บทที่สิบสาม...ถ้าเขามาฉันคงต้องไป ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่แล้วเพราะจิตใจของเธอเหม่อลอยเกินกว่าจะมองนาฬิกานับเวลาได้ ดวงตากลมโตจ้องมองเพียงประตูคิดว่าคนข้างนอกกำลังทำอะไรอยู่เพราะเขาเงียบไปได้สักพักไม่มีคำขอร้องหรืออ้อนวอนให้ได้ยิน หรือจะกลับไปแล้ว... คิดเท่านั้นก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเพราะไม่พร้อมจะพบกับพสุธาในเวลานี้ ไม่อยากบอกว่าเธอรู้เรื่องเมื่อคืนหมดแล้วที่เขาไปโรงแรมกับลักษณ์นาราแล้วโกหกว่าไปบ้านเพื่อน รู้หมดทุกอย่างจนหัวใจของเธอแตกสลายอีกครั้งเหมือนเมื่อสี่ปีก่อนโดยที่อีกฝ่ายไม่ได้รับรู้อะไรเลยว่าสร้างความเจ็บปวดให้คนอื่นมากเท่าไหร่ เธอค่อยๆ เดินไปที่ประตูแนบหูฟังเสียงข้างนอกก็ไม่ได้ยินอะไรจึงถอนหายใจโล่งอกก่อนจะแง้มประตูเปิดอย่างช้าๆ มองลอดออกไปข้างนอกไม่พบแม้แต่เงาของพสุธาคิดว่าคงกลับไปแล้วไม่มาเสียเวลานั่งรอเธอนานขนาดนี้หรอก “ดาว!” เสียงของเขาพร้อมแรงที่จับประตูให้เปิดยิ่งสร้างความตกใจ ดาริการีบปิดประตูแต่ก็ไม่อาจสู้แรงอีกคนได้เขาเปิดเข้ามาภายห้องคว้าร่างบางมากอดเอาไว้แนบอกจนหายใจแทบไม่ออก “ปล่อยนะ
บทที่สิบสี่...รักอยู่รอบตัว“พี่ดาว!” เสียงเรียกของลักษณ์นาราทำให้เธอตื่นจากภวังค์มองแก้วน้ำที่ยังวางอยู่ที่เดิมและน้ำเต็มแก้วก็รู้สึกโล่งอกที่เหตุการณ์เมื่อครู่เป็นเพียงสิ่งที่เธอคิดเอง “ขอโทษทีช่วงนี้พี่เหม่อบ่อย” “ไม่เป็นไรค่ะ” หลังจากนั้นทุกอย่างก็เงียบก่อนที่น้องสาวข้างบ้านจะค่อยๆ พูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น “เล็กรู้มาว่าพี่ดาวกับพี่ดินทะเลาะกัน” ดาริกาสะดุ้งเมื่อคำขึ้นต้นเหมือนกับเมื่อครู่ที่เธอคิดมือเล็กกำเข้าหากันแน่นขึ้นกลัวว่าสิ่งที่คิดจะเป็นจริง “จริงๆ แล้วเรื่องทั้งหมดเล็กผิดเองค่ะ” ลักษณ์นาราก้มหน้าก่อนจะเงยขึ้นมาสบตาพี่สาวหน้าหวานที่รู้จักกันตั้งแต่เด็ก “คืนนั้นเล็กไปงานเลี้ยงปิดกล้องกับคุณลาภินที่ผับแถวทองหล่อ” คนตัวเล็กเอ่ยเสียงเครียดทำให้บรรยากาศโดยรอบอึมครึมไปด้วย “ก่อนหน้านั้นเล็กโทรไปคอนเฟิร์มงานวันต่อมาของคุณลาภินกับพี่ดิน” ดาริกาคิดไปถึงวันนั้นที่เธอได้ยินว่าเขาคุยโทรศัพท์กับลักษณ์นาราก็เข้าใจในวินาทีนี้เองว่าตนเองคิดมากเกินไป “แล้วพอกลับเข้าไปในงานก็มีพี่ผู้หญิงเอาน้ำมาให้เล็กดื่ม หลังจากนั้นเล
