แต่ไม่วาย น้ำตาปริ่มขอบตาอยู่ดี“จูเจี่ยท่าน”ปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม“ไม่ไม่ไม่ข้าแค่รู้สึกว่าอาหาร ของนี้วันอร่อยที่สุด อร่อยจนน้ำตาไหล ไม่ได้เศร้าเสียใจอะไรเลยจริ้งจริงงงง”จูจิ้นทำสีหน้าเศร้าสร้อยดวงจันทร์สว่างสดใส แป๋มนั่งเท้าคางมองเป็นกระต่ายหมายจันทร์จูจิ้นนั่งลงข้างๆ“จูเจี่ยอย่าเสียใจไปเลย”“ไม่ไม่เคยเสียใจอย่างน้อยก็มีความสุขช่วงที่ผ่านมา แม้จะรู้สึกปวดใจอีกไม่นานก็คงหาย”เสี่ยวซงนั่งลงข้างๆแป๋ม“รอข้าได้ไหม หากว่าเจ้าเชื่อใจข้าข้าสัญญาจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยแล้วจะกลับมา”“ท่านมีอะไรต้องจัดการ”เสี่ยวซงถอนหายใจ“ไว้ข้าจัดการเรื่องราวต่างๆเสร็จสิ้น ไปแล้วจึงจะเล่าให้เจ้าฟังจะได้ไหม”“พี่ชายเสี่ยวซง ท่านต้องสาบานว่าจะกลับมาที่นี่”“จูจิ้นไม่ใช่เรื่องของเด็ก จะไปฝืนใจพี่เสี่ยวซงเขาทำไมกัน”แป๋มเตือนเบาๆ“ข้าสาบานข้าจะกลับมา หลังจากที่จัดการทุกอย่างเรียบร้อย”กุมมือแป่มไว้แน่น“เจ้ารอข้า รอจนกว่าข้าจะกลับมา”แป๋มน้ำตาซึม กับคำสัญญา ดวงจันทร์ถูกเมฆหมอกบังอับแสงเหมือนหัวใจของแป๋มตอนนี้ ที่มืดมนไร้ทางออกจหนึ่งอยากเลิกเชื่อในสิ่งที่เสี่ยวซงพูดแต่อีกใจกับบอกว่าเสี่ยวซง ยอมลงทุนสาบาน จะ
“เสร็จแล้ว เจ้าต้องลองบ้างแล้วจูเจี่ย แต่เดิมเจ้าไม่ชอบทำอะไรแบบนี้แต่วันนี้กลับมาช่วยข้าได้นับว่าเป็นเรื่องดี บ๊ะจ่างที่ห่อด้วยตัวเองจึงจะอร่อยลิ้นกว่าของผู้อื่น”“ทำไมต้องอร่อยเล่าค่ะ”“ก็นะ เราห่อเองก็ต้องเลือกหยิบเฉพาะของที่เราชอบใส่เข้าไป”“ไม่ต้องใส่ไปทุกอย่างหรือค่ะ”“คนทั่วไปเขาก็ใส่เข้าไปทุกอย่างแต่ในเมื่อเราทำกินกันเอง จึงเป็นเรื่องของคนห่อว่าจะหยิบสิ่งใดเข้าไปบ้าง”แป๋มยิ้ม ฮูหยินเองก็อมยิ้ม“วันนี้แม่ตามใจจูเจี่ยหนึ่งวัน จะใส่อะไรลงไปก็แล้วแต่เจ้า”แป๋ม พับใบไผ่เป็นกรวย ในมือซ้าย จูจิ้น รีบขยับมานั่งใกล้ๆจะได้ช่วยหยินนู่นหยิบนี่ใส่ไปในบ๊ะจ่าง ไม่มีอะไรเกินความสามารถ ในเมื่อนั่งมองใกล้ชิดขนาดนั้นทำไมจะห่อไม่ได้ ไม่ถึงชั่วโมง บ๊ะจ่างถูกห่อเรียบร้อยวางไว้ในกระจาด ฮูหยินเฉินเตรียมตั้งหม้อนิ่งลูกบ๊ะจ่างที่ห่อเสร็จแล้วใกล้จะถึงเวลา เย็นเต็มทีท่านเฉินวางงอบลงบนเก้าอี้ไม้แป๋มตักน้ำเย็นๆไปให้ ท่านเฉินที่รับไปดื่ม“วันนี้มีบ๊ะจ่างต้องรอ สักประเดี๋ยวจึงจะกินได้ วันนี้จูเจี่ยลองห่อบ๊ะจ่างครั้งแรก จึงกินเวลาไปไม่น้อย ท่านพี่หิวหรือยัง”“เก่งเสียจริงจูเจี่ย หัดห่อบ๊ะจ่าง บ๊ะจ่างในวันนี้ต
