“ทำไม องครักษ์ไม่ได้ตามตัวไท่จือไปอยู่แล้วหรือ”
“ไท่จือนิยมไปไหนเพียงลำพัง”
“ทำไมนิยมไปไหนเพียงลำพังแบบนั้น ไม่เรียกว่าหนีไปหรือไร”ซงยี่ถอนหายใจ
(“หนีก็ได้ พ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยจนมุมแล้วไท่จือชอบหนีไปเที่ยว”) ความคิด
“ไม่เรียกว่าหนีไหนเมื่ออีกไม่นานไท่จือจะกลับมาอย่างแน่นอน”ใจคิดอีกอย่างแต่ ปากกลับพูดไปอีกอย่างที่ถอนหายใจเพราะเบื่อระอากับความเสแสร้งของตัวเอง
“เช่นนั้นอิงเผย รอได้คงต้องรอจนกว่าไท่จือจะกลับมา”
แม้จะกระหน่ำกินกุ้งย่างจิ้มน้ำจิ้มชวงเจียจนอิ่มแปล้แต่ทว่ากลิ่นหอม ของแกงมันเทศกับกุ้งสีสดในน้ำแกงสีเหลืองที่ลอยอบอวล มันเทศหั่นชิ้นสี่เหลี่ยมพอคำที่เปื่อยนุ่ม สีม่วงตัดกันกับกุ้งสีส้มขาว ส่งกลิ่นหอมคละคลุ้งไปทั่วโต๊ะกับข้าว ฮูหยินตักข้าวให้ทุกคนยกเว้นจูเจี่ย
“เจ้าจะต้องมีความหักห้ามใจ แม่ให้เจ้าตักข้าวเองจะได้รู้ว่า ความพยายามของเจ้ามีมากเพียงใด หากอยากจะผอมให้เร็วก็ตักแต่น้อยแต่ถ้าอยากจะผอมให้ช้าก็ตักให้มาก หรือจะไม่อยากผอมก็ตักเท่าๆ กับคนอื่น”แป๋มสุดลมหายใจเข้าลึกๆ คว้าทัพพีไม้ไผ่มาตักขาวสวยร้อนๆ เพียงทัพพีเดียว
“ท่านแม่จูเจียกินกับเล่นไม่อ้วนหรือไร”
“มันเทศกินเข้าไปก็อิ่ม ส่วนกุ้งไม่มีไขมันเท่าที่ควร เมื่อเรารับประทานเข้าไปแล้วจะช่วยทำให้รู้สึกอิ่มเร็วและอิ่มนาน ทำให้ไม่อยากรับประทานอาหารอื่นๆเพิ่มเติม มันจึงเป็นตัวช่วยที่ดีในการช่วยลดน้ำหนักทางอ้อมได้ มีส่วนช่วยชะลอวัย บำรุงผิวพรรณ ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสวยงามได้ หากว่ามันเทศจะดีเช่นนี้แม่ว่าจูเจี่ยคงไม่อยากจะกินอย่างอื่นแล้ว”
ท่านเจ้าบ้านเฉินยิ้มตักมันเทศเข้าปากเคี้ยว แป๋มใช้ช้อนไม้ตักเนื้อมันเทศเข้าปากบ้าง รสชาติหวานนุ่มน้ำแกงรสเผ็ดและเค็มซึมเข้าไปในเนื้อมันเทศ ผสมกับกลิ่นเครื่องเทศแทรกซึมเข้าไปจนรู้สึกถึงความลงตัว ในแต่ละคำที่เคี้ยวลงไปให้รสชาติสม่ำเสมอละลายในปาก แป๋มยิ้มย้อนเวลามาถูกที่เสียจริง รสชาติอาหารถูกปากจนไม่อยากจะกลับไปเสียแล้ว เสี่ยวซงตักเนื้อมันเทศเข้าปากบ้างคิ้วขมวดเข้าหากัน ด้วยความสงสัย
“ปกติมันเทศใช้ทำของหวานโดยเฉพาะ ไม่น่าเชื่อว่าท่านป้าจะนำมันมาทำอาหารคาวได้รสดีเพียงนี้”
