เขาเลื่อนกระจกลงแล้วถาม “ทำไมไม่อ่านไลน์”
“หนูเรียนออนไลน์อยู่ค่ะ” บัวชมพูเบ้ปากใส่ “มีธุระอะไรคะ”
“ไปทำกับข้าวให้อาฉันกินหน่อย”
“เอ๊ะ? ยังไงคะ หนูงง”
“อาปกรณ์อยากกินข้าวเย็นฝีมือเธอ” เขาขึงตาใส่แต่ไม่ได้ทำให้เด็กสาวกลัวเลยสักนิด
“อ้อ! ได้ค่ะ วันนี้ไม่มีเรียนแล้ว หนูเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวออกมานะคะ”
“เดี๋ยวก่อน”
“คะ”
“ฉันต้องไปกรุงเทพฯ เธอไปกับฉันด้วย”
“ไปกรุงเทพฯกับคุณใหญ่? ให้หนูไปทำอะไรคะ”
“ไปเป็นเมียฉันไง!”
“ออกต่างจังหวัดขอค่าแรงเพิ่มค่ะ”
“เฮ้ย! ฉันให้ไปสามหมื่น มือยังไม่ได้จับนี่ยังจะมาเรียกเพิ่มอีกเรอะ”
เธอหงายฝ่ามือขึ้นแล้วพูด
“ขอมือค่ะ”
ดวงตากลมเป็นประกายวาววับจนอลังการตะลึงไป ทำตามที่เสียงหวานใสพูดอย่างลืมตัว บัวชมพูมืองฝ่ามือใหญ่ที่ว่างบนฝ่ามือเธอแล้วก็ยกมืออีกข้างขึ้นลูบคางที่เพิ่งโกนหนวดออกไปเบาๆ
“เก่งมาก”
“เฮ้ย!” เขาร้องอย่างนึกได้ ปัดมือหญิงสาวออก อีกฝ่ายหัวเราะคิกคักไม่ได้ใส่ใจที่ถูกปัดมือ “ไม่ใช่หมานะเว้ย!”
“หนูไม่ได้พูดอะไรนะคะ” เธอยักไหล่ “จะให้หนูไปกรุงเทพฯ ก็ต้องจ่ายอีกสามหมื่น ดูแลเรื่องกินอยู่ให้หนูด้วย”
“นี่มันปล้นกันชัดๆ ฉันซื้อกินยังไม่จ่ายแพงขนาดนี้”
“ก็ไปหาซื้อเอาสิคะ” เธอยิ้มกว้าง “หนูไม่เดือดร้อนอะไรนี่”
ท่าทางไม่ง้อและถือไพ่เหนือกว่าทำให้อลังการหงุดหงิด รู้ทั้งรู้ว่ายัยเด็กนี้ร้อนเงินต้องใช้เงินไว้รักษาแม่ แต่เห็นท่าทางไม่ง้อเขาแล้วก็โมโห ก็แน่ละ มีแต่ผู้หญิงอื่นมาอ้อนวอนเขานี่นะ
“นี่! เธอต้องใช้เงินไม่ใช่เหรอ ต้องเป็นเธอที่มาอ้อนวอนฉันนะ”
บัวชมพูทำหน้าตกใจ “จริงเหรอคะ หนูคิดว่าคนที่คว้าไหล่หนูแล้วพูดต่อหน้าคุณอาปกรณ์ว่าหนูเป็นเมียคือคุณใหญ่นะคะ ไม่ใช่หนูเสนอตัวเสียหน่อย”
“บัวชมพู!” เขาโมโหที่เถียงเด็กไม่ขึ้นสักครั้ง “จะเอายังไงก็ว่ามา!”
“โอนมาอีกสามหมื่นแล้วจะไปกรุงเทพฯด้วยค่ะ” เธอยิ้มกริ่ม “เลขบัญชีเดิมค่ะ”
เขาสูดลมหายใจลึกแล้วหยิบมือถือมาเข้าแอปธนาคารโอนเงินให้บัวชมพู เสียงเตือนข้อความเข้าจากมือถือของบัวชมพูดังขึ้น เด็กสาวเห็นยอดเงินเข้ามาแล้วก็ยกมือไหว้
“ไปกี่วันคะ หนูต้องเตรียมอะไรบ้าง”
“ไม่เกินเจ็ด-แปดวันหรอก จะเอาอะไรไปก็เรื่องของเธอ แต่วันนี้ไปทำกับข้าวให้อาฉันก่อน”
“ได้ค่ะ คุณรอหนูสักสิบห้านาทีนะคะ หนูจัดกระเป๋าเร็ว เดี๋ยวออกไปพร้อมกันเลย”
“อืม” เขาพยักหน้ารับ “นี่...เรื่องพวกนี้เธอตัดสินใจเองนะ ฉันไม่ได้ล่อลวง แล้วแม่เธอ...”
“หนูบอกแม่แล้วค่ะว่าไปทำงานพิเศษกับคุณใหญ่” เธอยิ้มให้เขา “ถ้าหนูหายไป แม่จะได้ไปแจ้งตำรวจได้ไงคะ”
“บัวชมพู!”
