หญิงสาวปั่นจักรยานกลับมาบ้านเช่า แม่ยังคงหลับพักผ่อนอยู่ นับวันร่างกายยิ่งดูอ่อนแอลงมาก รุ่งรวีกำลังเตรียมเครื่องผัดไทเพื่อไปขายที่ตลาด บัวชมพูล้างมือแล้วเข้าไปช่วยหั่นหัวปลีแช่น้ำเกลือไม่ให้ดำ เธอลอบมองไปยังเตียงที่แม่หลับอยู่แล้วเอียงตัวเข้าใกล้รุ่งรวี กระซิบพูดเสียงเบา
“น้ารวีค่ะ หนูมีเรื่องขอร้องให้น้าช่วย”
“เรื่องอะไร มีอะไรว่ามาได้เลย”
“เรื่องที่หนูบอกน้า น้าอย่าให้แม่รู้นะคะ”
คราวนี้รุ่งรวีนิ่งไปอึดใจก่อนพยักหน้ายอมรับ บัวชมพูสูดลมหายใจลึกแล้วค่อยพูดออกมา
“หนูจะไปทำงานพิเศษกับคุณใหญ่ค่ะ”
“งานพิเศษ? งานอะไร” ยิ่งไม่อยากให้ยุ่งเกี่ยว ก็มีเรื่องให้เกี่ยวพัน “ถ้าเป็นห่วงเรื่องเงินก็ไม่ต้องคิดมาก น้ายังพอไหว หนูบัวต้องใช้เงินเท่าไหร่ น้าเอารถไปเข้าไฟแนลให้เอง”
บัวชมพูรู้สึกแสบจมูกขึ้นมา เธอไม่มีพ่อมาคอยใส่ใจ แต่กับรุ่งรวีแล้วราวกับคนในครอบครัวกันจริงๆ แม่ของเธอล้มป่วยก็ไม่เคยทอดทิ้ง คอยดูแลอยู่ใกล้ๆ เธอที่เป็นลูกยังทำหน้าที่ลูกที่ดีไม่ได้เลย
“หนูรับปากคุณใหญ่ไปแล้วค่ะ”
“งานอะไร” รุ่งรวีถามเสียงเบา เห็นสีหน้าลำบากใจของลูกสาวของคนรักแล้วก็พูดไม่ออก “หนูบัวไม่ใช่เด็กเล็กๆ คิดอะไรเองได้แล้ว ตัดสินใจทำอะไรแล้วก็ทำเถอะ เราเป็นผู้หญิงยังไงก็เสียเปรียบผู้ชาย อะไรที่ป้องกันตัวเองได้ก็ต้องป้องกัน แต่ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาก็ขอให้รู้ว่ายังมีน้ากับแม่อยู่ หนูไม่ได้ตัวคนเดียวในโลก จำเรื่องนี้ไว้ให้ดี”
น้ำใสๆ เอ่อคลอดวงตาขึ้นมา บัวชมพูถึงกับพูดไม่ออกได้แต่พยักหน้ารับ ถึงแม้ชีวิตเธอจะพบเจอความยากลำบากมามาก เธอรู้ว่าแม่รู้สึกผิดและคิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุทำให้เธอต้องลำบาก แต่เธอก็เข้าใจเรื่องของผู้ใหญ่ หากให้แม่ต้องทนอยู่กับพ่อที่ไม่เหลือความรักใดๆ ให้แล้ว มีแต่จะเจ็บปวดยิ่งกว่าเก่า การเดินออกมาอย่างนี้นับว่าเป็นหนทางที่ดีแล้ว ส่วนเธอนั้น แค่มีคนที่เข้าใจและพร้อมเคียงข้างไม่ซ้ำเติม แค่นี้ก็นับว่าดีมากพอแล้ว
“ขอบคุณน้ารวีมากค่ะ”
“อย่าคิดมาก” อยากจะเอื้อมมือไปลูบผมปลอบโยน แต่มือก็ไม่ว่าง ทั้งสองมองตากันแล้วก็เข้าใจโดยไม่ต้องพูด ทำให้หัวเราะคิกคักออกมา
สารภีได้ยินเสียงหัวเราะจึงขยับตัวตื่น ยันกายลุกขึ้นมานั่งแล้วมองแผ่นหลังของลูกสาวและคนรักที่ยืนหั่นผักเตรียมของไปเปิดร้าน
“กลับมาแล้วเหรอลูกบัว”
“ค่ะแม่” บัวชมพูขานรับแล้วเดินไปล้างมือก่อนจะเดินไปหาแม่ ช่วยพยุ่งแม่ขึ้นมานั่งเอนหลังพิงหมอนใบใหญ่
