“จูเจี่ย ท่านคงอยากจะสวยอวดพี่เสี่ยวซงแน่เลย”เจ้าเด็กบ้านี่เอาอีกแล้ว
“ข้าอยากจะพัฒนาตัวเองสียบ้าง”
“อาหารที่แม่เจ้าปรุงสองสามวันมานี้ ล้วนแต่เป็นของที่กินแล้วไม่อ้วนเจ้าพูดเองว่าอยากจะผอมข้าคุยกับแม่ของเจ้าแล้วว่าเราจะปรุงแต่อาหารที่จูเจี่ยกินแล้วไม่อ้วน เพียงแต่เจ้าไม่ปฏิเสธมันรับรองเห็นผลอย่างแน่นอน”แป๋มยิ้มซาบซึ้งน้ำใจอย่างที่สุดย้อนเวลามาไม่เสียที อย่างน้อยก็มีคนใส่ใจ
จูจิ้นกับจูเจี่ยนั่งย่างกุ้งบนเตา ดิน เสี่ยวซงยกเอาหินลาวาที่มีเก็บไว้หลายขนาดมาวางบนเตาดินกองไฟด้านล่างเอากุ้งตัวใหญ่ขึ้นไปวาง แป๋มเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว วันนี้ฮูหยินเฉินมาดึงสายรัดเอวให้เพราะแป๋มทำอยู่นานก็ไม่เป็นผลไม่เหมือนอย่างที่เขาภทำกัน
“เจ้าผอมลงไปจริงๆ รู้สึกตัวบ้างไหม”แป่มพยักหน้าผอมลงไปจริงๆ มีองค์มีเอวกับเขาด้วยคงลงไปไม่ต่ำสามกิโลหากเป็นที่บ้านคงลองชั่งน้ำหนักดูแล้ว เสี่ยวซงมองอาภรณ์สีพื้นๆ ของแป๋มที่สวมใส่เหมือนจะพูดอะไรแต่ก็เงียบเสีย จูจิ้นนั่งอยู่บนตักของเสี่ยวซง พลิกกุ้งไปมาเอามืออังเตาไฟไล่ความหนาวเหน็บลมแรงกรรโชก ท่านเฉิน ขยับเข้าใกล้เตาดินอีกคน
“พรุ่งนี้หิมะคงตกแน่ๆ หากอากาศจะหนาวลงเรื่อยๆแบบนี้ อีกสองสามวันข้าตั้งใจจะพาพวกเจ้าขึ้นไปเก็บหน่อไม้ป่ามาบนเขา เพื่อเตรียมส่งเข้าวังหลวงฝ่าบาทนิยมกินหน่อไม้มากฉะนั้นจึงต้องคัดที่ดีที่สุดถวาย ที่เหลือเราเก็บไว้กินเอง”
“ท่านลุงทำไมไม่เก็บของดีดีไว้กิน”เสี่ยวซงถาม
“ของดีดี ขายได้ราคางาม แลกเสื้อผ้าหรือของที่เราไม่สามารถหาเองได้ ถือว่าถูกต้องแล้ว ส่วนที่เหลือก็ใช่ว่าไม่ดีแต่คนชอบมองว่าของสวยไร้ที่ติจึงเป็นของดีบางทีของที่ไม่สวยรสชาติก็ไม่ได้ต่างกัน เพียงแต่มันไม่สวยไม่ถูกใจคนกิน เช่นนั้นในใจข้า หากใครต้องการของดีในแบบของเขา ข้าก็เพียงแต่ให้เขาไป ส่วนเรากินแค่ที่สดใหม่ก็ล้วนเป็นของดีในแบบของเราเช่นกัน”
เสี่ยวซงพยักหน้ายิ้มๆ กุ้งตัวที่สุกถูกวางในถาดไม้ พร้อมกับน้ำจิ้มที่มีพริกและชวงเจียสีเขียวโขลกปนกันกลายเป็นสีเขียวแดงน่ากิน
“ท่านพ่อ ทำไมไม่ทำน้ำจิ้ม…”กำลังจะเอ่ยปากถามเรื่อกชวงเจียกลิ่นฉุนเหมือนหมาล่า
