บัวชมพูถอนหายใจเบาๆ ยกหลังมือขึ้นปาดเหงื่อหลังจากถูบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอกวาดตามองดูความเรียบร้อยอีกครั้ง เมื่อไม่พบอะไรที่ต้องทำเพิ่มอีกจึงเก็บอุปกรณ์เข้าที่ ล้างมือแล้วปลดผ้ากันเปื้อนออก เตรียมตัวกลับบ้าน หญิงสาวลังเลอยู่เล็กน้อย ควรบอกเจ้าของบ้านก่อนดีไหมว่าเธอจะกลับแล้ว หรือออกไปเลยไม่ต้องบอกเขา สองสามครั้งที่เคยมาทำงานก่อนหน้านี้ เธอไม่ได้พบกับเขาตรงๆ ปกติคุณใหญ่หรือคุณอลังการ จะยุ่งกับงานในฟาร์มไข่มุก เธอมาทำงานแทนแม่
มือเล็กพับผ้ากันเปื้อนใส่ถุงผ้า ในถุงมีกล่องอาหารที่เธอทำมาจากบ้านด้วย ตั้งแต่จำความได้ พ่อทุบตีทำลายแม่อยู่เสมอ จนกระทั่งแม่ทนไม่ไหว อาศัยช่วงจังหวะที่พ่อเมาหลับหอบหิ้วเสื้อผ้าติดตัวมาไม่กี่ชิ้นแล้วจูงแขนเธอออกมาจากบ้านหลังนั้น แม่เคยพาเธอไปไหว้ตากับยายแต่ทั้งสองก็ไม่พอใจที่เห็นแม่กลับมาในสภาพนี้ ผัวทิ้ง ไม่มีเงิน มีลูกติด แม่พยายามทำงานหลายอย่าง ทำข้าวแกงขายตลาดนัด รับจ้างซ่อมแซมเสื้อผ้า จนแม่ตัดสินใจจะไปทำงานที่โรงงาน เธอกับแม่จึงได้ย้ายบ้านกันอีกหน เธอเองก็ช่วยแม่ทำงานมาตลอด งานเล็กๆ น้อยๆ พอได้เงินห้าบาทสิบบาทก็เอาทั้งนั้น การเรียนของเธอแค่ปานกลาง แต่อาศัยขยันหมั่นเพียรจนพอได้ทุนร่ำเรียนช่วยแม่ประหยัดค่าใช้จ่ายได้บ้าง จนเธอเรียนถึงระดับมหาวิทยาลัย ค่าใช้จ่ายมากขึ้น และมีคนชักชวนแม่ไปทำงานเป็นแม่บ้าน รายได้ดี เธอกับแม่จึงห่างกัน เธออยู่หอพักและเรียนถึงปี4แล้ว วันหยุด หรือปิดเทอม เธอจะหางานพิเศษทำเสมอ นานๆ จะได้กลับไปเยี่ยมแม่ที่ต่างจังหวัดสักที
แม่ทำงานเป็นแม่บ้านกับบริษัทแห่งหนึ่ง ตารางงานของแม่จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไป แต่เธอเคยพบกับ “คุณใหญ่” หรือ “คุณอลังการ” หลายครั้ง แต่เขาไม่รู้จักเธอ แน่ละ คนอย่างเขาจะเหลือสายตามามองผู้หญิงอย่างเธอเหรอ? คุณใหญ่เป็นผู้ชายตัวสูงใหญ่สมชื่อ ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้ม แถมด้วยเป็นถึงเจ้าของฟาร์มไข่มุกชื่อดัง ฐานะการเงินเรียกได้ว่าระดับเศรษฐี ทุกอย่างเรียกได้ว่าเฟอร์เฟค ยกเว้นแค่เรื่องครอบครัว เท่าที่รู้ คุณใหญ่เคยแต่งงานมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่แต่งได้ไม่นานก็หย่าร้างกับภรรยาคนสวย หลังจากนั้นก็มีผู้หญิงแวะเวียนมาเรื่อยๆ แต่ยังไม่เห็นมีวี่แววจะแต่งงานใหม่อีกครั้ง
เรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องที่เธอควรรู้ แต่เธออยากรู้ คุณใหญ่เคยมีสัมภาษณ์ลงนิตยสารธุรกิจหลายฉบับ เธอแอบซื้อเก็บไว้ เธอคิดไว้ว่าสักวัน ถ้าเธอเรียนจบจะลองมาสมัครงานที่ฟาร์มไข่มุกของเขา เธอรู้ว่าผู้หญิงจนๆ อย่างเธอไม่มีอะไรให้เขาชายตามอง ยิ่งความสวยยิ่งไม่มี แต่เขาเป็นคนที่ทำให้เธอรู้สึกอยากเป็นผู้หญิงที่เก่งกว่านี้ ดีกว่านี้ สวยกว่านี้ เพื่อว่าวันหนึ่งจะได้ยืนข้างเขาอย่างไม่อายใคร มันอาจเป็นแค่ความฝัน แต่ถ้าฝันแล้วไม่ทำให้ใครเดือดร้อนก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรนี่
แต่ตอนนี้เธอได้มาทำงานให้เขาจริงๆ แต่กลับเป็นฐานะของแม่บ้าน บัวชมพูลอบถอนหายใจอีกครั้ง เธอไม่ได้อยากให้เขาพบเธอสภาพนี้เสียหน่อย แต่เพราะแม่ป่วยและโรคไตของแม่เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ ประจวบกับทางมหา’ลัยต้องหยุดการสอนเพราะไวรัสโควิด-19ระบาด เธอเดินทางมาหาแม่ได้ทันก่อนที่จะไม่มีรถออกต่างจังหวัดพอดี แรกทีเดียวแม่ไม่ได้อยากให้เธอมาทำงานแทน แต่เธอหว่านล้อมแม่เอง และที่สำคัญ เรายังต้องใช้เงิน
บัวชมพูตัดสินใจไม่ไปบอกเจ้าของบ้าน เธอเก็บของแล้วหยิบหน้ากากผ้ามาปิดครึ่งใบหน้าใหเรียบร้อย สะพายถุงผ้าขึ้นคล้องไหล่ เดินออกมาอย่างเงียบๆ แล้วตรงไปที่จักรยานของตัวเอง ปั่นจักรยานคันเก่าที่น้ารุ่งรวีให้ยืมมาใช้ปั่นจากบ้านเช่าที่แม่พักอยู่มาทำงานที่บ้านคุณใหญ่ โดยไม่รู้ว่ามีสายตาคู่หนึ่งมองจากหน้าต่างชั้นสองของบ้าน เห็นหญิงสาวร่างเล็กกะทัดรัด รวบผมขึ้นเป็นหางม้าปั่นจักรยานเก่าๆ ออกจากบ้านของเขาไปตามถนนเส้นเล็กๆ จนสุดสายตา
ใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาที บัวชมพูก็ปั่นจักรยานมาถึงบ้านเช่าที่แม่อาศัยอยู่กับน้ารุ่งรวี แม่กับน้ารุ่งรวีอยู่ด้วยกันมาปีเศษแล้ว เธอเข้าใจความสัมพันธ์ของแม่กับน้ารุ่งรวีดี แม่เจ็บช้ำมามาก หากคนที่ทำให้แม่มีความสุข แม้จะเป็นผู้หญิงด้วยกัน เธอก็ยอมรับได้