“เนื้อของมันเทศ ดูดซับ รสชาติต่างๆ ได้ดีไม่ว่าจะหวานหรือเค็ม ฉะนั้นอาหารคาวที่ทำจากมันเทศจึงให้ความลงตัวมาก ตามธรรมดาคนส่วนมากจะไม่นิยมนำมาทำของคาวเพราะเชื่อว่านำมาเป็นทำอาหารหวานดีกว่า แต่เมื่อได้ลองชิมจะเปลี่ยนใจในทันทีเพราะมันเทศไม่ว่าจะทำอาหารหวานหรือคาวล้วนลงตัวที่สุด”
“ท่านแม่มันเทศมีประโยชน์ใดอีกบ้าง”อยู่ๆ ก็อยากรู้
“ยังเป็นยาระบายช่วยลดอาการท้องผูก ขับพิษรักษาโรคตาที่มองไม่เห็นในที่มืดบำรุงกำลังอันนี้ต้องถามพ่อของเจ้า เขาชอบกินมันเพราะช่วยเพิ่มกำลังวังชา ส่วนจูจิ้นกินมันเทศเข้าไปมากเขาจึงความจำดี และหลับสบายทั้งคืน แต่ก่อนเจ้าไม่ชอบกินอะไรแบบนี้ แม้แม่จะคะยั้นคะยอก็ตามจูเจี่ยนับว่าเจ้าเปลี่ยนไปจริงๆ ”
แป๋มยิ้ม ก็แหง๋ล่ะ ที่โลกปัจจุบันอะไรก็แพงผักตอนนี้แพงกว่าหมูด้วยซ้ำไป อีกทั้งอาหารจำพวกเนื้อสัตว์หาทานได้ง่ายกว่าและไม่ยุ่งยากมีขายทั่วไปจนกลายเป็นสร้างนิสัยให้คนทั่วไปนิยมอาหารปิ้งย่าง และของที่มีไขมันสูง แปลกพอนึกถึงอาหารย่างเนยของทอดหรือปิ้งย่าง ปกติแป๋มจะต้องน้ำลายไหล แต่ตอนนี้กลับรู้สึกเฉยๆ กับมันหรือเป็นเพราะอาการเหล่านี้ที่กินอยู่ในตอนนี้รสดีกว่าสดกว่า
“จูเจี่ยอยากความจำดีกับฉลาดเหมือนข้าก็ต้องกินมันเทศกับเนื้อปลาเยอะๆ ปกติจูเจี่ยชอบกินไก่กับหมูจนอ้วนเหมือนหมูพวกนั้น”
“เจ้าค่ะนายท่านต่อไปแป๋ม...เอ่ยจูเจี่ยคนนี้จะกินในแบบที่จูจิ้นชอบกินจะได้คิดคำตอบโต้ที่เจ็บๆ คันๆ ตอบโต้จูจิ้นได้ไม่ด้อยไปกว่ากัน”
เสียงหัวเราสอดประสานเสี่ยวซงอมยิ้ม คิดถึงความสัมพันธ์กับพ่อและแม่ของตัวเองที่ไม่มีความอบอุ่นเหมือนดังเช่นตระกูลเฉิน
“นอนกันได้แล้ว อากาศหนาวพรุ่งนี้พ่อจะพาพวกเจ้าไปหาหน่อไม้มาเตรียมไว้ส่งเข้าวังหลวงและมาเก็บไว้เป็นเสบียงต่อไป ต้องเดินขึ้นเขานานหน่อยจูเจียจะไม่ไปก็ได้ เพราะปกติก็ไม่ไป แต่คราวนี้พ่ออยากให้ไปจะได้ช่วยให้ ร่างกายเข้าที่ใช้งานร่างกายเสียบ้างเจ้าจึงจะมีร่างผอมบางอย่างที่ต้องการ”
“หนูเอ๊ย ...ข้าอยากไปท่านพ่อให้ข้าไปด้วย”แป๋มรีบแสดงความจำนงกลัวว่าเขาจะไม่ให้ไป จูเจี่ยนี่ก็คงทำตัวเหมือนเแป๋มไม่มีผิดเพี้ยนกินนอน ไม่ยอมช่วยทำอะไรตอนนี้กลายเป็นนิวส์ จูเจี่ย