หญิงสาวหัวเราะเสียงใส วิ่งกลับเข้าไปในบ้าน อลังการอ่อนใจได้แต่ยกมือขึ้นเสยผม ทำไมเขาต้องทำตัวเองให้ตกอยู่สภาพนี้ด้วย แล้วทำไมเขาต้องชอบให้เธอหัวเราะและโต้เถียงกับเขาแบบนี้ก็ไม่รู้
เป็นอะไรไปอลังการ แพ้ทางเด็กเข้าให้แล้วหรือไงนะ
อลังการรอไม่เกินสิบนาทีก็เห็นบัวชมพูหิ้วเป้สะพายหลังเดินเร็วๆ มาทางเขา มือหนึ่งถือกระเป๋าโน้ตบุ๊ก เธอสวมเสื้อยืดกับกางเกงยีนมันเรียบง่ายเสียจนเขาได้แต่ส่ายหน้าแล้วคิดว่ากระเป๋าเสื้อผ้าของเธอคงมีแต่เสื้อผ้าแนวนี้
บัวชมพูให้อลังการจอดรถที่ตลาดเพื่อซื้อของสดเข้าบ้าน เขาส่งเงินให้แล้วบอกให้หญิงสาวซื้อเสื้อผ้ามาเพิ่ม เขากลัวในเป้ของเธอจะมีแค่เสื้อยืดกับกางเกงขาสามส่วน บัวชมพูแค่ยักไหล่แล้วเดินไปซื้อของใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงก็กลับมาพร้อมถุงหลายใบ เขาไม่ขยับตัวลงมาช่วยเธอสักนิด หญิงสาวไม่ได้บ่นอะไร จนกระทั่งมาถึงบ้านเขาก็เดินตัวปลิวไปไขกุญแจบ้านแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา มองดูร่างเล็กเดินถือข้าวของเข้ามาในบ้าน เธอเดินวนไปวนมาอยู่สามรอบจึงหอบข้าวของเข้ามาหมด ยังไม่ทันอ้าปากส่งเสียง บัวชมพูก็ยกน้ำเย็นมาให้แล้วหมุนตัวไปทำอะไรไม่รู้ในครัว
เขาชะเง้อมองอย่างแปลกใจ รู้สึกแปลกๆ พิกล ก็...ทุกทีพูดไม่หยุดเหมือน เถียงได้ทุกคำ เขามองหญิงสาวที่หยิบนู้นจับนี้ สองมือคล่องแคล่วเสียจนเหมือนอยู่บ้านนี้มาเป็นปีเป็นชาติ จนกระทั่งเธอเปิดชั้นเก็บของด้านบนแล้วเขย่งปลายเท้าขึ้น อลังการลุกพรวดขึ้นไปยืนซ้อนด้านหลังอย่างไม่รู้ตัว
“จะเอาอะไร ประเดี๋ยวของก็ตกใส่หัวหรอก”
“จานค่ะ” บัวชมพูพูดเสียงเบา “จานชามสำหรับรับแขกอยู่ด้านบน”
“ของหยิบยากทำไมไว้ด้านบน” เขาบ่นแล้วหยิบจานชามลงมาให้
“นี่บ้านคุณใหญ่นะคะ ไม่ใช่บ้านหนูเสียหน่อย”
บัวชมพบ่นอุบอิบ เธอใจลอยมัวแต่คิดเรื่องที่คุยกับน้ารุ่งรวีและฝากให้ดูแลแม่ ตอนนั้นแม่หลับอยู่เธอไม่กล้ารบกวนเวลาแม่นอน ไม่รู้ว่าน้ารุ่งรวีนึกยังไง ยัดยาคุมฉุกเฉินใส่กระเป๋ามาให้เธอด้วย ซึ่งไม่รู้ว่าน้ารุ่งรวีเตรียมไว้ตั้งแต่ตอนไหน หรือตั้งแต่วันที่เธอคุยเรื่องคุณใหญ่แล้วก็เป็นได้ รุ่งรวีไม่ได้พูดอะไรเป็นพิเศษ ได้แต่บอกให้เธอดูแลตัวเองให้ดี เธอโอนเงินเข้าบัญชีแม่ไว้เผื่อแม่ไว้ใช้เวลาไปฟอกไต
อลังการเผลอยิ้มออกมาที่ได้ยินเสียงถ้อยคำประชดประชัน เขายืนซ้อนอยู่ด้านหลัง รับรู้ได้ถึงกลิ่นกายหอมละมุน เขาโน้มหน้าลงจนปลายจมูกสูดดมกลิ่นหอมจากเรือนผมดำขลับ บัวชมพูที่ยังใจลอยคิดเรื่องอาการเจ็บป่วยของแม่ ไม่ทันรู้ตัวว่าคนด้านหลังทำอะไรอยู่ เธอหมุนตัวกลับมาหน้าผากก็โดยริมฝีปากหยักสัมผัสเบาๆ
“อ๊ะ!” บัวชมพูอุทานด้วยความตกใจ ดวงตากลมเบิกกว้างขึ้นท่าทางคุกคามของเขาทำเอาเธอเผลอถอยหลังแต่ไปชนซิงค์ล้างจาน สองแขนของอลังการยื่นมาคร่อมและกักขังร่างเล็กไว้ ดวงตาคมดุจราชสีห์จับจ้องเหยื่อที่เผยอริมฝีปากขึ้นด้วยความตกใจ
เพราะไม่มีทางให้หลบหนี และทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วจนไม่ทั้งตั้งตัว ริมฝีปากหนาก็ทาบลงมาประกบกับริมฝีปากของเธอ ปลายลิ้นชื้นแทรกเข้ามาในโพรงปากหยอกล้อกับลิ้นน้อยๆ ของหญิงสาว เธอเอนหลังถอยหนีทำให้เขาเลื่อนมือมาโอบแผ่นหลังของเธอไว้ และมืออีกข้างประคองท้ายทอยให้รับจูบวามไหวที่มอบให้ เพราะเรียวลิ้นของเขาทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกไฟช็อต พอได้สติก็ยกมือขึ้นหมายจะดันเขาออกแต่เขากลับรัดร่างเธอแน่นขึ้นจนร่างของเธอแนบชิดกับแผ่นอกแกร่งของเขา ร่างกายผ่าวร้อน ถ้าไม่ใช่เพราะเขาโอบกอดเธออยู่ ร่างปวกเปียกของเธอพร้อมจะทรุดลงไปกองกับพื้น
อลังการถอนริมฝีปาก จ้องมองดวงตาวาวคู่นั้นที่จ้องมองเขาอย่างตื่นตกใจ ริมฝีปากช่างต่อล้อต่อเถียงถึงกับเผยอค้าง สูดอากาศเข้าปอด กลายเป็นเขาเองที่ทำอะไรไม่ถูก ยกลือลูบแผ่นหลังของเธอเบาๆ
“เวลาจูบหายใจทางจมูกสิ”
“จูบ” เหมือนบัวชมพูเพิ่งได้สติ “คุณใหญ่จูบหนู?”
“อืม” เขาจ้องมองหญิงสาวที่ยังมึนงงอยู่ “ทำไม ฉันจูบไม่อร่อยหรือไง”
จากที่คิดว่าตัวเองรับมือได้ทุกสถานการณ์ แต่ตอนนี้บัวชมพูทำอะไรไม่ถูก ยกหลังมือขึ้นมาเช็ดริมฝีปาก แล้วผลักเขาให้ถอยห่าง แต่อลังการไม่ยอมปล่อย เห็นท่าทางแบบนี้แล้วยิ่งหงุดหงิด เขาก็ไม่ได้จูบแย่ขนาดนั้นนี่ ที่ผ่านมาผู้หญิงก็ชอบทั้งนั้นนี่
“หยุดนะ! คุณจะทำอะไร!” เพราะเขาไม่ยอมปล่อยทำให้เธอเผลอส่งเสียงดังออกไป
“ก็จูบไง”
“ไม่ได้นะ!”
