พิธีแต่งงานที่ยิ่งใหญ่อลังการ จนแป๋มคิดไม่ถึงว่าจะได้เห็นแล้วยังต้องมาสวมอาภรณ์สีแดงด้วยตัวเอง อาการตื่นเต้นจนทำให้ต้องนึกถึงเรื่องที่ผ่อนคลายกว่านี้จะได้ไม่ทำอะไรเงอะงะ ให้ขายหน้าทั้งๆ ที่เมื่อวานวุ่นวายกับการฝึกซ้อมพิธีการแต่….เมื่ออยู่ในห้องสองต่อสองเมื่อวันก่อน แป๋มนำเอาแครอทหั่นฝอยมาทำเป็นส้มตำให้ซงหยวนกินอดจะขำกับเสียงซุดปากที่ขันทียังตกใจเสียไม่ได้ส้มตำไทยรสเด็ดที่แป๋ม ปรุงเองกับมือ ไม่มีมะละกอก็ใช้แครอทซอย เป็นเส้น พริกสดสีแดงจัดจ้านกระเทียมสีม่วงกลีบเล็ก โขลกรวมกัน ใส่กุ้งแห้งที่ตัวใหญ่ไปหน่อย ถั่วลิสงคั่ว มะนาวซีก น้ำผึ้ง และเห็ดหอมสดต้ม ข้าวโพดหวานต้ม ลงไปคลุกเคล้า ตักยื่นส่งตรงหน้าซงหยวนที่ยืนชื่นชม ท่าทีคล่องแคล่วของแป๋ม แต่ก็แอบกลืนน้ำลาย“เจ้าไปนำวิธีการปรุง อาหารจานนี้มาจากไหน”“พูดไปฝ่าบาทก็คงไม่เชื่อแต่จะบอกอะไรให้ อาหารจานนี้จูเจียชอบที่สุด และหากฝ่าบาทได้ชิมจะต้องซี้ดปากด้วยความสะใจ”“ซุ๊ดด ซี็ดเผ็ดมาก แต่อร่อยลิ้น เสียจริงไม่น่าเชื่อแครอทเอามาทำอาหารแบบนี้ได้ วังหลวงของเราไม่เคยมีอาหารรสจัดจ้านเพียงนี้ ข้าเห็นทีจะจัดให้ห้องเครื่องเป้นอาหารที่ทำห้คนนวังหลวงได้ชิม
“ไม่ต้องห่วงนะข้า ไปศึกษาเคล็ดวิชา เกี่ยวกับ..เอ่ออการอุ่นเตียงที่เจ้าจะต้องติดใจ”รวบร่างบางให้อยู่ใต้ร่างเขาก่อนจะกดริมฝีปากอีกครั้งบรรจงจูบอ่อนหวานปลดแกะอาภรณ์ของตัวเองและของแป๋มออกช้าๆ อ่อนโยนจนแป๋มแทบจะล่องลอยโคมไฟหัวเตียงอ่อนแสงลงเมื่อคนทั้งคู่ กำลังมีความสุขภายใต้แสงไฟสลัว เนิ่นนาน ไม่สนใจเวลาที่หมุนผ่านจนโคมไฟอ่อนแสง (ตัดเข้าโคมไฟอย่าด่าไรท์น้าาา555)สามปีผ่านไป“แค้วนเหนือส่งบรรณาการมาที่แคว้นฉินแทนคำขอบคุณที่ ฝ่าบาทส่งท่านเฉินให้ไปเป็นผู้ถ่ายทอดเคล็ดวิชาในการปลูกผักและถนอมอาหารบัดนี้แคว้นเหนือรุ่งเรือง เป็นบ้านพี่เมืองน้องฮ่องเต้าต้าปอหลันจึงได้มีบัญชาให้นำเครื่องบรรณาการมาที่นี่แทนคำขอบคุณ”ซงหยวนเอื้อมมือกุมมือแป๋มใต้บัลลังก์บีบมือเบาๆ มองสบตา คม อย่างมีความหมาย“กลยุทธ์ของเจ้า เข้าท่าดีไม่น้อยต่อไปบ้านใกล้เรือนเคียงจึงไม่ทะเลาะเบาะแว้งเแย่งชิง ทรัพยากรและดินแดนกันอีกในเมื่อทุกพื้นที่ล้วน ปลูกผักทำสวน พึ่งพาตัวเอง ท่านพ่อตาเก่งเรื่องทำสวน ช่วยดูแลให้ความรู้ชาวแคว้นเหนือได้ดี แม้อยากกลับก็ไม่ได้กลับ ฮ่องเต้แคว้นเหนือแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งราชครูเลยทีเดียว“คิดถึงจูจิ้นเขาไม่อ
