แชร์

บทที่เจ็ด ...ร้อนระอุ

บทที่เจ็ด

...ร้อนระอุ

ในเมื่อพสุธาบอกอยากกินปลาย่างเธอจึงให้พสุธาก่อไฟจากเตาถ่านเพราะจะได้รสสัมผัสแตกต่างจากเตาแก๊ส แต่ดูท่าอาจจะต้องเปลี่ยนมาใช้เตาแก๊สเห็นเขาก้มๆ เงยๆ มากกว่าชั่วโมงยังไม่มีทีท่าว่าจะมีไฟลุกแต่อย่างใด

            “ยากจังเลยดาว เปลี่ยนไปใช้เตาแก๊สได้ไหม” พสุธาร้องขอด้วยใบหน้า ที่เต็มไปด้วยถ่าน ดาริกาหัวเราะออกมาเมื่อมองเขาแต่ก็พยายามหุบยิ้ม

            “ไม่เอา ฉันอยากใช้เตาถ่าน” เมื่อมีบัญชามาแบบนั้นคุณพ่อบ้านจะทำอะไรได้นอกจากก้มลงไปเป่าลมให้ไฟลุกอีก มือก็ดำไปด้วยถ่านหน้าก็เปื้อนหมดสภาพหนุ่มกรุงสุดหล่อกลายเป็นพ่อบ้านขายถ่านเสียอย่างนั้น

            “เร็วๆ นะ ต้มยำจะเสร็จแล้ว” ได้ยินอย่างนั้นพสุธาก็เร่งเป่าไฟทั้งเอาฝาปิดหม้อมาพัดให้เกิดลมในที่สุดก็สำเร็จเพราะไฟลุกขึ้นมาสูงจนดาริกากระโดดหนี

“ดาวระวังๆ” ไม่รู้ใครเอากระดาษทิชชูมาวางไว้ทำให้ติดไฟดีที่ไม่ใช่วัตถุไวไฟแค่ดับแปบเดียวก็มอดแล้ว

            “เกือบไปแล้ว” ถอนหายใจอย่างโล่งอกมองพสุธาที่มีสีหน้าจ๋อยก็สงสาร “ไปรอข้างนอกเถอะเดี๋ยวที่เหลือฉันทำเอง” ร่างสูงพยักหน้าจำยอมปล่อยให้ดาริกาทำต่อ ด้วยความคล่องแคล่วเธอทำอาหารไม่นานทุกอย่างก็เสร็จพร้อมเสิร์ฟ พสุธาอยู่ในชุดเสื้อกล้ามกางเกงเลและแน่นอนเขายังไม่อาบน้ำตั้งแต่เช้าเรียกได้ว่าสกปรกทั้งวัน

            “โอ้โฮ น่ากินทั้งนั้นเลย” เห็นอาหารระดับภัตตาคารแล้วก็ตาโต ท้องประท้วงด้วยความหิวเพราะไปทำกิจกรรมที่เหนื่อยมาทั้งวันต้องหาอะไรมาเติมพลังเพื่อจะได้มีแรงสำหรับกิจกรรมคืนนี้ คิดพลางก้มหน้ายิ้มกรุ้มกริ่มคนเดียว

            “จะกินไหม” ดาริกาถามเสียงเข้ม

            “กินครับผม” รีบเงยหน้ามาตอบแล้วลงมือทานอาหารเย็นทันที เพียงกินคำแรกก็ร้องโอ้โฮตาโตก่อนจะตักคำต่อไปเรื่อยๆ ดาริกาได้แต่อมยิ้มเมื่อเห็นร่างสูงเอร็ดอร่อยกับอาหารที่เธอทำ

            “ต่อไปนี้นายห้ามเข้าครัว ฉันกลัวครัวพัง” ห้ามทันทีซึ่งพสุธาก็ไม่ได้มีท่าทีอิดออดกลับรีบพยักหน้ารัวเร็วกลืนข้าวลงคอรีบตอบ

            “ไม่เข้าแน่นอน ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเธอไปเลย ไม่ยุ่งแล้ว แต่จริงๆ เธออาจจะยังไม่รู้ว่าฉันก็พอมีฝีมือทำอาหารบ้าง อย่างสเต๊กก็ปรุงรสได้ดี” คำโอ้อวดที่กล่าวอ้างดูจะไม่เป็นความจริงแม้แต่น้อยเมื่อเหตุการณ์ที่เห็นเขาเข้าครัวย้อนมา

            “อย่างนั้นหรือ แต่เท่าที่ฉันจำได้นายเกือบเผาครัวตัวเองเพราะทำสเต๊กนะ” เถียงไม่ออกเลยได้แต่ส่งยิ้มแหยให้เธอ

            “ตอนนั้นมันผิดพลาดเล็กน้อย คราวหน้าไม่มีทางพลาด เชื่อฉัน” ดาริกาส่ายหน้า “ไม่มีคราวหน้าแน่นอน ครัวคือสถานที่ต้องห้ามสำหรับนาย ถ้าเข้าไปฉันจะไม่ทำอาหารเผื่อให้ไปหากินเอาเอง” เจอประโยคเด็ดขาดเข้าไปพสุธาก็เงียบกริบ

