[4]
คนดวงตกสองคน เมื่อได้ยินว่าเป็นคำสั่งของหลวงปู่ภูมิก็ขัดไม่ได้ จำต้องให้ฟีฟ่าอาศัยอยู่ด้วยกัน แต่ในฐานะคนมาก่อนจึงออกกฎให้ฟีฟ่าปฏิบัติตาม มิฉะนั้นจะไม่ให้อยู่ด้วย "มึงชื่ออะไร" เสียงทุ้มถามขึ้น "ฟะ..ฟีฟ่า" "พูดกับคนอายุมากกว่าให้มันดี ๆ หน่อย ถ้าไม่เชื่อฟังก็กลับไปซะ" คนอะไรแม่งขู่เก่งชะมัด สงสัยจะมีญาติเป็นงูแน่ ๆ ฟีฟ่าบ่นอุบอิบก่อนแนะนำตัวเองอีกครั้ง แม้น้ำเสียงจะไม่ได้รื่นหูแต่ก็ใช้คำที่ฟังแล้วทำให้ปลายตีนของอีกฝ่ายกระตุกน้อยสุดเป็นพอ และยังบอกคนเป็นผู้ใหญ่ว่าถ้าอยากให้คนอื่นพูดดีด้วยตัวเองก็ต้องพูดก่อนสิ โดนตอกหน้ากลับคนเป็นผู้ใหญ่ถึงกับกัดฟันกรอด เถียงไม่ออกเพราะเด็กมันพูดจริง "ว่าแต่มึง เอ๊ย! ว่าแต่นายเถอะ ไม่คิดจะบอกชื่อตัวเองบ้างหรือไง เอาแค่ถามคนอื่นแต่ชื่อตัวเองกลับไม่ยอมบอกมันเสียมารยาทนะไม่รู้หรือไง" ฟีฟ่าถือโอกาสว่ากลับไปบ้าง "ฉันชื่อภูมิ ให้นายเรียกฉันว่าพี่ภูมิ เพราะถึงยังไงฉันก็อายุมากกว่านายหลายปี" พอคำพูดเปลี่ยนก็ทำให้คนตรงหน้าดูดีขึ้นมา น้ำเสียงห้วนไม่น่าฟังก็มีเสน่ห์ขึ้น เสียงทุ้มต่ำติดแหบนิดหน่อยทำให้ฟีฟ่านึกถึงเสียงกระซิบข้างใบหูเมื่อคืนนั้นก็เกิดหน้าแดงขึ้นมา "หยุดคิดลามกกับฉันเลยนะ ไอ้เด็กโรคจิต!" "คะ..ใครคิดลามกกับมึง..เอ๊ย..กะ..กับพี่ภูมิ.." ฟีฟ่ายิ้มแหย ๆ เมื่อถูกมองด้วยสายตาที่ดุดัน ยังไม่ทันไรเขาก็ลืมตัวพูดไม่ดีกับภูมิซะแล้ว "ที่นี่มีห้องนอนห้องเดียว ฉะนั้นนายต้องนอนนอกห้อง" นอกห้องก็คือชานหน้าบ้านที่พวกเขากำลังนั่งอยู่ตอนนี้ มีโต๊ะหมู่ แท่นทำพิธี และเก้าอี้ไม้สักทองสองตัววางคู่กับโต๊ะเข้าชุดกันหันไปทางหน้าบ้าน รอบ ๆ ก็มีแต่ต้นไม้สูง ดึก ๆ คงแยกไม่ออกว่าไหนเปรตไหนต้นไม้ น่ากลัวแบบนี้จะนอนไปได้ยังไงกัน "เรื่องอะไร ทำไมผมต้องนอนข้างนอกด้วย" ฟีฟ่าประท้วงขึ้นเมื่อรู้ว่าตัวเองต้องนอนนอกห้อง "นายก็แหกตาดูสิ ห้องแค่นี้จะยัดตัวเองไว้ตรงไหน หรือนายอยากจะนอนในเสาตกน้ำมัน ฮะ!" นิ้วยาวชี้ไปยังเสากลางเรือนที่มีผ้าสามสีผูกไว้ ฟีฟ่ามองตามและกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ ไม่คิดมาก ฟีฟ่าตัดสินใจได้ทันทีว่าจะเลือกทางไหน ไม่ว่ายังไงไอ้ฟ่าคนนี้ก็จะไม่ยอมนอนข้างนอกเด็ดขาด "ถ้าพี่ไม่ให้ผมนอนในห้องด้วย ผมจะฟ้องหลวงปู่!" เขายืนกรานจะนอนในห้องด้วยกันให้ได้ โดยเอาหลวงปู่มาอ้างเพื่อให้อีกฝ่ายยินยอมและมันก็ได้ผลซะด้วย มือหนากำแน่นกัดฟันกรอด พยายามบอกตัวเองให้ใจเย็นพร้อมถอนหายใจออกมา "ตามใจ แต่ฟูกมีแค่อันเดียว นายนอนพื้นไปละกัน" ฟีฟ่ามองพื้นบ้านที่เป็นแผ่นไม้กระดานนำมาวางเรียงกันไม่สนิททำให้เกิดร่องจนมองเห็นด้านล่างและยังมีลมลอดขึ้นมาตลอดเวลาทำให้อากาศด้านบนไม่ร้อน แต่กลับเย็นยะเยือกจนขนลุก แค่นอนพื้นไม่เห็นจะเป็นไรเลย เอาไว้ให้ป๊าส่งถุงนอนมาให้ก็ได้ ไม่ต้องง้อไอ้หัวหยิกนี่หรอก ฟีฟ่าบอกกับตัวเอง บนเรือนแม้แสงไฟไม่สว่างนักแต่ก็พอเห็นทุกอย่างชัดเจน ฟีฟ่าจึงฉวยโอกาสแอบมองคนตรงหน้าให้ชัด ๆ อีกครั้ง ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่แค่รูปร่างดีอย่างเดียวแม้แต่หน้าตายังจัดว่าหล่อเหลาเอาการ ถึงโหงวเฮ้งจะบ่งบอกว่าเป็นคนชั่วร้ายไปหน่อยก็ตาม แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมขอบตาถึงคล้ำเหมือนคนอดหลับอดนอนก็ไม่รู้ สงสัยจะเที่ยวกลางคืนบ่อยล่ะสิ "ทั้งที่หล่อขนาดนี้แต่ทำไมถึงชอบทำหน้าเหมือนโดนคนเหยียบตีนอยู่ตลอดเวลาก็ไม่รู้" ฟีฟ่าพึมพำพลางผลุบสายตาลงมายังหน้าอกกว้าง พานให้นึกถึงตอนที่อยู่ในอ้อมกอดแข็งแรง เป็นครั้งแรกที่เขาเป็นฝ่ายถูกกอดด้วยท่อนแขนที่ใหญ่กว่า หลายครั้งที่แอบขยำหน้าอกแน่น ๆ จนกล้ามเนื้อทะลักออกมาตามซอกนิ้วและแอบเลียหัวนมที่ชูชันคู่นั้น แม่งเอ๊ย..ฟินฉิบหาย "เฮะ..เฮะ.." ฟีฟ่านึกถึงค่ำคืนที่แสนจะเร่าร้อนพลางจ้องหน้าอกแน่นตาเป็นมัน จนหลุดยิ้มหื่นออกมา "มองอะไร ขนลุก ถ้ามึงคิดไม่ดีกับกู คืนนี้มึงได้นอนข้างล่างแน่" "กะ..ก็บอกว่าไม่ได้มองไง อย่าหลงตัวเองให้มันมากนักเลย" เสียงทุ้มเรียกสติฟีฟ่าอีกครั้ง คนอะไรแม่งหล่อยันเสียงทำใจเต้นตุบ ๆ อยู่หลายครั้ง แต่ถึงจะหล่อแค่ไหนไอ้ฟ่าก็ไม่สน เพราะหุ่นแบบนี้ไม่ใช่สเปคของฟีฟ่าสักนิด จ๊อกกก.. กว่าจะตกลงกันได้เวลาก็ปาไปหนึ่งทุ่มและท้องฟีฟ่าก็เริ่มส่งเสียงประท้วงแล้ว "ฉันไม่กินมื้อเย็น" ภูมิพูดดักขึ้นเมื่อได้ยินเสียงท้องร้องของฟีฟ่า แต่คนมาปฏิบัติธรรมวันแรกยังไงก็ทนหิวไม่ไหวหรอก "แต่ผมหิวนี่ ตั้งแต่เที่ยงผมยังไม่ได้กินอะไรเลย พี่หาอะไรให้ผมกินหน่อยสิ นะ..น้าา.." ฟีฟ่าเซ้าซี้จนชายหนุ่มทนไม่ไหวลุกเข้าไปหยิบบะหมี่ถ้วยในห้องมาต้มให้ ถึงจะอยู่ในที่ห่างไกลผู้คนแต่ยังดีที่มีไฟฟ้าประปาให้ใช้ ส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้านอกจากหลอดไฟสีส้มในโคมเปลือยเชย ๆ แล้วยังมีกระติกน้ำร้อนกับพัดลมเก่า ๆ เท่านั้น แต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลย "ไหนว่าไม่กินข้าวเย็นไง ทำไมพี่ถึงมีบะหมี่ถ้วยเก็บไว้ด้วยล่ะ?" ฟีฟ่าถามขึ้นขณะรอสามนาที คิดในใจว่าภูมิคงเอาไว้ต้มกินตอนดึกแน่ ๆ "กิน ๆ เข้าไปเถอะ ถามมากจะเอาไปเทให้หมากินให้หมด" ถามนิดถามหน่อยทำเป็นโมโหไปได้ ฟีฟ่าเบ้ปากใส่คนหน้าดุ ก่อนสาวเส้นเข้าปากและซดน้ำตาม กินต่อจนหมดถ้วย หลังทำให้ท้องอิ่มแล้วฟีฟ่าก็ร้องอยากจะอาบน้ำขึ้นมา เขาไม่กล้าไปคนเดียวเพราะห้องน้ำสร้างอยู่นอกตัวเรือนจึงอ้อนวอนขอร้องให้พาไปจนภูมิเริ่มหงุดหงิด "โตแล้วอาบน้ำคนเดียวไม่เป็นหรือไงวะ วันนี้ฉันเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว จะนอน!" "พะ..พี่ภูมิ ไปกับฟ่าหน่อยนะ นะ นะ" "ไม่ไปโว๊ย! ปล่อยแขนกูเดี๋ยวนี้เลยนะ!" ฟีฟ่าติดเรียกแทนตัวเองด้วยชื่อ ฟังดูน่ารักเหมาะกับเจ้าตัวดี คนส่วนใหญ่ได้ฟังก็อดที่จะตามใจไม่ได้ ยกเว้นไอ้คนตรงหน้า ฟีฟ่าเข้าไปเกาะแขนเกาะขาร่างสูง ปัดไล่ยังไงก็ไม่ยอมปล่อย เหลืออย่างเดียวคงต้องปัดรังควานแล้วสินะ "นี่มึงเป็นตุ๊กแกหรือไงวะ มือเหนียวฉิบหาย บอกไว้เลยนะ ยังไงกูก็ไม่มีทางไปเฝ้ามึงอาบน้ำเด็ดขาด!" ชายหนุ่มประกาศกร้าว ห้านาทีต่อมา.. ร่างสูงยืนอยู่หน้าประตูไม้เก่า ๆ ภายในมีไม้ไว้ขัดล็อกกันคนภายนอกเปิดเท่านั้น ร่องไม้ก็กว้างพอที่จะเห็นคนข้างในชัดเจน "เร็ว ๆ หน่อย ฉันให้เวลาแค่ห้านาทีเท่านั้นนะ ถ้าชักช้าจะทิ้งไว้ตรงนี้แหละ!" "รู้แล้วน่า!" ฟีฟ่าอาบน้ำอย่างรีบเร่ง แปรงฟันอย่างลวก ๆ น้ำแม่งก็เย็นอย่างกับแช่น้ำแข็ง อาบไปตัวสั่นไป รู้งี้ซักแห้งซะก็ดี ปัง! ปัง! "ครบห้านาทีแล้วนะ!" "ใส่กางเกงอยู่ อย่าเร่งนักสิ!" มือหนาเคาะประตูเร่งคนข้างในเมื่อครบเวลา เจ้ากรรม ดวงตาคู่คมดันมองลอดช่องเข้าไปเห็นก้นกลมกลึงเต็มสองตา ตัวแค่นี้ทำไมตูดใหญ่นักวะ เกิดหน้าร้อนฉ่าขึ้นมาจนต้องรีบยืนหันหลังให้ ไม่นานคนตัวเล็กก็เปิดประตูออกมา "พี่เป็นอะไรไปน่ะ?" ฟีฟ่าถามขึ้นเมื่อร่างสูงยืนหันหลังให้และไม่ต่อว่าที่ตนเลยเวลา ซ้ำยังเร่งฝีเท้าเดินกลับขึ้นเรือนเฉย "พะ..พี่จะไปไหน รอฟ่าก่อนสิ" ฟีฟ่ารีบวิ่งตามขึ้นไป โดยไม่ทันสังเกตเห็นใบหูแดงฉ่าของอีกฝ่าย ฟีฟ่าตัวหอมฟุ้งหลังอาบน้ำเสร็จ เหนื่อยมาทั้งวันแล้วตั้งใจจะหลับให้สบายสักหน่อย ไม่รู้ว่าที่นี่ไม่ได้เตรียมที่นอนไว้สำหรับตน มีเพียงฟูกยัดนุ่นแน่น ๆ ขนาดสามฟุตปูอยู่บนพื้นเท่านั้น "ถ้าพี่ไม่อยากให้ฟ่านอนด้วย ก็เอาผ้าห่มมาให้ยืมปูนอนหน่อย พรุ่งนี้ฟ่าจะให้เพื่อนมันเอาที่นอนมาให้" มือเล็กดึงปลายผ้าห่มที่อีกด้านมีมือหนายื้อเอาไว้แน่น "ไม่ได้ กลางคืนอากาศมันเย็น ฉันไม่ชอบ!" ตัวโตอย่างกับควายยังจะขี้หนาวอีกนะ แค่ยืมผ้าห่มมาปูนอนแค่นี้ยังงกอีก ทั้งคู่ยื้อแย่งผ้าห่มกันไปมาสุดท้ายฟีฟ่าก็สูงแรงคนตัวใหญ่กว่าไม่ไหว อีกฝ่ายเพียงแค่สะบัดผ้าห่มร่างของฟีฟ่าก็กลิ้งไปอยู่มุมห้องแล้ว "ไอ้ขี้งกจำไว้เลยนะ โอ๊ย!" หมอนยัดนุ่นถูปาใส่เต็มหน้าของฟีฟ่าก่อนร่างสูงจะทิ้งตัวลงบนฟูกและนอนหันหลังให้ ภูมิมีร่างกายที่กำยำ ขนาดนอนตะแคงแผ่นฟูกยังเหลือพื้นที่แค่นิดเดียว วางหมอนข้างยังไม่ได้เลย ฟีฟ่านำหมอนที่ถูกปาใส่หน้ามาวางข้างฟูกของภูมิและนอนหันหลังให้กัน ตั้งใจจะไปนอนมุมห้องก็กลัวผี มีคนอยู่ข้าง ๆ อุ่นใจกว่าเยอะ ภาวนาให้มันไม่กลิ้งลงมาทับก็พอแล้ว "ปิดไฟด้วย!" "ปะ..เปิดไว้ไม่ได้เหรอ" ฟีฟ่าตกใจเมื่อต้องนอนปิดไฟในที่ไม่คุ้นเคย ขนาดที่บ้านเขายังต้องเปิดไฟทิ้งไว้ดวงหนึ่งเสมอ "ฉันบอกให้ปิด ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไง!" โดนเสียงดังตะคอกใส่ฟีฟ่าจึงยอมลุกขึ้น เดินบ่นอุบอิบไปปิดไฟตรงหน้าประตูและรีบวิ่งกลับมานอนยังที่เดิมอย่างรวดเร็ว ดวงตากลมลืมขึ้นในความมืดและมองไปทางหน้าต่างที่มีผ้าม่านปิดเพียงครึ่งปลิวไปมาเพราะถูกลมพัด เขาไม่กล้ามองออกไปข้างนอกเพราะกลัวจะเจออะไรดี ๆ เข้า พรุ่งนี้ปิดหน้าต่างด้วยดีกว่า ฟีฟ่านอนจินตนาการไปต่างๆ นานา ก็เกิดกลัวหนักกว่าเก่าจึงซุกหน้าลงกับหมอน หลับตาปี๋ ที่น่ากลัวแบบนี้เขาคงนอนไม่หลับแน่ ๆ คร่อกกกก...