ในไร่ที่แสนจะอบอุ่นแสงแดดสีส้ม แม้จะส่องสว่างแต่ไม่ทำให้รู้สึกร้อน วันนี้อากาศค่อนข้างหนาว
“จูเจี่ย เก็บไข่เป็ดกับไข่ไก่ในเล้าให้แม่ด้วย”แป๋มยังไม่ทันจะขยับตัว จูจิ้นวิ่งไปหยิบตะกร้าออกไปก่อนแป๋มเสียอีก
เสี่ยวซงมองสองคนพี่น้อง ทำท่าจะขยับตัวตามไปช่วย
“เสี่ยวซง มาช่วยข้าหอบฟืนมาเก็บไว้ใกล้เตาผิง อากาศค่อนข้างหนาวไม่แน่คืนนี้อาจมีหิมะแรก ดีที่เราเก็บผักบางส่วนส่งวังหลวงเสียเกือบหมด หิมะตกได้ก็ไม่น่าห่วงเท่าไหร่”เจ้าบ้านเฉินเดินนำเสี่ยวซงที่ช่วยหอบฟืนมาเก็บไว้ในห้องครัว ใกล้เตาผิงและเตาทำกับข้าวข้างเล้าไก่ แป๋มนึกภาพขี้ไก่และความสกปรกทว่าสิ่งที่เห็นไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ยายป้ากวาดทำความสะอาดจนเอี่ยมอ่อง พื้นแห้งสะอาดตา มีเศษหางจากข้าวสาลีกองบนพื้นเป็นกระจุกบ้างก็ปุไปบนพื้นเล้าไก่ ไข่ไก่วางเรี่ยราดเหมือนถูกนำมาวางไว้ แป๋มเลิกคิ้วเมื่อจูจิ้นเก็บไข่ไก่ใส่ไปในตะกร้าหลายสิบลูก
ไก่ไข่ตัวอ้วนขนสีน้ำตาลแดง ไม่ได้ตื่นตกใจแต่กลับเดินเข้าหาย่อตัวลงนอนหมอบเหมือนอยากจะออกไข่อยู่ตลอดเวลา แป๋มยิ้ม
“จูเจี่ยไข่วันนี้เยอะกว่าทุกวัน คงเป็นเพราะเมื่อวานท่านพ่อเก็บเศษผักในสวนมาให้มันจิกกินเป็นอาหารว่าง”
“ไก่กินผักด้วยหรือ”
"มีแต่จูเจี่ยที่ไม่ชอบกินผัก เจ้าวัวน้อยเจ้าลูกหมาลูกหมูในคอกแล้วก็ไก่ กินผักทั้งนั้น จูเจี่ยชอบกินแต่เนื้อสัตว์ถึงได้อ้วนแบบนี้”น้องรักหักเหลี่ยมโหด
“เจ้าไม่ชอบกินเนื้อหรือไรถึงพูดแบบนี้”
“เนื้อนะหรือกินเข้าไปนานๆ ก็ไม่ได้มีรสชาติดีอะไรสู้ผักก็ไม่ได้ ผักแต่ละชนิดรสชาติแตกต่างกันออกไป”โอ้นี่ แป๋มถูกเด็กเมื่อวานซืนลูบคม ทำไมรู้มากขนาดนี้เจ้าเด็กนี่หากอยู่ในโลกปัจจุบัน คงเรียนหนังสือเก่งน่าดู
“แล้ว จูจิ้นชอบกินผักอะไรที่สุด”
“ผักชี”หาเด็กนี่ชอบผักชี ในที่ที่แป๋มอยู่ถึงกับมีการตั้งกลุ่มในเฟชบุ๊คแอนตี้ผักชี แต่เด็กนี่กลับบอกว่าชอบผักชีที่สุด
“จูเจี่ยเล่าทำไมไม่ชอบกินผัก”
“ข้า...ข้ารู้สึกว่ามันเหม็นเขียว”จูจิ้นเลิกคิ้วสูงทำตัวโตเกินวัยแต่มือยังเก็บไข่ใส่ตะกร้าจนเกือบจะเต็มตะกร้าแล้ว
