Share

Chapter 7. หลงเมีย

รถกระบะคันใหญ่ขับตรงไปที่โรงแรมไม่ไกลจากบ้านพักของเขานัก ปกติบ้านของเขาก็ไม่ได้มีไว้เพื่อรับรองใครอยู่แล้ว เขาเน้นอยู่คนเดียว ดูแลสะดวก เวลาใครไปใครมา เขาก็ถีบส่งให้พักโรงแรมหมดนั้นแหละ นิสัยเขาเป็นแบบนี้ คนในครอบครัวก็ชินแล้ว จึงไม่แปลกใจที่ปกรณ์มาถึงก็ตรงดิ่งไปที่โรงแรมเลย

            ปกรณ์นั่งรอที่ล็อบบี้ ตอนนี้จะให้สั่งอาหารได้แต่นั่งกินในห้องอาหารไม่ได้ เขาเลยคิดจะสั่งขึ้นไปกินบนห้องแทน แต่อยู่ๆ จะนั่งรอบนห้องก็เกรงใจ ‘เมีย’ ของอลังการ ก็เลยมานั่งรออยู่ข้างล่างแทน ถ้าบอกว่าไม่แปลกใจถ้าหลานคนนี้จะมีเมีย แต่ที่แปลกใจคือ ‘เมียเด็ก’ ต่างหาก หรือหลงเด็กจนไม่อยากกลับกรุงเทพฯ ก็ไม่รู้   ครู่หนึ่งเขาเห็นคนที่รอเดินเข้ามา ปกรณ์อธิบายคราวๆ แล้วเดินตรงไปที่ลิฟต์  เขาลอบมองเมียของอลังการอยู่บ่อยๆ แต่หญิงสาวก็แค่ส่งยิ้มเล็กน้อย ไม่มีสีหน้าผิดแปลกอะไร หรือเป็นเขาที่คิดมากไปเอง

            อลังการมองมือเรียวเล็กที่แตะแขนของเขา เธอสงบปากสงบคำไม่มีลับฝีปากแต่อย่างใด ปกรณ์ถามอะไรก็ตอบไปน้ำเสียงเป็นปกติไม่กระด้างและไม่มีท่าทีขี้เล่น จนเขานึกประหลาดใจว่าผู้หญิงคนนี้เป็นนักแสดงหรือเปล่ามีองค์เจ้าแม่มาประทับกันแน่

            บัวชมพูเป็นคนรู้จักกาลเทศะ อยู่ต่อหน้าปกรณ์เธอจึงทำเหมือนเวลาอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ ไม่จำเป็นต้องพูดเยอะ แต่กับอลังการนั้น เขาเหมือนเด็กที่อยู่ในร่างคนตัวใหญ่ และคิดว่าไหนๆ ก็มีเวลาใกล้ชิดกันไม่นาน ก็สู้เป็นตัวของตัวเองให้เขาจำเธอได้ วันหนึ่งข้างหน้าเขาจะได้นึกได้ว่าเคยมีเธอผ่านเข้ามาในชีวิต

            การได้กลายเป็นความทรงจำของใครสักคน มันก็ไม่เลวร้ายนักหรอก

            “ไม่คิดจะกลับกรุงเทพฯเหรอ” ปกรณ์ถามหลังจากกินมื้อเย็นกันแล้ว

            “ที่บ้านมีปัญหาอะไรเหรอ” อลังการถามกลับมองมือเล็กๆ ที่รินเบียร์ให้เขากับอา “น้องชายสองคนดูแลพ่อกับแม่ไม่ได้หรือไง”

            “ไปเยี่ยมบ้างก็ดี ไม่ใช่หายหน้าไปเป็นปีๆแบบนี้” ปกรณ์ดุหลานชายตัวโต แล้วปรายตามองหญิงสาว รู้สึกถูกชะตา อย่างน้อยก็ไม่เป็นผู้หญิงที่กรี๊ดกราดออกนอกหน้าจนปวดหัว

“ช่วยพูดให้กลับบ้านหน่อยสิ”

            บัวชมพูเงยหน้าขึ้น ลอบมองไปทางอลังการแล้วยิ้มเล็กน้อย

            “ก็บอกคุณใหญ่แล้วว่าให้กลับไปเยี่ยมคนที่กรุงเทพฯบ้างไม่ต้องห่วงคนทางนี้ งานในฟาร์มไข่มุกรอคุณใหญ่ได้ค่ะ”

            อลังการนิ่งไปชั่วขณะ เพราะปลายนิ้วของเธอแตะท่อนแขนของเขา มีความห่วงใยและอบอุ่นแทรกผ่านผิวกาย พลันหัวใจคันยุบยิบยากจะบรรยาย เขาห่างเหินความรู้สึกเหล่านี้ไปนานเหลือเกิน

            “กลับไปเยี่ยมพ่อแม่บ้างก็ดี อย่าให้คนแก่ต้องเป็นฝ่ายมาเยี่ยมเลย” ปกรณ์โคลงศีรษะไปมา “ชวนเมียไปด้วยสิ แม่แกคงดีใจ”