“คุณใหญ่ว่าอะไรหรือเปล่าลูก”
บัวชมพูนิ่งไปเล็กน้อยแล้วส่ายหน้าก่อนจะยิ้มให้ “คุณใหญ่เห็นหนูทำงานดี พอดีที่บ้านมีจากกรุงเทพฯมาเยี่ยม เลยจะจ้างหนูไปทำงานที่บ้านคุณใหญ่เป็นแม่บ้านสักระยะหนึ่งค่ะ”
“จะดีเหรอลูก ทำงานแบบไปกลับแม่ก็เป็นห่วงมากพออยู่แล้ว ถ้าไปอยู่บ้านเขาเลย แม่ยิ่งเป็นห่วง”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ คุณใหญ่ใจดีและเป็นผู้ใหญ่ ไม่ทำอะไรหนูหรอก” บัวชมพูหัวเราะคิกคัก นึกถึงสีหน้าอับจนหนทางจนต้องคว้าเธอมาเป็นเมียกำมะลอแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้จริงๆ
“รวีช่วยพูดกับหนูบัวหน่อยสิ” คนเป็นแม่อ่อนใจแล้วหันไปขอความช่วยเหลือจากรุ่งรวี
“โตแล้ว คิดเองได้แล้ว” รุ่งรวีเองแม้จะเป็นห่วง แต่กลัวว่ายิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ ถ้าหนีเตลิดไปเลยควกู่ไม่กลับ เอาเถอะ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด
“ช่วงนี้หนูว่าง อีกเดี๋ยวก็คงได้กลับไปเรียนตามปกติแล้ว คงไม่ได้ช่วยแม่กับน้ารวี “สภาพเศรษฐกิจแบบนี้ มีอะไรทำได้ก็ทำไปก่อน อีกอย่างไม่ใช่งานผิดกฎหมาย หนูไม่อายหรอกค่ะ”
“แต่ว่า...”
“จริงอย่างที่หนูบัวว่า เศรษฐกิจแบบนี้ขายของยาก คนตกงานเยอะ งานสุจริตก็ทำไปเถิด เป็นแม่บ้านไม่ได้น่าอายตรงไหนนี่”
สารภีอยากพูดเรื่องที่เธอกังวล แต่พอเห็นลูกสาวยืนยันอย่างนี้แล้วไม่กล้าพูดอะไรออกไป บัวชมพูเดินไปรินน้ำดื่มให้แม่เป็นจังหวะเดียวกับเสียงข้อความเข้ามา เธอกดดูแล้วเห็นยอดเงินเข้ามาจำนวนสามหมื่นบาท อันที่จริง เธอไม่คิดจะเรียกค่าตัวเยอะขนาดนี้ แต่ก็นั้นแหละ เธอไม่รู้ว่างานของเธอจะต้องทำอะไรบ้าง เธอตั้งใจจะไม่บอกเรื่องเงินนี้กับแม่และน้ารุ่งรวี เผื่อเกิดเรื่องที่เธอไม่คาดคิดจะได้ไม่ทำให้แม่กับน้ารุ่งรวีต้องลำบากใจ ครู่ต่อมาเสียงมือถือของเธอก็ดังขึ้น บัวชมพูเดินหลบออกมาหน้าบ้านแล้วรับสาย
“สวัสดีค่ะ”
“อืม ฉันเอง”
“ค่ะ” เธอเบ้ปากใส่มือถือของตัวเอง
“โอนเงินแล้ว เช็กยอดด้วย”
“ได้รับเรียบร้อยค่ะ ขอบคุณค่ะ”
“พรุ่งนี้ห้าโมงเย็นมาหาที่บ้าน มาก่อนเวลานิดหนึ่งก็ดี เราต้องคุยรายละเอียดกัน”
“เข้าใจแล้วค่ะ แล้วหนูต้องเอาเสื้อผ้าไปอยู่บ้านคุณใหญ่เลยไหมคะ”
“หา! ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้มั้ง”
“ก็ดีค่ะ หนูไม่อยากเปลืองตัว”
“โหว! พูดอย่างกับจะมีใครอยากทำอะไรเธองั้นแหน่ะ!”
