Share

Chapter 5.ทำงานพิเศษ

หญิงสาวปั่นจักรยานกลับมาบ้านเช่า แม่ยังคงหลับพักผ่อนอยู่ นับวันร่างกายยิ่งดูอ่อนแอลงมาก รุ่งรวีกำลังเตรียมเครื่องผัดไทเพื่อไปขายที่ตลาด บัวชมพูล้างมือแล้วเข้าไปช่วยหั่นหัวปลีแช่น้ำเกลือไม่ให้ดำ เธอลอบมองไปยังเตียงที่แม่หลับอยู่แล้วเอียงตัวเข้าใกล้รุ่งรวี กระซิบพูดเสียงเบา

            “น้ารวีค่ะ หนูมีเรื่องขอร้องให้น้าช่วย” 

            “เรื่องอะไร มีอะไรว่ามาได้เลย”

            “เรื่องที่หนูบอกน้า น้าอย่าให้แม่รู้นะคะ”

            คราวนี้รุ่งรวีนิ่งไปอึดใจก่อนพยักหน้ายอมรับ บัวชมพูสูดลมหายใจลึกแล้วค่อยพูดออกมา

            “หนูจะไปทำงานพิเศษกับคุณใหญ่ค่ะ”

            “งานพิเศษ? งานอะไร”  ยิ่งไม่อยากให้ยุ่งเกี่ยว ก็มีเรื่องให้เกี่ยวพัน “ถ้าเป็นห่วงเรื่องเงินก็ไม่ต้องคิดมาก น้ายังพอไหว หนูบัวต้องใช้เงินเท่าไหร่ น้าเอารถไปเข้าไฟแนลให้เอง”

            บัวชมพูรู้สึกแสบจมูกขึ้นมา เธอไม่มีพ่อมาคอยใส่ใจ แต่กับรุ่งรวีแล้วราวกับคนในครอบครัวกันจริงๆ แม่ของเธอล้มป่วยก็ไม่เคยทอดทิ้ง คอยดูแลอยู่ใกล้ๆ เธอที่เป็นลูกยังทำหน้าที่ลูกที่ดีไม่ได้เลย

            “หนูรับปากคุณใหญ่ไปแล้วค่ะ”

            “งานอะไร”  รุ่งรวีถามเสียงเบา เห็นสีหน้าลำบากใจของลูกสาวของคนรักแล้วก็พูดไม่ออก “หนูบัวไม่ใช่เด็กเล็กๆ คิดอะไรเองได้แล้ว ตัดสินใจทำอะไรแล้วก็ทำเถอะ เราเป็นผู้หญิงยังไงก็เสียเปรียบผู้ชาย อะไรที่ป้องกันตัวเองได้ก็ต้องป้องกัน แต่ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาก็ขอให้รู้ว่ายังมีน้ากับแม่อยู่ หนูไม่ได้ตัวคนเดียวในโลก จำเรื่องนี้ไว้ให้ดี”

            น้ำใสๆ เอ่อคลอดวงตาขึ้นมา บัวชมพูถึงกับพูดไม่ออกได้แต่พยักหน้ารับ ถึงแม้ชีวิตเธอจะพบเจอความยากลำบากมามาก เธอรู้ว่าแม่รู้สึกผิดและคิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุทำให้เธอต้องลำบาก แต่เธอก็เข้าใจเรื่องของผู้ใหญ่ หากให้แม่ต้องทนอยู่กับพ่อที่ไม่เหลือความรักใดๆ ให้แล้ว มีแต่จะเจ็บปวดยิ่งกว่าเก่า การเดินออกมาอย่างนี้นับว่าเป็นหนทางที่ดีแล้ว ส่วนเธอนั้น แค่มีคนที่เข้าใจและพร้อมเคียงข้างไม่ซ้ำเติม แค่นี้ก็นับว่าดีมากพอแล้ว

            “ขอบคุณน้ารวีมากค่ะ”

            “อย่าคิดมาก”  อยากจะเอื้อมมือไปลูบผมปลอบโยน แต่มือก็ไม่ว่าง ทั้งสองมองตากันแล้วก็เข้าใจโดยไม่ต้องพูด ทำให้หัวเราะคิกคักออกมา

