บทนำ
หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อได้สัมผัสกับริมฝีปากหนาได้รูปของคนที่ครอบครองหัวใจเธอมานานแสนนาน อาจด้วยเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือเหตุผลกลใดก็ตาม ที่ทำให้ร่างสูงกระทำการอุกอาจแบบนี้เธอก็ไม่อาจทราบได้
“อึก”หายใจไม่ทันเพราะไม่ประสีประสากับเรื่องนี้ เธอยังอ่อนหัดกับภาษากาย ร่างสูงผละออกมองใบหน้าหวานที่ขึ้นสีแดงก่อนจะยิ้มมุมปาก เขาจูบเธออีกครั้งด้วยความร้อนแรงราวกับต้องการสูบวิญญาณของหญิงสาวในอ้อมกอดไป ลิ้นหนาทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยมแม้เธอจะเงอะงะเพียงใด ชายหนุ่มก็ไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดตรงข้ามกลับเอ็นดูเมื่อเธอพยายามที่จะเรียนรู้และโต้ตอบกลับ ลิ้นเกี่ยวกระหวัดกันเนิ่นนานซึมซับความหวานของอีกคนไว้
“พอ พอก่อน”แขนเรียวที่คล้องคอคนตัวสูงค่อยๆ ลดลงมาจับเอวหนาเอาไว้ก่อนจะพยายามฝืนตนเองออกมาเพราะรู้ว่าไม่สมควร
“อีกนิด”แต่มีหรือที่คนตัวใหญ่จะยอมกลับดึงเธอเข้ามาชิดสูดดมความหอมของลำคอขาวผ่องและประทับรอยสีแดงกุหลาบเอาไว้อย่างเป็นเจ้าของ คนเอาแต่ใจวกกลับมาชิมริมฝีปากบางอีกครั้งอย่างคนไม่รู้จักพอ แต่ครั้งนี้กลับจุมพิตเธออย่างอ่อนหวาน นุ่มนวลจนหญิงสาวได้แต่หลับตาอารมณ์รัญจวนตีขึ้นมาเมื่อมือหนาทำหน้าที่ได้อย่างดีด้วยการสอดเข้าไปภายในเสื้อเชิ้ตตัวบางที่เธอใส่ ลูบไล้แผ่นหลังเนียนก่อนจะวกกลับมาที่หน้าท้องแบนราบ
“อือ” เสียงที่เปล่งออกมาแม้แต่เจ้าตัวเองก็ไม่คิดว่าจะเป็นเสียงของเธอ มันช่างน่าอายเสียเหลือเกิน ใบหน้าคมผละออกมามองเธอก่อนจะยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์
“ไม่คิดว่าจะได้ยินแกร้องแบบนี้” เอ่ยทักใบหน้าหวานก็ยิ่งอายเข้าไปอีก เธอจะหันหลังเพื่อหนีจากเหตุการณ์ตรงหน้าแต่ไม่มีทางที่เขาจะยอม ชายหนุ่มจับใบหน้าแหงนขึ้นรับจูบที่ไม่มีท่าว่าจะหยุดเลย จนร่างบางรู้สึกว่าปากเธออาจบวมช้ำได้ เพียงไม่นานก็นำพาเธอก้าวเข้าสู่วังวนอันสับสนอีกครั้ง มือหนาวนรอบสะดือเล็กจนเจ้าตัวครางด้วยอารมณ์เสียวก่อนจะค่อยๆ ไต่ขึ้นสูงเข้าไปสัมผัสยอดบัวคู่งาม
“อื้อ...” เพียงปลายนิ้วเขาที่แตะถันสีอ่อนจนมันตั้งชันเธอก็รู้สึกเหมือนมีพลุถูกจุดขึ้นรอบกายพร้อมส่องประกายให้เกิดความสุขขึ้น ร่างบางเสียวซ่านอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“ดิน นี่มันในห้องน้ำ” แม้ตนเองแทบจะไม่มีเสียงและสติ แต่ก็ยังรับรู้ว่าเธอไม่ได้อยู่ในที่ลับตาเท่าใดนัก แต่มันคือสถานที่ที่จะมีคนมาเคาะประตูได้ทุกเมื่อ เพราะเธออยู่ในห้องน้ำบ้านเพื่อนเพื่อมาจัดปาร์ตี้ฉลองการเรียนจบปริญญาตรีหากมีคนมาเคาะประตูเธอจะทำเช่นไร
“ช่างมันสิ” ว่าอย่างเอาแต่ใจในขณะที่มือก็ทำหน้าที่อย่างดี ใบหน้าหวานแหงนขึ้นรับจูบจากเขาพร้อมทั้งร้องเสียงอื้ออึง ด้วยบัวงามถูกนวดเฟ้นราวกับเห็นมันเป็นแป้งทำขนม ชั้นในสีหวานไม่ได้ถูกถอดหากแต่เขาเลิกขึ้นเพื่อจับมันได้ถนัด