บทที่สิบห้า...เปิดเผยเรื่องราวกอดจนพอใจจึงผละออกมองใบหน้าหวานที่น้ำตาไหลลงมาช้าๆ หากแต่ครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากความเศร้าหรือเสียใจ แต่เพราะดีใจที่เขากลับมาต่างหาก“ถึงฉันจะแปลกใจที่เห็นเธอในห้องนี้แต่ก็ดีใจที่เธอกลับมา ขอบคุณที่กลับมาหาผู้ชายห่วยๆ คนนี้นะดาว” เอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาบนใบหน้าให้ภรรยา เธอจับมือเขาไว้แล้วแนบแก้มลงบนมือสัมผัสได้ถึงความอุ่นในหัวใจ“ขอโทษนะดิน ขอโทษที่งี่เง่าเอาแต่ใจ ขอโทษที่ไม่ฟังนายเลย” สบตาคนตัวสูงเอ่ยขอโทษอย่างจริงใจจนพสุธาได้แต่อมยิ้ม“ฉันก็ขอโทษที่โกหกเธอ รู้เรื่องนั้นแล้วหรือ” ถามด้วยความสงสัย“อือ น้องเล็กบอกฉันหมดทุกอย่างแล้ว น่าตีจริงๆ เลยวันนั้นทำไมไม่บอกว่าจะไปช่วยน้องถ้าอย่างนั้นฉันคงไม่โกรธขนาดนี้หรอก” จับมือเขาเอาไว้แล้วถามด้วยแววตาดุจนสามีต้องกอดเอาไว้อีกรอบ“ขอโทษครับคิดน้อยไปจริงๆ ตอนแรกเกือบลืมเขียนโน้ตบอกด้วยซ้ำ แล้วก็ที่โกหกแค่ไม่อยากให้เธอไม่สบายใจ ฉันมันโง่จริงๆ เฮ่อ” โยกตัวภรรยาไปมาในอ้อมกอด มีรอยยิ้มประดับใบหน้าหลังจากที่ไร้รอยยิ้มไปนานเป็นสัปดาห์“โง่มากด้วย ต่อไปนี้มีอะไรต้องบอกกันเข้าใจไหม”“ครับผม เข็ดแล้วไม่เอาอีกแล้ว” แค่คิดว่าต้อง
บทที่สิบหก...ขึ้นบ้านใหม่ ผ่านมาแล้วหกเดือนโดยที่พสุธาวิ่งรอกทำงานจนแทบไม่ได้หยุดพักส่วนภรรยาเองท้องก็โตขึ้นทุกวันจนเขาต้องขอร้องแกมบังคับให้เธอใส่ชุดคลุมแม้จะไม่ชอบแต่ก็สบายตัวมากกว่าใส่เสื้อตัวโคร่งกับกางเกงผ้ายืด จากที่เคยคิดจะให้ดาริกาหยุดอยู่บ้านก็ต้องเปลี่ยนแผนเมื่อเธอยืนยันว่าจะไปทำงานเหมือนเดิมโดยมีข้อแม้ว่าให้เขาไปรับส่งตามเดิม “ค่อยๆ เดินนะ” วันนี้ฤกษ์ดีพวกเขากำลังจะย้ายเข้าบ้านใหม่ที่เพิ่งทำเสร็จหลังใช้เวลานานกว่าสิบเดือนจึงได้ตามใจเจ้าของบ้าน พสุธาค่อยๆ ประคองภรรยาเข้าบ้านและนี่เป็นครั้งแรกที่เธอจะได้เห็นเรือนหอทำให้รู้สึกตื่นเต้น รั้วเป็นไม้ระแนงสีน้ำตาลใช้รีโมตเปิดประตูก็ค่อยๆ เลื่อนออกเผยให้เห็นบ้านสไตล์โมเดิร์นรีสอร์ตตั้งอยู่ตรงกลางโดยมีสนามหญ้าล้อมรอบ ทุกอย่างดูสวยงามและลงตัวจนเธอยืนตกตะลึง “ชอบไหม” กระซิบถามเสียงเบาขณะที่มองหน้าภรรยา เธอหันมาหาเขาพยักหน้าแล้วยิ้มอย่างมีความสุข “ชอบ สวยมากเลย” “ข้างในสวยกว่านี้อีก หลังบ้านมีสระน้ำด้วยนะ” หลังจากที่บอกเธอก็ตื่นเต้นย้อนนึกไปถึงครั้งอยู่ชั้นมัธยมปลายเรียนวิชาศิ
