แชร์

3. คนดวงตก

ผู้เขียน: Badberry
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-13 12:05:13

[3]

คนดวงตก

"ว่าไงนะป๊า..ไม่! ฟ่าไม่ไปเด็ดขาด!"

เสียงฟีฟ่าโวยวายลั่นบ้านเมื่อรู้ว่าผู้เป็นพ่อและพี่ชายจะส่งตนไปอยู่วัด เพราะเห็นว่ายิ่งใกล้เบญจเพสดวงของฟีฟ่าไม่ดีเอาเสียเลย พวกเขาจึงเอาดวงของฟีฟ่าไปให้ซินแสที่นับถือช่วยตรวจดูให้ ปรากฏว่าชะตาของฟีฟ่ากำลังจะขาด แต่ถ้าผ่านไปได้เขาจะได้โชคอันใหญ่อย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว

"อย่าดื้อกับป๊านะฟ่า!" เสียงดุของพี่ชายทำฟีฟ่าสะดุ้ง และเงียบปากลงอัตโนมัติ

ครอบครัวของฟีฟ่ามีกันสามคนพ่อลูก คุณแม่เสียไปตั้งแต่เขายังแบเบาะผู้เป็นพ่อจึงรักและตามใจเขามากเพื่อชดเชยที่ขาดแม่ไป

ยูโร คือพี่ชายของฟีฟ่าและมีอายุห่างกันถึงห้าปี เขามีนิสัยตรงกันข้ามกับฟีฟ่าแทบจะทุกอย่างและเป็นคนเดียวในบ้านที่ฟีฟ่ากลัว เฮียยูโรทำงานอยู่บริษัทเอกชนขนาดใหญ่แห่งหนึ่งและส่งฟีฟ่าเรียนจนจบมหาลัย ส่วนป๊าเกษียณออกมาอยู่บ้านแล้ว นอกจากเงินผู้สูงอายุก็มีรายได้เล็ก ๆ น้อยจากการปลูกต้นไม้ขาย ทั้งที่อยู่เฉย ๆ ก็ไม่ลำบาก

"เชื่อป๊านะฟ่า ที่ป๊ากับเฮียทำไปทั้งหมดก็เพราะหวังดีกับฟ่านะ"

"ไม่นะป๊า! ไม่นะเฮีย! ทั้งสองคนก็รู้นี่ว่าฟ่ากลัวผี ป๊ากับเฮียยังจะให้ฟ่าไปอยู่วัดอีกเหรอ ถ้าป๊ากับเฮียบังคับฟ่า ฟ่าจะอดชานมประท้วง คอยดู!"

ด้วยความเป็นลูกชายคนเล็กและถูกตามใจทำให้ฟีฟ่าเป็นคนค่อนข้างข้างเอาแต่ใจ ยิ่งเป็นเรื่องผีอย่าหวังว่าไอ้ฟ่าจะยอมเลย

แต่ถึงฟีฟ่าจะไม่กลัวผู้เป็นพ่อ ก็มีอีกคนที่ปราบเขาได้ นั่นก็คือเฮียยูโร พี่ชายสุดเฮี้ยบที่ดูแลเขามาแต่เด็กนั่นเอง

"ฟ่า อย่าดื้อ!"

"ป๊า..ช่วยฟ่าด้วย.."

ฟีฟ่าไม่กล้าหือกับพี่ชายจึงวิ่งไปอ้อนผู้เป็นพ่อแทน คนเป็นพ่อก็สงสารลูกเสียเหลือเกินแต่ถ้าใจอ่อนฟีฟ่าก็อาจจากเขาไปตามที่ซินแสบอก จำต้องช่วยพูดให้ลูกยอมไปอยู่วัดให้ได้

"แต่ป๊ากะเฮียทำเพื่อฟ่านะ ซินแสบอกว่าถ้าฟ่าไม่ไปอยู่วัดฟ่าจะชะตาขาด ป๊ายอมให้ฟ่าจากป๊าไปก่อนไม่ได้"

"แต่ป๊าก็รู้ว่าฟ่ากลัวผี!"

"ป๊ารู้ แต่ฟ่าต้องเชื่อป๊านะ ซินแสยังบอกอีกว่าหลังผ่านเบญจเพสไปแล้ว นอกจากจะไม่ตายแล้วฟ่ายังจะได้เจอเนื้อคู่อีกด้วย"

"อะ..อะไรนะ..เนื้อคู่เหรอ? ถ้างั้นรีบไปเลยป๊า ไปกันเดี๋ยวนี้เลย"

คนอกหักมาทั้งชีวิตอย่างฟีฟ่าพอได้ยินแบบนั้นก็หูผึ่งขึ้นมาทันที ถ้ามีเมียเขาจะลบตราบาปในคืนนั้นได้สักที ไม่คิดมากให้เสียเวลาฟีฟ่าตกปากรับคำป๊าทันที อยู่วัดแค่ไม่กี่วันไอ้ฟ่าก็จะมีชีวิตใหม่และยังมีเมียอีกด้วย แล้วแบบนี้ฟีฟ่าจะไม่ตกลงได้ยังไง

แต่ความจริง..

"ไม่นะป๊าาาา..นี่มันไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่นา..กรี๊ดดดด.."

"อย่าดื้อสิฟ่า แค่สองเดือนเองไม่นานหรอก"

ผู้เป็นพ่อและพี่ชายต่างช่วยกันลากตัวฟีฟ่าที่ดิ้นเร่า ๆ ร้องจะกลับบ้านเดินตามหลังหลวงปู่ไปทางหลังวัด เขาไม่ได้อยู่กุฏิติดแอร์เย็นฉ่ำอย่างที่คิดไว้เพราะวัดที่ป๊าพามาทำพิธีไม่ได้อยู่กลางเมืองหลวง เด็กเทพฯ อย่างเขาถูกนำมาทิ้งไว้ในที่ทุรกันดาร ไม่อยากจะเชื่อว่าจังหวัดใกล้กับกรุงเทพฯ จะมีวัดแบบนี้ซ่อนอยู่

"เดินดี ๆ สิไอ้ฟ่า ดิ้นแบบนี้เดี๋ยวป๊าก็หกล้มหรอก"

"งั้นมึงมาอยู่ที่นี่กับกูมั้ยล่ะไอ้เลิฟ!"

"มะ..ไม่ล่ะ ไว้กูจะแวะมาหามึงบ่อย ๆ แทนนะ"

ฟีฟ่าหันกลับไปมองค้อนเพื่อนเลิฟที่ช่วยถือกระเป๋ามาส่งตาเขียวปั๊ด

หลวงปู่พาทั้งหมดเดินไปทางหลังวัดซึ่งเป็นป่าช้าศพไร้ญาติ รอบ ๆ ไม่มีบ้านชาวบ้านสักหลัง เดินเท้ามาเกือบสองกิโลจึงถึงที่พักของฟีฟ่า ทุกคนหยุดนิ่งอยู่แค่ด้านล่าง ไม่มีใครกล้าขึ้นไปข้างบนสักคน

เรือนไม้สีขาวยกสูงปลูกอยู่อย่างโดดเดี่ยวกลางป่าช้า รอบ ๆ มีต้นไม้ใหญ่และหญ้ารกชัฏ ด้านหลังเป็นป่าไผ่สูงท่วมหัว ยามลมพัดกิ่งก้านเสียดสีกันเกิดเป็นเสียงคล้ายเสียงร้องโหยหวนของผีร้าย บรรยากาศยิ่งไม่ต้องพูดถึงไม่ต่างกับหนังผีที่เคยดูเมื่อตอนเด็ก แม้จะเป็นเวลาบ่ายแต่บริเวณนี้กลับมืดครึ้ม อากาศเย็นยะเยือกจนขนลุกชันโดยไม่มีสาเหตุ หลังบ้านมีหมอกควันสีขาวลอยฟุ้งจนมองเห็นเป็นเงาราง ๆ กำลังเคลื่อนไหว

"โยมไม่ได้อยู่ที่นี่คนเดียวหรอก สบายใจได้ คนที่จะทำพิธีให้โยมก็พักอยู่ที่นี่เหมือนกัน" หลวงปู่บอกกับฟีฟ่าเพื่อให้หนุ่มน้อยคลายกังวล

สบายใจกะผีน่ะสิ..ฟีฟ่าคิดในใจ อยู่ก็ตายไม่อยู่ก็ตาย ฉะนั้นเขาขอกลับไปตายที่บ้านจะดีกว่า ฟีฟ่าคิดจะวิ่งหนีกลับไปทางเดิมแต่ทำไมถึงก้าวขาไม่ออกก็ไม่รู้

"ป๊ากับเฮียกลับก่อนนะลูก"

"ไม่นะป๊า อย่าทิ้งฟ่าไว้ที่นี่คนเดียว ฟ่ากลัว!"