ฟรี้... เวลาล่วงไปหลังเที่ยงคืน คิดว่าจะนอนไม่หลับ ที่ไหนได้ฟีฟ่าดันหลับตั้งแต่หัวถึงหมอนแม้ว่าจะกลัวผีก็ตาม คงเพราะเหนื่อยมาทั้งวัน ต่างกับอีกคนยิ่งดึกก็ยิ่งตาสว่าง จึงทำได้แค่นอนลืมตาอยู่ในความมืดเท่านั้น "อืมม.." "จะดิ้นอะไรนักหนาวะ!" คนนอนดิ้นกลิ้งไปมาและมาหยุดอยู่ด้านหลัง หลายครั้งที่ละเมอเตะใส่ร่างสูงที่นอนอยู่บนฟูกทำให้อีกฝ่ายต้องขยับตัวหนีไปเรื่อย ๆ จนชิดผนัง ยิ่งดึกอากาศก็เริ่มเย็นขึ้นทำให้ฟีฟ่าหนาวจนต้องหาที่อบอุ่นซุกตัว ยามมีลมพัดผ่านร่องไม้ขึ้นมาทำเอาคนตัวเล็กสั่นสะท้านไปทั้งร่าง จากที่นอนกลิ้งฟีฟ่าก็เริ่มนอนขดตัว แผ่นหลังบางชนเข้ากับฟูกจึงปีนขึ้นไปด้านบนและสัมผัสเข้ากับแผ่นหลังกว้างรู้สึกถึงไออุ่นที่แผ่มาจากร่างกำยำจึงสวมกอดไว้ "เฮ้ย! ใครใช้ให้นายขึ้นมา ลงไปเดี๋ยวนี้เลยนะ!!" คนโดนเข้าข้างหลังถึงกับสะดุ้งหันมาดันตัวฟีฟ่าออกกลับถูกอีกฝ่ายกอดรัดเอาไว้แน่น ขนาดตอนตื่นยังสะบัดไม่หลุดตอนนอนหลับแทบไม่ต้องพูดถึง ฟีฟ่ากอดแน่นกว่าเก่าเสียอีก ภูมิถึงกับถอนหายใจด้วยความระอา อยู่มาจนอายุสามสิบไม่เคยมีใครกล้าทำกับเขาแบบนี้มาก่อน แต่เมื่อทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้เขาจึงยอมปล่อยอีกฝ่ายไปก่อน เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยจัดการกับไอ้เด็กโรคจิตที่คิดลวนลามเขาอีกที พ่อจะให้นอนด้านนอกซะให้เข็ด วูบ~ ไม่รู้ว่าตอนไหนที่จู่ ๆ ดวงตาคู่คมเริ่มหนักขึ้น ความรู้สึกผ่อนคลายที่ไม่ได้สัมผัสมานานทำให้ความอ่อนล้าที่สะสมมาแรมเดือนออกอาการ เปลือกตาสีอ่อนค่อย ๆ ปิดลงและผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว เช้าวันใหม่มาเยือนอย่างรวดเร็วสำหรับคนไม่ได้หลับได้นอนมาเป็นแรมเดือนอย่างภูมิ ครั้งสุดท้ายที่เขานอนหลับสนิทก็คือก่อนคุณพ่อจะเสียไปไปเมื่อครึ่งปีก่อน ดวงตาคู่คมปรือขึ้นช้า ๆ แม้แสงแดดยังไม่สาดเข้ามาในห้อง "นี่ฉันหลับไปเหรอ?" พอขยับตัวจะลุกขึ้นก็พบว่ามีร่างเล็กนอนทับอยู่บนกายแกร่ง ใบหน้าหวานหลับสบาย น้ำลายไหลเยิ้มจนชุ่มอกเสื้อ เพียงเท่านั้นเส้นแห่งความตึงเครียดผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อทันที "อะ..ไอ้โรคจิต นี่นายคิดจะลักหลับฉันเหรอ!" มือหนาจับคอเสื้อฟีฟ่าด้วยมือเดียวและเหวี่ยงออกอย่างแรง ร่างเล็กกระเด็นไปหยุดที่มุมห้องจุดเดิมกับเมื่อคืนเป๊ะ ฟีฟ่าร้องโอดครวญด้วยความเจ็บ เอะอะจับโยน เอะอะจับเหวี่ยง กว่าจะครบสองเดือนเขาได้ช้ำในตายก่อนเบญจเพสแน่ ๆ "ฮืออ..พี่ทำอะไรน่ะ ฟ่าเจ็บนะ!" "ฉันต้องถามนายมากกว่า นี่นายคิดจะลักหลับฉันใช่มั้ย!" ร่างสูงลุกขึ้นชี้หน้าฟีฟ่าด้วยความโกรธ "ลักหลับบ้าอะไร อย่าหลงตัวเองนักเลย พี่ต่างหากที่เป็นคนกอดฟ่าทั้งคืน" "ว่าไงนะ คนอย่างฉันนี่นะกอดนาย.." "ก็ใช่นะสิ!" หนึ่งชั่วโมงก่อนฟีฟ่าตื่นขึ้นเพราะปวดฉี่ ตั้งใจจะไปเอาขวดเปล่ามาฉี่เก็บไว้เพราะไม่กล้าลงไปเข้าห้องน้ำข้างล่าง พอจะลุกขึ้นเท่านั้นแหละก็ถูกแขนแกร่งกอดไว้แน่นและยังบังคับจูบปากเขาอีก "ไม่จริง! แค่คิดก็จะอ้วกแล้ว คนอย่างฉันเนี่ยนะจะกอดนาย อย่ามาโกหก" ชายหนุ่มว่าพลางทำท่าขยะแขยงฟีฟ่าเสียเต็มประดา เขาไม่เชื่อหรอกว่าคนอย่างเขาจะกอดจูบฟีฟ่าลง "ครับ ครับ พี่ไม่ได้กอด ไม่ได้จูบผมหรอกครับ เป็นผมที่ละเมอปล้ำพี่เองก็ได้" ฟีฟ่าขี้เกียจจะเถียงด้วยเพราะกลัวจะถูกส่งไปนอนคุยกับรากมะม่วงหลังบ้าน ร่างเล็กลุกขึ้นเพื่อจะลงไปเข้าห้องน้ำเพราะอั้นมานานแล้ว พอเดินไปถึงประตูก็ต้องวิ่งกลับเข้ามาอีกครั้ง "พี่ภูมิ ฟ่าปวดฉี่" "ปวดฉี่ก็ไปฉี่สิ จะมาบอกฉันทำไม!" "ก็ข้างล่างมันมืด ฟ่ากลัวผี" อยากจะถีบมันออกไปจริง ๆ แต่ก็กลัวไอ้มือตุ๊กแกจะกระโดดเกาะเอาอีก จำต้องพาลงไปห้องน้ำข้างล่าง เริ่มสงสัยว่าไอ้คนตรงหน้าใช่คนใกล้เบญจเพสจริงหรือเปล่า หรือพ่อมันจะแจ้งเกิดเร็วไปยี่สิบปีนะ "มึงนี่ภาระจริง ๆ" ถึงปากจะบ่นแต่ก็ภูมิก็ยอมพาคนกลัวผีลงไปแต่โดยดี เวลาตีสี่ท้องฟ้ายังมืดอยู่ แต่ที่นี่กลับมืดกว่าที่อื่นมากนัก ฟีฟ่าตัวติดกับภูมิไปจนถึงห้องน้ำ ซ้ำยังยืนฉี่โดยไม่ปิดประตูอีก ฉี่เสร็จมือก็ไม่ล้างและยังไปเกาะท่อนแขนแกร่งไว้ตามเดิม ถึงจะถูกมองจนตาแทบถลนแต่ก็ไม่สนใจ สำหรับเขาถึงไอ้หมอนี่จะน่ากลัวแต่ก็ไม่เท่าผีหรอก ฟีฟ่าตั้งใจจะขึ้นไปนอนต่อแต่ถูกสั่งให้ไปนั่งสมาธิ คนนอนไม่พอก็โวยวายขึ้นทันที "ผมง่วงจะตาย เอาไว้ตื่นแล้วค่อยนั่งก็ได้นี่ ไอ้สมาธิเนี่ย" "นายมาปฏิบัติธรรมนะ ไม่ได้มาเข้าค่ายลูกเสือ ถ้าไม่ทำก็กลับไปซะ!" พอโดนไล่ฟีฟ่าก็เบ้ปากใส่และยกเท้าขึ้นมานั่งขัดสมาธิอย่างเสียไม่ได้ ร่างสูงเดินไปนั่งตรงข้าม ยังไม่ทันหลับตาก็เหลือบไปเห็นบางสิ่งเข้าเต็มสองตา "ไอ้เด็กโรคจิต ทำไมถึงไม่ใส่กางเกงใน ฮะ!"