บัวชมพูขึงตาใส่เขา แต่อลังการกลับมองว่าน่ามองนัก ยัยเด็กคนนี้เขินเป็นด้วย เขาแกล้งยื่นหน้าเข้าไปใกล้ แล้วเป่าลมหายใจร้อนระอุใส่ใบหูน้อยๆ ของหญิงสาว
“กลัวเหรอ”
เพราะถูกท้าทาย บัวชมพูจึงเขย่งปลายเท้าแล้วยื่นริมฝีปากไปประกบกับริมฝีปากเขา เมื่อใกล้จนเห็นแววตายั่วล้อของเขาแล้วก็ได้สติว่าถูกเขาหลอกเข้าให้แล้ว แต่มีหรืออลังการจะยอมปล่อย เขาเผยอปากขึ้นขบริมฝีปากเธอเบาๆ หยอกเย้าและยั่วยวน
เกินคาดคิด ยัยเด็กปากร้ายนี้แท้จริงแล้วหวานฉ่ำจนเขาไม่อยากหยุด ฝ่ามือเลื่อนมาลูบไล้แผ่นหลัง ไม่เคยคิดเลยว่าผู้หญิงคนนี้จะปั่นปวนอารมณ์เขาได้มากถึงเพียงนี้ “พอ...พอแล้ว..” บัวชมพูเบือนหน้าหนีก็พูดออกมาด้วยเสียงสั่น “พอได้แล้ว”“พอแล้วจริงๆ เหรอ” เขายั่วแล้วงับติ่งหูของเธอเล่น ทำให้หญิงสาวย่นคอเหมือนเต่าตัวน้อย บัวชมพูพยายามเรียกสติของตัวเอง เธอเคยคิด เคยจินตนาการเรื่องระหว่างชายหญิงกับผู้ชายที่เธอปลื้มนั้นก็คือเขา แต่ไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้นได้จริง ไม่ว่าอย่างไร คนอย่างอลังการไม่มีวันสนใจผู้หญิงอย่างเธอแน่นอน มันเหมือนเธออยู่ผิดที่ผิดเวลา หากวันนั้นเธอไม่ได้ยืนอยู่ในระยะเอื้อมมือคว้า เขาจะโอบไหล่เธอแล้วบอกว่าเป็นเมียอย่างนั้นเหรอ “คุณเล่นเลยเถิดไปแล้วนะ” อลังการเลิกคิ้วประหลาดใจกับน้ำเสียงเย็นชาของหญิงสาว คราวนี้เธอไม่ได้แสดงสีหน้าหวั่นไหวใดๆ อีก ด้วยท่าทางของเธอเป็นอย่างนี้ทำให้ความมั่นใจในเสน่ห์ของตัวเองหายไปหมด ไม่จริงน่า! นอกจากจูบไม่มัดใจแล้วยังยั่วผู้หญิงไม่สำเร็จอีกเหรอ? “หนูต้องทำกับข้าวนะคะ ประเดี๋ยวเตรียมไม่ทันคุณอาปกรณ์มากินข้าว คุณใหญ่ไ
“อ้าว! ผมเป็นหลานอานะครับ”ปกรณ์หัวเราะแล้วเดินออกไป อลังการตามไปส่งที่หน้าบ้าน พูดคุยกันอีกเล็กน้อย เขายืนมองรถของอาปกรณ์เคลื่อนออกไปสุดสายตาแล้วจะเดินกลับเข้ามาในบ้าน บัวชมพูเคลียร์ห้องครัวเสร็จพอดี เมื่อเห็นมาก็เห็นอลังการยืนยกมือขึ้นกอดอกจ้องมองเธออยู่ก่อนแล้ว “มีอะไรหรือคะ” “ฉันน่าจะถามเธอมากกว่าว่าไปทำอะไรให้อาปกรณ์ชื่นชอบถึงขนาดนี้” “คุณใหญ่คิดอย่างนั้นเหรอคะ” เธอเอียงคอมองเขา “หนูมีเสน่ห์ขนาดนั้นเชียว” “เฮอะ! อย่างเธอเนี้ยนะ ใครจะมาสนใจ” เขาเบ้ปากใส่ “อ้าว! ก็คุณใหญ่พูดเหมือนอาปกรณ์หลงเสน่ห์หนูเองนี่” เธอแสร้งทำเป็นงุนงง “นั้นอาของฉัน แต่งงานมีเมียมีลูกแล้ว ห้ามยุ่งเด็ดขาด!” บัวชมพูเช็ดมือกับผ้าสะอาดแล้วปลดผ้ากันเปื้อนออก “หนูไม่ได้ทำอะไรเสียหน่อย มีแต่คนเข้ามาหาเอง” “นี่ๆ อย่ามาเถียงนะ” “หนูไม่ได้เถียง” เธอเบ้ปากใส่ “หนูเหนื่อยแล้ว ขอไปพักผ่อนก่อนนะคะ” “เดี๋ยวสิ! จะเดินหนีกันแบบนี้ไม่ได้” “คุณใหญ่! หนูบัวเหนื่อยแล้วค่ะ! อยากอาบน้ำพักผ่อน”
ทั้งที่ทั้งสองยังเปียกชุ่มแต่ร่างกายกับเร่าร้อนขยับกายเข้าหากัน บัวชมพูหลงใหลที่ร่างกายได้แนบชิดกันถึงเพียงนี้ เขาพรมจูบที่หน้าท้อง ลากเรียวลิ้นลงไปถึงกึ่งกลางของกายสาว แยกสองขาออกกว้างแล้วแทรกลิ้นร้อนไปแทนนิ้วกร้าน “อ๊า! คุณใหญ่! คุณใหญ่ขา!” บัวชมพูเสียวซ่านได้แต่พร่ำเรียกชื่อของเขา หยัดสะโพกเข้าหาเรียวลิ้นที่ทำให้เธอแทบคลั่ง “หอม” เขาพูดเสียงแหบพร่า “หวานมาก ฉ่ำไปทั้งตัว” เขาเร่งเร้าด้วยปากและนิ้วร้าย มือเล็กขยุ้มเส้นผมของเขาอย่างไม่รู้ตัว เหงื่อไหลโทรมกายแอ่นตัวขึ้นอย่างอดไม่อยู่ ส่งตัวเองเข้าไปในปากอันร้ายกาจของเขาจนกระทั่งร่างกายเกร็งกระตุกและหวีดร้องออกมาด้วยไปถึงจุดสุขสม อลังการไม่รอให้ร่างกายเธอได้หยุดพัก เขาหยัดตัวขึ้นแล้วคุกเข่าบนเตียง แยกเรียวขาสวยออกกว้างกว่าเดิม จับแก่นกายที่แข็งขันราวเสาหินเข้าไปในช่องรักที่หลั่งน้ำหวานจนฉ่ำชื้น “อร๊ายยย ...อึก...คุณใหญ่ขา..ลึก...มันลึก...” “ซี๊ดดด เก่งมาก หนูรับของฉันได้หมด อ่า แน่นมาก หนูบัวรัดของฉันแน่นมาก” อลังการครางอย่างพอใจ เขาดุนดันเข้าไปที่ละนิด ถอยอ
