ลูกจันทร์เหลือบตาขึ้นมองคุณพระนายรูปงามก่อนจะรีบหลุบตาลง ด้วยสายตาหยอกเย้านั้นส่งผลให้ขนกายทั่วตัวลุกพึ่บ อาการสะบัดร้อนสะบัดหนาวเข้าจู่โจมกายหล่อนอีกครั้ง เข้าใจได้ในครานี้ว่าอาการที่หล่อนเป็นเรียกว่า ‘สะท้านสายตาชาย’ นี่คือ ‘สิ่งต้องห้าม’ สำหรับแม่สื่อตามที่คุณป้าสอน หล่อนจะพึงใจในชายผู้ว่าจ้างไม่ได้ จำต้องรีบสลัดไล่ความรู้สึกนี้ให้เร็วไว เพราะหล่อนมีหน้าที่เป็น ‘แม่สื่อแม่ชัก’ มิใช่มานั่งให้คุณพระนายดูตัว
ดูเพิ่มเติม“ฉันก็คิดตรงส่วนนี้อยู่ค่ะคุณพี่ แต่ถ้าไม่หาให้ ฉันก็กลัวว่าพ่อทองจะไปคว้าเอาลูกสาวชาวบ้านชาวสวนมาเป็นเมียสิคะ ยิ่งไปชานเมืองคราวละห้าวันเจ็ดวันอย่างนี้ด้วย ฉันกลัวใจพ่อทองค่ะ เลี้ยงลูกมาแต่อ้อนแต่ออกแม้จะแค่ในวัยเยาว์ เพราะรุ่นหนุ่มก็ถูกส่งไปเมืองน้ำเมืองนอกเสียแล้ว แต่ฉันก็รู้จักนิสัยพ่อทองนะคะ เจ้าชู้ประตูดินเป็นที่ต้น และไหนจะยังย่านนี้ คุณพี่ก็ทราบดี หากพลาดพลั้งไป ฉันคงช้ำใจแน่ค่ะ” นั่นสินะ... หากพลาดพลั้งได้หญิงโคมเขียวมาเป็นสะใภ้ เป็นหล่อนก็คงช้ำใจตายเหมือนกัน แม่ส้มจีนคิดก่อนจะพูดคลายความตึงเครียด “หนุ่มนักเรียนนอกก็เนื้อหอมเป็นธรรมดาค่ะ ลางทีคุณพระนายอาจจะมีคนที่หมายปองอยู่แล้วก็เป็นได้นะคะ คุณหญิงลองเลียบเคียงดูหรือยัง” “ฉันลองเลียบๆ เคียงๆ ถามดูแล้วค่ะ พ่อทองว่ายังไม่ถูกใจใครเลย ฉันเกรงว่าเลือกนักมักได้แร่น่ะสิคะ กว่าจะรอพ่อทองถูกใจ ป่านนั้นคุณหนูเรือนไหนๆ ก็คงมีลูกกันเป็นโขยงแล้วล่ะค่ะ” คำเปรียบเปรยของคุณหญิงชบาเกือบทำให้แม่ส้มจีนหลุดขำ ทว่าใบหน้างามสมวัยที่หมองลงก็ทำให้หล่อนต้องเก็บกิริยา แม่ผู้มีใบหน้าเปี่ยมทุกข์เรื่องคู
แม่ส้มจีนแตะข้อศอกคุณหญิงชบาแผ่วเบา วาวน้ำตาที่รื้นขึ้นนั้นบ่งบอกถึงความผูกพันในสถานที่ คุณหญิงชบายิ้มน้อยๆ ก่อนจะเชิญแม่ส้มจีนไปนั่งที่ตั่งรับรองผู้มาเยือนบริเวณร่มไม้ใหญ่ริมสวนสวย แค่อึดใจคนงานหญิงก็นำน้ำและขนมหวานออกมารับรอง “คุณพี่ดื่มน้ำและรับประทานขนมก่อนนะคะ พักให้หายเหนื่อย ประเดี๋ยวค่อยคุยกัน” “โอ้โห! ลาภปากของฉันแท้ๆ ค่ะ ที่ได้มากินกระท้อนลอยแก้วเลื่องชื่อ ฝีมือคุณหญิงท่านเจ้าคุณชาญชลากิจ” “แหม... คุณพี่คะ หน้านี้บ้านไหนๆ ก็มีกระท้อนลอยแก้วกันทุกบ้านนั่นแหละค่ะ” “แต่จะมีบ้านไหนจักเนื้อเป็นดอกไม้และคว้านได้สวยเท่าคุณหญิงล่ะคะ” “คุณพี่ก็ชมฉันร่ำไป ตัวคุณพี่เองก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้ แม่สายพิณอีกคน รายนั้นเก่งนัก” แม่ส้มจีนแตะหลังมือที่ริมฝีปากหัวเราะน้อยๆ เพราะนึกขันตัวเอง “ก็ใช่อยู่ค่ะ ฉันก็ทำได้ แต่ไม่ใคร่จะทำดอกค่ะ เพราะคิดถูกที่ไม่มีลูกมีผัวก็เลยไม่ต้องทำ อาศัยกินจากบ้านน้องบ้านเพื่อนนี่แหละค่ะ ไม่ลำบากดี ส่วนแม่สายพิณก็รับใช้ลูกผัวไป ฉันน่ะรอดตัว” ครานี้เป็นฝ่ายคุณหญิงชบาที่หัวเราะน้อยๆ เมื่อนึกถึง
