มือเล็กอยู่ในอุ้งมือใหญ่ทำให้บัวชมพูไม่รู้สึกโดดเดี่ยวเกินไปนัก ทุกอย่างดีไปหมดจนเหมือนเป็นแค่ความฝัน ปกรณ์เปิดไวน์แดงแล้วรินให้ทุกคนด้วยตัวเอง อลังการส่งแก้วไวน์ให้บัวชมพู “ดื่มเป็นไหม ค่อยๆจิบไม่เมาหรอก” “เป็นค่ะ” เธอแอบแลบลิ้นใส่ อลังการเห็นหญิงสาวอารมณ์ดีขึ้นไม่เกร็งเหมือนตอนกินข้าวก็โล่งใจ โน้มหน้าลงจูบหน้าผากของเธอเบาๆ โดยไม่สนใจสายตาของคนในครอบครัว บัวชมพูผงะถอยหลังยกมือขึ้นแตะหน้าผากราวกับโดนของร้อนเข้าให้ เธอขึงตาดุคนตัวโตแต่เขากลับหัวเราะออกมา “เห็นไหม ยัยหนูนี่ปราบตาใหญ่อยู่” ปกรณ์พูดกับพี่ชาย มารดาของอลังการที่มองอยู่ก็ยิ้มกว้าง ดีใจที่ลูกชายมีคนดูแลเสียที “เจอกันยังไงละนี่” พ่อของอลังการถาม ไม่ได้ร่วมดื่มไวน์กับลูกๆ แต่จิบน้ำขิงร้อนแทน อลังการมองบัวชมพู ไม่เตรียมตัวกับคำถามนี้ แต่บัวชมพูกลับยิ้มแววตาหวานทั้งที่เพิ่งจิบไวน์ไปเล็กน้อยเท่านั้น “คุณใหญ่เคยมาบรรยายพิเศษที่มหา’ลัยค่ะ ในชั่วโมงเรียนของอาจารย์วิชิต” เธอพูดแต่สายตาจับจ้องที่อลังการ“ตอนนั้นอาจารย์วิชิตให้นักศึกษาที่สนใจมาเข้าฟังได้ ไม่จำก
“เด็กโง่ แค่นี้ฉันก็หลงเธอจะตายอยู่แล้ว” เขากัดยอดอกสีชมพูของหญิงสาวอย่างมันเขี้ยว“ฉันอยากมีหนูบัวเป็นคนสุดท้ายของชีวิต เราอาจเริ่มต้นกันเร็วไป แต่ฉันอยากให้หนูบัวตัดสินใจว่าฉันเป็นคนที่ใช่สำหรับหนูบัว ที่ผ่านมามันไม่ใช่แผนการ แต่ฉันตั้งใจให้เธอเป็นเมียจริงๆ ฉันชอบความรู้สึกที่มีหนูบัวอยู่ใกล้ๆ ได้ยินเสียงหัวเราะ หรือต่อปากต่อคำ ฉันไม่รู้จะรู้อยู่ยังไงถ้าไม่มีหนูบัว”อลังการไม่ได้ยินถ้อยคำของหญิงสาว แต่รับรู้ได้ว่าร่างกายของเธอผ่อนคลายและไม่ต่อต้านอีก เขาหยิบผ้าผืนหนึ่งออกจากกระเป๋ากางเกงแล้วทาบทับปิดดวงตาคู่สวยของหญิงสาว“ฉันจะทำให้หนูบัวรู้ว่าฉันหลงใหลหนูมากแค่ไหน”บัวชมพูสั่นสะท้านด้วยเสียงกระซิบของเขา อลังการพรมจูบที่หน้าท้องแบนราบ ร่างนุ่มนิ่มเริ่มกระสับกระส่ายอีกครั้ง จนกระทั้งเขาฝั่งหน้ากับเนิ่นเนื้ออ่อนไหวแทรกเรียวลิ้นเข้าไปกวาดชิมน้ำหวานที่เอ่อล้น เสียงหวีดร้องครางเสียวซ่านก็ดังขึ้นพร้อมกับหยัดสะโพกเข้าหา บัวชมพูสั่นระริกเพราะลิ้นร้อนปลุกเร้ากลีบดอกไม้ ทั้งขบเม้มและดูดดึงจนเสียวซ่าน ปรารถนาให้เขากลืนกินทั้งตัว สองมือรั้งสะโพกของเธอไว้มั่น เพื่อบรรจงมอบความเสียวซ่าน เรียกร้
