บัวชมพูยังคงมาทำงานบ้านแทนมารดาที่บ้านคุณอลังการตามปกติ เขาไม่ร้องเรียนกับบริษัทของแม่ นั้นแสดงว่ายอมรับให้เธอมาทำงานแทนแม่ได้ เธอได้กุญแจสำรองจากรปภ.ไขเข้าบ้านของอลังการเพื่อทำความสะอาดบ้าน หญิงสาวผงะไปเล็กน้อย ในห้องรับแขกอย่างกับมีสงครามเกิดขึ้น ขวดเบียร์เกลือนพื้นห้อง แก้วที่ล้มคว่ำน้ำเจิ่งนอง ข้าวของกระจัดกระจาย หรือว่า
“ขโมยขึ้นบ้าน...”
บัวชมพูพึมพำพอได้สติก็หันซ้ายหันขวาหาอาวุธ จะหยิบมีดก็กลัวเลยคว้าไม้กวาดขึ้นมาชูไว้ เสียงกุกกักดังจากชั้นสองของบ้าน เธอคิดจะโทรศัพท์แจ้งตำรวจ แต่เสียงเคลื่อนไหวเข้ามาใกล้ทำให้ไม่กล้าส่งเสียง ได้แต่กำไม้กวาดแน่น จนกระทั้งร่างสูงใหญ่เดินลงบันไดผ่านหน้าเธอ ชายหนุ่มถึงกับชะงัก ดวงตาคมจ้องมองไม้กวาดในมือหญิงสาวที่ชูขึ้นเหนือศีรษะทำท่าจะฟาดลง เขารีบยกมือกำด้ามไม้กวาดไว้ก่อน
“เฮ้ย! จะทำอะไร! จะฆาตกรรมเจ้าของบ้านเรอะ!”
“คุณใหญ่!”
บัวชมพูตกใจ ไม่คิดว่าเขาจะอยู่ในบ้านเวลานี้ อลังการไม่วางใจ กระชากไม้กวาดออกจากมือของหญิงสาว แต่เพราะเธอไม่ทันตั้งตัวยังไม่ได้ปล่อยมือจากด้ามไม้กวาดร่างบางจึงเซถลาเข้าไปปะทะกับแผ่นอกกำยำของอลังการ ร่างนุ่มนิ่มเข้ามาแนบชิด เขาสวมเพียงกางเกงขายาว ท่อนบนเปลือยเปล่ายังมีหยดน้ำเกาะอยู่ พอได้อยู่ใกล้จึงเห็นว่าเส้นผมของเขาก็ยังเปียกชื้น
“ฉันถาม!” เขาดุแต่ไม่ได้เสียงดังเหมือนครั้งแรก มือแกร่งยังโอบเอวบางไว้ “คิดจะทำอะไร”
บัวชมพูได้สติก็ปล่อยมือจากด้านไม้กวาดแล้วขืนตัวออกจากแผ่นอกกว้าง
“หนูนึกว่ามีขโมยขึ้นบ้านค่ะ”
“หือ?” เขาวางไม้กวาดลงแล้วเลิกคิ้ว
“ก็ดูสภาพห้องสิคะ ยังกับถูกโจรรื้อค้นทรัพย์สิน”
อลังการกวาดสายตามองไปรอบตัว เขาแสร้งกระแอมไอแก้เขินแล้วพูดขึ้น “เมื่อคืนหนักไปหน่อย”
“แบบนี้เรียกหนักมากเลยค่ะ” บัวชมพูเบ้ปากแล้วยื่นมือไปคว้าไม้กวาดจากมือของเขา “คุณใหญ่หลบไปทางอื่นก่อน หนูต้องเก็บเศษซากของพวกนี้”
บัวชมพูใช้ปลายด้ามไม้กวาดเกี่ยวกางเกงชั้นในสีแดงสดขึ้นมาจากพื้น “ต้องให้ซักเก็บไว้คืนเจ้าของไหมคะ”
“ทิ้งไป!” อลังการหัวเสีย เขาเป็นเจ้าของบ้าน ทำไมต้องรู้สึกผิดด้วยนะ “ขอกาแฟร้อนหน่อยสิ”
“คุณใหญ่คะ หนูมาทำงานเป็นแม่บ้านทำความสะอาดบ้านไม่ใช่แม่บ้านทำอาหารนะคะ”
เธอบ่นขณะทิ้งกางเกงชั้นในลงในถังขยะ พลางคิดในใจว่าเจ้าของกางเกงในออกจากบ้านได้ไงเนี้ย! แต่ถึงปากจะบ่นแต่เธอก็เดินไปเสียบปลั๊กกระติกน้ำร้อนแล้วเดินกลับมาเก็บขวดเบียร์ที่ล้มอยู่บนพื้น
“รู้แล้ว แต่ไม่คิดจะมีน้ำใจให้บ้างหรือไง” คราวก่อนยังหาผ้าชุบน้ำเย็นมาให้เขาได้เลย
“ก็ต้องดูด้วยค่ะว่าคนแบบไหนควรมีน้ำใจให้” เธอบ่นทั้งที่มือยังทำงาน อันที่จริงแค่ชงกาแฟร้อนไม่ใช่เรื่องยุ่งอะไร แต่ก็อดบ่นไม่ได้จริงๆ
อลังการจะโต้เถียงพลันหุบปากนิ่งไป เขาแปลกใจที่ตัวเองนึกเถียงเด็กคนนี้ ปกติเขาไม่ค่อยชอบพูดคุยหยอกเล่นกับใครเท่าไหร่ แม้กับผู้หญิงที่หิ้วมานอนด้วยก็ไม่ได้มีความผูกพันอะไร เขาหาที่นั่งห่างจากจุดที่หญิงสาวทำความสะอาด เอนตัวพิงพนักโชฟา มองร่างเล็กที่ก้มๆเงยๆ เก็บข้าวของบนพื้น จะว่าไป มันก็เหมือนมีคนบุกรุกบ้านเขาจริงๆ
บัวชมพูทำงานอื่นรอจนกระทั่งน้ำร้อนได้ที่แล้วจึงเดินมาชงกาแฟดำให้เจ้าของบ้าน
“กาแฟดำค่ะ อยากได้ครีมหรือน้ำตาลไหมคะ”
“ไม่ล่ะ ปกติกินแต่กาแฟดำ”
บัวชมพูขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ค่อยพอใจที่เห็นเขานั่งเกะกะสายตาอย่างนี้ โดยเฉพาะไม่สวมเสื้อ เธออดมองมัดกล้ามของเขาไม่ได้ แล้วสายตาก็ดันไปเห็นรอยข่วนบนหน้าอก เธอหรี่ตาแล้วยื่นหน้าไปมองอย่างไม่รู้ตัว
“มองอะไร เด็กทะลึ่ง” ปกติก็เปลือกอกเป็นประจำ ทำไมจู่ๆ รู้สึกเขินแฮะ
“คุณมีแผล ใส่ยาไหมคะ” เธอใช้นิ้วจิ้มที่รอยแดงๆ นั้น “ต้องไว้เล็บยาวขนาดไหนถึงข่วนเป็นรอยแดงได้ขนาดนี้”
อลังการเห็นอีกฝ่ายทำท่าขนลุกก็ใช้นิ้วจิ้มหน้าผากเบาๆ ผลักให้ถอยห่างออกไป
“ไปเอาเสื้อมาให้ฉันใส่!”
