ถ้าเธอร้องโวยวายด่าทอตบตีเขา เขาอาจจะรู้สึกดีกว่านี้ แต่เธอกลับนิ่งเงียบไป บ้านที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้มสดใสของเธอมันจางหาย บ้านไม่เป็นบ้านเหมือนเดิม เขาไม่รู้จะขอโทษลลิน อย่างไรให้กลับมาเป็นอย่างเดิม “ลินเข้าใจพี่ภพค่ะ”เขายังจำวันนั้นได้ดี “น้องลินหายโกรธพี่แล้วใช่ไหมคะ” “ลินไม่โกรธพี่ภพ” เธอส่ายหน้าไปมา “แต่เราหย่ากันเถอะค่ะ” “น้องลิน...พี่ไม่อยากเสียน้องลินไป พี่รักน้องลินนะครับ” “ถ้าพี่ภพรักลิน เรื่องพวกนี้ไม่เกิดขึ้นหรอกค่ะ” เธอยังยิ้มให้เขาแต่เป็นรอยยิ้มแสนเศร้า “พี่ภพไม่ต้องเป็นห่วง ลินไม่ทำร้ายตัวเองและไม่ทำร้ายคนของพี่ภพ เราจบกันด้วยดีนะคะ” “แต่พี่ไม่อยากเสียลินไป” “พี่ภพเสียลินไปตั้งแต่...มีอะไรกับแฟนเก่าแล้วค่ะ” “น้องลิน” “ลินคิดดีแล้ว พี่ภพก็...จะได้ใช้ชีวิตกับคนที่พี่ภพอยากทุ่มเทเวลาให้จริงๆ” ลลินเก็บเสื้อผ้าออกจากห้องเขาไป ตอนนั้นทั้งสองยังเช่าคอนโดอยู่ บ้านที่เคยดูไว้และคิดจะซื้อร่วมกันกลายเป็นฝันสลาย เธอไม่ยอมพบหน้าเขา ขอให้เขาไปเซ็นใ
ไม่รู้ทำไมลลินถึงยอมให้คนๆ นี้พักในบ้านหลังเดียวกันได้ ห้องของเธออยู่ปีกซ้าย ส่วนห้องปีกขวาเป็นห้องเดิมของพ่อแม่ เธอให้เขาพักห้องนั้นไปก่อน เธอเข้าสวนเพาะต้นไม้ทุกวัน ดูแลความเรียบร้อยต่างๆ ซึ่งมีลุงพงษ์และลูกน้องจัดการงาน เป็นแบบนี้มาตั้งแต่สมัยที่พ่อแม่ยังมีชีวิตอยู่ ระยะหลังเธอเข้ามาดูแลเรื่องพวกนี้ด้วยตนเอง ขยายช่องทางการขายต้นไม้ โดยสั่งซื้อออนไลน์ส่งผ่านบริษัทขนส่งเอกชน สะดวก รวดเร็ว ทำให้มีลูกค้าเพิ่มขึ้นกว่าการรอให้คนมาซื้อที่สวนแรกทีเดียวเธอคิดว่าราชันจะ ‘ซ่อนตัว’ อยู่ในบ้านอย่างเงียบเฉียบ แต่เขากลับทำทุกอย่างตรงข้ามกับที่เธอคิด เริ่มแรกทำทีเป็นขอติดรถเข้าเมืองซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ ถึงเขาไม่มีกระเป๋าสตางค์แต่เบิกจ่ายเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ แถมยัดเงินใส่มือให้เธอเป็นค่าอาหารที่ทำให้เขากิน ติดตามเธอไปโน้นมานี่เป็นเงาตามตัว เธอซื้อขนมไปเลี้ยงเด็กๆ เขาก็ตามไปด้วย เธอไม่อยากนึกถึงสีหน้าของชนะเทพที่เห็นผู้ชายตัวโตๆ เดินตามเธอต้อยๆ แบบนี้เลย เขาใช้เวลาแค่สองสัปดาห์ทำให้คนทั้งตำบลรู้ว่าเธอพาผู้ชายเข้าบ้านลาก่อนชีวิตสงบสุขของลลินราชันแสร้งทำเป็นไม่รับรู้ความรู้สึกของลลิน ยิ่งเธอพ