“ข้ออ้าง... ท่านแม่ทำอาหารจากผักได้รสดีที่สุด สองสามวันก่อนจำไม่ได้หรือไร พวกคนวังมารับเอาผักที่ไร่ของเราต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันเมื่อท่านพ่อชวนกินข้าว เขาบอกว่าไม่เคยกินอาหารจานผักที่ไหนอร่อยเท่าที่นี่” แป๋มเริ่มรู้สึกว่าเจ้าน้องชายเริ่มมีความน่ารักขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยนางก็รักแม่ของนางเชิดชูแม่มากกว่าใคร
“เราต้องไปเก็บไข่เป็ดอีก เดี๋ยวข้าอาสาไปหยิบตะกร้ามาอีกใบ”จูจิ้นวิ่งกลับไปที่บ้านพร้อมกับตะกร้าไข่ แป๋มสุดลมหายใจเข้าลึกๆ นึกเสียว่ามาเที่ยว ที่นี่ก็ไม่เลวมีที่อยู่ที่กิน ..มีครอบครัวที่อบอุ่น ครอบครัวที่อบอุ่นหรือเปล่า
เสี่ยวซงหอบฟืนจนหมดในชั่่วพริบตานั่งบีบแขนบีบขาอยู่ใกล้เตาผิง จูจิ้นดึงมือเสี่ยวซงให้ลุกขึ้น
“พี่ชายเสี่ยวซง ไปเก็บไข่เป็ดกัน”เสี่ยวซงยิ้มเห็นเขี้ยวเสน่ห์ก่อนจะลุกทั้งๆ ที่เมื่อยขบ แป๋มเลิกคิ้วเมื่อจูจิ้นลากแขน เสี่ยวซงมาที่เล้าเป็ด
“ข้าไปล่ะท่านช่วยพี่สาวเก็บไข่เป็ดด้วยนะ”ส่งตะกร้าในมือให้เสี่ยวซง ตัวเองวิ่งหายวับไปกับตา แป๋มเผลอมองสายตาคมของอีกคน ที่บัดนี้กลับไม่ได้มีท่าทีเขินอายทว่ากลับมองเหมือนคนใหม่ ท่าทีไม่เหมือนคนเร่ร่อนอีกต่อไป จากที่ครั้งแรกมองอย่างไรก็เหมือนคนไร้บ้าน ตอนนี้กลับมองว่าหน้าตาต่างจากคนนบ้านไร่ไม่น้อย
เสี่ยวซงย่อตัวมุดเข้าไปในเล้าเป็ดด้วยเขาตัวสูงลิบ
“แป๋มทำท่าจะเข้าไปบ้างแต่อีกคนกลับส่งเสียงออกมาเสียก่อน
“เจ้าไม่ต้องเข้ามาข้าเก็บไข่ให้เอง”แป๋มยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ทางเข้าเล้าเป็ด สภาพเล้าเป็ดไม่ต่างจากเล้าไก่นัก เสี่ยวซงมุดออกมาจากเล้าเปิดยื่นตะกร้าไข่เป็ดที่มีไข่อยู่เต็มตะกร้า
“ข้าเพิ่งจะเคยเก็บไข่เป็ดครั้งแรก”
"ขะ ข้าก็เหมือนกันหลายอย่างที่เคยทำครั้งแรก”เสี่ยวซงขมวดคิ้ว
“เจ้าเป็นลูกสาวบ้านนี้ทำไมบอกว่าครั้งแรก”ถามด้วยแปลกใจในคำพูด ไม่สิดันพูดความจริง
“ท่านก็เป็น คนเร่ร่อนมาก่อนไม่น่าเชื่อว่าจะเคยทำเรื่องพวกนี้ครั้งแรก”ดีนะที่ฉลาด5555ไม่ได้แดกพี่หรอกไอ้น้อง
“ขะข้าๆๆ ก็แค่ไม่เคยมีไร่มีสวนมาก่อน อีกทั้งพ่อแม่เป็นใครก็ไม่เคยรู้ เจ้าเสียอีกพูดออกมาได้อย่างไรแบบนั้นว่าไม่เคย”อ้าปากค้าง นึกคำตอบไม่ออก
“จูเจี่ย กินข้าวได้แล้ว”เสียยายป้าตะโกนดังมาจากในบ้าน ลมหนาวพัดโชย แป๋มรีบวิ่งกลับเข้าไปข้างใน รอดตัวไปไม่ต้องตอบคำถามที่ตอบไม่ได้