วังหลวง“ไท่จือ เครื่องเสวยไม่ถูกปากหรือไร วันนี้จึงเสวยเพียงน้อยนิด”องค์หญิง อิงเผยเอ่ยปากถามเมื่อเห็นว่าผัดถั่วแดง ฝักอ่อนที่หวานกรอบในวันนี้กับไม่เป็นที่ถูกปากทั้งๆ ที่ห้องเครื่องนำเสนอว่าเป็นเครื่องเสวยที่หาทานได้ยากปีหนึ่งจะมีเพียงสองครั้ง ซงหยวนคีบฝักถั่วแดงอ่อนขึ้นมาพิจารณาไปมาหวนคิดถึงแป๋มป่านี้จะเป็นอย่างไรบ้างจะคิดถึงเขาไหม แล้วเขาจะทำอย่างไรแป๋มถึงจะเข้ามาในวังหลวงอย่างไม่มีข้อกังขา ในเมื่อแป๋มไม่ใช่คนโง่หากจะใช้ลูกไม้ตื้นๆ เกรงว่ารู้ทันเสียก่อน“ข้า อิ่มแล้ว”“ทำไมรีบอิ่ม ห้องเครื่องบอกว่าฝักถั่วแดงอ่อนหากินยากไม่น้อยอิงเผยรู้สึกว่ารสดีหลายวันมานี้อิงเผยเจริญอาหารมาก”“กินได้ก็ดีแล้ว”“ไท่จือ อิงเผยกับองค์ชายเมื่อไหร่เราสองคนจึงจะได้แต่งงานกันเสียที”น้ำเสียงออดอ้อน“ข้าขอเวลา”ไม่ได้รู้สึกอะไรกับคำออดอ้อนนั้น ทำไมแป๋มไม่ออดอ้อนเขาแบบนี้บ้าง ทุกคำของแป๋มล้วนแต่พูดออกมาจากใจ แม้กระทั่งตอนที่เขาจูบแป๋มน้ำเสียงของแป๋มก็ยังเรียบเฉยแต่ทำไมเขารู้สึกว่าแป๋มดีใจ“อิงเผยมาอยู่ที่นี่ก็หลายวันแล้ว อีกทั้งใครๆ ก็ต่างรู้ดีว่าอิงเผยมาเพื่อเสกสมรสเป็น ไท่จือเฟย”“ก็ได้ แต่ต้องรอให้เสด็จพ่อ
“สุก เจ้าหมายความว่าอย่างไรสุกไม่ดีหรือ แล้วทำไมต้องเรียกผลไม้จากสรวงสววรค์”“สุกจนงอมก็นิ่ม ดีที่เอามาให้ท่านแม่ตากแห้ง ไม่อย่างนั้นก็เอามาเชื่อมแล้วที่เรียกแบบนั้นเพราะมีสีเหลืองดั่งทอง”“อ๋อสีเหลืองสวยเหมือนมาจากสวรรค์ แล้วไม่มีแบบไม่งอมหรือ”“มีอยู่สองต้น ต้นหนึ่งหากไม่งอมจะไม่หวานฝาดมาก แต่อีกต้นอยู่ด้านล้างไม่งอมก็หวานกรอบข้าตั้งใจพาไปเก็บต้นที่หวานกรอบส่วนต้นที่ฝาดเราไปเก็บไว้ให้ท่านแม่ตากแห้งกับเชื่อม”จูจิ้นส่งหลัวให้แป๋มส่วนตัวเอง มีหลัวส่วนตัวที่ท่านเฉินสานให้ใหม่อันเล็กน่ารักเท่าขนาดตัวของจูจิ้นจูงแขนพี่สาวก้าวเดินไปพร้อมกันข้าหน้าถัดออกไปจากต้นเกาลัด สักสองร้อยเมตรเห็นจะได้ ต้นลูกพลับที่มีแต่ลูกพลับจริงๆ มองไม่เห็นใบของมัน ลูกพับสีเหลืองสุกเหลืองเต็มต้น แต่ลักษณะของลูกพลับไม่เหมือนที่ แป๋มเคยเห็นในตลาด นี่คงเป็นลูกพลับจีนของแท้ มองไปทางไหนมีแต่ลูกพลับที่ติดอยู่กับกิ่งก้าน เหมือนใครมาผูกติดไว้ ละลานตาอย่างน่าอัศจรรย์ใจ บางลูกก็เป็นสีน้ำตาลติดอยู่กับกิ่งบางลูกก็ร่วงลงมาตกอยู่บนพื้นแมลงเล็กๆ ซอนไซ จูจิ้นเก็บลูกสีน้ำตาลลูกหนึ่งจากพื้นหญ้าสีเขียวเหมือนเพิ่งกำลังร่วงลงมาจากต้
