“ไม่ไม่ไม่ ไม่ใช่แค่เพียงบอกลาแต่ข้าจะบอกว่า รับกลับมาเร้วๆหน่อยพวกเราบ้านเฉินจะต้องคิดถึงท่านแน่”เสี่ยวซงหัวใจพองโต“คนในบ้านเฉินคิดถึง แล้วจูเจียคิดถึงข้าหรือไม่”“ไม่นะ ข้าคงไม่คิดถึงท่านหรอกเพราะว่าวันๆข้าต้องใช้แรงงานเก้บผักปลุกผักในแต่ละวันจะมีเวลาที่ไหนมาคิดถึงท่านจะว่าไปหากอยู่เฉยๆไม่แน่อาจจะคิดถึง”เสี่ยวซงยิ้มเศร้าๆ นางไม่มีใจกับเขาหรืออาจจจะเร็วไปเหมือนนางว่า เขาเผลอใจให้นางเร็วไป แต่จะอย่างไรเรื่องของหัวใจห้ามกันได้หรือวังหลวงซงหยวน ก้าวขาเข้าไปในตำหนักฮ่องเต้ จงต้าหมิงคุมเสื้อคลุมมังกรสีน้ำเงินให้ร่างสูงผึ่งผายมิได้ผอมบาง เช่นแต่ก่อน ท่าทีองอาจสง่างามไม่ต่างจากมังกรหนุ่มอีกทั้งใบหน้ายังหล่อเหลาเมื่ออยู่ในอาภรณ์ที่ดีจึงส่งเสริมให้สง่างามเกินกว่าผู้ใด“เสด็จพ่อส่งคนตามข้าใช่หรือไม่ หากคาดไม่ผิด”จงต้าหมิงยิ้มมุมปาก พยักหน้าขึ้นลง“ฝ่าบาทข้าพระองค์ตามหาไท่จือจนทั่วโรงเตี๊ยมกลางป่าแต่ก็ไม่พบ”เสียงเจื้อยแจ้วของทหารองครักษ์ที่ถูกส่งออกไปตามตัวซงหยวนกำลังเล่าเรื่องราวก่อนหน้านั้น“ไหนจงต้าหมิงบอกว่า พบไท่จือที่โรงเตี๊ยมนอกเมืองกลางป่านั่น เจ้าไร้ความสามรถจึงหาไท่จือไม่พบ”“ซงหย
เสี่ยวซง ก้าวขายาวๆ เข้าไปในตำหนักบูรพาตามหลังด้วย จงต้าหมิงที่ตามอารักขา ตรงหน้าเป็นองค์หญิงอิงเผย ที่มารอรับอยู่ด้านหน้าตำหนัก รอยยิ้มปรากฏเมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาของซงหยวน“อิงเผยถวายพระพรไท่จือ”แววตาเหมือนจะยิ้มได้เมื่อเห็นหน้าซงหยวน“ยินดีที่ได้พบ”“ไท่จือมาเหนื่อยๆ อิงเผยให้ห้องเครื่องตำหนักบูรพา ตุ๋นไก่ใส่หน่อไม้สดที่เพิ่งนำมาส่งเมื่อวาน”ซงหยวนพยักหน้าขึ้นลงนั่งลงบนโต๊ะเสวย นางกำนัลตักข้าวใส่ถ้วย อิงเผยนั่งลงตรงข้ามหยิบตะเกียบส่งให้ซงหยวน เมื่อขันทีชิมอาหารเรียบร้อยแล้ว อิงเผยรับถ้วยข้าวไปก่อนจะค่อยๆ ใช้ตะเกียบคีบ หน่อไม้ใส่ในถ้วยข้าวให้กับซงหยวนก่อนจะคีบส่งใส่ปากเพียงน้อยนิดเหมือนกับจะเอาไปดม ซงหยวนมองท่าทีขออิงเผย ใจพาลคิดไปถึงใครอีกคน ป่านนี้จะกินอะไรอยู่ แล้วจะทำสีหน้าเปี่ยมสุขเพียงใดที่ได้กินของอร่อยรสชาติดี เผลอยิ้ม อิงเผยยิ้มตอบนึกว่าซงหยวนส่งยิ้มให้ตัวเอง"หน่อไม้รสดีเสียจริงไท่จือทรงเสวยเยอะๆนะคะอิงเผยตั้งใจปรุง ให้คัดหน่อไม้ที่สดใหม่มาเลยทีเดียว"ซงหยวนคีบหน่อไม้มาชิม รสชาติจืดชืดเหลือความหวานเพียงน้อยนิดแต่ทว่ายังกรุบกรอบเช่นเดิม แต่ไม่อาจเทียบได้กับหน่อไม้สดๆ หากเป็