ลลินปรือตาขึ้นมอง เห็นเขาส่งนิ้วเข้าปากตนเองแล้วดูดคราบรักของตนแล้วก็ใจสั่น แก่นกายของเขาดุนดันกางเกงชั้นในจนเห็นเป็นลำเอ็น เธอรู้สึกลำคอแห้งผาก เผลอเลียริมฝีปากไม่รู้ตัวราชันจูบเธออีกครั้ง คราวนี้ลลินแลกลิ้นไม่ยอมแพ้ เขารูดกางเกงชั้นในลงไปพ้นตัว ลำเอ็นแข็งขันคลอเคลียขาอ่อน เขายกขาเธอขึ้นเกี่ยวเอวของเขา“กอดผม” เขาสั่ง ลมหายใจหอบแรงเพราะข่มความต้องการที่เอ่อล้นสองแขนยื่นไปคล้องคอเขา ราชันจับเรียวขาอีกข้างขึ้นเกี่ยวเอว ยกสะโพกเธอขึ้นแล้วกดแก่นกายของตนเองเข้าไปในร่องรักที่ฉ่ำแฉะ“อ๊า!” ลลินร้องเสียงหลง เขาบดเบียดแก่นกายรุกล้ำเข้ามาจนสุด ความวาบหวิวผสมกับความเสียวซ่าน ทุกครั้งที่เขายกสะโพกเธอขึ้นกระแทกกับแก่นกาย ความเสียวซ่านระลอกแล้วระลอกเล่าถาโถมจนเธอได้แต่ส่งเสียงครวญครางออกมา“อื้ม...แน่นอะไรแบบนี้” ราชันอดรำพึงไม่ได้ เขาไม่แคร์เรื่องที่เคยแต่งงานมาก่อน แต่ไม่คิดว่าร่องรักของหญิงสาวจะแน่นขนาดนี้ เขาต้องฝืนตัวเองไม่ให้เร็วไป แต่ความอ่อนนุ่มชุ่มชื้นที่ตอดรัดทำให้เขาเร่งโยกสะโพกเร็วขึ้นเหมือนถูกผลักขึ้นสู่ที่สูง ครั้งแล้วครั้งเล่า เธอแอ่นกายเข้าหา เรียวขากอดรัดเอวสอบเขาฝากฝังตัว
ลลินโค้งกายลงปิดปากเขาด้วยจูบของเธอ สองมือของราชันจับเอวคอดไว้มั่นแล้วเด้งสะโพกใส่จนรับรู้ได้ว่าหญิงสาวถึงจุดสุขสม ร่างเกร็งกระตุกและตอดรัดจนเขาต้องครางในลำคอ และรวดเร็วอย่างไม่ทันตั้งตัว ราชันพลิกตัวให้หญิงสาวอยู่ด้านล่างทั้งที่ยังไม่ถอนแก่นกายออก คราวนี้เขาขยับโยกเนิบช้า ความเสียวซ่านวาบหวิวก่อตัวขึ้นอีกครั้ง เหงื่อร้อนหยดลงบนหน้าอกที่กระเพื่อมไหวตามแรงกระแทกกระทั้นที่ถี่กระชั้นขึ้น เรียวขางามเกี่ยวรัดเอวสอบ เสียงลมหายใจแรงขึ้น ลลินครางกระเส่า เรียกร้องด้วยเสียงหวาน ร่างงามบิดเร่าและสั่นระริก ทุกสัมผัสของเขาทำให้ร่างกายร้อนเร่า และบ้าคลั่ง “ชอบไหม?” ลลินพูดไม่ออกได้แต่พยักหน้าหงึกหงัก “เสียวไหม?” เขาโน้มหน้าลงขบเม้มที่ซอกคอจนเกิดรอยคิสมาร์ก “คุณยอดเยี่ยมเหลือเกิน” เขาดื่มด่ำกับรสสวาทของหญิงสาว ขยับโยกไหวจนเตียงลั่น เสียงหวานครวญครางใต้ร่างกลับยิ่งทำให้เขาฮึกเหิม ร่างกายเคลื่อนไหวเร็วขึ้น ลึกล้ำ เสียดเสียวจนเขาไม่อาจต้านทานได้อีก กดแก่นกายเข้าไปจนสุด ซบหน้าคำรามกับอกสวยพร้อมกับหลั่งน้ำรักจนล้นทะลักอีกครั้ง จะกี่ครั้งเขาก