“ผู้ใหญ่รังแกเด็ก” เธอต่อว่าเขาแล้วเอนตัวพิงแผ่นอกอย่างไร้เรี่ยวแรง ถ้าเขาไม่ประคองไว้เธอคงลงไปกองกับพื้นแล้ว “ฉันไม่ได้รังแก” เขาหัวเราะในลำคอแล้วจับแก่นกายที่แข็งขันคลอเคลียเนื้ออ่อนนุ่มที่ฉ่ำแฉะ “ฉันเอาจริง” “อร๊ายยย” บัวชมพูหวีดร้องเมื่อท่อนเนื้อร้อนระอุมุดเข้ามาในร่องรัก เขายกขาข้างหนึ่งของเธอเกี่ยวเอวเขาไว้แล้วขยับดุนดันแก่นกายเข้ามาที่ละนิดจนสุดโคน “โอ้ว!ชิบ! แน่นจริงๆ” เขาคำรามเสียงทุ่มต่ำกดแก่นกายไว้ในร่องรักที่โอบรัดจนเขาหายใจลำบาก มือใหญ่เลื่อนมาเคล้นคลึงทรวงอก สะกดปลายยอดสีชมพูจนหญิงสาวสะบัดหน้าไปมาเพราะเสียวซ่าน “คุณใหญ่” เธอเรียกเขาเสียงพร่าไม่แพ้กัน ร่างกายร้อนผ่าว เธอขยับสะโพกเข้าหาอย่างเรียกร้องแต่เขินอายเกินกว่าจะพูดสิ่งที่ต้องการออกมา “บอกฉันสิว่าเธออยากได้มัน” เขายังคงฝืนแข็งใจไม่ขยับตัว ท่อนเอ็นเต้นตุบๆ ในร่องรักของหญิงสาว ความเสียวซ่านวาบหวิวก่อตัวขึ้นมาอีกระลอก เดิมทีคิดว่าจะมาดูแล แต่พอเห็นร่างเปลือยเปล่าแล้วก็อดใจไม่ได้ “หนู...หนู...” เธอรู้ว่าต้องการเขามากแค่ไหน แต่ปากคอสั่นไปหมดได้แต
“ยังไม่ชินอีกเหรอ” เขาถามเสียงพร่า หน้าอกกลมกลึงดุนดันผ้ากันเปื้อนลายลูกไม้ เขาวางมือลงบนทรวงอกของหญิงสาวเพียงนวดเบาๆ ก็เรียกเสียงครางหวานออกมาได้ “อื้อ...คุณใหญ่...” “น่ารักจริงๆ”เขาชมแล้วจูบริมฝีปากที่เผยอขึ้น คราวนี้ไม่มีจูบเงอะงะอีกแล้ว เพียงริมฝีปากทาบทับ ลิ้นน้อยๆ ก็พร้อมเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นของเขา บางครั้งเธอเป็นฝ่ายขบกัดริมฝีปากของเขา แทรกลิ้นเข้ามาในโพรงปากดูดกลืนเสียงครางของเขา สะโพกสวยขยับกระสับกระส่ายบนตัก ส่วนที่แข็งแกร่งที่สุดแข็งขึ้นขึ้นชูชันจนกางเกงผ้าฝ้ายที่เขาสวมอยู่โป่งนูน มือนุ่มแตะที่แผ่นอกกำยำ สะกิดยอดอกของเขาอย่างหยอกล้อแต่เรียกเสียงครางซี๊ดออกมา ทำให้บัวชมพูหัวเราะคิกคัก“กล้าแกล้งฉันเหรอ” เขาคำราม“เปล่าเสียหน่อย” บัวชมพูแลบลิ้นทะเล้นใส่ แสร้งบดเนิ่นเนื้อกับส่วนที่อยากโผล่ออกจากกางเกงเต็มทีแล้ว เขาไม่ได้สวมเสื้อ สวมเพียงกางเกงผ้าฝ้ายเบาสบาย แต่ยามนี้กลับกลายเป็นสิ่งที่เขาอยากกำจัดออกไปจากตัวเองให้เร็วที่สุด “เด็กดื้อต้องถูกทำโทษ” เขาจับร่างเธอนอนคว่ำลงไป ก้นงามงอนอวดสายตา แผ่นหลังเนียนมีเพียงสายเชือกผ้ากันเปื้อนผูกไว้ เขาฟาดฝ่ามือใส่
“ดูสิ หนูบัวของฉันน่ารักขนาดไหน”“ไม่เอา” เธอส่ายหน้าไปมา อับอายจนหน้าแดงไปหมด“โอ้ววว เสียวลำ”“คุณใหญ่ อย่ากระแทก อร๊ายยย หนูจุก”“จุกหรือเสียวเอาให้แน่” เขาโยกร่างเล็กรัวแรงอย่างลืมตัวว่าร่องก้นของเธอมีหางจิ้งจอกเสียบอยู่ ตอนนี้เธอเสียวคูณสอง น้ำรักไหลอาบลำเอ็น เหงื่อไหลโทรมกายทั้งที่อยู่ในห้องแอร์บัวชมพูเห็นตัวเองถูกกระแทกกระทั้น เจ้าหางสีขาวสั่นไหว เธอขมิบมันไว้อย่างไม่รู้ตัวและทำให้อลังการยิ่งเสียวซ่านขยับโยกสะโพกสอบเร็วขึ้น “โอ้ว! ชิป! แน่นอะไรอย่างนี้ เสียวมากหรือหนูบัว”“คุณใหญ่ขา เสร็จเถอะ หนูไม่ไหวแล้ว” เธออ้อนวอนเขา หัวใจเต้นรัว เขากระแทกเธอหนักขึ้น แรงขึ้น และถี่กระชั้น สองร่างสอดประสานล้ำลึก ร่างเล็กสั่นสะท้าน ความเร้าร้อนรุนแรงทำให้หญิงสาวหวีดร้องอีกครั้งร่างเกร็งกระตุกทำให้ช่องรักขมิบรัดรึงแก่นกายร้อนที่ปลดปล่อยตัวเองเมื่อถึงขีดสุด“อา...