“อ้าว! คุณใหญ่ใส่กางเกงเองได้ ทำไมก่อนลงมาไม่ใส่เสื้อลงมาด้วยคะ” บัวชมพูทำหน้ามุย “แล้วผู้หญิงของคุณออกจากบ้านยังไง กางเกงในไม่นุ่ง”
“ฉันจะไปรู้ได้ไง จ่ายเงินแล้วก็ไล่ๆออกจากบ้านสิ แล้วก็ไม่ใช่ผู้หญิงของฉันด้วย”
พูดแล้วก็ชะงักไป บัวชมพูกวาดตามองเขาอีกครั้งแล้วหมุนตัวเดินเร็วๆ ขึ้นไปหยิบเสื้อที่ชั้นสอง อลังการได้แต่โคลงศีรษะไปมาแล้วยกกาแฟดำขึ้นดื่ม ครู่หนึ่งหญิงสาวเดินลงมาพร้อมเสื้อยืดสีขาว ยื่นส่งให้เขาแล้วหันไปเก็บของในห้องรับแขกและลงมือทำความสะอาด
“ฉันไม่รู้ว่าเธอจะมาวันนี้”
“มันอยู่ในคิวงานอยู่แล้ว คุณใหญ่ลืมวันเอง” เธอพึมพำแล้วหยิบหน้ากากผ้ามาปิดจมูก “คุณจะนั่งตรงนี้เหรอคะ ไปรอบนห้องดีกว่าไหม หรือบนห้องจะพังพินาศไปแล้วคะ”
“เด็กบ้า! มีหน้าที่อะไรก็ไปทำ ฉันจะนั่งตรงไหนก็เรื่องของฉัน” เขาดุแล้วรีบสวมเสื้อยืด
“แล้วทำไมวันนี้คุณใหญ่อยู่บ้านละคะ ปกติอยู่ฟาร์มไข่มุกไม่ใช่เหรอ”
เธอถามแล้วไม่สนใจว่าเขาจะนั่งตรงไหน รีบจัดการทำหน้าที่ของตัวเองให้เสร็จ ตอนเย็นจะไปช่วยน้ารุ่งรวีเปิดร้านขายกับข้าวอีก
“บ้านฉัน ฉันจะอยู่วันไหนต้องรายงานเธอเหรอ”
บัวชมพูเลิกคิ้ว แล้วยักไหล่ไม่คิดจะพูดอะไรอีก เธอเก็บขวดเบียร์ลงถังขยะแล้วจัดการเช็ดคราบน้ำก่อนจะลงมือถูบ้าน อลังการนั่งมองเธอทำงานไปเงียบๆ เธอหันมาถามเขาว่าต้องการการกาแฟเพิ่มไหม เขาพยักหน้า เธอจึงเช็ดมือแล้วรับถ้วยกาแฟใบเดิมของเขาไปชงให้ให้อีกแก้วแล้วยกมาให้ จะว่าไปเธอก็ทำหน้าที่ของเธอดีแล้ว แต่เพราะเขาหยุดงานตรงกับวันที่เธอมาทำความสะอาดพอดีถึงได้เจอกันแบบนี้
“ข้างล่างเสร็จแล้ว หนูขึ้นไปทำที่ห้องคุณใหญ่นะคะ”
“อืม”
หญิงสาวเดินไปขึ้นไปชั้นบน เขาขยับตัวเอนกายในห้องเพียงลำพัง ฟังเสียงการเคลื่อนไหว เขาไม่ได้จะจับผิดเธอ แต่แค่รู้สึกแปลกๆ ที่รู้สึกว่ามีคนอื่นอยู่ในบ้าน เขาอยู่คนเดียว ไม่ได้ติดต่อญาติพี่น้องมานาน ส่วนใหญ่จะโทรศัพท์หากัน แต่ไม่ได้ไปมาหาสู่สนิทสนมเหมือนแต่ก่อน เขาอยากอยู่คนเดียว เหมือนลงโทษที่ตัวเอง
เสียงออดดังหน้าบ้านเรียกอลังการให้ตื่นจากภวังค์ เขามองเลยไปยังชั้นบนแล้วนึกได้ว่า ผู้หญิงคนนั้นคงไม่ได้ยิน และต่อให้ได้ยิน เธอก็คงเถียงเขาฉอดๆ ว่าไม่ใช่คนรับใช้ที่ต้องวิ่งไปทำนั้นทำนี้ให้ อลังการยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว ลุกขึ้นไปเปิดประตูบ้าน
“ดีจริง อยู่บ้านด้วย”
“อาปกรณ์” อลังการประหลาดใจแต่ก็เบี่ยงตัวให้ชายร่างสูงใหญ่พอๆกับเขาเดินเข้ามาในบ้าน “จะมาหาทำไมไม่บอกก่อนละครับ”
“บอกให้แกหลบหน้าอาเรอะ!” ปกรณ์เดินเข้ามาด้วยความเคยชิน แต่อดกวาดตามองไม่ได้ อลังการลอบถอนหายใจโล่งอกที่ยัยหนูนั้นทำความสะอาดบ้านได้เรียบร้อยทันเวลา เขาอายุ42แล้ว แต่คนที่บ้านยังคงเป็นกังวลเรื่องของเขาอยู่
อลังการเดินไปที่ตู้เย็นเพื่อหยิบขวดน้ำดื่มออกมา แต่สายตาปะทะกับถังขยะที่มีกางเกงชั้นในสีแดงนอนสงบนิ่งอยู่ เขาลอบสบถแล้วหันซ้ายหันขวาเจอเพียงหนังสือฉบับเก่าวางอยู่ จึงหยิบมันโยนใส่ถังขยะทำให้ไม่เห็นกางเกงชั้นในเจ้าปัญหา ทำไมเมื่อก่อนเขาไม่คิดว่าเรื่องแค่นี้จะทำให้เขาวุ่นวายได้นะ
“บ้านช่องเรียบร้อยดี”
“อาครับ ผมอายุสี่สิบสองแล้ว อาอย่าทำเหมือนผมเป็นเด็กเลย”
“ก็รู้ว่าไม่ใช่เด็ก แต่มีคนเป็นห่วงไม่ดีหรือไง” ปกรณ์รับน้ำเย็นจากอลังการมาดื่ม