แสงแดดสว่างแยงทะลุม่านตาที่กะพริบ ไล่ความแสบร้อนที่เปลือกตา อะไรกันเมื่อคืนรู้สึกเหมือนเพิ่งขับรถกลับบ้าน ทำไมวันนี้ถึงตื่นสายได้ขนาดนี้นี่นอนไปนานขนาดนั้นเลยหรือ เฮ้ย ขยับตัวเบาๆ เปิดปากหาวเปิดเปลือกตา“จูเจี่ยแอบมานอน หลับใหลที่นี่อีกแล้วงานในไร่รอเจ้าอยู่ แล้วยังมานอนสบาย”ใครวะมาเสียงดังข้างหู“ตื่นได้แล้วจูเจี่ย”ลุกขึ้นนั่ง มองไปรอบๆ“ฮาวววว”บิดขี้เกียจไปรอบตัว“จูเจี่ย วันนี้ต้องส่งผักเข้าวังหลวง ยังไม่ได้ตามที่กำหนดเจ้ายังกล้ามานอน”เถียงนาน้อย เอ้ย ...ไม่ใช่ ที่นี่มันที่ไหน สวนผักกว้างใหญ่ แล้วยังมีเพิง ไม่สิแถวบ้านเรียกเถียงนา เคยสงสัยไหมไปเถียงทำไมนา“เจ้านี่แย่จริงๆ นอนจนน้ำลายไหลแล้วยังหลับสนิทจนงุนงง”“เอ่อๆๆ คือๆๆๆ ”“ไปโกยขี้หมูใส่ผักเดี๋ยวนี้เลย” หญิงวัยกลางคนมองอย่างไงอย่างไงก็น่าจะเป็นคนที่มีพาวเวอร์ที่สุดในที่นี้ ชี้มือไปที่กองขี้หมูกองมหึมาข้างเถียงนา“ต้องไปใช่ไหม”“หญิงบ้านป่าเกียจคร้านเช่นเจ้า ใครกันจะรับเป็นภรรยา ไร้คนสู่ขอข้ามิต้องเลี้ยงเจ้าจนตายหรือไร” ร่างอ้วนตุ๊ต๊ะของแป๋ม ขยับตัวอืดอาด วันๆเคยทำอะไรกันนอกจากนั่งกดแป้นพิมพ์พิมพ์นิยายกับขนมและของว่างข้างโต๊ะคอม
“ผอมขนาดนี้ ข้าจะกล้าใช้งานเขาหรือ นายท่าน”นายท่านที่ว่าเป็นพ่อค้าคนกลางที่ส่งผักเข้าไปขายในวังหลวง หัวเราะจนพุงกระเพื่อม“น่า นึกว่าเอาบุญ ใช้งานหนักงานเบาได้ทั้งหมด ทีแรกข้าตั้งใจจะให้เขาทำงานกับข้า แต่ท่านเจ้าบ้านโปรดเห็นใจ ที่พักอาหารข้าก็มีจำกัดท่านพ่อบ้านมีไร่กว้างขวางโรงเก็บพืชพันธุ์มากมาย ให้เขาได้อาศัยหลบหนาวยามค่ำคืน ผักหญ้าท่านก็เยอะแยะพอได้เป็นอาหาร นึกว่าเอาบุญ” พ่อในโลกนี้ของแป๋มยิ้มอย่างคนที่ใจดี พยักหน้าน้อยๆ แต่ยายป้านี่สิ“โอ๊ย มาอยู่น่ะมาอยู่ได้ แต่ต้องช่วยกันทำงานให้มาก ข้าไม่มีปัญญาจะเลี้ยงใครฟรีๆ หรอกนะ”“ขอรับนายหญิง จะใช้งานข้าล้วนทำได้ทุกอย่าง”แป๋มเบ้ปาก ตัวผอมบางหุ่นสะโอดสะอง แป๋มตัวใหญ่เหมือนช้างน้ำยังไม่อยากทำเลยงาน“จูเจี่ย มายืนยิ้มทำไม ไม่กินก็ไปโกยขี้หมูได้แล้ว”ท้องร้องจ๊อกๆ กระโดดขึ้นไปบนกระท่อมหรือเถียงนาน้อย ตักข้าวใส่ถ้วยใช้ตะเกียบพุ้ยข้าวกับผักใส่ปากเคี้ยวตุ้ยๆ“เสี่ยวซง อยู่ที่นี่ก็ตั้งใจทำงาน”“ขอรับนายท่าน”นายท่านพ่อค้าผักหันไปเจรจากับท่านพ่อ ไม่สนใจเสี่ยวซงผู้นั้นอีกต่อไป เขาเดินไปที่กองขี้หมู โกยมันใส่ตะกร้าสาน แบกไว้บนหลังก้าวเดินไปยังแปลงผัก