เนินหญ้าเขียวชอุ่ม ลาดเอียงลงไปด้านล่างพื้นหญ้าเขียวขจี ด้านล่างมีต้นไม้ ขึ้นเป็นดง แป๋มสุดอากาศบริสุทธิ์เข้าไปเต็มปอด เมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆ บนพื้นมีผลไม้เปลือกสีเขียวมีหนามคล้ายเงาะร่วงหล่นเต็มพื้นบางลูกก็สีน้ำตาลอ่อนถึงเข้มปนกันไป ข้างในเป็นลูกเกาลัดสีน้ำตาลเข้ม ร่วงเกลื่อนพื้นจูจิ้นวางตะกร้าลงกับพื้นเก็บลูกเกาลัดใส่ลงในตะกร้าแป๋มหยิบเปลือกลูกเกาลัดสีเขียวหนามแหลมขึ้นมาตั้งใจจะถามจูจิ้นว่ามันคืออะไร ดันถูกหนามเกาลัดทิ่มที่มือเลือดไหลรู้สึกเจ็บจี๊ด“อุ๊ย”มือบางถูกคว้าไปดูดอย่างรวดเร็วเสี่ยวซงนั่นเอง แป๋มหันไปสบตาเสี่ยวซง ด้วยตากลมสุกสว่างดีใจที่เห็นเสี่ยวซงกลับมาทั้งๆ ที่คิดว่าเขาจะไม่กลับมาแล้วแปลกใจที่เขากลับมาไวเสียจริง“เจ็บไหม”น้ำเสียงอ่อนโยนไม่ยอมปล่อยมือบางที่ดูดเลือดให้อยู่ในริมฝีปากอุ่น ตาต่อตาสบกันนิ่ง“พี่ชายเสี่ยวซง ข้าคิดถึงพี่เสียจริง”จูจิ้น กอดรอบขาไว้แน่น เสี่ยวซงปล่อยมือแป๋มออกช้าๆ ก้มลงอุ้มจูจิ้นโยนขึ้นเหนือหัว“โอ้โห้พี่ชายเสี่ยวซงแข็งแรงจริงๆ แบบนี้คงอุ้มพี่จูเจี่ยไหวแน่ๆ ”ผีเจาะปากมาพูด ชงชอบชงเสียจนเคยตัว“จูจิ้นหยุดพูดได้แล้ว เก็บเกาลัดต่อไป”ส่งสายตาดุดุแต่ทว่
“เกาลัดคั่วเมื่อไหร่ก็ได้แต่ช่วงเวลาแบบนี้หาได้ยาก”“ช่วงเวลาแบบไหน”“ก็ช่วงเวลา ที่...พี่ชายเสี่ยวซงเขาคิดถึงจูเจี่ยจนมีเรื่องพูดคุยด้วยมากมาย ปกติพี่เสี่ยวซงเขาไม่ค่อยพูด จูเจี่ยไม่อยากคุยกับพี่ชายเสี่ยวซงหรือ”แป๋ม หน้าแดงไปถึงใบหู เสี่ยวซงยิ้มยกมือขึ้นเขย่าหัวจูจิ้นเบาๆ“ดีมาก...อย่างนี้สิถึงจะเรียกว่ารักกันจริง”จูจิ้นดึงแขนข้างละคนไปที่เนินเขาที่ปกคลุมไปด้วยหญ้าเขียวขจี ในร่มไม้ที่ทอดยาวเป็นร่มเงาร่มรื่นเย็นสบาย นั่งลงบนพื้นหญ้าทั้งสามคน จูจิ้นดึงมือเสี่ยวซงให้ไปนั่งข้างๆ แป๋มจากที่จูงแขนคนละข้าง“ว่ามามีเรื่องอะไรจะคุย”อยากจะตบปากตัวเอง ทำไมต้องมีท่าทีดุดันขนาดนั้นไม่อ่อนหวานเอาเสียเลย (รู้ตัวด้วย)“เจ้า...เจ้า...สบายดีไหม สองสามวันมานี้”จูจิ้นเบ้ปาก“สบายดี”“เจ้าผอมลง”แป๋มมองมือกับแขนของตัวเองก็น่าจะจริง“ข้ารู้แล้ว”“แล้ว...แล้วเจ้า…คิด..คิด”“คิดถึงข้าบ้างไหม”เป็นจูจิ้นที่พูดแทรกขึ้นเพราะ รู้สึกว่าเสี่ยวซงช่างไม่ทันใจจูจิ้นเสียจริง แป๋มยกมือขึ้นปิดหน้าขำจนตัวงอเสี่ยวซงเกาหัวแกรกๆ อะไรทำให้เขาเป็นถึงขนาดนี้“ไม่ ไม่คิดถึง”“ทำไม”เสี่ยวซงถามขึ้นทันที“ก็ เจ้าไปแค่ไม่กี่วัน แ