เมื่อลูกค้าก้าวออกจากร้าน แขกคนสำคัญที่รอจังหวะให้แม่ค้าว่างก็ก้าวเข้ามาในร้าน ‘คุณหญิงชบา’ ยิ้มกว้างเมื่อเห็นหญิงร่างอวบรุ่นราวคราวเดียวกันแต่งกายตามราชนิยมคือตัวเสื้อเป็นลูกไม้ระบายตามแบบแหม่ม ส่วนท่อนล่างยังคงเป็นโจงกระเบนให้ทะมัดทะแมง สวมถุงน่องขาวและรองเท้าส้นสูง คุณหญิงจึงหันไปบอกคนงานหญิงที่นั่งอยู่ในฉากด้านหลังคอยซ่อมแซมทองชำรุดให้ออกมาดูร้านแทน ก่อนร่างอวบอิ่มมีน้ำมีนวลจะเดินออกจากคอกกั้นส่วนขายทองเพื่อต้อนรับ “ฉันไหว้ค่ะคุณพี่ส้มจีน” “อุ้ย! คุณหญิง อย่าไหว้ฉันค่ะ มันไม่ดี” แม่ส้มจีนโบกมือห้ามไม่ให้คุณหญิงชบาไหว้ “ทำไมเล่าคะคุณพี่ คุณพี่แก่กว่าฉัน ฉันก็ต้องไหว้สิคะ” “ไม่ได้ดอกค่ะคุณหญิง คุณหญิงกับฉันต่างกันนะคะ คุณหญิงเป็นภรรยาท่านเจ้าคุณ ประเดี๋ยวพอคุณหญิงได้รับพระราชทานเครื่องราชฯ ฉันก็ต้องเรียกคุณหญิงว่าท่านผู้หญิงแล้วล่ะค่ะ อย่างนั้นคุณหญิงจะไหว้ฉันได้อย่างไรกันคะ” “โธ่... คุณพี่ ยังไงเสียฉันก็เป็นน้องนะคะ บรรดาศักดิ์ใดๆ นั้นก็ล้วนเป็นของท่านเจ้าคุณท่านทั้งนั้นแหละค่ะ ฉันก็เป็นแม่ค้าอย่างเดิมนั่นแหละ จะ
“เรียบร้อยกันแล้วใช่ไหมแม่ละเมียด” “เรียบร้อยเฮีย คุณหนูออกโรงเอง มีหรือจะไม่เรียบร้อย” “สมน้ำหน้านักไอ้หัวขโมย ขโมยของใครไม่ขโมย ดันมาขโมยของคุณหนูลูกจันทร์” “ของคุณหนูซะที่ไหนล่ะเฮีย ของยายเมี้ยนขายกล้วยทอดต่างหากเล่า คุณหนูน่ะนั่งรอกล้วยทอดอยู่พอดี ไอ้หัวขโมยนี่มันลอยคอมาในคลอง พอยายเมี้ยนเผลอประเดี๋ยวเดียวเท่านั้นแหละ มันฉกห่อเงินใต้กระดานไปเลย” “ฮะ! มันกล้าขนาดนั้นเชียวเรอะ” “มีเหลือเรอะจะไม่กล้า ไอ้เวกขี้เหล้ามันขี้คล้านจะตายไป มือตีนดีไม่ทำมาหากินเอาแต่กินเหล้า ไม่มีเงินก็ต้องขโมยน่ะสิ” “อย่างนี้ต้องส่งเข้าตะรางซะให้เข็ด จะได้ไม่ทำให้ใครเดือดร้อนอีก” “ตะรางอะไรล่ะเฮีย คุณหนูให้อาเก้าเอากลับไปโรงสีแล้วน่ะสิ” “อ้าว! แบบนี้เถ้าแก่ลิ้มจะไม่ดุเอาเรอะ” “เถ้าแก่น่ะเหรอจะกล้าดุคุณหนู จะบอกว่าดีน่ะสิได้คนงานเพิ่ม คนดุน่ะคงเป็นแม่สายพินซะมากกว่า คุณหนูก็ชอบเลี้ยงจริง! ไอ้คนแบบเนี้ย ประเดี๋ยวเถอะมันจะทำเรื่องเดือดร้อนให้” “แม่ละเมียดก็พูดไป อั๊วเห็นมันก็ไปได้ดีทุกคน ดูไอ้พวกลูกกระ