ในไร่ที่แสนจะอบอุ่นแสงแดดสีส้ม แม้จะส่องสว่างแต่ไม่ทำให้รู้สึกร้อน วันนี้อากาศค่อนข้างหนาว“จูเจี่ย เก็บไข่เป็ดกับไข่ไก่ในเล้าให้แม่ด้วย”แป๋มยังไม่ทันจะขยับตัว จูจิ้นวิ่งไปหยิบตะกร้าออกไปก่อนแป๋มเสียอีกเสี่ยวซงมองสองคนพี่น้อง ทำท่าจะขยับตัวตามไปช่วย“เสี่ยวซง มาช่วยข้าหอบฟืนมาเก็บไว้ใกล้เตาผิง อากาศค่อนข้างหนาวไม่แน่คืนนี้อาจมีหิมะแรก ดีที่เราเก็บผักบางส่วนส่งวังหลวงเสียเกือบหมด หิมะตกได้ก็ไม่น่าห่วงเท่าไหร่”เจ้าบ้านเฉินเดินนำเสี่ยวซงที่ช่วยหอบฟืนมาเก็บไว้ในห้องครัว ใกล้เตาผิงและเตาทำกับข้าวข้างเล้าไก่ แป๋มนึกภาพขี้ไก่และความสกปรกทว่าสิ่งที่เห็นไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ยายป้ากวาดทำความสะอาดจนเอี่ยมอ่อง พื้นแห้งสะอาดตา มีเศษหางจากข้าวสาลีกองบนพื้นเป็นกระจุกบ้างก็ปุไปบนพื้นเล้าไก่ ไข่ไก่วางเรี่ยราดเหมือนถูกนำมาวางไว้ แป๋มเลิกคิ้วเมื่อจูจิ้นเก็บไข่ไก่ใส่ไปในตะกร้าหลายสิบลูกไก่ไข่ตัวอ้วนขนสีน้ำตาลแดง ไม่ได้ตื่นตกใจแต่กลับเดินเข้าหาย่อตัวลงนอนหมอบเหมือนอยากจะออกไข่อยู่ตลอดเวลา แป๋มยิ้ม“จูเจี่ยไข่วันนี้เยอะกว่าทุกวัน คงเป็นเพราะเมื่อวานท่านพ่อเก็บเศษผักในสวนมาให้มันจิกกินเป็นอาหารว่าง”“ไก่
ห้องเครื่องในวังหลวง“ฮองเฮาและองค์หญิงล้วนนิยมเสวยอาหารที่ทำจากเมนูผักหลากชนิด ว่ากันว่าเสวยผักไปเพียงไม่นาน ผิวพรรณสดใสใบหน้ากลับเต่งตึงไร้รอยหมอง”“ผักส่วนมากรับมาจากบ้านเฉิน ที่ไร่ของท่านเฉินที่นั่นล้วนมีผักมากมาย กลายเป็นไร่แห่งเดียวที่ส่งผักที่ดีเข้ามาในวังหลวง”“ฮะแฮ่ม รีบเตรียมเครื่องเสวยมัวแต่พูดคุย จะไม่ทันเวลาเสวยตอนดึก”ตำหนักใหญ่ฮ่องเต้“ปีนี้ข้าวปลาอาหารขาดแคลนชาวบ้านลำเข็ญ ทว่า มีไร่แห่งหนึ่งปลูกผักได้ดี จึงส่งเข้าวังหลวงเสียหมด ชาวบ้านล้วนอดอยาก เช่นไรจึงจะเรียนรู้วิธีปลูกผักของพวกเขา เพื่อชาวบ้านจะได้ไม่ต้องทนทุกข์กับปัญหาขาดแคลนอาหาร”“ฝ่าบาท ไท่จือเสด็จออกเที่ยวเล่น เดิมหม่อมฉันตั้งใจให้ไท่จือลงไปจัดการเรื่องเหล่านี้ชาวบ้านจะได้อุ่นใจ”“หลายวันมานี้ไท่จือไม่มาที่ท้องพระโรงคงออกไปเล่นสนุกเหมือนเคย งานในราชสำนักยังไม่เคยแตะต้อง เจ้าคิดว่าจะให้เขาไปสนใจเรื่องการปลุกผักเห็นที่จะไม่ได้ผล”“ฝ่าบาททรงมีพระบัญชาจะดีไหม ลูกคนนี้แม้จะให้ทำยังไม่อยากทำ บางเรื่องไม่พูดแต่กลับเร่งรีบที่จะทำมันยากจะเข้าใจ ฝ่าบาทมีพระบัญชาลงไปคาดว่าไม่น่าจะกล้าขัดบัญชาฝ่าบาทอย่างแน่นอน”“องค์หญิงแ
“ไม่นาน หากกินตามที่ข้าแนะนำ จูเจี่ยของเราจะต้องกลายเป็นหญิงงาม”แป๋มเขินจนแทบแทรกแผ่นดินหนีเมื่อเสี่ยวซงอมยิ้ม มองๆไปเสี่ยวซงเวลาอมยิ้มก็หล่อเป็นบ้าเลย“จูเจี่ยจะเขินทำไม”จูจิ้นน้องนรกสมองอัจฉริยะ พูดขึ้นดังๆ“ดีแล้ว พักนี้ทำตัวสมกับเป็นหญิงสาวไม่กระโดกกระเดก เหมือนเมื่อก่อนอย่างนี้ มีหวัง ได้ออกเรือนแน่555”เจ้าบ้านเฉินพูดไปหัวเราะไปด้วยความเอ็นดูแป๋ม“ท่านพ่อว่าแต่สูตรหัวใช้เท้าดองเค็ม...”