จนป่านนี้เสี่ยวซงเองก็รู้ดียังไม่สามารถหาทางออกสำหรับตัวเองได้เช่นกัน เขาเพียงแค่ทำตามที่หัวใจเรียกร้องคืออยากเห็นหน้าแป๋มอยากอยู่ใกล้ แต่ปัญหาใหญ่หลวงที่เขาแบกรับก็ไม่อาจแก้ไขและหาทางออกได้ในตอนนี้ความรู้สึกทั้งสองคนในขณะที่ลมพัดโชยมาจึงไม่ต่างกันนั้นคือความรู้สึกเศร้าที่ไม่สามรถหาทางออกได้“ข้าก็แค่รู้สึกว่าเราสองคน ไม่สิข้ามีลางสังหรณ์ว่าเราสองคนเฮ้อช่างมันเถอะ...ไม่พูดแล้วแค่จะบอกว่า คิดถึง….”ตัดสินใจพูดไปเสียเป็นงเป็นกันเสี่ยวซงกดริมฝีปากปิดปากบางของแป่มที่พูดยังไม่ทันจบ ยกมมือขึ้นรวบเอวบาง (สาบานว่ามันเริ่มบางแล้ว) ไว้ในอ้อมแขน จูบอ่อนโยน แป๋มตาโตจูบแรก ต๋าย…. จูบแรกกับคนที่หล่อคนที่หน้าตาดีเพียงนี้เชียวหรือ แล้วเขาจูบตอบกันอย่างไรหว่า เสี่ยวซงถอนริมฝีปากออกช้าๆ ขำกับแป๋มที่จูบตอบแบบเงอะๆ งะงะเขินหันหน้าหนีไม่รู้จะเอาหน้าไปซ่อนตรงไหน แต่อีกคนกับกอดไม่ปล่อย ยังคงกอดอยู่อย่างนั้น แป๋มเองกลับซบหน้าลงกับอกของเสี่ยวซง อยากเห็นเนื้อในจริงๆ กล้ามคงเป็นมัดๆ ในเมื่อรู้สึกอบอุ่นขนาดนี้ ความอบอุ่นแผ่ซ่านเข้าไปถึงหัวใจ รู้สึกมีความสุขอย่างที่สุด ไม่มีคำพูดหลุดออกจากปากของทั้งแป๋มและเสี่ยวซ
“ต่อไปก็คงยิ้มไม่หุบทั้งวัน ใช่หรือไม่ในเมื่อเสี่ยวซงกลับมาอยู่กับพวกเราเหมือนเดิมแล้ว” ฮูหยินส่งเสริมเต็มที่ แป๋มอายบิดมือไปมา เสี่ยวซงสีหน้าสลดลงทันที“ความจริงข้ากลับมาครั้งนี้ตั้งใจมาลาพวกท่าน”แป๋มหูอื้อตาลายไปเสียแล้ว มาลา แล้วเขาจะมาจูบแป๋มทำไม แล้วยังมาทำเป็นมีทีท่าว่าชอบแป๋มมาให้ความหวังแต่กลับบอกว่าจะมาลาแป๋มก้มหน้านิ่งฮูหยินเฉินเหมือนจะเข้าใจดี“ลา หมายความว่าอย่างไร”“ข้าเดิมอยู่ที่นี่มีความสุขที่สุด แต่ด้วยข้าไม่อาจละทิ้งบุพการีได้ แม้จะหาข้ออ้างอย่างไรก็คงไม่อาจแก้ตัว พวกท่านเองก็คงจะคิดว่าข้าอยากไปอยู่ดี ความจริงเสี่ยวซงอยากอยู่ที่นี่ตรงนี้ไปอีกนานเท่านาน แต่ข้าไม่อาจกระทำ”ท่านเฉินถอนหายใจยาวเหยียด“จูเจี่ย มาช่วยแม่ยกกับข้าวกันดีกว่า”แป๋มลุกพลวดพลาดไปในทันทีไม่ได้เป็นเพราะความหิวแต่เป็นเพราะรู้สึกเหมือนน้ำตาจะไหลอยู่แล้ว เสี่ยวซงมองตามร่างที่เริ่มบางไปจนลับสายตา“จูเจี่ย”เมื่อเข้ามาในครัวเพียงลำพังฮูหยินเฉินที่แต่เดิมแป๋มไม่สู้ชอบใจนัก กับกุมมือเย็นชืดของแป๋มไว้“ค่ะท่านแม่”“แม่กำลังคิดว่า เจ้าไม่เหมือนเดิม หลายวันมานี้จูเจี่ยของแม่น่ารักขึ้นกว่าเดิมสวยขึ้นกว่าเดิม จ
แต่ไม่วาย น้ำตาปริ่มขอบตาอยู่ดี“จูเจี่ยท่าน”ปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม“ไม่ไม่ไม่ข้าแค่รู้สึกว่าอาหาร ของนี้วันอร่อยที่สุด อร่อยจนน้ำตาไหล ไม่ได้เศร้าเสียใจอะไรเลยจริ้งจริงงงง”จูจิ้นทำสีหน้าเศร้าสร้อยดวงจันทร์สว่างสดใส แป๋มนั่งเท้าคางมองเป็นกระต่ายหมายจันทร์จูจิ้นนั่งลงข้างๆ“จูเจี่ยอย่าเสียใจไปเลย”“ไม่ไม่เคยเสียใจอย่างน้อยก็มีความสุขช่วงที่ผ่านมา