“อามาเที่ยวหรือครับ พักที่ไหน ไม่เห็นกระเป๋าเสื้อผ้าเลย”
“โรงแรม” ปกรณ์ตอบห้วนๆ “มาประชุมกับลูกค้าแล้วแม่แกฝากดูด้วยว่าลูกชายคนเดียวยังหายใจอยู่หรือเปล่า”“แม่ก็พูดเกินไป ผมก็โทรหาอยู่บ่อยๆ”“เออ แต่ใครจะไปรู้ว่าแกทำอะไรอยู่ที่นี่เล่า”“ผมก็ทำมาหากินไงครับอา ฟาร์มไข่มุกของผมไง”“ก็ไม่ได้มีใครเขาอยากวุ่นวายกับแกหรอกนะไอ้ใหญ่ แต่แกก็อายุไม่น้อยแล้ว ชีวิตก็จะเข้าโค้งสุดท้ายแล้ว จะมีเมียหรือมีผัวก็เอาสักอย่างเถอะ คนเขาเป็นห่วง”พรวดดดอลังการถึงกับสำลักน้ำที่กำลังดื่ม“นี่...นี่คิดว่าผมเป็นเกย์เหรอ”“เฮ้ย! ไม่ต้องทำหน้าตกใจขนาดนี้” ปกรณ์ตบไหล่หลานชาย “ยุคนี้แล้ว ใครๆ เขาก็เปิดใจยอมรับได้แล้ว คนที่กรุงเทพฯ เป็นห่วงไม่อยากเห็นแกต้องใช้ชีวิตคนเดียว นี่พ่อกับแม่แกเป็นห่วงแกมากนะเว้ย ถึงได้จ้างเอ๊ย! ไหว้วานให้อามาดู”“ไร้สาระ” อลังการยกหลังมือขึ้นเช็ดน้ำที่มุมปาก“ถ้าไม่ได้ชอบผู้ชายด้วยกัน แล้วมีเมียซ่อนไว้ที่นี่หรือไง บ้านที่กรุงเทพฯ ถึงไม่กลับ” ปกรณ์ทำหน้ามุย “อันที่จริง ก็มีคนอยากได้แกไปเป็นลูกเขยอยู่นะ จำหนูเนยลูกสาวของคุณน้ารำเพยได้ไหม”“เดี๋ยวนะ หนูเนยที่ว่าคือหนูเนยที่อายุสามสิบหกนะเหรอ”“จะพูดเรื่องอายุทำไม แกมันก็สี่สิบกว่าแล้ว คบคนอายุใกล
หญิงสาวปั่นจักรยานกลับมาบ้านเช่า แม่ยังคงหลับพักผ่อนอยู่ นับวันร่างกายยิ่งดูอ่อนแอลงมาก รุ่งรวีกำลังเตรียมเครื่องผัดไทเพื่อไปขายที่ตลาด บัวชมพูล้างมือแล้วเข้าไปช่วยหั่นหัวปลีแช่น้ำเกลือไม่ให้ดำ เธอลอบมองไปยังเตียงที่แม่หลับอยู่แล้วเอียงตัวเข้าใกล้รุ่งรวี กระซิบพูดเสียงเบา “น้ารวีค่ะ หนูมีเรื่องขอร้องให้น้าช่วย” “เรื่องอะไร มีอะไรว่ามาได้เลย” “เรื่องที่หนูบอกน้า น้าอย่าให้แม่รู้นะคะ” คราวนี้รุ่งรวีนิ่งไปอึดใจก่อนพยักหน้ายอมรับ บัวชมพูสูดลมหายใจลึกแล้วค่อยพูดออกมา “หนูจะไปทำงานพิเศษกับคุณใหญ่ค่ะ” “งานพิเศษ? งานอะไร” ยิ่งไม่อยากให้ยุ่งเกี่ยว ก็มีเรื่องให้เกี่ยวพัน “ถ้าเป็นห่วงเรื่องเงินก็ไม่ต้องคิดมาก น้ายังพอไหว หนูบัวต้องใช้เงินเท่าไหร่ น้าเอารถไปเข้าไฟแนลให้เอง” บัวชมพูรู้สึกแสบจมูกขึ้นมา เธอไม่มีพ่อมาคอยใส่ใจ แต่กับรุ่งรวีแล้วราวกับคนในครอบครัวกันจริงๆ แม่ของเธอล้มป่วยก็ไม่เคยทอดทิ้ง คอยดูแลอยู่ใกล้ๆ เธอที่เป็นลูกยังทำหน้าที่ลูกที่ดีไม่ได้เลย “หนูรับปากคุณใหญ่ไปแล้วค่ะ” “งานอ
แปลก แปลกจริงๆ ไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน หรืออาจจะเคยเป็น แต่ก็นานมากแล้ว อลังการประหลาดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง เขาไมได้เสียดายเงินสามหมื่นที่โอนให้ยัยเด็กบัวชมพู แต่เพราะตัวเองกลับรู้สึกแปลกๆ กับเด็กคนนี้เสียเอง แรกที่เดียวแค่ต้องการตัดปัญหาเรื่องอาปกรณ์และไม่อยากมีเมียเป็นแม่ชี เลยคว้าเอาผู้หญิงที่อยู่ใกล้มือมาเป็นเมียชั่วคราวไว้ก่อน แต่หลังจากนั้นเขาลองสอบถามกับคนสนิท พอจะรู้ได้ว่าร้านที่บัวชมพูพูดถึงคือร้านผัดไทเล็กๆ ที่แต่เดิมเปิดโต้รุ่ง แต่เพราะทางการมีคำสั่งเรื่องเคอร์ฟิวทำให้ต้องเปลี่ยนมาขายรอบบ่ายไปถึงเย็นแทน เขาแอบขับรถไปจอดซุ่มดู เห็นยัยเด็กหน้าใสเป็นลูกมือช่วยผู้หญิงอีกคน ถ้าจำไม่ผิกคือรุ่งรวี คนรักของสารภี แม่ของบัวชมพูนั้นแหละ นั่งมองอยู่บนรถดีๆ ทำไมมองไปมองมาถึงรู้สึกว่ายัยเด็กนั้นน่ามองนักนะ มีหน้ากากผ้าปิดครึ่งใบหน้าแต่รู้สึกเหมือนเธอยิ้มตลอดเวลา ร้านขายไม่ดีเท่าไหร่ แน่นอนว่าที่ไหนๆ ก็เป็นอย่างนี้ แต่เห็นบัวชมพูถือกล่องผัดไทไปแจกนักท่องเที่ยวที่เดินทางกลับไม่ได้ บางคนเงินหมด บางคนต้องเซฟเงิน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ไม่มีใค