“ก็ไม่แน่นี่ค่ะ” เธอสูดลมหายใจลึก พยายามคุมน้ำเสียงไม่ให้ตื่นเต้นเกินไป เธอจะได้ใกล้ชิดผู้ชายที่เธอแอบชอบมาตั้งนานนี่นะ
“หลงตัวเองมากไปแล้ว”
“หลวตัวเองก็ดีกว่าหลงคนอื่นนี่”
“เถียงคำไม่ตกฟากเลยจริงๆ!”
“ไม่ได้เถียงค่ะ แค่ให้เหตุผล คุณใหญ่เป็นผู้ใหญ่แล้วเรื่องแค่นี้แยกไม่ออกหรือคะ”
“โอเคๆ ยอมแล้ว” คราวนี้น้ำเสียงเขายอมแพ้แล้วจริงๆ “เอาเงินไปแล้วอย่าเชิดหนีไปไม่มาทำงานก็แล้วกัน ฉันรู้บ้านเธออยู่ที่ไหน แม่ของเธอ น้าสาวของเธออีก อย่าหวังว่าฉันจะปล่อยให้คนที่หักหลังฉันลอยนวล”
“แล้วถ้าคุณหักหลังคนอื่นจะทำไงคะ” เธอหลุดปากพูดไปแล้วรีบยกมือขึ้นปิดปาก ก็เพราะเขานอกใจคนรัก ชีวิตคู่ถึงต้องสิ้นสุด คนรักของตัวเองกลายเป็นภรรยาของคนอื่น
“พูดมาก!”
อลังการไม่เคยถูกใครต้อนจนมุมอย่างนี้มาก่อน ยัยเด็กนี้! พ่อแม่ไม่สั่งสอนไม่ให้เถียงกับผู้ใหญ่หรือไงนะ แต่...เอ่อ..พ่อไม่มีนี่ เอาล่ะ ช่างเถอะๆ เขาเป็นผู้ใหญ่จริงๆ ก็ไม่ควรถือสาเด็กรุ่นลูกรุ่นหลาน แค่กๆ ยัยเด็กบัวชมพูอะไรนั้นบอกว่าอายุเท่าไหร่กันนะ ยี่สิบเหรอ หน้าตาเหมือนเด็กมัธยม เดี๋ยวเจอหน้าต้องขอดูบัตรประชาชนให้แน่ใจแล้ว!
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว หนูขอตัวไปช่วยน้ารวีไปขายของนะคะ “อืม!”