            สารภีได้ยินเสียงหัวเราะจึงขยับตัวตื่น ยันกายลุกขึ้นมานั่งแล้วมองแผ่นหลังของลูกสาวและคนรักที่ยืนหั่นผักเตรียมของไปเปิดร้าน

            “กลับมาแล้วเหรอลูกบัว”

            “ค่ะแม่”  บัวชมพูขานรับแล้วเดินไปล้างมือก่อนจะเดินไปหาแม่ ช่วยพยุ่งแม่ขึ้นมานั่งเอนหลังพิงหมอนใบใหญ่ 

            “คุณใหญ่ว่าอะไรหรือเปล่าลูก”  

            บัวชมพูนิ่งไปเล็กน้อยแล้วส่ายหน้าก่อนจะยิ้มให้ “คุณใหญ่เห็นหนูทำงานดี พอดีที่บ้านมีจากกรุงเทพฯมาเยี่ยม เลยจะจ้างหนูไปทำงานที่บ้านคุณใหญ่เป็นแม่บ้านสักระยะหนึ่งค่ะ”

            “จะดีเหรอลูก ทำงานแบบไปกลับแม่ก็เป็นห่วงมากพออยู่แล้ว ถ้าไปอยู่บ้านเขาเลย แม่ยิ่งเป็นห่วง”

             “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ คุณใหญ่ใจดีและเป็นผู้ใหญ่ ไม่ทำอะไรหนูหรอก”  บัวชมพูหัวเราะคิกคัก นึกถึงสีหน้าอับจนหนทางจนต้องคว้าเธอมาเป็นเมียกำมะลอแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้จริงๆ

            “รวีช่วยพูดกับหนูบัวหน่อยสิ”  คนเป็นแม่อ่อนใจแล้วหันไปขอความช่วยเหลือจากรุ่งรวี

            “โตแล้ว คิดเองได้แล้ว” รุ่งรวีเองแม้จะเป็นห่วง แต่กลัวว่ายิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ ถ้าหนีเตลิดไปเลยควกู่ไม่กลับ เอาเถอะ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด

            “ช่วงนี้หนูว่าง อีกเดี๋ยวก็คงได้กลับไปเรียนตามปกติแล้ว คงไม่ได้ช่วยแม่กับน้ารวี “สภาพเศรษฐกิจแบบนี้ มีอะไรทำได้ก็ทำไปก่อน อีกอย่างไม่ใช่งานผิดกฎหมาย หนูไม่อายหรอกค่ะ”

            “แต่ว่า...”

            “จริงอย่างที่หนูบัวว่า เศรษฐกิจแบบนี้ขายของยาก คนตกงานเยอะ งานสุจริตก็ทำไปเถิด เป็นแม่บ้านไม่ได้น่าอายตรงไหนนี่”

            สารภีอยากพูดเรื่องที่เธอกังวล แต่พอเห็นลูกสาวยืนยันอย่างนี้แล้วไม่กล้าพูดอะไรออกไป  บัวชมพูเดินไปรินน้ำดื่มให้แม่เป็นจังหวะเดียวกับเสียงข้อความเข้ามา เธอกดดูแล้วเห็นยอดเงินเข้ามาจำนวนสามหมื่นบาท อันที่จริง เธอไม่คิดจะเรียกค่าตัวเยอะขนาดนี้ แต่ก็นั้นแหละ เธอไม่รู้ว่างานของเธอจะต้องทำอะไรบ้าง  เธอตั้งใจจะไม่บอกเรื่องเงินนี้กับแม่และน้ารุ่งรวี เผื่อเกิดเรื่องที่เธอไม่คาดคิดจะได้ไม่ทำให้แม่กับน้ารุ่งรวีต้องลำบากใจ  ครู่ต่อมาเสียงมือถือของเธอก็ดังขึ้น บัวชมพูเดินหลบออกมาหน้าบ้านแล้วรับสาย

            “สวัสดีค่ะ”

            “อืม ฉันเอง”