เมนูที่ทำเอาแป๋มเบ้ปาก
ผักต้ม ผักผัด ผักดอง
“จูเจี่ย อาหารทุกอย่างอร่อยในตัวของมันเอง วันนี้พ่อสั่งให้แม่เขาทำสุดฝีมือเพื่อเจ้า” เหลือบตามองอโวคาโด้ราดน้ำผึ้ง ที่สีสันน่ากินเป็นบ้า เหลืองอมเขียวราดด้วยน้ำเชื่อมสีน้ำตาลของผึ้งป่า
“นั่นเป็นสูตรพิเศษเชียวลองกินดู ไม่กี่วันจะรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง”ท่านพ่อช่างมีน้ำใจ
“ข้ากินเฉพาะสิ่งนี้ได้หรือไม่”ชี้มือไปที่อโวคาโด้ราดน้ำผึ้ง ฮูหยินเฉินยิ้ม
“กินเสร็จแล้วไปเก็บมาเพิ่ม เจ้ารู้ไหมผลไม้ชนิดนี้กว่าจะสุกต้องมาเก็บไว้เสียหน่อยจึงจะรสดีสีสวย”แป๋มยิ้ม ถือเอาถ้วยอาโวคาโด้ราดน้ำผึ้งมากินแทนข้าวรสดีจนเผลอเลียปาก เสี่ยวซงเหลือบตามองไปที่ของหวานในมือแป๋ม
"ท่านลุง ทำไมอาหารรสชาติหวานจึงทำให้ผอมลงได้"
"ผลไม่ชนิดนี้ไร้แป้งและนำตาลเติมน้ำผึ้งลงไปเพิ่มรสชาติให้มีรสหวาน กลิ่นหอมของน้ำผึ้งป่าทำให้ยิ่งน่ากิน อีกทั้งรสหวานมันยิ่งทำให้กินได้มาก อิ่มแล้วจึงรู้สึกสบายท้องขับถ่ายง่าย"
เสี่ยวซงพยักหน้าช้าๆพุ้ยข้าวใส่ปากไปไม่กี่คำก็บอกว่าพอ
“เสี่ยวซงตัวเล็กบอบบางราวกับจะปลิวได้ ข้าเติมข้าวให้อีกถ้วยจึงดี”ท่านแม่รับถ้วยข้าวของเสี่ยวซงมาตักข้าวในหม้อเติมลงไป แต่แป๋มมองว่าอีกคนไม่อยากจะกินผักเช่นกัน
ห้องเครื่องในวังหลวง“ฮองเฮาและองค์หญิงล้วนนิยมเสวยอาหารที่ทำจากเมนูผักหลากชนิด ว่ากันว่าเสวยผักไปเพียงไม่นาน ผิวพรรณสดใสใบหน้ากลับเต่งตึงไร้รอยหมอง”“ผักส่วนมากรับมาจากบ้านเฉิน ที่ไร่ของท่านเฉินที่นั่นล้วนมีผักมากมาย กลายเป็นไร่แห่งเดียวที่ส่งผักที่ดีเข้ามาในวังหลวง”“ฮะแฮ่ม รีบเตรียมเครื่องเสวยมัวแต่พูดคุย จะไม่ทันเวลาเสวยตอนดึก”ตำหนักใหญ่ฮ่องเต้“ปีนี้ข้าวปลาอาหารขาดแคลนชาวบ้านลำเข็ญ ทว่า มีไร่แห่งหนึ่งปลูกผักได้ดี จึงส่งเข้าวังหลวงเสียหมด ชาวบ้านล้วนอดอยาก เช่นไรจึงจะเรียนรู้วิธีปลูกผักของพวกเขา เพื่อชาวบ้านจะได้ไม่ต้องทนทุกข์กับปัญหาขาดแคลนอาหาร”“ฝ่าบาท ไท่จือเสด็จออกเที่ยวเล่น เดิมหม่อมฉันตั้งใจให้ไท่จือลงไปจัดการเรื่องเหล่านี้ชาวบ้านจะได้อุ่นใจ”“หลายวันมานี้ไท่จือไม่มาที่ท้องพระโรงคงออกไปเล่นสนุกเหมือนเคย