ราชันย์ หรือ คิงส์ อายุ32 เพลย์บอยตัวพ่อ ประสบอุบัติเหตุ(?) ตื่นมาในบ้านสวนของหญิงสาวคนหนึ่งลลินลาออกจากงานที่ทำอยู่กลับมาพลิกฟื้นสวนเพาะพันธุ์ไม้ของของพ่อแม่ซึ่งเป็นสมบัติที่ทั้งสองทิ้งไว้ให้ หญิงสาวพยายามที่จะใช้ชีวิตหลังการหย่าร้างให้ดีที่สุดบังเอิญลลินได้พบกับราชันย์ที่หมดสติ แรกทีเดียว เธอจะพาเขาไปโรงพยาบาล แต่วันนั้นฝนตกหนัก จึงได้แต่รักษาเขาเท่าที่พอทำได้ แต่โชคดีที่เขาไม่เป็นอะไรมาก ราชันต้องการหลบซ่อนตัวชั่วคราวเพื่อสืบว่าใครทำร้ายเขา ความใกล้ชิดทำให้เขาอยากตอบแทนเธอมากกว่า ‘ผู้มีพระคุณ’ แต่หัวใจที่ปิดตายเพราะความบอบช้ำ จากอดีตของลลินทำให้ราชันต้องใช้ความสามารถและงัดกลเม็ดมามัดใจสาวเรื่องมันอาจจะง่ายกว่านี้ ถ้าอดีตสามีของเธอไม่พยายามกลับมาง้อขอคืนดีรถกระบะสีน้ำเงินเข้มเลี้ยวออกจากปั้มน้ำมันขับฝ่าสายฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างหนัก หญิงสาวประคองพวงมาลัยด้วยความระมัดระวัง อีกไม่กี่กิโลเมตรก็จะถึงบ้านสวนแล้ว เธอยังอยากกลับบ้านอย่างปลอดภัย รู้สึกว่า คืนนั้นก็ฝนตกหนักเหมือนคืนนี้ ลลินพยายามไม่คิดถึงอดีตอันเจ็บปวดอีก แต่ผ่านมาห้าปีแล้ว เหตุการณ์ในคืนนั้นยังคง
“บ้านนี้ไม่มีเสื้อผ้าผู้ชาย ฉันซื้อมาให้ใหม่แล้วก็ของใช้ที่คิดว่าจำเป็น” เธอยื่นถุงส่งให้ “มือถือคุณดับสนิท ฉันเอาไดร์เป่าผมเป่าไล่ความชื้นแล้วไม่รู้ว่ามันใช้ได้หรือเปล่า แต่ฉันมีสายชาจที่น่าจะใช้กับรุ่นของคุณได้ บนตัวคุณไม่มีกระเป๋าสตางค์ ท้ายรถก็ไม่มี ฉันจะบอกฉันไม่ได้เอาไป” “คุณ..เป็นใครกันแน่” ชายหนุ่มถามอย่างประหลาดใจ ช่างเป็นผู้หญิงที่แปลกจริงๆ “ก่อนจะถามฉัน คุณควรแนะนำตัวเองก่อนนะ” ลลินเบ้ปากใส่ กวาดตามองแผ่นอกแน่นปึกของอีกฝ่าย “คิง?” “หือ? คุณรู้ชื่อผม?” หญิงสาวกระตุกยิ้มที่มุมปาก ใช้นิ้วเรียวชี้ที่แผ่นอกซึ่งมีรอยสักสีดำชัดเจน “K-I-N-G จะให้อ่านว่าอะไรคะ?” คราวนี้ชายหนุ่มแหงนหน้าหัวเราะ แต่หัวเราะแรงไปจนสะเทือนเจ็บซี่โครงจนต้องยกมือขึ้นแตะส่วนที่เจ็บ “ขำอะไรนักหนา ถ้าซี่โครงหักมันคงทิ่มปอดคุณแล้ว” “คุณดูไม่ออกหรือว่ามันหักหรือเปล่า ขนาดแผลที่แขนคุณยังเย็บให้ผมได้เลย” “ฉันไม่ใช่เครื่องเอ็กซ์เรย์ ดูไม่ออกหรอก” เธอกลอกตามองบน “เอ้า!ตกลงจะให้เรียกคุณว่าอะไร” “คิงส์” เขาตอบแ