            อลังการอ้าปากจะพูดแต่บัวชมพูชิงพูดออกมาก่อน “หนูต้องดูแลแม่ค่ะ”

            “เออ ลืมไป เหมือนเมื่อวานก็พูดอยู่นี่”  ปกรณ์พยักหน้ารับ “แม่ป่วยเป็นอะไรนะ”

            “โรคไตค่ะ ท่านต้องฟอกไต โชคดีที่คุณใหญ่คอยช่วยเหลือ ไม่รังเกียจ ไม่อย่างนั้นครอบครัวหนูต้องแย่แน่ๆ”  

            รอยยิ้มของหญิงสาวเป็นรอยยิ้มที่มาจากใจ  อลังการย่อมดูออก เขาเองอายุไม่น้อยเรื่องง่ายแค่นี้ทำไมจะไม่เข้าใจ แต่เพราะเธอมักชอบทำปากเก่งใส่เขา จึงไม่คิดว่าจะมีแววตาเช่นนี้มองให้

            ปกรณ์ลอบมองสองคนสลับไปมา แรกทีเดียวตั้งใจจับผิด คิดว่าอลังการต้องหาคนมาสวมรอยเป็นเมียเพราะไม่อยากแต่งงานกับหนูเนยเป็นแน่ๆ

แต่ดูๆ แล้วเด็กคนนี้ก็ไม่เลวทีเดียว  ถ้าจะลองลุ้นให้เป็นผัวเมียกันจริงๆ ก็น่าสนุกดีเหมือนกันแฮะ!

            “นี่แกปล่อยเมียลำบากขนาดนี้เลยเหรอ”

            “อาปกรณ์ว่าอะไรนะครับ”

          “นี่ไง”  

ปกรณ์ยืนโทรศัพท์มือถือให้หลานชายดู  อลังการเงยหน้าขึ้นจากเอกสารมองหน้าจอมือถือที่มีคลิปภาพร้านขายผัดไทย เขาจ้องมองภาพจนเห็นชัดว่าเด็กสาวที่เดินไปเดินมาในคลิปคือบัวชมพู

“แกลำบากเรื่องเงินขนาดนี้เลยเหรอ” 

ปกรณ์ส่ายหน้าไปมาแล้วเก็บมือถือ แต่อลังการคว้าไปจ้องมองชัดๆ ภาพบัวชมพูขะมักเขม้นเป็นลูกมือผู้หญิงอีกคน ซึ่งน่าจะชื่อรุ่งรวีคนรักของสารภี  ยัยเด็กบัวชมพูวิ่งวุ่นกับการ เอ่อ เหมือนจะแจกผัดไทยมากกว่าขายผัดไทยนะ  

“อาไปได้คลิปนี้มาจากไหน”

“ทำไม อาหามาได้ก็แล้วกัน” ปกรณ์คว้าโทรศัพท์กลับคืน “แกคนเดียวหรือไงที่มีเส้นสายในเมืองนี้”

“ก็...” เขาอึกอักครู่หนึ่ง “ผมไม่ได้ห้ามเมียนี่ เขาอยากทำอะไรก็ให้เขาทำไป”

“ไม่ใช่ว่าไม่ใช่เมียจริงๆ หรอกเหรอ ถึงได้ปล่อยทิ้งๆขว้างๆไม่ดูแล อย่างนี้กลับไปแต่งงานกับหนูเนยดีกว่า”

“เฮ้ย! ไม่เอาแม่ชี เอ๊ย! ไม่เอาหนูเนย” อลังการรีบพูดจนลิ้นพันกัน “ผมมีเมียแล้ว อาอย่ามายุให้ผัวเมียผิดใจกันสิ”

“อาผิดงั้นสินะ”  ปกรณ์เลิกคิ้วลอบยิ้มในใจแล้วเอ่ย “แล้วเป็นเมียยังไงไม่อยู่บ้านเดียวกัน เป็นเมียไปเช้าเย็นกลับเหรอ”

อลังการเงยหน้าขึ้นจ้องมองใบหน้าของผู้เป็นอาที่แสร้งยกกาแฟขึ้นดื่ม เขาจึงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังปิดบังรอยยิ้มอยู่  ทั้งสองคุยกันในห้องทำงานของอลังการ เขากำลังเคลียร์เอกสารการสั่งซื้อที่ค้างคาอยู่    

“อาปกรณ์รู้ได้ยังไงว่าเมียผมไม่ได้อยู่บ้านกับผม”

“ขับรถผ่านหน้าบ้านก็รู้” ปกรณ์ยักไหล่แล้วเซ็นเอกสารตรงหน้า ปิดแฟ้มแล้วยกมือขึ้นบิดขี้เกียจ “ของแค่นี้ให้เสียเวลาลงมาตรวจงานเอง ...อื้ม ถ้าไม่อยากพาเมียไปกรุงเทพฯ เอางี้ไหม ให้พ่อกับแม่เรามาดูหน้าตาเมียแกที่นี่เป็นไง”

