เมื่อลูกค้าก้าวออกจากร้าน แขกคนสำคัญที่รอจังหวะให้แม่ค้าว่างก็ก้าวเข้ามาในร้าน ‘คุณหญิงชบา’ ยิ้มกว้างเมื่อเห็นหญิงร่างอวบรุ่นราวคราวเดียวกันแต่งกายตามราชนิยมคือตัวเสื้อเป็นลูกไม้ระบายตามแบบแหม่ม ส่วนท่อนล่างยังคงเป็นโจงกระเบนให้ทะมัดทะแมง สวมถุงน่องขาวและรองเท้าส้นสูง
คุณหญิงจึงหันไปบอกคนงานหญิงที่นั่งอยู่ในฉากด้านหลังคอยซ่อมแซมทองชำรุดให้ออกมาดูร้านแทน ก่อนร่างอวบอิ่มมีน้ำมีนวลจะเดินออกจากคอกกั้นส่วนขายทองเพื่อต้อนรับ
“ฉันไหว้ค่ะคุณพี่ส้มจีน”
“อุ้ย! คุณหญิง อย่าไหว้ฉันค่ะ มันไม่ดี” แม่ส้มจีนโบกมือห้ามไม่ให้คุณหญิงชบาไหว้
“ทำไมเล่าคะคุณพี่ คุณพี่แก่กว่าฉัน ฉันก็ต้องไหว้สิคะ”
“ไม่ได้ดอกค่ะคุณหญิง คุณหญิงกับฉันต่างกันนะคะ คุณหญิงเป็นภรรยาท่านเจ้าคุณ ประเดี๋ยวพอคุณหญิงได้รับพระราชทานเครื่องราชฯ ฉันก็ต้องเรียกคุณหญิงว่าท่านผู้หญิงแล้วล่ะค่ะ อย่างนั้นคุณหญิงจะไหว้ฉันได้อย่างไรกันคะ”
“โธ่... คุณพี่ ยังไงเสียฉันก็เป็นน้องนะคะ บรรดาศักดิ์ใดๆ นั้นก็ล้วนเป็นของท่านเจ้าคุณท่านทั้งนั้นแหละค่ะ ฉันก็เป็นแม่ค้าอย่างเดิมนั่นแหละ จะเรียกเยี่ยงไรก็เป็นแม่ค้าค่ะ”
“แต่ค้าทองเชียวนะคะ”
“ค้าทองก็แม่ค้านั่นแหละค่ะคุณพี่ ยังไงลูกค้าก็สำคัญที่สุด อย่างนี้แล้วคุณพี่อย่าไหว้ฉันอีกนะคะ ขี้กลากจะได้กินฉันพอดี ฉันเคยไหว้คุณพี่อย่างไรก็จะไหว้แบบนั้นต่อไปแหละค่ะ”
“เฮ้อ! เอาเถอะค่ะ เถียงคุณหญิงไม่ชนะสักครา”
แม่ส้มจีนพูดพลางส่งสายตาค้อน แต่รอยยิ้มละไมบนใบหน้านั้นเดาว่าถูกอกถูกใจอัธยาศัยไม่ถือยศถือศักดิ์ของคุณหญิงชบาเป็นที่สุด
“ก็คงต้องอย่างนั้นล่ะค่ะคุณพี่ เราไปคุยกันด้านในเถอะค่ะ ทางนี้ให้เด็กๆ เขาดูกัน”
คุณหญิงชบาหันไปเชื้อเชิญลูกค้าที่เพิ่งก้าวเข้ามาพลางเอ่ยแนะนำให้บอกความต้องการกับคนงานขายโดยไม่ต้องเกรงใจก่อนจะพา ‘คุณแม่สื่อ’ เข้าไปด้านในของร้าน เพื่อพูดคุยในสิ่งที่จะไหว้วาน ด้วยแม่ส้มจีนเป็นแม่สื่อแม่ชักที่เลื่องชื่อสุดในสยาม
..
.