“คุณปุณณภพ? จำเป็นต้องเรียกกันห่างเหินอย่างนี้ด้วยเหรอครับน้องลิน” ลลินสูดลมหายใจลึก จากที่คิดว่าตัวเองเข้มแข็งมาตลอดนั้น ความจริงมันตรงข้าม หัวใจของเธอยังเจ็บแปลบได้ยินน้ำเสียงอ่อนโยนปนน้อยใจ มือที่จับบานประตูสั่นน้อยๆ ปุณณภพคว้ามือเรียวเล็กขึ้นมากุมไว้ด้วยความเคยชิน “ไม่เอาสิคะ อย่าทำแบบนี้ พี่ปวดใจมากนะคะ” “มาที่นี่ทำไมคะ” ลลินจะชักมือกลับแต่อีกฝ่ายกลับจับแน่นไม่ยอมปล่อย “พี่ขับรถมาจากกรุงเทพฯ นะ ไม่คิดจะเชิญพี่เข้าบ้านเหรอคะ” เขายังคงดึงดันจะเข้ามาในบ้าน แต่ลลินได้สติดันเขาไว้ “ฉันไม่ได้ขอให้คุณมาที่นี่” ลลินเรียกกำลังใจทั้งหมดของตัวเอง เธอจะอ่อนแอต่อหน้าผู้ชายคนนี้ไม่ได้เด็ดขาด “ที่นี่บ้านของฉัน คุณไม่มีสิทธิ์เข้ามา ถ้าคุณยังพยายามเข้ามา ฉันจะแจ้งตำรวจข้อหาบุกรุก!” “น้องลิน ...น้องลินให้โอกาสพี่อีกสักครั้งเถอะนะ” “ฉันก็ให้โอกาสคุณแล้วไงคะ” ลลินขึงตาใส่ ข้างในยังคงหวั่นไหวกับท่าทีของเขา แต่เธอกลับไปเป็นเช่นวันวานไม่ได้อีกแล้ว “ฉันให้โอกาสคุณได้เริ่มต้นใหม่แล้ว” “แต่พี่ต้องการน้องลิน
หนึ่งในนั้นคือผู้กองชนะเทพ ส่วนเธอนั้นเป็นเจ้าภาพส่งขนมนมเนยหรือนมกล่องให้เด็กๆ ตามกำลังทรัพย์ของตน“ผมได้ยินว่าคุณลินหาช่างมาซ่อมไฟ เครื่องสำรองไฟเสียใช่ไหมครับ”“อ้อ! ใช่ค่ะ ฝนตกหนักเมื่อสองสามวันก่อน ไฟฟ้าดับหลายชั่วโมงเลยเพิ่งรู้ว่าเครื่องสำรองไฟมันไม่ทำงาน”“นั้นแหละครับ ให้ผมดูให้นะครับ”“จะดีหรือคะ เกรงใจผู้กอง”“เรื่องเล็กน้อยเอง ให้ผมดูให้ก่อน ถ้าเกินความสามารถจะให้จ่าแจ็คมาช่วยซ่อมให้”ลลินยิ้มแหย เธอเข้าใจความหวังดีแต่ก็อดเกรงใจไม่ได้ และที่สำคัญ เธอคิดว่าเธอเข้าใจสายตาของผู้กองชนะเทพไม่ผิด สายตาที่มองเธอมีความหมายเกินเพื่อนไปไกลแล้ว ก่อนที่เขาจะเข้าใจผิดว่าเธอมีใจเอียงเอนหลงเสน่ห์ลักยิ้มที่ข้างแก้ม หรือผมสั้นเกรียนกับกลิ่นน้ำหอมCalvin Kleinและความสูงหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร อันที่จริงควรบอกว่าองค์ประกอบของผู้ชายที่ชื่อชนะเทพต่างหากที่ทำให้ลลินหวั่นไหวแต่มันไม่ใช่เวลานี้ หัวใจเธอยังมีแผล หากวันหนึ่งเธอจะรักใครสักคน ก็อยากรักคนๆนั้น ด้วยหัวใจที่หายดี“ไอ้เครื่องสำรองไฟนั้นนะแค่สายไฟขาดเท่านั้น สงสัยหนูจะแทะสายไฟ”น้ำเสียงเนิบช้าเหมือนคนเกียจคร้านดังขึ้นเรียกสติของลลิน ร่า