“เพราะไม่เคยถาม เพราะเชื่อใจ เขาถึงได้แอบคบแฟนเก่าได้ตั้งนานสองนาน” ได้พูดแล้วก็หลุดปากพูดออกมาจนหมดราชันเห็นสีหน้าไม่พอใจปนเศร้าสร้อยของลลินแล้วก็ถอนหายใจเบาๆ สาวเท้าเข้ามาจับไหล่หญิงสาวไว้“โอเค. ผมเข้าใจแล้ว เอาเป็นว่าต่อไปนี้คุณอยากรู้เรื่องอะไร ถามผมได้ ผมอยากให้คุณถาม ผมอยากถูกคนใส่ใจ คุณอยากรู้เงินในบัญชีผมก็จะเปิดให้ดู เอาประวัติผมไปค้นได้เลย ผมไม่มีแฟน ยังไม่มีทะเบียนสมรสกับใครด้วย เราเป็นอะไรกันแล้ว คุณมีสิทธิ์ในตัวผมทุกอย่าง”“เป็นอะไร...” โกรธกันอยู่ดีๆ เขามาหยอดเสียงหวานใส่แบบนี้ ถึงกับตั้งตัวไม่ทัน “ไม่ได้เป็นอะไรกันเสียหน่อย”“ตอบแบบนี้ต้องทบทวนหน่อยไหมว่าเราเป็นอะไรกัน” เขายื่นหน้ามาใกล้ “หรือคุณไม่คิดจะรับรับผิดชอบผม”ลลินถอยหลังหนีอย่างไม่รู้ตัวจนเกือบสะดุดขาตัวเองแต่ราชันจับไหล่สองข้างของเธอไว้ได้ทันก่อนจะหงายหลังล้มลงไป เขาหัวเราะในลำคออารมณ์ดีขึ้นกว่าเมื่อครู่ ผู้หญิงคนนี้ช่างน่ารักจริงๆ“คุณลินคะ ช่วยมาดูทางนี้สักประเดี๋ยวได้ไหมคะ มีเด็กไม่ค่อยสบายมาค่ะ”“ได้ค่ะได้...” ลลินรีบพูดขึ้น ราชันก็ปล่อยมือออกจากไหล่อย่างง่ายดาย เธอรีบเดินตามหลังหญิงสาวคนหนึ่งไปหาห
“ถามตอนนี้ช้าไปหน่อยนะ” เขาหัวเราะจนแผ่นอกกระเพื่อม อันที่จริง เขาคิดว่าเธอรู้อยู่แล้ว แต่คงอยากได้ยินจากปากของเขามากกว่า “ผมยังไม่เคยแต่งงาน มีคนที่เคยคบจริงจังด้วยแต่เลิกกันไปแล้ว เราจบกันด้วยดีไม่ต้องห่วงว่าใครจะมาทำร้ายคุณได้หรอก” “ครอบครัวคุณละคะ” “พ่อแม่ผมเสียไปตั้งแต่ผมยังเด็ก เด็กเท่ากับไอ้เปี้ยกที่เจอวันนี้” ราชันยิ้มให้ความทรงจำ ปลายนิ้วพันเกี่ยวเส้นผมยาวสลวยไว้ “พ่อแม่ผมประสบอุบัติเสียชีวิตทั้งคู่ ตอนนั้นผมไม่รู้เรื่องอะไรเลย พ่อแม่ตาย คนแถวบ้านช่วยจัดงานศพ ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน ชีวิตเคว้งคว้างมาก จำไม่ได้ว่าใครติดต่อนักสังคมสงเคราะห์มารับตัวผม ส่งไปที่นั้นที่นี่ ผมไม่ชอบแอบหนีออกมา กลับมาที่บ้านของพ่อแม่แต่ไม่มีเงินเลย หิวก็หิว ก็แอบไปขโมยของกินบ้านคนอื่น ถูกจับ ถูกตี ใช้ชีวิตแบบนั้นอยู่ครึ่งปี ก็มีคุณตากับคุณยายมารับผม” “คุณตากับคุณยายเหรอคะ” “อื้ม” เขารับคำยกเส้นผมเธอขึ้นมาสูดดม เขาชอบกลิ่นผม กลิ่นกายของเธอ “แม่ผมเป็นลูกผู้ดีมีเงินหนีตามพ่อมาอยู่ต่างจังหวัด ผมมารู้ทีหลังตอนที่คุณตามารับไปอยู่ด้วยแล้ว คุณตามีลูกชายสองคนแล
“เฮียใหญ่เป็นอะไร?” เขานึกถึง ‘อลังการ’ หรือ ‘คุณใหญ่’ ญาติห่างๆ แต่สนิทสนมกันมาก ในช่วงวัยรุ่น ราชันมีอลังการคอยชี้แนะเรื่องการใช้ชีวิต“ก็ชอบทำตัวให้คนแก่เป็นห่วง” ปกรณ์ยักไหล่ “แต่ไม่เป็นอะไรแล้ว มีเมียแล้วสบายใจได้”“หา! เฮียใหญ่มีเมียแล้วเหรอ”“เออ เมียเด็กด้วย แต่คนนี้ใช้ได้ อาชอบ” ปกรณ์ยิ้มๆ แล้วอดมองทางลลินไม่ได้“คุณอามีอะไรก็พูดมาเถอะ ระหว่างผมกับลลิน