แม้จะรู้สึกปวดใจอีกไม่นานก็คงหาย”เสี่ยวซงนั่งลงข้างๆแป๋ม“รอข้าได้ไหม หากว่าเจ้าเชื่อใจข้าข้าสัญญาจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยแล้วจะกลับมา”“ท่านมีอะไรต้องจัดการ”เสี่ยวซงถอนหายใจ“ไว้ข้าจัดการเรื่องราวต่างๆเสร็จสิ้น ไปแล้วจึงจะเล่าให้เจ้าฟังจะได้ไหม”“พี่ชายเสี่ยวซง ท่านต้องสาบานว่าจะกลับมาที่นี่”“จูจิ้นไม่ใช่เรื่องของเด็ก จะไปฝืนใจพี่เสี่ยวซงเขาทำไมกัน”แป๋มเตือนเบาๆ“ข้าสาบานข้าจะกลับมา หลังจากที่จัดการทุกอย่างเรียบร้อย”กุมมือแป่มไว้แน่น“เจ้ารอข้า รอจนกว่าข้าจะกลับมา”แป๋มน้ำตาซึม กับคำสัญญา ดวงจันทร์ถูกเมฆหมอกบังอับแสงเหมือนหัวใจของแป๋มตอนนี้ ที่มืดมนไร้ทางออกจหนึ่งอยากเลิกเชื่อในสิ่งที่เสี่ยวซงพูดแต่อีกใจกับบอกว่าเสี่ยวซง ยอมลงทุนสาบาน จะ
“เสร็จแล้ว เจ้าต้องลองบ้างแล้วจูเจี่ย แต่เดิมเจ้าไม่ชอบทำอะไรแบบนี้แต่วันนี้กลับมาช่วยข้าได้นับว่าเป็นเรื่องดี บ๊ะจ่างที่ห่อด้วยตัวเองจึงจะอร่อยลิ้นกว่าของผู้อื่น”“ทำไมต้องอร่อยเล่าค่ะ”“ก็นะ เราห่อเองก็ต้องเลือกหยิบเฉพาะของที่เราชอบใส่เข้าไป”“ไม่ต้องใส่ไปทุกอย่างหรือค่ะ”“คนทั่วไปเขาก็ใส่เข้าไปทุกอย่างแต่ในเมื่อเราทำกินกันเอง จึงเป็นเรื่องของคนห่อว่าจะหยิบสิ่งใดเข้าไปบ้าง”แป๋มยิ้ม ฮูหยินเองก็อมยิ้ม“วันนี้แม่ตามใจจูเจี่ยหนึ่งวัน จะใส่อะไรลงไปก็แล้วแต่เจ้า”แป๋ม พับใบไผ่เป็นกรวย ในมือซ้าย จูจิ้น รีบขยับมานั่งใกล้ๆจะได้ช่วยหยินนู่นหยิบนี่ใส่ไปในบ๊ะจ่าง ไม่มีอะไรเกินความสามารถ ในเมื่อนั่งมองใกล้ชิดขนาดนั้นทำไมจะห่อไม่ได้ ไม่ถึงชั่วโมง บ๊ะจ่างถูกห่อเรียบร้อยวางไว้ในกระจาด ฮูหยินเฉินเตรียมตั้งหม้อนิ่งลูกบ๊ะจ่างที่ห่อเสร็จแล้วใกล้จะถึงเวลา เย็นเต็มทีท่านเฉินวางงอบลงบนเก้าอี้ไม้แป๋มตักน้ำเย็นๆไปให้ ท่านเฉินที่รับไปดื่ม“วันนี้มีบ๊ะจ่างต้องรอ สักประเดี๋ยวจึงจะกินได้ วันนี้จูเจี่ยลองห่อบ๊ะจ่างครั้งแรก จึงกินเวลาไปไม่น้อย ท่านพี่หิวหรือยัง”“เก่งเสียจริงจูเจี่ย หัดห่อบ๊ะจ่าง บ๊ะจ่างในวันนี้ต
“ท่านลุงข้าช่วย”เสี่ยวต้าแย่งไม้แย่งมือเมื่อเห็นว่าท่านเฉินกำลังจะแบกหลัวเกาลัดขึ้นบ่าไปส่งให้กับพ่อค้าผัก“มาพอดีข้ากำลังอยากถามพอดี แต่ติดที่อยู่กันหลายคน”“เชิญท่านลุง”“เจ้าเข้ามามีจุดประสงค์ใดกันแน่”“ท่านลงกังวลไปแล้วเสี่ยวต้ารอนแรมแค่เพียงอยากจะเรียนรู้วิธีปลูกผักทำสวนที่ถือว่าเป็นเคล็ดวิชาอย่างหนึ่งทีเดียว ในแคว้นฉินมักล่ำลือว่าไร่บ้านเฉินส่งผักเข้าวังหลวงมากมายกว่าบ้านอื่นข้าจึงตั้งใจมาที่นี่”“เฮ้อ ข้าอาจคิดมากหากเป็นเรื่องนั้นตอนนี้ คนที่ให้คำตอบได้ดีก็เป็นจูเจียข้าวางมือไปแล้ว จูเจียนางหลังๆมานี้ ปลูกเองเก็บเกี่ยวเองเสียจนคล่องแคล่วอีกทั้งบางอย่างนางยังทำได้ดีกว่าข้าด้วยซ้ำไป จูเจียตอนนี้ยิ่งนางมุ่งมั่นยิ่งทำได้ดี เรื่องส่งผักให้กับแคว้นเหนือก็เป็นความคิดของจูเจียที่ไม่ยอมยึดติดกับการค้าขายเฉพาะภายในแคว้น นางตกลงกับพ่อค้าผักจากแคว้นเหนือจนได้ค่าตอบแทนที่สูงลิบ”“นางช่างเก่งกาจเกินหญิง”“เจ้าอยากได้เคล็ดวิชาคงต้องไปขอจากจูเจีย”เสี่ยวต้าอมยิ้ม ท่านเฉินส่ายหน้าไปมา เสี่ยวต้าหล่อเหลาองอาจเพียงนี้ จะให้เชื่อได้อย่างไรว่าเพียงรอนแรมเสาะหาเคล็ดวิชาอย่างที่เขาบอก เมื่อคราวเสี่ยวซ
ก่อนหน้านั้นซงยี่เจ้าพร้อมที่จะแต่งกับองค์หญิงอิงเผยหรือไม่”อิงเผยใบหน้าซีดเผือดเมื่อได้ยินความว่าซงยี่“แคว้นฉินของเรามิได้ ดูแคลนองค์หญิงจากแคว้นใต้บัดนี้ซงยี่รั้งตำแหน่งต้าหวัง เพื่อสืบสันติวงค์เช่นเดียวกับ ซงหยวน อยู่ที่ซงหยวนว่าวสามารถ ปกครองแคว้นฉินได้ดีเพียงใดหัวเมืองทางเหนือข้ายกให้ซงยี่ปกครอง”“เสด็จพ่อลูกๆๆ”ซงยี่อ้ำอึ้งอิงเผยทำสีหน้าเศร้าสร้อย“ซงยี่เจ้าไม่อยากแต่งกับองค์หญิงใต้อีกคนหรือไร ในเมื่อซงหยวนคุกเข่าต่อหน้าข้าว่าเขาเขอเวลาพิสูจน์ตัวเองสองปีเพื่อให้ข้าเห้นว่าเขาทำได้เพียงลำพัง เพื่อหญิงนางนั้น เจ้าก็ยังเป็นอีกคนที่ไม่อยากแต่งองค์หญิงใต้หรือไร“แม้แต่ท่านก็ไม่อยากแต่งกับข้าอย่างนั้นใช่ไหม”อิงเผยตัดพ้อเบาๆ“ข้า ข้าแค่เพียงคิดว่าเจ้า ไม่สิข้าไม่อยากทำให้เจ้าเสียใจข้าๆๆแค่คิดว่าเจ้ามีใจให้พี่ใหญ่เอ๊ยไท่จือจนไม่มีสายตาเหลือบแลใคร ไม่รู้ว่าเจ้าจะแต่งกับองค์ชายสามเช่นข้าไหมในเมื่อข้าไม่ใช่ไท่จือ”“ช่างน่าไม่อายข้ารั้งอยู่ที่วังหลวงเสียนานป่านนี้ยังไม่ได้แต่งกับใครเป็น จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”“ซงยี่ เจ้ากล้าฝืนบัญชาข้าหรือไร”“เสด็จพ่อลูกไม่อาจ ไม่ทำตามกระแสรับสั่งที่เสด็จพ่
“แม่นาง เอ่ออจูเจียให้ข้า ช่วยแบกจะดีกว่า”เสี่ยวต้า แบกหลัวที่ใส่เกาลัดไว้บนบ่าจูจิ้นกำมือแป๋มไว้กระตุกเบาๆ ยิ่งกว่าคำปลอบใจ“รีบกลับ ไปที่บ้านกันเถิดอากาศค่อนข้างหนาวแล้ววันนี้ท่านแม่ต้องทำของอร่อยไว้ให้คลายหนาวอย่างแน่นอน”เมื่อกลับถึงบ้านฮูหยินเฉินกำลังอยู่หน้าเตาไฟ แป่มหยิบ กระทะมาเพื่อจะแบ่งเกาลัดที่เก็บมาใหม่ๆ คั่วไว้กิน หลังอาหารเย็น ท้องฟ้าเริ่มมืดสลัว อาหารเย็น ยังอยู่บนเตาไอร้อนลอยอ้อยอิ่ง“ท่านแม่”“วันนี้มีโจ๊กงาดำ ข้ากับพ่อของเจ้าเพิ่งจะร่อนงาดำมาเก็บไว้ คั่วเสียหน่อยต้มพร้อมกับข้าวสาลีหิวหรือยังจูเจีย”ฮูหยินเฉินสองปีมานี้สงสารแป๋มอย่างที่สุด อาจเพราะแป๋มไม่ได้เกียจคร้าน อย่างแต่ก่อนแล้วยังปรับปรุงตัว ยอมทำตามที่ฮูหยินแนะนำแทบทุกอย่าง