แป๋มเปลี่ยนเรื่องคุยแก้เขิน”“ดอกเกลือ น้ำผึ้ง น้ำสะอาดนั่นล่ะคือสิ่งที่ต้องใส่ลงไปในหัวไช้เท้าที่เก็บสดๆ หัวไช้เท้าจึงแสนอร่อยแบบนี้ สูตรนี้พ่อเจ้าคิดขึ้นมาเอง หลายปีมานี้กินของบ้านไหนก็ไม่อร่อยเท่า” เสี่ยวซงวางถ้วยข้าว ประสานมือตรงหน้า“ขอบคุณท่านลุงที่ ไม่หวงวิชา”“เสี่ยวซง ถึงจะบอกว่าสูตรลับแต่เจ้าบัดนี้ก็เป็นคนในครอบครัวกินข้าวหม้อเดียวกับเราแล้วยังช่วยเราทำงาน ข้าจึงไม่จำเป็นต้องหวงสูตรในเมื่อเป็นของดี ล้วนยิ่งต้องแบ่งปัน”แป๋มอึ้งกับความคิดและคำพูดของเจ้าบ้านเฉินคนอะไรจะดีขนาดนั้นหากเป็นสมัยนี้ต้องลงทุนซื้อสูตรในราคาหลายบาท แม้จะมีให้ดูในอินเทอร์เน็ต แต่มักจะไม่บอกสูตรลับเฉพาะ“ท่านพ่อใจดีจัง”
“จูเจี่ย คราวหลังห้ามถามที่ปลดทุกข์กับข้า ถ้าจะพูดเช่นนี้ข้าจะปล่อยให้ท่านจุกตายไปเสีย”“เจ้าเด็กบ้า มาให้เขกหัวเสียทีหนึ่ง”กระโดดเข้าใส่ จูจิ้นที่ดึงมือเสี่ยวซงให้วิ่งตามพร้อมกับหัวเราะเสียงใส วิ่งวนรอบตัวเสี่ยวซงที่สูงชะลูดไปมา แป๋มลืมตัวลืมตาย วิ่งวนรอบตัวเสี่ยวซงเช่นกันเจ้าจูจิ้น หลบอยู่ด้านหลังชะโงกหน้ามาแลบลิ้น แป๋มถลาเข้าด้านหน้าเสี่ยวซง เอื้อมมือหมายจะฟาดไปที่เจ้าเด็กบ้านั่นแต่ทว่ากลับเสียหลัก ชนเข้ากับเสี่ยวซง ร่างผอมบางอย่างไรจะทานน้ำหนักตัว เกือบแปดสิบกิโลของแป๋มไหว ร่างอ้วนเตี้ยของแป๋มล้มลงไปทับเสี่ยวซงเต็มตัวใบหน้าซุกอยู่กับอกอุ่นของเขา เสี่ยวซง ยกมือขึ้นกอดรวบแป๋มไว้ทันทีกลัวว่าแป๋มจะเจ็บตัวไปกว่าที่อยู่บนอกเขา จูจิ้นปิดตา ก่อนจะค่อยๆ ปล่อยมือหัวเราะร่วน“จูจิ้นดึงพี่เขาขึ้นมา เสี่ยวซงคงจะเจ็บตัวแน่ๆ พี่สาวเจ้าน้ำหนักตัวเยอะเพียงนั้น”หานี่ท่านพ่อผู้ใจดีก็หยิกกัดเป็นเหมือนเจ้าน้องจูจิ้นด้วยหรือ ไม่น่าแปลกใจว่าเจ้าจูจิ้นได้นิสัยใครมาคงบวกๆ กันระหว่างพ่อกับแม่ เสี่ยวซงเห็นตัวผอมบางทว่ากับ แข็งแรงอย่างไม่น่าเชื่อแม้จะเขินจนหน้าแดงเขากลับจับเอวหนาของแป๋มดันตัวแป๋มลุกขึ้น อย่า
“ไม่ต้องห่วงนะข้า ไปศึกษาเคล็ดวิชา เกี่ยวกับ..เอ่ออการอุ่นเตียงที่เจ้าจะต้องติดใจ”รวบร่างบางให้อยู่ใต้ร่างเขาก่อนจะกดริมฝีปากอีกครั้งบรรจงจูบอ่อนหวานปลดแกะอาภรณ์ของตัวเองและของแป๋มออกช้าๆ อ่อนโยนจนแป๋มแทบจะล่องลอยโคมไฟหัวเตียงอ่อนแสงลงเมื่อคนทั้งคู่ กำลังมีความสุขภายใต้แสงไฟสลัว เนิ่นนาน ไม่สนใจเวลาที่หมุนผ่านจนโคมไฟอ่อนแสง (ตัดเข้าโคมไฟอย่าด่าไรท์น้าาา555)สามปีผ่านไป“แค้วนเหนือส่งบรรณาการมาที่แคว้นฉินแทนคำขอบคุณที่ ฝ่าบาทส่งท่านเฉินให้ไปเป็นผู้ถ่ายทอดเคล็ดวิชาในการปลูกผักและถนอมอาหารบัดนี้แคว้นเหนือรุ่งเรือง