งานในราชสำนักยังไม่เคยแตะต้อง เจ้าคิดว่าจะให้เขาไปสนใจเรื่องการปลุกผักเห็นที่จะไม่ได้ผล”“ฝ่าบาททรงมีพระบัญชาจะดีไหม ลูกคนนี้แม้จะให้ทำยังไม่อยากทำ บางเรื่องไม่พูดแต่กลับเร่งรีบที่จะทำมันยากจะเข้าใจ ฝ่าบาทมีพระบัญชาลงไปคาดว่าไม่น่าจะกล้าขัดบัญชาฝ่าบาทอย่างแน่นอน”“องค์หญิงแ
“ไม่นาน หากกินตามที่ข้าแนะนำ จูเจี่ยของเราจะต้องกลายเป็นหญิงงาม”แป๋มเขินจนแทบแทรกแผ่นดินหนีเมื่อเสี่ยวซงอมยิ้ม มองๆไปเสี่ยวซงเวลาอมยิ้มก็หล่อเป็นบ้าเลย“จูเจี่ยจะเขินทำไม”จูจิ้นน้องนรกสมองอัจฉริยะ พูดขึ้นดังๆ“ดีแล้ว พักนี้ทำตัวสมกับเป็นหญิงสาวไม่กระโดกกระเดก เหมือนเมื่อก่อนอย่างนี้ มีหวัง ได้ออกเรือนแน่555”เจ้าบ้านเฉินพูดไปหัวเราะไปด้วยความเอ็นดูแป๋ม“ท่านพ่อว่าแต่สูตรหัวใช้เท้าดองเค็ม...”แป๋มเปลี่ยนเรื่องคุยแก้เขิน”“ดอกเกลือ น้ำผึ้ง น้ำสะอาดนั่นล่ะคือสิ่งที่ต้องใส่ลงไปในหัวไช้เท้าที่เก็บสดๆ หัวไช้เท้าจึงแสนอร่อยแบบนี้ สูตรนี้พ่อเจ้าคิดขึ้นมาเอง หลายปีมานี้กินของบ้านไหนก็ไม่อร่อยเท่า” เสี่ยวซงวางถ้วยข้าว ประสานมือตรงหน้า“ขอบคุณท่านลุงที่ ไม่หวงวิชา”“เสี่ยวซง ถึงจะบอกว่าสูตรลับแต่เจ้าบัดนี้ก็เป็นคนในครอบครัวกินข้าวหม้อเดียวกับเราแล้วยังช่วยเราทำงาน ข้าจึงไม่จำเป็นต้องหวงสูตรในเมื่อเป็นของดี ล้วนยิ่งต้องแบ่งปัน”แป๋มอึ้งกับความคิดและคำพูดของเจ้าบ้านเฉินคนอะไรจะดีขนาดนั้นหากเป็นสมัยนี้ต้องลงทุนซื้อสูตรในราคาหลายบาท แม้จะมีให้ดูในอินเทอร์เน็ต แต่มักจะไม่บอกสูตรลับเฉพาะ“ท่านพ่อใจดีจัง”
“จูเจี่ย คราวหลังห้ามถามที่ปลดทุกข์กับข้า ถ้าจะพูดเช่นนี้ข้าจะปล่อยให้ท่านจุกตายไปเสีย”“เจ้าเด็กบ้า มาให้เขกหัวเสียทีหนึ่ง”กระโดดเข้าใส่ จูจิ้นที่ดึงมือเสี่ยวซงให้วิ่งตามพร้อมกับหัวเราะเสียงใส วิ่งวนรอบตัวเสี่ยวซงที่สูงชะลูดไปมา แป๋มลืมตัวลืมตาย วิ่งวนรอบตัวเสี่ยวซงเช่นกันเจ้าจูจิ้น หลบอยู่ด้านหลังชะโงกหน้ามาแลบลิ้น แป๋มถลาเข้าด้านหน้าเสี่ยวซง เอื้อมมือหมายจะฟาดไปที่เจ้าเด็กบ้านั่นแต่ทว่ากลับเสียหลัก ชนเข้ากับเสี่ยวซง ร่างผอมบางอย่างไรจะทานน้ำหนักตัว เกือบแปดสิบกิโลของแป๋มไหว ร่างอ้วนเตี้ยของแป๋มล้มลงไปทับเสี่ยวซงเต็มตัวใบหน้าซุกอยู่กับอกอุ่นของเขา เสี่ยวซง