            “ตกลงครับ ไม่เข้าไม่ยุ่งเลย แต่ถ้าหิวน้ำล่ะ” ไม่วายถามกวน

            “อันนั้นเข้าได้” หลังตกลงกันได้ก็ทานข้าวไปเรื่อย บรรยากาศเย็นสบายลมพัดเอื่อยๆ ฟังเสียงคลื่นดูพระอาทิตย์ตกดินแสนสุขจน ดาริกาเริ่มไม่อยากกลับไปใช้ชีวิตวุ่นวายลืมไปเลยว่าเคยเอ่ยไม่อยากมา รับประทานเสร็จชายหนุ่มเป็นคนจัดการเก็บจานและเก็บครัวปล่อยดาริกาเดินเข้าห้องเพื่ออาบน้ำ

            ท้องฟ้าถูกทาด้วยสีเข้มพระอาทิตย์ลับไปแล้วแทนที่ด้วยพระจันทร์ที่วันนี้มีเพียงเสี้ยวเดียวแต่ก็สวยในแบบที่เป็น

ภายในห้องน้ำมีฝักบัวและเครื่องทำน้ำอุ่นด้วยทั้งโถยังเป็นแบบชักโครกไม่ใช่ส้วมซึม ร่างบางจัดการชำระร่างกายและเปลี่ยนเป็นชุดนอนกระโปรงสีขาวยาวกรอมเท้ามีระบายลูกไม้ที่คอเสื้อดูน่ารักและอ่อนหวาน

            “อ้าว อาบน้ำเร็วจังเพิ่งหกโมงครึ่งเอง” เข้าห้องนอนมาก็เห็นพสุธาที่เหลือเพียงกางเกงเลเอ่ยถาม เธอหลบตาเพราะไม่อยากมองหุ่นที่ละลายใจสาว

            “ร้อนเลยรีบอาบ” พยักหน้าเข้าใจ

            “นายก็ไปอาบได้แล้วอยู่ได้ยังไงไม่อาบน้ำทั้งวัน เหนียวตัวแย่สกปรกมากเลย” ไม่วายจะบ่นเขาอีกพสุธาเลยยิ้มประจบ

            “จะไปอาบเดี๋ยวแหละจ้ะเมียจ๋า” คร้านจะเถียงบอกกี่ครั้งว่าไม่ให้เรียกแบบนี้อีก ร่างสูงก็ยังจะพูดจนเธอชินกับมันไปเสียแล้ว พสุธาเดินไปห้องน้ำส่วนเธอก็ไปเก็บผ้าห่มและผ้าปูที่ซักไว้ เชื่อเถอะว่าแดดแรงจริงเพราะแม้ตากไว้ตอนบ่ายโดยไม่ใช้เครื่องซักผ้าปั่นแห้งทั้งผ้าปูที่นอนและผ้าห่มก็แห้งสนิทแถมหอมมากอีกด้วย

            จัดการปูที่นอนคนเดียวจนกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่ว เสร็จแล้วเธอก็ยืนชื่นชมผ้าปูเรียบตึงและผ้าห่มที่คลุมไว้อย่างสวยงามราวกับเรียนการโรงแรมด้วยความภาคภูมิใจ “อุ้ย” จะหันไปมองก็ไม่กล้าเพราะหน้าคมอยู่ใกล้ พสุธาชอบมาเงียบๆ แล้วกอดเธอจากข้างหลังเป็นประจำ

            “หอมไปถึงข้างนอกเลย ทั้งที่นอนทั้ง...” เว้นเอาไว้แล้วยื่นหน้ามากระซิบข้างหูเธอ

            “เมีย” หลังจบคำพูดหน้าเธอก็ร้อนเห่อเหมือนไฟมาสุม ร่างสูงปล่อยเธอแล้วเดินผิวปากไปเปิดตู้เสื้อผ้าเพราะตอนนี้ร่างสูงมีแค่ผ้าเช็ดตัวพันเอวเอาไว้ ดาริกาไม่อาจสู้หน้าเขาได้เพราะเห็นแผ่นหลังกว้างมีรอยข่วนเต็มไปหมด ทั้งที่หน้าอกก็มีรอยจูบด้วยไม่ต่างจากเธอเลย..