บทที่สิบเจ็ด...จะไม่พรากจากผ่านงานขึ้นบ้านใหม่มาสองสัปดาห์ท้องภรรยาก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ พสุธาเองก็ประคบประหงมจนทะเลาะกันบ่อยครั้ง อย่างเช่นในวันนี้ที่ทั้งสองหยุดจากงานแต่กลับไม่มีใครคุยกันทำให้บรรยากาศภายในบ้านเงียบกว่าปกติ “ผลไม้มาแล้วค่ะ” จากที่บ้านเคยมีสองคนคุณนิทราจึงให้แม่บ้านที่บ้านใหญ่มาอยู่ประจำที่นี่สามคนคือป้ายวง น้านิลและมะปรางหญิงต่างวัยเพราะป้ายวงอายุหกสิบแล้วแต่ก็ยังคล่องแคล่ว น้านิลอายุสี่สิบสามปีในขณะที่มะปรางเด็กสุดเพิ่งจบมอปลายมาได้สองเดือนเท่านั้น “ขอบใจมากนะมะปราง ไปอ่านหนังสือเถอะจ้ะ” เธอนั่งอยู่ห้องนั่งเล่นเล็กของบ้านติดสวนร่มรื่นโดยเปิดประตูกระจกบานใหญ่รับลมเย็นแทนการใช้เครื่องปรับอากาศ เท้าบางเหยียดยาวบนโซฟาพร้อมทั้งเอนหลังพิงพนักนุ่ม “พี่ดาวจะเอาอะไรเรียกปรางได้นะคะ” แม้จะอยู่ด้วยกันไม่นานแต่เธอก็เอ็นดูมะปรางเหมือนน้องสาวจึงให้เรียกพี่เพราะอายุไม่ห่างกันมาก “ได้จ้ะ ถ้ามีอะไรพี่จะเรียกนะ” สาวน้อยยิ้มรับลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปปล่อยคุณแม่นั่งอ่านหนังสือคนเดียวปราศจากสามีที่ปกติจะชอบมาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ “ฉ
บทที่สิบแปด...ครอบครัวสุขสันต์ หลังคลอดลูกได้หนึ่งสัปดาห์คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ก็มีผู้ช่วยเต็มบ้านทั้งคุณเนติธร คุณพสุ คุณนิทราที่ขยันมาหาหลานจนแทบไม่กลับบ้าน ดาริกาได้รับคำแนะนำจากแม่สามีเยอะแยะเรื่องการดูแลลูกจนไม่ต้องจ้างพี่เลี้ยง ตอนดึกลูกมักร้องไห้เธอกับสามีก็จะพลัดกันมาอุ้มเด็กน้อยจนแทบไม่มีเวลานอน “ไหวไหมดิน” เวลาตีสองที่ควรได้นอนสองพ่อแม่มือใหม่ก็ช่วยกันดูลูกที่ร้องไห้ยามค่ำคืน เธอลุกขึ้นจากเตียงเห็นคุณพ่ออุ้มลูกแล้วนั่งหลับบนโซฟาเล็กก็เดินมาหาแล้วถามเสียงเบาด้วยกลัวลูกตื่น “อือ ไหว” ตอบกลับแล้วค่อยๆ ลุกเอาลูกลงนอนเปลสำหรับเด็กที่ตั้งไว้ข้างเตียงนอน ใครจะรู้ว่าเป็นพ่อแม่จะเหนื่อยขนาดนี้ ยิ่งเลี้ยงเด็กเล็กด้วยแล้วแทบไม่มีเวลาให้ตนเอง “ไปนอนเถอะพรุ่งนี้ต้องไปทำงานแต่เช้าไม่ใช่หรือ” ถามสามีด้วยความเป็นห่วง ช่วงนี้เขาโหมงานหนักเพราะต้องการเก็บเงินให้ลูกอย่างจริงจังแม้เธอจะปรามก็ไม่อาจทานเขาได้ “อยากกอดเมีย” โอบเอวบางแล้วพาเธอมานอนบนเตียง การได้กอดร่างนุ่มของภรรยายิ่งหลังคลอดเธอยังมีพุงน้อยๆ ให้บีบตอนนอนยิ่งมีความสุขแม้จะโดน