            “ค่ะ” เธอเบ้ปากใส่มือถือของตัวเอง

            “โอนเงินแล้ว เช็กยอดด้วย”

            “ได้รับเรียบร้อยค่ะ ขอบคุณค่ะ”

            “พรุ่งนี้ห้าโมงเย็นมาหาที่บ้าน  มาก่อนเวลานิดหนึ่งก็ดี เราต้องคุยรายละเอียดกัน”

            “เข้าใจแล้วค่ะ แล้วหนูต้องเอาเสื้อผ้าไปอยู่บ้านคุณใหญ่เลยไหมคะ”

            “หา! ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้มั้ง”

            “ก็ดีค่ะ หนูไม่อยากเปลืองตัว”

            “โหว! พูดอย่างกับจะมีใครอยากทำอะไรเธองั้นแหน่ะ!”

            “ก็ไม่แน่นี่ค่ะ”  เธอสูดลมหายใจลึก พยายามคุมน้ำเสียงไม่ให้ตื่นเต้นเกินไป เธอจะได้ใกล้ชิดผู้ชายที่เธอแอบชอบมาตั้งนานนี่นะ

            “หลงตัวเองมากไปแล้ว”

            “หลวตัวเองก็ดีกว่าหลงคนอื่นนี่”

            “เถียงคำไม่ตกฟากเลยจริงๆ!”

            “ไม่ได้เถียงค่ะ แค่ให้เหตุผล คุณใหญ่เป็นผู้ใหญ่แล้วเรื่องแค่นี้แยกไม่ออกหรือคะ”

            “โอเคๆ ยอมแล้ว”  คราวนี้น้ำเสียงเขายอมแพ้แล้วจริงๆ “เอาเงินไปแล้วอย่าเชิดหนีไปไม่มาทำงานก็แล้วกัน ฉันรู้บ้านเธออยู่ที่ไหน แม่ของเธอ น้าสาวของเธออีก อย่าหวังว่าฉันจะปล่อยให้คนที่หักหลังฉันลอยนวล”

            “แล้วถ้าคุณหักหลังคนอื่นจะทำไงคะ”  เธอหลุดปากพูดไปแล้วรีบยกมือขึ้นปิดปาก ก็เพราะเขานอกใจคนรัก ชีวิตคู่ถึงต้องสิ้นสุด คนรักของตัวเองกลายเป็นภรรยาของคนอื่น

            “พูดมาก!”

            อลังการไม่เคยถูกใครต้อนจนมุมอย่างนี้มาก่อน ยัยเด็กนี้! พ่อแม่ไม่สั่งสอนไม่ให้เถียงกับผู้ใหญ่หรือไงนะ แต่...เอ่อ..พ่อไม่มีนี่ เอาล่ะ ช่างเถอะๆ เขาเป็นผู้ใหญ่จริงๆ ก็ไม่ควรถือสาเด็กรุ่นลูกรุ่นหลาน แค่กๆ ยัยเด็กบัวชมพูอะไรนั้นบอกว่าอายุเท่าไหร่กันนะ ยี่สิบเหรอ หน้าตาเหมือนเด็กมัธยม เดี๋ยวเจอหน้าต้องขอดูบัตรประชาชนให้แน่ใจแล้ว!

            “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว หนูขอตัวไปช่วยน้ารวีไปขายของนะคะ      “อืม!”

            บัวชมพูรอจนอีกฝ่ายตัดสัญญาโทรศัพท์ไปก่อน จึงเก็บมือถือของตน เธอถอนหายใจยาว ไม่คิดว่าตัวเองจะ “พูดมาก” แบบนี้เหมือนกัน ทำไงได้ พูดไปแล้วนี่  ถ้าปากดีได้ขนาดนี้แล้ว

หญิงสาวเผลอกัดริมฝีปากตัวเอง มีแต่โคแก่เคี้ยวหญ้าอ่อน  แต่เธอเป็นหญ้าอ่อนที่อยากอ่อยโคแก่ ไหนๆ ก็มาถึงขั้นนี้จะลองจีบผู้ชายรุ่นพ่อดูสักครั้งดีไหม

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status