            ตัดสินใจเดินออกไปข้างนอกด้วยใบหน้าแดงก่ำ ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนผุดขึ้นมาเป็นฉากๆ ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นคนร้อนแรงได้ขนาดนี้ ยิ่งเสียงที่ร้องออกมาก็ทำเอาอยากเอาหน้าแทรกแผ่นดินหนีแต่ก็อดยอมรับไม่ได้ว่ามีความสุขมากจริงๆ

            “ที่รัก เหลืออีกตั้งหลายชั่วโมงกว่าเราจะง่วงนอน” มือหนารัดเอวบางมาชิดตนเองแล้วคลอเคลียแก้มเนียนนุ่ม ตอนนี้ราวกับร่างกายของเธอเป็นของเขาไปเสียแล้ว

            “ฉันง่วงแล้ว” ดาริดาตัดบทจะเข้าห้องเพื่อหาทางเลี่ยงอ้อมกอดแสนหวาน

            “ไม่เอาสิ ยังไม่ง่วงสักหน่อย”

            “รู้ได้ไงว่าฉันไม่ง่วง เนี่ยตาจะปิดแล้ว หาว” แสดงสมบทบาทด้วยการปิดปากหาวแต่พสุธากลับหัวเราะออกมากระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นแล้วหอมแก้มเธอหนักๆ หนึ่งที

            “อย่าโกหกเลย ตาเธอมันฟ้องว่าอยากอยู่กับฉันจะตาย” ผละจากเอวบางมายืนตรงหน้าเธอแล้วจับใบหน้าหวานเงยขึ้นก่อนจะบรรจงจูบอย่างแสนหวาน แม้ว่าจะไม่ทันตั้งตัวแต่ดาริกาก็เริ่มมีประสบการณ์จึงโต้ตอบกลับแบบเงอะงะสร้างความสุขใจให้พสุธา เขาจูบเธอจนแทบหมดลมหายใจก่อนจะปล่อยร่างบางให้ได้เอาอากาศเข้าปอดแล้วก้มลงงับปากล่างอย่างหยอกเอิน

            “พอแล้ว” มือเล็กผลักออกแล้วก้มหน้างุดข่มอารมณ์ที่ตีขึ้นมา เคยได้ยินว่าหากได้ลองสักครั้งจะติดใจเธอเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองเพราะแค่โดนจูบเธอก็เตลิดเห็นภาพเมื่อคืนและแปลกที่โหยหาความใกล้ชิดที่มากกว่านี้จึงต้องผลักอีกคนออก

            “ไปพายเรือกันไหม” เปลี่ยนอารมณ์ฉับพลันทำให้เธอตามไม่ทัน “ไปนอนดูดาวบนเรือกัน” ไม่รู้ว่าโฆษณาชวนเชื่อหรือเปล่าแต่ดาริกาก็เดินตามไป ร่างสูงจูงมือเธอไปยังเรือซึ่งถูกผูกไว้กับตอไม้อยู่ใกล้ระเบียงนั่งเล่นมีบันไดลงซึ่งเมื่อคืนเธอไม่เห็น

            “ลงมาเลย” ยื่นมือมาให้เธอจับในขณะที่เขานั่งบนเรือแล้ว ดาริกาจับมือหนาแล้วขึ้นไปบนเรือรีบนั่งลงกลัวตก เรือทำด้วยไม้สักอย่างดีพื้นเรียบมีเสื่อปูเหมือนเตรียมการมา เธอนั่งข้างหน้าปล่อยให้พสุธาพายเรือออกไป ยามค่ำคืนที่มีเพียงแสงจากดวงจันทร์และตะเกียงตั้งอยู่หัวเรือให้แสงสว่าง พยายามซึมซับบรรยากาศแบบนี้เอาไว้ให้มากที่สุดเพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้มาอีก

            “สวยไหม” เห็นเธอเงยหน้ามองดวงจันทร์ก็ถามขึ้น ดวงหน้าคมยิ้มดีใจที่เธอชอบ

            “สวยมาก” สาวชาวกรุงไม่เคยพบจึงดื่มด่ำกับสิ่งรอบกายไม่ทันได้สังเกตว่าตอนนี้พสุธาหยุดพายเรือเพราะมากลางน้ำแล้วทั้งยังค่อยๆ เขยิบมานั่งข้างเธออีกด้วย ดีที่เรือกว้างพอจะให้นั่งข้างกันโดยไม่รู้สึกโคลงเคลง

            “แต่รู้ไหมว่าเธอสวยที่สุด ยิ่งตอนนี้ยิ่งสวย” ไม่ได้เอ่ยชมเกินจริง ร่างบางในชุดขาวผมดำแผ่สยายเต็มแผ่นหลังมองแล้วคล้ายเทพธิดาลงมาเล่นน้ำเมืองมนุษย์ด้วยซ้ำ ดาริกาหันมามองเขาก็หน้าแดงรีบหลบแสร้งมองผืนน้ำที่กระเพื่อม

            “มานั่งตอนไหน”

            “นานแล้ว เธอไม่เห็นเอง” บรรยากาศที่เงียบทำให้แม้พูดเบาแค่ไหนก็ได้ยิน และได้ยินแม้กระทั่งเสียงหัวใจที่เต้นรัวเร็ว

            “เราแต่งงานกันมาได้หนึ่งเดือนแล้ว เธอ..รู้สึกยังไงบ้าง” ไม่คิดว่าพสุธาจะถามขึ้นมา ดาริกาเม้มปากพลางคิดคำตอบที่ชัดเจนในใจของเธอ หนึ่งเดือนมานี้เธอมีความสุขมาก สุขที่ได้อยู่ใกล้เขา คอยดูแลแม้จะมีบ้างที่บ่นหรือทะเลาะกันแต่พสุธาก็ยอมอ่อนให้จนบางครั้งเธอก็ได้ใจ ติดเขาจนไม่อยากคิด หากวันหนึ่งพสุธามีใครอื่นเธอจะเป็นเช่นไร ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างกันก็แค่เรื่องผิดพลาดไม่ใช่ความรัก