ยอดเยี่ยมเลย หนูบัวของฉัน”บัวชมพูหมดเรี่ยวแรง ได้แต่หอบหายใจปล่อยให้เขาอุ้มเธอลงมานอนบนเตียง เธอครางออกมาเมื่อเขาถอนแก่นกายออกพร้อมกับดึงเจ้าหางจิ้งจอกออกจากร่องก้นของเธอริมฝีปากหนาพรมจูบทั่วใบหน้า หญิงสาวได้แต่ระบายลมหายใจเบาๆ แ
“ฉันดูเป็นคนเลวนักหรือไง” เขาพึมพำ เคาะปลายนิ้วกับพวงมาลัยรถ“ใครไปว่าอะไรคุณใหญ่คะ” บัวชมพูถามกลับ“แล้วฉันเป็นคนดีพอให้ใครสักคนรักได้ไหม”บัวชมพูไม่แน่ใจว่าเขาหมายถึงเรื่องอะไร ระหว่างเขากับเธอ? คงไม่ใช่ละมั้ง เพราะเขาแค่...จ้างเธอเป็นเมียปลอมๆ ส่วนความสัมพันธ์ที่มันเกินเลย ก็ถือเสียว่าเธอยินยอมพร้อมใจเองหรือว่า...เขาจะเจอคนถูกใจแล้วจริงๆ“ถ้าคุณบอกหนูว่าจะมาพาห้าง หนูไม่ซื้อขนมเค้กมาหรอก” เธอเปลี่ยนเรื่อง อลังการถอนหายใจเบาๆ เธอคงไม่คิดอะไรกับเขาจริงๆ ขนาดเพื่อนสนิทของเขายังการันตีว่าบัวชมพูเป็นเด็กดี บัวชมพูอายุแค่ยี่สิบ ยังมีอนาคตอีกไกล ยังได้มีโอกาสเจอผู้คนอีกมาก เอาตามจริงเขาก็รู้สึกว่าบัวชมพูเป็นคนฉลาด และรู้ว่าทำอะไรอยู่ ความฉลาดของเธอทำให้เขาสบายใจ แต่ที่ทุกข์ใจคือเขาอยากได้เด็กคนนี้เป็นเมียจริงๆบัวชมพูลอบมองอลังการที่มีท่าทีเหนื่อยๆ “ถ้าคุณใหญ่เหนื่อย เรากลับบ้านกันเถอะค่ะ”“กลับบ้าน”“อืม” บัวชมพูพยักหน้ารับ รู้สึกว่าอีกฝ่ายผิดปกติ ยื่นหลังมือไปแตะหน้าผากของอลังการ “ตัวก็ไม่ร้อนนี่ หรือคุณใหญ่ปวดหัวไมเกรนหรือเปล่าคะ”แต่ก่อนคำว่า ‘บ้าน’ของอลังการคือที่ซุกหัวนอน แต่พ
หญิงสาวอยู่ในชุดเดรสสีครีมเรียบง่ายแต่ขับเน้นให้ดูงดงามน่ามอง ผมยาวที่มักถูกรวบเป็นหางม้า เวลานี้ปล่อยยาวสลายประดับด้วยกิ๊ปติดผมทำจากไข่มุกสวยหรูเข้ากับต่างหูและสร้อยคอ บัวชมพูเผลอยกมือแตะที่สร้อยคอบ่อยๆ ทำเอาอลังการอดหัวเราะไม่ได้ “เส้นเล็กไปเหรอ คราวหน้าจะเลือกให้ใหม่” “เปล่าค่ะ หนูกลัวทำสร้อยคุณใหญ่หาย ไม่มีตังค์มาใช้หนี้คุณ” หญิงสาวพูดไปตามที่คิด เธอชอบเครื่องประดับชุดนี้มาก รวมทั้งสร้อยข้อมือ อลังการสวมให้เธอเอง แม้เขาจะบอกว่า “ให้” แต่เธอก็กังวลอยู่ดี “ก็ฉันบอกว่าให้ไง” เขาทำเสียงหงุดหงิด ประสานมือกับหญิงสาวแล้วบีบเบาๆ “ตื่นเต้นหรือเปล่า” บัวชมพูมองใบหน้าคมเข้ม อันที่จริงเธอไม่เข้าใจความหมายของคำถามนี้เท่าไหร่นัก ตื่นเต้นเพราะจะได้เจอครอบครัวของเขานะหรือ? หรือตื่นเต้นที่ต้องเล่นเป็นเมียกำมะลอ เรื่องให้เตรียมใจมาพบคนในครอบครัวเขาในฐานะเมียก็เตรียมใจมาเป็นเดือนแล้ว จนเผลอคิดไปว่าเขาคงไม่ต้องการให้เธอเล่นเป็นเมียของเขาอีก เธอไม่ได้เรียกร้องเรื่องเงินกับเขาอีก แต่เขาโอนเงินให้เธออยู่เรื่อยๆ นับๆ ดูก็หลักแสนเข้าไปแล้ว