อากาสในวันนี้ค่อนข้างหนาวฟ้าขมุกขมัวลมโชยแผ่วๆแป๋มนั่งซึมอยู่ที่หน้าบ้าน“วันนี้เราจะมาทำหัวไช้เท้าดองหวาน และเผ้าไช่ (ในที่นี้คือการดองแบบเจี้ยงไช่ และเผ้าไช้คล้ายกิมจิ) ”ฮูหยินเฉินพูดขึ้นดึงดูดความสนใจของแป๋มที่ขยับเข้ามาใกล้ท่าทีสนใจออ่างที่สุด แมมโมรี่ไว้หมดแล้วเกรงว่าหากกลับไปนี่แป่มจะต้องทำเป็นทุกอย่างและจะต้องมีทุกอย่างที่อยากทำเจี้ยงไช่ (酱菜เสียงจีนกลาง)ผักดองประเภทเจี้ยงไช่ เป็นการเอาผักสดมาหมักเกลือ พอหมักจนผักเค็มได้ที่แล้ว ต้องเอามาลดความเค็มในตัวผักลง ด้วยการหีบบีบเอาน้ำเกลือในผักออก หรือแช่ในน้ำสะอาด เพื่อชะเกลือในผักออก จากนั้น จึงหมักต่อด้วย “เจี้ยง” หรือซอสต่างๆ หรือซีอิ๊ว ให้กลิ่นรสของ “เจี้ยง” ซึมเข้าไปในเนื้อผัก ก็จะได้ผักดองเจี้ยงไช่ชาวจีนเอาพวกแตง ขิง ถั่ว หัวผักกาด ผักกาดขม ผักกาดหอม กระเทียม ข่า รากบัว กระทั่งถั่วลิสง มาดองทำเป็นเจี้ยงไช่ได้หมด จนดูเหมือนว่า ไม่มีผักชนิดไหนที่เอามาทำเจี้ยงไช่ไม่ได้“ท่านแม่ ท่านแม่จะดองแบบไหนกัน”“ข้าจะดองสูตรลับของบ้านเรา”ลงมือหั่น หัวไชเท้าที่ล้างจนสะอาดสะอ้าน เป็นท่อนๆ แป๋มไม่รอช้ารีบลงมือหั่นหัวไช้เท้าเช่นกัน ฮูหยินเฉินหั
นอกเขตวังหลวงเสี่่ยวซงในอาภรณ์ของสามัญชน ตามหลังมาด้วยซงหยางฮ่องเต้ในอาภรณ์สามัญชนเช่นกันหากไม่รวมถึงรูปร่างหน้าตา มองเพียงอาภรณ์เพียงอย่างเดียวต้องคิดว่าสองพ่อลูกเป็นเพียงคนเร่ร่อน“ข้าจะต้อง สงบคำเช่นนั้นใช่ไหม”“พ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อทุกอย่างล้วนเพื่อความปลอดภัย หากมีผู้คนล่วงรู้ว่าฮ่องเต้ทิ้งงานราชสำนักออกมาทำสวนเหล่าคนที่ปองร้ายจึงจะได้โอกาสลงมือ”“ทำไมไม่ให้องครักษ์ตามข้ามา”“จงต้าหมิงอารักขาอยู่ไม่ไกลนักคาดว่าเพียงจงต้าหมิงคนเดียวก็เกินพอ ที่นั่นสงบร่มรื่น ไร้ผู้คนมีเพียงคนในครอบครัวซึ่งลูกไม่เห็นว่าใครจะเป็นภัยต่อเสด็จพ่อแม้แต่น้อย”“เจ้าเคยไปที่นั่นหรือไร หรือว่าที่หายไปก็อยู่ที่นั่นตลอดเวลา”เสี่ยวซงยิ้มเป็นการตอบรับ“ข้าชักอยากจะเห็นไร่บ้านเฉินกับคนบ้านเฉินเสียแล้ว ดูรึว่าทำไมไท่จือถึงได้ ยอมอยู่ที่นั่นได้แรมเดือน”“ขันทีระหว่างนี้แจ้งข่าวว่าข้าป่วยนอนอยู่ในห้องบรรทมห้ามผู้ใดรบกวนบอกว่าหมอหลวงให้ข้าพักผ่อนมากหน่อย ระหว่างนี้จนกว่าข้าจะกลับระหว่างนี้ให้ยกเครื่องเสวยเป็นกันคนสงสัย แต่ห้ามฮองเฮาและสนมเข้าไปวุ่นวายใครขัดบัญชาประหารอย่างเดียว”เสี่ยวซงยิ้มก่อนจะออกเดินนำซงหยางฮ่องเต้เ
เพราะความหนึบของเมล็ดข้าว ท่านเฉินผายมือให้กับแขก ที่อาวุโสกว่าเป็นการให้เกียรติ“เชิญ ท่านซง”ซงหยางยิ้มอย่างภาคภูมิ ใช้ตะเกียบในมือ คีบชิ้นเห็ดหอมปนไปด้วยแครอทจากไข่ตุ๋นเข้าปากรสชาติเค็มของเครื่งปรุงและหวานของแครอทบวกกับนุ่มหนึบของเห็ดหอม พร้อมกับกลิ่นหอมอ่อนๆ จากใบผักชี ซงหยางเลิกคิ้วสูงไม่คิดว่าอาหารพื้นบ้านที่ไร้การเสกสรรจนเลิศหรูจากในห้องเครื่องจะรสดีเพียงนี้“อร่อยมาก”เสี่ยวซงอมยิ้ม