ยกมือขึ้นกอดรวบแป๋มไว้ทันทีกลัวว่าแป๋มจะเจ็บตัวไปกว่าที่อยู่บนอกเขา จูจิ้นปิดตา ก่อนจะค่อยๆ ปล่อยมือหัวเราะร่วน“จูจิ้นดึงพี่เขาขึ้นมา เสี่ยวซงคงจะเจ็บตัวแน่ๆ พี่สาวเจ้าน้ำหนักตัวเยอะเพียงนั้น”หานี่ท่านพ่อผู้ใจดีก็หยิกกัดเป็นเหมือนเจ้าน้องจูจิ้นด้วยหรือ ไม่น่าแปลกใจว่าเจ้าจูจิ้นได้นิสัยใครมาคงบวกๆ กันระหว่างพ่อกับแม่ เสี่ยวซงเห็นตัวผอมบางทว่ากับ แข็งแรงอย่างไม่น่าเชื่อแม้จะเขินจนหน้าแดงเขากลับจับเอวหนาของแป๋มดันตัวแป๋มลุกขึ้น อย่า
“ก้อนหินก้อนใหญ่แบบนี้บางทีก็สามสีตัว อยู่ที่ว่ามีโพรงใต้หิน พวกกุ้งมักจะ ทำโพรงไว้ เพื่อซุกตัวอยู่นนั้นหากลูบไปใต้พื้นหินแล้วรู้สึกว่ามีโพรงนั่นล่ะที่อยู่ของพวกมัน เสี่ยวซงเจ้ามาลองช่วยลุง งมกุ้งกัน”แป๋มนึกสนุก เดินลงไปรวมกลุ่ม จูจิ้น เดินกลับขึ้นมาเอากุ้งมาเก็บโดยเอาถังใส่น้ำแล้วปล่อยกุ้งที่จับได้ลงไปนอนแช่น้ำเพื่อความสดไม่ให้มันตายเสี่ยวซงกับเจ้าบ้านเฉิน ล้วงมือเข้าไป จับกุ้งมาง่ายดาย คนละตัวสองตัว แป๋มอยากลองบ้าง จึงเข้าไปช่วยต้อนกุ้งในโพรงหิน ล้วงมือเข้าไปรู้สึกเหมือนมีตัวอะไรดิ้นตุบตับ ชนเอามือทั้งสองข้าง“ท่านพ่อ.. ท่านพ่อ..มันอยู่ตรงนี้”เสี่ยวซงลาเข้ารวบกุ้งตัวโตที่ชนมือของแป่มไปมาใบหน้าหล่อเหลาเกือบจะโดนแก้มอวบของแป๋ม เสี่ยวซง ไม่ได้รู้สึกอะไรแต่แป๋มกับอายม้วน ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่“ฉับ”กุ้งตัวใหญ่ที่ถูกต้อนจนมุมใช้กล้ามใหญ่หนีบฉับเข้าที่นิ้วนางของแป๋มระดับความเจ็บประมาณ ลูกหมาฟันคมงับมือ“อืออออออเจ็บ”ส่ายหน้าไปมาหลับตาพริ้ม ดึงตัวกุ้งที่ไม่ยอมปล่อยกล้ามขึ้นมาด้วยมืออีกข้างคว้าตัวกุ้งไว้แน่นเสี่ยวซงกับจูจิ้นหัวเราะ ขำกับท่าทีของแป๋ม“เห็นไหมเล่า ในที่สุดแกก็เสร็จฉัน กุ้งนี่จับไ
“จูเจี่ย ท่านคงอยากจะสวยอวดพี่เสี่ยวซงแน่เลย”เจ้าเด็กบ้านี่เอาอีกแล้ว“ข้าอยากจะพัฒนาตัวเองสียบ้าง”“อาหารที่แม่เจ้าปรุงสองสามวันมานี้ ล้วนแต่เป็นของที่กินแล้วไม่อ้วนเจ้าพูดเองว่าอยากจะผอมข้าคุยกับแม่ของเจ้าแล้วว่าเราจะปรุงแต่อาหารที่จูเจี่ยกินแล้วไม่อ้วน เพียงแต่เจ้าไม่ปฏิเสธมันรับรองเห็นผลอย่างแน่นอน”แป๋มยิ้มซาบซึ้งน้ำใจอย่างที่สุดย้อนเวลามาไม่เสียที