ฝ่ามืออูมมีน้ำมีนวลด้วยอยู่ดีกินดีโอบรอบเอวอวบของแม่ส้มจีนอย่างสนิทสนม เพราะเมื่อรุ่นสาวคุณหญิงชบาเคยอยู่รับใช้เจ้านายในวังเช่นเดียวกับแม่ส้มจีน และแม่ส้มจีนนี่แหละที่ตั้งตัวเป็นแม่สื่อแม่ชักนัดแนะให้เพื่อนสาวชาววังออกมาพบปะกับบรรดาชายหนุ่มที่หมายปองอยู่ที่ด้านหน้าประตูศรีสุดาวงศ์ซึ่งเป็นประตูด้านหลังของกำแพงพระราชวังฝ่ายใน ตรงกับประตูช่องกุดซึ่งเป็นประตูกำแพงวังชั้นนอก
ในช่วงเช้าคนนอกวังจะนำสินค้ามาวางขายให้หญิงชาววังออกไปจับจ่ายซื้อหา ช่างเป็นเวลาประจวบเหมาะที่หนุ่มสาวจะได้ดูตัว และเมื่อใครอยากจะนัดแนะก็ให้แม่ส้มจีนนี่แหละเป็นธุระให้ แม่ส้มจีนจึงได้สินน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ตอบแทน เรียกได้ว่าในยามนั้นแม่ส้มจีนอู้ฟู้น่าดู
แม่ส้มจีนชักพาให้หลายคู่ได้ตบแต่ง รวมทั้งคู่ของคุณหญิงชบาด้วย แม้ครั้งนั้นคุณหญิงในวัยสาวรุ่นจะไม่ได้สานต่อความสัมพันธ์กับท่านเจ้าคุณ ที่ยามนั้นเพิ่งได้บรรดาศักดิ์เป็นคุณพระใหม่ๆ แต่ก็ถือว่าการพบกันครั้งแรกก็ได้แม่ส้มจีนเป็นสื่อชักพา
แม่ส้มจีนสนุกกับการจับคู่และยินดีชื่นชมกับสินจ้างจึงไม่คิดจะออกเรือนไปกับชายใด ประจวบกับอัธยาศัยดี รู้จักผู้คนกว้างขวาง เมื่อออกจากวัง แม่ส้มจีนจึงยึดแม่สื่อแม่ชักเป็นอาชีพ จนถึงวันนี้เมื่อเพื่อนฝูงมีลูกมีหลาน จึงไม่เว้นจะไหว้วานให้แม่ส้มจีนช่วยดูกุลบุตรและกุลธิดาในตระกูลที่เหมาะสมให้ นั่นก็ยิ่งทำให้แม่ส้มจีนอู้ฟู้กว่าเดิม และก็ถึงคราวที่คุณหญิงชบาจะไหว้วาน
คุณหญิงชบาพาแม่ส้มจีนเดินลัดเลาะจากหน้าร้านเข้ามาด้านหลังซึ่งเดิมเป็นบ้านเก่าของคุณหญิงชบาเอง แต่เมื่อออกเรือน ท่านเจ้าคุณกรุณาปลูกเรือนใหม่ให้พ่อแม่และเหล่าคนงานทำทอง คุณหญิงจึงปรับเปลี่ยนหน้าบ้านทำเป็นร้านขายทอง ส่วนห้องทำทองซ่อมทองก็เลื่อนเข้ามาอีกชั้น เพื่อให้สะดวกในยามที่ลูกค้าต้องการเลือกหาสร้อย แหวน หรือกำไลที่ถูกใจ ในตัวบ้านยังตกแต่งตามแบบชาวจีนคงไว้สำหรับพักอาศัยได้ดังเดิม
จากห้องทำทองก็เข้าสู่ส่วนรับรองผู้มาเยือน จากนั้นก็เข้าสู่บริเวณสวนกลางบ้านที่ด้านบนนั้นเปิดโล่งให้รับลมรับแดดจากภายนอกได้ทั่ว แต่เดิมนั้นบริเวณนี้คือที่ตากผ้า ตากอาหารแห้งให้เก็บไว้กินได้นานปี แต่ตอนนี้มีเพียงต้นไม้ให้ร่มเงาอยู่มุมหนึ่ง และเมื่อมองถัดเข้าไปด้านในก็จะเป็นเขตส่วนตัวของเจ้าของบ้าน ซึ่งได้แก่ ห้องพักผ่อน ห้องนอน ห้องครัว และห้องน้ำ