เป็นบ้านพี่เมืองน้องฮ่องเต้าต้าปอหลันจึงได้มีบัญชาให้นำเครื่องบรรณาการมาที่นี่แทนคำขอบคุณ”ซงหยวนเอื้อมมือกุมมือแป๋มใต้บัลลังก์บีบมือเบาๆ มองสบตา คม อย่างมีความหมาย“กลยุทธ์ของเจ้า เข้าท่าดีไม่น้อยต่อไปบ้านใกล้เรือนเคียงจึงไม่ทะเลาะเบาะแว้งเแย่งชิง ทรัพยากรและดินแดนกันอีกในเมื่อทุกพื้นที่ล้วน ปลูกผักทำสวน พึ่งพาตัวเอง ท่านพ่อตาเก่งเรื่องทำสวน ช่วยดูแลให้ความรู้ชาวแคว้นเหนือได้ดี แม้อยากกลับก็ไม่ได้กลับ ฮ่องเต้แคว้นเหนือแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งราชครูเลยทีเดียว“คิดถึงจูจิ้นเขาไม่อ
พิธีแต่งงานที่ยิ่งใหญ่อลังการ จนแป๋มคิดไม่ถึงว่าจะได้เห็นแล้วยังต้องมาสวมอาภรณ์สีแดงด้วยตัวเอง อาการตื่นเต้นจนทำให้ต้องนึกถึงเรื่องที่ผ่อนคลายกว่านี้จะได้ไม่ทำอะไรเงอะงะ ให้ขายหน้าทั้งๆ ที่เมื่อวานวุ่นวายกับการฝึกซ้อมพิธีการแต่….เมื่ออยู่ในห้องสองต่อสองเมื่อวันก่อน แป๋มนำเอาแครอทหั่นฝอยมาทำเป็นส้มตำให้ซงหยวนกินอดจะขำกับเสียงซุดปากที่ขันทียังตกใจเสียไม่ได้ส้มตำไทยรสเด็ดที่แป๋ม ปรุงเองกับมือ ไม่มีมะละกอก็ใช้แครอทซอย เป็นเส้น พริกสดสีแดงจัดจ้านกระเทียมสีม่วงกลีบเล็ก โขลกรวมกัน ใส่กุ้งแห้งที่ตัวใหญ่ไปหน่อย ถั่วลิสงคั่ว มะนาวซีก น้ำผึ้ง และเห็ดหอมสดต้ม ข้าวโพดหวานต้ม ลงไปคลุกเคล้า ตักยื่นส่งตรงหน้าซงหยวนที่ยืนชื่นชม ท่าทีคล่องแคล่วของแป๋ม แต่ก็แอบกลืนน้ำลาย“เจ้าไปนำวิธีการปรุง อาหารจานนี้มาจากไหน”“พูดไปฝ่าบาทก็คงไม่เชื่อแต่จะบอกอะไรให้ อาหารจานนี้จูเจียชอบที่สุด และหากฝ่าบาทได้ชิมจะต้องซี้ดปากด้วยความสะใจ”“ซุ๊ดด ซี็ดเผ็ดมาก แต่อร่อยลิ้น เสียจริงไม่น่าเชื่อแครอทเอามาทำอาหารแบบนี้ได้ วังหลวงของเราไม่เคยมีอาหารรสจัดจ้านเพียงนี้ ข้าเห็นทีจะจัดให้ห้องเครื่องเป้นอาหารที่ทำห้คนนวังหลวงได้ชิม
“เรื่องอัปยศเช่นนี้ข้าก็ไม่อยากจะรื้อฟื้นเอาเป็นว่าเราทั้งสอง ทำทีเป็นเหมือนคนไม่เคยรู้จักกัน อย่างที่ผ่านมาดีแล้ว”“ท่านก็ยังเหมือนเคย””ตัวท่านเองก็เช่นกัน รักในบัลลังก์มากกว่าสิ่งอื่นใด”ซงหยางยิ้ม“ท่านเองก้คงไม่ปรารถนาให้บุตรีต้องมา ผูกพันกับซงหยวนที่มีหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ต้องรับผิดชอบข้ามองไม่เห็นทางว่า หากซงหยวนแต่งกับบุตรีของท่านเหมือนที่ข้ายอมแต่งกับ พี่รองของท่านแล้วจะนำพาแคว้นฉินให้รอดปลอดภัยจากแคว้นอื่นที่ต้องการรุกรานได้อย่างไรในเมื่อซงหยวนมีว่าที่ไท่จือเฟยเป็นองค์หญิงแคว้นใต้”เฉินเจียจิ้นยิ้มบางๆ แม้จะรู้สึกเจ็บแค้นแทนแป๋มเพียงใด