“ชวงเจีย ข้าเพิ่งเข้าป่าไปเก็บมาเมื่อหลายวันก่อน เหี่ยวไปบ้างแต่ก็ยังเขียวยังหอม กินกับกุ้งย่างรสดีที่สุด”
“ไม่นิยมกินกับน้ำจิ้มรสเปรี้ยวหรือ”
“เจ้าลองน้ำจิ้มสูตรนี้ดูก่อนล้วนเข้ากันกับกุ้งย่างไม่น้อย อีกทั้งซวงเจียยังบำรุงหัวใจบำรุงโลหิต ลดความดัน ย่อยอาหาร ขับลมในลำไส้”
อย่างนี้ก็ช่วยไม่ให้รู้สึกอึดอัดเวลากินแกงมันเทศ แล้วที่แน่ๆอาจมีผายลมบ้าง อือ ..ช่างรอบคอบเสียจริงอาหารแต่ละอย่างล้วนเแม็ตกันและพิถีพิถันอย่างที่สุด
ท่านเฉินบรรจงแกะกุ้งเนื้อแน่นเหนียวหนึบส่งให้แป๋ม หัวของกุ้งเป็นสีแดงส้ม มันหัวกุ้ง อะฮ้า ของโปรด การเปิบมือเริ่มขึ้นแล้วแป๋มใช้มือหยิบกุ้งที่ท่านเฉินส่งให้จิ้มไปที่ น้ำจิ้มผสมซวงเจี่ย รสชาติเผ็ดร้อน หวานนิดๆ เค็มหน่อยๆ แล้วก็มีความมันหนึบและนุ่มหวานของกุ้งสดๆ ที่ตัวใหญ่จนเกือบจะเต็มปาก รสชาติอร่อยจนแป๋ม อยากจะร้องไห้ รสหวานของเนื้อกุ้งติดที่ริมฝีปากความเผ็ดร้อนอยู่ที่ปลายลิ้น และเมื่อเคี้ยวเนื้อกุ้งกับรู้สึกถึงความนุ่มและหวานหอม
“ลงมือกันเลย กุ้งกินเป็นดิ่มซำส่วนกับข้าวแม่เจ้ากำลังแกงกุ้งกับมันเทศกลิ่นหอมมาแต่ไกลแล้ว”
พอได้รับอนุญาต ต่างคนต่างคว้าตัวกุ้งคนละตัวสองตัว กุ้งที่เห็นมากมายจนแป๋มคิดว่าจะกินไม่หมด แต่เมื่อลิ้มรสของมันแล้วใครกันจะอดใจไหว
“อร่อยที่สุดในสามโลก”เสี่ยวซง แกะกุ้งให้กับท่านเฉินและจูจิ้น ก่อนจะยื่นส่งให้แป๋มแบบอายๆ
“ข้า.ข้าแกะเองได้”
องค์หญิง แคว้นใต้ใบหน้างดงามรูปร่างอ่อนช้อยน่ารัก ก้าวเท้าลงจากเกี้ยวช้าๆ นางกำนัลพยุงเดินถึงสองคน
“อิงเผยถวายพระพร ไท่จือ”ร่างสูงที่เดินนำหน้าองครักษ์ออกมารับถึงหน้าประตูวัง
“เอ่อ เอ่อ...ข้าองค์ชายซงยี่รับหน้าที่แทนไท่จือมารับองค์หญิงแคว้นใต้แทนไท่จือที่กำลัง...เอ่อ เอ่อ ออกไป...ประพาส ป่าล่าสัตว์”เขินอายเมื่อสบเข้ากับตากลมดตของอิงเผย
“ทำไม ล่าสัตว์ทั้งๆ ที่รู้ว่าอิงเผยจะมาถึงอย่างนั้นหรือ”
“เอ่อ ..เอ่อ ไท่จือออกไปก่อนหน้านั้นหลายวันเดิมไท่จือนิยม ประพาสป่าครั้งละหลายๆ วันอยู่แล้วตอนนี้ฝ่าบาทส่งองครักษ์ตามตัว”
“เสแสร้งเลิกหลอกล่อข้าด้วยคำพูดเหล่านี้ไปได้แล้วจงต้าหมิง กี่ปีแล้วที่ใช้คำพูดเหล่านี้ให้ข้ายังต้องอยู่ในกรอบเช่นที่ผ่านมา”