            “ก็ดี” ตอบสั้นจนร่างสูงขมวดคิ้วไม่พอใจ

            “เดือนหนึ่งมีสามสิบวัน หรือสามสิบเอ็ดวัน เวลาพวกนั้นมันทำให้เธอตอบฉันแค่ก็ดีอย่างนั้นหรือ” เสียงเข้มแบบนี้จะได้ยินเฉพาะตอนที่ไม่ได้ดั่งใจซึ่งน้อยครั้งเขาจะไม่พอใจ

            “แล้วจะให้ตอบยาวแค่ไหนให้พูดคำขวัญจังหวัดเลยไหม”

            “ดาวอย่าเฉไฉ ฉันถามความรู้สึกเธอจะมาพูดคำขวัญจังหวัดบ้าบออะไรกัน” หากไม่กลัวว่าเรือจะล่มคงได้จับเด็กปากแข็งตีก้นสักทีสองที

            “ก็ตอบแล้วไง จะถามอะไรกันนักหนา” คนปากแข็งยังคงมองออกไปเรื่อยไม่กล้าสบตาคมกล้าที่มีแววโกรธกรุ่น

            “แล้วถ้าฉันถามว่าทำไมคืนนั้นเธอหนีไปจะบอกว่ายังไง ทำไมวันต่อมาฉันไปหาที่บ้านเธอถึงไปอเมริกาแล้ว ทำไมต้องบล็อกเบอร์ ต้องตัดขาดการติดต่อจากฉัน ตอบฉันได้ไหมดาวว่าทำไม” แววตาของเขาเต็มไปด้วยความสงสัยระคนน้อยใจ ดาริกาไม่กล้ามองหน้าเขาตรงๆ จึงก้มหน้าลงแต่อีกฝ่ายก็เอามือมาเชยคางเธอขึ้น

            “ตอบสิ” เพราะไม่มีคำตอบความเงียบจึงปกคลุมไปทั่ว จากบรรยากาศอบอวลด้วยความอบอุ่นกลับเริ่มร้อนระอุเพราะดวงตาคมราวกับมีไฟอยู่ในนั้น

            “แค่ตอบฉันว่าทำไมมันยากมากนักหรอ เธอทิ้งฉันไปทั้งที่ก่อนหน้านั้นเราจูบกันเนี่ยนะ” ถามเสียงดังอย่างควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ดาริกาเองก็ปัดมือเขาทิ้งอยากจะตะโกนเหลือเกินแล้วหลังจากนั้นผู้ชายหน้าไหนไปเอากับผู้หญิงอื่นต่อแต่ก็เก็บเอาไว้ไม่อาจพูดออกไปให้รู้ว่าเธอหึงเขา

            “ฉันไม่มีอะไรจะพูด” ข่มเสียงให้ตอบแบบนิ่งๆ พสุธาถอนหายใจออกมาก้มหน้าลงราวกับต้องการซ่อนความเจ็บปวด

            “บางทีฉันก็เหมือนรู้จักเธอ แต่บางทีเธอก็เหมือนเป็นอีกคนที่ฉันไม่รู้จัก ขอร้องดาริกาช่วยพูดอะไรให้มันตรงกับใจได้ไหม” เรียกด้วยชื่อจริงที่นานครั้งจะเอ่ยแบบนี้ หญิงสาวยังคงหนักแน่นที่จะไม่พูดออกไป ความเงียบจึงเป็นคำตอบที่พสุธาได้รับ

            “กลับเข้าฝั่งเถอะ” หากอยู่ต่อไปก็รังแต่จะทำให้เสียบรรยากาศไปมากกว่านี้เธอจึงชวนกลับ

            “ไม่ ถ้าไม่ตอบก็นอนมันตรงนี้แหละ” ได้ทีก็ดื้อดึงบ้าง

            “ดิน พายเรือกลับเดี๋ยวนี้” สั่งเสียงเข้มแต่ชายหนุ่มไม่มีทีท่าจะทำตาม หากเธอพายเรือเป็นก็คงจับไม้พายไปแล้ว แต่เธอพายไม่เป็น

            “อยากกลับก็ว่ายน้ำกลับไปเองแล้วกัน” ทั้งสองไม่มองหน้ากันต่างพากันหันไปคนละทางทั้งที่นั่งข้างกัน ดาริกามองผืนน้ำก่อนจะเหลียวมองสามีหนุ่มก่อนตัดสินใจกระโดดลงไปในทะเล

            ตูม!