บัวชมพูรอจนอีกฝ่ายตัดสัญญาโทรศัพท์ไปก่อน จึงเก็บมือถือของตน เธอถอนหายใจยาว ไม่คิดว่าตัวเองจะ “พูดมาก” แบบนี้เหมือนกัน ทำไงได้ พูดไปแล้วนี่ ถ้าปากดีได้ขนาดนี้แล้ว
หญิงสาวเผลอกัดริมฝีปากตัวเอง มีแต่โคแก่เคี้ยวหญ้าอ่อน แต่เธอเป็นหญ้าอ่อนที่อยากอ่อยโคแก่ ไหนๆ ก็มาถึงขั้นนี้จะลองจีบผู้ชายรุ่นพ่อดูสักครั้งดีไหม
แปลก แปลกจริงๆ ไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน หรืออาจจะเคยเป็น แต่ก็นานมากแล้ว อลังการประหลาดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง เขาไมได้เสียดายเงินสามหมื่นที่โอนให้ยัยเด็กบัวชมพู แต่เพราะตัวเองกลับรู้สึกแปลกๆ กับเด็กคนนี้เสียเอง แรกที่เดียวแค่ต้องการตัดปัญหาเรื่องอาปกรณ์และไม่อยากมีเมียเป็นแม่ชี เลยคว้าเอาผู้หญิงที่อยู่ใกล้มือมาเป็นเมียชั่วคราวไว้ก่อน แต่หลังจากนั้นเขาลองสอบถามกับคนสนิท พอจะรู้ได้ว่าร้านที่บัวชมพูพูดถึงคือร้านผัดไทเล็กๆ ที่แต่เดิมเปิดโต้รุ่ง แต่เพราะทางการมีคำสั่งเรื่องเคอร์ฟิวทำให้ต้องเปลี่ยนมาขายรอบบ่ายไปถึงเย็นแทน เขาแอบขับรถไปจอดซุ่มดู เห็นยัยเด็กหน้าใสเป็นลูกมือช่วยผู้หญิงอีกคน ถ้าจำไม่ผิกคือรุ่งรวี คนรักของสารภี แม่ของบัวชมพูนั้นแหละ นั่งมองอยู่บนรถดีๆ ทำไมมองไปมองมาถึงรู้สึกว่ายัยเด็กนั้นน่ามองนักนะ มีหน้ากากผ้าปิดครึ่งใบหน้าแต่รู้สึกเหมือนเธอยิ้มตลอดเวลา ร้านขายไม่ดีเท่าไหร่ แน่นอนว่าที่ไหนๆ ก็เป็นอย่างนี้ แต่เห็นบัวชมพูถือกล่องผัดไทไปแจกนักท่องเที่ยวที่เดินทางกลับไม่ได้ บางคนเงินหมด บางคนต้องเซฟเงิน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ไม่มีใค
รถกระบะคันใหญ่ขับตรงไปที่โรงแรมไม่ไกลจากบ้านพักของเขานัก ปกติบ้านของเขาก็ไม่ได้มีไว้เพื่อรับรองใครอยู่แล้ว เขาเน้นอยู่คนเดียว ดูแลสะดวก เวลาใครไปใครมา เขาก็ถีบส่งให้พักโรงแรมหมดนั้นแหละ นิสัยเขาเป็นแบบนี้ คนในครอบครัวก็ชินแล้ว จึงไม่แปลกใจที่ปกรณ์มาถึงก็ตรงดิ่งไปที่โรงแรมเลย ปกรณ์นั่งรอที่ล็อบบี้ ตอนนี้จะให้สั่งอาหารได้แต่นั่งกินในห้องอาหารไม่ได้ เขาเลยคิดจะสั่งขึ้นไปกินบนห้องแทน แต่อยู่ๆ จะนั่งรอบนห้องก็เกรงใจ ‘เมีย’ ของอลังการ ก็เลยมานั่งรออยู่ข้างล่างแทน ถ้าบอกว่าไม่แปลกใจถ้าหลานคนนี้จะมีเมีย แต่ที่แปลกใจคือ ‘เมียเด็ก’ ต่างหาก หรือหลงเด็กจนไม่อยากกลับกรุงเทพฯ ก็ไม่รู้ ครู่หนึ่งเขาเห็นคนที่รอเดินเข้ามา