“ใครเข้าห้องน้ำวะ กูปวดเยี่ยว” เป็นดังที่เธอกลัวเพราะมีคนมาทุบประตูห้องน้ำเสียงดัง ตอนนั่นเองที่หญิงสาวได้สติผละออกจากชายหนุ่มอย่างรวดเร็วแล้วดึงชั้นในให้เข้าที่
“มึงไปเข้าห้องอื่น กูขี้อยู่!” ร่างสูงตอบกลับอย่างหัวเสีย ในขณะที่จับมือเธอเอาไว้เมื่อเห็นว่าร่างบางจะเปิดประตูออกไป “ปล่อย” ว่าเสียงเข้มจนพสุธาไม่กล้าขัด ดวงตากลมโตมีแววสับสนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน อารมณ์เมื่อครู่หายวับไปจนอยากไปกระทืบไอ้คนขัดจังหวะเมื่อครู่เสียเหลือเกิน
“โอ๊ย ไอ้ดิน กูไปห้องอื่นก็ได้”
เสียงข้างนอกเงียบแล้วแต่สองคนภายในห้องน้ำกลับเงียบกว่า หญิงสาวไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น “แกเมาและฉันเมา มันแค่อารมณ์ชั่ววูบ” เธอพยายามทำความเข้าใจและหาเหตุผลให้ตนเองเพราะไม่อยากเสียเพื่อนไป ไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้ว่าใจของเธอมันเต้นแรงเพราะเขามานานแค่ไหนแล้ว
“ไม่ใช่! ฉันอาจจะเมาแต่ก็ไม่ได้เมาขนาดเอาใครก็ได้” ร่างสูงโต้ตอบกลับ ใบหน้าแดงก่ำอาจเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรืออารมณ์โกรธเธอเองก็ไม่รู้
“แต่เราเป็นเพื่อนกัน และฉันไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก” ว่าจบมือบางก็จับลูกบิดหมุนออกจากห้องน้ำไปทันทีโดยมีชายหนุ่มตามออกมา
“ดาว เดี๋ยวก่อน” ร่างสูงจะคว้ามือบางเอาไว้แต่เธอก็เร็วเหลือเกินจนคว้าเอาไว้ไม่ทันจึงทำได้เพียงมองตามแผ่นหลังบางที่ลับตาไปแล้ว
“ฉันไม่หยุดแค่นี้แน่” ว่าอย่างหมายมาดก่อนหมุนกลับมาเจอหญิงสาวที่เคยไปเที่ยวด้วย เธอเดินมาหาเขาและโดยที่ชายหนุ่มไม่ทันตั้งตัวอีกฝ่ายก็จูบเขาเสียแล้ว อารมณ์เมื่อกี้ถูกจุดขึ้นอีกครั้งและตอนนี้พสุธามองหน้าเธอเป็นหน้าเพื่อนสนิทของตนเองเสียแล้ว!
“เราไปมีความสุขกันบนห้องดีไหมคะดิน” น้ำเสียงยั่วยวนพร้อมชั้นเชิงที่มากกว่าทำให้หลงมัวเมาอุ้มร่างบางขึ้นพลางจูบอย่างไร้สติ
ทั้งสองขึ้นบันไดไปโดยไม่รู้เลยว่าหญิงสาวอีกคนกำลังมองดูด้วยหัวใจที่แหลกสลาย เมื่อกี้นี้เขาจูบเธอ หากไม่กี่นาทีต่อมากลับไปจูบผู้หญิงคนอื่น สำหรับเขาการจะมีเซ็กส์กับใครก็เพราะแค่ระบายความใคร่เท่านั้นไม่ได้มีความรู้สึกรักเลยสักนิด ไม่เหมือนเธอเพียงแค่จูบเดียวก็อ่อนระทวยหลงเพ้อไปแล้วว่าอีกฝ่ายใจตรงกัน หากไม่เช่นนั้นไม่ยอมให้ทำถึงขนาดนี้หรอก แต่ความจริงแล้วพสุธาแค่เมาเท่านั้น อีกฝ่ายเมาและไม่ได้รักเธอ
“หยุดเพ้อแล้วยอมรับความจริงได้แล้วดาว” มือบางยกขึ้นมาเช็ดน้ำตาบนใบหน้า แววตาอ่อนหวานที่เคยมีกลายเป็นแข็งกร้าวเพิ่มความเข้มแข็งให้กับตนเอง ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านเพียงพอแล้วหรือยังกับความรักที่เธอมอบให้ ตอนนี้เธอควรหยุดมันได้แล้ว...