หญิงสาวลงจากรถจักรยาน ไขกุญแจรั้วแล้วจูงจักรยานเข้าบ้านเช่า เธอเองก็คิดฝันเสมอว่าสักวันจะมีบ้านเป็นของตัวเอง เธอกับแม่จะได้ไม่ต้องเร่ร่อนเช่าห้องราคาถูกๆ อยู่ ยังไม่ทันไขกุญแจเปิดประตูบ้าน เสียงรถยนต์ก็แล่นมาหยุดที่รั้ว บัวชมพูหันไปมองแล้วรีบเดินเร็วๆ ไปเปิดประตูรั้วให้รถกะบะญี่ปุ่นสีขาวเข้ามาจอดด้านใน
“เพิ่งกลับมาเหรอหนูบัว” รุ่งรวีถามทันทีที่ลงจากรถ
“ค่ะ” บัวชมพูพยักหน้ารับแล้วเปิดประตูรถประคองแม่ลงมา แต่พอรุ่งรวีเข้ามาใกล้ บัวชมพูก็เบี่ยงตัวออกให้รุ่งรวีประคองแม่เข้าบ้าน ส่วนเธอเดินไปปิดประตูรั้วบ้าน ที่บ้านมีแต่ผู้หญิงอยู่กันสามคน เธอต้องคอยเตือนตัวเองไม่ให้หลงลืมเรื่องพวกนี้
“เป็นไงบ้าง เหนื่อยไหมลูก” สารภีถามลูกสาวด้วยความห่วงใยแล้วนั่งที่โซฟาอย่างเหนื่อยล้า
“หนูต้องถามแม่ต่างหาก” บัวชมพูหัวเราะเบาๆ เดินไปรินน้ำดื่มให้แม่กับน้ารุ่งรวี “แม่เป็นไงบ้างคะ”
“ก็เหมือนเดิมนั้นแหละ” แม่ยิ้ม “ทำให้คนอื่นต้องมาลำบากด้วยเลย”
“ลำบากที่ไหนเล่า” รุ่งรวีหัวเราะออกมา “ก็ถือว่าเป็นวันหยุดพักผ่อนไป”
รุ่งรวีเป็นแม่ค้าขายผัดไทตลาดโต้รุ่ง แต่ช่วงนี้รัฐบาลประกาศเคอร์ฟิวทำให้ต้องเปลี่ยนมาขายช่วงเที่ยงไปถึงเย็นแทน บัวชมพูเองก็คอยช่วยงานรุ่งรวีเสมอ ไม่ได้มาอยู่เปล่าๆ ส่วนแม่หลังจากกลับจากทำงาน ถ้าไม่เหนื่อยมากก็มาช่วยเช่นกัน ได้เห็นว่ารุ่งรวีดูแลแม่เป็นอย่างดี บัวชมพูก็สบายใจ
“แล้วบัวละลูก”
“อ้อ! วันนี้หนูเจอคุณใหญ่แล้วค่ะ”
“แล้วคุณใหญ่ว่าอะไรหรือเปล่า”
บัวชมพูนิ่งไปนิด คิดว่าเรื่องที่เจอไม่ควรเล่าให้แม่ฟังเพราะไม่อยากให้แม่ไม่สบายใจ อีกอย่าง ท่าทางคุณใหญ่ก็ไม่ได้อยาก ‘กอด’ เธอนักหรอก
“ก็ไม่เห็นมีอะไรนี่คะ” บัวชมพูยักไหล่แล้วรินน้ำดื่มให้ตัวเอง “ถ้าหนูทำงานมีปัญหา คุณใหญ่คงให้เปลี่ยนคนอื่นมาทำแทนแล้วค่ะ”
รุ่งรวีฟังแล้วก็ถอนหายใจออกมา “น้าไม่อยากให้ยุ่งกับคุณใหญ่เลย”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะน้ารวี คุณใหญ่ก็เป็นคนดี ชื่อเสียงโหดเหี้ยมไปสักหน่อยก็เป็นธรรมดาของคนทำธุรกิจ”