            “เฮ้ยดาว!” ตกใจไม่คิดว่าเธอจะกระโดดลงน้ำ ดาริกาว่ายน้ำไม่แข็งเขาจึงเชื่อว่าเธอจะต้องยอมตอบคำถามเขาแต่ลืมไปว่าเธอใจหินแค่ไหน “โธ่เอ๊ย” สบถด้วยไม่พอใจแล้วโดดลงน้ำตามเธอไป

            “เธอโดดลงมาทำไม” ด้วยความเป็นแชมป์นักว่ายน้ำเก่าจึงกระโดดลงแล้วว่ายน้ำไม่ถึงนาทีก็จับตัวเธอไว้ได้แล้ว

            “ก็นายไม่พาฉันกลับ แล้วยังบอกอีกว่าถ้าจะกลับก็ให้ว่ายไปเองฉันก็ทำแล้วไง” ยอกย้อนจนอยากคว้ามาตีก้นเสียให้เข็ด รู้ทั้งรู้ว่าว่ายน้ำไม่แข็งก็ยังจะดึงดันลงมาอีก เขาหัวเสียเป็นอย่างมากจับมือเธอให้เกาะไหล่หนาเอาไว้

            “ว่ายน้ำไม่แข็งยังอวดเก่งอีก มานี่เลย” จะพาขึ้นเรือแต่ดาริกาไม่ยอมขืนตัวเอาไว้

            “ไม่ไป จะว่ายไปเอง” ระยะทางที่เขาออกมาดูเหมือนไม่ไกลแต่หากว่ายไปเองก็ไม่ใกล้เลย สำหรับคนที่ว่ายน้ำแข็งยังดูท่าจะไม่รอดแล้วเธอที่แค่นี้ก็เริ่มหอบจะรอดหรือ

            “อย่าดื้อ ขึ้นเรือ” เริ่มสลับบทบาทกันแล้วหลังจากพสุธาโดนกดขี่มานาน ครั้งนี้สั่งเธอบ้างด้วยความเป็นห่วงแต่ดูเหมือนภรรยาจะไม่เข้าใจ

            “จะขึ้นหรือไม่ขึ้น” ดาริกาส่ายหน้าเป็นพัลวัน ผมยาวเปียกลู่แนบไปกับใบหน้าชุดนอนสีขาวก็แนบลำตัวเห็นไปถึงไหนต่อให้ยิ่งเธอไม่ใส่ชั้นในด้วยแล้วเขาก็ลอบกลืนน้ำลายลงคอ ข่มความอยากที่พุ่งขึ้นมาเร็วจนคาดไม่ถึง

            “ไม่ขึ้น” ในเมื่อเธอเลือกแล้วเขาก็เลือกเช่นกัน พสุธาดึงดาริกาเข้ามาบดจูบอย่างเร่าร้อนทั้งที่น้ำทะเลเย็นฉ่ำ ร่างสูงใช้ความช่ำชองดึงให้ดาริกาตามเกมที่เขาวางเอาไว้ มือที่จับไหล่เปลี่ยนเป็นคล้องคอเอาไว้แทนก่อนบดเบียดร่างกายเข้าหาไออุ่นจากสามีหนุ่ม ริมฝีปากยังคงไม่ละจากเธอแต่ก็ค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวบางของตนเองออก

            “เธอเลือกในน้ำเองนะ” ตอบกลับเสียงเจ้าเล่ห์มองแววตาหวานที่ฉายความปรารถนาล้นปรี่ ร่างสูงอมยิ้มสมใจแล้วถอดชุดนอนสีขาวที่ตอนนี้แทบไม่ปกปิดอะไรออกจากตัวเธอ

            “ฉันไม่ได้เลือก อื้อ” แหงนใบหน้าขึ้นมองพระจันทร์เมื่ออีกคนใช้มือประคองอกอวบก่อนแตะเบาๆที่ปลายถันจนมันชูชันรับมือหนา

            “จับไหล่ฉันไว้นะ” ดาริกากอดคอหนาไว้เพราะกลัวจมเนื่องจากตอนนี้ไม่มีแรงแม้แต่จะตีขาใต้น้ำ ใบหน้าคมอมยิ้มแล้วดึงเธอลงไปใต้ทะเลอย่างไม่ทันตั้งตัว ดาริกาตกใจจนหัวใจเต้นเร็วดังกลองรัวพยายามฝืนขึ้นเหนือน้ำแต่เขาประคองใบหน้าหวานแล้วจูบเพื่อถ่ายเทอากาศจากตนไปให้เธอ น้ำทะเลว่าเค็มแปลกที่เธอรู้สึกว่ามันหวาน แม้จะไม่ดีเหมือนสูดอากาศเองแต่ก็เร่งเร้าอารมณ์จนต้องเบียดกายเข้าหาสามีมากกว่าเดิมจนแทบหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว

            “อื้อ” ดันเธอให้ขึ้นไปเหนือน้ำเมื่อจูบใต้น้ำจนพอใจ ดาริกาสูดอากาศเข้าปอดแล้วพอพสุธาโผล่มาเธอก็ตีอีกฝ่าย “เล่นอะไรเนี่ย”