บทที่หนึ่ง...ตั้งแต่เป็นสาวเต็มกายตั้งแต่ เป็นสาวเต็มกาย หาผู้ชายถูกใจไม่มีเมื่อคืน ฝันดีน่าตบ ฝันฝันว่าพบผู้ชายยอดดีพาไปเที่ยวดูหนัง พาไปนั่งจู๋จี๋แล้วพาไปเที่ยว ชมสวนเด็ดดอกลำดวนส่งให้ด้วยสิเสียบหูให้ตั้งหลายหนน่ะเสียบหล่น อ่ะเสียบหล่น ตั้งห้าหกทีต๊กใจ ตื่นตอน ตีสี่แหมเสีย ดายจัง เฮ่อ เสียดายจังเพลงผู้ชายในฝัน : คำร้อง/ทำนอง วิเชียร คำเจริญเสียงเพลงของนักร้องลูกทุ่งสาวผู้ล่วงลับไปแล้วดังขึ้นทั่วผับชื่อดังที่ถูกปิดชั่วคราว เนื่องจากต้องการฉลองให้กับลูกสาวของตนเองที่เรียนจบปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจจากประเทศสหรัฐอเมริกา อีกทั้งกลับมาเมืองไทยได้เพียงไม่นานก็ได้ตำแหน่งรองผู้จัดการแผนกโฆษณาของบริษัทจำหน่ายเครื่องสำอางแบรนด์ดัง ผู้คนที่เข้ามาในงานต่างก็เป็นเพื่อนที่รู้จักคุ้นเคยของลูกหรือเพื่อนของผู้เป็นบิดาที่ท่านชวนมาเพื่อสังสรรค์“เจ้าของงานมาแล้ว” พิธีกรประกาศใส่ไมค์ทำให้ทุกสายตาจ้องไปที่ประตูทางเข้าก่อนจะพบร่างบางในชุดราตรียาวสีครามมีคริสตัลประดับรอบกระโปรงต้องแสงไฟทำให้ส่องประกายระยิบระยับ ใบหน้าหวานประดับรอยยิ้มระหว่างเดินเข้ามาภายในงานของตนเอง“สวยขึ้นมากเลยดาว” ชนินาถเพื่อ
บทที่สอง…กะทันหันไปหมด ระหว่างที่นั่งรถมาด้วยกัน ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรกันเลยสักคำนอกจากร่างสูงจะนั่งฮัมเพลงราวกับมีความสุขนักหนา ซึ่งเธอไม่เข้าใจเลยทำไมจึงเป็นเช่นนั้น พสุธาหวงชีวิตโสดดูได้จากการที่เขาไม่เคยคบผู้หญิงคนไหนเลยนอกจาก...น้องเล็ก เด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มที่อยู่ข้างบ้านเธอ “แกไปส่งฉันที่คอนโดก็ได้” ดาริกาเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นอีกฝ่ายมุ่งตรงไปยังบ้านของเธอ “ไปอยู่คอนโดตั้งแต่เมื่อไหร่” ถามด้วยความสงสัยเพราะปกติ ตลอดช่วงเวลาในการเรียนเธอก็อยู่ที่บ้านตลอดทั้งยังเป็นคนที่ค่อนข้างติดบ้านอีกด้วย ไม่นับรวมเวลาต้องมาสอนการบ้านหรือทำงานกลุ่มที่บ้านของเขาก็มักจะเห็นหญิงสาวอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน “ตั้งแต่กลับไทย บ้านไกลจากที่ทำงาน” แล้วทั้งรถก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้งโดยที่ดาริกาก็ไม่ได้ชวนคุยแต่อย่างใด สี่ปีที่ห่างกันทำให้ความเป็นเพื่อนของทั้งสองคนดูห่างออกไปเช่นเดียวกัน เพราะเธอรู้สึกเหมือนพสุธาเป็นคนแปลกหน้า หากเป็นเมื่อก่อนคงไม่มีความเงียบระหว่างกัน อาจจะเป็นพสุธาที่ชวนคุยหรือเธอที่เอ่ยถามว่าตลอดสี่ปีเขาทำอะไรบ้าง ร