เราไม่มีความลับต่อกัน” ราชันบีบมือลลินไว้ไม่ยอมให้ลุกหนีไปไหน“อาไม่ได้มาตามเพราะเรื่องไอ้ใหญ่หรอกนะ” ปกรณ์แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นอาการของราชัน ผู้ชายบ้านนี้ รักแรง หวงแรง จริงๆ“แล้วมีเรื่องอะไรล่ะครับ”“คุณตาท่านต้องผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจ ท่านไม่ยอมรับการผ่าตัดถ้าไอ้ เอ่อ คุณยักษ์ไม่แต่งงานกับคุณเดหลี”“เดหลี? เดหลีไหน? เดหลีที่เป็นผู้ช่วยพยาบาลดูแลคุณยายนะเหรอ”“ใช่”“คนนั้นก็ไม่เลวนะ ท่าทางจะจัดการเจ้ายักษ์ได้อยู่มือ”“เรื่องนั้นช่างเถอะ ถ้าคุณยักษ์ไม่แต่งงานกับคุณเดหลี คุณท่านจะไม่ยอมผ่าตัด” ปกรณ์เอ่ยย้ำ “และคุณราชันควรกลับบ้านไปดูแลคุณท่านได้แล้ว มีเรื่องอะไรคาราคาซังก็กลับไปจัดการให้มันจบๆ”ราชันพยักหน้ารับ เขามีคุณตาที่เ
ลลินขมวดคิ้ว เมื่อก่อนเธอชอบคำพูดคะ-ขาของปุณณภพ เขาเป็นผู้ชายพูดจาไพเราะหวานหู เคยทะเลาะขึ้นเสียงกันบ้างแต่ไม่เคยทำร้ายร่างกาย นั้นนับว่าเป็นเรื่องดีของเขา “พี่ภพจะทำแบบนี้ทำไมคะ เรื่องของเรามันจบไปแล้ว เราต่างก็มีทางเดินของตัวเอง” ลลินถอนหายใจหนักๆ “แต่พี่ยังรักน้องลินอยู่นะคะ เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมเถอะค่ะ พี่พร้อมปรับปรุงตัวเอง ขอให้น้องลินยังอยู่เคียงข้างพี่ ให้โอกาสพี่อีกครั้ง” “แต่ลินรักพี่ภพอีกไม่ได้แล้วค่ะ” เธอจ้องตาเขาด้วยความแน่วแน่ “เมื่อก่อนลินเคยรักพี่ภพมาก มากจนเคยคิดว่าไม่อาจรักใครได้มากไปกว่านี้อีก แต่เมื่อพี่ภพทำร้ายหัวใจและความรักของลิน ลินก็รู้แล้วว่า ลิน กลับไปรักพี่ภพ หรือใช้ชีวิตอย่างที่เคยเป็นมาไม่ได้อีกแล้ว” “น้องลิน” เสียงสัญญาณลิฟต์ดังขึ้นช่วยชีวิตหญิงสาว ลลินดันปุณณภพออกแล้วเบี่ยงตัวเดินออกมาจากลิฟต์ ปุณณภพรีบก้าวเท้าเดินตามออกมา แต่ต้องชะงักเท้า เมื่อเห็นผู้ชายคนหนึ่งลุกขึ้นจากเก้าอี้รับแขกของโถงกลางหน้าจุดประชาสัมพันธ์ของบริษัท เพียงเจ้าของร่างสูงใหญ่กำยำในชุดเสื้อเชิ้ตสีเข้มถอดแว่นกันแดดออก
“ก็ยังต้องรอดูนั้นแหละ ถ้าใช้วิธีของผมนะจบง่ายกว่านี้” ราชันยักไหล่ “ก็เดหลีเป็นคนดีนี่ค่ะ” ลลิน ได้ยินเสียงร้องกรี๊ดๆ ดังลั่นมาถึงด้านนอก คงขู่ให้กลัวได้อยู่บ้าง “คนห่วงหน้าตาอย่างเบลล่า คงไม่กล้าทำอะไรอีกแน่ๆ ค่ะ” “ก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น เอาล่ะ กลับบ้านเราเถอะ” “อ้าว! แล้วไม่ไปเยี่ยมคุณยักษ์แล้วหรือคะ” “ไปทำไม เจ็บแค่นิดเดียวเอง ให้เมียมันดูแลเถอะ” หญิงสาวหัวเราะเสียงใส แสดงว่าที่นอนอยู่นั้นคงตั้งใจ ‘ออเซาะ’สินะ ราชันบีบปลายจมูกของคนรักอย่างหยอกล้อ ที่เขายอมมาช่วยก็เพราะเป็นห่วงเดหลีหรอก ไม่ใช่เพราะอยากมาช่วยเจ้ายักษ์ แต่เอาเถอะ ถึงตอนนี้แล้ว คงจัดการตัวเองได้แล้วล่ะ…………มังกรกัณฐ์ชะเง้อมองไปทางประตู เขารอให้คนรักกลับเข้ามาจะได้แกล้งเจ็บออดอ้อนให้สมใจอยาก แค่โดนรถเฉี่ยวนิดเดียว แต่เดหลีหวีดร้องอย่างกับเขาแขนขาขาดกระเด็น แต่ไหนๆ ก็มาถึงขั้นนั้นแล้ว เขาจึงสวมบทคนเจ็บให้เต็มที่“โตขนาดนี้แล้วยังเล่นเป็นเด็กอีก” คุณบุรินทร์อดดุหลานชายไม่ได้ ทีแรกได้ยินว่าประสบอุบัติเหตุก็นึกว่าอาการหนัก ยิ่งเห็นเดหลีร้องไห้ต
พนักงานในบริษัทต่างลอบมองหญิงสาว แต่เดหลีทำเป็นไม่ใส่ใจ เธอยังคงทำงานของเธอ พูดคุยกับทุกคนเช่นที่เคยผ่านมา ในเมื่อมังกรกัณฐ์ประกาศออกไปอย่างนั้นแล้ว เธอจะก้มหน้าอายอะไรอยู่ ฐานะชาติกำเนิดของเธอเปลี่ยนแปลงไม่ได้ สิ่งที่ทำได้คือยอมรับความจริงและเผชิญหน้ากับมัน “นี่ๆ เลิกงานแล้วไปซื้อของกันนะ” มังกรกัณฐ์ทักเดหลี ท่าทางของเขาผ่อนคลายลงมาก คิดว่าต่อไปนี้คงไม่มีเรื่องอะไรมารบกวน ‘ชีวิตคู่’ ของเขาอีกแล้ว “ซื้ออะไรคะ” เธอถามสายตายังคงอยู่กับเอกสารตรงหน้า “แหวนไง” “แหวน?” คราวนี้หญิงสาวเงยหน้าขึ้น “แหวนอะไรคะ” มังกรกัณฐ์เบ้ปาก เดินมาจับมือซ้ายของหญิงสาวขึ้น “มือเธอยังไม่มีแหวนแต่งงานเลย” “แหวนแต่งงาน” ใบหน้าหวานขับสีแดงระเรื่อขึ้นมาทันที “เพราะไม่ได้ใส่แหวนแต่งงานละมั้ง คนอื่นถึงไม่รู้ว่าเธอมีเจ้าของแล้ว” เขาหัวเราะออกมา “ถ้าอย่างนั้นคุณยักษ์ก็ต้องใส่ด้วย คนอื่นจะได้รู้ว่าคุณยักษ์มีเจ้าของแล้ว” เธอพูดใส่เขา แต่อีกฝ่ายกลับยิ้มกว้าง “มันต้องอย่างนั้นอยู่แล้ว” เขายกมือข้างซ้ายของเธอขึ้นมาจูบเบาๆ “เรื่องพิธีแต่งงาน ฉันพูดจริงนะ ฉันอยากจัดงานแต่งงาน อยากให้เธอสวมชุดเจ้าสาว” “ไ
“ก็ฉันหวงเธอ อยากให้เธอเป็นเมียฉัน เป็นแม่ของลูก เรื่องแค่นี้คิดไม่ได้จริงๆ เหรอเดหลี” เพราะปลดปล่อยไปแล้วรอบหนึ่ง รอบสองจึงยาวนานกว่าครั้งแรก เขาขยับตัวเปลี่ยนท่านจับหญิงสาวนอนตะแคงแล้วยกเรียวขาแยกออกสอดใส่จากด้านหลัง มือหนึ่งก็ขยี้จุดเสียวซ่าน อีกมือบีบเคล้นหน้าอกเพิ่มความเสียวกระสัน เขาฟังเสียงครางของหญิงสาวอย่างพอใจ แล้วกระซิบข้างหู “ฉันบอกแล้ว ต่อไปนี้เรื่องของเธอคือเรื่องของฉัน ไม่ว่าปัญหาอะไรของเธอ ที่ฉันพูดกับพ่อเธอวันนี้ก็พูดจากใจจริง ไม่ได้แค่พูดเอาใจใคร” “คุณยักษ์” เธอเอี้ยวหน้าหันมามองเขา วันนี้เธอรู้สึก “รัก” เขามากกว่าทุกวัน รักมากเสียจนอยากกักเก็บเขาไว้เป็นของเธอคนเดียว ไม่ว่าเขาจะทำไปเผื่อรักษาหน้าเขาเองหรือเพราะพูดด้วยความจริงใจ เธออยากรักษาห้วงเวลาพิเศษนี้ไว้ให้เนิ่นนาน “แล้วเลิกคิดเรื่องหย่าไปได้เลย” เขาขบติ่งหูของเธออย่างมันเขี้ยว “โอ๊ย เสียว ขอกระแทกแรงๆนะเมียจ๋า” “อะ..