[5] มาเฟียหนุ่ม "ไอ้โรคจิต ทำไมถึงไม่ใส่กางเกงใน ฮะ!" ภูมิพูดขึ้นเสียงดังพลางชี้นิ้วไปยังร่างเล็กที่นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงข้ามกัน ทั้งพยายามละสายตาจากสิ่งตรงหน้าด้วยการมองเลยไปทางด้านหลังของฟีฟ่า "แล้วพี่จะตกใจทำไมล่ะ ก็เมื่อคืนพี่เป็นคนเร่งฟ่าให้เร็ว ๆ เองนี่ ฟ่าก็ใส่ไม่ทันนะสิ แต่โล่ง ๆ แบบนี้ก็สบายดีนะ" ฟีฟ่าสวมกางเกงวิ่งขาสั้นกับเสื้อยืดตัวโคร่งซึ่งเจ้าตัวมองยังไงก็เรียบร้อย เขาลุกถกขากางเกงขึ้นจนแก้มก้นขาวโผล่ คนพี่ทนดูไม่ไหวต้องสั่งให้รีบเอาลง "อย่าถก เอาลงเดี๋ยวนี้!" เมื่อคืนฟีฟ่ากลัวโดนทิ้งจึงรีบแต่งตัวเลยไม่ทันได้สวมกางเกงชั้นใน และกางเกงวิ่งสมัยนี้ก็สั้นเหลือเกิน ขนาดไข่เล็ก ๆ ของไอ้ฟ่าก็ปิดแทบไม่มิด ไหนจะด้านข้างก็เป็นเพียงผ้าซ้อนทับกันไว้เพื่อความคล่องตัวของนักวิ่ง ตัวหนึ่งก็ไม่ใช่ถูก ๆ ซับในก็เสือกไม่มีอีก นั่งทีก็เปิดจนเห็นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว "ที่จริงมันมีกางเกงซับในนะ แต่ฟ่ารำคาญมันสีกับไข่เลยไปเอาออก" "ฉันไม่ได้ถาม ถ้านายจะใส่ไอ้กางเกงขาสั้นแบบนี้ก็สู้แก้ผ้าไปเลยไม่ดีกว่าเหรอ ไข่เล็ก ๆ ยังปิดไม่มิดเลย" "เสียมารยาท ไข่ฟ่าไม่ได้เล็ก ๆ สักหน่อย และอีกอย่างชุดนี้ก็ของ
[6]นายต้องเป็นหมอนข้างให้ฉันฟีฟ่าย่องขึ้นเรือนโดยมีเป้าหมายอยู่ที่กล่องแซนด์วิชบนโต๊ะไม้สักทอง เจ้าของนั่งหันหลังให้แบบนี้ยังไงก็ไม่มีทางเห็นแน่นอน เสร็จไอ้ฟ่าล่ะมือเล็กคว้ากล่องแซนด์วิชได้สำเร็จ ตั้งใจจะเอาลงไปกินข้างล่างเป็นมื้อเที่ยง บังเอิญเหลือบไปเห็นเห็นอกไก่ไร้ไขมันชิ้นใหญ่ในกล่องอาหารคลีนก็เกิดอยากกินขึ้นมา คิดว่าเอาไปแค่ชิ้นเดียวอีกฝ่ายคงไม่รู้หรอก "เสร็จโจร อิอิ.."มัวแต่ย่ามใจค่อย ๆ เปิดกล่องจึงไม่รู้สึกตัวว่าร่างสูงได้มายืนอยู่ด้านหลังแล้ว และกำลังมองพฤติกรรมของเขาอยู่"ทำอะไรน่ะ!"เสียงทุ้มดังขึ้นทำเอาฟีฟ่าตกใจจนแทบทำของในมือร่วง ดีที่ว่าคว้าเอาไว้ได้ทัน เขาหันกลับมามองร่างสูงและยิ้มแหย ๆ"นะ.. นั่งสมาธิเสร็จแล้วหรือครับ แฮะ ๆ""ถ้ายังไม่เสร็จฉันจะจับขโมยได้เหรอ"ร่างสูงโน้มลงต่ำและยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ ดวงตาคู่คมมองกล่องแซนด์วิชที่อยู่ในมือของฟีฟ่าและยิ้มเหี้ยม..วิ่งสิครับจะรออะไร!!ฟีฟ่าถอยหลังหนีและรีบวิ่งลงจากเรือน ยังไม่พ้นบันไดขั้นแรกก็ถูกมือหนาคว้าคอเสื้อเอาไว้ได้ นี่สินะ..ข้อเสียเปรียบของคนขาสั้น ฟีฟ่าถูกคนตัวใหญ่กว่าเหวี่ยงกระเด็นกลับขึ้นไปบนเรือน แผ่นหลังบาง
[7]สิ่งที่ติดตามมาในความมืด"วันนี้ผมคงไปช่วยหลวงปู่บิณฑบาตไม่ไหวแล้วล่ะ"ฟีฟ่าเดินเดี้ยงออกมายังชานหน้าบ้านทั้งที่ยังอยู่ในชุดนอนตัวเก่ง เวลาตีห้ากว่าแล้วแต่ท้องฟ้ายังคงมืดสนิทและไม่มีวี่แววว่าพระอาทิตย์จะขึ้นสักนิด ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าว่าตั้งแต่มาอยู่ที่นี่เหมือนเวลากลางคืนจะยาวนานกว่าปกติ"ไม่ไหวก็ไม่ต้องไป ไม่มีนายหลวงปู่ยังมีลูกศิษย์อีกเยอะ""ชิ!"ร่างเล็กทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ไม้สักทองและมองออกไปรอบตัวบ้าน กิ่งไผ่สูงท่วมหัวโอนเอนไปตามสายลมดูน่ากลัวจนต้องลุกไปนั่งอยู่ใกล้ ๆ กับภพภูมิ"เป็นอะไรอีกล่ะ""ตะ..ต้นไผ่มันโยกไปโยกมา น่ากลัวยังไงก็ไม่รู้"ดวงตาคู่คมมองออกไปตามที่ฟีฟ่าบอก แม้ไม่เห็นเป็นตัวเป็นตนแต่ก็รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร ในเมื่อต่างคนต่างอยู่เขาจึงไม่ทำอะไร และบริเวณเรือนไม้สีขาวก็ได้ทำการลงอาคมเพื่อป้องกันสิ่งเหล่านี้เอาไว้แล้ว"ถ้ากลัวแล้วจะมองทำไม กลัวมากก็มานั่งสมาธินี่"เอะอะก็จะให้นั่งสมาธิอยู่เรื่อย ไอ้ฟ่าไม่เอาด้วยหรอก แต่อีกคนไม่สนใจหลังก้มกราบสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็เข้าสู่สมาธิโดยมีฟีฟ่านั่งอยู่ข้าง ๆ คนไม่มีอะไรทำก็เริ่มง่วงขึ้นมาสุดท้ายก็ฟุบหลับไปบนตักของภพภูมิเ