ฟีฟ่าสามขวบร้องจะตามป๊ากลับไปด้วยเสียงดัง ที่เขากลัวผีหนักขนาดนี้เพราะสมัยเรียนประถมเคยถูกเพื่อนแกล้งจับขังไว้ในห้องซ้อมดนตรีไทยคนเดียว กว่าครูจะตามตัวเจอก็ปาไปเกือบสองทุ่ม ตอนนั้นฟีฟ่าก็สลบไปแล้ว

ส่วนป๊าพอเห็นฟีฟ่าร้องไห้ก็วิ่งกลับเข้าไปกอด อยากจะพากลับบ้านด้วย แต่พอนึกว่าจะต้องสูญเสียลูกชายสุดที่รักไปจึงต้องทำใจแข็ง

"อดทนหน่อยนะฟ่า แค่สองเดือนเอง แล้วป๊าจะรีบมารับ"

"สะ..สองเดือนเหรอ.."

พอได้ยินว่าสองเดือนในหัวของฟีฟ่าก็ขาวโพลน เขาคิดว่าแค่สองวันซะอีก ขนาดแค่สองชั่วโมงเขาก็จะขาดใจตายแล้ว

ทุกคนฉวยโอกาสตอนที่ฟีฟ่ากำลังตกใจจนเหม่อเดินออกจากเรือนไม้ ก่อนจากไปหลวงปู่ยังได้หันไปพูดบางอย่างกับเขาด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น แววตาที่มองแฝงเจตนาบางอย่างที่ฟีฟ่าไม่เข้าใจ

"โยมเป็นผู้ก่อ ก็ต้องยอมรับผลแห่งการกระทำนั้น แต่ไม่ต้องกังวลนะ มันก็ไม่ได้เลวร้ายนักหรอก"

พูดจบหลวงปู่ก็หันหลังเดินจากไป ทั้งที่ย่างเท้าอย่างเชื่องช้าและสำรวม กลับตามกลุ่มคนตรงหน้าทันอย่างไม่น่าเชื่อ

แต่คำพูดทิ้งท้ายของหลวงปู่คืออะไรฟีฟ่าไม่เข้าใจ เขาไปก่ออะไร ก่อฝืนหรือก่อสร้าง แล้วเขาจะต้องรับอะไรกันล่ะ

ฟีฟ่าในตอนนี้ไม่มีสมองคิดหาคำตอบจากคำพูดของหลวงปู่ เขาทำได้แค่ยืนตัวสั่นกอดกระเป๋าเสื้อผ้าไว้แน่นไม่กล้าขยับตัวไปไหนเพราะกลัวจะไปรบกวนคนในหลุม มองเวลาตอนนี้ก็บ่ายสามแต่บรรยากาศราวกับหลังพระอาทิตย์ตกไปแล้ว

ยืนนานก็เมื่อยขาเขาจึงค่อย ๆ ขยับไปนั่งบนแคร่ใต้ต้นลั่นทมหรือลีลาวดี ทั้งที่มีสภาพเก่ากลับไม่มีฝุ่นจับสักนิด คล้ายมีคนทำความสะอาดอยู่ประจำ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่กล้ามองไปรอบตัวเพราะกลัวเจออะไรดี ๆ จึงหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อเล่นฆ่าเวลากลับไม่มีสัญญาณสักขีด

"แม่งเอ๊ย..ที่แบบนี้ทำไมไม่มีสัญญาณวะ!" เขาบ่นอย่างหัวเสียและนึกขึ้นได้ว่าหลวงปู่บอกว่ามีคนอยู่ที่นี่ด้วยนี่นา

"สะ..สวัสดีครับ มีใครอยู่มั้ยครับ"

ฟีฟ่าลุกขึ้นชะเง้อมองขึ้นไปบนเรือนและตะโกนเรียกเสียงเบา แต่ไม่มีเสียงขานรับกลับมาจึงนั่งกอดกระเป๋าอยู่เงียบ ๆ เพื่อรอเพื่อนร่วมบ้าน ถึงจะง่วงแต่บรรยากาศแบบนี้เขาจะหลับลงได้ยังไงกัน

คร่อกกกกกก...ฟรี้...

เวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่รู้เพราะฟีฟ่าได้หลับไปแล้ว ร่างเล็กนอนหนุนกระเป๋าอยู่บนแคร่จึงไม่ได้ยินเสียงฝ่าเท้าที่เหยียบใบไม้แห้งกำลังเดินเข้ามาใกล้และหยุดอยู่ที่เขา

ดวงตาคู่คมแต่ขอบตาคล้ำคล้ายคนอดนอนมองร่างผอมบางที่นอนหันหลังอยู่บนแคร่ รู้สึกไม่พอใจที่ถูกรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัว จึงหยิบกิ่งไม้ที่ตกอยู่ใกล้ ๆ ขึ้นมา และเขี่ยไปยังร่างนั้น

"เฮ้ย! ตื่น!"

"อืมม..อาราย..คนจะนอนอย่ามากวนสิ.."

เขี่ยเบา ๆ ไม่ยอมตื่น มือหนากำไม้แน่นและเงื้อขึ้นสูงก่อนฟาดลงไปบนก้นกลมกลึงอย่างแรงจนเจ้าของร่างถึงกับกรีดร้องและสะดุ้งตื่นเพราะความเจ็บ

โดนแค่นี้ร้องอย่างกับโดนผีเข้า นี่แค่กิ่งไม้ธรรมดานะไม่ใช่หวายลงอาคมยังร้องซะขนาดนี้

"คะ..ใครวะ อยู่ดี ๆ มาตีตูดกูทำไม มันเจ็บนะโว๊ย!"

ฟีฟ่าโวยวายลั่นลุกขึ้นมองรอบตัวเพื่อหาคนลอบทำร้าย เพราะบรรยากาศที่มืดครึ้มและกลุ่มควันที่ปกคลุมทำให้เห็นเพียงร่างเลือนราง ต่างมองหน้ากันและกันไม่ชัด

"กูต้องเป็นคนถามมากกว่าว่ามึงเป็นใคร แล้วมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!" เสียงทุ้มถามขึ้นด้วยความหงุดหงิด

"ทำไมเสียงคุ้นจังว่ะ?"

ฟีฟ่ารู้สึกเหมือนเคยได้ยินเสียงเช่นนี้ที่ไหนมาก่อน โดยเฉพาะคำพูดหยาบคายแบบนี้มันคุ้นหูชะมัด ดวงตากลมมองร่างสูงใหญ่ให้เต็มตาอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าคนหรือผี จนเมื่อมีลมพัดมาวูบหนึ่งทำให้กลุ่มควันที่จับตัวอยู่ฟุ้งกระจายออก เท่านี้แหละก็กรีดร้องออกมาทันที

"กรี๊ดดด..ผีเปรต ทำไมออกมาตอนนี้วะ ยังไม่หลังเที่ยงคืนเลย!!"

"เปรตบ้านมึงสิ!"

เจ้าของร่างสูงใหญ่รู้สึกคุ้นหูกับคำพูดกวนประสาทแบบนี้เหลือเกิน แต่คนที่กล้าพูดเช่นนี้กับเขาส่วนใหญ่ถูกฝังอยู่รอบบ้านไปหมดแล้ว และไอ้หมอนี่กำลังจะเป็นรายต่อไป

ฟีฟ่าแหงนมองคนตรงหน้าให้ชัดเมื่ออีกฝ่ายขยับเข้ามาใกล้ พอประสานสายตาเข้าด้วยกันต่างฝ่ายต่างขมวดคิ้วแน่นและตะโกนออกมาสุดเสียง

"มะ..มึง!!"