อากาศเหน็บหนาวยามค่ำคืน แป่มนอนขดตัวผ้าห่มมีน้อยผืน แล้วอากาศยิ่งหนาวถึงเพียงนี้ใครกันจะทนไหวเกลียดอากาศหนาวที่สุด
เสี่ยวซง เร้นกายออกจากห้อง
“ไท่จือ ข้าน้อยมารับตัวไท่จือกลับตามบัญชาของฝ่าบาท”ร่างูสูงชะลูดที่ด้านหลังมีกระบี่โผล่ออกมาให้เห็น
“ยังไม่อยากกลับ”
“ฝ่าบาททรงห่วงใยไท่จือไม่น้อย”
“เสแสร้งเลิกหลอกล่อข้าด้วยคำพูดเหล่านี้ไปได้แล้วจงต้าหมิง กี่ปีแล้วที่ใช้คำพูดเหล่านี้ให้ข้ายังต้องอยู่ในกรอบเช่นที่ผ่านมา”
“ไท่จือได้โปรดองค์หญิงแคว้นใต้กำลังจะมาอภิเษกเป็นไท่จือเฟย”
“นั่นคือกรอบที่ข้าถูกตีไว้อีกใช่หรือไม่ ข้าอยู่ที่นี่ได้เห็นความรักความผูกพันของคนในตระกูลเฉินล้วนไม่มีการตีกรอบบังคับไม่ว่าใครตั้งใจทำสิ่งใดล้วนแล้วแต่ความสมัครใจ”
“ฝ่าบาทเป็นฮ่องเต้ ไท่จือเป็นไท่จือ ชาติกำเนิดยิ่งใหญ่ ความรับผิดชอบก็ยิ่งใหญ่พวกเขาแค่ปลูกผักเลี้ยงสัตว์ไปวันๆ ความรับผิดชอบของพวกเขามีเพียงเท่านั้น ไท่จือจะนำมาเปรียบกันไม่ได้”
“ข้าถึงอยากจะเลือกทางเดินของตัวในเมื่อข้าเลือกชาติกำเนิดของตัวเองมิได้ แล้วยังไม่อาจไม่เป็นไท่จือ เช่นนั้นช่วงเวลานี้ข้าขอเพียงความสุขเล็กๆน้อยๆก่อนที่จะต้องไปรับผิดชอบชาติกำเนิดของตัวเอง”
“แต่ฝ่าบาท ให้ตามไท่จือกลับทันทีที่พบตัว”
“หากยังตีกรอบให้ข้าอยู่แต่ในนั้นคาดว่าเจ้าจะต้องหาข้าอีกนานหน่อย”
“ไท่จือ ได้โปรดกระหม่อมทำตามพระประสงค์ของฝ่าบาท”
“จงต้าหมิงเจ้าอยู่กับข้ามานานแค่ไหน เห็นว่าข้าลำบากใจแค่ไหนช่วงเวลาความสุขเพียงสั้นๆ ให้ข้าไม่ได้หรือไร”จงต้าหมิงถอนหายใจยาว
“องค์ชายซงยี่ท่านจะตามข้าทำไมให้มากความข้าอยากเดินเพียงลำพัง”องค์หญิงแคว้นใต้อิงเผย กว่าคำพูดที่ทิ่มแทงจิตใจของคนฟัง“ข้าก็แค่ทำตามพระประสงค์ของฝ่าบาท ให้คอยดูแลเจ้าแทนพี่ใหญ่ไท่จือ”“ทำไมเขายังไม่มาจงใจหลบหน้าข้า หรือเปล่า” ทอดเสียงเศร้าสร้อย ซงยี่ถอนหายใจนึกสงสารอิงเผยเหมือนกัน ซงหยวนใครกันจะบังคับเขาได้แต่ไหนแต่ไรเป็นเขาที่โดเด่ยนด้านความคิดแล้วอุปนิสัยที่เป้นตัวของตัวเองถึงกระนั้นก็เป้นพี่ใหญ่เป้นไท่จือซงยี่คิดว่าไม่มีใครเหมาะที่จะรั้งตำแหน่งไท่จือเท่าซงหยวนหากไม่ใช่ซงหยวนจะเป็นใครเได้ซงลหลี่แม้จะอ่อนน้อมชอบช่วยงานราชสำนักแบ่งเบาภาระฝ่าบาททว่าภายในจิตใจยากยั่งถึง