“ก็ยังต้องรอดูนั้นแหละ ถ้าใช้วิธีของผมนะจบง่ายกว่านี้” ราชันยักไหล่ “ก็เดหลีเป็นคนดีนี่ค่ะ” ลลิน ได้ยินเสียงร้องกรี๊ดๆ ดังลั่นมาถึงด้านนอก คงขู่ให้กลัวได้อยู่บ้าง “คนห่วงหน้าตาอย่างเบลล่า คงไม่กล้าทำอะไรอีกแน่ๆ ค่ะ” “ก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น เอาล่ะ กลับบ้านเราเถอะ” “อ้าว! แล้วไม่ไปเยี่ยมคุณยักษ์แล้วหรือคะ” “ไปทำไม เจ็บแค่นิดเดียวเอง ให้เมียมันดูแลเถอะ” หญิงสาวหัวเราะเสียงใส แสดงว่าที่นอนอยู่นั้นคงตั้งใจ ‘ออเซาะ’สินะ ราชันบีบปลายจมูกของคนรักอย่างหยอกล้อ ที่เขายอมมาช่วยก็เพราะเป็นห่วงเดหลีหรอก ไม่ใช่เพราะอยากมาช่วยเจ้ายักษ์ แต่เอาเถอะ ถึงตอนนี้แล้ว คงจัดการตัวเองได้แล้วล่ะ…………มังกรกัณฐ์ชะเง้อมองไปทางประตู เขารอให้คนรักกลับเข้ามาจะได้แกล้งเจ็บออดอ้อนให้สมใจอยาก แค่โดนรถเฉี่ยวนิดเดียว แต่เดหลีหวีดร้องอย่างกับเขาแขนขาขาดกระเด็น แต่ไหนๆ ก็มาถึงขั้นนั้นแล้ว เขาจึงสวมบทคนเจ็บให้เต็มที่“โตขนาดนี้แล้วยังเล่นเป็นเด็กอีก” คุณบุรินทร์อดดุหลานชายไม่ได้ ทีแรกได้ยินว่าประสบอุบัติเหตุก็นึกว่าอาการหนัก ยิ่งเห็นเดหลีร้องไห้ต
พนักงานในบริษัทต่างลอบมองหญิงสาว แต่เดหลีทำเป็นไม่ใส่ใจ เธอยังคงทำงานของเธอ พูดคุยกับทุกคนเช่นที่เคยผ่านมา ในเมื่อมังกรกัณฐ์ประกาศออกไปอย่างนั้นแล้ว เธอจะก้มหน้าอายอะไรอยู่ ฐานะชาติกำเนิดของเธอเปลี่ยนแปลงไม่ได้ สิ่งที่ทำได้คือยอมรับความจริงและเผชิญหน้ากับมัน “นี่ๆ เลิกงานแล้วไปซื้อของกันนะ” มังกรกัณฐ์ทักเดหลี ท่าทางของเขาผ่อนคลายลงมาก คิดว่าต่อไปนี้คงไม่มีเรื่องอะไรมารบกวน ‘ชีวิตคู่’ ของเขาอีกแล้ว “ซื้ออะไรคะ” เธอถามสายตายังคงอยู่กับเอกสารตรงหน้า “แหวนไง” “แหวน?” คราวนี้หญิงสาวเงยหน้าขึ้น “แหวนอะไรคะ” มังกรกัณฐ์เบ้ปาก เดินมาจับมือซ้ายของหญิงสาวขึ้น “มือเธอยังไม่มีแหวนแต่งงานเลย” “แหวนแต่งงาน” ใบหน้าหวานขับสีแดงระเรื่อขึ้นมาทันที “เพราะไม่ได้ใส่แหวนแต่งงานละมั้ง คนอื่นถึงไม่รู้ว่าเธอมีเจ้าของแล้ว” เขาหัวเราะออกมา “ถ้าอย่างนั้นคุณยักษ์ก็ต้องใส่ด้วย คนอื่นจะได้รู้ว่าคุณยักษ์มีเจ้าของแล้ว” เธอพูดใส่เขา แต่อีกฝ่ายกลับยิ้มกว้าง “มันต้องอย่างนั้นอยู่แล้ว” เขายกมือข้างซ้ายของเธอขึ้นมาจูบเบาๆ “เรื่องพิธีแต่งงาน ฉันพูดจริงนะ ฉันอยากจัดงานแต่งงาน อยากให้เธอสวมชุดเจ้าสาว” “ไ
“ก็ฉันหวงเธอ อยากให้เธอเป็นเมียฉัน เป็นแม่ของลูก เรื่องแค่นี้คิดไม่ได้จริงๆ เหรอเดหลี” เพราะปลดปล่อยไปแล้วรอบหนึ่ง รอบสองจึงยาวนานกว่าครั้งแรก เขาขยับตัวเปลี่ยนท่านจับหญิงสาวนอนตะแคงแล้วยกเรียวขาแยกออกสอดใส่จากด้านหลัง มือหนึ่งก็ขยี้จุดเสียวซ่าน อีกมือบีบเคล้นหน้าอกเพิ่มความเสียวกระสัน เขาฟังเสียงครางของหญิงสาวอย่างพอใจ แล้วกระซิบข้างหู “ฉันบอกแล้ว ต่อไปนี้เรื่องของเธอคือเรื่องของฉัน ไม่ว่าปัญหาอะไรของเธอ ที่ฉันพูดกับพ่อเธอวันนี้ก็พูดจากใจจริง ไม่ได้แค่พูดเอาใจใคร” “คุณยักษ์” เธอเอี้ยวหน้าหันมามองเขา วันนี้เธอรู้สึก “รัก” เขามากกว่าทุกวัน รักมากเสียจนอยากกักเก็บเขาไว้เป็นของเธอคนเดียว ไม่ว่าเขาจะทำไปเผื่อรักษาหน้าเขาเองหรือเพราะพูดด้วยความจริงใจ เธออยากรักษาห้วงเวลาพิเศษนี้ไว้ให้เนิ่นนาน “แล้วเลิกคิดเรื่องหย่าไปได้เลย” เขาขบติ่งหูของเธออย่างมันเขี้ยว “โอ๊ย เสียว ขอกระแทกแรงๆนะเมียจ๋า” “อะ..อะ ..อร๊ายยย” “โอ้วว” ชายหนุ่มปลดปล่อยอีกระลอกพร้อมหญิงสาวที่ไปถึงจุดสุดยอดอีกครา คราวนี้เขายอมถอนแก่นกายออกจากร่องรัก เขาโน้มหน้าลงจูบหน้าผากชื้นเหงื่อเบาๆ เขาลุกขึ้นจากเตียง ดึงผ้