ทุกคนเริ่มลงมือกิน แป๋มคีบเห็ดหอมในถ้วย ตุ๋นไก่เห็ดหอมใส่ปาก น้ำซุปหวานฉ่ำลิ้นซึมเข้าไปสู่เนื้อเห็ดหอมที่หวานหอมนุ่มละมุน เห็ดหอมสดๆ เมื่อนำมาปรุงอาหารกับให้ความรู้สึกหอมนุ่ม แม้ความหนึบจะน้อยกว่าเห็ดหอมแห้งแช่น้ำแต่รสหวานกับเด่นชัดกว่าเห็นๆ ข้าวสาลีเม็ดสีน้ำตาลถูกพุ้ยเข้าปากรสกลมกล่อม ใช้ช้อนตักน้ำขึ้นมาซดให้คล่องคอ ไข่ตุ๋นพร่องไปไม่น้อยแป๋มรีบคีบเนื้อเห็ดในไข่ตุ๋นใส่ปากบ้างเนื้อไข่ฟูฟอง เพราะมีอากาศแทรกเข้าไปรสสัมผัส ไม่อ่อนนุ่มเหมือนไข่ตุ๋นที่ไม่ได้ตีไข่ แต่ทว่ากับให้ความรู้สึกอร่อยกว่าไข่ตุ๋นนุ่มนิ่มที่พวกแม่ค้าไข่ตุ๋นชอบทำกัน รสดีจนต้องเผลอเคี้ยวและกลืนลงไปอย่างรวดเร็ว เหมือนเคยที่ทำเมื่ออยู่โลก
แป๋มกับจูจิ้นนั่งคั่วเกาลัด อยู่ห่างออกไปที่เพิงเก็บฟืน“พี่สาวจูเจี่ย ข้าไม่เข้าใจว่าทำไม่ไม่ให้ข้าพูด”“เรื่องบางเรื่อง ไม่ควรปากไว จูจิ้นพี่ชายเสี่ยวซงของเจ้าจะหนักใจแค่ไหน หากเขาไม่ได้คิดถึงเรา หรือไม่ต้องการที่จะมาที่นี่ มาอยู่ที่นี่แต่แค่แวะเวียนมาก็เท่านั้นแล้วคำพูดของเจ้าไปทำให้เขาต้องลำบากใจ”“พี่สาวท่านก็ไม่ต้องเสียใจ ทุกอย่างที่เขาทำล้วนแต่เพื่อพี่สาว ข้ามองก็รู้ว่าพี่ชายเสี่ยวซงจริงใจกับท่านแค่ไหน”แป๋มเขย่าหัวน้องชายต่างภพ ตอนที่รู้สึกแย่แบบนี้อย่างน้อยก็มีจูจิ้นละว้า สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ยิ้มหวาน“ไม่เสียใจพี่สาวของเจ้าเก่งจะตาย มาเรามากินเกาลัดคั่วคลายเครียดกันดีกว่า”“เครียด...”“ข้าหมายถึง คลายความกังวลในเมื่อยามนี้มีความกังวลมากมาย ข้าจึงไม่อยากให้ เรื่องราวเหล่านั้นมาทำให้เราสองคนพี่น้องต้องปวดหัว อือข้าหมายถึงเราสองคนพี่น้องจะได้ไม่ต้องกังวล จูจิ้นในครั้งแรกข้าคิดว่าเจ้าช่างเป็นน้องนรก แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าจูจิ้น เป็นน้องชายที่ดีเพียงใด เรียกได้ว่าความสัมพันธ์พี่น้องของเจ้ากับข้าพัฒนาไปในทางที่ดีทีเดียว เช่นนั้นยกเลิกคำพูดที่ว่าอยากให้เจ้าหายไปเสียจะดีไหม”จูจิ้นยิ้ม“ม
“ไม่ต้องห่วงนะข้า ไปศึกษาเคล็ดวิชา เกี่ยวกับ..เอ่ออการอุ่นเตียงที่เจ้าจะต้องติดใจ”รวบร่างบางให้อยู่ใต้ร่างเขาก่อนจะกดริมฝีปากอีกครั้งบรรจงจูบอ่อนหวานปลดแกะอาภรณ์ของตัวเองและของแป๋มออกช้าๆ อ่อนโยนจนแป๋มแทบจะล่องลอยโคมไฟหัวเตียงอ่อนแสงลงเมื่อคนทั้งคู่ กำลังมีความสุขภายใต้แสงไฟสลัว เนิ่นนาน ไม่สนใจเวลาที่หมุนผ่านจนโคมไฟอ่อนแสง (ตัดเข้าโคมไฟอย่าด่าไรท์น้าาา555)สามปีผ่านไป“แค้วนเหนือส่งบรรณาการมาที่แคว้นฉินแทนคำขอบคุณที่ ฝ่าบาทส่งท่านเฉินให้ไปเป็นผู้ถ่ายทอดเคล็ดวิชาในการปลูกผักและถนอมอาหารบัดนี้แคว้นเหนือรุ่งเรือง