"อะ..ไอ้เด็กโรคจิต นี่มึงตามกูมาถึงนี่เลยเหรอ!"

นิ้วยาวชี้หน้าฟีฟ่าจนคนตัวเล็กกว่าต้องถอยหลังหนี ดันถอยมากไปจนเกือบจะหงายหลังตกแคร่ ดีที่อีกฝ่ายคว้าแขนไว้ได้ทันและดึงตัวกลับขึ้นมานั่งตามเดิม จำคนตรงหน้าได้ทันทีว่าคือคนเดียวกับที่วางยาปลุกและพรากพรหมจรรย์ของเขาไปในคืนนั้น

"โรคจิตที่ไหนกัน กูอายุจะยี่สิบห้าแล้ว ไม่ใช่เด็กสักหน่อย! อีกอย่างกูก็ไม่ได้ตามมึงมา อย่าสำคัญตัวเองผิดนักเลย!"

เพราะตัวเล็กและหน้าเด็กทำให้ฟีฟ่าถูกเข้าใจผิดว่าเป็นเด็กมัธยมอยู่บ่อยครั้ง และเพราะหน้าแบบนี้แหละที่ทำให้เขาโดนผู้หญิงทิ้งอยู่บ่อย ๆ

"มะ..มึงนั่นแหละที่โรคจิต อุ๊บ!"

"กูอายุมากกว่ามึงหลายปี จะพูดจาอะไรก็ระวังปากหน่อยนะ"

มือหนาบีบแก้มกลมจนปากจู๋ ฟีฟ่าร้องอู้อี้ด่าคนใช้กำลังจนฟังไม่เป็นภาษา ตัวเองอายุมากกว่ายังพูดไม่เพราะเลยแล้วยังจะหวังให้คนอื่นเขาพูดดีด้วยเหรอ ฝันไปเถอะ

เถียงกันจนบรรยากาศรอบตัวมืดลงเรื่อย ๆ อากาศก็เริ่มเย็นขึ้น ไม่ใช่เย็นแบบเปิดแอร์แต่เป็นเย็นยะเยือก

"กลับไปได้แล้ว แล้วอย่ามากูให้เห็นหน้าอีก!"

"กูก็ไม่อยากยู่ที่แบบนี้นักหรอก และยิ่งต้องมองหน้ามึงกูไปนั่งมองหน้าปลาดุกกินขนมปังที่ริมแม่น้ำยังดีกว่า แบร่~"

"อะ..ไอ้เด็กโรคจิต!"

ฟีฟ่าแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ พอเห็นอีกฝ่ายกำหมัดก็คว้ากระเป๋าวิ่งหนีทันที ถ้าต้องอยู่กับไอ้หมอนี่เขาขอไปอยู่กับผีเอาดาบหน้าดีกว่า

บรู้ววววววว..

วิ่งยังไม่พ้นเขตเรือนเสียงหมาหอนก็ดังขึ้นและยังหอนรับกันเป็นทอด ๆ ทั้งที่แถวนั้นไม่มีหมาสักตัว คนที่บอกว่าอยู่กับผีดีกว่าถึงกับกรีดร้องลั่นและวิ่งกลับไปหาร่างสูงทันที

หมับ!

"เฮ้ย! มึงจะทำอะไรวะไอ้โรคจิต ปล่อยกูนะโว้ย!"

ฟีฟ่าโยนกระเป๋าทิ้ง วิ่งไปกระโดดเกาะร่างสูงและใช้ขาเกี่ยวเอวเอาไว้ กอดคออีกฝ่ายแน่น จะสะบัดยังไงก็ไม่หลุด

"ชะ..ช่วยด้วย ผีหลอก.."

"ผีที่ไหน ไม่มี!"

"มีสิ ทำไมจะไม่มี มึงตาบอดเหรอ!"

"อ้าว..ไอ้นี่.." กลัวแล้วยังจะปากดีอีก

เมื่อฟีฟ่าไม่ยอมปล่อยเขาจึงยอมให้เกาะไปก่อน ร่างสูงเดินไปหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าของฟีฟ่าและถือขึ้นเรือนโดยกระเตงร่างบางไปด้วย เสียงน้ำหนักเท้าที่เหยียบบันไดไม้ดังเอี๊ยดอ๊าดอยู่ตลอดเวลา จนกลัวว่ามันจะหัก ยิ่งทำให้บรรยากาศน่าขนลุกกว่าเก่า

"ปล่อยกูได้แล้ว กอดอยู่ได้ ขยะแขยงฉิบหาย"

ฟีฟ่าถูกโยนลงกระแทกกับพื้น เจ็บจนก้นระบม แต่แทนที่อยู่บนเรือนแล้วจะอุ่นใจกลับขนลุกหนักกว่าเก่าเมื่อเห็นโต๊ะบูชาที่ตั้งอยู่ชานหน้าเรือน

ร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ไม้สักทองฟีฟ่ารีบคลานตามไปนั่งเกาะท่อนขาแกร่งไว้ อีกฝ่ายรำคาญจนต้องใช้เท้าอีกข้างเขี่ยออกและเอ่ยปากไล่ทันที

"ขี้กลัวแบบนี้ มึงอยู่ที่นี่ไม่ได้หรอก รีบกลับไปซะ"

"กูก็ไม่อยากอยู่นักหรอก ตะ..แต่ป๊ากับเฮีย..ฮึก ๆ ๆ"

"เฮ้ย! อย่าร้องนะมึง รีบฮึบไว้เลยนะ"

ฟีฟ่ารีบกลืนลูกสะอื้นลงคอเพราะกลัวจะโดนไล่ลงจากเรือน พลางช้อนตามองคนตัวสูงเพื่อขอความเห็นใจ

มะ..เมื่อคอฉิบหาย มึงจะสูงไปไหนวะ..

ชายหนุ่มถึงกับถอนหายใจ ในเมื่อไล่แล้วไม่ยอมไปจึงบอกให้ฟีฟ่าเล่าเรื่องที่ต้องมาอยู่ที่นี่ให้ฟังทั้งหมด พอฟังจบแทนที่จะช่วยเหลือกลับยังไล่เขาให้รีบไปอีก

"ไอ้คนเลว ไอ้คนไม่มีน้ำใจ ยังไงกูก็ไม่ไปเด็ดขาด!"

"ทำไมมึงถึงดื้อด้านแบบนี้นะ!"

ฟีฟ่าโดนลากตัวมาที่บันได จากมุมมองของเขาถ้าตกลงไปเขาคงได้ไปนอนอยู่ในหลุมหลังบ้านรวมกับศพอื่น ๆ แน่ แต่ไม่ว่าจะด่าจะขอร้องยังไงไอ้คนใจดำมันก็ไม่ใจอ่อนยอมให้เขาอยู่ด้วยสักที

"กูจะฟ้องหลวงปู่ว่ามึงไม่ให้กูอยู่ด้วย"

"หลวงปู่เหรอ?"

เอาหลวงปู่มาอ้างเหมือนจะได้ผล เมื่อมือหนาไม่จับเขาโยนลงไปเหมือนที่ตั้งใจตอนแรกแล้ว

"ก็ใช่นะสิ! หลวงปู่บอกว่าคนอยู่ที่นี่จะทำพิธีสะเดาะเคราะห์ให้กู"

ฟีฟ่ารีบพาตัวเองห่างจากบันได กลัวไอ้หมอนี่เปลี่ยนใจโยนเขาลงไปอีก

ชายหนุ่มถึงกับกุมขมับ ทำพิธีบ้าบออะไรกันตัวเขาเองก็ดวงตกถึงต้องมาอยู่ที่นี่เหมือนกัน ที่สำคัญเขาก็ไม่ได้มีวิชาอาคมสักนิด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • เมื่อผมต้องกลายเป็นหมอนข้างของมาเฟียหนุ่ม   4. คนดวงตกสองคน

