Share

บทที่ 3

เสิ่นจ้านเปิดประตูรถ ค่อยประคองให้โจวหว่านอวิ๋นเข้าไปนั่งแล้วตัวเองจึงเข้าตาม

ความใส่ใจถึงเพียงนี้ ฉันไม่เคยได้รับมาก่อน

......

ฉันไม่ได้โง่ถึงขั้นนั่งรอในร้านให้เขากลับมารับอีก

ฉันเรียกรถกลับไปเองก็ได้ ไม่เห็นจะต้องง้อเขาเลย

ฉันเรียกแกร๊บมารอที่หน้าร้าน และบอกให้คนขับช่วยกางร่มมารับหน่อย เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องเปียกฝน

อายุปูนนี้แล้ว หากไม่ดูแลตัวเองก็จะล้มป่วยได้ง่าย

ฉันรักตัวเองเสมอ

เสิ่นจ้านตามมาถึงบ้านหลังฉันเกือบสองชั่วโมงกว่า

ทันทีที่เข้ามา เขาตะโกนใส่ฉันด้วยหน้าตาบูดบึ้ง “อวี๋โม่ ฉันบอกให้รออยู่ที่ร้านไง รู้ไหมว่าเพื่อจะกลับไปรับเธอ ฉันแทบเปียกฝนทั้งตัวน่ะ”

ฉันวางถ้วยน้ำอุ่นในมือลงพร้อมถามกลับ

“อยู่ไกลมากหรือไงถึงต้องให้ฉันรอตั้งสองชั่วโมงกว่าน่ะ”

เขาหลบตาเหมือนกับจะร้อนตัว ไม่กล้าโต้เถียงเรื่องนี้กับฉันอีก

“เอาเสื้อผ้าฉันไปซัก แล้วเอาชุดใหม่มาให้เปลี่ยนด้วย”

ฉันเพิ่งสังเกตเห็นสภาพเขาที่โดนฝนมาทั้งตัว แม้แต่ผมก็เปียกปอนจนมีน้ำไหลลงมาข้างแก้ม

เสิ่นจ้านถอดเสื้อออกแล้วโยนมาให้ฉัน

ที่ผ่านมาการถูกเรียกใช้เหมือนแม่บ้านคนหนึ่ง ฉันมักจะนิ่งเงียบและยอมรับ คิดว่าเขาอยู่ข้างนอกทำงานเหนื่อย ฉันเป็นภรรยาทำงานบ้านก็เป็นหน้าที่อยู่แล้ว

และพอนานวันเข้า ก็กลายเป็นความเคยชินที่จะคอยรับใช้เขา

แต่พอมาถึงวันนี้ จู่ๆ ฉันก็นึกเบื่อการใช้ชีวิตแบบนี้กับเขา

ฉันไม่สนใจเสื้อผ้าเปียกที่กองอยู่แทบเท้า หันไปหยิบอัลบั้มนั่นออกมา

“ทีนี้จะอธิบายได้หรือยัง?”

เขาคงไม่นึกว่าปกติฉันเป็นคนโอนอ่อนผ่อนตาม วันนี้กลับกัดติดเรื่องนี้ไม่ยอมปล่อย จึงได้ขมวดคิ้วมุ่น แสดงสีหน้าอาจารย์เมื่อเจอหน้าลูกศิษย์เกเร มีความไม่พอใจอย่างมาก

“สมัยก่อนที่เลิกกับเขาเพราะความจำเป็น ตอนหลังเขากลับมาหาฉันอีก ฉันคิดว่าไหนๆ เราก็มีลูกกันแล้ว บ้านเราต้องพึ่งพาเธอหลายอย่างเลยไม่ได้เอ่ยปากขอหย่า จนกระทั่งผ่านไปหลายปี ฉันแค่อยากเติมเต็มความฝันในอดีตเท่านั้น แก่ปูนนี้แล้วเธอจะถือสาอะไรอีก”

ฉันก้มหน้าฟังคำ ‘แก้ตัว’ อย่างไร้เหตุผลของเขา

ผ่านไปหลายสิบปี นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันกำลังพิจารณาชีวิตคู่ของเราอย่างจริงจัง

เสิ่นจ้านบอกว่าไม่อยากหย่า เพียงเพราะหลายอย่างในบ้านขาดฉันไม่ได้

ก็ถูก อาหารการกินของเขา เสื้อผ้าที่สวมใส่ ความสะอาดภายในบ้าน เด็กๆ ไปโรงเรียนคอยรับคอยส่ง...