เสี่ยวต้านั่งมองท่านเฉินที่กำลังสานหลัวและตะกร้าใบใหม่สำหรับใส่ของ“ข้ากำลังจะคั่วเกาลัด”จูจิ้น ขยับตัวลุกขึ้นมาถือทัพพี เตรียมไว้เมื่อแป๋มวางกระทะเกาลัดลงบนเตาอีกฝั่ง“ปีนี้คาดว่าจะหนาวกว่าปีที่แล้ว ไก่จึงไม่ค่อยจะออกไข่ ข้าหลายวันมานี้จับปลามาทำปลาเค็มไว้ แทนไข่ ไข่ปลาอูอร่อยที่สุด หายได้ยากต้องเมืองชายฝั่งปีนี้ขายผักได้เงินมากหน่อย หลายอย
“ท่านเฉิน ข้านำคนงานมาฝากให้ช่วยทำงานในสวน”“สวนของเราไม่รับคนงานอีกต่อไป”“เสี่ยวต้า คารวะท่านเฉินเสีย”“เสี่ยวต้าคารวะท่านเฉิน”“เห็นทีข้าไม่อาจปฏิเสธได้อีกแล้วใช่ไหม”“ท่านพ่องานในสวนกำลังเร่ง มีคนมาช่วยงานจึงดี”แป๋มช่วยพูดเพราะเห็นว่าลำพังเขากับจูจิ้นบัดนี้งานล้นมือเสี่ยวต้าพยักหน้าขึ้นลงยิ้มๆ เมื่อเห็นว่าแป๋มช่างมีใบหน้างดงามเกินกว่า หญิงบ้านป่าธรรดา“ขอบคุณแม่นางอย่างยิ่ง”แป๋มเบือนหน้าหนีจากตรงนั้นเสีย ยกเอาหลัวเตรียมไปขุดมันในสวนส่งเขาวังหลวงตามที่ตกลงกันไว้“มันเทศที่สั่งไว้ บัดนี้พร้อมส่งเข้าไปบางส่วนอีกส่วนหนึ่งให้ มารับในวันพรุ่งนี้ตอนนี้งานในสวนยุ่งมากอีกทั้งพ่อค้าจากแคว้นเหนือสั่งผักเป็นจำนวนมากเช่นกันการเร่งปลูกและเก็บเกี่ยวทำให้ ต้องใช้แรงงานแต่ตอนนี้บ้านเฉินมีแค่จูเจียกับจูจิ้นเพียงสองคน”“ไม่ได้เร่งรีบอะไรฝ่าบาทโปรดปรานอาหารที่ปรุงขึ้นจากมันเทศ และมีพระกระแสรับสั่งว่าอยากกินเกาลัดเปรยๆ ว่าเกาลัดคงจะแก่และร่วงจากต้นแล้ว เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้ามารับเกาลัดไปพร้อมกันเลย ข้าก็เห็นใจท่านเฉินไม่น้อย สองวันมานี้ฝ่าบาทสั่งให้เพิ่มงบในคลังสำหรับซื้อผักข้าก็แบ่งมาเพิ่มให้ท่าน แต่เร
“หมายความว่าทุกอย่างที่เราเห็นเป็นเพียงเรื่องโกหกของเสี่ยวซง เขาอาจไม่ได้ตั้งใจหลอกลวง ทว่าแต่ทุกอย่างล้วนเป็นเพียงเรื่องที่เขาสร้างขึ้น”“เสี่ยวซงไม่มีทางหลอกข้า แม้เขาจะไม่รู้ที่มาที่ไป แต่ข้าเชื่อว่าเขาไม่มีทางหลอกข้า”“เจ้าเห็นท่านซง กับตะเกียบเงินในมือหรือไม่ ทุกครั้งที่ข้าส่งตะเกียบให้เขา เขากลับวางมันไว้ข้างกาย หยิบตะเกียบเงินขึ้นมาลิ้มรสอาหารของเรา เจ้าคิดว่า เขาเป็นใครถึงกลัวว่าจะต้องพิษ”“จูเจีย ..ข้าข้าไม่รู้จริงๆ ”“ตัดใจเสีย เจ้าไม่คู่ควรกับเขา ป้ายหยกที่ข้างเอวของเขาบ่งบอกฐานะชัดเจน ล้วนเป็นของล้ำค่าจากวังหลวง คนธรรมดาล้วนไม่มีสิทธิ์ครอบครอง”ฮูหยินเฉินยกขนมผักกาดวางตรงหน้าแป๋มก่อนจะนั่งลงข้างๆ“ขนมผักกาดกินเสียหน่อยจะได้หายหิว ท่านพี่ให้นางกินอะไรก่อนเรื่องอื่นไว้คุยกันทีหลัง”แป่มน้ำตารื้นขอบตานึกขอบคุณฮูหยินที่เข้าใจว่าบัดนี้หัวใจของแป๋มแหลกสลายส่งตะเกียบในมือให้แป๋ม คีบขนมผักกาดขึ้นใส่ปากเคี้ยว รสชาติอร่อยลิ้น รู้ได้ในทันทีว่ามีส่วนผสมของถั่วงอก ที่หวานกรอบ และ หัวไช้เท้าใบกุ้ยซ่าย“ท่านแม่”ฮูหยินเฉินยิ้ม“ขนมผักกาด เป็นขนมที่ทำหลังเทศกาลตรุษจีน แต่วันนี้ข้าเห็นว่ามีหั