[8]เพื่อนรักเพื่อนเลิฟรถสปอร์ตคันหรูเลี้ยวเข้ามาจอดยังหน้าตึกสูงและได้รับการต้อนรับอย่างดีจาก รปภ. ร่างสูงในชุดฉูดฉาดลงจากรถออกมายืนด้วยท่าทีสง่างาม มือหนาขยับแว่นตากันแดดให้เข้าที่พลางยกยิ้มด้วยความมั่นใจ ไม่สนว่าจะตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนในบริเวณนั้น ช่วงขายาวก้าวเข้าไปในตึกอย่างมาดมั่นตรงไปยังลิฟต์สำหรับผู้บริหารเพื่อขึ้นไปยังชั้นบนสุด"แต่งตัวอะไรของมึงวะไอ้เท็น ระหว่างทางหมาไม่เห่าบ้างหรือไงวะ"ผู้บริหารหนุ่มถึงกับวางมือจากเอกสารที่กำลังเซ็นอยู่และลุกขึ้นมาหาชายหนุ่ม ร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามมองอีกฝ่ายตั้งหัวจดเท้าอีกครั้ง"ทำไม? กูก็แต่งธรรมดานี่ ไม่เห็นมีอะไรแปลกเลย""เออ..ไม่แปลกก็ไม่แปลก และมึงก็เลิกสูบบุหรี่ในห้องกูได้แล้ว แม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดทีไรก็นึกว่ามีขโมยเข้ามาในห้องกูอยู่เรื่อย"ดวงตาเรียวเหยียดมองสูทลำลองสีแดงเข้มเข้าชุดกับกางเกง และไหนจะเสื้อยืดคอกว้างและลึกโชว์ขนหยิกหย็อยบนกล้ามหน้าอกกับรอยสักบนร่างกายด้านซ้าย ใครเห็นต่างก็วิ่งหนีกันหมด ถ้าลูกค้ามาเห็นว่ามีคนแบบนี้ในบริษัทของเขามีหวังความน่าเชื่อถือคงไม่เหลือ"เรื่องมากฉิบหาย ต่อให้กูไม่สูบบริษัทมึงก็ไม่น่าเ
[9]ชายปริศนาในป่าไผ่"เลิกทำหน้าแบบนั้นสักทีเถอะ เห็นแล้วกินข้าวไม่ลง"เสียงทุ้มว่าคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างกัน มองปากที่กำลังเคี้ยวข้าวตุ้ย ๆ แต่ตานี่ขวางเชียว ก็นะ..ลองมาถูกเหวี่ยงดูบ้างมั้ยล่ะ จะได้รู้ว่าเจ็บแค่ไหน นอนด้วยกันมาอาทิตย์กว่าแต่ทั้งตัวไอ้ฟ่านี่มีแต่รอยช้ำเต็มไปหมด"ไม่รู้ล่ะ ก็ใครใช้ให้พี่มาทำร้ายฟ่าก่อนล่ะ!""ก็นายอยากคิดไม่ดีกับฉันก่อนทำไม หน็อย..คิดจะลักหลับฉันเป็นครั้งที่สองเหรอ เอาไว้ชาติหน้าเถอะ วันนั้นถ้านายไม่ใช้ยาปลุก บอกไว้เลยนะว่าขนสักเส้นของฉันนายก็ไม่มีทางได้เห็นหรอก!""แหวะ..อยากเห็นตายล่ะ" ฟีฟ่าพึมพำเบา ๆ เพราะกลัวถูกเหวี่ยงลงจากเรือน ขี้เกียจเถียงด้วย ทั้งที่เมื่อคืนตัวเองนั่นแหละที่เป็นคนถอดกางเกงของเขาออกแท้ ๆแต่ก็อดสงสัยไม่ได้ กะอีแค่มีเซ็กซ์ครั้งเดียวทำไมต้องอาฆาตกันขนาดนี้ด้วยก็ไม่รู้ ฟ่าไม่เข้าใจจริง ๆ เป็นผู้ชายซะเปล่า ตัวก็ใหญ่อย่างกับควายแต่ใจแคบชะมัด ทั้งที่ตอนนั้นตัวเองก็เป็นฝ่ายได้เสียบแท้ ๆ ไอ้หัวหยิกเอ๊ย..อ้อ..อีกอย่าง บอกไว้เลยนะถ้าคืนนั้นไม่เมาจนขาดสติคนอย่างฟีฟ่าไม่มีทางทำเรื่องโง่ ๆ แบบนี้เด็ดขาดถึงจะงอนแต่ฟีฟ่าก็กินข้าวจนหมดเกลี้ยง
[10]คนหน้าคล้ายจากเหตุการณ์เมื่อคืนทำให้ฟีฟ่าไม่อยากมองหน้าภพภูมิอีกเลย คนใจดำ รู้ทั้งรู้ว่าเขากลัวผียังบังคับให้เปิดโลงดูศพและยังถีบตกฟูกอีก คิดแล้วน่าโมโหจริง ๆ คนตัวเล็กนั่งหันหลังให้ ในมือถือแซนด์วิชไข่ ปากก็เคี้ยวตุ้ย ๆ ไปด้วย"ทำหน้าแบบนี้อีกแล้ว คิดว่าน่ารักมากหรือไง"คนถูกว่าเพียงแค่เหลือกตามองและหันกลับไปกินแซนด์วิชต่อ คิดซะว่าได้ยินเสียงหมาเห่าหมาหอนละกันภพภูมินั่งไขว่ห้างพลางจิบกาแฟ มืออีกข้างก็ไถมือถือไปด้วย เห็นข้อความจากเท็นมะเข้ามา เมื่อคืนเพราะมีเรื่องวุ่นวายจึงไม่ทันสังเกตเห็น พอกดเข้าไปดูก็ขมวดคิ้วแน่น"ทำถึงขนาดนี้เชียวเหรอ"ร่างสูงลุกขึ้นและสั่งให้ฟีฟ่าไปเปลี่ยนชุดเพราะจะไปกราบหลวงปู่ด้วยกันฟีฟ่าดูดนิ้วหลังกินทุกอย่างหมดแล้ว แกล้งไปเช็ดมือกับเสื้อของภพภูมิและรีบวิ่งเข้าห้องก่อนโดนต่อย เขากลับออกมาในชุดขาวเหมือนอย่างทุกครั้ง แต่คราวนี้ภพภูมิกลับบอกให้เปลี่ยนเป็นชุดธรรมดาแทน"แล้วไม่บอกแต่แรก เสียเวลาชะมัด"ฟีฟ่าบ่นอุบและกลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง คราวนี้ออกมาในชุดทันสมัย ยิ่งทำให้คนตัวเล็กดูเด็กกว่าเก่า จากนั้นจึงตามภพภูมิไปยังกุฏิของหลวงปู่ ซึ่งท่านได้นั่งรออยู่แ
[11] พี่ภูมิ..ฟ่าอยู่นี่ ภพภูมิกลับมายังจุดนัดหมายพร้อมกับยาทาแก้ฟกช้ำ เขาบีบยาจากหลอดใส่ปลายนิ้วและป้ายลงบนแก้มแดงอย่างเบามือ "ยิ่งขี้เหร่อยู่ ระวังอย่าให้มีแผลสิ" "ฟ่าไม่ได้หาเรื่องนะ ก็ไอ้ลุงนั่นอยู่ดี ๆ ก็มาดึงแขนฟ่าไว้ เจ็บจะตาย" พอได้ยินว่าชายวัยกลางคนที่มีเรื่องกับฟีฟ่านอกจากตบหน้าแล้วยังจับแขนเอาไว้อีกก็ยิ่งโมโห อยากจะโทรหาลูกน้องคนสนิทให้ตัดมือมันทิ้งไปด้วยเลย "จะซื้ออะไรมั้ย?" "ไม่ล่ะ" ฟีฟ่าปฏิเสธเพราะราคาสินค้าของที่นี่แต่ละอย่างไอ้ฟ่าเอื้อมไม่ถึงจริง ๆ ไม่รู้ภพภูมิคิดยังไงถึงพาเขามาที่แบบนี้ "อยากได้อะไรก็ไปดู เดี๋ยวฉันซื้อให้เอง" ภพภูมิเหมือนจะรู้ความคิดของฟีฟ่า เขาจึงเสนอเป็นเจ้าภาพจ่ายเงินให้ คิดว่าเป็นค่าตอบแทนให้กับหมอนข้าง ทำเอาคนน้องตาโต คิดว่าตัวเองหูฝาดไปซะอีกจนต้องถามซ้ำอีกครั้งให้แน่ใจ "จริงเหรอ ได้ทุกอย่างเลยเหรอ!" "จริงสิ" ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล้าเปย์ให้ขนาดนี้ มีเหรอที่ไอ้ฟ่าจะพลาดโอกาสทอง ที่นี่มีของที่เขาอยากได้ตั้งหลายอย่าง ตั้งใจจะถล่มให้กระเป๋าฉีกเลย "พูดเองนะ อย่ามาบ่นทีหลังก็แล้วกัน" ฟีฟ่าเดินนำหน้าเข้าร้านนั้นออกร้านนี้เป็นว่