“ไม่ใช่แค่นั้นนะ เป็นเสือผู้หญิงด้วย”
“ก็ไม่ถึงขนาดนั้นมั้ง” คราวนี้แม่สารภีพูดขึ้น “ถึงจะมีผู้หญิงเยอะ แต่เป็นผู้หญิงอย่างว่า ไม่ได้ไปหลอกผู้หญิงมาฟันเสียหน่อย”
รุ่งรวีขึงตาใส่สารภี “ยังไงก็ต้องระวัง หนูบัวเป็นผู้หญิงด้วยต้องยิ่งระวังไว้ก่อน”
“บัวระวังอยู่แล้วค่ะ ไม่งั้นจะอยู่กรุงเทพฯ คนเดียวได้เหรอ” หญิงสาวหัวเราะออกมา “วันนี้แม่อยากกินอะไร บัวเข้าครัวทำกับข้าวเองค่ะ”
“คนเป็นไรคไตอยู่คนเดียวทำคนอื่นลำบากเรื่องอาหารการกินไปด้วยเลย” แม่อดบ่นไม่ได้
“ก็ไม่เป็นอะไรนี่คะ หนูกับน้ารวีก็ได้ถือโอกาสกินรสอ่อนๆ รักษสุขภาพไปด้วย” บัวชมพูให้กำลังใจแม่ “งั้นเดี๋ยวหนูเข้าครัวทำกับข้าวเลยแล้วกัน วันนี้น้ารวีกับแม่พักผ่อนสบายๆ ให้หนูจัดการเองค่ะ”
รุ่งรวีมองลูกสาวของคนรักเดินออกไปก็ถอนหายใจอีกหน สารภีเป็นฝ่ายยื่นมือมาตบหลังมือของรุ่งรวีเบาๆ แล้วส่งยิ้มบางๆ
“ขอบใจที่เป็นห่วงหนูบัวมากขนาดนี้ แต่แกก็โตแล้ว คิดอะไรเองได้แล้ว”
“ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ รู้ว่าไฟยังเข้าไปใกล้อีก”
“อันตรายมีอยู่รอบตัว ไม่ประมาทและเรียนรู้อย่างมีสติก็พอ”
รุ่งรวีส่ายหน้าไปมา “เธอนี่เป็นแม่ยังไงนะ”
สารภีหัวเราะออกมา “ก็เป็นแม่ไม่ได้ความปล่อยให้ลูกอยู่คนเดียว แถมต้องทำงานพิเศษอีกด้วย”
“ไม่ได้หมายความแบบนั้น” รุ่งรวีบ่นอุบอิบ
“มันก็เหมือนฉันมองตัวเองนั้นแหละ แต่ตอนนั้นฉันมันรั้น พ่อแม่เตือนอะไรไม่ฟัง ฉันก็ไม่อยากบังคับลูกจนลูกเตลิดไป ก็เลยได้แต่คอยบอก คอยดูแล และให้ลูกรู้ว่ายังมีแม่อยู่เคียงข้างเสมอ”
รุ่งรวีพยักหน้ารับอย่างจนใจ เธอคงทำได้แต่แค่เป็นห่วงสินะ เฮ้อ!
บัวชมพูยังคงมาทำงานบ้านแทนมารดาที่บ้านคุณอลังการตามปกติ เขาไม่ร้องเรียนกับบริษัทของแม่ นั้นแสดงว่ายอมรับให้เธอมาทำงานแทนแม่ได้ เธอได้กุญแจสำรองจากรปภ.