รถกระบะคันใหญ่ขับตรงไปที่โรงแรมไม่ไกลจากบ้านพักของเขานัก ปกติบ้านของเขาก็ไม่ได้มีไว้เพื่อรับรองใครอยู่แล้ว เขาเน้นอยู่คนเดียว ดูแลสะดวก เวลาใครไปใครมา เขาก็ถีบส่งให้พักโรงแรมหมดนั้นแหละ นิสัยเขาเป็นแบบนี้ คนในครอบครัวก็ชินแล้ว จึงไม่แปลกใจที่ปกรณ์มาถึงก็ตรงดิ่งไปที่โรงแรมเลย ปกรณ์นั่งรอที่ล็อบบี้ ตอนนี้จะให้สั่งอาหารได้แต่นั่งกินในห้องอาหารไม่ได้ เขาเลยคิดจะสั่งขึ้นไปกินบนห้องแทน แต่อยู่ๆ จะนั่งรอบนห้องก็เกรงใจ ‘เมีย’ ของอลังการ ก็เลยมานั่งรออยู่ข้างล่างแทน ถ้าบอกว่าไม่แปลกใจถ้าหลานคนนี้จะมีเมีย แต่ที่แปลกใจคือ ‘เมียเด็ก’ ต่างหาก หรือหลงเด็กจนไม่อยากกลับกรุงเทพฯ ก็ไม่รู้ ครู่หนึ่งเขาเห็นคนที่รอเดินเข้ามา ปกรณ์อธิบายคราวๆ แล้วเดินตรงไปที่ลิฟต์ เขาลอบมองเมียของอลังการอยู่บ่อยๆ แต่หญิงสาวก็แค่ส่งยิ้มเล็กน้อย ไม่มีสีหน้าผิดแปลกอะไร หรือเป็นเขาที่คิดมากไปเอง อลังการมองมือเรียวเล็กที่แตะแขนของเขา เธอสงบปากสงบคำไม่มีลับฝีปากแต่อย่างใด ปกรณ์ถามอะไรก็ตอบไปน้ำเสียงเป็นปกติไม่กระด้างและไม่มีท่าทีขี้เล่น จนเขานึกประหลาดใจว่าผู้หญิงคนนี้เป็นนักแสดงหรือเปล่ามีองค์เจ้าแม่ม
เขาเลื่อนกระจกลงแล้วถาม “ทำไมไม่อ่านไลน์” “หนูเรียนออนไลน์อยู่ค่ะ” บัวชมพูเบ้ปากใส่ “มีธุระอะไรคะ” “ไปทำกับข้าวให้อาฉันกินหน่อย” “เอ๊ะ? ยังไงคะ หนูงง” “อาปกรณ์อยากกินข้าวเย็นฝีมือเธอ” เขาขึงตาใส่แต่ไม่ได้ทำให้เด็กสาวกลัวเลยสักนิด “อ้อ! ได้ค่ะ วันนี้ไม่มีเรียนแล้ว หนูเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวออกมานะคะ” “เดี๋ยวก่อน” “คะ” “ฉันต้องไปกรุงเทพฯ เธอไปกับฉันด้วย” “ไปกรุงเทพฯกับคุณใหญ่? ให้หนูไปทำอะไรคะ” “ไปเป็นเมียฉันไง!” “ออกต่างจังหวัดขอค่าแรงเพิ่มค่ะ” “เฮ้ย! ฉันให้ไปสามหมื่น มือยังไม่ได้จับนี่ยังจะมาเรียกเพิ่มอีกเรอะ” เธอหงายฝ่ามือขึ้นแล้วพูด “ขอมือค่ะ” ดวงตากลมเป็นประกายวาววับจนอลังการตะลึงไป ทำตามที่เสียงหวานใสพูดอย่างลืมตัว บัวชมพูมืองฝ่ามือใหญ่ที่ว่างบนฝ่ามือเธอแล้วก็ยกมืออีกข้างขึ้นลูบคางที่เพิ่งโกนหนวดออกไปเบาๆ “เก่งมาก” “เฮ้ย!” เขาร้องอย่างนึกได้ ปัดมือหญิงสาวออก อีกฝ่ายหัวเราะคิ
เกินคาดคิด ยัยเด็กปากร้ายนี้แท้จริงแล้วหวานฉ่ำจนเขาไม่อยากหยุด ฝ่ามือเลื่อนมาลูบไล้แผ่นหลัง ไม่เคยคิดเลยว่าผู้หญิงคนนี้จะปั่นปวนอารมณ์เขาได้มากถึงเพียงนี้ “พอ...พอแล้ว..” บัวชมพูเบือนหน้าหนีก็พูดออกมาด้วยเสียงสั่น “พอได้แล้ว”“พอแล้วจริงๆ เหรอ” เขายั่วแล้วงับติ่งหูของเธอเล่น ทำให้หญิงสาวย่นคอเหมือนเต่าตัวน้อย บัวชมพูพยายามเรียกสติของตัวเอง เธอเคยคิด เคยจินตนาการเรื่องระหว่างชายหญิงกับผู้ชายที่เธอปลื้มนั้นก็คือเขา แต่ไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้นได้จริง ไม่ว่าอย่างไร คนอย่างอลังการไม่มีวันสนใจผู้หญิงอย่างเธอแน่นอน มันเหมือนเธออยู่ผิดที่ผิดเวลา หากวันนั้นเธอไม่ได้ยืนอยู่ในระยะเอื้อมมือคว้า เขาจะโอบไหล่เธอแล้วบอกว่าเป็นเมียอย่างนั้นเหรอ “คุณเล่นเลยเถิดไปแล้วนะ” อลังการเลิกคิ้วประหลาดใจกับน้ำเสียงเย็นชาของหญิงสาว คราวนี้เธอไม่ได้แสดงสีหน้าหวั่นไหวใดๆ อีก ด้วยท่าทางของเธอเป็นอย่างนี้ทำให้ความมั่นใจในเสน่ห์ของตัวเองหายไปหมด ไม่จริงน่า! นอกจากจูบไม่มัดใจแล้วยังยั่วผู้หญิงไม่สำเร็จอีกเหรอ? “หนูต้องทำกับข้าวนะคะ ประเดี๋ยวเตรียมไม่ทันคุณอาปกรณ์มากินข้าว คุณใหญ่ไ