“ไม่ต้องให้พ่อแม่ลำบากขนาดนั้นหรอก ผมพาไปเอง”

“แน่ใจนะ”

“ครับ”  อลังการรับปากส่งๆ ไป แต่เห็นใบหน้ายิ้มกริ่มของอาปกรณ์ก็รู้สึกว่าตัวเองพลาดแล้ว  

“งั้นอาบอกคนที่บ้านให้เตรียมต้อนรับสะใภ้ เอ่อ ยังเรียกสะใภ้ไม่ได้สินะ หรือจดทะเบียนกันไปแล้ว”

          “ยังครับอาปกรณ์”  เขาเคยจดทะเบียนสมรสแล้ว แล้วก็หย่าแล้ว ไม่อยากกลับไปเจอเรื่องปวดหัวเหมือนครั้งนั้นอีก

            “อืม” ปกรณ์เพียงแค่รับคำในลำคอแล้วลอบสีหน้าเหม่อลอยไปชั่วขณะของหลานชาย “เอาอย่างนี้ เดี๋ยวเย็นนี้อาไปกินข้าวที่บ้านก็แล้วกัน”

            “ครับ...หา! อะไรนะครับ”  อลังการได้สติรีบถามซ้ำ

            “ไปกินข้าวบ้านแกไง ดูท่าทางเมียทำกับข้าวเก่ง” ปกรณ์พูดยิ้มๆ

            “ได้...ได้ครับ”  ทำไมเรื่องง่ายๆ เหมือนจะยิ่งยุ่งเหยิงขนาดนี้นะ

            ปกรณ์โบกมือไล่ “ไปรับเมียมาทำมื้อเย็นเลี้ยงอาได้แล้ว  งานก็กองไว้นี่แหละ แค่ตรวจงบบัญชี อาจัดการให้เอง สักสี่โมงเย็นอาเข้าไปหาก็แล้วกัน”

            ปกรณ์พูดแล้วดึงแฟ้มเอกสารตรงหน้าอลังการออกมา ใช้เท้ายันเก้าอี้อีกฝ่ายเป็นเชิงไล่ให้ลุกออกไปจากห้องทำงานในออฟฟิศ อลังการลุกขึ้นเสยผมยุ่งๆ เดินไปหยิบกุญแจรถแล้วก้าวออกมาอย่างงุนงง  

เมื่อเดินมาเปิดประตูรถเข้าไปนั่งแล้ว ก็หยิบมือถือมาส่งข้อความไปทางไลน์หายัยเด็กบัวชมพูว่าจะเข้าไปรับ แล้วขับรถออกมาทันที  ทำไมอาปกรณ์ถึงดูเอ็นดูเด็กคนนี้นัก พูดจาเหมือนหยอก ถ้าไม่ใช่เมียเขาจริงๆ ก็หวังงาบ! หรืออาจะสนใจเด็กคนนี้เข้าจริงๆ

            รถกระบะของปกรณ์มาจอดใกล้บ้านเช่าที่บัวชมพูอาศัยอยู่ เขานั่งเคาะพวงมาลัยรถนับหนึ่งถึงสิบในใจแต่ไม่เห็นคนที่รอโผล่หน้าออกมา เขาจึงไลน์ไปอีกครั้งแต่ข้อความไม่ถูกเปิดอ่าน คราวนี้คิ้วเข้มขมวดยุ่งแล้วเปลี่ยนเป็นกดหมายเลขโทรศัพท์ของบัวชมพู เขารอครู่หนึ่งอีกฝ่ายจึงรับสาย

            “สวัสดีค่ะ”

            “อยู่ไหน”

            “อยู่ไหน?”

            “ฉันถามว่าเธออยู่ที่ไหน”

            “หนูอยู่บ้านค่ะ”

            “บ้านไหน ฉันรอหน้าบ้านเธอตั้งนานแล้วนะ”

            “คุณใหญ่อยู่หน้าบ้านหนูเหรอคะ”

อีกฝ่ายถามด้วยน้ำเสียงประหลาดใจจนอลังการอดงุนงงไม่ได้ 

“เธอไม่ได้อ่านไลน์หรือไง”

            “ไม่ค่ะ หนูไม่สะดวก” เธอตอบแล้ว “ไม่มีใครบอกเหรอคะว่าถ้าเรื่องด่วนอย่าส่งไลน์ให้โทรมา” 

            อลังการกำลังจะอ้าปากเถียงก็เห็นร่างเล็กในชุดเสื้อยืดสีชมพูหวานแหววยาวคลุมสะโพกทับกางเกงขาสั้นอวดเรียวขาขาวผ่องออกมายืนหน้าบ้านพร้อมแนบโทรศัพท์กับใบหู เธอหันซ้ายหันขวามองหาเขา และเมื่อเห็นรถของเขาก็ตัดสัญญาณโทรศัพท์แล้วเดินมาหา

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status