ไขเข้าบ้านของอลังการเพื่อทำความสะอาดบ้าน หญิงสาวผงะไปเล็กน้อย ในห้องรับแขกอย่างกับมีสงครามเกิดขึ้น ขวดเบียร์เกลือนพื้นห้อง แก้วที่ล้มคว่ำน้ำเจิ่งนอง ข้าวของกระจัดกระจาย หรือว่า “ขโมยขึ้นบ้าน...” บัวชมพูพึมพำพอได้สติก็หันซ้ายหันขวาหาอาวุธ จะหยิบมีดก็กลัวเลยคว้าไม้กวาดขึ้นมาชูไว้ เสียงกุกกักดังจากชั้นสองของบ้าน เธอคิดจะโทรศัพท์แจ้งตำรวจ แต่เสียงเคลื่อนไหวเข้ามาใกล้ทำให้ไม่กล้าส่งเสียง ได้แต่กำไม้กวาดแน่น จนกระทั้งร่างสูงใหญ่เดินลงบันไดผ่านหน้าเธอ ชายหนุ่มถึงกับชะงัก ดวงตาคมจ้องมองไม้กวาดในมือหญิงสาวที่ชูขึ้นเหนือศีรษะทำท่าจะฟาดลง เขารีบยกมือกำด้ามไม้กวาดไว้ก่อน “เฮ้ย! จะทำอะไร! จะฆาตกรรมเจ้าของบ้านเรอะ!” “คุณใหญ่!” บัวชมพูตกใจ ไม่คิดว่าเขาจะอยู่ในบ้านเวลานี้ อลังการไม่วางใจ กระชากไม้กวาดออกจากมือของหญิงสาว แต่เพราะเธอไม่ทันตั้งตัวยังไม่ได้ปล่อยมือจากด้ามไม้กวาดร่างบางจึงเซถลาเข้าไปปะทะก
“โรงแรม” ปกรณ์ตอบห้วนๆ “มาประชุมกับลูกค้าแล้วแม่แกฝากดูด้วยว่าลูกชายคนเดียวยังหายใจอยู่หรือเปล่า”“แม่ก็พูดเกินไป ผมก็โทรหาอยู่บ่อยๆ”“เออ แต่ใครจะไปรู้ว่าแกทำอะไรอยู่ที่นี่เล่า”“ผมก็ทำมาหากินไงครับอา ฟาร์มไข่มุกของผมไง”“ก็ไม่ได้มีใครเขาอยากวุ่นวายกับแกหรอกนะไอ้ใหญ่ แต่แกก็อายุไม่น้อยแล้ว ชีวิตก็จะเข้าโค้งสุดท้ายแล้ว จะมีเมียหรือมีผัวก็เอาสักอย่างเถอะ คนเขาเป็นห่วง”พรวดดดอลังการถึงกับสำลักน้ำที่กำลังดื่ม“นี่...นี่คิดว่าผมเป็นเกย์เหรอ”“เฮ้ย! ไม่ต้องทำหน้าตกใจขนาดนี้” ปกรณ์ตบไหล่หลานชาย “ยุคนี้แล้ว ใครๆ เขาก็เปิดใจยอมรับได้แล้ว คนที่กรุงเทพฯ เป็นห่วงไม่อยากเห็นแกต้องใช้ชีวิตคนเดียว นี่พ่อกับแม่แกเป็นห่วงแกมากนะเว้ย ถึงได้จ้างเอ๊ย! ไหว้วานให้อามาดู”“ไร้สาระ” อลังการยกหลังมือขึ้นเช็ดน้ำที่มุมปาก“ถ้าไม่ได้ชอบผู้ชายด้วยกัน แล้วมีเมียซ่อนไว้ที่นี่หรือไง บ้านที่กรุงเทพฯ ถึงไม่กลับ” ปกรณ์ทำหน้ามุย “อันที่จริง ก็มีคนอยากได้แกไปเป็นลูกเขยอยู่นะ จำหนูเนยลูกสาวของคุณน้ารำเพยได้ไหม”“เดี๋ยวนะ หนูเนยที่ว่าคือหนูเนยที่อายุสามสิบหกนะเหรอ”“จะพูดเรื่องอายุทำไม แกมันก็สี่สิบกว่าแล้ว คบคนอายุใกล