            “ลองใต้น้ำบ้าง สนุกดีไหม” เป็นคำถามที่ปฏิเสธได้ไม่เต็มคำเพราะลึกๆ ก็รู้สึกดี เมื่อเธอไม่ตอบเขาก็เหมาไปเองว่าเธอชอบร่างหนาจึงเคลื่อนเข้าหาภรรยาจับเธอหันหลังโดยมีร่างหนาโอบกอดเอาไว้จากทางด้านหลัง

            “แสงจันทร์สวยไหม” ถามเสียงนุ่มข้างหู ดวงตากลมโตมองดวงจันทร์ในน้ำที่เกิดจากการสะท้อนของแสงก็พยักหน้า

            “ฉันดีใจที่เธอชอบ” กอดเธอเอาไว้โดยที่มือก็ทำหน้าที่ได้ดีกอบกุมบัวงามพลางเคล้นคลึงด้วยต้องการสร้างอารมณ์ให้เธอซึ่งได้ผลเพราะมันคือจุดอ่อนของเธอที่ตนเองเพิ่งรู้เมื่อวาน กางเกงเลถูกถอดออกแล้วหายไปแล้วโดยร่างสูงไม่ใส่ใจที่จะหา

            “คืนนี้ยังอีกยาวไกลที่รัก” เธอรับรู้ได้ถึงความแข็งขืนที่จ่อด้านหลังตนเอง ใบหน้าหวานแดงซ่านแต่ก็ไม่สามารถห้ามปรามได้เพราะใจก็ยอมรับว่ารอช่วงเวลานี้อย่างน่าอาย มือข้างซ้ายที่เคล้นอกสวยมืออีกข้างก็ค่อยๆ ไล่ระดับลงมาจับกลีบดอกแสนงามแหวกออกก่อนดันตัวตนแข็งขืนเข้าไป แม้ในน้ำจะบังคับยากแต่ก็ไม่เกินความสามารถของตากล้องหนุ่มหล่อ

            “จูบหน่อย” ละจากดอกบัวงามมาจับใบหน้าหวานให้หันมารับจูบจากเขา กายสาวแทบแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เมื่อเขาเข้ามาภายในแต่พสุธาก็รู้ดีจึงใช้จูบแสนหวานดับความเจ็บปวดเพราะยังไม่ชินกับขนาดของเขาแทน เสียงร่างกระทบกันดังก้องในความรู้สึก

            “อื้ออ่าโอ้ย แรงอีก” ร่างสูงยิ้มสมใจเมื่อลูกศิษย์ที่พร่ำสอนเริ่มเรียนรู้บทเรียนที่ให้ไป

            “ย่อมได้ ที่รัก” เพิ่มความแรงจนร่างบางเด้งรับไม่ทัน นักเรียนคนเก่งพยายามจำที่สามีสอนและทำตามอารมณ์ปรารถนาเบื้องลึกที่เก็บซ่อนไว้จนในที่สุดปลายเท้าก็แตะจุดสูงสุดแห่งอารมณ์หมาย เขาถอนกายออกแล้วจับเธอหมุนมาซบไหล่

            “แค่นี้เหนื่อยได้ไง” ว่ากันว่าอารมณ์ชายย่อมไม่มีวันสิ้นสุด พสุธาเริ่มอีกครั้งโดยที่เธอไม่สามารถประท้วงอะไรได้เลยนอกจากปล่อยตามเลยแม้จะกลัวว่าตนเองจะล่วงลงน้ำแต่เชื่อมั่นในร่างสูงว่าจะไม่ปล่อยเธอจมแน่นอนอีกอย่างคือไม่สามารถห้ามอารมณ์ต่ำในกายที่เริ่มปะทุขึ้นมาอีกรอบได้

ท่ามกลางแสงจันทร์หมู่ดาวสองหนุ่มสาวดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กันจนหมดแรงในน้ำ

            “ขอบนเรืออีกนะ” ร้องขออีกรอบ อีกรอบและอีกรอบจนร่างบางแทบรับไม่ไหว เธอหมดแรงในอ้อมกอดเขาบนเรือ ร่างกายเปล่าเปลือยนอนกอดกัน “ลองออนท็อปดูไหม” ร่างบางยังคงหอบเหนื่อยแต่กลับคิดวาดภาพว่าหากเธออยู่ด้านบนร่างเขาจะรู้สึกอย่างไร

            “ไม่ไหวแล้วนะ” บอกเสียงแหบหลังจากปล่อยให้เธอครางแสนนาน

            “ลองสักหน่อย มาที่รักเดี๋ยวช่วยเอง” ดึงร่างบางที่นอนกอดให้ขึ้นคร่อมตนเอง ให้ตายพสุธาตาพร่าไปหมดแล้วร่างกายขาวนวลราวกับมีแสงรอบตัว ผมยาวสยายที่เปียกน้ำแนบลู่ไปกับลำตัวปิดบังบัวคู่งามเอาไว้จนต้องปัดออกเพื่อบดขยี้ยอดบัวสีสวย เสียงครางดังไปทั่วก่อนเขาจะจับลูกชายที่แข็งตัวจ่อเข้าไปในกายสาว