แต่ก็ไม่ได้โกรธเคืองชีวิตในวังหลวงล้วนแตกต่างแป๋มจะทนได้หรือซงหยางก้าวเท้าเข้ามาในตำหนักด้วยสีหน้าแช่มชื่น เฉินเจียจิ้นกลับมาสู่ความเป็นจริงตรงหน้า“ข้ายินดี ให้ฮ่องเต้แต่งบุตรีของท่านเป็นฮองเฮา แม้จะต้องกลับคำพูดจากที่เคยพูดไว้”“กลับคำ”“ในตอนนี้ข้าเห็นแล้วว่าแม้ฮ่องเต้ไม่แต่งองคืหญิงจากแคว้นอื่นเพื่อเชื่อมสัมพันธ์แต่งฮ่องเต้ก็ทรงนำพาแคว้นฉินให้อยู่รอดปลอดภัย ซงหยวนเก่งกว่าข้าภายใต้ความเก่งกาจของเขา มีตระกูลเฉิน โดยเฉพาะเฉินจูเจี่ยเป็นแรงผลักดัน
เพียงครู่เดียวเหล่าทหารของแคว้นฉิน ก็เข้ามา ล้อมบ้านเฉินไปจนสิ้น“เฉินเจียจิ้นรับราชโองการรร” ท่านรเฉินกับฮูหยิน คุกเข่าลงกับพื้นต้าปอหลันเหลือบตามองด้วยความสงสัย“ตามที่บ้านตระกูลเฉินได้ส่งเกาลัดที่ฝ่าบาทโปรดปรานเป็นอย่างยิ่งเข้าไปในวังหลวงบัดนี้ฝ่าบาทได้ให้ข้ามาแจ้งแก่เฉินเจียจิ้นว่าส่งเกาลัดเข้าไปแต่ไม่ยอมส่งคนคั่วเกาลัดเข้าไปด้วยฝ่าบาทจึงจำต้องมาออกมาที่ตลาดมารับคนคั่วเกาลัดคือแม่นางจูเจียด้วยองค์เองเพื่อเป็นการลงทัณฑ์บ้านเฉิน ที่ยังความลำบากให้กับฝ่าบาทเช่นนั้นจึงได้ มีราชโองการ เชิญท่านเฉินและฮูหยินเฉิน ไปที่วังหลวง พร้อมกันนี้ให้นำผักในไร่ไปปรุงเครื่องเสวยถวายฝ่าบาท ทันที เฉินเจียจิ้น รับราชโองการรรร”“น้อมบัญชาฝ่าบาท”เอื้อมมือรับเอาราชโองการมาถือไว้ด้วยมืออันสั่นเทาหันมองหน้าฮูหยินดวงแววตาตื่นตระหนกแม้ข้อความในราชโองการจะฟังดูแปลกๆ แต่ก็อดหวั่นใจเสียไม่ได้เพราะเพิ่งจะเคยได้รับราชโองการจากฮ่องเต้เป็นครั้งแรก“ท่านลุง หากไม่อยากเข้าไปข้ายินดีปกป้องท่าน”ต้าปอหลันประสานมือกล่าวคำห่วงใย“ฝ่าบาท ข้าน้อย แม้จะกลัวเพียงใดแต่เชื่อว่าจะต้องไม่เกิดอันตรายในเมื่อตอนนี้ จูเจียกับจูจิ้นอยู
“ขอบพระทัยเสี้ยนตี้”“อืม ปลาทอดราดซอสขิงรสชาติดีเสียจริง ข้าคงไม่กวนเจ้าแล้ว แต่รู้สึกคิดถึงจูจิ้นเหลือเกิน ไปคุยกับท่านลุงให้หายคิดถึงจะดีไหมที่ตำหนักของข้ามี ขนมหวานน่ากิน มากมาย”จูจิ้นยิ้มหันมองทั้งแป๋มและซงหยวน ซงหยวนพยักหน้ายิ้มๆ รีบลุกจากแท่นนั่งวิ่งเข้าเกาะแขนเสี้ยนตี้ฮองเฮามองด้วยสายตาอ่อนโยนแป๋มถอนหายใจเหมือนกับโล่งอกเสียเต็มทีซงหยวนอมยิ้ม“คืนนี้ จูจิ้นค้างที่ตำหนักเสี้ยนตี้”“ฝ่าบาทรู้ได้อย่างไร”“ก็เสี้ยนตี้จะต้องเห็นอกเห็นใจลูกชายคนนี้ที่นานปีเพิ่งจะได้ชิดใกล้คนที่เขารัก”“ข้า ...ข้า”“อย่าบอกนะว่าจะขอแยกห้อง”“ก็ฝ่าบาท จะรังแกกัน”“ใครกันเรียกว่ารังแก เรียกว่าทนคิดถึงไม่ไหว”ปลาทอดราดซอล ขิงวันนี้แป๋มรู้สึกว่ามันหวานไปหน่อยจะด้วยสายลมแสงจันทร์หรือว่าคำหวานกับสายตารักใคร่ของคนข้างหน้าไม่อาจทราบได้บ้านเฉิน“ท่านลุง จูเจียถูกจับตัวไป”ท่านเฉินลุกพลวดจากเก้าอี้“ใครกันทำเรื่องแบบนั้น”“ฮ่องเต้แคว้นฉิน”“หา ฮ่องเต้แคว้นฉิน แล้วเขาจะจับจูเจียไปทำไมกัน”“ฝ่าบาทคนของเราพร้อมแล้ว”องครักษ์ที่ซ่อนตัวอยู่ ปรากฏตัวออกมาประสานมือตรงหน้า ต้าปอหลันฮ่องเต้ ท่านเฉินกับ ฮูหยินเฉินตาค้างด้