“บ้านยังคงเหมือนเดิมทุกอย่างเลยนะคะคุณหญิง”
แม่ส้มจีนมองไปทั่วบริเวณ แม้จะเคยมาเยือนเพียงครั้งเดียวเมื่อเป็นสาวรุ่น แต่ก็จำได้ไม่ลืม เพราะลูกสาวพ่อจีนแม่ไทยมีไม่มากนักที่จะเข้าไปถวายตัวรับใช้เจ้านาย ความสัมพันธ์ระหว่างหล่อนและคุณหญิงชบาในยามนั้นจึงแน่นแฟ้น
“ใช่ค่ะคุณพี่ ฉันไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรเลยค่ะ ครั้งที่คุณเตี่ยกับคุณแม่สิ้นไป ฉันก็คิดว่าคงแล้วแต่พ่อทองเขาจะปรับจะเปลี่ยนอะไรให้ตามสมัย เพราะตัวฉันเองก็ไม่ได้มาค้างที่นี่ มีแค่คนงานนอนเฝ้าร้านและก็พ่อทองที่เทียวมานอนพักน่ะค่ะ แต่พ่อทองน่ะสิคะ เขาบอกว่าเก็บไว้แบบนี้ก็ดีแล้ว ตัวฉันเองจะได้รู้สึกเหมือนกลับบ้านทุกวัน และก็เป็นจริงอย่างที่ลูกพูดไว้ไม่มีผิดค่ะ ฉันเหมือนได้กลับบ้านทุกวันจริงๆ ที่นี่มีความทรงจำมากมาย”
แม่ส้มจีนแตะข้อศอกคุณหญิงชบาแผ่วเบา วาวน้ำตาที่รื้นขึ้นนั้นบ่งบอกถึงความผูกพันในสถานที่ คุณหญิงชบายิ้มน้อยๆ ก่อนจะเชิญแม่ส้มจีนไปนั่งที่ตั่งรับรองผู้มาเยือนบริเวณร่มไม้ใหญ่ริมสวนสวย แค่อึดใจคนงานหญิงก็นำน้ำและขนมหวานออกมารับรอง “คุณพี่ดื่มน้ำและรับประทานขนมก่อนนะคะ พักให้หายเหนื่อย ประเดี๋ยวค่อยคุยกัน” “โอ้โห! ลาภปากของฉันแท้ๆ ค่ะ ที่ได้มากินกระท้อนลอยแก้วเลื่องชื่อ ฝีมือคุณหญิงท่านเจ้าคุณชาญชลากิจ” “แหม... คุณพี่คะ หน้านี้บ้านไหนๆ ก็มีกระท้อนลอยแก้วกันทุกบ้านนั่นแหละค่ะ” “แต่จะมีบ้านไหนจักเนื้อเป็นดอกไม้และคว้านได้สวยเท่าคุณหญิงล่ะคะ” “คุณพี่ก็ชมฉันร่ำไป ตัวคุณพี่เองก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้ แม่สายพิณอีกคน รายนั้นเก่งนัก” แม่ส้มจีนแตะหลังมือที่ริมฝีปากหัวเราะน้อยๆ เพราะนึกขันตัวเอง “ก็ใช่อยู่ค่ะ ฉันก็ทำได้ แต่ไม่ใคร่จะทำดอกค่ะ เพราะคิดถูกที่ไม่มีลูกมีผัวก็เลยไม่ต้องทำ อาศัยกินจากบ้านน้องบ้านเพื่อนนี่แหละค่ะ ไม่ลำบากดี ส่วนแม่สายพิณก็รับใช้ลูกผัวไป ฉันน่ะรอดตัว” ครานี้เป็นฝ่ายคุณหญิงชบาที่หัวเราะน้อยๆ เมื่อนึกถึง