เขามักจะชอบเรียกเหล่าขุนนางเข้ามา สรวลเสเฮฮาในวังหลวงเป้นประจำนิสัยเช่นนี้ไม่น่า คบหา เลี้ยงคนพันวันใช้งานวันเดียว“เขาไม่ได้จงใจหลบหน้าเจ้าเพียงแต่ไท่จือยังไม่แน่ว่าจะรู้ว่าเจ้ามาก็เลยยังไม่กลับ แต่ข้าเชื่อเหลือเกินว่าถ้าไท่จือเขารู้ว่าองค์หญิงมารอที่นี่เขาจะต้องรีบมาแน่”แปลกใจตัวเองทำไมต้องปลอบใจนาง“จริงๆนะ ข้าอยากพบเขาเหลือเกินแล้ว ข้ารอที่นี่สามราตรีแล้ว ยังไม่เห็นเขากลับ มา เรื่องล่าสัตว์ประภาสป่ามันดีกว่าการที่พบข้
เจ้าบ้านเฉินเดินนำหน้า ตามด้วยจูจิ้น แป๋มและเสี่ยวซงตามหลัง บนเนินผักเขียวขจีตัดกับขอบฟ้าสีฟ้าสดใสแป๋มตื่นเต้นเมื่อเห็นผักบุ้งกับ หัวผักกาดกำลังงอกขึ้นมาจากดินสีดำเป็นต้นเล็กๆ เขียวเหลืองน่ารัก“ท่านพ่อพวกมันงอกออกมาแล้ว”จิ้มมือลงไปยังใบรูปหัวใจชนกันสองใบเล็กๆ บนพื้น“นั่นล่ะรอให้มีใบจริงของพวกมันออกมาจึงนำไปลงที่แปลงใหญได้”“ทำไมต้องเอาไปปลูกที่แปลงใหญ่ปลูกในนี้ไม่ได้หรือไร”"ในนี้เขาเรียกแปลงเพาะ เราจะคัดเฉพาะต้นที่แข็งแรง ไปปลูกในแปลงใหญ่ เราว่านเมล็ดที่นี่หนาแน่นเกินไปปลูกแปลงใหญ่จึงมีพื้นที่ให้พวกมันเติบโต”“ยุ่งยากเหมือนกันแฮะ”พึมพำเบาๆ“หากเราไม่อยากยุ่งยาก จะต้องหว่านห่างหน่อยและต้องหมั่นโกยขี้หมูมาใส่พวกมัน แล้วก็คัดสรรเอาเฉพาะต้นที่แข็งแรงในแปลงเพาะไปปลูก พวกที่เหลือยังพอเก็บไว้กินได้ แม้ลำตั้นจะไม่ใหญ่โต สำหรับข้าผักที่ดีที่สุดคือผักสดเก็บสดๆ กินสดๆ ปรุงสดๆ ”แป๋มยิ้มกว้างเฮ้อโชคดีจังได้ หลุดมาในสวนผัก อย่างที่บอกผักสดๆ อร่อยจริงๆ เก็บเลยแกงเลย สุดยอดทางไปบนเขา เป็นทางเล็กๆ คดเคี้ยวเหมือนกับทางเดินเท้าทั่วไป ข้างทางข้างหน้านั่นสูงชันไปเรื่อยๆ แป๋มแบกน้ำหนักตัวที่เกินไปแม
“ปอกมันเสียหน่อยจะได้ แบกไปได้สบายไม่หนักอย่างที่ควรจะเป็น”“แล้วจะยังสดอยู่ไหมท่านพ่อ”“อันที่ปอกเปลือกข้าตั้งใจนำไปดองเค็มไว้กินยามที่ หมดฤดูหน่อไม้ แต่บางส่วนนำลงไปทั้งเปลือกส่งเข้าวังหลวงทันทีเพื่อรสชาติที่ดีของมัน”แป๋มยิ้ม“แล้วเราจะเอาไปทำอะไรอีกตั้งเยอะแยะขนาดนี้”“ให้แม่เจ้าทำพะโล้ไก่ตุ๋นหน่อไม้จีน”“หาหน่อไม้เอามาทำพะโล้ได้ด้วยหรือ”“จูเจี่ย อร่อยที่สุดท่านแม่ทำพะโล้ตุ๋นหน่อไม้จีนรสดีที่สุด”จูจิ้นออกปากเสียเองแป๋ม