            “ค่อยๆ ขยับ” แม้จะเป็นครั้งแรกที่ลองให้เธอทำท่านี้แต่หญิงสาวก็เรียนรู้ได้เร็ว เธอทำราวกับเขาเป็นม้าให้เธอควบ มือหนายังบีบเคล้นอกคู่สวยเปล่งเสียงตามอารมณ์ที่ปะทุขึ้นมา

            “อื้อ ดีมากที่รัก เร็วอีก” สั่งเธอซึ่งอีกฝ่ายก็หัวไวเพิ่มจังหวะให้เร็วขึ้นราวกับทะยานขึ้นบนฟ้าจนในที่สุดก็ถึงเส้นชัย “อื้อ” ร้องพร้อมกันก่อนที่เธอจะซบลงที่ไหล่เขาอีกครั้ง เหนื่อยจนหมดแรงหากเขาต้องการอีกเธอคงไม่ไหวแล้ว

            “ดาวจ๋า”           

            “ไม่ไหวแล้ว ฉันหมดแรงแล้วนะดิน” กลัวอีกฝ่ายจะขออีกเธอจึงพูดขึ้นแม้ตายังคงหลับอยู่ไม่สนใจว่าเขาจะจับส่วนไหนของร่างกายเธอเพราะเหนื่อยอ่อนเกินกว่าจะห้ามปราม พสุธาอมยิ้มมองร่างบางที่นอนอยู่บนร่างตนค่อยๆ ดึงลูกชายออกจากกายเธอ

            “รู้แล้ว นอนเถอะ” ลูบหลังเนียนกล่อมให้เธอหลับแล้วหาชุดนอนของเธอที่ถอดออกมาสวมให้กลัวไม่สบายส่วนตนเองก็ใส่เพียงเสื้อเท่านั้นเพราะกางเกงเขาหายไปแล้ว ค่อยๆ กระเถิบไปเอาไม้พายแล้วนั่งขัดสมาธิโดยมีดาริกานอนบนตัก เขายิ้มอย่างมีความสุขก้มลงจุมพิตหน้าผากมน

            “ฝันดีนะ ที่รัก” เธออาจจะคิดว่าเขาพูดลอยๆ หรือแกล้งกวนประสาทแต่ที่จริงแล้วทุกครั้งที่เรียกเธอว่าที่รักเขารู้สึกและหมายความตามนั้นจริง พายเรือเข้าฝั่งก่อนพสุธาจะอุ้มภรรยาเข้าไปภายในบ้าน ดีที่เป็นเกาะส่วนตัวจึงไม่มีใครเห็นของดีที่ร่างสูงโชว์ไม่อย่างนั้นคงได้ขึ้นหน้าหนึ่งเป็นแน่

            แม้จะเช้าแล้วแต่ร่างบางก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาเลย พสุธาที่ตื่นก่อนอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็เป็นห่วงเดินมาจับแขนเธอก็ต้องร้องตกใจเพราะภรรยาตัวร้อนเป็นไฟ รีบวิ่งไปยังอีกฝากของเกาะก็พบบ้านปูนสีขาวสองชั้นขนาดกลางมีต้นไม้ปลูกล้อมรอบดูร่มรื่นน่าอยู่

            “ป้าสมัยครับ ป้าสมัย” ตะโกนเรียกจนคนข้างในรีบเดินออกมา ป้าสมัยหญิงวัยหกสิบปีรูปร่างท้วมส่วนเสื้อม่อฮ่อมกับผ้าถุงเดินถือตะหลิวออกมาหน้าตื่น

            “เกิดอะไรขึ้นคะคุณดิน” เธอเป็นแม่บ้านดูแลบ้านมานานหลายปี ได้ยินว่าเจ้านายจะมาฮันนีมูนก็จัดบ้านไว้อย่างดีแต่อีกฝ่ายดันจะไปอยู่กะท่อมกลางทะเลเสียอย่างนั้นแถมกำชับไม่ให้ใครไปยุ่งด้วยอีก มีแค่ลุงสมสามีของป้าเท่านั้นที่กล้าไปชวนหาปลาเมื่อวาน

            “เมียผมป่วยครับป้า ตัวร้อนมากเลยทำยังไงดี” บอกเสียงกังวลด้วยสีหน้าร้อนรน คนเป็นป้าก็กระวีกระวาดเข้าไปในบ้านหาหยูกยาและนำข้าวต้มที่ทำเพิ่งเสร็จใส่ปิ่นโตพร้อมแนะนำวิธีดูแลคนป่วยให้เสร็จสรรพ

            “มาแล้วดาว” วิ่งมาด้วยความเหนื่อยหอบ เขาเริ่มเช็ดตัวเธอและเอาแผ่นเจลแปะหน้าผากมนไล่ความร้อนออก พสุธานั่งเช็ดตัวให้เธอจนอีกฝ่ายเริ่มรู้สึกตัว