“ฉันก็คิดตรงส่วนนี้อยู่ค่ะคุณพี่ แต่ถ้าไม่หาให้ ฉันก็กลัวว่าพ่อทองจะไปคว้าเอาลูกสาวชาวบ้านชาวสวนมาเป็นเมียสิคะ ยิ่งไปชานเมืองคราวละห้าวันเจ็ดวันอย่างนี้ด้วย ฉันกลัวใจพ่อทองค่ะ เลี้ยงลูกมาแต่อ้อนแต่ออกแม้จะแค่ในวัยเยาว์ เพราะรุ่นหนุ่มก็ถูกส่งไปเมืองน้ำเมืองนอกเสียแล้ว แต่ฉันก็รู้จักนิสัยพ่อทองนะคะ เจ้าชู้ประตูดินเป็นที่ต้น และไหนจะยังย่านนี้ คุณพี่ก็ทราบดี หากพลาดพลั้งไป ฉันคงช้ำใจแน่ค่ะ” นั่นสินะ... หากพลาดพลั้งได้หญิงโคมเขียวมาเป็นสะใภ้ เป็นหล่อนก็คงช้ำใจตายเหมือนกัน แม่ส้มจีนคิดก่อนจะพูดคลายความตึงเครียด “หนุ่มนักเรียนนอกก็เนื้อหอมเป็นธรรมดาค่ะ ลางทีคุณพระนายอาจจะมีคนที่หมายปองอยู่แล้วก็เป็นได้นะคะ คุณหญิงลองเลียบเคียงดูหรือยัง” “ฉันลองเลียบๆ เคียงๆ ถามดูแล้วค่ะ พ่อทองว่ายังไม่ถูกใจใครเลย ฉันเกรงว่าเลือกนักมักได้แร่น่ะสิคะ กว่าจะรอพ่อทองถูกใจ ป่านนั้นคุณหนูเรือนไหนๆ ก็คงมีลูกกันเป็นโขยงแล้วล่ะค่ะ” คำเปรียบเปรยของคุณหญิงชบาเกือบทำให้แม่ส้มจีนหลุดขำ ทว่าใบหน้างามสมวัยที่หมองลงก็ทำให้หล่อนต้องเก็บกิริยา แม่ผู้มีใบหน้าเปี่ยมทุกข์เรื่องคู
“เฮ้ย! อย่าหนีนะ เฮ้ย! หยุดเดี๋ยวนี้!” เสียงโหวกเหวกของผู้คนและเสียงตะโกนลั่นของผู้หญิงที่ดังกว่าใครส่งผลให้มือที่กำลังเอื้อมหยิบ ‘เอี๊ยวโก้ว’ ซึ่งวางขายอยู่ด้านข้างจักจั่นสีสดใสชะงักค้าง คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันฉงนเล็กน้อย เพราะคาดว่าเจ้าของเสียงแหลมเล็กนั้นเป็นหญิงสาวรุ่นอย่างแน่นอน เหตุใดหล่อนไม่รักษากิริยาที่สตรีพึงมีกลับส่งเสียงล้งเล้งดังข้ามฟากคลองแบบนี้ แต่แล้วเสียงที่ตะโกนตามมาก็ทำให้เขาคลายความสงสัย “ขโมย! อ้าวเฮ้ย! ช่วยกันจับขโมยหน่อย เฮ้ย! หยุดนะ” ใบหน้าคมคายหันมองต้นเสียงอีกฟากคลอง ที่เห็นคือหญิงสาวร่างเล็กใส่เสื้อคอปิดแขนยาวสีมอครามและสวมกางเกงสีครามออกเข้ม หล่อนเป็นต้นเสียงที่ตะโกนโหวกเหวกและกำลังวิ่งไล่ตามชายร่างเล็กเนื้อตัวขะมุกขะมอม หล่อนวิ่งไปก็ตะโกนให้คนช่วยจับขโมยไปด้วย แต่เจ้าขโมยก็ปราดเปรียววิ่งหลบวิ่งหลีกมาจนถึงท่าเรือฝั่งตรงกันข้ามกับเขา หญิงสาววิ่งมาทัน แต่ชายร่างเล็กเลือกทางหนีโดยการกระโดดลงไปเหยียบหัวเรือที่จอดเรียงรายค้าขายอยู่บริเวณนั้น จากเรือขายส้มโอก็กระโดดไปหาเรือขายมะพร้าว แล้วกระโดดต่อไปที่เรือขายก๋วยเตี๋ยว เสียงแ
