าบ้านใหม่ที่เพิ่งทำเสร็จหลังใช้เวลานานกว่าสิบเดือนจึงได้ตามใจเจ้าของบ้าน พสุธาค่อยๆ ประคองภรรยาเข้าบ้านและนี่เป็นครั้งแรกที่เธอจะได้เห็นเรือนหอทำให้รู้สึกตื่นเต้น รั้วเป็นไม้ระแนงสีน้ำตาลใช้รีโมตเปิดประตูก็ค่อยๆ เลื่อนออกเผยให้เห็นบ้านสไตล์โมเดิร์นรีสอร์ตตั้งอยู่ตรงกลางโดยมีสนามหญ้าล้อมรอบ ทุกอย่างดูสวยงามและลงตัวจนเธอยืนตกตะลึง “ชอบไหม” กระซิบถามเสียงเบาขณะที่มองหน้าภรรยา เธอหันมาหาเขาพยักหน้าแล้วยิ้มอย่างมีความสุข “ชอบ สวยมากเลย” “ข้างในสวยกว่านี้อีก หลังบ้านมีสระน้ำด้วยนะ” หลังจากที่บอกเธอก็ตื่นเต้นย้อนนึกไปถึงครั้งอยู่ชั้นมัธยมปลายเรียนวิชาศิ
บทที่สิบห้า...เปิดเผยเรื่องราวกอดจนพอใจจึงผละออกมองใบหน้าหวานที่น้ำตาไหลลงมาช้าๆ หากแต่ครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากความเศร้าหรือเสียใจ แต่เพราะดีใจที่เขากลับมาต่างหาก“ถึงฉันจะแปลกใจที่เห็นเธอในห้องนี้แต่ก็ดีใจที่เธอกลับมา ขอบคุณที่กลับมาหาผู้ชายห่วยๆ คนนี้นะดาว” เอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาบนใบหน้าให้ภรรยา เธอจับมือเขาไว้แล้วแนบแก้มลงบนมือสัมผัสได้ถึงความอุ่นในหัวใจ“ขอโทษนะดิน ขอโทษที่งี่เง่าเอาแต่ใจ ขอโทษที่ไม่ฟังนายเลย” สบตาคนตัวสูงเอ่ยขอโทษอย่างจริงใจจนพสุธาได้แต่อมยิ้ม“ฉันก็ขอโทษที่โกหกเธอ รู้เรื่องนั้นแล้วหรือ” ถามด้วยความสงสัย“อือ น้องเล็กบอกฉันหมดทุกอย่างแล้ว น่าตีจริงๆ เลยวันนั้นทำไมไม่บอกว่าจะไปช่วยน้องถ้าอย่างนั้นฉันคงไม่โกรธขนาดนี้หรอก” จับมือเขาเอาไว้แล้วถามด้วยแววตาดุจนสามีต้องกอดเอาไว้อีกรอบ“ขอโทษครับคิดน้อยไปจริงๆ ตอนแรกเกือบลืมเขียนโน้ตบอกด้วยซ้ำ แล้วก็ที่โกหกแค่ไม่อยากให้เธอไม่สบายใจ ฉันมันโง่จริงๆ เฮ่อ” โยกตัวภรรยาไปมาในอ้อมกอด มีรอยยิ้มประดับใบหน้าหลังจากที่ไร้รอยยิ้มไปนานเป็นสัปดาห์“โง่มากด้วย ต่อไปนี้มีอะไรต้องบอกกันเข้าใจไหม”“ครับผม เข็ดแล้วไม่เอาอีกแล้ว” แค่คิดว่าต้อง