แป๋ม เขย่งเท้าขึ้นจุมพิตที่ปากอุ่นเบาๆ“ขอบคุณที่ทำเพื่อข้า”ซงหยวนกดริมฝีปากกับปากบดขยี้อ่อนหวานก่อนจะถอนริมฝีปากออกช้าๆ“ขอบคุณเช่นกันที่รอข้า”แป๋มยิ้มห้องเครื่องเกาลัดเมล็ดใหญ่ถูกคั่วในเตาด้วยไฟกลาง กลิ่นหอมโชยไปทั่ว ซงหยวนจูงมือแป่มไว้พาเดินเข้าไปในห้องเครื่องขันทีนางกำนัลต่างประสานมือและย่อกายทำความเคารพ“พี่ชายเอ๊ยฝ่าบาท พี่สาวจูเจียข้าคั่วเกาลัดไว้รอพวกท่านกำลังร้อนๆ เนื้อนุ่มหวานอย่าบอกใคร”จูจิ้นวิ่งเข้ามาจับมือข้างที่ว่างของแป๋ม“ปลาสดวันนี้มีมาหรือไม่ ว่าที่ฮองเฮาของข้าตั้งใจจะทำปลาทอดราดซอสขิงทั้งขันทีและนางในห้องเครื่องต่างอมยิ้มกับคำเรียกขานที่ซงหยวนใช้กับแป๋ม“ปลาสดวันนี้ได้มาหลายตัว กระหม่อมทอดเตรียมยกเป็นเครื่องเสวยพอดี”หัวหน้าห้องเครื่องประสานมือพูดขึ้น“ดีมาก ปลาอะไรที่ได้มา”“ปลากะพง สดใหม่จึงทอดเพื่อยกเป็นเครื่องเสวย”“ดีเลย ข้าปรุงซอส ขิงราดคงดีไม่น้อย”ซงหยวนยิ้ม จูงมือ แป๋มให้นั่งลง“แค่เพียงบอกขั้นตอนพวกเขาเจ้าไม่ต้องลงมือให้เปรอะเปื้อน”“ไม่เป็นไรข้าเต็มใจทุกวันก็ทำประจำ”“ไม่ได้ เครื่องเสวยมีหลายสิบตำหนักเจ้าจะต้องเหนื่อยหนักเช่นนั้นนั่งอยู่ข้างข้า คอยสั่งการ
“เสด็จพ่อ บอกกับข้าว่าเสด็จพ่อเคยทำผิดพลาดเมื่อครั้งหนึ่งที่เคยหนีออกไปเช่นข้าแล้วพบหญิงงามจิตใจดีนางหนึ่งแต่เสด็จพ่อก็จากนางมาปล่อยให้นางเป็นของคนอื่นนั่นเป็นสิ่งหนึ่งที่ยังเป็นตราบาปในใจของเสด็จพ่อจนถึงทุกวันนี้”“แล้วเสี่ยวซงเล่ากลัวว่าจะเป็นอย่างนั้นบ้างไหม”“กลัวอย่างที่สุด เช่นนั้นจึงต้องแสดงให้เสด็จพ่อเห็นว่าในใจข้ามีเพียงจูเจียคนเดียวไม่แต่งตั้งฮองเฮาไม่แต่งใครเข้ามาให้วุ่นวายสนมนางในไม่รับเข้ามาเพื่อรอวันนี้”กดริมฝีปากกับปากบางแนบแน่นหวานฉ่ำ แป๋มหัวใจพองโตหากปากไม่โดนปิดไว้ก็คงเผลอยิ้มอย่างลืมตัว“ไหนใครเขาบอกว่าแม่นางจูเจียสองปีมานี่เชี่ยวชาญเรื่อง อาหารและการถนอมอาการ ข้าอยากกินเกาลัดคั่วแล้วอยากกิน พะโล้หน่อไม้ แล้วก็อยากกิน..”จ้องหน้าหน้าหวาน“อยากกินอะไร”“อยากกิน หญิงงามบ้านเฉินคนนี้ ดูทีรึว่าจะหวานเหมือนลูกพลับตากแห้งที่ส่งเข้ามาในวังหลวงหรือไม่”แป๋มหลบตาอมยิ้ม“อือ ตอนนี้ข้าทำได้หลายอย่างฝ่าบาทเคยชิม ปลาทอดราดซอสขิงหรือไม่ ข้าทำอร่อยจริงๆนะท่านแม่ยังชมว่ารสดีกว่าท่านแม่ทำ ท่านพ่องี้ให้ข้าทำให้กินประจำ”เสี่ยวซง ถอนหายใจ“เมื่อไหร่จะรู้ว่าคนที่คิดถึงกันเขาจะต้องทำอะไรก