เริ่มรู้สึกว่าตัวเองน้ำลายสอ“ก่อนอื่น กินกลางวันกันก่อนดีกว่า”ท่านเฉินเอ่ยปากเพราะเห็นว่ากำลังจะเลยเวลากลางวันไปแล้วและทุกๆ คนต่างออกแรงและปีนเนินเขาขึ้นมาเหนื่อยล้าฮูหยินเฉิน เตรียมซาลาเปาไส้ถั่วแดงมาให้หลายลูกนำถั่วแดงที่เหลือมาทำไว้เพื่อจะได้เก็บของใหม่ในปีถัดไป ซาลาเปาที่ยังอุ่นๆ ห่อมาในผ้าฝ้ายสีน้ำตาลแดงถึงสามชั้น“ถั่วแดงของเราใกล้จะหมด พรุ่งนี้ควรจะเก็บเกี่ยวถั่วแดงมาเก็บไว้ ดีที่หิมะแรกยังไ่ม่มาไม่เช่นนั้น การทำงานในแปลงผักค่อนข้างลำบาก”พูดไปก็ส่งซาลาเปาไส้ถั่วแดงให้ก้บทุกคน สีของซาลาเปาไม่ขาวจั๊วหากแต่ออกสีน้ำตาล (สีตุ่นๆ) แป๋มรับเอามาถือไว้ทำไมมันยังอุ่
“บอกมาเขาอยู่ไหน ข้าจะส่งองครักษ์ชุดใหม่ไปตามตัวเขากลับมา”จงต้าหมิงถอนหายใจประสานมือตรงหน้าตำหนักบูรพา“พี่ใหญ่ซงหยวนไม่อยู่ที่นี่ข้าจึงเหมาะจะได้ครอบครองมัน”องค์ชายรองซงหลี่ยิ้มมุมปากขันทีข้างกายยืนอยู่กล้าๆ กลัวๆ เมื่อเห็นว่าองค์ชายรองซงหลี่ขึ้นนั่งบนบัลลังก์ตำหนักบูรพาที่เป็นของซงหยวนแต่ทว่าร้างไร้ผู้คนเพราะซงหยวนไม่เคยเฉียดกาย มีแต่เร้นกายหายไปไม่สนใจครอบครองมันบ้านป่าพ่อบ้านเฉิน ให้ทั้งสามคนเสี่ยวซง แป๋มและจูจิ้นโยนหน่อไม้ลงจากหุบเขาไปด้านล่างที่เป็นลำธารใส ตัวท่านเฉินรอรับหน่อไม้หน่อใหญ่ อยู่ที่ลำธาร หน่อไม้มากมายถูกลำเลียงลงไปจนสิ้นไม่ต้องแบกให้เมื่อยขบนอกจากหน่อที่ปอกเสร็จแล้วจึงหอบใส่หลัว แป๋มเห็นว่ามันหนักอยากจะช่วยเสี่ยวซงแต่เขากลับรวบเอา สายสะพายหลัวไปเสียเอง แป๋มยื้อแย่งมาคืน จะช่วยกันหามคงจะเบาแรงลงไม่น้อยดันไปคว้าเอามือของเสี่ยวซงเต็มเปา ตาคมสบตาของแป๋มนิ่ง แป๋มเองก็ตกตะลึงแต่มีอีกคนที่ยังอยู่ตรงนั้น“ฮะแฮ่มจูเจี่ย ท่านกำลังใช้เวทเมนตร์นางจิ้งจอกกับพี่ชายเสี่ยวซงใช่ไหม”แป๋มสะดุ้งเสี่ยวซงอมยิ้ม ฉันเกลียดเด็กฉันไม่ใช่นางงาม ฉันไม่รักเด็ก“เจ้าน้องบ้า หากจะใช้เวทมนตร์กั
ช่วยกันแบกเอาหน่อไม้สวยสะอาดกลับไปยังบ้านไร่บนเนินเขา พ่อค้าผักมารอรับผักและหน่อไม้เหมือนรู้เวลา สายตาของเสี่ยวซงเหลือบตามองพ่อค้าผัก แล้วยิ้มบางๆ“ไท่...