“อย่างไรเราก็คนครอบครัวเดียวกัน หรือคุณอาคิดว่าคนอื่นจะดีกับคุณอาเท่ากับผมหรือเดหลีละครับ แต่ถ้าคุณอาไม่เห็นผมเป็นลูกเขยก็ไม่เป็นไร ผมส่งคุณอาให้เสี่ยศักดิ์ชัยดีไหมครับ ได้ยินว่าเสี่ยศักดิ์ชัยตามหาคุณอาอยู่เหมือนกัน” “ไม่ต้องๆ” พ่อของเดหลีรีบร้อนเอ่ยขึ้น เผลอมองไปทางด้านนอกซึ่งมีรถเก๋งคันหนึ่งจอดอยู่ และเหมือนคนในรถจะรู้ตัว รีบขับออกไปทันที ทำให้พ่อของเดหลีอึกอักทำอะไรไม่ถูก “เอาอย่างนี้นะครับ ประเดี๋ยวผมให้คุณปกรณ์มารับคุณอา หาที่พักสะดวกๆ เข้าโครงการบำบัดยาเสพติด ถ้าคุณอาเชื่อฟังดีๆ หนี้สินต่างๆ ผมเป็นลูกเขยจะจัดการให้เอง” รอยยิ้มของมังกรกัณฐ์เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่กดดันอีกฝ่าย “แต่ถ้าคุณอาไม่ยินดี ผมคงไม่สามารถช่วยอะไรคุณอาได้ รวมทั้งเรื่องเสี่ยศักดิ์ชัยด้วย หรืออย่างน้อยก็เห็นแก่หน้าลูกสาวของคุณอา ทำตัวให้สมกับเป็นพ่อที่ดีสักครั้ง” คราวนี้ทำให้พ่อของเดหลีสงบลงไปได้ มังกรกัณฐ์ถอนหายใจเบาๆ หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจะโทรหาปกรณ์ แต่คนทนายประจำตระกูลก้าวเท้ายาวๆ เข้ามาพอดี “จัดการเรียบร้อยแล้วเหรอ” ปกรณ์ทักแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อ เพรา
เขาไม่มีท่าทีจะก่อกวนในที่ทำงานอย่างที่เขาชอบขู่เอาไว้ ทำให้หญิงสาววางใจทำงานอย่างสบายใจ ส่วนเรื่องเสียงนินทานั้น เธอชินแล้ว แต่ก่อนที่จะมาอยู่ดูแลคุณลออ เธอเองเคยถูกเพื่อนร่วมชั้นเรียนไม่ชอบหน้า เบ้ปากมองบนใส่จนเคยชิน บางคนชอบพูดว่าเธอทำตัวเป็นลูกรักของครู-อาจารย์ แต่เธอเพียงแค่ต้องเรียนอย่างหนัก ไม่มีเงินไปลงเรียนพิเศษ และต้องหาทุนให้ตัวเองเรียน การเข้าหาอาจารย์เพื่อติดตามเรื่องขอทุนรวมทั้งหางานพิเศษทำ จึงเป็นเรื่องปกติสำหรับเธอ แต่ที่ไม่ปกติสำหรับเธอก็คือ ทุกวันทำงานหนักหัวหมุนแค่ไหน เรื่องบนเตียงของเขาไม่เคยหยุดพัก ไม่รู้เขาไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนมากมายขนาดนี้ ‘คนอะไรกินดุ กินจุ ตะกระตะกรามที่สุด!’ “เดหลี” “คะ” “เหม่ออะไร ฉันใช้งานเธอหนักไปเหรอ” มังกรกัณฐ์ถามแล้วดีดนิ้วใส่หน้าผากเธอเบาๆ “เก็บกระเป๋ากลับบ้านได้แล้ว จะหกโมงเย็นแล้ว” “ค่ะ” เดหลียกมือลูบหน้าผากตัวเอง เมื่อไม่มีคนอื่น เขาชอบแกล้งเธอแบบนี้ หญิงสาวปิดคอมพิวเตอร์แล้วหยิบกระเป๋าขึ้นคล้องไหล่ ทั้งสองเข้าไปในลิฟต์แล้ว มังกรกัณฐ์จึงเอ่ยถาม
เดหลีไปได้พูดอะไร คำพูดของเธอไม่มีความหมาย แต่ไหนแต่ไรก็เป็นเช่นนี้ เธอเป็นเพียงตัวแทนของลูกสาวที่จากไปแล้วของคุณลออ ท่านมักคิดถึงแต่เรื่องวัยเยาว์ของลูกสาวเสมอ “ได้เวลาพักผ่อนแล้วค่ะ” พยาบาลพิเศษเดินเข้ามาเรียกอย่างสุภาพ คุณลออพยักหน้ารับแต่ไม่ลืมลูบใบหน้าของหญิงสาว“แม่รักหนูนะลูก”‘หนูก็รักคุณท่านค่ะ’เดหลีได้แต่พูดในใจ พลางนึกถึงท่าทีของแม่ที่มีต่อเธอ เป็นเธอเองที่ยังทำใจยอมรับไม่ได้ อย่างที่ป้าคอยพูดกับเธอเสมอ ให้เธอให้อภัยแม่“ร่างกายแข็งแรงดีแล้วรึ” คุณบุรินทร์เอ่ยถามเมื่อคุณลออออกไปพร้อมพยาบาลพิเศษแล้ว“แข็งแรงดีแล้วค่ะ” เธอตอบเสียงเบา นึกถึงเรื่องที่คุณบุรินทร์เอ่ยในโรงพยาบาล ให้เธอหย่ากับมังกรกัณฐ์ คงถึงเวลาที่เธอต้องทำตามคำสั่งของคุณบุรินทร์ เวลาของซินเดอเรลร่าหมดลงแล้วสินะ“หนู...”“คุณปู่ครับ”เดหลีสะดุ้งไม่คิดว่าจู่ๆ มังกรกัณฐ์จะเข้ามาแบบนี้ คุณบุรินทร์หรี่ตามองหลานชายที่เดินเร็วๆ เข้ามาคว้าข้อมือของหญิงสาวไว้“ผมมีงานค้างอยู่ ขอเอาตัวเดหลีไปก่อนนะครับ”“เออ อ้าว ...เฮ้อ” ยังไม่ทันได้พูดอะไร หลานตัวดีก็แทบลากเดหลีออกจากห้องไป ทั้งคู่เดินออกไปแล้วทิ้งไว้เพียงคนแก่นั