ตอนพิเศษ...วันสงกรานต์“ไอ้ดาวไปเล่นน้ำกัน” ในขณะที่ร่างบางนอนดูทีวีอยู่บ้านตามปกติก็มีชายหนุ่มที่คุ้นหน้าเดินเข้ามาพร้อมกับเสื้อยืดสีขาวกางเกงขาสามส่วนสีเข้มในมือถือปืนฉีดน้ำกระบอกใหญ่เอาไว้ด้วย “ไม่ไป จะอยู่บ้าน” ยันตัวลุกขึ้นนั่งบนโซฟาแล้วหยิบหนังสือนิยายเล่มโปรดที่เพิ่งไปซื้อเมื่อวานขึ้นมาอ่านพลางเปิดรายการเพลงในทีวีฟังไปด้วยเท่านี้ก็สร้างความสุขให้เธอมากกว่าไปเดินฉีดน้ำคนไม่รู้จักกลางแดดร้อนกว่าสามสิบแปดองศา “โธ่ดาว ไปเถอะ วันสงกรานต์ทั้งทีแกจะนอนอืดอยู่บ้านไม่ได้นะ” เขารบเร้าเพื่อนพลางนั่งลงข้างกายเธอ “ไม่เอา สงกรานต์แล้วยังไง มันก็วันธรรมดา” เธอเบี่ยงตัวหลบเขาที่เอามือมาดึงแขนเธอไว้ “มันไม่ธรรมดาสิ มันคือวันปีใหม่ไทย เราต้องไปสาดน้ำใส่คนอื่น” ชายหนุ่มผู้ไม่ค่อยมีวาทศิลป์ในการชักจูงคนอย่างพสุธาพยายามหาเหตุผลต่างๆ มาหว่านล้อมเพื่อนสาวที่ยังคงยึดมั่นจะนอนเล่นอยู่บ้านโดยไม่มีท่าทีจะเอนเอียงเลยแม้แต่น้อย “ตอนเช้าฉันไหว้พ่อแล้ว รดน้ำดำหัวเรียบร้อย” “ดาว แกจะไปดีๆ หรือให้ฉันอุ้มไป!” เมื่อไม้อ่อนไม่ได้ผลพสุธาก็งัด
ตอนพิเศษ...ดาวดินอินบุพเพสันนิวาส การจราจรแน่นขนัดบนถนนในเวลาหกโมงครึ่ง ดาริกาที่นั่งบนรถดูกระสับกระส่ายมองถนนสลับกับมองนาฬิกาจนดูแล้วน่าเวียนหัว “เป็นอะไรดาว ฉันเห็นเธอมองไปมองมาหลายรอบแล้ว” คนขับรถสุดหล่อถามด้วยไม่เข้าใจ “วันนี้วันพุธ ต้องรีบกลับ” เดาถูกอย่างนี้ทำไมไม่ซื้อหวยถูกบ้างนะ พสุธาส่ายหน้าช้าๆ แล้วขยับรถทีละนิดจนถนนเริ่มโล่งจึงบึ่งรถให้ภรรยาที่ดูร้อนใจเสียเหลือเกิน “ขับช้า เร็วๆ หน่อย” หนึ่งทุ่มแล้วก็ยังไม่ถึงห้อง ไหนจะต้องทำอาหารเย็นอาบน้ำอีกเพราะหากไม่อาบก่อนละครเล่นอาบอีกทีคงเป็นห้าทุ่มกว่าจะนอนหลับอีกเธอวาดแผนไว้ในใจเงียบๆ รถยนต์เคลื่อนถึงคอนโดพอจอดเรียบร้อยดาริกาก็รีบลงโดยไม่รอพสุธา “อ้าว นี่เธอจะไม่รอฉันก่อนหรือไง” ร้องถามขณะเอาของลงจากหลังรถ ซึ่งของทั้งหมดก็แฟ้มเอกสารของคนตัวบางทั้งนั้น งานเขามีแค่นิดเดียวเอง “หายไปซะงั้น” เงยหน้ามาอีกทีก็ไม่เห็นแม้แต่หลังของดาริกาท่าทางจะรีบจริงหน้าที่ขนของจึงกลายเป็นของคุณสามี เขาหอบของขึ้นมาบนห้องเปิดประตูไม่เห็นภรรยาจึงเอางานเธอไปวางไว้ห้องทีวีซึ่งคือที่ประจ