หญิงสาวปั่นจักรยานกลับมาบ้านเช่า แม่ยังคงหลับพักผ่อนอยู่ นับวันร่างกายยิ่งดูอ่อนแอลงมาก รุ่งรวีกำลังเตรียมเครื่องผัดไทเพื่อไปขายที่ตลาด บัวชมพูล้างมือแล้วเข้าไปช่วยหั่นหัวปลีแช่น้ำเกลือไม่ให้ดำ เธอลอบมองไปยังเตียงที่แม่หลับอยู่แล้วเอียงตัวเข้าใกล้รุ่งรวี กระซิบพูดเสียงเบา “น้ารวีค่ะ หนูมีเรื่องขอร้องให้น้าช่วย” “เรื่องอะไร มีอะไรว่ามาได้เลย” “เรื่องที่หนูบอกน้า น้าอย่าให้แม่รู้นะคะ” คราวนี้รุ่งรวีนิ่งไปอึดใจก่อนพยักหน้ายอมรับ บัวชมพูสูดลมหายใจลึกแล้วค่อยพูดออกมา “หนูจะไปทำงานพิเศษกับคุณใหญ่ค่ะ” “งานพิเศษ? งานอะไร” ยิ่งไม่อยากให้ยุ่งเกี่ยว ก็มีเรื่องให้เกี่ยวพัน “ถ้าเป็นห่วงเรื่องเงินก็ไม่ต้องคิดมาก น้ายังพอไหว หนูบัวต้องใช้เงินเท่าไหร่ น้าเอารถไปเข้าไฟแนลให้เอง” บัวชมพูรู้สึกแสบจมูกขึ้นมา เธอไม่มีพ่อมาคอยใส่ใจ แต่กับรุ่งรวีแล้วราวกับคนในครอบครัวกันจริงๆ แม่ของเธอล้มป่วยก็ไม่เคยทอดทิ้ง คอยดูแลอยู่ใกล้ๆ เธอที่เป็นลูกยังทำหน้าที่ลูกที่ดีไม่ได้เลย “หนูรับปากคุณใหญ่ไปแล้วค่ะ” “งานอ
แปลก แปลกจริงๆ ไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน หรืออาจจะเคยเป็น แต่ก็นานมากแล้ว อลังการประหลาดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง เขาไมได้เสียดายเงินสามหมื่นที่โอนให้ยัยเด็กบัวชมพู แต่เพราะตัวเองกลับรู้สึกแปลกๆ กับเด็กคนนี้เสียเอง แรกที่เดียวแค่ต้องการตัดปัญหาเรื่องอาปกรณ์และไม่อยากมีเมียเป็นแม่ชี เลยคว้าเอาผู้หญิงที่อยู่ใกล้มือมาเป็นเมียชั่วคราวไว้ก่อน แต่หลังจากนั้นเขาลองสอบถามกับคนสนิท พอจะรู้ได้ว่าร้านที่บัวชมพูพูดถึงคือร้านผัดไทเล็กๆ ที่แต่เดิมเปิดโต้รุ่ง แต่เพราะทางการมีคำสั่งเรื่องเคอร์ฟิวทำให้ต้องเปลี่ยนมาขายรอบบ่ายไปถึงเย็นแทน เขาแอบขับรถไปจอดซุ่มดู เห็นยัยเด็กหน้าใสเป็นลูกมือช่วยผู้หญิงอีกคน ถ้าจำไม่ผิกคือรุ่งรวี คนรักของสารภี แม่ของบัวชมพูนั้นแหละ นั่งมองอยู่บนรถดีๆ ทำไมมองไปมองมาถึงรู้สึกว่ายัยเด็กนั้นน่ามองนักนะ มีหน้ากากผ้าปิดครึ่งใบหน้าแต่รู้สึกเหมือนเธอยิ้มตลอดเวลา ร้านขายไม่ดีเท่าไหร่ แน่นอนว่าที่ไหนๆ ก็เป็นอย่างนี้ แต่เห็นบัวชมพูถือกล่องผัดไทไปแจกนักท่องเที่ยวที่เดินทางกลับไม่ได้ บางคนเงินหมด บางคนต้องเซฟเงิน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ไม่มีใค