“ไท่จือได้โปรดองค์หญิงแคว้นใต้กำลังจะมาอภิเษกเป็นไท่จือเฟย”
“นั่นคือกรอบที่ข้าถูกตีไว้อีกใช่หรือไม่ ข้าอยู่ที่นี่ได้เห็นความรักความผูกพันของคนในตระกูลเฉินล้วนไม่มีการตีกรอบบังคับไม่ว่าใครตั้งใจทำสิ่งใดล้วนแล้วแต่ความสมัครใจ”
“ฝ่าบาทเป็นฮ่องเต้ ไท่จือเป็นไท่จือ ชาติกำเนิดยิ่งใหญ่ ความรับผิดชอบก็ยิ่งใหญ่พวกเขาแค่ปลูกผักเลี้ยงสัตว์ไปวันๆ ความรับผิดชอบของพวกเขามีเพียงเท่านั้น ไท่จือจะนำมาเปรียบกันไม่ได้”
“ข้าถึงอยากจะเลือกทางเดินของตัวในเมื่อข้าเลือกชาติกำเนิดของตัวเองมิได้ แล้วยังไม่อาจไม่เป็นไท่จือ เช่นนั้นช่วงเวลานี้ข้าขอเพียงความสุขเล็กๆน้อยๆก่อนที่จะต้องไปรับผิดชอบชาติกำเนิดของตัวเอง”
“แต่ฝ่าบาท ให้ตามไท่จือกลับทันทีที่พบตัว”
“หากยังตีกรอบให้ข้าอยู่แต่ในนั้นคาดว่าเจ้าจะต้องหาข้าอีกนานหน่อย”
“ไท่จือ ได้โปรดกระหม่อมทำตามพระประสงค์ของฝ่าบาท”
“จงต้าหมิงเจ้าอยู่กับข้ามานานแค่ไหน เห็นว่าข้าลำบากใจแค่ไหนช่วงเวลาความสุขเพียงสั้นๆ ให้ข้าไม่ได้หรือไร”จงต้าหมิงถอนหายใจยาว
“ทำไม องครักษ์ไม่ได้ตามตัวไท่จือไปอยู่แล้วหรือ”“ไท่จือนิยมไปไหนเพียงลำพัง”“ทำไมนิยมไปไหนเพียงลำพังแบบนั้น ไม่เรียกว่าหนีไปหรือไร”ซงยี่ถอนหายใจ(“หนีก็ได้ พ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยจนมุมแล้วไท่จือชอบหนีไปเที่ยว”) ความคิด“ไม่เรียกว่าหนีไหนเมื่ออีกไม่นานไท่จือจะกลับมาอย่างแน่นอน”ใจคิดอีกอย่างแต่ ปากกลับพูดไปอีกอย่างที่ถอนหายใจเพราะเบื่อระอากับความเสแสร้งของตัวเอง“เช่นนั้นอิงเผย รอได้คงต้องรอจนกว่าไท่จือจะกลับมา”แม้จะกระหน่ำกินกุ้งย่างจิ้มน้ำจิ้มชวงเจียจนอิ่มแปล้แต่ทว่ากลิ่นหอม ของแกงมันเทศกับกุ้งสีสดในน้ำแกงสีเหลืองที่ลอยอบอวล มันเทศหั่นชิ้นสี่เหลี่ยมพอคำที่เปื่อยนุ่ม สีม่วงตัดกันกับกุ้งสีส้มขาว ส่งกลิ่นหอมคละคลุ้งไปทั่วโต๊ะกับข้าว ฮูหยินตักข้าวให้ทุกคนยกเว้นจูเจี่ย“เจ้าจะต้องมีความหักห้ามใจ แม่ให้เจ้าตักข้าวเองจะได้รู้ว่า ความพยายามของเจ้ามีมากเพียงใด หากอยากจะผอมให้เร็วก็ตักแต่น้อยแต่ถ้าอยากจะผอมให้ช้าก็ตักให้มาก หรือจะไม่อยากผอมก็ตักเท่าๆ กับคนอื่น”แป๋มสุดลมหายใจเข้าลึกๆ คว้าทัพพีไม้ไผ่มาตักขาวสวยร้อนๆ เพียงทัพพีเดียว“ท่านแม่จูเจียกินกับเล่นไม่อ้วนหรือไร”“มันเทศกินเข้าไปก็อิ่ม ส่วนกุ้งไ