    [4] คนดวงตกสองคน เมื่อได้ยินว่าเป็นคำสั่งของหลวงปู่ภูมิก็ขัดไม่ได้ จำต้องให้ฟีฟ่าอาศัยอยู่ด้วยกัน แต่ในฐานะคนมาก่อนจึงออกกฎให้ฟีฟ่าปฏิบัติตาม มิฉะนั้นจะไม่ให้อยู่ด้วย "มึงชื่ออะไร" เสียงทุ้มถามขึ้น "ฟะ..ฟีฟ่า" "พูดกับคนอายุมากกว่าให้มันดี ๆ หน่อย ถ้าไม่เชื่อฟังก็กลับไปซะ" คนอะไรแม่งขู่เก่งชะมัด สงสัยจะมีญาติเป็นงูแน่ ๆ ฟีฟ่าบ่นอุบอิบก่อนแนะนำตัวเองอีกครั้ง แม้น้ำเสียงจะไม่ได้รื่นหูแต่ก็ใช้คำที่ฟังแล้วทำให้ปลายตีนของอีกฝ่ายกระตุกน้อยสุดเป็นพอ และยังบอกคนเป็นผู้ใหญ่ว่าถ้าอยากให้คนอื่นพูดดีด้วยตัวเองก็ต้องพูดก่อนสิ โดนตอกหน้ากลับคนเป็นผู้ใหญ่ถึงกับกัดฟันกรอด เถียงไม่ออกเพราะเด็กมันพูดจริง "ว่าแต่มึง เอ๊ย! ว่าแต่นายเถอะ ไม่คิดจะบอกชื่อตัวเองบ้างหรือไง เอาแค่ถามคนอื่นแต่ชื่อตัวเองกลับไม่ยอมบอกมันเสียมารยาทนะไม่รู้หรือไง" ฟีฟ่าถือโอกาสว่ากลับไปบ้าง "ฉันชื่อภูมิ ให้นายเรียกฉันว่าพี่ภูมิ เพราะถึงยังไงฉันก็อายุมากกว่านายหลายปี" พอคำพูดเปลี่ยนก็ทำให้คนตรงหน้าดูดีขึ้นมา น้ำเสียงห้วนไม่น่าฟังก็มีเสน่ห์ขึ้น เสียงทุ้มต่ำติดแหบนิดหน่อยทำให้ฟีฟ่านึกถึงเสียงกระซิบข้างใบหูเมื่อคืนนั้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-20
  • เมื่อผมต้องกลายเป็นหมอนข้างของมาเฟียหนุ่ม   5. มาเฟียหนุ่ม

    [5] มาเฟียหนุ่ม "ไอ้โรคจิต ทำไมถึงไม่ใส่กางเกงใน ฮะ!" ภูมิพูดขึ้นเสียงดังพลางชี้นิ้วไปยังร่างเล็กที่นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงข้ามกัน ทั้งพยายามละสายตาจากสิ่งตรงหน้าด้วยการมองเลยไปทางด้านหลังของฟีฟ่า "แล้วพี่จะตกใจทำไมล่ะ ก็เมื่อคืนพี่เป็นคนเร่งฟ่าให้เร็ว ๆ เองนี่ ฟ่าก็ใส่ไม่ทันนะสิ แต่โล่ง ๆ แบบนี้ก็สบายดีนะ" ฟีฟ่าสวมกางเกงวิ่งขาสั้นกับเสื้อยืดตัวโคร่งซึ่งเจ้าตัวมองยังไงก็เรียบร้อย เขาลุกถกขากางเกงขึ้นจนแก้มก้นขาวโผล่ คนพี่ทนดูไม่ไหวต้องสั่งให้รีบเอาลง "อย่าถก เอาลงเดี๋ยวนี้!" เมื่อคืนฟีฟ่ากลัวโดนทิ้งจึงรีบแต่งตัวเลยไม่ทันได้สวมกางเกงชั้นใน และกางเกงวิ่งสมัยนี้ก็สั้นเหลือเกิน ขนาดไข่เล็ก ๆ ของไอ้ฟ่าก็ปิดแทบไม่มิด ไหนจะด้านข้างก็เป็นเพียงผ้าซ้อนทับกันไว้เพื่อความคล่องตัวของนักวิ่ง ตัวหนึ่งก็ไม่ใช่ถูก ๆ ซับในก็เสือกไม่มีอีก นั่งทีก็เปิดจนเห็นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว "ที่จริงมันมีกางเกงซับในนะ แต่ฟ่ารำคาญมันสีกับไข่เลยไปเอาออก" "ฉันไม่ได้ถาม ถ้านายจะใส่ไอ้กางเกงขาสั้นแบบนี้ก็สู้แก้ผ้าไปเลยไม่ดีกว่าเหรอ ไข่เล็ก ๆ ยังปิดไม่มิดเลย" "เสียมารยาท ไข่ฟ่าไม่ได้เล็ก ๆ สักหน่อย และอีกอย่างชุด

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-20
  • เมื่อผมต้องกลายเป็นหมอนข้างของมาเฟียหนุ่ม   6. นายต้องเป็นหมอนข้างให้ฉัน

    [6] นายต้องเป็นหมอนข้างให้ฉัน ฟีฟ่าย่องขึ้นเรือนโดยมีเป้าหมายอยู่ที่กล่องแซนด์วิชบนโต๊ะไม้สักทอง เจ้าของนั่งหันหลังให้แบบนี้ยังไงก็ไม่มีทางเห็นแน่นอน เสร็จไอ้ฟ่าล่ะ มือเล็กคว้ากล่องแซนด์วิชได้สำเร็จ ตั้งใจจะเอาลงไปกินข้างล่างเป็นมื้อเที่ยง บังเอิญเหลือบไปเห็นเห็นอกไก่ไร้ไขมันชิ้นใหญ่ในกล่องอาหารคลีนก็เกิดอยากกินขึ้นมา คิดว่าเอาไปแค่ชิ้นเดียวอีกฝ่ายคงไม่รู้หรอก "เสร็จโจร อิอิ.." มัวแต่ย่ามใจค่อย ๆ เปิดกล่องจึงไม่รู้สึกตัวว่าร่างสูงได้มายืนอยู่ด้านหลังแล้ว และกำลังมองพฤติกรรมของเขาอยู่ "ทำอะไรน่ะ!" เสียงทุ้มดังขึ้นทำเอาฟีฟ่าตกใจจนแทบทำของในมือร่วง ดีที่ว่าคว้าเอาไว้ได้ทัน เขาหันกลับมามองร่างสูงและยิ้มแหย ๆ "นะ.. นั่งสมาธิเสร็จแล้วหรือครับ แฮะ ๆ" "ถ้ายังไม่เสร็จฉันจะจับขโมยได้เหรอ" ร่างสูงโน้มลงต่ำและยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ ดวงตาคู่คมมองกล่องแซนด์วิชที่อยู่ในมือของฟีฟ่าและยิ้มเหี้ยม ..วิ่งสิครับจะรออะไร!! ฟีฟ่าถอยหลังหนีและรีบวิ่งลงจากเรือน ยังไม่พ้นบันไดขั้นแรกก็ถูกมือหนาคว้าคอเสื้อเอาไว้ได้ นี่สินะ..ข้อเสียเปรียบของคนขาสั้น ฟีฟ่าถูกคนตัวใหญ่กว่าเหวี่ยงกระเด็นกลับขึ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-20
  • เมื่อผมต้องกลายเป็นหมอนข้างของมาเฟียหนุ่ม   7. สิ่งที่ติดตามมาในความมืด