“ใครทำอะไรคุณ” เขาถามพลางใช้นิ้วโป้งคลึงริมฝีปากเธอเบาๆ “สามีเก่าคุณเหรอ”ลลินตั้งสติได้ก็ส่ายหน้าไปมา เขาดึงมือกลับแต่รั้งให้เธอเข้ามาอยู่ในวงแขน ปลายนิ้วไล้วนหัวไหล่ของหญิงสาวเบาๆ เป็นเชิงปลอบโยน“ผมทำให้คุณตกใจ” เขาอ้ำอึ้งครู่หนึ่งก่อนพูดต่อ “ขอโทษ”ดูเหมือนผู้ชายคนนี้จะไม่ได้พูดคำว่าขอโทษกับใครบ่อยสินะ ลลินตั้งคำถามในใจ ท่าทางเขาเป็นคนยอมใครเป็นจริงๆ นั้นแหละ“เขาไม่ได้ทำร้ายร่างกายฉันหรอกค่ะ” ลลินตอบลังเลอยู่เล็กน้อยแล้วจึงพูดต่อ “เรารู้จักกันครึ่งปีเขาขอฉันแต่งงาน ฉันก็ตอบตกลง พ่อแม่ของฉันท่านเสียไปหมดแล้ว ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน เราไม่ได้จัดงานแต่งงานอะไร แค่...แค่เข้าไปไหว้พ่อแม่ของเขาแล้วก็จดทะเบียนสมรสกัน เราทำงานอยู่บริษัทเดียวกันแต่คนละแผนก ฉันไว้ใจและเชื่อใจ ไม่เคยสงสัยอะไรในตัวเขา ชีวิตของเราราบรื่นดี อยู่ด้วยกันมาสองปี เราก็ปรึกษาเรื่องซื้อบ้านของตัวเอง ฉันคิดว่ามันเป็นสองปีที่แสนวิเศษ แต่หลังจากที่เราตกลงใจจะซื้อบ้านด้วยกัน เที่ยวตระเวนดูหลายโครงการ ฉันก็ทำงานพิเศษหารายได้เพิ่ม เพื่อวันข้างหน้าจะได้มีเงินทุนหมุนเวียนไม่ขัดสน อาจเพราะฉันมุ่งมั่นกับการหาเงินมากไป เลยไม่
ถ้าเธอร้องโวยวายด่าทอตบตีเขา เขาอาจจะรู้สึกดีกว่านี้ แต่เธอกลับนิ่งเงียบไป บ้านที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้มสดใสของเธอมันจางหาย บ้านไม่เป็นบ้านเหมือนเดิม เขาไม่รู้จะขอโทษลลิน อย่างไรให้กลับมาเป็นอย่างเดิม “ลินเข้าใจพี่ภพค่ะ”เขายังจำวันนั้นได้ดี “น้องลินหายโกรธพี่แล้วใช่ไหมคะ” “ลินไม่โกรธพี่ภพ” เธอส่ายหน้าไปมา “แต่เราหย่ากันเถอะค่ะ” “น้องลิน...พี่ไม่อยากเสียน้องลินไป พี่รักน้องลินนะครับ” “ถ้าพี่ภพรักลิน เรื่องพวกนี้ไม่เกิดขึ้นหรอกค่ะ” เธอยังยิ้มให้เขาแต่เป็นรอยยิ้มแสนเศร้า “พี่ภพไม่ต้องเป็นห่วง ลินไม่ทำร้ายตัวเองและไม่ทำร้ายคนของพี่ภพ เราจบกันด้วยดีนะคะ” “แต่พี่ไม่อยากเสียลินไป” “พี่ภพเสียลินไปตั้งแต่...มีอะไรกับแฟนเก่าแล้วค่ะ” “น้องลิน” “ลินคิดดีแล้ว พี่ภพก็...จะได้ใช้ชีวิตกับคนที่พี่ภพอยากทุ่มเทเวลาให้จริงๆ” ลลินเก็บเสื้อผ้าออกจากห้องเขาไป ตอนนั้นทั้งสองยังเช่าคอนโดอยู่ บ้านที่เคยดูไว้และคิดจะซื้อร่วมกันกลายเป็นฝันสลาย เธอไม่ยอมพบหน้าเขา ขอให้เขาไปเซ็นใ