“เรียบร้อยกันแล้วใช่ไหมแม่ละเมียด” “เรียบร้อยเฮีย คุณหนูออกโรงเอง มีหรือจะไม่เรียบร้อย” “สมน้ำหน้านักไอ้หัวขโมย ขโมยของใครไม่ขโมย ดันมาขโมยของคุณหนูลูกจันทร์” “ของคุณหนูซะที่ไหนล่ะเฮีย ของยายเมี้ยนขายกล้วยทอดต่างหากเล่า คุณหนูน่ะนั่งรอกล้วยทอดอยู่พอดี ไอ้หัวขโมยนี่มันลอยคอมาในคลอง พอยายเมี้ยนเผลอประเดี๋ยวเดียวเท่านั้นแหละ มันฉกห่อเงินใต้กระดานไปเลย” “ฮะ! มันกล้าขนาดนั้นเชียวเรอะ” “มีเหลือเรอะจะไม่กล้า ไอ้เวกขี้เหล้ามันขี้คล้านจะตายไป มือตีนดีไม่ทำมาหากินเอาแต่กินเหล้า ไม่มีเงินก็ต้องขโมยน่ะสิ” “อย่างนี้ต้องส่งเข้าตะรางซะให้เข็ด จะได้ไม่ทำให้ใครเดือดร้อนอีก” “ตะรางอะไรล่ะเฮีย คุณหนูให้อาเก้าเอากลับไปโรงสีแล้วน่ะสิ” “อ้าว! แบบนี้เถ้าแก่ลิ้มจะไม่ดุเอาเรอะ” “เถ้าแก่น่ะเหรอจะกล้าดุคุณหนู จะบอกว่าดีน่ะสิได้คนงานเพิ่ม คนดุน่ะคงเป็นแม่สายพินซะมากกว่า คุณหนูก็ชอบเลี้ยงจริง! ไอ้คนแบบเนี้ย ประเดี๋ยวเถอะมันจะทำเรื่องเดือดร้อนให้” “แม่ละเมียดก็พูดไป อั๊วเห็นมันก็ไปได้ดีทุกคน ดูไอ้พวกลูกกระ
“ฉันก็คิดตรงส่วนนี้อยู่ค่ะคุณพี่ แต่ถ้าไม่หาให้ ฉันก็กลัวว่าพ่อทองจะไปคว้าเอาลูกสาวชาวบ้านชาวสวนมาเป็นเมียสิคะ ยิ่งไปชานเมืองคราวละห้าวันเจ็ดวันอย่างนี้ด้วย ฉันกลัวใจพ่อทองค่ะ เลี้ยงลูกมาแต่อ้อนแต่ออกแม้จะแค่ในวัยเยาว์ เพราะรุ่นหนุ่มก็ถูกส่งไปเมืองน้ำเมืองนอกเสียแล้ว แต่ฉันก็รู้จักนิสัยพ่อทองนะคะ เจ้าชู้ประตูดินเป็นที่ต้น และไหนจะยังย่านนี้ คุณพี่ก็ทราบดี หากพลาดพลั้งไป ฉันคงช้ำใจแน่ค่ะ” นั่นสินะ... หากพลาดพลั้งได้หญิงโคมเขียวมาเป็นสะใภ้ เป็นหล่อนก็คงช้ำใจตายเหมือนกัน แม่ส้มจีนคิดก่อนจะพูดคลายความตึงเครียด “หนุ่มนักเรียนนอกก็เนื้อหอมเป็นธรรมดาค่ะ ลางทีคุณพระนายอาจจะมีคนที่หมายปองอยู่แล้วก็เป็นได้นะคะ คุณหญิงลองเลียบเคียงดูหรือยัง” “ฉันลองเลียบๆ เคียงๆ ถามดูแล้วค่ะ พ่อทองว่ายังไม่ถูกใจใครเลย ฉันเกรงว่าเลือกนักมักได้แร่น่ะสิคะ กว่าจะรอพ่อทองถูกใจ ป่านนั้นคุณหนูเรือนไหนๆ ก็คงมีลูกกันเป็นโขยงแล้วล่ะค่ะ” คำเปรียบเปรยของคุณหญิงชบาเกือบทำให้แม่ส้มจีนหลุดขำ ทว่าใบหน้างามสมวัยที่หมองลงก็ทำให้หล่อนต้องเก็บกิริยา แม่ผู้มีใบหน้าเปี่ยมทุกข์เรื่องคู