อย่างน้อยก็มีคนใส่ใจจูจิ้นกับจูเจี่ยนั่งย่างกุ้งบนเตา ดิน เสี่ยวซงยกเอาหินลาวาที่มีเก็บไว้หลายขนาดมาวางบนเตาดินกองไฟด้านล่างเอากุ้งตัวใหญ่ขึ้นไปวาง แป๋มเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว วันนี้ฮูหยินเฉินมาดึงสายรัดเอวให้เพราะแป๋มทำอยู่นานก็ไม่เป็นผลไม่เหมือนอย่างที่เขาภทำกัน“เจ้าผอมลงไปจริงๆ รู้สึกตัวบ้างไหม”แป่มพยักหน้าผอมลงไปจริงๆ มีองค์มีเอวกับเขาด้วยคงลงไปไม่ต่ำสามกิโลหากเป็นที่บ้านคงลองชั่งน้ำหนักดูแล้ว เสี่ยวซงมองอาภรณ์สีพื้นๆ ของแป๋มที่สวมใส่เหมือนจะพูดอะไรแต่ก็เงียบเสีย จูจิ้นนั่งอยู่บนตักของเสี่ยวซง พลิกกุ้งไปมาเอามืออังเตาไฟไล่ความหนาวเหน็บลมแรงกรรโชก ท่านเฉิน ขยับเข้าใกล้เตาดินอีกคน“พรุ่งนี้หิมะคงตกแน่ๆ หากอากาศจะหนาวลงเรื่อยๆแบ
“ทำไม องครักษ์ไม่ได้ตามตัวไท่จือไปอยู่แล้วหรือ”“ไท่จือนิยมไปไหนเพียงลำพัง”“ทำไมนิยมไปไหนเพียงลำพังแบบนั้น ไม่เรียกว่าหนีไปหรือไร”ซงยี่ถอนหายใจ(“หนีก็ได้ พ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยจนมุมแล้วไท่จือชอบหนีไปเที่ยว”) ความคิด“ไม่เรียกว่าหนีไหนเมื่ออีกไม่นานไท่จือจะกลับมาอย่างแน่นอน”ใจคิดอีกอย่างแต่ ปากกลับพูดไปอีกอย่างที่ถอนหายใจเพราะเบื่อระอากับความเสแสร้งของตัวเอง“เช่นนั้นอิงเผย รอได้คงต้องรอจนกว่าไท่จือจะกลับมา”แม้จะกระหน่ำกินกุ้งย่างจิ้มน้ำจิ้มชวงเจียจนอิ่มแปล้แต่ทว่ากลิ่นหอม ของแกงมันเทศกับกุ้งสีสดในน้ำแกงสีเหลืองที่ลอยอบอวล มันเทศหั่นชิ้นสี่เหลี่ยมพอคำที่เปื่อยนุ่ม สีม่วงตัดกันกับกุ้งสีส้มขาว ส่งกลิ่นหอมคละคลุ้งไปทั่วโต๊ะกับข้าว ฮูหยินตักข้าวให้ทุกคนยกเว้นจูเจี่ย“เจ้าจะต้องมีความหักห้ามใจ แม่ให้เจ้าตักข้าวเองจะได้รู้ว่า ความพยายามของเจ้ามีมากเพียงใด หากอยากจะผอมให้เร็วก็ตักแต่น้อยแต่ถ้าอยากจะผอมให้ช้าก็ตักให้มาก หรือจะไม่อยากผอมก็ตักเท่าๆ กับคนอื่น”แป๋มสุดลมหายใจเข้าลึกๆ คว้าทัพพีไม้ไผ่มาตักขาวสวยร้อนๆ เพียงทัพพีเดียว“ท่านแม่จูเจียกินกับเล่นไม่อ้วนหรือไร”“มันเทศกินเข้าไปก็อิ่ม ส่วนกุ้งไ