“องค์ชายซงยี่ท่านจะตามข้าทำไมให้มากความข้าอยากเดินเพียงลำพัง”องค์หญิงแคว้นใต้อิงเผย กว่าคำพูดที่ทิ่มแทงจิตใจของคนฟัง“ข้าก็แค่ทำตามพระประสงค์ของฝ่าบาท ให้คอยดูแลเจ้าแทนพี่ใหญ่ไท่จือ”“ทำไมเขายังไม่มาจงใจหลบหน้าข้า หรือเปล่า” ทอดเสียงเศร้าสร้อย ซงยี่ถอนหายใจนึกสงสารอิงเผยเหมือนกัน ซงหยวนใครกันจะบังคับเขาได้แต่ไหนแต่ไรเป็นเขาที่โดเด่ยนด้านความคิดแล้วอุปนิสัยที่เป้นตัวของตัวเองถึงกระนั้นก็เป้นพี่ใหญ่เป้นไท่จือซงยี่คิดว่าไม่มีใครเหมาะที่จะรั้งตำแหน่งไท่จือเท่าซงหยวนหากไม่ใช่ซงหยวนจะเป็นใครเได้ซงลหลี่แม้จะอ่อนน้อมชอบช่วยงานราชสำนักแบ่งเบาภาระฝ่าบาททว่าภายในจิตใจยากยั่งถึง เขามักจะชอบเรียกเหล่าขุนนางเข้ามา สรวลเสเฮฮาในวังหลวงเป้นประจำนิสัยเช่นนี้ไม่น่า คบหา เลี้ยงคนพันวันใช้งานวันเดียว“เขาไม่ได้จงใจหลบหน้าเจ้าเพียงแต่ไท่จือยังไม่แน่ว่าจะรู้ว่าเจ้ามาก็เลยยังไม่กลับ แต่ข้าเชื่อเหลือเกินว่าถ้าไท่จือเขารู้ว่าองค์หญิงมารอที่นี่เขาจะต้องรีบมาแน่”แปลกใจตัวเองทำไมต้องปลอบใจนาง“จริงๆนะ ข้าอยากพบเขาเหลือเกินแล้ว ข้ารอที่นี่สามราตรีแล้ว ยังไม่เห็นเขากลับ มา เรื่องล่าสัตว์ประภาสป่ามันดีกว่าการที่พบข้
เจ้าบ้านเฉินเดินนำหน้า ตามด้วยจูจิ้น แป๋มและเสี่ยวซงตามหลัง บนเนินผักเขียวขจีตัดกับขอบฟ้าสีฟ้าสดใสแป๋มตื่นเต้นเมื่อเห็นผักบุ้งกับ หัวผักกาดกำลังงอกขึ้นมาจากดินสีดำเป็นต้นเล็กๆ เขียวเหลืองน่ารัก“ท่านพ่อพวกมันงอกออกมาแล้ว”จิ้มมือลงไปยังใบรูปหัวใจชนกันสองใบเล็กๆ บนพื้น“นั่นล่ะรอให้มีใบจริงของพวกมันออกมาจึงนำไปลงที่แปลงใหญได้”“ทำไมต้องเอาไปปลูกที่แปลงใหญ่ปลูกในนี้ไม่ได้หรือไร”"ในนี้เขาเรียกแปลงเพาะ เราจะคัดเฉพาะต้นที่แข็งแรง ไปปลูกในแปลงใหญ่ เราว่านเมล็ดที่นี่หนาแน่นเกินไปปลูกแปลงใหญ่จึงมีพื้นที่ให้พวกมันเติบโต”“ยุ่งยากเหมือนกันแฮะ”พึมพำเบาๆ“หากเราไม่อยากยุ่งยาก จะต้องหว่านห่างหน่อยและต้องหมั่นโกยขี้หมูมาใส่พวกมัน