เรื่องจุกจิกเหล่านี้ ทั้งงานใหญ่งานเล็กในบ้าน ล้วนทำให้หญิงสาวคนหนึ่งกลายเป็นยายเพิ้ง จากยายเพิ้งก็กลายเป็นยายแก่

ฉันถอนหายใจยาว จู่ๆ รู้สึกเหนื่อยมากขึ้น หมดแรงที่จะโต้เถียงกับเขาอีก

“เสื้อผ้าคุณเอาไปซักเอง ฉันรู้สึกเพลีย ขอตัวไปนอนก่อน”

......

ท่าทีของฉันทำให้เสิ่นจ้านยิ่งเดือดดาลมากขึ้น

เขาได้แต่กล่าวสบถเบาๆ “บ้าบอสิ้นดี” พร้อมก้มตัวไปเก็บเสื้อผ้าไปยังห้องซักล้าง

แต่เครื่องซักผ้ารุ่นใหม่ที่เพิ่งซื้อมา เขาไม่เคยใช้สักครั้ง ดูไปดูมากดโน่นกดนี่ก็ยังไม่กระดิก กลับทำให้ตัวเองหนาวจนจามออกมาสองที สุดท้ายก็ต้องหน้าบูดบึ้งมาถามฉันว่าจะเปิดใช้ยังไง

ฉันนอนอยู่บนเตียงไม่ตอบเขา

ผ่านไปอึดใจหนึ่ง ห้องซักล้างจึงมีเสียงเครื่องซักผ้าทำงานดังลอดออกมา

เสิ่นจ้านเดินหน้าบึ้งกลับมาอีก พร้อมรื้อค้นในตู้เสื้อผ้า

“เสื้อหนาวสีฟ้าของฉันตัวนั้นล่ะ เธอเอาไปเก็บไว้ไหน?”

ฉันหันหลังให้ ไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น

บรรยากาศในห้องดูตึงเครียด คล้ายภูเขาไฟที่รอการปะทุอยู่

ในที่สุด เสิ่นจ้านก็เป็นฝ่ายทนไม่ไหวก่อน

เขาหยิบเสื้อผ้าออกมาหลายตัวแล้วโยนลงที่เตียง น้ำเสียงแหบแห้ง ฟังดูคล้ายโอดครวญเพราะหมดสิ้นหนทาง

“ฉันก็อธิบายไปหมดแล้ว เธอยังจะงอนอะไรอีก เราจะอยู่เหมือนเดิมไม่ได้หรือไง”

มีเสื้อตัวหนึ่งติดกระดุมเม็ดใหญ่ มากระแทกถูกแผลที่หน้าผากฉันที่ยังไม่ได้ทายา

ฉันเจ็บจนร้อง ‘อูย’ ออกมา

เสิ่นจ้านตกตะลึง เขารีบวิ่งมาดูและทำอะไรไม่ถูก

“เธอบาดเจ็บตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันไม่ทันสังเกต...”

ตั้งแต่ที่เขากลับมา ความสนใจก็ไปอยู่ที่อัลบั้มสุดหวงนั่นหมด จะมองเห็นบาดแผลของฉันได้ยังไง

ฉันประเมินผู้ชายคนนี้อยู่นาน

ตอนสาวๆ ชอบเขาก็เพียงแค่หน้าตาดี จึงยอมแต่งงานง่ายๆ

แต่ชีวิตคู่ที่จืดชืด แทบไม่มีความหมายอะไร

ฉันรู้สึกถึงความเบื่อหน่ายและหดหู่ใจ แต่น้ำเสียงกลับราบเรียบ

“ถ้าอยู่กันไม่ได้ก็ไม่ต้องอยู่อีก”

เมื่อพูดออกไป ฉันแทบสัมผัสได้ว่า ความรักความผูกพันที่เคยมีต่อเขา จู่ๆ ก็ถูกปล่อยวางลงจนหมดสิ้น

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status