“องค์ชายซงยี่ท่านจะตามข้าทำไมให้มากความข้าอยากเดินเพียงลำพัง”องค์หญิงแคว้นใต้อิงเผย กว่าคำพูดที่ทิ่มแทงจิตใจของคนฟัง“ข้าก็แค่ทำตามพระประสงค์ของฝ่าบาท ให้คอยดูแลเจ้าแทนพี่ใหญ่ไท่จือ”“ทำไมเขายังไม่มาจงใจหลบหน้าข้า หรือเปล่า” ทอดเสียงเศร้าสร้อย ซงยี่ถอนหายใจนึกสงสารอิงเผยเหมือนกัน ซงหยวนใครกันจะบังคับเขาได้แต่ไหนแต่ไรเป็นเขาที่โดเด่ยนด้านความคิดแล้วอุปนิสัยที่เป้นตัวของตัวเองถึงกระนั้นก็เป้นพี่ใหญ่เป้นไท่จือซงยี่คิดว่าไม่มีใครเหมาะที่จะรั้งตำแหน่งไท่จือเท่าซงหยวนหากไม่ใช่ซงหยวนจะเป็นใครเได้ซงลหลี่แม้จะอ่อนน้อมชอบช่วยงานราชสำนักแบ่งเบาภาระฝ่าบาททว่าภายในจิตใจยากยั่งถึง เขามักจะชอบเรียกเหล่าขุนนางเข้ามา สรวลเสเฮฮาในวังหลวงเป้นประจำนิสัยเช่นนี้ไม่น่า คบหา เลี้ยงคนพันวันใช้งานวันเดียว“เขาไม่ได้จงใจหลบหน้าเจ้าเพียงแต่ไท่จือยังไม่แน่ว่าจะรู้ว่าเจ้ามาก็เลยยังไม่กลับ แต่ข้าเชื่อเหลือเกินว่าถ้าไท่จือเขารู้ว่าองค์หญิงมารอที่นี่เขาจะต้องรีบมาแน่”แปลกใจตัวเองทำไมต้องปลอบใจนาง“จริงๆนะ ข้าอยากพบเขาเหลือเกินแล้ว ข้ารอที่นี่สามราตรีแล้ว ยังไม่เห็นเขากลับ มา เรื่องล่าสัตว์ประภาสป่ามันดีกว่าการที่พบข้
เจ้าบ้านเฉินเดินนำหน้า ตามด้วยจูจิ้น แป๋มและเสี่ยวซงตามหลัง บนเนินผักเขียวขจีตัดกับขอบฟ้าสีฟ้าสดใสแป๋มตื่นเต้นเมื่อเห็นผักบุ้งกับ หัวผักกาดกำลังงอกขึ้นมาจากดินสีดำเป็นต้นเล็กๆ เขียวเหลืองน่ารัก“ท่านพ่อพวกมันงอกออกมาแล้ว”จิ้มมือลงไปยังใบรูปหัวใจชนกันสองใบเล็กๆ บนพื้น“นั่นล่ะรอให้มีใบจริงของพวกมันออกมาจึงนำไปลงที่แปลงใหญได้”“ทำไมต้องเอาไปปลูกที่แปลงใหญ่ปลูกในนี้ไม่ได้หรือไร”"ในนี้เขาเรียกแปลงเพาะ เราจะคัดเฉพาะต้นที่แข็งแรง ไปปลูกในแปลงใหญ่ เราว่านเมล็ดที่นี่หนาแน่นเกินไปปลูกแปลงใหญ่จึงมีพื้นที่ให้พวกมันเติบโต”“ยุ่งยากเหมือนกันแฮะ”พึมพำเบาๆ“หากเราไม่อยากยุ่งยาก จะต้องหว่านห่างหน่อยและต้องหมั่นโกยขี้หมูมาใส่พวกมัน แล้วก็คัดสรรเอาเฉพาะต้นที่แข็งแรงในแปลงเพาะไปปลูก พวกที่เหลือยังพอเก็บไว้กินได้ แม้ลำตั้นจะไม่ใหญ่โต สำหรับข้าผักที่ดีที่สุดคือผักสดเก็บสดๆ กินสดๆ ปรุงสดๆ ”แป๋มยิ้มกว้างเฮ้อโชคดีจังได้ หลุดมาในสวนผัก อย่างที่บอกผักสดๆ อร่อยจริงๆ เก็บเลยแกงเลย สุดยอดทางไปบนเขา เป็นทางเล็กๆ คดเคี้ยวเหมือนกับทางเดินเท้าทั่วไป ข้างทางข้างหน้านั่นสูงชันไปเรื่อยๆ แป๋มแบกน้ำหนักตัวที่เกินไปแม