[1] บทนำ ณ สถานบันเทิงที่ลักลอบเปิดให้บริการจนถึงเช้า ภายในเต็มไปด้วยแสงสีและเสียงเพลงดังกระหึ่มจนต้องแหกปากตะโกนคุยกัน กลิ่นเหล้าและควันบุหรี่ลอยคละคลุ้ง แต่เหล่าบรรดานักท่องราตรียังคงสนุกกับการดื่มกินจนลืมเวลา รวมถึงฟีฟ่าที่อยู่ในอาการเมามายจนแทบจำชื่อตัวเองไม่ได้ เขากำลังวาดลีลาอยู่บนฟลอร์ด้วยท่าทางที่ดูจะแรดเกินชายไปหน่อย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังรักนวลสงวนตัวไม่ยอมให้ผู้ชายที่ไหนลากไปง่าย ๆ ฟีฟ่า ชายหนุ่มผู้มีอายุย่างจะเข้าสู่เบญจเพสในไม่ช้า คิดว่าตัวเองจะรอดจากอาถรรพ์แล้ว ที่ไหนได้ พอยิ่งใกล้วันเกิดความซวยก็ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทั้งตกงาน รถจอดอยู่เฉย ๆ ก็ถูกชนจนพังยับ ไหนจะถูกแก๊งคอลเซนเตอร์หลอกเงินไปเป็นแสนอีก ที่หนักสุดคือถูกแฟนสาวที่คบมาครึ่งปีบอกเลิกด้วยเหตุผลที่ว่าเข้ากันไม่ได้ มันไม่ได้ตรงไหนวะ! ก็ตอนเอาโคยเสียบเข้าเสียบออกหล่อนยังร้องครวญครางว่าเสียวอย่างกับจะขาดใจตายอยู่เลย แต่นั่นไม่น่าเจ็บใจเท่าตอนไปหล่อนยังขโมยของมีค่าของเขาไปอีก เจอแบบนี้จะไม่เจ็บยังไงไหว ยิ่งคิดก็ยิ่งคลุ้มคลั่งจากท่าเต้นยั่วยวนก็กลายเป็นเต้นยั่วตีนไปเสียแล้ว หลายครั้งที่ฟีฟ่าเหยียบเข้ากับเท้าข
[11] พี่ภูมิ..ฟ่าอยู่นี่ ภพภูมิกลับมายังจุดนัดหมายพร้อมกับยาทาแก้ฟกช้ำ เขาบีบยาจากหลอดใส่ปลายนิ้วและป้ายลงบนแก้มแดงอย่างเบามือ "ยิ่งขี้เหร่อยู่ ระวังอย่าให้มีแผลสิ" "ฟ่าไม่ได้หาเรื่องนะ ก็ไอ้ลุงนั่นอยู่ดี ๆ ก็มาดึงแขนฟ่าไว้ เจ็บจะตาย" พอได้ยินว่าชายวัยกลางคนที่มีเรื่องกับฟีฟ่านอกจากตบหน้าแล้วยังจับแขนเอาไว้อีกก็ยิ่งโมโห อยากจะโทรหาลูกน้องคนสนิทให้ตัดมือมันทิ้งไปด้วยเลย "จะซื้ออะไรมั้ย?" "ไม่ล่ะ" ฟีฟ่าปฏิเสธเพราะราคาสินค้าของที่นี่แต่ละอย่างไอ้ฟ่าเอื้อมไม่ถึงจริง ๆ ไม่รู้ภพภูมิคิดยังไงถึงพาเขามาที่แบบนี้ "อยากได้อะไรก็ไปดู เดี๋ยวฉันซื้อให้เอง" ภพภูมิเหมือนจะรู้ความคิดของฟีฟ่า เขาจึงเสนอเป็นเจ้าภาพจ่ายเงินให้ คิดว่าเป็นค่าตอบแทนให้กับหมอนข้าง ทำเอาคนน้องตาโต คิดว่าตัวเองหูฝาดไปซะอีกจนต้องถามซ้ำอีกครั้งให้แน่ใจ "จริงเหรอ ได้ทุกอย่างเลยเหรอ!" "จริงสิ" ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล้าเปย์ให้ขนาดนี้ มีเหรอที่ไอ้ฟ่าจะพลาดโอกาสทอง ที่นี่มีของที่เขาอยากได้ตั้งหลายอย่าง ตั้งใจจะถล่มให้กระเป๋าฉีกเลย "พูดเองนะ อย่ามาบ่นทีหลังก็แล้วกัน" ฟีฟ่าเดินนำหน้าเข้าร้านนั้นออกร้านนี้เป็นว่
[10]คนหน้าคล้ายจากเหตุการณ์เมื่อคืนทำให้ฟีฟ่าไม่อยากมองหน้าภพภูมิอีกเลย คนใจดำ รู้ทั้งรู้ว่าเขากลัวผียังบังคับให้เปิดโลงดูศพและยังถีบตกฟูกอีก คิดแล้วน่าโมโหจริง ๆ คนตัวเล็กนั่งหันหลังให้ ในมือถือแซนด์วิชไข่ ปากก็เคี้ยวตุ้ย ๆ ไปด้วย"ทำหน้าแบบนี้อีกแล้ว คิดว่าน่ารักมากหรือไง"คนถูกว่าเพียงแค่เหลือกตามองและหันกลับไปกินแซนด์วิชต่อ คิดซะว่าได้ยินเสียงหมาเห่าหมาหอนละกันภพภูมินั่งไขว่ห้างพลางจิบกาแฟ มืออีกข้างก็ไถมือถือไปด้วย เห็นข้อความจากเท็นมะเข้ามา เมื่อคืนเพราะมีเรื่องวุ่นวายจึงไม่ทันสังเกตเห็น พอกดเข้าไปดูก็ขมวดคิ้วแน่น"ทำถึงขนาดนี้เชียวเหรอ"ร่างสูงลุกขึ้นและสั่งให้ฟีฟ่าไปเปลี่ยนชุดเพราะจะไปกราบหลวงปู่ด้วยกันฟีฟ่าดูดนิ้วหลังกินทุกอย่างหมดแล้ว แกล้งไปเช็ดมือกับเสื้อของภพภูมิและรีบวิ่งเข้าห้องก่อนโดนต่อย เขากลับออกมาในชุดขาวเหมือนอย่างทุกครั้ง แต่คราวนี้ภพภูมิกลับบอกให้เปลี่ยนเป็นชุดธรรมดาแทน"แล้วไม่บอกแต่แรก เสียเวลาชะมัด"ฟีฟ่าบ่นอุบและกลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง คราวนี้ออกมาในชุดทันสมัย ยิ่งทำให้คนตัวเล็กดูเด็กกว่าเก่า จากนั้นจึงตามภพภูมิไปยังกุฏิของหลวงปู่ ซึ่งท่านได้นั่งรออยู่แ