    [7] สิ่งที่ติดตามมาในความมืด "วันนี้ผมคงไปช่วยหลวงปู่บิณฑบาตไม่ไหวแล้วล่ะ" ฟีฟ่าเดินเดี้ยงออกมายังชานหน้าบ้านทั้งที่ยังอยู่ในชุดนอนตัวเก่ง เวลาตีห้ากว่าแล้วแต่ท้องฟ้ายังคงมืดสนิทและไม่มีวี่แววว่าพระอาทิตย์จะขึ้นสักนิด ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าว่าตั้งแต่มาอยู่ที่นี่เหมือนเวลากลางคืนจะยาวนานกว่าปกติ "ไม่ไหวก็ไม่ต้องไป ไม่มีนายหลวงปู่ยังมีลูกศิษย์อีกเยอะ" "ชิ!" ร่างเล็กทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ไม้สักทองและมองออกไปรอบตัวบ้าน กิ่งไผ่สูงท่วมหัวโอนเอนไปตามสายลมดูน่ากลัวจนต้องลุกไปนั่งอยู่ใกล้ ๆ กับภพภูมิ "เป็นอะไรอีกล่ะ" "ตะ..ต้นไผ่มันโยกไปโยกมา น่ากลัวยังไงก็ไม่รู้" ดวงตาคู่คมมองออกไปตามที่ฟีฟ่าบอก แม้ไม่เห็นเป็นตัวเป็นตนแต่ก็รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร ในเมื่อต่างคนต่างอยู่เขาจึงไม่ทำอะไร และบริเวณเรือนไม้สีขาวก็ได้ทำการลงอาคมเพื่อป้องกันสิ่งเหล่านี้เอาไว้แล้ว "ถ้ากลัวแล้วจะมองทำไม กลัวมากก็มานั่งสมาธินี่" เอะอะก็จะให้นั่งสมาธิอยู่เรื่อย ไอ้ฟ่าไม่เอาด้วยหรอก แต่อีกคนไม่สนใจหลังก้มกราบสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็เข้าสู่สมาธิโดยมีฟีฟ่านั่งอยู่ข้าง ๆ คนไม่มีอะไรทำก็เริ่มง่วงขึ้นมาสุดท้ายก็ฟุบห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-20
  • เมื่อผมต้องกลายเป็นหมอนข้างของมาเฟียหนุ่ม   8. เพื่อนรักเพื่อนเลิฟ

    [8] เพื่อนรักเพื่อนเลิฟ รถสปอร์ตคันหรูเลี้ยวเข้ามาจอดยังหน้าตึกสูงและได้รับการต้อนรับอย่างดีจาก รปภ. ร่างสูงในชุดฉูดฉาดลงจากรถออกมายืนด้วยท่าทีสง่างาม มือหนาขยับแว่นตากันแดดให้เข้าที่พลางยกยิ้มด้วยความมั่นใจ ไม่สนว่าจะตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนในบริเวณนั้น ช่วงขายาวก้าวเข้าไปในตึกอย่างมาดมั่นตรงไปยังลิฟต์สำหรับผู้บริหารเพื่อขึ้นไปยังชั้นบนสุด "แต่งตัวอะไรของมึงวะไอ้เท็น ระหว่างทางหมาไม่เห่าบ้างหรือไงวะ" ผู้บริหารหนุ่มถึงกับวางมือจากเอกสารที่กำลังเซ็นอยู่และลุกขึ้นมาหาชายหนุ่ม ร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามมองอีกฝ่ายตั้งหัวจดเท้าอีกครั้ง "ทำไม? กูก็แต่งธรรมดานี่ ไม่เห็นมีอะไรแปลกเลย" "เออ..ไม่แปลกก็ไม่แปลก และมึงก็เลิกสูบบุหรี่ในห้องกูได้แล้ว แม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดทีไรก็นึกว่ามีขโมยเข้ามาในห้องกูอยู่เรื่อย" ดวงตาเรียวเหยียดมองสูทลำลองสีแดงเข้มเข้าชุดกับกางเกง และไหนจะเสื้อยืดคอกว้างและลึกโชว์ขนหยิกหย็อยบนกล้ามหน้าอกกับรอยสักบนร่างกายด้านซ้าย ใครเห็นต่างก็วิ่งหนีกันหมด ถ้าลูกค้ามาเห็นว่ามีคนแบบนี้ในบริษัทของเขามีหวังความน่าเชื่อถือคงไม่เหลือ "เรื่องมากฉิบหาย ต่อให้กูไม่สูบบริ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-20
  • เมื่อผมต้องกลายเป็นหมอนข้างของมาเฟียหนุ่ม   9. ชายปริศนาในป่าไผ่

    [9] ชายปริศนาในป่าไผ่ "เลิกทำหน้าแบบนั้นสักทีเถอะ เห็นแล้วกินข้าวไม่ลง" เสียงทุ้มว่าคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างกัน มองปากที่กำลังเคี้ยวข้าวตุ้ย ๆ แต่ตานี่ขวางเชียว ก็นะ..ลองมาถูกเหวี่ยงดูบ้างมั้ยล่ะ จะได้รู้ว่าเจ็บแค่ไหน นอนด้วยกันมาอาทิตย์กว่าแต่ทั้งตัวไอ้ฟ่านี่มีแต่รอยช้ำเต็มไปหมด "ไม่รู้ล่ะ ก็ใครใช้ให้พี่มาทำร้ายฟ่าก่อนล่ะ!" "ก็นายอยากคิดไม่ดีกับฉันก่อนทำไม หน็อย..คิดจะลักหลับฉันเป็นครั้งที่สองเหรอ เอาไว้ชาติหน้าเถอะ วันนั้นถ้านายไม่ใช้ยาปลุก บอกไว้เลยนะว่าขนสักเส้นของฉันนายก็ไม่มีทางได้เห็นหรอก!" "แหวะ..อยากเห็นตายล่ะ" ฟีฟ่าพึมพำเบา ๆ เพราะกลัวถูกเหวี่ยงลงจากเรือน ขี้เกียจเถียงด้วย ทั้งที่เมื่อคืนตัวเองนั่นแหละที่เป็นคนถอดกางเกงของเขาออกแท้ ๆ แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ กะอีแค่มีเซ็กซ์ครั้งเดียวทำไมต้องอาฆาตกันขนาดนี้ด้วยก็ไม่รู้ ฟ่าไม่เข้าใจจริง ๆ เป็นผู้ชายซะเปล่า ตัวก็ใหญ่อย่างกับควายแต่ใจแคบชะมัด ทั้งที่ตอนนั้นตัวเองก็เป็นฝ่ายได้เสียบแท้ ๆ ไอ้หัวหยิกเอ๊ย.. อ้อ..อีกอย่าง บอกไว้เลยนะถ้าคืนนั้นไม่เมาจนขาดสติคนอย่างฟีฟ่าไม่มีทางทำเรื่องโง่ ๆ แบบนี้เด็ดขาด ถึงจะงอนแต่ฟีฟ่าก็กิ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-20
  • เมื่อผมต้องกลายเป็นหมอนข้างของมาเฟียหนุ่ม   10. คนหน้าคล้าย

    [10] คนหน้าคล้าย จากเหตุการณ์เมื่อคืนทำให้ฟีฟ่าไม่อยากมองหน้าภพภูมิอีกเลย คนใจดำ รู้ทั้งรู้ว่าเขากลัวผียังบังคับให้เปิดโลงดูศพและยังถีบตกฟูกอีก คิดแล้วน่าโมโหจริง ๆ คนตัวเล็กนั่งหันหลังให้ ในมือถือแซนด์วิชไข่ ปากก็เคี้ยวตุ้ย ๆ ไปด้วย "ทำหน้าแบบนี้อีกแล้ว คิดว่าน่ารักมากหรือไง" คนถูกว่าเพียงแค่เหลือกตามองและหันกลับไปกินแซนด์วิชต่อ คิดซะว่าได้ยินเสียงหมาเห่าหมาหอนละกัน ภพภูมินั่งไขว่ห้างพลางจิบกาแฟ มืออีกข้างก็ไถมือถือไปด้วย เห็นข้อความจากเท็นมะเข้ามา เมื่อคืนเพราะมีเรื่องวุ่นวายจึงไม่ทันสังเกตเห็น พอกดเข้าไปดูก็ขมวดคิ้วแน่น "ทำถึงขนาดนี้เชียวเหรอ" ร่างสูงลุกขึ้นและสั่งให้ฟีฟ่าไปเปลี่ยนชุดเพราะจะไปกราบหลวงปู่ด้วยกัน ฟีฟ่าดูดนิ้วหลังกินทุกอย่างหมดแล้ว แกล้งไปเช็ดมือกับเสื้อของภพภูมิและรีบวิ่งเข้าห้องก่อนโดนต่อย เขากลับออกมาในชุดขาวเหมือนอย่างทุกครั้ง แต่คราวนี้ภพภูมิกลับบอกให้เปลี่ยนเป็นชุดธรรมดาแทน "แล้วไม่บอกแต่แรก เสียเวลาชะมัด" ฟีฟ่าบ่นอุบและกลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง คราวนี้ออกมาในชุดทันสมัย ยิ่งทำให้คนตัวเล็กดูเด็กกว่าเก่า จากนั้นจึงตามภพภูมิไปยังกุฏิของหลวงปู่ ซึ่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-20
  • เมื่อผมต้องกลายเป็นหมอนข้างของมาเฟียหนุ่ม   11. พี่ภูมิ..ฟ่าอยู่นี่