ทั้งที่มังกรกัณฐ์เพิ่งเคยมาบ้านป้าของเดหลีเป็นครั้งแรก แต่เขาก็ทำราวกับว่ามาที่นี่นับครั้งไม่ถ้วน เดิมทีเดหลีคิดว่าเขาแค่ขับรถมาส่งเธอ แต่ไม่คิดว่าเขาจะอาสาขนของเข้ามาในบ้านและไหว้ป้ากับแม่ของเธอ “นี่คุณมังกรกัณฐ์ เจ้านายของหนูค่ะ” เดหลีแนะนำชายหนุ่มให้ป้ากับแม่รู้จัก ทั้งสองมีสีหน้างุนงงแต่ก็ยิ้มให้ “เจ้านาย...” ป้าเอ่ยเหมือนอยากถามแต่เกรงใจ ลอบกวาดสายตามองผู้ชายตรงหน้า เขาเหมือนหลุดออกมาจากซีรีย์เกาหลีที่ชอบดูยังไงก็ไม่รู้ แต่ที่สำคัญ หลานสาวไม่เคยพาใครมาที่บ้าน หลานไม่มีเพื่อนสนิท กลับบ้านทุกเดือนก็จริงแต่ก็แค่ซื้อของเข้าบ้าน เอาเงินเดือนมาให้ ป้ารู้ว่าหลานมีเรื่องผิดใจกับแม่ ซึ่งป้าเพียรพยายามเป็นกาวใจให้สองแม่ลูก แต่หลานสาวก็ปิดกั้นตัวเองเต็มที่ มังกรกัณฐ์อ้าปากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่เดหลีใช้ศอกกระทุ้งเขาเบาๆ เป็นเชิงเตือน สายตาดุๆ ของเธอทำให้เขาปิดปาก นึกประหลาดใจที่ตัวเองยอมทำตามเธอขู่ได้ “พอดีหนูซื้อของเยอะ เจ้านายเมตตามาส่งค่ะ” “อ้อ...อย่างนั้นเองหรือจ๊ะ ขอบใจมากเลยพ่อคุณ” ป้ายิ้มบางๆ แต่ฝ่ายคนเป็นแม่ได้แต่ยิ้มแห
ชายหนุ่มส่งยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วพูด “เธอหึงฉันละสิ เลขาที่อาปกรณ์ส่งมาให้เป็นผู้ชายนะ” “ไม่ได้หึงเสียหน่อย” เดหลีขึงตาใส่ “แค่เป็นห่วงเรื่องงานเท่านั้น” “ให้นั่งๆ นอนๆ เป็นคุณนายอยู่ที่นี่ไม่ดีหรือไง” เขาถาม “อยากกินอะไรหรือช้อปปิ้งอะไรก็ทำได้เลย ฉันทำบัตรเครดิตไว้ให้แล้ว” “ก็ชอบทำงานนี่ค่ะ” หญิงสาวพูดไปตามจริง “อีกอย่าง เดหลีรับเงินเดือนจากคุณบุรินทร์ หยุดงานมาเป็นหลายวันแล้ว เกรงว่า...” “เรื่องนั้นเลิกคิดได้เลย ต่อไปนี้ค่าใช้จ่ายของเธอ ฉันจัดการเอง” เขายกแก้วน้ำขึ้นดื่ม “ค่าใช้จ่ายของน้องมะยม ค่ายาของแม่ เงินเดือนของเธอ ฉันรับผิดชอบเองทั้งหมด ต่อไปนี้เงินในบัญชีฉันก็เหมือนเงินของเธอ” “ไม่ได้นะคะ คุณยักษ์ทำแบบนั้นไม่ได้” เดหลีเผลอลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ “ทำไมจะไม่ได้ เธอเป็นเมียฉัน ฉันก็ต้องเลี้ยงดูเธอสิ” “แต่เดหลีอยากทำงานมีรายได้ของตัวเองค่ะ” แววตาของเธอจริงจังไม่ได้ล้อเล่น “กลัวฉันดูแลเธอไม่ได้หรือไง” มังกรกัณฐ์ขมวดคิ้ว “วันนี้คุณยักษ์ดูแลเดหลีดีมากค่ะ แต่วันข้างหน้า สถานะของเ
“จะบ้าเรอะ! ใครจะเอากันที่ทำงาน! เธอไม่เห็นหรือไง งานมันกองท่วมโต๊ะเป็นภูเขาขนาดนั้น ฉันจะเอาเวลาที่ไหนไปซั่มกับใคร ก็แค่แกล้งเธอเท่านั้นแหละ” “แล้วคุณยักษ์แกล้งเดหลีทำไมคะ” “ก็เธอมันน่าแกล้งไหมละ ฉันเคยเสนอแล้วให้รับเงินจากฉันจะได้ไม่ต้องมาฝืนใจแต่งงานกันแบบนี้” “ก็...ไม่ได้ฝืนใจนี่ค่ะ” เธอพูดเสียงแผ่วแล้วขยับตัวถอยห่าง แต่กลับถูกเขาคว้าเอวไว้ก่อน “หมายความว่ายังไง เธอทำไปเพราะอยากได้เงินจากคุณปู่ไม่ใช่เหรอ หรือว่าเธออยากจับฉัน หรือรักฉันจริงๆ” ถูกเขาดูถูกครั้งแล้วครั้งเล่า เธอจะไม่เสียใจได้หรือไร เดหลีข่มความโกรธที่มีอยู่ในอก แต่ถูกสายตาที่จ้องมองแบบดูแคลน เอาเถอะ ไหนก็จะหย่าอยู่และก็จะย้ายออกไปแล้ว เธอจึงเชิดหน้าพูดขึ้น“การรักคุณคือหายนะสำหรับฉัน เพราะฉะนั้น ฉันจึงต้องเตือนหัวใจตัวเองไม่ให้เผลอใจไปรักคุณ”“รักกับฉันมันแย่มากขนาดนั้นเลยเหรอ” เขาไม่รู้ว่าควรโกรธหรือเสียใจดี“ไม่แย่หรอกค่ะ ถ้าเป็นคนที่คุณรัก แต่ฉันไม่ใช่คนที่อยู่ในสายตาคุณ ถ้าฉันรักคุณ ตัวฉันก็ต้องเจ็บปวดและทุกข์ทรมานกับรักข้างเดียว หรือถ้าคุณรู้ว่าฉันรักคุ