รถกระบะคันใหญ่ขับตรงไปที่โรงแรมไม่ไกลจากบ้านพักของเขานัก ปกติบ้านของเขาก็ไม่ได้มีไว้เพื่อรับรองใครอยู่แล้ว เขาเน้นอยู่คนเดียว ดูแลสะดวก เวลาใครไปใครมา เขาก็ถีบส่งให้พักโรงแรมหมดนั้นแหละ นิสัยเขาเป็นแบบนี้ คนในครอบครัวก็ชินแล้ว จึงไม่แปลกใจที่ปกรณ์มาถึงก็ตรงดิ่งไปที่โรงแรมเลย ปกรณ์นั่งรอที่ล็อบบี้ ตอนนี้จะให้สั่งอาหารได้แต่นั่งกินในห้องอาหารไม่ได้ เขาเลยคิดจะสั่งขึ้นไปกินบนห้องแทน แต่อยู่ๆ จะนั่งรอบนห้องก็เกรงใจ ‘เมีย’ ของอลังการ ก็เลยมานั่งรออยู่ข้างล่างแทน ถ้าบอกว่าไม่แปลกใจถ้าหลานคนนี้จะมีเมีย แต่ที่แปลกใจคือ ‘เมียเด็ก’ ต่างหาก หรือหลงเด็กจนไม่อยากกลับกรุงเทพฯ ก็ไม่รู้ ครู่หนึ่งเขาเห็นคนที่รอเดินเข้ามา ปกรณ์อธิบายคราวๆ แล้วเดินตรงไปที่ลิฟต์ เขาลอบมองเมียของอลังการอยู่บ่อยๆ แต่หญิงสาวก็แค่ส่งยิ้มเล็กน้อย ไม่มีสีหน้าผิดแปลกอะไร หรือเป็นเขาที่คิดมากไปเอง อลังการมองมือเรียวเล็กที่แตะแขนของเขา เธอสงบปากสงบคำไม่มีลับฝีปากแต่อย่างใด ปกรณ์ถามอะไรก็ตอบไปน้ำเสียงเป็นปกติไม่กระด้างและไม่มีท่าทีขี้เล่น จนเขานึกประหลาดใจว่าผู้หญิงคนนี้เป็นนักแสดงหรือเปล่ามีองค์เจ้าแม่ม
เขาเลื่อนกระจกลงแล้วถาม “ทำไมไม่อ่านไลน์” “หนูเรียนออนไลน์อยู่ค่ะ” บัวชมพูเบ้ปากใส่ “มีธุระอะไรคะ” “ไปทำกับข้าวให้อาฉันกินหน่อย” “เอ๊ะ? ยังไงคะ หนูงง” “อาปกรณ์อยากกินข้าวเย็นฝีมือเธอ” เขาขึงตาใส่แต่ไม่ได้ทำให้เด็กสาวกลัวเลยสักนิด “อ้อ! ได้ค่ะ วันนี้ไม่มีเรียนแล้ว หนูเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวออกมานะคะ” “เดี๋ยวก่อน” “คะ” “ฉันต้องไปกรุงเทพฯ เธอไปกับฉันด้วย” “ไปกรุงเทพฯกับคุณใหญ่? ให้หนูไปทำอะไรคะ” “ไปเป็นเมียฉันไง!” “ออกต่างจังหวัดขอค่าแรงเพิ่มค่ะ” “เฮ้ย! ฉันให้ไปสามหมื่น มือยังไม่ได้จับนี่ยังจะมาเรียกเพิ่มอีกเรอะ” เธอหงายฝ่ามือขึ้นแล้วพูด “ขอมือค่ะ” ดวงตากลมเป็นประกายวาววับจนอลังการตะลึงไป ทำตามที่เสียงหวานใสพูดอย่างลืมตัว บัวชมพูมืองฝ่ามือใหญ่ที่ว่างบนฝ่ามือเธอแล้วก็ยกมืออีกข้างขึ้นลูบคางที่เพิ่งโกนหนวดออกไปเบาๆ “เก่งมาก” “เฮ้ย!” เขาร้องอย่างนึกได้ ปัดมือหญิงสาวออก อีกฝ่ายหัวเราะคิ