อะ ..อร๊ายยย” “โอ้วว” ชายหนุ่มปลดปล่อยอีกระลอกพร้อมหญิงสาวที่ไปถึงจุดสุดยอดอีกครา คราวนี้เขายอมถอนแก่นกายออกจากร่องรัก เขาโน้มหน้าลงจูบหน้าผากชื้นเหงื่อเบาๆ เขาลุกขึ้นจากเตียง ดึงผ้
“อย่างไรเราก็คนครอบครัวเดียวกัน หรือคุณอาคิดว่าคนอื่นจะดีกับคุณอาเท่ากับผมหรือเดหลีละครับ แต่ถ้าคุณอาไม่เห็นผมเป็นลูกเขยก็ไม่เป็นไร ผมส่งคุณอาให้เสี่ยศักดิ์ชัยดีไหมครับ ได้ยินว่าเสี่ยศักดิ์ชัยตามหาคุณอาอยู่เหมือนกัน” “ไม่ต้องๆ” พ่อของเดหลีรีบร้อนเอ่ยขึ้น เผลอมองไปทางด้านนอกซึ่งมีรถเก๋งคันหนึ่งจอดอยู่ และเหมือนคนในรถจะรู้ตัว รีบขับออกไปทันที ทำให้พ่อของเดหลีอึกอักทำอะไรไม่ถูก “เอาอย่างนี้นะครับ ประเดี๋ยวผมให้คุณปกรณ์มารับคุณอา หาที่พักสะดวกๆ เข้าโครงการบำบัดยาเสพติด ถ้าคุณอาเชื่อฟังดีๆ หนี้สินต่างๆ ผมเป็นลูกเขยจะจัดการให้เอง” รอยยิ้มของมังกรกัณฐ์เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่กดดันอีกฝ่าย “แต่ถ้าคุณอาไม่ยินดี ผมคงไม่สามารถช่วยอะไรคุณอาได้ รวมทั้งเรื่องเสี่ยศักดิ์ชัยด้วย หรืออย่างน้อยก็เห็นแก่หน้าลูกสาวของคุณอา ทำตัวให้สมกับเป็นพ่อที่ดีสักครั้ง” คราวนี้ทำให้พ่อของเดหลีสงบลงไปได้ มังกรกัณฐ์ถอนหายใจเบาๆ หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจะโทรหาปกรณ์ แต่คนทนายประจำตระกูลก้าวเท้ายาวๆ เข้ามาพอดี “จัดการเรียบร้อยแล้วเหรอ” ปกรณ์ทักแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อ เพรา
เขาไม่มีท่าทีจะก่อกวนในที่ทำงานอย่างที่เขาชอบขู่เอาไว้ ทำให้หญิงสาววางใจทำงานอย่างสบายใจ ส่วนเรื่องเสียงนินทานั้น เธอชินแล้ว แต่ก่อนที่จะมาอยู่ดูแลคุณลออ เธอเองเคยถูกเพื่อนร่วมชั้นเรียนไม่ชอบหน้า เบ้ปากมองบนใส่จนเคยชิน บางคนชอบพูดว่าเธอทำตัวเป็นลูกรักของครู-อาจารย์ แต่เธอเพียงแค่ต้องเรียนอย่างหนัก ไม่มีเงินไปลงเรียนพิเศษ และต้องหาทุนให้ตัวเองเรียน การเข้าหาอาจารย์เพื่อติดตามเรื่องขอทุนรวมทั้งหางานพิเศษทำ จึงเป็นเรื่องปกติสำหรับเธอ แต่ที่ไม่ปกติสำหรับเธอก็คือ ทุกวันทำงานหนักหัวหมุนแค่ไหน เรื่องบนเตียงของเขาไม่เคยหยุดพัก ไม่รู้เขาไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนมากมายขนาดนี้ ‘คนอะไรกินดุ กินจุ ตะกระตะกรามที่สุด!’ “เดหลี” “คะ” “เหม่ออะไร ฉันใช้งานเธอหนักไปเหรอ” มังกรกัณฐ์ถามแล้วดีดนิ้วใส่หน้าผากเธอเบาๆ “เก็บกระเป๋ากลับบ้านได้แล้ว จะหกโมงเย็นแล้ว” “ค่ะ” เดหลียกมือลูบหน้าผากตัวเอง เมื่อไม่มีคนอื่น เขาชอบแกล้งเธอแบบนี้ หญิงสาวปิดคอมพิวเตอร์แล้วหยิบกระเป๋าขึ้นคล้องไหล่ ทั้งสองเข้าไปในลิฟต์แล้ว มังกรกัณฐ์จึงเอ่ยถาม