เสี่ยวซงเจ้าสบายดีหรือไม่”น้ำเสียงอ่อนโยน เสี่ยวซงเพียงแค่ก้มศีรษะ น้อยๆ แล้วก็เดินเลี่ยงจากไป พ่อค้าผักยื่นเหรียญเงินให้ท่านเฉิน แป๋มกับเสี่ยวซงและจูจิ้นหอบหน่อไม้ที่ปอกแล้วกลับไปที่บ้าน กลิ่นพะโล้หอมมาแต่ไกลชวนน้ำลายไหลเล่นน้ำและเดินเท้าจนเหนื่อยล้า รู้สึกหิวข้าวเสียจริง ฮูหยินรออยู่หน้าบ้านรับเอาหลัวหน่อไม้จากเสี่ยวซงเลือกเอาหน่อไม้หน่อใหญ่เพียงหน่อเดียวมาหันเป็นชิ้นบางๆ ใส่ลงไปในหม้อพะโล้ที่มีไข่เป็ดและเนื้อเป็ดตุ๋นจนเป็นสีน้ำตาลเข้าเนื้อ แป๋มชะโงกหน้ามองเข้าไปในหม้อต้ม ฮูหยินเฉินอมยิ้ม“หิวหรือยัง”แป๋มพยักหน้าอย่างรวดเร็ว“รอเพียงครู่เดียวระหว่างนี้ไปเปลี่ยบนอาภรณ์ของเจ้าเสียหน่อยวันนี้แม่ไปที่ตลาดชื่อเป็ดมาทำพะโล้ ได้อาภรณ์ใหม่สีสวยมาจากในตลาดให้เจ้ากับจูจิ้นพี่น้องอย่างละตัว แล้วยังได้ผ้ามาเย็บอาภรณ์ให้พ่อเจ้าอีกด้วย”แป๋มยิ้ม ฮูหยินเฉินช่างใจดีเสียจริงแม้จะปากร้ายไปหน่อย เฮ้อหากรู้ว่าแป๋มไม่ใช่จูเจี่ยจะว่าอย่างไรนะ“เดี๋ยวหน
“ท่านพ่อจูจิ้นไม่เห็นเคยได้”“จูจิ้นใช้กับท่านแม่”จูจิ้นหน้าเง้า แป๋มแบ่งส่วนของตัวเองออกครึ่งหนึ่งส่งให้จูจิ้น“ข้าไม่เคยได้ไปไหนซื้ออะไร จูจิ้นเจ้ารับไว้”ยิ้มกว้างสดใสปรากฏที่ริมฝีปาก“พี่สาวจูเจียท่านใจดีแปลกๆช่วงนี้ไม่เห็นเหมือนเมื่อก่อนหน้านั้น แป๋มยิ้มแหย๋ๆไม่กล้าพูดอะไรจะบอกได้อย่างไรว่าตัวเองไม่ใช่จูเจีย“รีบไปแล้วรีบกลับมา พวกเรารอเจ้าอยู่ที่นี่”เสี่ยวซงประสานมืออีกครั้งแป๋มยิ้มเศร้าๆ สองสามวันหรือว่าจะไปไม่หวนกลับ...คนเร่ร่อนจะรักใครจริง….“พรุ่งนี้เห็นทีจะต้องเก็บเกี่ยวถั่วแดงเสียทีฝักอ่อนไม่เหลือให้เก็บเป็นผักแล้ว คงเหลือแต่ฝักแก่ๆ เก็บมาแล้วนำไปตากสองสองสามแดดก็เอามาเก็บไว้ได้นานแสนนาน อือ ...ฮูหยินจูจิ้นเก็บใบไผ่มาให้เสียมาก แม้ไม่ใช่ไผ่หม่าจูแต่ใบก็สมบูรณ์ไม่น้อยเหมาะกับการห่อบะจ่าง เก็บถั่วแดงแล้วจึงทำบะจ่างกินกัน ไม่ได้กินเสียนาน”ท่านเฉินพูดไปยิ้มไป“เผือกข้างลำธารก็กำลังลงหัวพอดีพรุ่งนี้หากไม่มีอะไรเร่งด่วนข้าจะไปขุดเผือกเตรียมไว้ ส่วนเกาลัดคงต้องให้จูจิ้นกับจูเจี่ยไปเก็บมาจากท้ายไร่ตอนนี้คงร่วงเกือบหมดต้นแล้ว”“เกาลัดหรือคะ”ดวงตากลมโตยิ่งกลมโตยิ่งขึ้น“เกาลัดเพิ่ง