ปกรณ์อธิบายคราวๆ แล้วเดินตรงไปที่ลิฟต์ เขาลอบมองเมียของอลังการอยู่บ่อยๆ แต่หญิงสาวก็แค่ส่งยิ้มเล็กน้อย ไม่มีสีหน้าผิดแปลกอะไร หรือเป็นเขาที่คิดมากไปเอง อลังการมองมือเรียวเล็กที่แตะแขนของเขา เธอสงบปากสงบคำไม่มีลับฝีปากแต่อย่างใด ปกรณ์ถามอะไรก็ตอบไปน้ำเสียงเป็นปกติไม่กระด้างและไม่มีท่าทีขี้เล่น จนเขานึกประหลาดใจว่าผู้หญิงคนนี้เป็นนักแสดงหรือเปล่ามีองค์เจ้าแม่ม
เขาเลื่อนกระจกลงแล้วถาม “ทำไมไม่อ่านไลน์” “หนูเรียนออนไลน์อยู่ค่ะ” บัวชมพูเบ้ปากใส่ “มีธุระอะไรคะ” “ไปทำกับข้าวให้อาฉันกินหน่อย” “เอ๊ะ? ยังไงคะ หนูงง” “อาปกรณ์อยากกินข้าวเย็นฝีมือเธอ” เขาขึงตาใส่แต่ไม่ได้ทำให้เด็กสาวกลัวเลยสักนิด “อ้อ! ได้ค่ะ วันนี้ไม่มีเรียนแล้ว หนูเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวออกมานะคะ” “เดี๋ยวก่อน” “คะ” “ฉันต้องไปกรุงเทพฯ เธอไปกับฉันด้วย” “ไปกรุงเทพฯกับคุณใหญ่? ให้หนูไปทำอะไรคะ” “ไปเป็นเมียฉันไง!” “ออกต่างจังหวัดขอค่าแรงเพิ่มค่ะ” “เฮ้ย! ฉันให้ไปสามหมื่น มือยังไม่ได้จับนี่ยังจะมาเรียกเพิ่มอีกเรอะ” เธอหงายฝ่ามือขึ้นแล้วพูด “ขอมือค่ะ” ดวงตากลมเป็นประกายวาววับจนอลังการตะลึงไป ทำตามที่เสียงหวานใสพูดอย่างลืมตัว บัวชมพูมืองฝ่ามือใหญ่ที่ว่างบนฝ่ามือเธอแล้วก็ยกมืออีกข้างขึ้นลูบคางที่เพิ่งโกนหนวดออกไปเบาๆ “เก่งมาก” “เฮ้ย!” เขาร้องอย่างนึกได้ ปัดมือหญิงสาวออก อีกฝ่ายหัวเราะคิ
เกินคาดคิด ยัยเด็กปากร้ายนี้แท้จริงแล้วหวานฉ่ำจนเขาไม่อยากหยุด ฝ่ามือเลื่อนมาลูบไล้แผ่นหลัง ไม่เคยคิดเลยว่าผู้หญิงคนนี้จะปั่นปวนอารมณ์เขาได้มากถึงเพียงนี้ “พอ...พอแล้ว..” บัวชมพูเบือนหน้าหนีก็พูดออกมาด้วยเสียงสั่น “พอได้แล้ว”“พอแล้วจริงๆ เหรอ” เขายั่วแล้วงับติ่งหูของเธอเล่น ทำให้หญิงสาวย่นคอเหมือนเต่าตัวน้อย บัวชมพูพยายามเรียกสติของตัวเอง เธอเคยคิด เคยจินตนาการเรื่องระหว่างชายหญิงกับผู้ชายที่เธอปลื้มนั้นก็คือเขา แต่ไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้นได้จริง ไม่ว่าอย่างไร คนอย่างอลังการไม่มีวันสนใจผู้หญิงอย่างเธอแน่นอน มันเหมือนเธออยู่ผิดที่ผิดเวลา หากวันนั้นเธอไม่ได้ยืนอยู่ในระยะเอื้อมมือคว้า เขาจะโอบไหล่เธอแล้วบอกว่าเป็นเมียอย่างนั้นเหรอ “คุณเล่นเลยเถิดไปแล้วนะ” อลังการเลิกคิ้วประหลาดใจกับน้ำเสียงเย็นชาของหญิงสาว คราวนี้เธอไม่ได้แสดงสีหน้าหวั่นไหวใดๆ อีก ด้วยท่าทางของเธอเป็นอย่างนี้ทำให้ความมั่นใจในเสน่ห์ของตัวเองหายไปหมด ไม่จริงน่า! นอกจากจูบไม่มัดใจแล้วยังยั่วผู้หญิงไม่สำเร็จอีกเหรอ? “หนูต้องทำกับข้าวนะคะ ประเดี๋ยวเตรียมไม่ทันคุณอาปกรณ์มากินข้าว คุณใหญ่ไ