“ท่านพ่อ”“เสี่ยวซง ดูสิ่งที่เจ้าทำ”ท่าทีฉุนเฉียว แม้แต่คนตาบอดยังมองออก“กลับไปกับข้าเดี๋ยวนี้” เสี่ยวซงหันหน้าหันหลัง“จูเจีย ลุกขึ้นแล้วกลับบ้านเสีย”ท่านเฉินเองก็ไม่น้อยหน้า จูจิ้นรีบไปดึงมือแป๋ม มากำไว้ เมื่อเห็นว่าแป๋มทำสีหน้างงงัน“พี่สาวกลับบ้านกลับเราเสีย ท่านพ่อโมโหใหญ่แล้ว”“ข้ากับเสี่ยวซงเราไม่ได้ทำอะไรกันเสียหน่อย”แป๋มเถียงเพราะออกจะไม่มีเหตุผล ทำไม่ซงหยางต้องโมโหขนาดนั้น ไหนเมื่อลูกตัวเองเป็นผู้ชายไม่ได้เสียหายอะไรเสียหน่อย ท่านเฉินเองก็คงไม่พอใจท่าทีของซงหยาง“จงต้าหมิงคลุมตัวเสี่ยวซง กลับได้แล้ว”ซงหยางออกคำสั่งดังลั่นจงต้าหมิงรีบเดินเข้าไปหาเสี่ยวซงพยักหน้าขึ้นลงช้าๆ กระซิบบอกว่า“ไท่จือท่านต้องไปแล้ว”เสี่ยวซงหันมองหน้าแป๋มด้วยหัวใจที่แหลกสลาย คิดไม่ถึงว่าทุกอย่างจะจบลงเพียงแค่นี้จูจิ้นกำมือของแป๋มไว้แน่น“พี่ชายเสี่ยวซงท่านไปจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อน พี่สาวจูเจียข้าดูแลแทนท่านเอง” ท่านเฉินถลึงตาใส่จูจิ้น อับอายเหล่าชาวสวนข้างเคียงที่มาช่วยค้นหาทั้งสองคนไม่น้อยวังหลวง“เสด็จพ่อโปรดไตร่ตรอง”มือใหญ่ฟาดลงบนแก้มของซงหยวนเสียงสนั่น ซงหลี่ยิ้มด้วยความสาใจ ฮองเฮาตรงเข้า
เสียงนกหู๋ผีอิงอู๋ขับขานเจื้อยเแจ๊ว กลิ่นหอมจากผัดมะเขือยาวตากแห้ง (เสียเสี่ยง) ฮูหยินเฉิน เริ่มด้วยการนำมะเขือยาวตากแห้งมาหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กๆ แช่น้ำ บีบเอาน้ำออกพักไว้ใส่น้ำมันในเตาผัดใส่ขิงกระเทียมและต้นหอมลงไปผัดจนหอม ใส่เนื้อหมูเม็ดสน ลูกเกด ปลาเค็ม เห็ดหอมหน่อไม้ พุทราจีน ที่หั่นสี่เหลี่ยมเช่นกันลงไปผัดใส่น้ำสต๊อกไก่ปรุงรสเป็นอันเสร็จสิ้นแต่กลิ่นหอมในตอนผัดช่างหอมยวนใจเสียจริงซงหยางลืมตาตื่น สูดดมกลิ่นหอมจากฝีมือทำอาหารของฮูหยินเฉิน จูจิ้นยกอ่างล้างหน้ามาเตรียมไว้ให้ไม่บกพร่อง ข้าวสาลีหุงร้อนๆ มีไอร้อนลอยระอุ ท้องร้องโครกคราก“พร้อมหน้ากันแล้ว วันนี้มีเพียงอาหารง่ายๆ เพราะว่าเราจะต้องออกค้นหา เสี่ยวซงและจูเจีย”ท่านเฉินกล่าว ซงหยวน เกือบจะเผลอกลืนน้ำลาย อาหารง่ายๆ แต่มองแล้วไม่ธรรมดา ความหอมที่ปลุกในยามเช้าหากเป็นกลิ่นการปรุงอาหารมักจะทำให้เจริญอาหารได้ดีไม่น้อย ถ้วยข้าวถูกวางตรงหน้าท่านเฉินผายมืออย่างรู้ใจ“เสียเสี่ยงบ้านป่า ท่านซงลองลิ้มรสดู” จงต้าหมิงรับถ้วยข้าวจากฮูหยินเฉินอีกคนซงหยางใช้ตระเกียบในมือคีบผัดมะเขือยาว ที่ใส่ชามสีแดงจากดินเผา เข้าปากเคี้ยวเบาๆ มะเขือยาวเ