เป็นบ้านพี่เมืองน้องฮ่องเต้าต้าปอหลันจึงได้มีบัญชาให้นำเครื่องบรรณาการมาที่นี่แทนคำขอบคุณ”ซงหยวนเอื้อมมือกุมมือแป๋มใต้บัลลังก์บีบมือเบาๆ มองสบตา คม อย่างมีความหมาย“กลยุทธ์ของเจ้า เข้าท่าดีไม่น้อยต่อไปบ้านใกล้เรือนเคียงจึงไม่ทะเลาะเบาะแว้งเแย่งชิง ทรัพยากรและดินแดนกันอีกในเมื่อทุกพื้นที่ล้วน ปลูกผักทำสวน พึ่งพาตัวเอง ท่านพ่อตาเก่งเรื่องทำสวน ช่วยดูแลให้ความรู้ชาวแคว้นเหนือได้ดี แม้อยากกลับก็ไม่ได้กลับ ฮ่องเต้แคว้นเหนือแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งราชครูเลยทีเดียว“คิดถึงจูจิ้นเขาไม่อ
พิธีแต่งงานที่ยิ่งใหญ่อลังการ จนแป๋มคิดไม่ถึงว่าจะได้เห็นแล้วยังต้องมาสวมอาภรณ์สีแดงด้วยตัวเอง อาการตื่นเต้นจนทำให้ต้องนึกถึงเรื่องที่ผ่อนคลายกว่านี้จะได้ไม่ทำอะไรเงอะงะ ให้ขายหน้าทั้งๆ ที่เมื่อวานวุ่นวายกับการฝึกซ้อมพิธีการแต่….เมื่ออยู่ในห้องสองต่อสองเมื่อวันก่อน แป๋มนำเอาแครอทหั่นฝอยมาทำเป็นส้มตำให้ซงหยวนกินอดจะขำกับเสียงซุดปากที่ขันทียังตกใจเสียไม่ได้ส้มตำไทยรสเด็ดที่แป๋ม ปรุงเองกับมือ ไม่มีมะละกอก็ใช้แครอทซอย เป็นเส้น พริกสดสีแดงจัดจ้านกระเทียมสีม่วงกลีบเล็ก โขลกรวมกัน ใส่กุ้งแห้งที่ตัวใหญ่ไปหน่อย ถั่วลิสงคั่ว มะนาวซีก น้ำผึ้ง และเห็ดหอมสดต้ม ข้าวโพดหวานต้ม ลงไปคลุกเคล้า ตักยื่นส่งตรงหน้าซงหยวนที่ยืนชื่นชม ท่าทีคล่องแคล่วของแป๋ม แต่ก็แอบกลืนน้ำลาย“เจ้าไปนำวิธีการปรุง อาหารจานนี้มาจากไหน”“พูดไปฝ่าบาทก็คงไม่เชื่อแต่จะบอกอะไรให้ อาหารจานนี้จูเจียชอบที่สุด และหากฝ่าบาทได้ชิมจะต้องซี้ดปากด้วยความสะใจ”“ซุ๊ดด ซี็ดเผ็ดมาก แต่อร่อยลิ้น เสียจริงไม่น่าเชื่อแครอทเอามาทำอาหารแบบนี้ได้ วังหลวงของเราไม่เคยมีอาหารรสจัดจ้านเพียงนี้ ข้าเห็นทีจะจัดให้ห้องเครื่องเป้นอาหารที่ทำห้คนนวังหลวงได้ชิม
“เรื่องอัปยศเช่นนี้ข้าก็ไม่อยากจะรื้อฟื้นเอาเป็นว่าเราทั้งสอง ทำทีเป็นเหมือนคนไม่เคยรู้จักกัน อย่างที่ผ่านมาดีแล้ว”“ท่านก็ยังเหมือนเคย””ตัวท่านเองก็เช่นกัน รักในบัลลังก์มากกว่าสิ่งอื่นใด”ซงหยางยิ้ม“ท่านเองก้คงไม่ปรารถนาให้บุตรีต้องมา ผูกพันกับซงหยวนที่มีหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ต้องรับผิดชอบข้ามองไม่เห็นทางว่า หากซงหยวนแต่งกับบุตรีของท่านเหมือนที่ข้ายอมแต่งกับ พี่รองของท่านแล้วจะนำพาแคว้นฉินให้รอดปลอดภัยจากแคว้นอื่นที่ต้องการรุกรานได้อย่างไรในเมื่อซงหยวนมีว่าที่ไท่จือเฟยเป็นองค์หญิงแคว้นใต้”เฉินเจียจิ้นยิ้มบางๆ แม้จะรู้สึกเจ็บแค้นแทนแป๋มเพียงใด