แม่ส้มจีนแตะข้อศอกคุณหญิงชบาแผ่วเบา วาวน้ำตาที่รื้นขึ้นนั้นบ่งบอกถึงความผูกพันในสถานที่ คุณหญิงชบายิ้มน้อยๆ ก่อนจะเชิญแม่ส้มจีนไปนั่งที่ตั่งรับรองผู้มาเยือนบริเวณร่มไม้ใหญ่ริมสวนสวย แค่อึดใจคนงานหญิงก็นำน้ำและขนมหวานออกมารับรอง “คุณพี่ดื่มน้ำและรับประทานขนมก่อนนะคะ พักให้หายเหนื่อย ประเดี๋ยวค่อยคุยกัน” “โอ้โห! ลาภปากของฉันแท้ๆ ค่ะ ที่ได้มากินกระท้อนลอยแก้วเลื่องชื่อ ฝีมือคุณหญิงท่านเจ้าคุณชาญชลากิจ” “แหม... คุณพี่คะ หน้านี้บ้านไหนๆ ก็มีกระท้อนลอยแก้วกันทุกบ้านนั่นแหละค่ะ” “แต่จะมีบ้านไหนจักเนื้อเป็นดอกไม้และคว้านได้สวยเท่าคุณหญิงล่ะคะ” “คุณพี่ก็ชมฉันร่ำไป ตัวคุณพี่เองก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้ แม่สายพิณอีกคน รายนั้นเก่งนัก” แม่ส้มจีนแตะหลังมือที่ริมฝีปากหัวเราะน้อยๆ เพราะนึกขันตัวเอง “ก็ใช่อยู่ค่ะ ฉันก็ทำได้ แต่ไม่ใคร่จะทำดอกค่ะ เพราะคิดถูกที่ไม่มีลูกมีผัวก็เลยไม่ต้องทำ อาศัยกินจากบ้านน้องบ้านเพื่อนนี่แหละค่ะ ไม่ลำบากดี ส่วนแม่สายพิณก็รับใช้ลูกผัวไป ฉันน่ะรอดตัว” ครานี้เป็นฝ่ายคุณหญิงชบาที่หัวเราะน้อยๆ เมื่อนึกถึง
เมื่อลูกค้าก้าวออกจากร้าน แขกคนสำคัญที่รอจังหวะให้แม่ค้าว่างก็ก้าวเข้ามาในร้าน ‘คุณหญิงชบา’ ยิ้มกว้างเมื่อเห็นหญิงร่างอวบรุ่นราวคราวเดียวกันแต่งกายตามราชนิยมคือตัวเสื้อเป็นลูกไม้ระบายตามแบบแหม่ม ส่วนท่อนล่างยังคงเป็นโจงกระเบนให้ทะมัดทะแมง สวมถุงน่องขาวและรองเท้าส้นสูง คุณหญิงจึงหันไปบอกคนงานหญิงที่นั่งอยู่ในฉากด้านหลังคอยซ่อมแซมทองชำรุดให้ออกมาดูร้านแทน ก่อนร่างอวบอิ่มมีน้ำมีนวลจะเดินออกจากคอกกั้นส่วนขายทองเพื่อต้อนรับ “ฉันไหว้ค่ะคุณพี่ส้มจีน” “อุ้ย! คุณหญิง อย่าไหว้ฉันค่ะ มันไม่ดี” แม่ส้มจีนโบกมือห้ามไม่ให้คุณหญิงชบาไหว้ “ทำไมเล่าคะคุณพี่ คุณพี่แก่กว่าฉัน ฉันก็ต้องไหว้สิคะ” “ไม่ได้ดอกค่ะคุณหญิง คุณหญิงกับฉันต่างกันนะคะ คุณหญิงเป็นภรรยาท่านเจ้าคุณ ประเดี๋ยวพอคุณหญิงได้รับพระราชทานเครื่องราชฯ ฉันก็ต้องเรียกคุณหญิงว่าท่านผู้หญิงแล้วล่ะค่ะ อย่างนั้นคุณหญิงจะไหว้ฉันได้อย่างไรกันคะ” “โธ่... คุณพี่ ยังไงเสียฉันก็เป็นน้องนะคะ บรรดาศักดิ์ใดๆ นั้นก็ล้วนเป็นของท่านเจ้าคุณท่านทั้งนั้นแหละค่ะ ฉันก็เป็นแม่ค้าอย่างเดิมนั่นแหละ จะ