บทที่สาม...เราจะตีป้อม ในที่สุดงานแต่งก็มาถึง ช่วงเช้าเป็นพิธีรดน้ำสังข์ง่ายๆ ที่บ้านของเจ้าสาว เชิญเพียงญาติและคนสนิทมาเท่านั้น ขบวนขันหมากเจ้าบ่าวแห่มาโดยมีเจ้าสาวแอบดูอยู่บนบ้าน วันนี้ดาริกาอยู่ในชุดไทยสีทองสง่างามขับผิวขาวให้ดูเนียนตา ผมยาวถูกรวบขึ้นมัดอย่างสวยงามพร้อมเสียบปิ่นปักผมไว้ด้วย ใบหน้าหวานแย้มยิ้มอย่างมีความสุขโดยมีเพื่อนยืนอยู่ด้วย “หน้าบานเลยนะ” กีรติผู้รู้ใจเพื่อนเอ่ยแซว หากไม่ท้องเธอคงได้ทำหน้าที่เพื่อนเจ้าสาวด้วย แต่เมื่อมีลูกจึงเป็นเพียงแขกมาร่วมงาน “อะไรกัน เราไม่ได้ยิ้มสักหน่อย” ปฏิเสธเสียงอ่อยแล้วปิดม่านลงเพราะกลัวโดนเพื่อนล้ออีก ในห้องนอนมีเพียงเจ้าสาวและกีรติสองคนเพราะคนที่เหลือลงไปรอกั้นประตูเงินประตูทองที่ด้านล่าง ช่างแต่งหน้าเดินมาสำรวจความเรียบร้อยครั้งสุดท้ายจึงลากลับ “ยินดีด้วยจริงๆ นะ ไม่คิดว่าจะเป็นเธอกับดิน” สมัยมัธยมแม้มีคนแซวอยู่บ้างแต่ก็ไม่มีใครคิดจริงจังเพราะพสุธาควงหญิงได้ไม่ซ้ำหน้า เจ้าชู้ประตูดิน รถไฟชนกันก็บ่อยใครจะคิดว่าจะได้แต่งงานกับเพื่อนสาวคนสนิททั้งที่ยังหนุ่มยังแน่นอยู่ในวัยเจริญพันธ์เลย
บทที่สี่...สร้างอาณาจักรตื่นมาอีกทีก็เป็นเวลาเที่ยงกว่าแล้ว ร่างสูงเดินเกาพุงออกไปที่ห้องครัวเห็นฝาชีครอบไว้เลยเปิดออกมาพบอาหารเช้าเป็นไข่ดาว แฮม ไส้กรอกและแซนด์วิชอดยิ้มออกมาไม่ได้ ปกติตอนเช้าส่วนมากถ้าไม่เป็นกาแฟก็ปิ้งขนมปังเท่านั้นค่อยไปกินที่บริษัทเอา “ฮัลโหลว่าไงเพื่อน” ชื่อที่โชว์หราขึ้นมาทำให้เขาทักทายเสียงใสอย่างเป็นกันเอง “กูโทรมาขัดจังหวะมึงไหม” กัดแซนด์วิชเข้าปากคำโตเคี้ยวไปทั้งยังตอบปลายสาย “ไม่กวน เมียกูไม่อยู่ไปทำงานแต่เช้าแล้วอีกสักพักคงกลับ” ตอบตามความเป็นจริงที่แสนจะเศร้า “ชีวิตมึงน่าสงสารจริงๆ” สองพี่น้องคุยกันอีกสักพักก่อนที่คนโทรมาจะเข้าเรื่อง “พรุ่งนี้เข้าบริษัทมาหน่อยนะ พ่อกูมีเรื่องจะคุยกับมึง” ภราดรเข้าเรื่องที่ทำให้ต้องโทรมาหา มือหนาที่หยิบแฮมขึ้นมากินชะงักไปพลางคิดว่าต้องมีเรื่องสำคัญอย่างแน่นอน “ไปทำไม เรื่องอะไร จะให้กูไปเรียนรู้งานหรือ กูไม่ทำไงกูชอบถ่ายรูปมึงบอกลุงภมรเลยว่ากูไม่ทำ ไม่เอาหุ้นก็ได้ ไม่ชอบ” ปฏิเสธรัวเร็วจนฟังแทบไม่ทัน พสุธาปฏิเสธที่จะทำงานบริษัทแต่เด็กแล้ว ชายหนุ่มไม่ชอบและบอกเสมอ