แสงไฟสะท้อนดวงตาเศร้าสร้อย“ท่านไม่ต้องกังวล ข้าไม่เคยกลัวว่าจะต้องเผชิญเรื่องราวร้ายๆ หากว่าท่านลำบากหรือถูกตามล่ามาอยู่ที่ไร่ของเรา ข้ารับรองข้าจะปกป้องท่านเอง”เสี่ยวซงขำกับคำพูดซื่อๆ ของแป๋ม เขาไม่เคยจะบอกอะไรนางก็ไม่เคยถาม แล้วยังเต็มใจจะช่วยเหลือ หากแป๋มรู้ว่าเขาไม่ใช่เสี่ยวซงเล่านางจะยังดีกับเขาไหม“ท่านไม่ต้องกลัวไม่ว่าท่านจะเป็นใครหรือเคยทำอะไรมาก่อนข้าพร้อมจะให้อภัยคนเรากลับตัวกลับใจเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ”เสี่ยวซงกอดรวบร่างบาง (คราวนี้บางจริงๆ ถึงเวลาต้องบางแล้วล่ะ) มาแนบอก กดจมูกโด่งลงบนไหล่บาง“ขอบใจเจ้าจูเจียข้าไม่เคยได้รับคำปลอบใจเช่นนี้จากใครมาก่อน แม้ว่าข้าจะไม่บอกสิ่งใดกับเจ้า แต่เจ้ากับให้ความจริงใจกับข้าเพียงนี้”“มืดค่ำเพียงนี้ยังไม่พบ พี่สาวท่านพ่อเราจะทำอย่างไรดี” ท่านเฉินถอนหายใจ“เห็นจะต้องกลับไปที่บ้านก่อน พรุ่งนี้จึงเกณฑ์คนจากบ้านอื่นให้ช่วยหาพี่สาวเจ้ากับเสี่ยวซง”“แล้วพี่สาวจะเป็นอย่างไรบ้าง”“ไม่พบศพ ก็แปลว่าพี่เจ้ายังปลอดภัย”ซงหยางพูดขึ้นบ้าง“หาจนทั่วไปพบจริงอย่างท่านซงว่า ทั้งสองคนคงปลอดภัยดีพรุ่งนี้จึงจะค้นหาให้กว้างกว่านี้ข้าเชื่อว่า เสี่ยวซงจะต้องดูแลจูเ
“ท่านพ่อช่วยด้วยมีคนต้องการทำร้ายพวกเรา”จูจิ้นตะโกนขึ้นทันทีเมื่อเห็นหน้าบิดา ท่านเฉินแบกจอม แบกคราดวิ่งตรงมายังซงหยางและจูจิ้น“ใครกัน ช่างบังอาจ ในไร่ของข้า จะมีใครกันที่ทำเรื่องแบบนี้”“ท่านพ่อพวกมันมากันมาหลายคน ดีที่ข้าพาท่านลุงหนีมาได้พี่สาวจูเจียกับพี่ชายเสี่ยวซง ช่วยกันขว้างพวกมันไว้”“ท่านซงบาดเจ็บที่ไหนหรือไม่”“จูจิ้นพาข้าหนีออกมาได้ เสี่ยวซงกับบุตรีของท่านไม่รู้จะเป็นอย่างไรกันบ้าง”“ฮูหยินตามคนมาช่วยออกตามหาจูเจียกัน จูจิ้นนำไป”คนทั้งหมดพากันเดินกลับไปยัง ที่พบมือสังหารอีกครั้งส่วนฮูหยินกำลังตามคนมาช่วย“ท่านพี่ระวังตัวด้วย จูจิ้นเจ้าดูแลท่านลุงดีดี”จูจิ้นยืดอกกลางป่า“เราสองคน ไม่มีใครเก่งเรื่องเดินป่าเลยใช่ไหม”แป๋มชักสงสัยทำไมเดินมาไกลขนาดนี้ ทั้งที่อุตส่าห์เดินกลับมาทางเดิมทำไมยังไม่เจอไร่เสียที ตอนวิ่งก็วิ่ง มาอย่างไม่คิดชีวิต“คงจะไม่อาจปฏิเสธว่าข้า ไร้ความสามารถเรื่องหาทางออกไม่ว่าจะเป็นออกจากปัญหาหรือออกจากป่า”“เราต้องออกไปได้น่า ไม่ต้องกลัวแป๋มเสียอย่าง”“แป๋ม”“อะเปล่า จูเจียเสียอย่าง”“เจ้ากลัวไหม”กุมมือสบตาหวานซึ้งแป๋มเบ้ปากเห็นว่าอยู่สองต่อสอง แบบนี้ตั้งใจจะ