เดหลีไปได้พูดอะไร คำพูดของเธอไม่มีความหมาย แต่ไหนแต่ไรก็เป็นเช่นนี้ เธอเป็นเพียงตัวแทนของลูกสาวที่จากไปแล้วของคุณลออ ท่านมักคิดถึงแต่เรื่องวัยเยาว์ของลูกสาวเสมอ “ได้เวลาพักผ่อนแล้วค่ะ” พยาบาลพิเศษเดินเข้ามาเรียกอย่างสุภาพ คุณลออพยักหน้ารับแต่ไม่ลืมลูบใบหน้าของหญิงสาว“แม่รักหนูนะลูก”‘หนูก็รักคุณท่านค่ะ’เดหลีได้แต่พูดในใจ พลางนึกถึงท่าทีของแม่ที่มีต่อเธอ เป็นเธอเองที่ยังทำใจยอมรับไม่ได้ อย่างที่ป้าคอยพูดกับเธอเสมอ ให้เธอให้อภัยแม่“ร่างกายแข็งแรงดีแล้วรึ” คุณบุรินทร์เอ่ยถามเมื่อคุณลออออกไปพร้อมพยาบาลพิเศษแล้ว“แข็งแรงดีแล้วค่ะ” เธอตอบเสียงเบา นึกถึงเรื่องที่คุณบุรินทร์เอ่ยในโรงพยาบาล ให้เธอหย่ากับมังกรกัณฐ์ คงถึงเวลาที่เธอต้องทำตามคำสั่งของคุณบุรินทร์ เวลาของซินเดอเรลร่าหมดลงแล้วสินะ“หนู...”“คุณปู่ครับ”เดหลีสะดุ้งไม่คิดว่าจู่ๆ มังกรกัณฐ์จะเข้ามาแบบนี้ คุณบุรินทร์หรี่ตามองหลานชายที่เดินเร็วๆ เข้ามาคว้าข้อมือของหญิงสาวไว้“ผมมีงานค้างอยู่ ขอเอาตัวเดหลีไปก่อนนะครับ”“เออ อ้าว ...เฮ้อ” ยังไม่ทันได้พูดอะไร หลานตัวดีก็แทบลากเดหลีออกจากห้องไป ทั้งคู่เดินออกไปแล้วทิ้งไว้เพียงคนแก่นั
ทั้งที่มังกรกัณฐ์เพิ่งเคยมาบ้านป้าของเดหลีเป็นครั้งแรก แต่เขาก็ทำราวกับว่ามาที่นี่นับครั้งไม่ถ้วน เดิมทีเดหลีคิดว่าเขาแค่ขับรถมาส่งเธอ แต่ไม่คิดว่าเขาจะอาสาขนของเข้ามาในบ้านและไหว้ป้ากับแม่ของเธอ “นี่คุณมังกรกัณฐ์ เจ้านายของหนูค่ะ” เดหลีแนะนำชายหนุ่มให้ป้ากับแม่รู้จัก ทั้งสองมีสีหน้างุนงงแต่ก็ยิ้มให้ “เจ้านาย...” ป้าเอ่ยเหมือนอยากถามแต่เกรงใจ ลอบกวาดสายตามองผู้ชายตรงหน้า เขาเหมือนหลุดออกมาจากซีรีย์เกาหลีที่ชอบดูยังไงก็ไม่รู้ แต่ที่สำคัญ หลานสาวไม่เคยพาใครมาที่บ้าน หลานไม่มีเพื่อนสนิท กลับบ้านทุกเดือนก็จริงแต่ก็แค่ซื้อของเข้าบ้าน เอาเงินเดือนมาให้ ป้ารู้ว่าหลานมีเรื่องผิดใจกับแม่ ซึ่งป้าเพียรพยายามเป็นกาวใจให้สองแม่ลูก แต่หลานสาวก็ปิดกั้นตัวเองเต็มที่ มังกรกัณฐ์อ้าปากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่เดหลีใช้ศอกกระทุ้งเขาเบาๆ เป็นเชิงเตือน สายตาดุๆ ของเธอทำให้เขาปิดปาก นึกประหลาดใจที่ตัวเองยอมทำตามเธอขู่ได้ “พอดีหนูซื้อของเยอะ เจ้านายเมตตามาส่งค่ะ” “อ้อ...อย่างนั้นเองหรือจ๊ะ ขอบใจมากเลยพ่อคุณ” ป้ายิ้มบางๆ แต่ฝ่ายคนเป็นแม่ได้แต่ยิ้มแห