บทที่ห้า...เล่นงานลับหลัง “พี่ดาวมีคนมาหาค่ะ” ในขณะที่กำลังทำงานอยู่น้องนักศึกษาฝึกงานก็มาบอกเธอด้วยสีหน้ากรุ้มกริ่ม มองนาฬิกาที่ตั้งไว้บนโต๊ะก็พบว่าเป็นเวลาหกโมงกว่าแล้วเธอทำงานจนลืมเวลาไปเลยหรือนี่ “ใครเหรอ” “สามีพี่ดาวค่ะ” บอกพร้อมกับเปิดตัวหนุ่มหล่อที่เดินเข้ามาภายในแผนกด้วยชุดแปลกตาที่ไม่ค่อยเห็น เขาใส่สูทและถือแก้วน้ำหลายใบยี่ห้อเงือกไซเรนสีเขียวที่โด่งดังในเรื่องความอร่อยและราคาของมัน “สวัสดีครับทุกคน” คนในแผนกโฆษณามีทั้งแปดคนรวมเธอและหัวหน้าแผนกด้วย ดูเหมือนแต่ละคนที่กำลังทำงานจะหยุดมองชายผู้มาใหม่เป็นตาเดียวก่อนสาวๆ จะเกาะกลุ่มกันแล้วซุบซิบพลางตอบรับคำทักทายด้วยเสียงหวาน “ผมชื่อพสุธานะครับ เรียกสั้นๆ ว่าดินก็ได้ เป็นสามีของดาวเหนือครับ” กล่าวแนะนำตัวเสร็จสรรพพร้อมรอยยิ้มกว้างที่มีให้ทุกคน ดาริกายืนแข็งเหมือนถูกสตัฟฟ์เอาไว้กับที่เมื่อสามีเข้ามาแนะนำตัวโดยไม่บอกกล่าวเธอเลยสักคำ “ผ่านร้านน้ำเลยซื้อมาฝากทุกคน รู้มาว่ามีแปดคนรวมน้องนักศึกษาฝึกงานด้วยก็เก้า ผมไม่รู้ว่าชอบรสไหนกันเลยซื้อมาแบบให้เขาจัดให้ไม่รู้ว
บทที่หก...หวานไปทั้งตัว แม้จะเป็นเวลาเที่ยงคืนแต่ความหิวก็ไม่ปราณีใคร สองสามีภรรยาช่วยกันทำอาหารมื้อดึกคือเมนูผัดมาม่าใส่ไข่ที่แสนจะเรียบง่าย “ไม่เอาผัก” แม้ว่าจะล้างผักและหั่นเองกับมือแต่พอเห็นดาริกาจะเอาลงกระทะก็อดห้ามไม่ได้ “แล้วจะหั่นมาทำไม” “ก็อยากช่วย” ใบหน้าหวานเต็มไปด้วยความระอาแล้วใส่ผักลงไปจนเต็มกระทะ พสุธาหน้างอเดินออกไปจากครัวนั่งรอที่โต๊ะอาหารไม่บอกกล่าวอะไรเลยสักคำ หญิงสาวมองไล่หลังแล้วอมยิ้มในความแสนงอนของเขาแม้รู้ว่าอีกฝ่ายแค่แกล้งเย้าเล่นเท่านั้น ไม่กี่นาทีต่อมาผัดมาม่าสีสวยก็วางบนจานพร้อมเสิร์ฟ ดาริกายกมาให้ร่างสูงและตนเองนั่งกินท่ามกลางแสงจันทร์ที่ส่องประกายลงมา ไม่ค่อยได้สัมผัสบรรยากาศแบบนี้เท่าไหร่เพราะเอาแต่เรียนกับทำงานพอมาเจอแบบนี้ก็รู้สึกอิ่มเอมในใจ “ที่รักทำอะไรก็อร่อย อย่างนี้น่าจะส่งไปรายการมาสเตอร์เชฟ” พสุธาชมไม่ขาดปากจนเธอคร้านจะฟัง เขาเคี้ยวไม่หยุดดูท่าคงจะหิวมาก “แล้วแผนการบ้าๆ นี้นายคิดคนเดียวหรือ” อาจจะมีคนช่วยแต่ถ้าแผนพิเรนทร์แบบนี้คนต้นคิดคงไม่ใช่คนอื่นไกลนอกจากสามีเธอคนเดียว