แต่ก็ไม่ได้โกรธเคืองชีวิตในวังหลวงล้วนแตกต่างแป๋มจะทนได้หรือซงหยางก้าวเท้าเข้ามาในตำหนักด้วยสีหน้าแช่มชื่น เฉินเจียจิ้นกลับมาสู่ความเป็นจริงตรงหน้า“ข้ายินดี ให้ฮ่องเต้แต่งบุตรีของท่านเป็นฮองเฮา แม้จะต้องกลับคำพูดจากที่เคยพูดไว้”“กลับคำ”“ในตอนนี้ข้าเห็นแล้วว่าแม้ฮ่องเต้ไม่แต่งองคืหญิงจากแคว้นอื่นเพื่อเชื่อมสัมพันธ์แต่งฮ่องเต้ก็ทรงนำพาแคว้นฉินให้อยู่รอดปลอดภัย ซงหยวนเก่งกว่าข้าภายใต้ความเก่งกาจของเขา มีตระกูลเฉิน โดยเฉพาะเฉินจูเจี่ยเป็นแรงผลักดัน
เพียงครู่เดียวเหล่าทหารของแคว้นฉิน ก็เข้ามา ล้อมบ้านเฉินไปจนสิ้น“เฉินเจียจิ้นรับราชโองการรร” ท่านรเฉินกับฮูหยิน คุกเข่าลงกับพื้นต้าปอหลันเหลือบตามองด้วยความสงสัย“ตามที่บ้านตระกูลเฉินได้ส่งเกาลัดที่ฝ่าบาทโปรดปรานเป็นอย่างยิ่งเข้าไปในวังหลวงบัดนี้ฝ่าบาทได้ให้ข้ามาแจ้งแก่เฉินเจียจิ้นว่าส่งเกาลัดเข้าไปแต่ไม่ยอมส่งคนคั่วเกาลัดเข้าไปด้วยฝ่าบาทจึงจำต้องมาออกมาที่ตลาดมารับคนคั่วเกาลัดคือแม่นางจูเจียด้วยองค์เองเพื่อเป็นการลงทัณฑ์บ้านเฉิน ที่ยังความลำบากให้กับฝ่าบาทเช่นนั้นจึงได้ มีราชโองการ เชิญท่านเฉินและฮูหยินเฉิน ไปที่วังหลวง พร้อมกันนี้ให้นำผักในไร่ไปปรุงเครื่องเสวยถวายฝ่าบาท ทันที เฉินเจียจิ้น รับราชโองการรรร”“น้อมบัญชาฝ่าบาท”เอื้อมมือรับเอาราชโองการมาถือไว้ด้วยมืออันสั่นเทาหันมองหน้าฮูหยินดวงแววตาตื่นตระหนกแม้ข้อความในราชโองการจะฟังดูแปลกๆ แต่ก็อดหวั่นใจเสียไม่ได้เพราะเพิ่งจะเคยได้รับราชโองการจากฮ่องเต้เป็นครั้งแรก“ท่านลุง หากไม่อยากเข้าไปข้ายินดีปกป้องท่าน”ต้าปอหลันประสานมือกล่าวคำห่วงใย“ฝ่าบาท ข้าน้อย แม้จะกลัวเพียงใดแต่เชื่อว่าจะต้องไม่เกิดอันตรายในเมื่อตอนนี้ จูเจียกับจูจิ้นอยู
“ขอบพระทัยเสี้ยนตี้”“อืม ปลาทอดราดซอสขิงรสชาติดีเสียจริง ข้าคงไม่กวนเจ้าแล้ว แต่รู้สึกคิดถึงจูจิ้นเหลือเกิน ไปคุยกับท่านลุงให้หายคิดถึงจะดีไหมที่ตำหนักของข้ามี ขนมหวานน่ากิน มากมาย”จูจิ้นยิ้มหันมองทั้งแป๋มและซงหยวน ซงหยวนพยักหน้ายิ้มๆ รีบลุกจากแท่นนั่งวิ่งเข้าเกาะแขนเสี้ยนตี้ฮองเฮามองด้วยสายตาอ่อนโยนแป๋มถอนหายใจเหมือนกับโล่งอกเสียเต็มทีซงหยวนอมยิ้ม“คืนนี้ จูจิ้นค้างที่ตำหนักเสี้ยนตี้”“ฝ่าบาทรู้ได้อย่างไร”“ก็เสี้ยนตี้จะต้องเห็นอกเห็นใจลูกชายคนนี้ที่นานปีเพิ่งจะได้ชิดใกล้คนที่เขารัก”“ข้า ...ข้า”“อย่าบอกนะว่าจะขอแยกห้อง”“ก็ฝ่าบาท จะรังแกกัน”“ใครกันเรียกว่ารังแก เรียกว่าทนคิดถึงไม่ไหว”ปลาทอดราดซอล ขิงวันนี้แป๋มรู้สึกว่ามันหวานไปหน่อยจะด้วยสายลมแสงจันทร์หรือว่าคำหวานกับสายตารักใคร่ของคนข้างหน้าไม่อาจทราบได้บ้านเฉิน“ท่านลุง จูเจียถูกจับตัวไป”ท่านเฉินลุกพลวดจากเก้าอี้“ใครกันทำเรื่องแบบนั้น”“ฮ่องเต้แคว้นฉิน”“หา ฮ่องเต้แคว้นฉิน แล้วเขาจะจับจูเจียไปทำไมกัน”“ฝ่าบาทคนของเราพร้อมแล้ว”องครักษ์ที่ซ่อนตัวอยู่ ปรากฏตัวออกมาประสานมือตรงหน้า ต้าปอหลันฮ่องเต้ ท่านเฉินกับ ฮูหยินเฉินตาค้างด้