[9]ชายปริศนาในป่าไผ่"เลิกทำหน้าแบบนั้นสักทีเถอะ เห็นแล้วกินข้าวไม่ลง"เสียงทุ้มว่าคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างกัน มองปากที่กำลังเคี้ยวข้าวตุ้ย ๆ แต่ตานี่ขวางเชียว ก็นะ..ลองมาถูกเหวี่ยงดูบ้างมั้ยล่ะ จะได้รู้ว่าเจ็บแค่ไหน นอนด้วยกันมาอาทิตย์กว่าแต่ทั้งตัวไอ้ฟ่านี่มีแต่รอยช้ำเต็มไปหมด"ไม่รู้ล่ะ ก็ใครใช้ให้พี่มาทำร้ายฟ่าก่อนล่ะ!""ก็นายอยากคิดไม่ดีกับฉันก่อนทำไม หน็อย..คิดจะลักหลับฉันเป็นครั้งที่สองเหรอ เอาไว้ชาติหน้าเถอะ วันนั้นถ้านายไม่ใช้ยาปลุก บอกไว้เลยนะว่าขนสักเส้นของฉันนายก็ไม่มีทางได้เห็นหรอก!""แหวะ..อยากเห็นตายล่ะ" ฟีฟ่าพึมพำเบา ๆ เพราะกลัวถูกเหวี่ยงลงจากเรือน ขี้เกียจเถียงด้วย ทั้งที่เมื่อคืนตัวเองนั่นแหละที่เป็นคนถอดกางเกงของเขาออกแท้ ๆแต่ก็อดสงสัยไม่ได้ กะอีแค่มีเซ็กซ์ครั้งเดียวทำไมต้องอาฆาตกันขนาดนี้ด้วยก็ไม่รู้ ฟ่าไม่เข้าใจจริง ๆ เป็นผู้ชายซะเปล่า ตัวก็ใหญ่อย่างกับควายแต่ใจแคบชะมัด ทั้งที่ตอนนั้นตัวเองก็เป็นฝ่ายได้เสียบแท้ ๆ ไอ้หัวหยิกเอ๊ย..อ้อ..อีกอย่าง บอกไว้เลยนะถ้าคืนนั้นไม่เมาจนขาดสติคนอย่างฟีฟ่าไม่มีทางทำเรื่องโง่ ๆ แบบนี้เด็ดขาดถึงจะงอนแต่ฟีฟ่าก็กินข้าวจนหมดเกลี้ยง
[8]เพื่อนรักเพื่อนเลิฟรถสปอร์ตคันหรูเลี้ยวเข้ามาจอดยังหน้าตึกสูงและได้รับการต้อนรับอย่างดีจาก รปภ. ร่างสูงในชุดฉูดฉาดลงจากรถออกมายืนด้วยท่าทีสง่างาม มือหนาขยับแว่นตากันแดดให้เข้าที่พลางยกยิ้มด้วยความมั่นใจ ไม่สนว่าจะตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนในบริเวณนั้น ช่วงขายาวก้าวเข้าไปในตึกอย่างมาดมั่นตรงไปยังลิฟต์สำหรับผู้บริหารเพื่อขึ้นไปยังชั้นบนสุด"แต่งตัวอะไรของมึงวะไอ้เท็น ระหว่างทางหมาไม่เห่าบ้างหรือไงวะ"ผู้บริหารหนุ่มถึงกับวางมือจากเอกสารที่กำลังเซ็นอยู่และลุกขึ้นมาหาชายหนุ่ม ร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามมองอีกฝ่ายตั้งหัวจดเท้าอีกครั้ง"ทำไม? กูก็แต่งธรรมดานี่ ไม่เห็นมีอะไรแปลกเลย""เออ..ไม่แปลกก็ไม่แปลก และมึงก็เลิกสูบบุหรี่ในห้องกูได้แล้ว แม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดทีไรก็นึกว่ามีขโมยเข้ามาในห้องกูอยู่เรื่อย"ดวงตาเรียวเหยียดมองสูทลำลองสีแดงเข้มเข้าชุดกับกางเกง และไหนจะเสื้อยืดคอกว้างและลึกโชว์ขนหยิกหย็อยบนกล้ามหน้าอกกับรอยสักบนร่างกายด้านซ้าย ใครเห็นต่างก็วิ่งหนีกันหมด ถ้าลูกค้ามาเห็นว่ามีคนแบบนี้ในบริษัทของเขามีหวังความน่าเชื่อถือคงไม่เหลือ"เรื่องมากฉิบหาย ต่อให้กูไม่สูบบริษัทมึงก็ไม่น่าเ
[7]สิ่งที่ติดตามมาในความมืด"วันนี้ผมคงไปช่วยหลวงปู่บิณฑบาตไม่ไหวแล้วล่ะ"ฟีฟ่าเดินเดี้ยงออกมายังชานหน้าบ้านทั้งที่ยังอยู่ในชุดนอนตัวเก่ง เวลาตีห้ากว่าแล้วแต่ท้องฟ้ายังคงมืดสนิทและไม่มีวี่แววว่าพระอาทิตย์จะขึ้นสักนิด ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าว่าตั้งแต่มาอยู่ที่นี่เหมือนเวลากลางคืนจะยาวนานกว่าปกติ"ไม่ไหวก็ไม่ต้องไป ไม่มีนายหลวงปู่ยังมีลูกศิษย์อีกเยอะ""ชิ!"ร่างเล็กทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ไม้สักทองและมองออกไปรอบตัวบ้าน กิ่งไผ่สูงท่วมหัวโอนเอนไปตามสายลมดูน่ากลัวจนต้องลุกไปนั่งอยู่ใกล้ ๆ กับภพภูมิ"เป็นอะไรอีกล่ะ""ตะ..ต้นไผ่มันโยกไปโยกมา น่ากลัวยังไงก็ไม่รู้"ดวงตาคู่คมมองออกไปตามที่ฟีฟ่าบอก แม้ไม่เห็นเป็นตัวเป็นตนแต่ก็รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร ในเมื่อต่างคนต่างอยู่เขาจึงไม่ทำอะไร และบริเวณเรือนไม้สีขาวก็ได้ทำการลงอาคมเพื่อป้องกันสิ่งเหล่านี้เอาไว้แล้ว"ถ้ากลัวแล้วจะมองทำไม กลัวมากก็มานั่งสมาธินี่"เอะอะก็จะให้นั่งสมาธิอยู่เรื่อย ไอ้ฟ่าไม่เอาด้วยหรอก แต่อีกคนไม่สนใจหลังก้มกราบสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็เข้าสู่สมาธิโดยมีฟีฟ่านั่งอยู่ข้าง ๆ คนไม่มีอะไรทำก็เริ่มง่วงขึ้นมาสุดท้ายก็ฟุบหลับไปบนตักของภพภูมิเ