บทที่เจ็ด...ร้อนระอุในเมื่อพสุธาบอกอยากกินปลาย่างเธอจึงให้พสุธาก่อไฟจากเตาถ่านเพราะจะได้รสสัมผัสแตกต่างจากเตาแก๊ส แต่ดูท่าอาจจะต้องเปลี่ยนมาใช้เตาแก๊สเห็นเขาก้มๆ เงยๆ มากกว่าชั่วโมงยังไม่มีทีท่าว่าจะมีไฟลุกแต่อย่างใด “ยากจังเลยดาว เปลี่ยนไปใช้เตาแก๊สได้ไหม” พสุธาร้องขอด้วยใบหน้า ที่เต็มไปด้วยถ่าน ดาริกาหัวเราะออกมาเมื่อมองเขาแต่ก็พยายามหุบยิ้ม “ไม่เอา ฉันอยากใช้เตาถ่าน” เมื่อมีบัญชามาแบบนั้นคุณพ่อบ้านจะทำอะไรได้นอกจากก้มลงไปเป่าลมให้ไฟลุกอีก มือก็ดำไปด้วยถ่านหน้าก็เปื้อนหมดสภาพหนุ่มกรุงสุดหล่อกลายเป็นพ่อบ้านขายถ่านเสียอย่างนั้น “เร็วๆ นะ ต้มยำจะเสร็จแล้ว” ได้ยินอย่างนั้นพสุธาก็เร่งเป่าไฟทั้งเอาฝาปิดหม้อมาพัดให้เกิดลมในที่สุดก็สำเร็จเพราะไฟลุกขึ้นมาสูงจนดาริกากระโดดหนี“ดาวระวังๆ” ไม่รู้ใครเอากระดาษทิชชูมาวางไว้ทำให้ติดไฟดีที่ไม่ใช่วัตถุไวไฟแค่ดับแปบเดียวก็มอดแล้ว “เกือบไปแล้ว” ถอนหายใจอย่างโล่งอกมองพสุธาที่มีสีหน้าจ๋อยก็สงสาร “ไปรอข้างนอกเถอะเดี๋ยวที่เหลือฉันทำเอง” ร่างสูงพยักหน้าจำยอมปล่อยให้ดาริกาทำต่อ ด้วยความคล่องแคล่วเธอทำอาหารไม่
บทที่แปด...เพียงแค่เราพสุธาเข้าไปในห้องนอนเห็นภรรยาหลับสนิทก็ไม่อยากกวน เขาเอาแผ่นเจลลดไข้ออกจากหน้าผากแล้วเช็ดตัวให้เธออีกรอบ เมื่อเห็นว่าตัวเริ่มเย็นแล้วก็สบายใจคราวหลังคงต้องระวังมากกว่านี้ ในน้ำไม่ได้เป็นบนบกธรรมดาแล้วกัน คิดพลางอมยิ้มเดินถือกะละมังใบเล็กออกไปเปลี่ยนน้ำ ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นเวลาเท่าไหร่แล้วดาริกาลืมตาขึ้นมามองโดยรอบก็มืดสนิทมีเพียงตะเกียงห้อยไว้ข้างฝาพอส่องสว่างให้เห็นพื้นที่โดยรอบ ยันตัวลุกจากที่นอนรู้สึกดีขึ้นมากแล้วไม่ปวดหัวเหมือนเมื่อเช้า ร่างบางลงจากเตียงลุกออกไปข้างนอกก็ได้ยินเสียงดังขึ้นจากห้องครัว “โอ๊ยร้อนๆๆ” “ทำอะไรน่ะ” ทักเสียงดังเพราะกลัวว่าชายหนุ่มจะทำการเผาครัวอีกครั้ง “ลุกมาทำไมดีขึ้นแล้วหรือ” ตกใจที่เห็นภรรยาลุกจากเตียง รีบเดินออกมาจากห้องครัวมองด้วยสีหน้าตกใจแบบนี้ เดินเข้าใกล้ร่างบางก่อนจะยกมือโอบเอวเธอเข้ามาชิดตนเองแล้ววัดไข้ด้วยการเอาหน้าผากตนเองไปชิดหน้าผากเธอโดยไม่ให้ดาริกาตั้งตัวเลย “ตัวเย็นแล้ว” ผละออกแล้วยิ้มอย่างดีใจส่วนอีกคนก็เงียบด้วยรู้สึกร้อนหน้าได้แต่ภาวนาขออย่าหน้าแดงให้โดน