    [11] พี่ภูมิ..ฟ่าอยู่นี่ ภพภูมิกลับมายังจุดนัดหมายพร้อมกับยาทาแก้ฟกช้ำ เขาบีบยาจากหลอดใส่ปลายนิ้วและป้ายลงบนแก้มแดงอย่างเบามือ "ยิ่งขี้เหร่อยู่ ระวังอย่าให้มีแผลสิ" "ฟ่าไม่ได้หาเรื่องนะ ก็ไอ้ลุงนั่นอยู่ดี ๆ ก็มาดึงแขนฟ่าไว้ เจ็บจะตาย" พอได้ยินว่าชายวัยกลางคนที่มีเรื่องกับฟีฟ่านอกจากตบหน้าแล้วยังจับแขนเอาไว้อีกก็ยิ่งโมโห อยากจะโทรหาลูกน้องคนสนิทให้ตัดมือมันทิ้งไปด้วยเลย "จะซื้ออะไรมั้ย?" "ไม่ล่ะ" ฟีฟ่าปฏิเสธเพราะราคาสินค้าของที่นี่แต่ละอย่างไอ้ฟ่าเอื้อมไม่ถึงจริง ๆ ไม่รู้ภพภูมิคิดยังไงถึงพาเขามาที่แบบนี้ "อยากได้อะไรก็ไปดู เดี๋ยวฉันซื้อให้เอง" ภพภูมิเหมือนจะรู้ความคิดของฟีฟ่า เขาจึงเสนอเป็นเจ้าภาพจ่ายเงินให้ คิดว่าเป็นค่าตอบแทนให้กับหมอนข้าง ทำเอาคนน้องตาโต คิดว่าตัวเองหูฝาดไปซะอีกจนต้องถามซ้ำอีกครั้งให้แน่ใจ "จริงเหรอ ได้ทุกอย่างเลยเหรอ!" "จริงสิ" ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล้าเปย์ให้ขนาดนี้ มีเหรอที่ไอ้ฟ่าจะพลาดโอกาสทอง ที่นี่มีของที่เขาอยากได้ตั้งหลายอย่าง ตั้งใจจะถล่มให้กระเป๋าฉีกเลย "พูดเองนะ อย่ามาบ่นทีหลังก็แล้วกัน" ฟีฟ่าเดินนำหน้าเข้าร้านนั้นออกร้านนี้เป็นว่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-25

บทล่าสุด

  • เมื่อผมต้องกลายเป็นหมอนข้างของมาเฟียหนุ่ม   ตอนพิเศษ - เจย์ - ภาคิน

    ตอนพิเศษ - เจย์ - ภาคินแสงสียามค่ำคืนบนถนนบันเทิงเป็นสิ่งที่คนอย่างผมโปรดปรานมากที่สุด แม้อายุจะยังไม่ถึงยี่สิบปี แต่ผมก็สามารถตะลอนหาความสนุกได้โดยอาศัยเส้นสายของภูวเดชเดชานอกจากหน้าตาที่หล่อเหลาเหนือมนุษย์แล้วด้วยความที่เป็นทายาทคนหนึ่งของตระกูลทำให้ผมเป็นที่หมายปองของนักเที่ยวราตรีอย่างล้นหลาม สเปคของผมไม่ใช่สาวสวยหรือน่ารักแต่เป็นหนุ่มหน้าหวาน ซึ่งผมไม่เคยขาดแคลนเลย แต่ที่โปรดปรานที่สุดก็คือคนสวยขาที่ร้อนแรงและพร้อมจะถ่างขาให้ผมตลอดเวลา"อื้มม..อ๊าา..คุณคิน แรง ๆ กระแทกผมให้แรงกว่านี้อีก อ๊าา.."ทุกครั้งหลังดีลกันในผับเรียบร้อยแล้วผมจะพาพวกเขาไปเริงรักต่อยังโรงแรมระดับห้าดาว ผมเปิดห้องที่มีราคาแพงที่สุดให้กับพวกเขาเพราะเสียงครางด้วยความเสียวซ่านจะช่วยกระตุ้นอารมณ์ผมจนกระเจิง บ่อยครั้งที่ผมขยับโยกอย่างรุนแรงพวกหนุ่มหน้าหวานถึงกับเข่าทรุดไม่เป็นท่า และทุกครั้งหลังเสร็จกิจผมจะมีค่าตอบแทนให้จำนวนหนึ่งเพื่อป้องกันความยุ่งยากที่จะตามมาผมจะไม่ยุ่งกับคนเดิมซ้ำเป็นหนที่สองเว้นเสียแต่ว่าเด็ดจริง ๆ ดังนั้นจึงมีหลายคนไม่พอใจกับการถูกผมเอาและทิ้งในครั้งเดียว ฉะนั้นผมจึงค่อนข้างระวังตัวเองเป

  • เมื่อผมต้องกลายเป็นหมอนข้างของมาเฟียหนุ่ม   ตอนพิเศษ - มังกร - ภีม

    ตอนพิเศษ - มังกร - ภีมเมื่ออายุครบสิบสองปีทายาทของภูวเดชเดชาจะต้องเลือกคนคุ้มกันขึ้นมาหนึ่งคน โดยคนผู้นี้จะอยู่ข้างกายเพื่อปกป้องผู้เป็นนาย ตราบลมหายใจสุดท้ายของชีวิตก๊อก ๆ"เข้ามา""ขออนุญาตครับ ท่านผู้นำเชิญคุณภีมให้ไปพบที่ห้องทำงานครับ" ร่างสูงก้มศีรษะลงอย่างนอบน้อมผมปิดหนังสือในมือลงเมื่อคนของคุณพ่อเข้ามาภายในห้องก่อนลุกขึ้นและเดินนำเขาออกไปโดยไม่พูดอะไร เมื่อไปถึงก็พบคุณพ่อ อาธีร์ นั่งอยู่บนโซฟา ภายในห้องนั้นยังมีเด็กชายอายุรุ่นราวคราวเดียวกับผมอยู่อีกหนึ่งคน"คุณพ่อต้องการพบผม มีอะไรหรือเปล่าครับ"?"นั่งก่อนสิ"ผมเข้าไปนั่งข้างคุณพ่อ มือหนาวางลงบนศีรษะอย่างอ่อนโยนก่อนหันไปเรียกเด็กชายคนนั้นเพื่อมาแนะนำให้ผมรู้จัก"นี่คือมังกร เขาจะมาเป็นผู้คุ้มกันของลูก ลูกคิดว่าเป็นยังไงบ้างล่ะ"ผมมองสำรวจเด็กชายที่มีอายุเท่ากันตั้งแต่หัวจดเท้าก่อนลุกขึ้นประจันหน้า ส่วนสูงของเขาทำให้ผมถึงกับต้องขมวดคิ้ว คนอายุรุ่นราวคราวเดียวกับผมน้อยคนนักที่จะมีส่วนสูงมากกว่า ไหนจะกล้ามเนื้อที่โตเกินวัยและผิวที่คล้ำแดดนั่นอีก"ผมยังไงก็ได้ครับ" ผมตอบคุณพ่อไปมังกรไม่ใช่เด็กคนแรกที่คุณพ่อพามาให้ผมเลือก ก่อนห