แล้วก็คัดสรรเอาเฉพาะต้นที่แข็งแรงในแปลงเพาะไปปลูก พวกที่เหลือยังพอเก็บไว้กินได้ แม้ลำตั้นจะไม่ใหญ่โต สำหรับข้าผักที่ดีที่สุดคือผักสดเก็บสดๆ กินสดๆ ปรุงสดๆ ”แป๋มยิ้มกว้างเฮ้อโชคดีจังได้ หลุดมาในสวนผัก อย่างที่บอกผักสดๆ อร่อยจริงๆ เก็บเลยแกงเลย สุดยอดทางไปบนเขา เป็นทางเล็กๆ คดเคี้ยวเหมือนกับทางเดินเท้าทั่วไป ข้างทางข้างหน้านั่นสูงชันไปเรื่อยๆ แป๋มแบกน้ำหนักตัวที่เกินไปแม
“ปอกมันเสียหน่อยจะได้ แบกไปได้สบายไม่หนักอย่างที่ควรจะเป็น”“แล้วจะยังสดอยู่ไหมท่านพ่อ”“อันที่ปอกเปลือกข้าตั้งใจนำไปดองเค็มไว้กินยามที่ หมดฤดูหน่อไม้ แต่บางส่วนนำลงไปทั้งเปลือกส่งเข้าวังหลวงทันทีเพื่อรสชาติที่ดีของมัน”แป๋มยิ้ม“แล้วเราจะเอาไปทำอะไรอีกตั้งเยอะแยะขนาดนี้”“ให้แม่เจ้าทำพะโล้ไก่ตุ๋นหน่อไม้จีน”“หาหน่อไม้เอามาทำพะโล้ได้ด้วยหรือ”“จูเจี่ย อร่อยที่สุดท่านแม่ทำพะโล้ตุ๋นหน่อไม้จีนรสดีที่สุด”จูจิ้นออกปากเสียเองแป๋ม เริ่มรู้สึกว่าตัวเองน้ำลายสอ“ก่อนอื่น กินกลางวันกันก่อนดีกว่า”ท่านเฉินเอ่ยปากเพราะเห็นว่ากำลังจะเลยเวลากลางวันไปแล้วและทุกๆ คนต่างออกแรงและปีนเนินเขาขึ้นมาเหนื่อยล้าฮูหยินเฉิน เตรียมซาลาเปาไส้ถั่วแดงมาให้หลายลูกนำถั่วแดงที่เหลือมาทำไว้เพื่อจะได้เก็บของใหม่ในปีถัดไป ซาลาเปาที่ยังอุ่นๆ ห่อมาในผ้าฝ้ายสีน้ำตาลแดงถึงสามชั้น“ถั่วแดงของเราใกล้จะหมด พรุ่งนี้ควรจะเก็บเกี่ยวถั่วแดงมาเก็บไว้ ดีที่หิมะแรกยังไ่ม่มาไม่เช่นนั้น การทำงานในแปลงผักค่อนข้างลำบาก”พูดไปก็ส่งซาลาเปาไส้ถั่วแดงให้ก้บทุกคน สีของซาลาเปาไม่ขาวจั๊วหากแต่ออกสีน้ำตาล (สีตุ่นๆ) แป๋มรับเอามาถือไว้ทำไมมันยังอุ่
“บอกมาเขาอยู่ไหน ข้าจะส่งองครักษ์ชุดใหม่ไปตามตัวเขากลับมา”จงต้าหมิงถอนหายใจประสานมือตรงหน้าตำหนักบูรพา“พี่ใหญ่ซงหยวนไม่อยู่ที่นี่ข้าจึงเหมาะจะได้ครอบครองมัน”องค์ชายรองซงหลี่ยิ้มมุมปากขันทีข้างกายยืนอยู่กล้าๆ กลัวๆ เมื่อเห็นว่าองค์ชายรองซงหลี่ขึ้นนั่งบนบัลลังก์ตำหนักบูรพาที่เป็นของซงหยวนแต่ทว่าร้างไร้ผู้คนเพราะซงหยวนไม่เคยเฉียดกาย มีแต่เร้นกายหายไปไม่สนใจครอบครองมันบ้านป่าพ่อบ้านเฉิน ให้ทั้งสามคนเสี่ยวซง