Share

คำกล่าวลาไม่จำเป็น

“ท่านพ่อจูจิ้นไม่เห็นเคยได้”

“จูจิ้นใช้กับท่านแม่”จูจิ้นหน้าเง้า แป๋มแบ่งส่วนของตัวเองออกครึ่งหนึ่งส่งให้จูจิ้น

“ข้าไม่เคยได้ไปไหนซื้ออะไร จูจิ้นเจ้ารับไว้”ยิ้มกว้างสดใสปรากฏที่ริมฝีปาก

“พี่สาวจูเจียท่านใจดีแปลกๆช่วงนี้ไม่เห็นเหมือนเมื่อก่อนหน้านั้น แป๋มยิ้มแหย๋ๆไม่กล้าพูดอะไรจะบอกได้อย่างไรว่าตัวเองไม่ใช่จูเจีย

“รีบไปแล้วรีบกลับมา พวกเรารอเจ้าอยู่ที่นี่”เสี่ยวซงประสานมืออีกครั้ง

แป๋มยิ้มเศร้าๆ สองสามวันหรือว่าจะไปไม่หวนกลับ

...คนเร่ร่อนจะรักใครจริง….

“พรุ่งนี้เห็นทีจะต้องเก็บเกี่ยวถั่วแดงเสียทีฝักอ่อนไม่เหลือให้เก็บเป็นผักแล้ว คงเหลือแต่ฝักแก่ๆ เก็บมาแล้วนำไปตากสองสองสามแดดก็เอามาเก็บไว้ได้นานแสนนาน อือ ...ฮูหยินจูจิ้นเก็บใบไผ่มาให้เสียมาก แม้ไม่ใช่ไผ่หม่าจูแต่ใบก็สมบูรณ์ไม่น้อยเหมาะกับการห่อบะจ่าง เก็บถั่วแดงแล้วจึงทำบะจ่างกินกัน ไม่ได้กินเสียนาน”ท่านเฉินพูดไปยิ้มไป

“เผือกข้างลำธารก็กำลังลงหัวพอดีพรุ่งนี้หากไม่มีอะไรเร่งด่วนข้าจะไปขุดเผือกเตรียมไว้ ส่วนเกาลัดคงต้องให้จูจิ้นกับจูเจี่ยไปเก็บมาจากท้ายไร่ตอนนี้คงร่วงเกือบหมดต้นแล้ว”

“เกาลัดหรือคะ”ดวงตากลมโตยิ่งกลมโตยิ่งขึ้น

“เกาลัดเพิ่งจะร่วงจากต้นสองสามวันก่อนข้า เดินผ่านไปเหลืออยู่บนต้นไม่มากนักตอนนี้คงร่วงไปหมดแล้วเจ้าสองคนนำตะกร้าไปเก็บมาไว้ ให้ท่านแม่เตรียมห่อบ๊ะจ่าง”สูดลมหายใจเข้ายิ้มแก้มปริ เผลอเขย่าแขน เสี่ยวซง

“เจ้าก็ไปเก็บเกาลัดกับเรานะเสี่ยวซง ไปหลายคนสนุกดี”เสี่ยวซงยิ้มเจื่อนๆ

“จูเจี่ย เสี่ยวซงจะต้องกลับบ้านเกิด เจ้าอย่ารบเร้าเขา เขาก็มีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบเช่นกัน”

เสี่ยวซงสีหน้าเริ่มเศร้าสร้อยยกถ้วยข้าวซ้อนกันก่อนจะยกไปริมลำธารเพื่อล้างทำความสะอาด ท่านเฉินมองตามเสี่ยวซงก่อนจะมองแป๋มที่สีหน้าสลดลงเช่นกัน

ค่ำคืนมืดมิดซงหยวนน่งทอดอารมณ์ด้านนอกอาศัยเพียงแสงจันทร์ที่สว่างสุกใสก็เท่านั่น แป๋มหย่อนกายลงข้างๆเบากริบ

“กำลังคิดเรื่องใดกัน”เสี่ยวซงหันมองแป๋ม

“ชายหญิง อยู่ตามลำพังเช่นนี้ไม่เหมาะนัก”