“อ้าว! ผมเป็นหลานอานะครับ”ปกรณ์หัวเราะแล้วเดินออกไป อลังการตามไปส่งที่หน้าบ้าน พูดคุยกันอีกเล็กน้อย เขายืนมองรถของอาปกรณ์เคลื่อนออกไปสุดสายตาแล้วจะเดินกลับเข้ามาในบ้าน บัวชมพูเคลียร์ห้องครัวเสร็จพอดี เมื่อเห็นมาก็เห็นอลังการยืนยกมือขึ้นกอดอกจ้องมองเธออยู่ก่อนแล้ว “มีอะไรหรือคะ” “ฉันน่าจะถามเธอมากกว่าว่าไปทำอะไรให้อาปกรณ์ชื่นชอบถึงขนาดนี้” “คุณใหญ่คิดอย่างนั้นเหรอคะ” เธอเอียงคอมองเขา “หนูมีเสน่ห์ขนาดนั้นเชียว” “เฮอะ! อย่างเธอเนี้ยนะ ใครจะมาสนใจ” เขาเบ้ปากใส่ “อ้าว! ก็คุณใหญ่พูดเหมือนอาปกรณ์หลงเสน่ห์หนูเองนี่” เธอแสร้งทำเป็นงุนงง “นั้นอาของฉัน แต่งงานมีเมียมีลูกแล้ว ห้ามยุ่งเด็ดขาด!” บัวชมพูเช็ดมือกับผ้าสะอาดแล้วปลดผ้ากันเปื้อนออก “หนูไม่ได้ทำอะไรเสียหน่อย มีแต่คนเข้ามาหาเอง” “นี่ๆ อย่ามาเถียงนะ” “หนูไม่ได้เถียง” เธอเบ้ปากใส่ “หนูเหนื่อยแล้ว ขอไปพักผ่อนก่อนนะคะ” “เดี๋ยวสิ! จะเดินหนีกันแบบนี้ไม่ได้” “คุณใหญ่! หนูบัวเหนื่อยแล้วค่ะ! อยากอาบน้ำพักผ่อน”
ทั้งที่ทั้งสองยังเปียกชุ่มแต่ร่างกายกับเร่าร้อนขยับกายเข้าหากัน บัวชมพูหลงใหลที่ร่างกายได้แนบชิดกันถึงเพียงนี้ เขาพรมจูบที่หน้าท้อง ลากเรียวลิ้นลงไปถึงกึ่งกลางของกายสาว แยกสองขาออกกว้างแล้วแทรกลิ้นร้อนไปแทนนิ้วกร้าน “อ๊า! คุณใหญ่! คุณใหญ่ขา!” บัวชมพูเสียวซ่านได้แต่พร่ำเรียกชื่อของเขา หยัดสะโพกเข้าหาเรียวลิ้นที่ทำให้เธอแทบคลั่ง “หอม” เขาพูดเสียงแหบพร่า “หวานมาก ฉ่ำไปทั้งตัว” เขาเร่งเร้าด้วยปากและนิ้วร้าย มือเล็กขยุ้มเส้นผมของเขาอย่างไม่รู้ตัว เหงื่อไหลโทรมกายแอ่นตัวขึ้นอย่างอดไม่อยู่ ส่งตัวเองเข้าไปในปากอันร้ายกาจของเขาจนกระทั่งร่างกายเกร็งกระตุกและหวีดร้องออกมาด้วยไปถึงจุดสุขสม อลังการไม่รอให้ร่างกายเธอได้หยุดพัก เขาหยัดตัวขึ้นแล้วคุกเข่าบนเตียง แยกเรียวขาสวยออกกว้างกว่าเดิม จับแก่นกายที่แข็งขันราวเสาหินเข้าไปในช่องรักที่หลั่งน้ำหวานจนฉ่ำชื้น “อร๊ายยย ...อึก...คุณใหญ่ขา..ลึก...มันลึก...” “ซี๊ดดด เก่งมาก หนูรับของฉันได้หมด อ่า แน่นมาก หนูบัวรัดของฉันแน่นมาก” อลังการครางอย่างพอใจ เขาดุนดันเข้าไปที่ละนิด ถอยอ
“ก็ยังต้องรอดูนั้นแหละ ถ้าใช้วิธีของผมนะจบง่ายกว่านี้” ราชันยักไหล่ “ก็เดหลีเป็นคนดีนี่ค่ะ” ลลิน ได้ยินเสียงร้องกรี๊ดๆ ดังลั่นมาถึงด้านนอก คงขู่ให้กลัวได้อยู่บ้าง “คนห่วงหน้าตาอย่างเบลล่า คงไม่กล้าทำอะไรอีกแน่ๆ ค่ะ” “ก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น เอาล่ะ กลับบ้านเราเถอะ” “อ้าว! แล้วไม่ไปเยี่ยมคุณยักษ์แล้วหรือคะ” “ไปทำไม เจ็บแค่นิดเดียวเอง ให้เมียมันดูแลเถอะ” หญิงสาวหัวเราะเสียงใส แสดงว่าที่นอนอยู่นั้นคงตั้งใจ ‘ออเซาะ’สินะ ราชันบีบปลายจมูกของคนรักอย่างหยอกล้อ ที่เขายอมมาช่วยก็เพราะเป็นห่วงเดหลีหรอก ไม่ใช่เพราะอยากมาช่วยเจ้ายักษ์ แต่เอาเถอะ ถึงตอนนี้แล้ว คงจัดการตัวเองได้แล้วล่ะ…………มังกรกัณฐ์ชะเง้อมองไปทางประตู เขารอให้คนรักกลับเข้ามาจะได้แกล้งเจ็บออดอ้อนให้สมใจอยาก แค่โดนรถเฉี่ยวนิดเดียว แต่เดหลีหวีดร้องอย่างกับเขาแขนขาขาดกระเด็น แต่ไหนๆ ก็มาถึงขั้นนั้นแล้ว เขาจึงสวมบทคนเจ็บให้เต็มที่“โตขนาดนี้แล้วยังเล่นเป็นเด็กอีก” คุณบุรินทร์อดดุหลานชายไม่ได้ ทีแรกได้ยินว่าประสบอุบัติเหตุก็นึกว่าอาการหนัก ยิ่งเห็นเดหลีร้องไห้ต