“เจ้าเล่า คนผู้นั้นเป็นใคร กุมมือกันในตลาดไม่เกรงสายตาใครข้ารึอุตส่าห์ให้คนคอยจับตาจูเจียเห็นว่าไม่เคยมีใคร วันนี้กับเห็นตำตาว่ามีบุรุษรูปงานข้างกาย”“เราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกันเสียหน่อย ท่านเองอาจมีหญิงอื่นข้างกายมากมาย”“ถึงเจ้าบอกว่าไม่เป็นแต่ข้า คิดอยู่เสมอว่าเจ้าคือ...คนที่ข้าหมายปอง และจะบอกอะไรให้ข้าไม่เคยมีใครในใจข้ามีแต่เจ้าคนเดียวตลอดเวลาสองปีมานี้”กระซิบเบาๆ ข้างหู“เป็นท่านทีคิดไปเพียงลำพัง ข้าไม่มีทางเชื่อท่านอีกแล้ว ท่านเป็นถึงฮ่องเต้สนมนางในสวยมากมายมีหรือจะไม่ไขว้เขว้กับหญิงใด”“ข้าจะทำให้เจ้าก็ต้องคิดเหมือนข้า และให้เจ้าเข้าไปดูในห้องบรรทมของข้าจะได้รู้ว่าข้าไม่เคยมีใครร่วมแท่นนอน”แป๋ม ถอนหายใจ“พี่ชายเสี่ยวซงท่านจะพาข้ากับพี่สาวจูเจียไปไหนกัน”จูจิ้นถามขึ้นเมื่อเห็นว่าบรรยากาศกำลังจะเสียไป ทางเดินทอดยาวเข้าสู่วังหลวง ช่างยิ่งใหญ่อลังการน่าทัศนามากกว่าจะมาทะเลาะกัน“พี่ชายเสี่ยวซงเป็นฮ่องเต้จูจิ้นน้อยคิดว่าพี่จะพาคนที่พี่รักที่สุดไปที่ไหนกันล่ะ”แป๋มหลบตาคม จูจิ้นอมยิ้มแก้มปริ“ข้าไปด้วย”ขันทีนางใน ล้วนลอบมองแป๋มที่มีมือของซงหยวนเกาะกุมไว้ด้วยความใคร่รู้และปนไปด้วยความอ
“เสด็จพ่อโปรดไตร่ตรอง พี่ใหญ่เที่ยวเล่นสนุกสนานอีกทั้ง ยังลุ่มหลงหญิงงาม พาตัวเองไปอยู่ในไร่ในสวนไม่ยอมกลับวังหลวง”“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าซงหยวนอยู่ในไร่”คิ้วของซงหยางขมวดเข้าหากัน“เสด็จพ่อโปรดเมตตา”“บัดซบที่สุด เจ้าทำเรื่องชั่วช้าได้ถึงเพียงนั้นเพียงแค่ตำแหน่งรัชทายาทถึงกับส่งมือสังหาร ไปทำร้ายซงหยวนเชียวหรือ”“เสด็จพ่อ เรื่องแบบนี้ล้วนมีมาแต่โบราณอำนาจและการแย่งชิง”“ข้าไม่เคยคิดว่าซงหลี่ผู้อ่อนน้อมจะกล้าทำเรื่องชั่วช้าเพื่อบัลลังก์ตำหนักบูรพา ทั้งๆที่เป็นพี่น้องท้องเดียวกันเจ้ากับคิดให้ พี่น้องร่วมสายโลหิตต้องตายเพื่อบัลลังก์ องครักษ์นำตัว ซงหลี่ไปขังไว้ที่คุกหลวงรอการไต่สวนอีกครั้ง”“เสด็จพ่อ ลูกสำนึกผิดแล้วลูกไม่อยากไปอยู่ในคุกหลวง”ก้มศีรษะลงกับพื้น“สำนึกผิดเมื่อสายไปแล้วหากคนของเจ้า สังหารซงหยวนจนถึงแก่ความตาย รู้หรือไม่ว่าภายในใจของเจ้าจะต้องทนทรมานแบกรับความรู้สึกผิดนี้ไปเนิ่นนานแค่ไหน”“ลูกผิดไปแล้ว”ไปสำนึกผิด ที่สุสานบรรพชนจนกว่าจะเข้าใจความสัมพันธ์พี่น้องว่ายิ่งใหญ่กว่าสิ่งใด”เค้นเสียงพูดด้วยความาโมโหสุดขีด“ซงหลี่ขอบพระทัยเสด็จพ่อ”ซลี่ก้มหน้ายอมให้องครักษ์คลุมตัยไปโดยดีซ