“เจ้ากลัวข้าหรือ”แกล้งเย้า

“เจ้าจะต้องกลัวข้า ท่านลุงกับท่านแม่เจ้านอนไปแล้วหากข้าคิดจะทำอะไรเจ้าจะรอดพ้นเงื้อมมือข้าหรือ”

“ข้าตะโกนเสียงดังอีกทั้งอ้วนก็อ้วนแรงก็เยอะ เจ้าแน่ใจนะว่าจะอยากทำอะไคนอ้วนๆเหมือนข้า”เสี่ยวซงยิ้ม แป๋มไม่ได้อ้วนแต่ทรวดทรงองค์เอวมีให้เห็นไม่เหมือนในครั้งแรกที่เขาเห็นแป๋มตอนนั้นเขาไม่ได้มีความรู้สึกว่าใจสั่นเวลาเข้าใกล้ แต่ก็อดที่จะอมยิ้มกับคำพูดชวนหัวไม่ได้ แต่มาบัดนี้เมื่อเย็นพิสูจน์ได้ดีว่าเขาใจสั่นเพียงใดเมื่อเข้าใกล้แป๋มดึงสายรัดเอวที่เอวคอดกิ่วของแป๋มด้วยมืออันสั่นเทา

“เจ้าจะมีทางได้ตะฏกนหากข้าปิดปากเจ้าเสีย”

“ข้าก็จะกัดมือท่าน”

“ข้ามิได้ใช้มือปิดปากเจ้า”แป๋มไม่ทันคิด

“แล้วใช้อะไร”ปากอุ่นประกบเข้าที่ริมฝีปากแผ่วเบา ไม่กล้าซอกซอนหรือรุกล้ำ แค่นั้นแป่มก็แทบหัวใจหยุดเต้น ตั้งแต่เกิดมาไม่มีใครกล้าทำแบบนี้เพราะแป่มอ้อวนๆๆๆๆมาตั้งแต่เกิดแต่ตอนนี้เสี่ยวซงที่หล่อเหลาอย่างกับพระเอกซีรีส์กับจุบที่ปากของแป่มอย่างไม่ลังเล

ผลักร่างสูงอย่างแรง

“เห็นไหมว่าเจ้าไม่ตะโกน”อมยิ้มกับท่าทีเขินอาย

“ท่านฉวยโอกาส”

“ไม่มีใครเขาไม่ฉวยโอกาสทุกคนล้วนไม่อาจห้ามใจเมื่ออยู่ใกล้….หญิงงาม”

“อย่าหลอกข้า ท่านก็รู้ว่าข้าอ้วนแล้วยังขี้เหร่”

“จูเจีย ข้าไม่ได้โป้ปด แต่สิ่งที่ข้าเห็นในตัวเจ้าหาใช่ความงามแค่ภายนอก ทว่าทุกอย่างที่เป้นเจ้าล้วนทำให้...หัวใจชื่นบาน”อย่าบอกนะว่ากำลังจะโดนจีบเข้าให้แล้ว เผลอก้มมองแขนขาของตัวเองนี่ฉันอ้วน หรือว่าฉันสวยกันนะ คนหล่ออย่างเสี่ยวซงถึงได้เกี้ยวพา

“ข้า...ข้า”

“เจ้าเขินอาย ข้าชอบยามที่เจ้าเขินอายที่สุด หากแสดงการเขินอายอย่างนี้ แสดงว่าเจ้าก็มีใจให้กับข้าใช่ไหม”

“ป่าววววววจะไวไปหรือเปล่า ข้าจะมีใจให้ท่านได้อย่างไรเราเพิ่งจะรุ้จักกันได้ไม่นาน”

“แสดงว่าเป็นข้าที่คิดไปเองเพียงลำพังใช่หรือมไม่”สายตาวิงวอน”

“ข้าแค่จะมาบอกลาท่านในเมื่อท่านกำลังจะจากไปข้าแค่ อยากบอกลา”เสี่ยวซงยิ้มขมขื่น

“แค่เพียงบอกลา ไม่จำเป็น”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status