            “ดาวเป็นยังไงบ้าง” ถามเสียงตื่นเต้นแล้วพยุงเธอให้ลุกขึ้นนั่งใช้หมอนรองด้านหลังให้ดาริกาพิงเตียง

“หิวน้ำ” ได้ยินเธอบอกแบบนั้นก็รีบรินน้ำยื่นให้เธอทันที หลังดื่มน้ำจนหมดค่อยให้เธอทานข้าวต้มของป้าสมัยก่อนจะกินยา

            “ขอโทษที่ทำให้ป่วยนะ” จับมือเธอแล้วมองตาขอโทษอย่างรู้สึกผิด เมื่อวานเขาเรียกร้องจากเธอมากเกินไป ในน้ำหลายรอบทั้งยังมาบนเรืออีกไม่แปลกที่หญิงสาวจะเป็นไข้ ดาริกาหน้าแดงเมื่อคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่เธอกล้าทำแบบนั้น

            “ง่วงแล้ว” ทั้งที่เพิ่งตื่นเธอก็บอกว่าง่วงทำทีเอนตัวลงนอนห่มผ้าไปกว่าครึ่งหน้าแล้วหลับตาลง ใบหน้าหวานแดงซ่านด้วยไม่รู้เพราะพิษไข้หรือเขินอายกันแน่ พสุธาเก็บถ้วยข้าวต้มและถ้วยเล็กสำหรับใส่ยาออกไปล้าง

            ลับหลังร่างสูงเธอก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก อายกับเหตุการณ์เมื่อคืนเหลือเกินที่ยอมทำตามใจเขาทุกอย่างทั้งยังร้องจนเสียงแหบ เปิดผ้าห่มดูตนเองก็เบาใจที่มีชุดนอนอีกตัวบนร่างกายคงเป็นเขาที่ใส่ให้เธอ รอยแดงเต็มตัวไปหมดทั้งรอยเก่ารอยใหม่อายจนต้องรีบห่มผ้าไม่ให้คิดถึงสาเหตุของรอยพวกนี้

            “นอนได้แล้วดาว นอน” กล่อมตัวเองสักพักก็หลับเพราะฤทธิ์ยา พสุธาเข้ามาดูภรรยาเห็นเธอหลับก็เดินออกไปข้างนอก พสุธาเห็นต้นมะพร้าวมีลูกอยู่เยอะจึงคิดจะปีนขึ้นไปเก็บ เรื่องปีนต้นไม้นี่ขอให้บอกหัดมาตั้งแต่เด็กไม่มีพลาด

            “ว้าย คุณดินทำไมไปปีนต้นมะพร้าวแบบนั้นคะ” ป้าสมัยเดินมาพร้อมปิ่นโตอาหารเที่ยงเห็นเจ้านายหนุ่มกำลังเก็บมะพร้าวโยนลงมาข้างล่างก็หัวใจ จะวาย

            “เก็บมะพร้าวให้เมียครับป้า เมียผมชอบดื่มน้ำมะพร้าว” จำได้ไม่เคยลืมเรื่องของเธอ

            “ได้แล้วก็ลงมาเถอะค่ะ ป้าละกลัวแข้งขาจะหักเอา” มองแล้วก็รู้สึกหวาดเสียวเพราะความสูงของต้นมะพร้าว พสุธาหัวเราะแล้วค่อยๆ ไต่ลงมาจนถึงพื้น

            “ป้าเอาไปสักลูกสองลูกสิครับ” มะพร้าวที่เขาปีนขึ้นไปเอาตกเกลื่อนพื้นถึงสี่ห้าลูกจึงแบ่งให้ป้าสมัยเอาไปกินกับสามี

            “ขอบคุณนะคะ นี่ป้าก็ทำอาหารมาให้เมียคุณดินหลายอย่างเลยค่ะ” รับปิ่นโตมาแล้วขอบคุณป้าที่อุตส่าห์เอามาให้เพราะหากให้ทำเองกลัวเหลือเกินว่าครัวจะพังก่อนได้กิน ชายหนุ่มถือมะพร้าวและปิ่นโตเข้าไปในบ้าน คงต้องรอเธอตื่นก่อนค่อยทานข้าวระหว่างนี้เขาใช้เวลาในการปอกมะพร้าวเอาน้ำใส่ขันสเตนเลสไว้สำหรับดาริกาโดยเฉพาะ

            “เก่งเหมือนกันนะเรา” ชมตัวเองเมื่อมองสิ่งที่ทำเสร็จ ทั้งน้ำมะพร้าวและเนื้อมะพร้าวซึ่งเขาขูดเอาไว้ให้เธอใส่จานอย่างเรียบร้อย ตื่นมาดาริกาต้องภูมิใจในตัวสามีแสนดีคนนี้แน่นอน ฮันนีมูนครั้งนี้จะต้องไม่ล่มเขาเหลืออีกตั้งหลายบทเรียนจะสอนให้เธอได้รู้ ต้องรีบให้นักเรียนคนเก่งหายจะได้ขึ้นบทเรียนต่อไปโดยไม่ถามความสมัครใจเธอสักนิด

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status