แป๋ม เขย่งเท้าขึ้นจุมพิตที่ปากอุ่นเบาๆ“ขอบคุณที่ทำเพื่อข้า”ซงหยวนกดริมฝีปากกับปากบดขยี้อ่อนหวานก่อนจะถอนริมฝีปากออกช้าๆ“ขอบคุณเช่นกันที่รอข้า”แป๋มยิ้มห้องเครื่องเกาลัดเมล็ดใหญ่ถูกคั่วในเตาด้วยไฟกลาง กลิ่นหอมโชยไปทั่ว ซงหยวนจูงมือแป่มไว้พาเดินเข้าไปในห้องเครื่องขันทีนางกำนัลต่างประสานมือและย่อกายทำความเคารพ“พี่ชายเอ๊ยฝ่าบาท พี่สาวจูเจียข้าคั่วเกาลัดไว้รอพวกท่านกำลังร้อนๆ เนื้อนุ่มหวานอย่าบอกใคร”จูจิ้นวิ่งเข้ามาจับมือข้างที่ว่างของแป๋ม“ปลาสดวันนี้มีมาหรือไม่ ว่าที่ฮองเฮาของข้าตั้งใจจะทำปลาทอดราดซอสขิงทั้งขันทีและนางในห้องเครื่องต่างอมยิ้มกับคำเรียกขานที่ซงหยวนใช้กับแป๋ม“ปลาสดวันนี้ได้มาหลายตัว กระหม่อมทอดเตรียมยกเป็นเครื่องเสวยพอดี”หัวหน้าห้องเครื่องประสานมือพูดขึ้น“ดีมาก ปลาอะไรที่ได้มา”“ปลากะพง สดใหม่จึงทอดเพื่อยกเป็นเครื่องเสวย”“ดีเลย ข้าปรุงซอส ขิงราดคงดีไม่น้อย”ซงหยวนยิ้ม จูงมือ แป๋มให้นั่งลง“แค่เพียงบอกขั้นตอนพวกเขาเจ้าไม่ต้องลงมือให้เปรอะเปื้อน”“ไม่เป็นไรข้าเต็มใจทุกวันก็ทำประจำ”“ไม่ได้ เครื่องเสวยมีหลายสิบตำหนักเจ้าจะต้องเหนื่อยหนักเช่นนั้นนั่งอยู่ข้างข้า คอยสั่งการ
“เสด็จพ่อ บอกกับข้าว่าเสด็จพ่อเคยทำผิดพลาดเมื่อครั้งหนึ่งที่เคยหนีออกไปเช่นข้าแล้วพบหญิงงามจิตใจดีนางหนึ่งแต่เสด็จพ่อก็จากนางมาปล่อยให้นางเป็นของคนอื่นนั่นเป็นสิ่งหนึ่งที่ยังเป็นตราบาปในใจของเสด็จพ่อจนถึงทุกวันนี้”“แล้วเสี่ยวซงเล่ากลัวว่าจะเป็นอย่างนั้นบ้างไหม”“กลัวอย่างที่สุด เช่นนั้นจึงต้องแสดงให้เสด็จพ่อเห็นว่าในใจข้ามีเพียงจูเจียคนเดียวไม่แต่งตั้งฮองเฮาไม่แต่งใครเข้ามาให้วุ่นวายสนมนางในไม่รับเข้ามาเพื่อรอวันนี้”กดริมฝีปากกับปากบางแนบแน่นหวานฉ่ำ แป๋มหัวใจพองโตหากปากไม่โดนปิดไว้ก็คงเผลอยิ้มอย่างลืมตัว“ไหนใครเขาบอกว่าแม่นางจูเจียสองปีมานี่เชี่ยวชาญเรื่อง อาหารและการถนอมอาการ ข้าอยากกินเกาลัดคั่วแล้วอยากกิน พะโล้หน่อไม้ แล้วก็อยากกิน..”จ้องหน้าหน้าหวาน“อยากกินอะไร”“อยากกิน หญิงงามบ้านเฉินคนนี้ ดูทีรึว่าจะหวานเหมือนลูกพลับตากแห้งที่ส่งเข้ามาในวังหลวงหรือไม่”แป๋มหลบตาอมยิ้ม“อือ ตอนนี้ข้าทำได้หลายอย่างฝ่าบาทเคยชิม ปลาทอดราดซอสขิงหรือไม่ ข้าทำอร่อยจริงๆนะท่านแม่ยังชมว่ารสดีกว่าท่านแม่ทำ ท่านพ่องี้ให้ข้าทำให้กินประจำ”เสี่ยวซง ถอนหายใจ“เมื่อไหร่จะรู้ว่าคนที่คิดถึงกันเขาจะต้องทำอะไรก