แป๋มและจูจิ้นโยนหน่อไม้ลงจากหุบเขาไปด้านล่างที่เป็นลำธารใส ตัวท่านเฉินรอรับหน่อไม้หน่อใหญ่ อยู่ที่ลำธาร หน่อไม้มากมายถูกลำเลียงลงไปจนสิ้นไม่ต้องแบกให้เมื่อยขบนอกจากหน่อที่ปอกเสร็จแล้วจึงหอบใส่หลัว แป๋มเห็นว่ามันหนักอยากจะช่วยเสี่ยวซงแต่เขากลับรวบเอา สายสะพายหลัวไปเสียเอง แป๋มยื้อแย่งมาคืน จะช่วยกันหามคงจะเบาแรงลงไม่น้อยดันไปคว้าเอามือของเสี่ยวซงเต็มเปา ตาคมสบตาของแป๋มนิ่ง แป๋มเองก็ตกตะลึงแต่มีอีกคนที่ยังอยู่ตรงนั้น“ฮะแฮ่มจูเจี่ย ท่านกำลังใช้เวทเมนตร์นางจิ้งจอกกับพี่ชายเสี่ยวซงใช่ไหม”แป๋มสะดุ้งเสี่ยวซงอมยิ้ม ฉันเกลียดเด็กฉันไม่ใช่นางงาม ฉันไม่รักเด็ก“เจ้าน้องบ้า หากจะใช้เวทมนตร์กั
ช่วยกันแบกเอาหน่อไม้สวยสะอาดกลับไปยังบ้านไร่บนเนินเขา พ่อค้าผักมารอรับผักและหน่อไม้เหมือนรู้เวลา สายตาของเสี่ยวซงเหลือบตามองพ่อค้าผัก แล้วยิ้มบางๆ“ไท่...เสี่ยวซงเจ้าสบายดีหรือไม่”น้ำเสียงอ่อนโยน เสี่ยวซงเพียงแค่ก้มศีรษะ น้อยๆ แล้วก็เดินเลี่ยงจากไป พ่อค้าผักยื่นเหรียญเงินให้ท่านเฉิน แป๋มกับเสี่ยวซงและจูจิ้นหอบหน่อไม้ที่ปอกแล้วกลับไปที่บ้าน กลิ่นพะโล้หอมมาแต่ไกลชวนน้ำลายไหลเล่นน้ำและเดินเท้าจนเหนื่อยล้า รู้สึกหิวข้าวเสียจริง ฮูหยินรออยู่หน้าบ้านรับเอาหลัวหน่อไม้จากเสี่ยวซงเลือกเอาหน่อไม้หน่อใหญ่เพียงหน่อเดียวมาหันเป็นชิ้นบางๆ ใส่ลงไปในหม้อพะโล้ที่มีไข่เป็ดและเนื้อเป็ดตุ๋นจนเป็นสีน้ำตาลเข้าเนื้อ แป๋มชะโงกหน้ามองเข้าไปในหม้อต้ม ฮูหยินเฉินอมยิ้ม“หิวหรือยัง”แป๋มพยักหน้าอย่างรวดเร็ว“รอเพียงครู่เดียวระหว่างนี้ไปเปลี่ยบนอาภรณ์ของเจ้าเสียหน่อยวันนี้แม่ไปที่ตลาดชื่อเป็ดมาทำพะโล้ ได้อาภรณ์ใหม่สีสวยมาจากในตลาดให้เจ้ากับจูจิ้นพี่น้องอย่างละตัว แล้วยังได้ผ้ามาเย็บอาภรณ์ให้พ่อเจ้าอีกด้วย”แป๋มยิ้ม ฮูหยินเฉินช่างใจดีเสียจริงแม้จะปากร้ายไปหน่อย เฮ้อหากรู้ว่าแป๋มไม่ใช่จูเจี่ยจะว่าอย่างไรนะ“เดี๋ยวหน