เกินคาดคิด ยัยเด็กปากร้ายนี้แท้จริงแล้วหวานฉ่ำจนเขาไม่อยากหยุด ฝ่ามือเลื่อนมาลูบไล้แผ่นหลัง ไม่เคยคิดเลยว่าผู้หญิงคนนี้จะปั่นปวนอารมณ์เขาได้มากถึงเพียงนี้ “พอ...พอแล้ว..” บัวชมพูเบือนหน้าหนีก็พูดออกมาด้วยเสียงสั่น “พอได้แล้ว”“พอแล้วจริงๆ เหรอ” เขายั่วแล้วงับติ่งหูของเธอเล่น ทำให้หญิงสาวย่นคอเหมือนเต่าตัวน้อย บัวชมพูพยายามเรียกสติของตัวเอง เธอเคยคิด เคยจินตนาการเรื่องระหว่างชายหญิงกับผู้ชายที่เธอปลื้มนั้นก็คือเขา แต่ไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้นได้จริง ไม่ว่าอย่างไร คนอย่างอลังการไม่มีวันสนใจผู้หญิงอย่างเธอแน่นอน มันเหมือนเธออยู่ผิดที่ผิดเวลา หากวันนั้นเธอไม่ได้ยืนอยู่ในระยะเอื้อมมือคว้า เขาจะโอบไหล่เธอแล้วบอกว่าเป็นเมียอย่างนั้นเหรอ “คุณเล่นเลยเถิดไปแล้วนะ” อลังการเลิกคิ้วประหลาดใจกับน้ำเสียงเย็นชาของหญิงสาว คราวนี้เธอไม่ได้แสดงสีหน้าหวั่นไหวใดๆ อีก ด้วยท่าทางของเธอเป็นอย่างนี้ทำให้ความมั่นใจในเสน่ห์ของตัวเองหายไปหมด ไม่จริงน่า! นอกจากจูบไม่มัดใจแล้วยังยั่วผู้หญิงไม่สำเร็จอีกเหรอ? “หนูต้องทำกับข้าวนะคะ ประเดี๋ยวเตรียมไม่ทันคุณอาปกรณ์มากินข้าว คุณใหญ่ไ
“อ้าว! ผมเป็นหลานอานะครับ”ปกรณ์หัวเราะแล้วเดินออกไป อลังการตามไปส่งที่หน้าบ้าน พูดคุยกันอีกเล็กน้อย เขายืนมองรถของอาปกรณ์เคลื่อนออกไปสุดสายตาแล้วจะเดินกลับเข้ามาในบ้าน บัวชมพูเคลียร์ห้องครัวเสร็จพอดี เมื่อเห็นมาก็เห็นอลังการยืนยกมือขึ้นกอดอกจ้องมองเธออยู่ก่อนแล้ว “มีอะไรหรือคะ” “ฉันน่าจะถามเธอมากกว่าว่าไปทำอะไรให้อาปกรณ์ชื่นชอบถึงขนาดนี้” “คุณใหญ่คิดอย่างนั้นเหรอคะ” เธอเอียงคอมองเขา “หนูมีเสน่ห์ขนาดนั้นเชียว” “เฮอะ! อย่างเธอเนี้ยนะ ใครจะมาสนใจ” เขาเบ้ปากใส่ “อ้าว! ก็คุณใหญ่พูดเหมือนอาปกรณ์หลงเสน่ห์หนูเองนี่” เธอแสร้งทำเป็นงุนงง “นั้นอาของฉัน แต่งงานมีเมียมีลูกแล้ว ห้ามยุ่งเด็ดขาด!” บัวชมพูเช็ดมือกับผ้าสะอาดแล้วปลดผ้ากันเปื้อนออก “หนูไม่ได้ทำอะไรเสียหน่อย มีแต่คนเข้ามาหาเอง” “นี่ๆ อย่ามาเถียงนะ” “หนูไม่ได้เถียง” เธอเบ้ปากใส่ “หนูเหนื่อยแล้ว ขอไปพักผ่อนก่อนนะคะ” “เดี๋ยวสิ! จะเดินหนีกันแบบนี้ไม่ได้” “คุณใหญ่! หนูบัวเหนื่อยแล้วค่ะ! อยากอาบน้ำพักผ่อน”