“อ้าว! ผมเป็นหลานอานะครับ”ปกรณ์หัวเราะแล้วเดินออกไป อลังการตามไปส่งที่หน้าบ้าน พูดคุยกันอีกเล็กน้อย เขายืนมองรถของอาปกรณ์เคลื่อนออกไปสุดสายตาแล้วจะเดินกลับเข้ามาในบ้าน บัวชมพูเคลียร์ห้องครัวเสร็จพอดี เมื่อเห็นมาก็เห็นอลังการยืนยกมือขึ้นกอดอกจ้องมองเธออยู่ก่อนแล้ว “มีอะไรหรือคะ” “ฉันน่าจะถามเธอมากกว่าว่าไปทำอะไรให้อาปกรณ์ชื่นชอบถึงขนาดนี้” “คุณใหญ่คิดอย่างนั้นเหรอคะ” เธอเอียงคอมองเขา “หนูมีเสน่ห์ขนาดนั้นเชียว” “เฮอะ! อย่างเธอเนี้ยนะ ใครจะมาสนใจ” เขาเบ้ปากใส่ “อ้าว! ก็คุณใหญ่พูดเหมือนอาปกรณ์หลงเสน่ห์หนูเองนี่” เธอแสร้งทำเป็นงุนงง “นั้นอาของฉัน แต่งงานมีเมียมีลูกแล้ว ห้ามยุ่งเด็ดขาด!” บัวชมพูเช็ดมือกับผ้าสะอาดแล้วปลดผ้ากันเปื้อนออก “หนูไม่ได้ทำอะไรเสียหน่อย มีแต่คนเข้ามาหาเอง” “นี่ๆ อย่ามาเถียงนะ” “หนูไม่ได้เถียง” เธอเบ้ปากใส่ “หนูเหนื่อยแล้ว ขอไปพักผ่อนก่อนนะคะ” “เดี๋ยวสิ! จะเดินหนีกันแบบนี้ไม่ได้” “คุณใหญ่! หนูบัวเหนื่อยแล้วค่ะ! อยากอาบน้ำพักผ่อน”
ทั้งที่ทั้งสองยังเปียกชุ่มแต่ร่างกายกับเร่าร้อนขยับกายเข้าหากัน บัวชมพูหลงใหลที่ร่างกายได้แนบชิดกันถึงเพียงนี้ เขาพรมจูบที่หน้าท้อง ลากเรียวลิ้นลงไปถึงกึ่งกลางของกายสาว แยกสองขาออกกว้างแล้วแทรกลิ้นร้อนไปแทนนิ้วกร้าน “อ๊า! คุณใหญ่! คุณใหญ่ขา!” บัวชมพูเสียวซ่านได้แต่พร่ำเรียกชื่อของเขา หยัดสะโพกเข้าหาเรียวลิ้นที่ทำให้เธอแทบคลั่ง “หอม” เขาพูดเสียงแหบพร่า “หวานมาก ฉ่ำไปทั้งตัว” เขาเร่งเร้าด้วยปากและนิ้วร้าย มือเล็กขยุ้มเส้นผมของเขาอย่างไม่รู้ตัว เหงื่อไหลโทรมกายแอ่นตัวขึ้นอย่างอดไม่อยู่ ส่งตัวเองเข้าไปในปากอันร้ายกาจของเขาจนกระทั่งร่างกายเกร็งกระตุกและหวีดร้องออกมาด้วยไปถึงจุดสุขสม อลังการไม่รอให้ร่างกายเธอได้หยุดพัก เขาหยัดตัวขึ้นแล้วคุกเข่าบนเตียง แยกเรียวขาสวยออกกว้างกว่าเดิม จับแก่นกายที่แข็งขันราวเสาหินเข้าไปในช่องรักที่หลั่งน้ำหวานจนฉ่ำชื้น “อร๊ายยย ...อึก...คุณใหญ่ขา..ลึก...มันลึก...” “ซี๊ดดด เก่งมาก หนูรับของฉันได้หมด อ่า แน่นมาก หนูบัวรัดของฉันแน่นมาก” อลังการครางอย่างพอใจ เขาดุนดันเข้าไปที่ละนิด ถอยอ