“เจ้าเล่า คนผู้นั้นเป็นใคร กุมมือกันในตลาดไม่เกรงสายตาใครข้ารึอุตส่าห์ให้คนคอยจับตาจูเจียเห็นว่าไม่เคยมีใคร วันนี้กับเห็นตำตาว่ามีบุรุษรูปงานข้างกาย”“เราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกันเสียหน่อย ท่านเองอาจมีหญิงอื่นข้างกายมากมาย”“ถึงเจ้าบอกว่าไม่เป็นแต่ข้า คิดอยู่เสมอว่าเจ้าคือ...คนที่ข้าหมายปอง และจะบอกอะไรให้ข้าไม่เคยมีใครในใจข้ามีแต่เจ้าคนเดียวตลอดเวลาสองปีมานี้”กระซิบเบาๆ ข้างหู“เป็นท่านทีคิดไปเพียงลำพัง ข้าไม่มีทางเชื่อท่านอีกแล้ว ท่านเป็นถึงฮ่องเต้สนมนางในสวยมากมายมีหรือจะไม่ไขว้เขว้กับหญิงใด”“ข้าจะทำให้เจ้าก็ต้องคิดเหมือนข้า และให้เจ้าเข้าไปดูในห้องบรรทมของข้าจะได้รู้ว่าข้าไม่เคยมีใครร่วมแท่นนอน”แป๋ม ถอนหายใจ“พี่ชายเสี่ยวซงท่านจะพาข้ากับพี่สาวจูเจียไปไหนกัน”จูจิ้นถามขึ้นเมื่อเห็นว่าบรรยากาศกำลังจะเสียไป ทางเดินทอดยาวเข้าสู่วังหลวง ช่างยิ่งใหญ่อลังการน่าทัศนามากกว่าจะมาทะเลาะกัน“พี่ชายเสี่ยวซงเป็นฮ่องเต้จูจิ้นน้อยคิดว่าพี่จะพาคนที่พี่รักที่สุดไปที่ไหนกันล่ะ”แป๋มหลบตาคม จูจิ้นอมยิ้มแก้มปริ“ข้าไปด้วย”ขันทีนางใน ล้วนลอบมองแป๋มที่มีมือของซงหยวนเกาะกุมไว้ด้วยความใคร่รู้และปนไปด้วยความอ
“เสด็จพ่อโปรดไตร่ตรอง พี่ใหญ่เที่ยวเล่นสนุกสนานอีกทั้ง ยังลุ่มหลงหญิงงาม พาตัวเองไปอยู่ในไร่ในสวนไม่ยอมกลับวังหลวง”“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าซงหยวนอยู่ในไร่”คิ้วของซงหยางขมวดเข้าหากัน“เสด็จพ่อโปรดเมตตา”“บัดซบที่สุด เจ้าทำเรื่องชั่วช้าได้ถึงเพียงนั้นเพียงแค่ตำแหน่งรัชทายาทถึงกับส่งมือสังหาร ไปทำร้ายซงหยวนเชียวหรือ”“เสด็จพ่อ เรื่องแบบนี้ล้วนมีมาแต่โบราณอำนาจและการแย่งชิง”“ข้าไม่เคยคิดว่าซงหลี่ผู้อ่อนน้อมจะกล้าทำเรื่องชั่วช้าเพื่อบัลลังก์ตำหนักบูรพา ทั้งๆที่เป็นพี่น้องท้องเดียวกันเจ้ากับคิดให้ พี่น้องร่วมสายโลหิตต้องตายเพื่อบัลลังก์ องครักษ์นำตัว ซงหลี่ไปขังไว้ที่คุกหลวงรอการไต่สวนอีกครั้ง”“เสด็จพ่อ ลูกสำนึกผิดแล้วลูกไม่อยากไปอยู่ในคุกหลวง”ก้มศีรษะลงกับพื้น“สำนึกผิดเมื่อสายไปแล้วหากคนของเจ้า สังหารซงหยวนจนถึงแก่ความตาย รู้หรือไม่ว่าภายในใจของเจ้าจะต้องทนทรมานแบกรับความรู้สึกผิดนี้ไปเนิ่นนานแค่ไหน”“ลูกผิดไปแล้ว”ไปสำนึกผิด ที่สุสานบรรพชนจนกว่าจะเข้าใจความสัมพันธ์พี่น้องว่ายิ่งใหญ่กว่าสิ่งใด”เค้นเสียงพูดด้วยความาโมโหสุดขีด“ซงหลี่ขอบพระทัยเสด็จพ่อ”ซลี่ก้มหน้ายอมให้องครักษ์คลุมตัยไปโดยดีซ