  • เมื่อผมต้องกลายเป็นหมอนข้างของมาเฟียหนุ่ม   ตอนพิเศษ - เรือนไม้สีขาว

    ตอนพิเศษ - เรือนไม้สีขาว..พ่อยอดขวัญยอดดวงใจของพี่แก้ว พี่จะรอพ่ออยู่ ณ ที่แห่งนี้ ตลอดไป..สายลมพัดเอื่อยผ่านมาทางเรือนไม้สีขาว กระทบกระดิ่งลมเกิดเป็นเสียงกังวานฟังเพราะเสนาะหูเรือนไม้สีขาวหลังน้อยปลูกอยู่อย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางแมกไม้นานาพันธุ์ โดยเฉพาะแก้วเจ้าจอมที่ส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่ว ด้านหลังเป็นป่าไผ่ต้นสูงท่วมหัว ถัดออกไปมีบึงน้ำขนาดใหญ่ผ่านอยู่ไหลสายหนึ่งด้วยสุขภาพที่ไม่แข็งแรงทำให้ผมต้องมาอาศัยอยู่ ณ สถานที่แห่งนี้เพียงลำพัง อากาศที่บริสุทธิ์จะช่วยให้อาการป่วยของผมไม่หนักหนาเหมือนตอนอยู่พระนครในแต่ละวันของผมผ่านไปอย่างเชื่องช้าและเงียบเหงานอกจากอ่านตำราและวาดภาพ การไปเดินเล่นริมบึงหลังป่าไผ่ยังไม่สามารถคลายความเบื่อหน่ายนี้ลงไปได้ทิวาผันผ่านล่วงเข้าสู่รัตติกาลแห่งวัน ณ ที่แห่งนี้ยังคงมีเพียงผมเช่นเดิม ผมเคยคิดอยู่บ่อยครั้งว่าจะต้องจบชีวิตอยู่ที่เรือนสีขาวแห่งนี้เพียงลำพัง แต่อย่างน้อยก่อนจะถึงวันนั้นขอให้ความอ้างว้างในใจผมได้เบาบางลงสักนิดก็ยังดีและในที่สุดคำขอก็เป็นจริง เมื่อวันหนึ่งสายลมได้พัดพาคนผู้นั้นเข้ามาในชีวิตของผม"เห็นเดินมาทางนี้นี่นา หายไปไหนแล้วล่ะ""ทางนั้

  • เมื่อผมต้องกลายเป็นหมอนข้างของมาเฟียหนุ่ม   23. คิดถึงนะ |END.|

    [23] คิดถึงนะ "มองอะไรอยู่ไอ้ฟ่า ไปกันได้แล้ว" เลิฟเรียกฟีฟ่าที่เอาแต่ยืนมองไปรอบกุฏิของหลวงปู่ ทั้งที่คนอื่น ๆ นั่งรออยู่ในรถกันหมดแล้ว หลังกราบลาหลวงปู่และได้รับพรมาชุดใหญ่ทุกคนจึงเดินทางกลับกรุงเทพฯ คิดว่าฟีฟ่าจะกระดี๊กระด๊ารีบไปให้ไว ที่ไหนได้กลับอิดออดไม่ยอมขึ้นรถสักที "จะไม่มาส่งจริง ๆ เหรอเนี่ย" ฟีฟ่าเริ่มถอดใจเมื่อไม่เห็นเงาหัวของภพภูมิโผล่ออกมาให้เห็น จนได้ยินเสียงเพื่อนเลิฟตะโกนเรียกอีกครั้งจึงรีบเดินไปขึ้นรถ เพราะหากมีครั้งที่สามจะต้องเป็นเสียงเฮียยูโรแน่ "ไอ้คนใจดำ จำไว้เลย ถ้ามาง้อทีหลังไอ้ฟ่าจะไม่ให้ยกโทษให้แน่ คอยดูสิ!!" เขาต่อว่าภพภูมิก่อนมุดตัวเข้าไปในรถและยังแช่งให้คนพี่นอนไม่หลับ ตั้งใจว่าต่อไปจะไม่เป็นหมอนข้างให้อีกแล้ว ยูโรขับรถพาทุกคนมุ่งหน้าเข้าสู่กรุงเทพฯ ตลอดทางราบรื่นไร้อุปสรรค ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงบ้านสวนบรรยากาศร่มรื่นที่มีพื้นที่เล็ก ๆ ไว้สำหรับปลูกต้นไม้ขาย ฟีฟ่าฝากให้ป๊าช่วยปลูกต้นไผ่ที่ได้รับมาไว้ที่หลังบ้าน ซึ่งจุดนั้นตรงกับระเบียงห้องของยูโรพอดี ราวกับถูกจัดเตรียมไว้ล่วงหน้า แม้ไม่ชอบใจแต่ยูโรก็ไม่ได้ขัดอะไร "วันนี้ไม่ออกไปสมัครงานเหรอ

  • เมื่อผมต้องกลายเป็นหมอนข้างของมาเฟียหนุ่ม   22. ลาก่อนเรือนไม้สีขาว

    [22] ลาก่อนเรือนไม้สีขาว ภพภูมิยืนอยู่ท่ามกลางวงล้อมของกลุ่มมือปืนที่ต่างกำลังจดจ่อวัตถุสีดำมาทางเขา มือหนากำแน่นจนสั่นด้วยความเจ็บใจที่มองไม่เห็นหนทางที่จะช่วยฟีฟ่าเพราะตอนนี้แม้แต่ตัวเองยังเอาไม่รอดเลย "เจอกันชาติหน้านะครับคุณภพ ป่านนี้คุณพ่อคุณคงรอจนเมื่อยแล้ว" รอยยิ้มเหี้ยมปรากฏขึ้นบนใบหน้าของธีร์ก่อนจะสั่งให้ลูกน้องกระหน่ำยิงคนตรงหน้า เมื่อตอนรถตกเหวไปพร้อมกับอดีตนายใหญ่ยังอุตส่าห์รอดชีวิตมาได้ คราวนี้ถ้าไม่ตายก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว "อย่ายิงนะ..พี่ภูมิ!!" ฟีฟ่าตะโกนห้ามแต่ไม่ทันเสียแล้ว สมุนของธีร์ลั่นไกแทบจะพร้อมกัน โดยมีเป้านิ่งคือภพภูมิ ปัง! ปัง! ปัง! เอี๊ยดดดดด!! เสียงปืนรัวขึ้นดังจนหูแทบดับแต่ช้ากว่ารถยนต์ติดกระจกกันกระสุนที่ขับพุ่งเข้ามาขวางด้านหน้าของภพภูมิเอาไว้ ร่างสูงย่อตัวลงเพื่อหลบคมกระสุนที่ยิงเลยหลังคารถมาได้อย่างหวุดหวิด "รอพี่นานมั้ยจ๊ะที่รัก" คนในรถลดกระจกลงพลางยักคิ้วข้างหนึ่งทักทายภพภูมิ มือหนาดันแว่นตากันแดดขึ้นพลางขยิบตาให้ "เงียบปากไปเลยไอ้เท็นมะ แล้วไอ้เจย์ล่ะ!" "ไอ้เจย์ไปจัดการข้างบนแล้ว เห็นมันว่าจะไปดูหน้าเมียมันด้วย ช่วงนี้ได้ข่าวว่าติดเ

  • เมื่อผมต้องกลายเป็นหมอนข้างของมาเฟียหนุ่ม   21. คนบงการ

    [21] คนบงการ"ผมขอเสนอให้คุณธีร์เป็นผู้นำคนต่อไป"เสียงทุ้มพูดชัดเจนทำให้เกิดเสียงฮือฮาขึ้นภายในห้องประชุมขนาดใหญ่ ธีร์แสดงท่าทีลำบากใจเมื่อถูกคะยั้นคะยอให้ยอมรับ ฝ่ายที่สนับสนุนธีร์ต่างแสดงเจตจำนงชัดเจนว่าเขาเหมาะสมกับตำแหน่งนี้ที่สุดทางด้านฝ่ายที่สนับสนุนอดีตนายใหญ่ต่างหันมองกันด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าจะมีคนกล้าเสนอชื่อธีร์ให้ขึ้นเป็นผู้นำคนต่อไป แต่เสียงของผู้ที่สนับสนุนเขาก็ยังดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง"ผมเห็นด้วยที่จะให้คุณธีร์เป็นผู้นำคนใหม่""ผมก็เหมือนกัน""ทุกท่านกรุณาคิดให้ดี ๆ ก่อนนะครับ ผมคิดว่าตัวผมไม่มีความสามารถขนาดนั้นหรอกนะครับ" ธีร์ลุกขึ้นยืนและบอกทุกคนในห้องอย่างถ่อมตนในขณะที่หลายคนพยายามผลักดันให้เขาขึ้นรับตำแหน่งให้ได้"คุณธีร์ติดตามอดีตนายใหญ่มานาน ฝีไม้ลายมือย่อมดีกว่าพวกเด็กเมื่อวานซืนเยอะ เพื่อความก้าวหน้าของพรรค ผมขอสนับสนุนคุณธีร์อีกเสียงครับ""ใช่แล้ว ถ้าไม่ใช่คุณธีร์ก็ไม่มีใครเหมาะสมแล้ว"ฝ่ายที่เชียร์ธีร์ต่างส่งเสียงสนับสนุนเขาเต็มที่ เมื่อเทียบกับคนที่ไม่เห็นด้วยแล้วมีจำนวนมากกว่าทำให้ฝ่ายสนับสนุนอดีตนายใหญ่ต้องนั่งเงียบ อยากจะลุกจากเก้าอี้แต่ก็อยากรู้ข้อความ