พนักงานในบริษัทต่างลอบมองหญิงสาว แต่เดหลีทำเป็นไม่ใส่ใจ เธอยังคงทำงานของเธอ พูดคุยกับทุกคนเช่นที่เคยผ่านมา ในเมื่อมังกรกัณฐ์ประกาศออกไปอย่างนั้นแล้ว เธอจะก้มหน้าอายอะไรอยู่ ฐานะชาติกำเนิดของเธอเปลี่ยนแปลงไม่ได้ สิ่งที่ทำได้คือยอมรับความจริงและเผชิญหน้ากับมัน “นี่ๆ เลิกงานแล้วไปซื้อของกันนะ” มังกรกัณฐ์ทักเดหลี ท่าทางของเขาผ่อนคลายลงมาก คิดว่าต่อไปนี้คงไม่มีเรื่องอะไรมารบกวน ‘ชีวิตคู่’ ของเขาอีกแล้ว “ซื้ออะไรคะ” เธอถามสายตายังคงอยู่กับเอกสารตรงหน้า “แหวนไง” “แหวน?” คราวนี้หญิงสาวเงยหน้าขึ้น “แหวนอะไรคะ” มังกรกัณฐ์เบ้ปาก เดินมาจับมือซ้ายของหญิงสาวขึ้น “มือเธอยังไม่มีแหวนแต่งงานเลย” “แหวนแต่งงาน” ใบหน้าหวานขับสีแดงระเรื่อขึ้นมาทันที “เพราะไม่ได้ใส่แหวนแต่งงานละมั้ง คนอื่นถึงไม่รู้ว่าเธอมีเจ้าของแล้ว” เขาหัวเราะออกมา “ถ้าอย่างนั้นคุณยักษ์ก็ต้องใส่ด้วย คนอื่นจะได้รู้ว่าคุณยักษ์มีเจ้าของแล้ว” เธอพูดใส่เขา แต่อีกฝ่ายกลับยิ้มกว้าง “มันต้องอย่างนั้นอยู่แล้ว” เขายกมือข้างซ้ายของเธอขึ้นมาจูบเบาๆ “เรื่องพิธีแต่งงาน ฉันพูดจริงนะ ฉันอยากจัดงานแต่งงาน อยากให้เธอสวมชุดเจ้าสาว” “ไ
“ก็ฉันหวงเธอ อยากให้เธอเป็นเมียฉัน เป็นแม่ของลูก เรื่องแค่นี้คิดไม่ได้จริงๆ เหรอเดหลี” เพราะปลดปล่อยไปแล้วรอบหนึ่ง รอบสองจึงยาวนานกว่าครั้งแรก เขาขยับตัวเปลี่ยนท่านจับหญิงสาวนอนตะแคงแล้วยกเรียวขาแยกออกสอดใส่จากด้านหลัง มือหนึ่งก็ขยี้จุดเสียวซ่าน อีกมือบีบเคล้นหน้าอกเพิ่มความเสียวกระสัน เขาฟังเสียงครางของหญิงสาวอย่างพอใจ แล้วกระซิบข้างหู “ฉันบอกแล้ว ต่อไปนี้เรื่องของเธอคือเรื่องของฉัน ไม่ว่าปัญหาอะไรของเธอ ที่ฉันพูดกับพ่อเธอวันนี้ก็พูดจากใจจริง ไม่ได้แค่พูดเอาใจใคร” “คุณยักษ์” เธอเอี้ยวหน้าหันมามองเขา วันนี้เธอรู้สึก “รัก” เขามากกว่าทุกวัน รักมากเสียจนอยากกักเก็บเขาไว้เป็นของเธอคนเดียว ไม่ว่าเขาจะทำไปเผื่อรักษาหน้าเขาเองหรือเพราะพูดด้วยความจริงใจ เธออยากรักษาห้วงเวลาพิเศษนี้ไว้ให้เนิ่นนาน “แล้วเลิกคิดเรื่องหย่าไปได้เลย” เขาขบติ่งหูของเธออย่างมันเขี้ยว “โอ๊ย เสียว ขอกระแทกแรงๆนะเมียจ๋า” “อะ..อะ ..อร๊ายยย” “โอ้วว” ชายหนุ่มปลดปล่อยอีกระลอกพร้อมหญิงสาวที่ไปถึงจุดสุดยอดอีกครา คราวนี้เขายอมถอนแก่นกายออกจากร่องรัก เขาโน้มหน้าลงจูบหน้าผากชื้นเหงื่อเบาๆ เขาลุกขึ้นจากเตียง ดึงผ้