“ท่านพ่อจูจิ้นไม่เห็นเคยได้”“จูจิ้นใช้กับท่านแม่”จูจิ้นหน้าเง้า แป๋มแบ่งส่วนของตัวเองออกครึ่งหนึ่งส่งให้จูจิ้น“ข้าไม่เคยได้ไปไหนซื้ออะไร จูจิ้นเจ้ารับไว้”ยิ้มกว้างสดใสปรากฏที่ริมฝีปาก“พี่สาวจูเจียท่านใจดีแปลกๆช่วงนี้ไม่เห็นเหมือนเมื่อก่อนหน้านั้น แป๋มยิ้มแหย๋ๆไม่กล้าพูดอะไรจะบอกได้อย่างไรว่าตัวเองไม่ใช่จูเจีย“รีบไปแล้วรีบกลับมา พวกเรารอเจ้าอยู่ที่นี่”เสี่ยวซงประสานมืออีกครั้งแป๋มยิ้มเศร้าๆ สองสามวันหรือว่าจะไปไม่หวนกลับ...คนเร่ร่อนจะรักใครจริง….“พรุ่งนี้เห็นทีจะต้องเก็บเกี่ยวถั่วแดงเสียทีฝักอ่อนไม่เหลือให้เก็บเป็นผักแล้ว คงเหลือแต่ฝักแก่ๆ เก็บมาแล้วนำไปตากสองสองสามแดดก็เอามาเก็บไว้ได้นานแสนนาน อือ ...ฮูหยินจูจิ้นเก็บใบไผ่มาให้เสียมาก แม้ไม่ใช่ไผ่หม่าจูแต่ใบก็สมบูรณ์ไม่น้อยเหมาะกับการห่อบะจ่าง เก็บถั่วแดงแล้วจึงทำบะจ่างกินกัน ไม่ได้กินเสียนาน”ท่านเฉินพูดไปยิ้มไป“เผือกข้างลำธารก็กำลังลงหัวพอดีพรุ่งนี้หากไม่มีอะไรเร่งด่วนข้าจะไปขุดเผือกเตรียมไว้ ส่วนเกาลัดคงต้องให้จูจิ้นกับจูเจี่ยไปเก็บมาจากท้ายไร่ตอนนี้คงร่วงเกือบหมดต้นแล้ว”“เกาลัดหรือคะ”ดวงตากลมโตยิ่งกลมโตยิ่งขึ้น“เกาลัดเพิ่ง
“ไม่ไม่ไม่ ไม่ใช่แค่เพียงบอกลาแต่ข้าจะบอกว่า รับกลับมาเร้วๆหน่อยพวกเราบ้านเฉินจะต้องคิดถึงท่านแน่”เสี่ยวซงหัวใจพองโต“คนในบ้านเฉินคิดถึง แล้วจูเจียคิดถึงข้าหรือไม่”“ไม่นะ ข้าคงไม่คิดถึงท่านหรอกเพราะว่าวันๆข้าต้องใช้แรงงานเก้บผักปลุกผักในแต่ละวันจะมีเวลาที่ไหนมาคิดถึงท่านจะว่าไปหากอยู่เฉยๆไม่แน่อาจจะคิดถึง”เสี่ยวซงยิ้มเศร้าๆ นางไม่มีใจกับเขาหรืออาจจจะเร็วไปเหมือนนางว่า เขาเผลอใจให้นางเร็วไป แต่จะอย่างไรเรื่องของหัวใจห้ามกันได้หรือวังหลวงซงหยวน ก้าวขาเข้าไปในตำหนักฮ่องเต้ จงต้าหมิงคุมเสื้อคลุมมังกรสีน้ำเงินให้ร่างสูงผึ่งผายมิได้ผอมบาง เช่นแต่ก่อน ท่าทีองอาจสง่างามไม่ต่างจากมังกรหนุ่มอีกทั้งใบหน้ายังหล่อเหลาเมื่ออยู่ในอาภรณ์ที่ดีจึงส่งเสริมให้สง่างามเกินกว่าผู้ใด“เสด็จพ่อส่งคนตามข้าใช่หรือไม่ หากคาดไม่ผิด”จงต้าหมิงยิ้มมุมปาก พยักหน้าขึ้นลง“ฝ่าบาทข้าพระองค์ตามหาไท่จือจนทั่วโรงเตี๊ยมกลางป่าแต่ก็ไม่พบ”เสียงเจื้อยแจ้วของทหารองครักษ์ที่ถูกส่งออกไปตามตัวซงหยวนกำลังเล่าเรื่องราวก่อนหน้านั้น“ไหนจงต้าหมิงบอกว่า พบไท่จือที่โรงเตี๊ยมนอกเมืองกลางป่านั่น เจ้าไร้ความสามรถจึงหาไท่จือไม่พบ”“ซงหย