ชายหนุ่มส่งยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วพูด “เธอหึงฉันละสิ เลขาที่อาปกรณ์ส่งมาให้เป็นผู้ชายนะ” “ไม่ได้หึงเสียหน่อย” เดหลีขึงตาใส่ “แค่เป็นห่วงเรื่องงานเท่านั้น” “ให้นั่งๆ นอนๆ เป็นคุณนายอยู่ที่นี่ไม่ดีหรือไง” เขาถาม “อยากกินอะไรหรือช้อปปิ้งอะไรก็ทำได้เลย ฉันทำบัตรเครดิตไว้ให้แล้ว” “ก็ชอบทำงานนี่ค่ะ” หญิงสาวพูดไปตามจริง “อีกอย่าง เดหลีรับเงินเดือนจากคุณบุรินทร์ หยุดงานมาเป็นหลายวันแล้ว เกรงว่า...” “เรื่องนั้นเลิกคิดได้เลย ต่อไปนี้ค่าใช้จ่ายของเธอ ฉันจัดการเอง” เขายกแก้วน้ำขึ้นดื่ม “ค่าใช้จ่ายของน้องมะยม ค่ายาของแม่ เงินเดือนของเธอ ฉันรับผิดชอบเองทั้งหมด ต่อไปนี้เงินในบัญชีฉันก็เหมือนเงินของเธอ” “ไม่ได้นะคะ คุณยักษ์ทำแบบนั้นไม่ได้” เดหลีเผลอลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ “ทำไมจะไม่ได้ เธอเป็นเมียฉัน ฉันก็ต้องเลี้ยงดูเธอสิ” “แต่เดหลีอยากทำงานมีรายได้ของตัวเองค่ะ” แววตาของเธอจริงจังไม่ได้ล้อเล่น “กลัวฉันดูแลเธอไม่ได้หรือไง” มังกรกัณฐ์ขมวดคิ้ว “วันนี้คุณยักษ์ดูแลเดหลีดีมากค่ะ แต่วันข้างหน้า สถานะของเ
“จะบ้าเรอะ! ใครจะเอากันที่ทำงาน! เธอไม่เห็นหรือไง งานมันกองท่วมโต๊ะเป็นภูเขาขนาดนั้น ฉันจะเอาเวลาที่ไหนไปซั่มกับใคร ก็แค่แกล้งเธอเท่านั้นแหละ” “แล้วคุณยักษ์แกล้งเดหลีทำไมคะ” “ก็เธอมันน่าแกล้งไหมละ ฉันเคยเสนอแล้วให้รับเงินจากฉันจะได้ไม่ต้องมาฝืนใจแต่งงานกันแบบนี้” “ก็...ไม่ได้ฝืนใจนี่ค่ะ” เธอพูดเสียงแผ่วแล้วขยับตัวถอยห่าง แต่กลับถูกเขาคว้าเอวไว้ก่อน “หมายความว่ายังไง เธอทำไปเพราะอยากได้เงินจากคุณปู่ไม่ใช่เหรอ หรือว่าเธออยากจับฉัน หรือรักฉันจริงๆ” ถูกเขาดูถูกครั้งแล้วครั้งเล่า เธอจะไม่เสียใจได้หรือไร เดหลีข่มความโกรธที่มีอยู่ในอก แต่ถูกสายตาที่จ้องมองแบบดูแคลน เอาเถอะ ไหนก็จะหย่าอยู่และก็จะย้ายออกไปแล้ว เธอจึงเชิดหน้าพูดขึ้น“การรักคุณคือหายนะสำหรับฉัน เพราะฉะนั้น ฉันจึงต้องเตือนหัวใจตัวเองไม่ให้เผลอใจไปรักคุณ”“รักกับฉันมันแย่มากขนาดนั้นเลยเหรอ” เขาไม่รู้ว่าควรโกรธหรือเสียใจดี“ไม่แย่หรอกค่ะ ถ้าเป็นคนที่คุณรัก แต่ฉันไม่ใช่คนที่อยู่ในสายตาคุณ ถ้าฉันรักคุณ ตัวฉันก็ต้องเจ็บปวดและทุกข์ทรมานกับรักข้างเดียว หรือถ้าคุณรู้ว่าฉันรักคุ