“อย่างไรเราก็คนครอบครัวเดียวกัน หรือคุณอาคิดว่าคนอื่นจะดีกับคุณอาเท่ากับผมหรือเดหลีละครับ แต่ถ้าคุณอาไม่เห็นผมเป็นลูกเขยก็ไม่เป็นไร ผมส่งคุณอาให้เสี่ยศักดิ์ชัยดีไหมครับ ได้ยินว่าเสี่ยศักดิ์ชัยตามหาคุณอาอยู่เหมือนกัน” “ไม่ต้องๆ” พ่อของเดหลีรีบร้อนเอ่ยขึ้น เผลอมองไปทางด้านนอกซึ่งมีรถเก๋งคันหนึ่งจอดอยู่ และเหมือนคนในรถจะรู้ตัว รีบขับออกไปทันที ทำให้พ่อของเดหลีอึกอักทำอะไรไม่ถูก “เอาอย่างนี้นะครับ ประเดี๋ยวผมให้คุณปกรณ์มารับคุณอา หาที่พักสะดวกๆ เข้าโครงการบำบัดยาเสพติด ถ้าคุณอาเชื่อฟังดีๆ หนี้สินต่างๆ ผมเป็นลูกเขยจะจัดการให้เอง” รอยยิ้มของมังกรกัณฐ์เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่กดดันอีกฝ่าย “แต่ถ้าคุณอาไม่ยินดี ผมคงไม่สามารถช่วยอะไรคุณอาได้ รวมทั้งเรื่องเสี่ยศักดิ์ชัยด้วย หรืออย่างน้อยก็เห็นแก่หน้าลูกสาวของคุณอา ทำตัวให้สมกับเป็นพ่อที่ดีสักครั้ง” คราวนี้ทำให้พ่อของเดหลีสงบลงไปได้ มังกรกัณฐ์ถอนหายใจเบาๆ หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจะโทรหาปกรณ์ แต่คนทนายประจำตระกูลก้าวเท้ายาวๆ เข้ามาพอดี “จัดการเรียบร้อยแล้วเหรอ” ปกรณ์ทักแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อ เพรา
เขาไม่มีท่าทีจะก่อกวนในที่ทำงานอย่างที่เขาชอบขู่เอาไว้ ทำให้หญิงสาววางใจทำงานอย่างสบายใจ ส่วนเรื่องเสียงนินทานั้น เธอชินแล้ว แต่ก่อนที่จะมาอยู่ดูแลคุณลออ เธอเองเคยถูกเพื่อนร่วมชั้นเรียนไม่ชอบหน้า เบ้ปากมองบนใส่จนเคยชิน บางคนชอบพูดว่าเธอทำตัวเป็นลูกรักของครู-อาจารย์ แต่เธอเพียงแค่ต้องเรียนอย่างหนัก ไม่มีเงินไปลงเรียนพิเศษ และต้องหาทุนให้ตัวเองเรียน การเข้าหาอาจารย์เพื่อติดตามเรื่องขอทุนรวมทั้งหางานพิเศษทำ จึงเป็นเรื่องปกติสำหรับเธอ แต่ที่ไม่ปกติสำหรับเธอก็คือ ทุกวันทำงานหนักหัวหมุนแค่ไหน เรื่องบนเตียงของเขาไม่เคยหยุดพัก ไม่รู้เขาไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนมากมายขนาดนี้ ‘คนอะไรกินดุ กินจุ ตะกระตะกรามที่สุด!’ “เดหลี” “คะ” “เหม่ออะไร ฉันใช้งานเธอหนักไปเหรอ” มังกรกัณฐ์ถามแล้วดีดนิ้วใส่หน้าผากเธอเบาๆ “เก็บกระเป๋ากลับบ้านได้แล้ว จะหกโมงเย็นแล้ว” “ค่ะ” เดหลียกมือลูบหน้าผากตัวเอง เมื่อไม่มีคนอื่น เขาชอบแกล้งเธอแบบนี้ หญิงสาวปิดคอมพิวเตอร์แล้วหยิบกระเป๋าขึ้นคล้องไหล่ ทั้งสองเข้าไปในลิฟต์แล้ว มังกรกัณฐ์จึงเอ่ยถาม
เดหลีไปได้พูดอะไร คำพูดของเธอไม่มีความหมาย แต่ไหนแต่ไรก็เป็นเช่นนี้ เธอเป็นเพียงตัวแทนของลูกสาวที่จากไปแล้วของคุณลออ ท่านมักคิดถึงแต่เรื่องวัยเยาว์ของลูกสาวเสมอ “ได้เวลาพักผ่อนแล้วค่ะ” พยาบาลพิเศษเดินเข้ามาเรียกอย่างสุภาพ คุณลออพยักหน้ารับแต่ไม่ลืมลูบใบหน้าของหญิงสาว“แม่รักหนูนะลูก”‘หนูก็รักคุณท่านค่ะ’เดหลีได้แต่พูดในใจ พลางนึกถึงท่าทีของแม่ที่มีต่อเธอ เป็นเธอเองที่ยังทำใจยอมรับไม่ได้ อย่างที่ป้าคอยพูดกับเธอเสมอ ให้เธอให้อภัยแม่“ร่างกายแข็งแรงดีแล้วรึ” คุณบุรินทร์เอ่ยถามเมื่อคุณลออออกไปพร้อมพยาบาลพิเศษแล้ว“แข็งแรงดีแล้วค่ะ” เธอตอบเสียงเบา นึกถึงเรื่องที่คุณบุรินทร์เอ่ยในโรงพยาบาล ให้เธอหย่ากับมังกรกัณฐ์ คงถึงเวลาที่เธอต้องทำตามคำสั่งของคุณบุรินทร์ เวลาของซินเดอเรลร่าหมดลงแล้วสินะ“หนู...”“คุณปู่ครับ”เดหลีสะดุ้งไม่คิดว่าจู่ๆ มังกรกัณฐ์จะเข้ามาแบบนี้ คุณบุรินทร์หรี่ตามองหลานชายที่เดินเร็วๆ เข้ามาคว้าข้อมือของหญิงสาวไว้“ผมมีงานค้างอยู่ ขอเอาตัวเดหลีไปก่อนนะครับ”“เออ อ้าว ...เฮ้อ” ยังไม่ทันได้พูดอะไร หลานตัวดีก็แทบลากเดหลีออกจากห้องไป ทั้งคู่เดินออกไปแล้วทิ้งไว้เพียงคนแก่นั