“เฮ้ย! อย่าหนีนะ เฮ้ย! หยุดเดี๋ยวนี้!” เสียงโหวกเหวกของผู้คนและเสียงตะโกนลั่นของผู้หญิงที่ดังกว่าใครส่งผลให้มือที่กำลังเอื้อมหยิบ ‘เอี๊ยวโก้ว’ ซึ่งวางขายอยู่ด้านข้างจักจั่นสีสดใสชะงักค้าง คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันฉงนเล็กน้อย เพราะคาดว่าเจ้าของเสียงแหลมเล็กนั้นเป็นหญิงสาวรุ่นอย่างแน่นอน เหตุใดหล่อนไม่รักษากิริยาที่สตรีพึงมีกลับส่งเสียงล้งเล้งดังข้ามฟากคลองแบบนี้ แต่แล้วเสียงที่ตะโกนตามมาก็ทำให้เขาคลายความสงสัย “ขโมย! อ้าวเฮ้ย! ช่วยกันจับขโมยหน่อย เฮ้ย! หยุดนะ” ใบหน้าคมคายหันมองต้นเสียงอีกฟากคลอง ที่เห็นคือหญิงสาวร่างเล็กใส่เสื้อคอปิดแขนยาวสีมอครามและสวมกางเกงสีครามออกเข้ม หล่อนเป็นต้นเสียงที่ตะโกนโหวกเหวกและกำลังวิ่งไล่ตามชายร่างเล็กเนื้อตัวขะมุกขะมอม หล่อนวิ่งไปก็ตะโกนให้คนช่วยจับขโมยไปด้วย แต่เจ้าขโมยก็ปราดเปรียววิ่งหลบวิ่งหลีกมาจนถึงท่าเรือฝั่งตรงกันข้ามกับเขา หญิงสาววิ่งมาทัน แต่ชายร่างเล็กเลือกทางหนีโดยการกระโดดลงไปเหยียบหัวเรือที่จอดเรียงรายค้าขายอยู่บริเวณนั้น จากเรือขายส้มโอก็กระโดดไปหาเรือขายมะพร้าว แล้วกระโดดต่อไปที่เรือขายก๋วยเตี๋ยว เสียงแ
“เฮ้ย! อย่าหนีนะ เฮ้ย! หยุดเดี๋ยวนี้!” เสียงโหวกเหวกของผู้คนและเสียงตะโกนลั่นของผู้หญิงที่ดังกว่าใครส่งผลให้มือที่กำลังเอื้อมหยิบ ‘เอี๊ยวโก้ว’ ซึ่งวางขายอยู่ด้านข้างจักจั่นสีสดใสชะงักค้าง คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันฉงนเล็กน้อย เพราะคาดว่าเจ้าของเสียงแหลมเล็กนั้นเป็นหญิงสาวรุ่นอย่างแน่นอน เหตุใดหล่อนไม่รักษากิริยาที่สตรีพึงมีกลับส่งเสียงล้งเล้งดังข้ามฟากคลองแบบนี้ แต่แล้วเสียงที่ตะโกนตามมาก็ทำให้เขาคลายความสงสัย “ขโมย! อ้าวเฮ้ย! ช่วยกันจับขโมยหน่อย เฮ้ย! หยุดนะ” ใบหน้าคมคายหันมองต้นเสียงอีกฟากคลอง ที่เห็นคือหญิงสาวร่างเล็กใส่เสื้อคอปิดแขนยาวสีมอครามและสวมกางเกงสีครามออกเข้ม หล่อนเป็นต้นเสียงที่ตะโกนโหวกเหวกและกำลังวิ่งไล่ตามชายร่างเล็กเนื้อตัวขะมุกขะมอม หล่อนวิ่งไปก็ตะโกนให้คนช่วยจับขโมยไปด้วย แต่เจ้าขโมยก็ปราดเปรียววิ่งหลบวิ่งหลีกมาจนถึงท่าเรือฝั่งตรงกันข้ามกับเขา หญิงสาววิ่งมาทัน แต่ชายร่างเล็กเลือกทางหนีโดยการกระโดดลงไปเหยียบหัวเรือที่จอดเรียงรายค้าขายอยู่บริเวณนั้น จากเรือขายส้มโอก็กระโดดไปหาเรือขายมะพร้าว แล้วกระโดดต่อไปที่เรือขายก๋วยเตี๋ยว เสียงแ
ความคิดเห็น