[6]นายต้องเป็นหมอนข้างให้ฉันฟีฟ่าย่องขึ้นเรือนโดยมีเป้าหมายอยู่ที่กล่องแซนด์วิชบนโต๊ะไม้สักทอง เจ้าของนั่งหันหลังให้แบบนี้ยังไงก็ไม่มีทางเห็นแน่นอน เสร็จไอ้ฟ่าล่ะมือเล็กคว้ากล่องแซนด์วิชได้สำเร็จ ตั้งใจจะเอาลงไปกินข้างล่างเป็นมื้อเที่ยง บังเอิญเหลือบไปเห็นเห็นอกไก่ไร้ไขมันชิ้นใหญ่ในกล่องอาหารคลีนก็เกิดอยากกินขึ้นมา คิดว่าเอาไปแค่ชิ้นเดียวอีกฝ่ายคงไม่รู้หรอก "เสร็จโจร อิอิ.."มัวแต่ย่ามใจค่อย ๆ เปิดกล่องจึงไม่รู้สึกตัวว่าร่างสูงได้มายืนอยู่ด้านหลังแล้ว และกำลังมองพฤติกรรมของเขาอยู่"ทำอะไรน่ะ!"เสียงทุ้มดังขึ้นทำเอาฟีฟ่าตกใจจนแทบทำของในมือร่วง ดีที่ว่าคว้าเอาไว้ได้ทัน เขาหันกลับมามองร่างสูงและยิ้มแหย ๆ"นะ.. นั่งสมาธิเสร็จแล้วหรือครับ แฮะ ๆ""ถ้ายังไม่เสร็จฉันจะจับขโมยได้เหรอ"ร่างสูงโน้มลงต่ำและยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ ดวงตาคู่คมมองกล่องแซนด์วิชที่อยู่ในมือของฟีฟ่าและยิ้มเหี้ยม..วิ่งสิครับจะรออะไร!!ฟีฟ่าถอยหลังหนีและรีบวิ่งลงจากเรือน ยังไม่พ้นบันไดขั้นแรกก็ถูกมือหนาคว้าคอเสื้อเอาไว้ได้ นี่สินะ..ข้อเสียเปรียบของคนขาสั้น ฟีฟ่าถูกคนตัวใหญ่กว่าเหวี่ยงกระเด็นกลับขึ้นไปบนเรือน แผ่นหลังบาง
[5] มาเฟียหนุ่ม "ไอ้โรคจิต ทำไมถึงไม่ใส่กางเกงใน ฮะ!" ภูมิพูดขึ้นเสียงดังพลางชี้นิ้วไปยังร่างเล็กที่นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงข้ามกัน ทั้งพยายามละสายตาจากสิ่งตรงหน้าด้วยการมองเลยไปทางด้านหลังของฟีฟ่า "แล้วพี่จะตกใจทำไมล่ะ ก็เมื่อคืนพี่เป็นคนเร่งฟ่าให้เร็ว ๆ เองนี่ ฟ่าก็ใส่ไม่ทันนะสิ แต่โล่ง ๆ แบบนี้ก็สบายดีนะ" ฟีฟ่าสวมกางเกงวิ่งขาสั้นกับเสื้อยืดตัวโคร่งซึ่งเจ้าตัวมองยังไงก็เรียบร้อย เขาลุกถกขากางเกงขึ้นจนแก้มก้นขาวโผล่ คนพี่ทนดูไม่ไหวต้องสั่งให้รีบเอาลง "อย่าถก เอาลงเดี๋ยวนี้!" เมื่อคืนฟีฟ่ากลัวโดนทิ้งจึงรีบแต่งตัวเลยไม่ทันได้สวมกางเกงชั้นใน และกางเกงวิ่งสมัยนี้ก็สั้นเหลือเกิน ขนาดไข่เล็ก ๆ ของไอ้ฟ่าก็ปิดแทบไม่มิด ไหนจะด้านข้างก็เป็นเพียงผ้าซ้อนทับกันไว้เพื่อความคล่องตัวของนักวิ่ง ตัวหนึ่งก็ไม่ใช่ถูก ๆ ซับในก็เสือกไม่มีอีก นั่งทีก็เปิดจนเห็นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว "ที่จริงมันมีกางเกงซับในนะ แต่ฟ่ารำคาญมันสีกับไข่เลยไปเอาออก" "ฉันไม่ได้ถาม ถ้านายจะใส่ไอ้กางเกงขาสั้นแบบนี้ก็สู้แก้ผ้าไปเลยไม่ดีกว่าเหรอ ไข่เล็ก ๆ ยังปิดไม่มิดเลย" "เสียมารยาท ไข่ฟ่าไม่ได้เล็ก ๆ สักหน่อย และอีกอย่างชุดนี้ก็ของ
[4] คนดวงตกสองคน เมื่อได้ยินว่าเป็นคำสั่งของหลวงปู่ภูมิก็ขัดไม่ได้ จำต้องให้ฟีฟ่าอาศัยอยู่ด้วยกัน แต่ในฐานะคนมาก่อนจึงออกกฎให้ฟีฟ่าปฏิบัติตาม มิฉะนั้นจะไม่ให้อยู่ด้วย "มึงชื่ออะไร" เสียงทุ้มถามขึ้น "ฟะ..ฟีฟ่า" "พูดกับคนอายุมากกว่าให้มันดี ๆ หน่อย ถ้าไม่เชื่อฟังก็กลับไปซะ" คนอะไรแม่งขู่เก่งชะมัด สงสัยจะมีญาติเป็นงูแน่ ๆ ฟีฟ่าบ่นอุบอิบก่อนแนะนำตัวเองอีกครั้ง แม้น้ำเสียงจะไม่ได้รื่นหูแต่ก็ใช้คำที่ฟังแล้วทำให้ปลายตีนของอีกฝ่ายกระตุกน้อยสุดเป็นพอ และยังบอกคนเป็นผู้ใหญ่ว่าถ้าอยากให้คนอื่นพูดดีด้วยตัวเองก็ต้องพูดก่อนสิ โดนตอกหน้ากลับคนเป็นผู้ใหญ่ถึงกับกัดฟันกรอด เถียงไม่ออกเพราะเด็กมันพูดจริง "ว่าแต่มึง เอ๊ย! ว่าแต่นายเถอะ ไม่คิดจะบอกชื่อตัวเองบ้างหรือไง เอาแค่ถามคนอื่นแต่ชื่อตัวเองกลับไม่ยอมบอกมันเสียมารยาทนะไม่รู้หรือไง" ฟีฟ่าถือโอกาสว่ากลับไปบ้าง "ฉันชื่อภูมิ ให้นายเรียกฉันว่าพี่ภูมิ เพราะถึงยังไงฉันก็อายุมากกว่านายหลายปี" พอคำพูดเปลี่ยนก็ทำให้คนตรงหน้าดูดีขึ้นมา น้ำเสียงห้วนไม่น่าฟังก็มีเสน่ห์ขึ้น เสียงทุ้มต่ำติดแหบนิดหน่อยทำให้ฟีฟ่านึกถึงเสียงกระซิบข้างใบหูเมื่อคืนนั้นก็เกิดหน
[3] คนดวงตก "ว่าไงนะป๊า..ไม่! ฟ่าไม่ไปเด็ดขาด!" เสียงฟีฟ่าโวยวายลั่นบ้านเมื่อรู้ว่าผู้เป็นพ่อและพี่ชายจะส่งตนไปอยู่วัด เพราะเห็นว่ายิ่งใกล้เบญจเพสดวงของฟีฟ่าไม่ดีเอาเสียเลย พวกเขาจึงเอาดวงของฟีฟ่าไปให้ซินแสที่นับถือช่วยตรวจดูให้ ปรากฏว่าชะตาของฟีฟ่ากำลังจะขาด แต่ถ้าผ่านไปได้เขาจะได้โชคอันใหญ่อย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว "อย่าดื้อกับป๊านะฟ่า!" เสียงดุของพี่ชายทำฟีฟ่าสะดุ้ง และเงียบปากลงอัตโนมัติ ครอบครัวของฟีฟ่ามีกันสามคนพ่อลูก คุณแม่เสียไปตั้งแต่เขายังแบเบาะผู้เป็นพ่อจึงรักและตามใจเขามากเพื่อชดเชยที่ขาดแม่ไป ยูโร คือพี่ชายของฟีฟ่าและมีอายุห่างกันถึงห้าปี เขามีนิสัยตรงกันข้ามกับฟีฟ่าแทบจะทุกอย่างและเป็นคนเดียวในบ้านที่ฟีฟ่ากลัว เฮียยูโรทำงานอยู่บริษัทเอกชนขนาดใหญ่แห่งหนึ่งและส่งฟีฟ่าเรียนจนจบมหาลัย ส่วนป๊าเกษียณออกมาอยู่บ้านแล้ว นอกจากเงินผู้สูงอายุก็มีรายได้เล็ก ๆ น้อยจากการปลูกต้นไม้ขาย ทั้งที่อยู่เฉย ๆ ก็ไม่ลำบาก "เชื่อป๊านะฟ่า ที่ป๊ากับเฮียทำไปทั้งหมดก็เพราะหวังดีกับฟ่านะ" "ไม่นะป๊า! ไม่นะเฮีย! ทั้งสองคนก็รู้นี่ว่าฟ่ากลัวผี ป๊ากับเฮียยังจะให้ฟ่าไปอยู่วัดอีกเหรอ ถ้าป๊ากับเฮียบังค