ทั้งที่มังกรกัณฐ์เพิ่งเคยมาบ้านป้าของเดหลีเป็นครั้งแรก แต่เขาก็ทำราวกับว่ามาที่นี่นับครั้งไม่ถ้วน เดิมทีเดหลีคิดว่าเขาแค่ขับรถมาส่งเธอ แต่ไม่คิดว่าเขาจะอาสาขนของเข้ามาในบ้านและไหว้ป้ากับแม่ของเธอ “นี่คุณมังกรกัณฐ์ เจ้านายของหนูค่ะ” เดหลีแนะนำชายหนุ่มให้ป้ากับแม่รู้จัก ทั้งสองมีสีหน้างุนงงแต่ก็ยิ้มให้ “เจ้านาย...” ป้าเอ่ยเหมือนอยากถามแต่เกรงใจ ลอบกวาดสายตามองผู้ชายตรงหน้า เขาเหมือนหลุดออกมาจากซีรีย์เกาหลีที่ชอบดูยังไงก็ไม่รู้ แต่ที่สำคัญ หลานสาวไม่เคยพาใครมาที่บ้าน หลานไม่มีเพื่อนสนิท กลับบ้านทุกเดือนก็จริงแต่ก็แค่ซื้อของเข้าบ้าน เอาเงินเดือนมาให้ ป้ารู้ว่าหลานมีเรื่องผิดใจกับแม่ ซึ่งป้าเพียรพยายามเป็นกาวใจให้สองแม่ลูก แต่หลานสาวก็ปิดกั้นตัวเองเต็มที่ มังกรกัณฐ์อ้าปากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่เดหลีใช้ศอกกระทุ้งเขาเบาๆ เป็นเชิงเตือน สายตาดุๆ ของเธอทำให้เขาปิดปาก นึกประหลาดใจที่ตัวเองยอมทำตามเธอขู่ได้ “พอดีหนูซื้อของเยอะ เจ้านายเมตตามาส่งค่ะ” “อ้อ...อย่างนั้นเองหรือจ๊ะ ขอบใจมากเลยพ่อคุณ” ป้ายิ้มบางๆ แต่ฝ่ายคนเป็นแม่ได้แต่ยิ้มแห
ชายหนุ่มส่งยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วพูด “เธอหึงฉันละสิ เลขาที่อาปกรณ์ส่งมาให้เป็นผู้ชายนะ” “ไม่ได้หึงเสียหน่อย” เดหลีขึงตาใส่ “แค่เป็นห่วงเรื่องงานเท่านั้น” “ให้นั่งๆ นอนๆ เป็นคุณนายอยู่ที่นี่ไม่ดีหรือไง” เขาถาม “อยากกินอะไรหรือช้อปปิ้งอะไรก็ทำได้เลย ฉันทำบัตรเครดิตไว้ให้แล้ว” “ก็ชอบทำงานนี่ค่ะ” หญิงสาวพูดไปตามจริง “อีกอย่าง เดหลีรับเงินเดือนจากคุณบุรินทร์ หยุดงานมาเป็นหลายวันแล้ว เกรงว่า...” “เรื่องนั้นเลิกคิดได้เลย ต่อไปนี้ค่าใช้จ่ายของเธอ ฉันจัดการเอง” เขายกแก้วน้ำขึ้นดื่ม “ค่าใช้จ่ายของน้องมะยม ค่ายาของแม่ เงินเดือนของเธอ ฉันรับผิดชอบเองทั้งหมด ต่อไปนี้เงินในบัญชีฉันก็เหมือนเงินของเธอ” “ไม่ได้นะคะ คุณยักษ์ทำแบบนั้นไม่ได้” เดหลีเผลอลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ “ทำไมจะไม่ได้ เธอเป็นเมียฉัน ฉันก็ต้องเลี้ยงดูเธอสิ” “แต่เดหลีอยากทำงานมีรายได้ของตัวเองค่ะ” แววตาของเธอจริงจังไม่ได้ล้อเล่น “กลัวฉันดูแลเธอไม่ได้หรือไง” มังกรกัณฐ์ขมวดคิ้ว “วันนี้คุณยักษ์ดูแลเดหลีดีมากค่ะ แต่วันข้างหน้า สถานะของเ
“จะบ้าเรอะ! ใครจะเอากันที่ทำงาน! เธอไม่เห็นหรือไง งานมันกองท่วมโต๊ะเป็นภูเขาขนาดนั้น ฉันจะเอาเวลาที่ไหนไปซั่มกับใคร ก็แค่แกล้งเธอเท่านั้นแหละ” “แล้วคุณยักษ์แกล้งเดหลีทำไมคะ” “ก็เธอมันน่าแกล้งไหมละ ฉันเคยเสนอแล้วให้รับเงินจากฉันจะได้ไม่ต้องมาฝืนใจแต่งงานกันแบบนี้” “ก็...ไม่ได้ฝืนใจนี่ค่ะ” เธอพูดเสียงแผ่วแล้วขยับตัวถอยห่าง แต่กลับถูกเขาคว้าเอวไว้ก่อน “หมายความว่ายังไง เธอทำไปเพราะอยากได้เงินจากคุณปู่ไม่ใช่เหรอ หรือว่าเธออยากจับฉัน หรือรักฉันจริงๆ” ถูกเขาดูถูกครั้งแล้วครั้งเล่า เธอจะไม่เสียใจได้หรือไร เดหลีข่มความโกรธที่มีอยู่ในอก แต่ถูกสายตาที่จ้องมองแบบดูแคลน เอาเถอะ ไหนก็จะหย่าอยู่และก็จะย้ายออกไปแล้ว เธอจึงเชิดหน้าพูดขึ้น“การรักคุณคือหายนะสำหรับฉัน เพราะฉะนั้น ฉันจึงต้องเตือนหัวใจตัวเองไม่ให้เผลอใจไปรักคุณ”“รักกับฉันมันแย่มากขนาดนั้นเลยเหรอ” เขาไม่รู้ว่าควรโกรธหรือเสียใจดี“ไม่แย่หรอกค่ะ ถ้าเป็นคนที่คุณรัก แต่ฉันไม่ใช่คนที่อยู่ในสายตาคุณ ถ้าฉันรักคุณ ตัวฉันก็ต้องเจ็บปวดและทุกข์ทรมานกับรักข้างเดียว หรือถ้าคุณรู้ว่าฉันรักคุ