“ผู้ใหญ่รังแกเด็ก” เธอต่อว่าเขาแล้วเอนตัวพิงแผ่นอกอย่างไร้เรี่ยวแรง ถ้าเขาไม่ประคองไว้เธอคงลงไปกองกับพื้นแล้ว “ฉันไม่ได้รังแก” เขาหัวเราะในลำคอแล้วจับแก่นกายที่แข็งขันคลอเคลียเนื้ออ่อนนุ่มที่ฉ่ำแฉะ “ฉันเอาจริง” “อร๊ายยย” บัวชมพูหวีดร้องเมื่อท่อนเนื้อร้อนระอุมุดเข้ามาในร่องรัก เขายกขาข้างหนึ่งของเธอเกี่ยวเอวเขาไว้แล้วขยับดุนดันแก่นกายเข้ามาที่ละนิดจนสุดโคน “โอ้ว!ชิบ! แน่นจริงๆ” เขาคำรามเสียงทุ่มต่ำกดแก่นกายไว้ในร่องรักที่โอบรัดจนเขาหายใจลำบาก มือใหญ่เลื่อนมาเคล้นคลึงทรวงอก สะกดปลายยอดสีชมพูจนหญิงสาวสะบัดหน้าไปมาเพราะเสียวซ่าน “คุณใหญ่” เธอเรียกเขาเสียงพร่าไม่แพ้กัน ร่างกายร้อนผ่าว เธอขยับสะโพกเข้าหาอย่างเรียกร้องแต่เขินอายเกินกว่าจะพูดสิ่งที่ต้องการออกมา “บอกฉันสิว่าเธออยากได้มัน” เขายังคงฝืนแข็งใจไม่ขยับตัว ท่อนเอ็นเต้นตุบๆ ในร่องรักของหญิงสาว ความเสียวซ่านวาบหวิวก่อตัวขึ้นมาอีกระลอก เดิมทีคิดว่าจะมาดูแล แต่พอเห็นร่างเปลือยเปล่าแล้วก็อดใจไม่ได้ “หนู...หนู...” เธอรู้ว่าต้องการเขามากแค่ไหน แต่ปากคอสั่นไปหมดได้แต
“ยังไม่ชินอีกเหรอ” เขาถามเสียงพร่า หน้าอกกลมกลึงดุนดันผ้ากันเปื้อนลายลูกไม้ เขาวางมือลงบนทรวงอกของหญิงสาวเพียงนวดเบาๆ ก็เรียกเสียงครางหวานออกมาได้ “อื้อ...คุณใหญ่...” “น่ารักจริงๆ”เขาชมแล้วจูบริมฝีปากที่เผยอขึ้น คราวนี้ไม่มีจูบเงอะงะอีกแล้ว เพียงริมฝีปากทาบทับ ลิ้นน้อยๆ ก็พร้อมเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นของเขา บางครั้งเธอเป็นฝ่ายขบกัดริมฝีปากของเขา แทรกลิ้นเข้ามาในโพรงปากดูดกลืนเสียงครางของเขา สะโพกสวยขยับกระสับกระส่ายบนตัก ส่วนที่แข็งแกร่งที่สุดแข็งขึ้นขึ้นชูชันจนกางเกงผ้าฝ้ายที่เขาสวมอยู่โป่งนูน มือนุ่มแตะที่แผ่นอกกำยำ สะกิดยอดอกของเขาอย่างหยอกล้อแต่เรียกเสียงครางซี๊ดออกมา ทำให้บัวชมพูหัวเราะคิกคัก“กล้าแกล้งฉันเหรอ” เขาคำราม“เปล่าเสียหน่อย” บัวชมพูแลบลิ้นทะเล้นใส่ แสร้งบดเนิ่นเนื้อกับส่วนที่อยากโผล่ออกจากกางเกงเต็มทีแล้ว เขาไม่ได้สวมเสื้อ สวมเพียงกางเกงผ้าฝ้ายเบาสบาย แต่ยามนี้กลับกลายเป็นสิ่งที่เขาอยากกำจัดออกไปจากตัวเองให้เร็วที่สุด “เด็กดื้อต้องถูกทำโทษ” เขาจับร่างเธอนอนคว่ำลงไป ก้นงามงอนอวดสายตา แผ่นหลังเนียนมีเพียงสายเชือกผ้ากันเปื้อนผูกไว้ เขาฟาดฝ่ามือใส่