“เรียบร้อยกันแล้วใช่ไหมแม่ละเมียด” “เรียบร้อยเฮีย คุณหนูออกโรงเอง มีหรือจะไม่เรียบร้อย” “สมน้ำหน้านักไอ้หัวขโมย ขโมยของใครไม่ขโมย ดันมาขโมยของคุณหนูลูกจันทร์” “ของคุณหนูซะที่ไหนล่ะเฮีย ของยายเมี้ยนขายกล้วยทอดต่างหากเล่า คุณหนูน่ะนั่งรอกล้วยทอดอยู่พอดี ไอ้หัวขโมยนี่มันลอยคอมาในคลอง พอยายเมี้ยนเผลอประเดี๋ยวเดียวเท่านั้นแหละ มันฉกห่อเงินใต้กระดานไปเลย” “ฮะ! มันกล้าขนาดนั้นเชียวเรอะ” “มีเหลือเรอะจะไม่กล้า ไอ้เวกขี้เหล้ามันขี้คล้านจะตายไป มือตีนดีไม่ทำมาหากินเอาแต่กินเหล้า ไม่มีเงินก็ต้องขโมยน่ะสิ” “อย่างนี้ต้องส่งเข้าตะรางซะให้เข็ด จะได้ไม่ทำให้ใครเดือดร้อนอีก” “ตะรางอะไรล่ะเฮีย คุณหนูให้อาเก้าเอากลับไปโรงสีแล้วน่ะสิ” “อ้าว! แบบนี้เถ้าแก่ลิ้มจะไม่ดุเอาเรอะ” “เถ้าแก่น่ะเหรอจะกล้าดุคุณหนู จะบอกว่าดีน่ะสิได้คนงานเพิ่ม คนดุน่ะคงเป็นแม่สายพินซะมากกว่า คุณหนูก็ชอบเลี้ยงจริง! ไอ้คนแบบเนี้ย ประเดี๋ยวเถอะมันจะทำเรื่องเดือดร้อนให้” “แม่ละเมียดก็พูดไป อั๊วเห็นมันก็ไปได้ดีทุกคน ดูไอ้พวกลูกกระ
“เฮ้ย! อย่าหนีนะ เฮ้ย! หยุดเดี๋ยวนี้!” เสียงโหวกเหวกของผู้คนและเสียงตะโกนลั่นของผู้หญิงที่ดังกว่าใครส่งผลให้มือที่กำลังเอื้อมหยิบ ‘เอี๊ยวโก้ว’ ซึ่งวางขายอยู่ด้านข้างจักจั่นสีสดใสชะงักค้าง คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันฉงนเล็กน้อย เพราะคาดว่าเจ้าของเสียงแหลมเล็กนั้นเป็นหญิงสาวรุ่นอย่างแน่นอน เหตุใดหล่อนไม่รักษากิริยาที่สตรีพึงมีกลับส่งเสียงล้งเล้งดังข้ามฟากคลองแบบนี้ แต่แล้วเสียงที่ตะโกนตามมาก็ทำให้เขาคลายความสงสัย “ขโมย! อ้าวเฮ้ย! ช่วยกันจับขโมยหน่อย เฮ้ย! หยุดนะ” ใบหน้าคมคายหันมองต้นเสียงอีกฟากคลอง ที่เห็นคือหญิงสาวร่างเล็กใส่เสื้อคอปิดแขนยาวสีมอครามและสวมกางเกงสีครามออกเข้ม หล่อนเป็นต้นเสียงที่ตะโกนโหวกเหวกและกำลังวิ่งไล่ตามชายร่างเล็กเนื้อตัวขะมุกขะมอม หล่อนวิ่งไปก็ตะโกนให้คนช่วยจับขโมยไปด้วย แต่เจ้าขโมยก็ปราดเปรียววิ่งหลบวิ่งหลีกมาจนถึงท่าเรือฝั่งตรงกันข้ามกับเขา หญิงสาววิ่งมาทัน แต่ชายร่างเล็กเลือกทางหนีโดยการกระโดดลงไปเหยียบหัวเรือที่จอดเรียงรายค้าขายอยู่บริเวณนั้น จากเรือขายส้มโอก็กระโดดไปหาเรือขายมะพร้าว แล้วกระโดดต่อไปที่เรือขายก๋วยเตี๋ยว เสียงแ