“ไม่ไม่ไม่ ไม่ใช่แค่เพียงบอกลาแต่ข้าจะบอกว่า รับกลับมาเร้วๆหน่อยพวกเราบ้านเฉินจะต้องคิดถึงท่านแน่”เสี่ยวซงหัวใจพองโต“คนในบ้านเฉินคิดถึง แล้วจูเจียคิดถึงข้าหรือไม่”“ไม่นะ ข้าคงไม่คิดถึงท่านหรอกเพราะว่าวันๆข้าต้องใช้แรงงานเก้บผักปลุกผักในแต่ละวันจะมีเวลาที่ไหนมาคิดถึงท่านจะว่าไปหากอยู่เฉยๆไม่แน่อาจจะคิดถึง”เสี่ยวซงยิ้มเศร้าๆ นางไม่มีใจกับเขาหรืออาจจจะเร็วไปเหมือนนางว่า เขาเผลอใจให้นางเร็วไป แต่จะอย่างไรเรื่องของหัวใจห้ามกันได้หรือวังหลวงซงหยวน ก้าวขาเข้าไปในตำหนักฮ่องเต้ จงต้าหมิงคุมเสื้อคลุมมังกรสีน้ำเงินให้ร่างสูงผึ่งผายมิได้ผอมบาง เช่นแต่ก่อน ท่าทีองอาจสง่างามไม่ต่างจากมังกรหนุ่มอีกทั้งใบหน้ายังหล่อเหลาเมื่ออยู่ในอาภรณ์ที่ดีจึงส่งเสริมให้สง่างามเกินกว่าผู้ใด“เสด็จพ่อส่งคนตามข้าใช่หรือไม่ หากคาดไม่ผิด”จงต้าหมิงยิ้มมุมปาก พยักหน้าขึ้นลง“ฝ่าบาทข้าพระองค์ตามหาไท่จือจนทั่วโรงเตี๊ยมกลางป่าแต่ก็ไม่พบ”เสียงเจื้อยแจ้วของทหารองครักษ์ที่ถูกส่งออกไปตามตัวซงหยวนกำลังเล่าเรื่องราวก่อนหน้านั้น“ไหนจงต้าหมิงบอกว่า พบไท่จือที่โรงเตี๊ยมนอกเมืองกลางป่านั่น เจ้าไร้ความสามรถจึงหาไท่จือไม่พบ”“ซงหย
แสงแดดสว่างแยงทะลุม่านตาที่กะพริบ ไล่ความแสบร้อนที่เปลือกตา อะไรกันเมื่อคืนรู้สึกเหมือนเพิ่งขับรถกลับบ้าน ทำไมวันนี้ถึงตื่นสายได้ขนาดนี้นี่นอนไปนานขนาดนั้นเลยหรือ เฮ้ย ขยับตัวเบาๆ เปิดปากหาวเปิดเปลือกตา“จูเจี่ยแอบมานอน หลับใหลที่นี่อีกแล้วงานในไร่รอเจ้าอยู่ แล้วยังมานอนสบาย”ใครวะมาเสียงดังข้างหู“ตื่นได้แล้วจูเจี่ย”ลุกขึ้นนั่ง มองไปรอบๆ“ฮาวววว”บิดขี้เกียจไปรอบตัว“จูเจี่ย วันนี้ต้องส่งผักเข้าวังหลวง ยังไม่ได้ตามที่กำหนดเจ้ายังกล้ามานอน”เถียงนาน้อย เอ้ย ...ไม่ใช่ ที่นี่มันที่ไหน สวนผักกว้างใหญ่ แล้วยังมีเพิง ไม่สิแถวบ้านเรียกเถียงนา เคยสงสัยไหมไปเถียงทำไมนา“เจ้านี่แย่จริงๆ นอนจนน้ำลายไหลแล้วยังหลับสนิทจนงุนงง”“เอ่อๆๆ คือๆๆๆ ”“ไปโกยขี้หมูใส่ผักเดี๋ยวนี้เลย” หญิงวัยกลางคนมองอย่างไงอย่างไงก็น่าจะเป็นคนที่มีพาวเวอร์ที่สุดในที่นี้ ชี้มือไปที่กองขี้หมูกองมหึมาข้างเถียงนา“ต้องไปใช่ไหม”“หญิงบ้านป่าเกียจคร้านเช่นเจ้า ใครกันจะรับเป็นภรรยา ไร้คนสู่ขอข้ามิต้องเลี้ยงเจ้าจนตายหรือไร” ร่างอ้วนตุ๊ต๊ะของแป๋ม ขยับตัวอืดอาด วันๆเคยทำอะไรกันนอกจากนั่งกดแป้นพิมพ์พิมพ์นิยายกับขนมและของว่างข้างโต๊ะคอม