  • เมื่อผมต้องกลายเป็นหมอนข้างของมาเฟียหนุ่ม   20. ผู้นำคนใหม่

    [20] ผู้นำคนใหม่เช้าวันใหม่มาถึงนานแล้วแต่ทั้งภพภูมิและฟีฟ่าก็ยังไม่ลุกจากเตียง จนเมื่อเวลาล่วงไปใกล้เที่ยงฟีฟ่าจึงได้ลืมตาตื่นเพราะท้องร้องเสียงดังจนนอนไม่หลับ ตั้งใจจะลงไปหาอะไรกินข้างล่าง พอขยับตัวเท่านั้นแหละความปวดร้าวก็แล่นไปทั้งร่าง"อ๊ะ..โอ๊ย!' ทำไมปวดไปทั้งตัวแบบนี้ล่ะ?"มือเล็กจับลงที่สะโพก ครั้นพอเหลือบไปเห็นท่อนแขนแกร่งพาดอยู่ที่เอวก็ขมวดคิ้วแน่น สงสัยว่าภพภูมิกลับบ้านมาตอนไหนและตัวเองขึ้นมานอนบนห้องได้ยังไง ความทรงจำสุดท้ายจำได้ว่ากำลังดื่มกินอยู่กับลูกน้องของภพภูมิอยู่ที่หน้าหอพักนี่นา"ฉิบหายแล้ว"ฟีฟ่าทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานอีกครั้งและจำทุกอย่างได้ทั้งหมด ตายแน่ไอ้ฟ่าคราวนี้เอ็งไม่รอดแน่ ๆ คิดพลางยกแขนแกร่งที่ทับอยู่ออกและค่อย ๆ ย่องลงจากเตียงก่อนถูกถีบลงมา"จะไปไหน!""พี่ภูมิฟ่าขอโทษ ฟ่าไม่ได้ตั้งใจ"ฟีฟ่าทิ้งตัวคุกเข่าลงกับพื้นเมื่อได้ยินเสียงทุ้ม ก้มศีรษะลงเพื่อขอโทษด้วยความสำนึกผิด เผื่อว่าโทษหนักจะเบาบางลง นิดหน่อยก็ยังดี"ลุกขึ้น ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรสักคำ"มือหนาฉุดฟีฟ่าให้ยืนขึ้นและเปลี่ยนเป็นอุ้มในท่าเจ้าสาว ไม่ต่อว่าอะไรสักคำทำเอาระแวงไปหมดจู่ ๆ มาท

  • เมื่อผมต้องกลายเป็นหมอนข้างของมาเฟียหนุ่ม   19. แมวไม่อยู่หนู(ฟ่า)ร่าเริง

    [19] แมวไม่อยู่หนู(ฟ่า)ร่าเริงผัว เอ๊ย! แมวไม่อยู่หนูฟ่าก็ร่าเริงเลยสิคะหลังรถของภพภูมิขับพ้นประตูรั้วออกไปแล้วฟีฟ่าก็ขอให้คิรินพาไปที่สระว่ายน้ำ ถึงเขาจะไม่ชอบออกกำลังกายแต่การว่ายน้ำก็เป็นกีฬาที่เขาโปรดปรานที่สุด ฟีฟ่าว่ายน้ำมาตั้งแต่เรียนชั้นประถมทำให้มีกล้ามเนื้อที่สวยงาม ในขณะที่เพื่อนร่วมรุ่นต่างตัวสูงกันหมด มีเพียงเขาที่สูงหนึ่งร้อยหกสิบเจ็ดจุดหนึ่งเซนติเมตรเท่านั้น"มึงเป็นใครวะ นี่ไม่ใช่สนามเด็กเล่น ถ้าไม่อยากตายก็ออกไป!!"พอมาถึงสระว่ายน้ำชายฉกรรจ์ที่อยู่ด้านหน้าก็เข้ามาขวางไม่ให้ฟีฟ่าเข้าไปด้านใน และยังมองด้วยสายตาน่ากลัว ดีที่คิรินตามมาถึงพอดี"คุณฟีฟ่าเป็นแขกของคุณภพ ถ้าพวกแกไม่อยากโดนทำโทษก็หลบไป!" คิรินที่แสนจะสุภาพพออยู่ต่อหน้าคนพวกนี้ก็เปลี่ยนไปราวคนละคน น้ำเสียงและบุคลิกน่ายำเกรงทำให้ใบหน้าราวนายเอกซีรีส์วายดูสมชายขึ้น"ขอโทษครับคุณคิริน ขอโทษครับคุณฟีฟ่า เชิญด้านในเลยครับ"ชายฉกรรจ์ร่างกำยำรีบก้มศีรษะขอโทษฟีฟ่า นอกจากผู้เป็นนายแล้วคนสนิทของพวกเขาก็มีฐานะที่พิเศษกว่าคนอื่น ๆ ภายในพรรคเช่นกันเป็นคนพิเศษนี่มันดีอย่างนี้นี่เอง ฟีฟ่ายิ้มเหนือเดินนำหน้าคิรินเข้าไปด้านใ

  • เมื่อผมต้องกลายเป็นหมอนข้างของมาเฟียหนุ่ม   18. ไล่ล่า

    [18] ไล่ล่ารถยนต์หรูขับอยู่ลำพังบนถนนที่ค่อนข้างเปลี่ยว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาใช้เส้นทางนี้ แต่วันนี้กลับรู้สึกไม่คุ้นชินเอาเสียเลยและตลอดทางก็ไม่มีรถขับสวนมาสักคันทั้งที่เป็นขาเข้ากรุงเทพฯร่างสูงนั่งอยู่เบาะด้านหลัง ใบหน้าเรียบเฉยแม้ในใจจะขุ่นเคืองเพราะถูกยกเลิกนัดกะทันหัน เล่นมาบอกเอาตอนใกล้ถึงที่หมายแล้วนี่นะ ไม่รู้จริง ๆ ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ ถ้าไม่ติดว่าเป็นผู้ใหญ่ที่นับถือกันมาตั้งแต่สมัยคุณพ่อคงได้มีเรื่องกันไปแล้วขณะพยายามสงบใจดวงตาคู่คมได้มองออกไปนอกหน้าต่าง เขาใช้ถนนเส้นนี้ในเวลากลางคืนอยู่บ่อยครั้ง ไม่มีครั้งไหนที่เงียบและวังเวงเท่านี้มาก่อน"มีอะไรเหรอมังกร?"เสียงทุ้มถามขึ้นเมื่อเห็นคนสนิทที่รับหน้าที่ขับรถสอดส่ายสายตาไปมารอบตัวอยู่หลายครั้ง สีหน้าก็ดูเคร่งเครียดกว่าปกติ เหงื่อแตกเต็มใบหน้าทั้งที่แอร์ภายในรถเย็นเยียบ"ผมรู้สึกว่าบรรยากาศมันแปลก ๆ ยังไงคุณภีมระวังตัวไว้หน่อยก็ดีนะครับ"มังกรบอกกับผู้เป็นนายและใช้ความเร็วลดลงเพราะไฟส่องทางที่สว่างมาตลอดจู่ ๆ ได้ดับลงทีละดวงจนในที่สุดรอบตัวของทั้งสองก็ถูกปกคลุมด้วยความมืด มีเพียงแสงจากไฟหน้ารถที่สาดไปด้านหน้าเท่า

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status